Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนวิชาพิมพ์ดีดเบื้องต้น 1 64

แผนการสอนวิชาพิมพ์ดีดเบื้องต้น 1 64

Published by ชุติมา ไหมสุวรรณ, 2021-09-21 16:01:16

Description: แผนการสอนวิชาพิมพ์ดีดเบื้องต้น 1 64

Search

Read the Text Version

49 1. ทาแบบทดสอบประเมนิ ความก้าวหนา้ ทางการเรียน 10. บันทึกหลังสอน 10.1 ผลการใชแ้ ผนการจัดการเรียนรู้ ........................................................................................................... ...................................................................... ............................................................................................................................. .................................................... .................................................................................................................................... ............................................. ................................................................................................................................................................................. 10.2 ผลการเรียนร้ขู องนักเรยี น นกั ศกึ ษา ........................................................................................................................... ...................................................... ............................................................................................................................. .................................................... .................................................................................................................................................... ............................. ..................................................................................................... ............................................................................ 10.3 แนวทางการพัฒนาคุณภาพการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ...................................................................................................................................................................... ...........

แผนการจดั การเรยี นรู้มุง่ เน้นสมรรถนะ 50 ชอ่ื หน่วย หนว่ ยท่ี 10 การพิมพส์ ัมผัสแปนู ตวั เลข 1 2 3 4 5 6 7 8 9 0 สอนครง้ั ท่ี 11 ชวั่ โมงรวม 4 จานวนชั่วโมง 4 1. สาระสาคัญ เมอื่ เรียนรู้แปูนอกั ษรตา่ ง ๆ ท้ังพยัญชนะ สระ และวรรณยุกตแ์ ล้ว นกั เรียนยงั จะตอ้ งเรยี นรู้ เกยี่ วกบั แปนู ตวั เลข เครือ่ งหมายวรรคตอน และสญั ลักษณ์พิเศษ ซงึ่ นักเรยี นจะต้องศึกษาและฝกึ พมิ พ์อย่างต่อเนื่อง จน เกิดทักษะความชานาญ และสามารถนาไปพมิ พง์ านขั้นผลิตไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ 2. สมรรถนะประจาหนว่ ย แสดงการพมิ พ์สัมผัสแปนู ตัวเลข 1 2 3 4 5 6 7 8 9 0 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ดา้ นความรู้ 1 บอกขน้ั ตอนการพิมพแ์ ปนู ตัวเลข เคร่ืองหมายวรรคตอนและสญั ลกั ษณ์พเิ ศษได้ 2 ปฏิบตั ติ ามระเบียบการใช้หอ้ งพมิ พ์ได้อย่างเครง่ ครดั 3.2 ด้านทกั ษะ 1. พิมพต์ วั เลข ตัวเลขเศษสว่ น เครื่องหมายวรรคตอน และสญั ลักษณพ์ เิ ศษไดถ้ ูกตอ้ ง และรวดเรว็ 2. พิมพ์แปูนอกั ษรสลับกบั แปูนตัวเลข เคร่อื งหมายวรรคตอน และสญั ลักษณ์พเิ ศษได้ ถูกตอ้ ง และรวดเรว็ 3.3 คณุ ลักษณะที่พ่ึงประสงค์ 3.3.1 พิมพส์ ัมผสั แปนู พมิ พต์ ่างๆ ตามหลักการ 3.3.2 ดูแลรกั ษาเครื่องคอมพิวเตอร์ 4. เนือ้ หาสาระการเรียนรู้ 1.การพมิ พ์แปนู ตวั เลขและตัวเลขเศษส่วน 5.1 การนาเข้าสบู่ ทเรยี น 1.ครูและผู้เรียนสนทนาเกี่ยวกับการพิมพ์แปูนตวั เลขโดยการพมิ พแ์ บบสมั ผัส เป็นส่ิงทท่ี าได้ค่อนขา้ งยากใน ระยะแรกเพราะแปนู ตัวเลขเกือบทงั้ หมดในเคร่ืองพมิ พด์ ดี อังกฤษจะอย่แู ถวบนสุด ทาให้ขาดความม่นั ใจในการดีด แปนู ดังกล่าว แม้วา่ แปนู ตัวเลขจะพมิ พ์คอ่ นข้างยากเมื่อเปรียบเทยี บกับการพิมพแ์ ปูนอักษรอนื่ ๆ แต่ถ้านกั เรียน

51 พยายามฝกึ พมิ พบ์ ่อย ๆ จนเกดิ ความชานาญ กจ็ ะสามารถพมิ พไ์ ด้โดยไม่ยาก 2.ครแู สดงรปู ภาพของแปนู อักษร เพื่อให้มีการฝึกพมิ พ์ทบทวนแปูนอักษรลา่ งและอักษรบน การสร้าง ทักษะในการพิมพ์ทดี่ ี เพ่ือใหเ้ ปน็ นกั พิมพด์ ีดที่มคี วามสามารถในการพมิ พ์งาน ได้รวดเรว็ และแม่นยานั้น ควรจะได้ มกี ารฝกึ พิมพท์ บทวนเป็นประจาทกุ วนั หรือทกุ ครั้งท่ีมี การเรยี น โดยก่อนทีจ่ ะเร่ิมเรียนทุกคร้งั ผู้สอนควรจะให้มี การจับเวลาพิมพ์ข้อความสั้นๆ เปน็ ประจาสม่าเสมอเพื่อเป็นการสรา้ งบรรยากาศในการเรยี นใหม้ ีความกระตือรือร้น กระฉับกระเฉงที่จะกระตนุ้ ให้ผเู้ รียนรบี เข้าห้องเรยี นให้ตรงเวลา 5.2 การเรยี นรู้ 3.ครูและผเู้ รยี นแสดงการสาธติ และอธบิ ายการพิมพ์แปูนตวั เลขและตัวเลขเศษส่วน โดยผเู้ รียนฝกึ พิมพ์ แปูนตัวเลข 1 2 3 4 5 6 7 8 9 0 พมิ พ์ตัวเลขสลับกบั แปูนอักษร โดยก้าวนว้ิ และเคาะคานเว้นวรรคอยา่ งสมา่ เสมอ เชน่ 4.ผ้เู รยี นฝกึ ทกั ษะการพมิ พ์แปูนตวั เลขเศษส่วน ½ ¼ และ ¾ เช่น 5.ผเู้ รยี นฝกึ ทกั ษะพิมพ์ทบทวนแปูนตัวเลข จงพมิ พแ์ ปนู ตวั เลขต่อไปนโ้ี ดยการพมิ พ์แบบสัมผัส ก้าวนิ้วให้

52 ถูกต้องรวดเร็ว เวน้ วรรค 2 เคาะ เชน่ 6.ผ้เู รยี นฝึกทกั ษะพิมพ์ประโยคงา่ ย ๆ ฝึกพิมพป์ ระโยคต่อไปนี้ ขอ้ ละ 2 จบ และพิมพ์จบั เวลา 1 นาที 2 ครง้ั ตรวจคาผิด คานวณคาสทุ ธิ บันทกึ ใน Progressive Chart 7.ผู้เรยี นยกตัวอย่างการรับจ้างพมิ พ์งาน เพือ่ นาไปใช้ในการประกอบอาชีพ โดยเน้นแนวทางการใช้ แบบพอเพียง และมเี งื่อนไขคุณธรรม มาคนละ 1 ตวั อยา่ ง 8.ผ้เู รียนเขยี นระบุกจิ กรรมงานที่สาคัญในการประหยัดพลังงานมาคนละ 1 ตวั อย่าง โดยเน้นหลัก เศรษฐกจิ พอเพียง 5.3 การสรุป 9.ครูและผเู้ รยี นสรุปโดยใหผ้ ู้เรยี นสรุปเนอื้ หาการเรียนการสอน ทีไ่ ด้ศึกษาไปแล้วจากการสาธิตร่วมกับ ครผู ู้สอน พร้อมท้ังประเมนิ ผู้เรียนตามแบบฟอรม์ 10.ผ้เู รยี นฝึกทกั ษะการพิมพ์ 5.4 การวดั ผลและประเมนิ ผล วิธีวัดผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2 ตรวจแบบประเมนิ ผล 3. ตรวจแบบฝึกทักษะการพิมพ์ 4. การสงั เกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 6. ส่ือการเรยี นร/ู้ แหล่งการเรียนรู้ 6.1 สือ่ สิ่งพิมพ์ 1. หนงั สอื เรยี น วิชาพิมพอ์ ังกฤษเบ้ืองตน้ ของสานักพมิ พ์เอมพันธ์ 6.2 สอื่ โสตทสั น์ (ถา้ มี) 1. โปรเจคเตอร์ 2. youtube 6.3 ห่นุ จาลองหรอื ของจรงิ (ถา้ มี) 1. เครอื่ งคอมพวิ เตอร์

53 2. โปรแกรม Typingpro 6.4 อ่นื ๆ (ถ้ามี) - 7. เอกสารประกอบการจดั การเรยี นรู้ (ใบความรู้ ใบงาน ใบมอบหมายงาน ฯลฯ) 1. ใบความรู้ 2. ใบงาน 8. การบูรณาการ/ความสมั พนั ธก์ บั วชิ าอ่ืน - 9. การวดั ผลและประเมนิ ผล 9.1 ก่อนเรยี น 1. สอบถามความรู้เดิมเก่ียวกบั การพิมพ์ดดี อังกฤษ 9.2 ขณะเรยี น 1. ดูความตัง้ ใจในการเรยี น ความรบั ผิดชอบ 9.3 หลังเรียน 1. ทาแบบทดสอบประเมินความก้าวหนา้ ทางการเรียน 10. บันทึกหลังสอน 10.1 ผลการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ............................................................................................................................. .................................................... ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... 10.2 ผลการเรยี นรขู้ องนกั เรียน นกั ศึกษา ............................................................................................................................................. .................................... .............................................................................................. ................................................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... 10.3 แนวทางการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ ............................................................................................................................................................... .................. ................................................................................................................ ................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... ......................................................................................................................................... ........................................

แผนการจัดการเรยี นรู้มงุ่ เนน้ สมรรถนะ 54 ชอ่ื หนว่ ย หน่วยที่ 11 การพิมพ์สมั ผัสเพ่อื พฒั นาความเร็วและความแม่นยา สอนคร้ังที่ 12-18 ชว่ั โมงรวม 28 จานวนช่ัวโมง 28 1. สาระสาคัญ การพฒั นาทักษะความเรว็ และความแม่นยา นกั เรยี นจะต้องพฒั นาการพมิ พแ์ บบสัมผสั เพ่อื ใหเ้ กดิ ทักษะการ พมิ พท์ ่ีถูกต้องแมน่ ยา โดยฝกึ พมิ พอ์ ย่างต่อเนื่อง ด้วยความตงั้ ใจ มสี มาธิ ด้วยกิจนสิ ัยการพมิ พ์ท่ถี ูกตอ้ งตามขั้นตอน ทส่ี าคญั จะต้องยึดหลกั การพมิ พ์แบบสมั ผัสใหถ้ ูกต้องจึงจะบรรลุผลตามเปูาหมายที่ตง้ั ไว้ 2. สมรรถนะประจาหนว่ ย แสดงการพิมพส์ ัมผสั เพือ่ พฒั นาความเร็วและความแม่นยา 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 3.1 ดา้ นความรู้ 1.จดจาแปูนอกั ษร แปนู ตัวเลข เครอื่ งหมายวรรคตอน และสญั ลกั ษณพ์ เิ ศษไดถ้ ูกตอ้ งแม่นยา 2 ปฏิบตั ติ ามระเบยี บการใชห้ อ้ งพิมพไ์ ด้อยา่ งเคร่งครัด 3.2 ดา้ นทกั ษะ 1.จดจาแปูนอักษร แปูนตวั เลข เครื่องหมายวรรคตอน และสัญลกั ษณ์พิเศษได้ถกู ต้องแม่นยา 2 พมิ พ์แปูนอกั ษร ตัวเลข เครอื่ งหมายวรรคตอนและสญั ลกั ษณพ์ เิ ศษไดถ้ ูกต้อง และรวดเรว็ 3.พัฒนาทกั ษะความเร็ว และความแม่นยาโดยการพิมพ์แบบสมั ผัสได้ 4.นาความร้ทู ักษะการพมิ พ์ไปประยกุ ตใ์ ช้ในการพิมพ์งานข้นั ผลติ ได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ 3.3 คุณลกั ษณะท่ีพ่ึงประสงค์ 3.3.1 พมิ พส์ ัมผัสแปูนพิมพ์ต่างๆ ตามหลักการ 3.3.2 ดแู ลรกั ษาเครื่องคอมพิวเตอร์ 4. เนือ้ หาสาระการเรียนรู้ 1.การพิมพแ์ บบสัมผสั เพื่อพฒั นาทกั ษะความเร็วและความแม่นยา 2.แบบฝึกทกั ษะการพิมพ์ 5.1 การนาเข้าสู่บทเรยี น

55 1.ครูใชเ้ ทคนิคการสอนแบบซิปปาโมเดล (CIPPA MODEL) โดยการทบทวนความรูเ้ ดิมจากสปั ดาหท์ ี่ผา่ น มา โดยดงึ ความรู้เดมิ ของผู้เรยี นในเรอื่ งทจี่ ะเรยี น เพื่อช่วยใหผ้ ู้เรยี นมคี วามพรอ้ มในการเชื่อมโยงความรใู้ หม่กบั ความรู้เดิมของตน โดยให้ผูเ้ รียนฝกึ ทักษะการพิมพ์ทบทวนเนอื้ หา 2.ผู้สอนกล่าวว่าการพฒั นาทักษะความเรว็ และความแม่นยานักเรียนจะต้องฝกึ ปฏบิ ัติจนเกิดความ ชานาญ และสามารถพิมพง์ านได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ คือ ทางานเสรจ็ ภายในเวลาท่กี าหนด และผลงานไดม้ าตรฐาน สมบูรณ์ นกั เรียนจะตอ้ งพยายามพิมพโ์ ดยวธิ พี มิ พส์ ัมผัส ให้จังหวะ ความเร็วสมา่ เสมอและแมน่ ยาพร้อม ๆ กนั ไป 3.ผเู้ รยี นทบทวน โดยการฝึกทกั ษะการพมิ พ์ 5.2 การเรียนรู้ 4.ครูอธิบายและสาธติ การเรยี นรู้ และใหผ้ เู้ รยี นไดเ้ รยี นรู้การพิมพแ์ บบสัมผัสเพอื่ พฒั นาทักษะความเรว็ และความแมน่ ยา โดยใหผ้ เู้ รียนศึกษาหลกั การพฒั นาทกั ษะความเร็วและความแม่นยา 5.ผ้เู รยี นฝกึ ทกั ษะการพมิ พ์โดยพมิ พ์จับเวลา 1 นาที 2 ครั้ง หรอื ตามคาส่งั ครผู สู้ อน ตรวจคาผิด คานวณคาสุทธิ บันทึกใน Progressive Chart เช่น 6.ผเู้ รียนพมิ พ์จับเวลา 1 นาที 2 คร้ัง หรือตามค าส่งั ครผู สู้ อน ตรวจคาผดิ คานวณคาสุทธิ บนั ทกึ ใน Progressive Chart 7.ผเู้ รยี นพมิ พ์จับเวลา 3 นาที 2 ครง้ั หรอื ตามคาสัง่ ครผู ู้สอน ตรวจคาผิด คานวณคาสุทธิ บันทึกใน Progressive Chart

56 8.ผ้เู รียนพมิ พจ์ บั เวลา 3 นาที 2 ครง้ั หรอื ตามคาสงั่ ครผู สู้ อน ตรวจคาผดิ คานวณคาสุทธิ บนั ทกึ ใน Progressive Chart 9 ผเู้ รยี นนาผลงานพิมพท์ ผ่ี า่ นการประเมนิ แล้ว เก็บไว้ในแฟมู สะสมผลงาน (Portfolio) 10.ครเู นน้ การนาความรไู้ ปประกอบอาชพี อย่างมีคุณธรรมไมเ่ บียดเบยี นผู้อืน่ เช่น ไมม่ ีพฤติกรรมท่ฉี อ้ โกงผบู้ ริโภค โดยไม่ ปฏเิ สธความรบั ผดิ ชอบจนผบู้ ริโภคเกิดความเดอื ดรอ้ น เมือ่ ผเู้ รียนจบการศกึ ษาไปแล้ว และไปประกอบอาชพี ผูป้ ระกอบการหรือ ลกู จา้ งก็ตาม ควรยึดหลักคณุ ธรรมตามเง่ือนไขแห่งปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 5.3 การสรุป 11.สรปุ การพมิ พ์งาน และให้สารวจตนเองวา่ มีความชานาญในการพิมพม์ ากน้อยเพยี งใด โดยดูจากการ คานวณคาผิด หรอื ถูก และคาสุทธทิ พี่ มิ พไ์ ด้ 12.ผ้เู รียนฝกึ ทกั ษะการพิมพ์ 5.4 การวัดผลและประเมนิ ผล วธิ วี ัดผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2 ตรวจแบบประเมินผล 3. ตรวจแบบฝึกทักษะการพิมพ์ 4. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 6. สอ่ื การเรียนรู/้ แหลง่ การเรยี นรู้ 6.1 สื่อส่ิงพิมพ์ 1. หนงั สอื เรียน วชิ าพมิ พอ์ งั กฤษเบอื้ งตน้ ของสานักพมิ พ์เอมพันธ์ 6.2 สอ่ื โสตทัสน์ (ถา้ ม)ี 1. โปรเจคเตอร์ 2. youtube

57 6.3 หุ่นจาลองหรอื ของจริง (ถ้าม)ี 1. เคร่ืองคอมพิวเตอร์ 2. โปรแกรม Typingpro 6.4 อ่นื ๆ (ถา้ มี) - 7. เอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้ (ใบความรู้ ใบงาน ใบมอบหมายงาน ฯลฯ) 1. ใบความรู้ 2. ใบงาน 8. การบูรณาการ/ความสมั พนั ธ์กบั วิชาอนื่ - 9. การวดั ผลและประเมินผล 9.1 ก่อนเรยี น 1. สอบถามความรู้เดิมเกยี่ วกบั การพิมพ์ดดี อังกฤษ 9.2 ขณะเรยี น 1. ดูความตง้ั ใจในการเรียน ความรบั ผิดชอบ 9.3 หลังเรียน 1. ทาแบบทดสอบประเมนิ ความก้าวหนา้ ทางการเรียน 10. บันทึกหลังสอน 10.1 ผลการใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้ ...................................................................................... ........................................................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ................................................................................................................................................................................. 10.2 ผลการเรียนรูข้ องนักเรียน นกั ศกึ ษา ...................................................................................................... ........................................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................... .................................................. ................................................................................................................................................................................. 10.3 แนวทางการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ ........................................................................................................................ ......................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ................................................................................................................................................. ................................

58 .................................................................................................. ...............................................................................

59 นิยามศัพท์ที่เก่ียวข้องกบั การเขยี นแผนการจดั การเรยี นรมู้ ่งุ เนน้ สมรรถนะ 1. จุดประสงค์รายวิชาหมายถึงข้อความที่ระบุคุณลักษณะการเรียนรู้และความสามารถที่ครูต้องการให้ เกดิ ขึน้ กับนักเรยี นหลงั จากทนี่ กั เรียนไดผ้ า่ นกิจกรรมการเรียนการสอนในเร่ืองหรือบทหน่งึ ๆแล้ว 2. สมรรถนะรายวิชาหมายถึงข้อความที่แสดงความสามารถในการประยุกต์ใช้ความรู้ความเข้าใจทักษะ ปฏิบัติและทักษะด้านความคิดในการปฏิบัติงานโดยให้เขียนครอบคลุม 3 ด้านคือพุทธิพิสัยทักษะพิสัยและจิตพิสัย แลว้ (กาหนดไว้ในหลักสูตร) 3. คาอธิบายรายวิชา (Course Description) หมายถึงการเขียนบรรยายถึงส่ิงต่างๆท่ีครูจะต้องสอนซ่ึง อาจจะอยู่ในรูปหัวข้อเร่ืองในภาคทฤษฎีหรือในลักษณะงานย่อยต่างที่จะต้องมีการฝึกหัดให้แก่ผู้เรียนในวิชาปฏิบัติ ซงึ่ ไดจ้ ากการวิเคราะห์งานแลว้ (กาหนดไว้ในหลกั สูตร) 4. หน่วยการเรียนรู้หมายถึงข้อความท่ีแสดงถึงหัวข้อเร่ืองที่จะสอนซึ่งในการกาหนดหัวข้อเร่ือง (Topic Analysis) สามารถทาได้โดยใช้แผนภูมิปะการัง (Coral Pattern) หรือ Scalar Pattern ซึ่งอาจเป็นหัวข้อหลัก (Main Element) และหัวขอ้ ยอ่ ย (Element) โดยต้องกาหนดจานวนช่ัวโมงและสัปดาห์ในการสอน (ไม่เกนิ 18 สัปดาห์) ในหน่วยการ เรียนรู้แต่ละหน่วยต้องกาหนดสมรรถนะที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนให้ครบท้ัง 3 ด้านได้แก่ด้านความรู้ทักษะและ คุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ 5. สาระสาคัญหมายถึงความคิดรวบยอดเก่ียวกับเน้ือหาหลักการวิธีการที่ต้องการจะให้ผู้เรียนได้รับ หลังจากเรียนรู้ในหน่วยนนั้ 6. สมรรถนะประจาหนว่ ยหมายถงึ ความสามารถทผ่ี ู้เรียนแสดงออกทั้งทางด้านความรู้ทักษะคุณลักษณะท่ี พึงประสงคข์ องหน่วยนน้ั 7. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้หมายถึงขอ้ ความทีแ่ สดงถงึ ผเู้ รยี นเกิดจาดการเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม โดยผู้เรียนแสดงพฤตกิ รรมนนั้ มี 3 ดา้ นคือ 7.1 ความรู้ (Knowledge) หมายถึงพฤติกรรมด้านสมองท่ีเก่ียวกับสติปัญญาความรู้ความคิดความ เฉลียวฉลาดความสามารถในการคิดเร่ืองราวต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพซึ่งเป็นความสามารถทางสติปัญญา พฤตกิ รรมทางพทุ ธพิ ิสัย 6 ระดับได้ 7.1.1 ความรู้ความสามารถในการเก็บรักษามวลประสบการณ์ต่างๆจากการที่ได้รับรู้ไว้และระลึก สงิ่ นนั้ ได้เมื่อต้องการเปรยี บดังเทปบันทกึ เสยี งหรือวดี ิทศั น์ทีส่ ามารถเก็บเสียงและภาพของเร่ืองราวต่างๆได้สามารถ เปดิ ฟังหรือดภู าพเหลา่ นั้นไดเ้ มื่อต้องการ 7.1.2 ความเขา้ ใจเป็นความสามารถในการจับใจความสาคัญของสื่อและสามารถแสดงออกมาใน รปู ของการแปลความตคี วามคาดคะเนขยายความหรอื การกระทาอ่ืนๆ 7.1.3 การนาความรูไ้ ปใช้เปน็ ขั้นทีผ่ ้เู รียนสามารถนาความร้ปู ระสบการณ์ไปใชใ้ นการแก้ปัญหาใน สถานการณ์ต่างๆได้ซง่ึ จะต้องอาศัยความรคู้ วามเข้าใจจงึ จะสามารถนาไปใชไ้ ด้

60 7.1.4 การวิเคราะห์ผู้เรียนสามารถคิดหรือแยกแยะเรื่องราวส่ิงต่างๆออกเป็นส่วนย่อยเป็น องคป์ ระกอบท่ีสาคัญได้และมองเห็นความสัมพันธ์ของส่วนท่ีเกี่ยวข้องกันความสามารถในการวิเคราะห์จะแตกต่าง กันไปแล้วแต่ความคิดของแต่ละคน 7.1.5 การสังเคราะห์ความสามารถในการท่ีผสมผสานส่วนย่อยๆเข้าเป็นเร่ืองราวเดียวกันอย่างมี ระบบเพ่ือให้เกิดส่ิงใหม่ท่ีสมบูรณ์และดีกว่าเดิมอาจเป็นการถ่ายทอดความคิดออกมาให้ผู้อื่นเข้าใจได้ง่ายการ กาหนดวางแผนวิธีการดาเนินงานข้ึนใหม่หรืออาจจะเกิดความคิดในอันที่จะสร้างความสัมพันธ์ ของสิ่งท่ีเป็น นามธรรมข้ึนมาในรปู แบบหรอื แนวคิดใหม่ 7.1.6 การประเมินค่าเป็นความสามารถในการตัดสินตีราคาหรือสรุปเกี่ยวกับคุณค่าของสิ่งต่างๆ ออกมาในรูปของคุณธรรมอย่างมีกฎเกณฑ์ที่เหมาะสมซึ่งอาจเป็นไปตามเนื้อหาสาระในเร่ืองนั้นๆหรืออาจเป็น กฎเกณฑท์ ี่สังคมยอมรบั ก็ได้ 7.2 ทกั ษะหมายถงึ จุดประสงคท์ ่มี ุ่งพัฒนาพฤติกรรมที่เก่ียวกับการกระทา (Doing) ของผู้เรียนเกี่ยวกับ ทักษะความชานาญพฤติกรรมดา้ นทกั ษะพิสยั ประกอบด้วยพฤติกรรมย่อยๆ 5 ขนั้ ดังนี้ 7.2.1 เลียนแบบเป็นการให้ผู้เรียนได้รับรู้หลักการปฏิบัติท่ีถูกต้องหรือเป็นการเลือกหาตัวแบบที่ สนใจ 7.2.2 ทาได้ตามแบบเป็นพฤติกรรมท่ีผู้เรียนพยายามฝึกตามแบบที่ตนสนในและพยายามทาซ้า เพอื่ ท่จี ะใหเ้ กดิ ทกั ษะตามแบบท่ตี นสนใจให้ไดห้ รือสามารถปฏิบัติงานได้ตามข้อเสนอแนะ 7.2.3 ทาได้ถูกต้องแม่นยาพฤติกรรมสามารถปฏิบัติได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องอาศัยเคร่ืองช้ีแนะ เม่อื ไดก้ ระทาซา้ แล้วกพ็ ยายามหาความถูกต้องในการปฏิบตั ิ 7.2.4 ทาได้ต่อเนื่องประสานกันหลังจากตัดสินใจเลือกรูปแบบท่ีเป็นของตัวเองจะกระทาตาม รปู แบบน้ันอยา่ งตอ่ เนอ่ื งจนปฏิบัติงานที่ยุ่งยากซับซ้อนได้อย่างรวดเร็วถูกต้องคล่องแคล่วการที่ผู้เรียนเกิดทักษะได้ ตอ้ งอาศยั การฝึกฝนและกระทาอย่างสมา่ เสมอ 7.2.5 ทาได้อย่างเป็นธรรมชาติพฤติกรรมท่ีได้จากการฝึกอย่างต่อเนื่องจนสามารถปฏิบัติได้ คลอ่ งแคลว่ ว่องไวโดยอตั โนมตั ิเป็นไปอย่างธรรมชาติ 7.3 คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์หมายถึงพฤติกรรมท่ีเกิดข้ึนในจิตใจของผู้เรียนเกี่ยวข้องกับความรู้สึก หรืออารมณ์เช่นเจตคติ (Attitude) ค่านิยม (Value) ความสนใจ (Interest) รวมท้ังปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซ่งึ คุณลักษณะท่ีพึงประสงคแ์ บ่งได้ 5 ระดบั ได้ 7.3.1 รบั รู้เปน็ ความรสู้ กึ ทเี่ กดิ ข้นึ ตอ่ ปรากฏการณ์หรือสงิ่ เรา้ อย่างใดอย่างหนึง่ ซึ่งเป็นไปในลักษณะของการแปลความหมายของส่ิงเร้าน้ันว่าคืออะไรแล้วจะแสดงออกมาในรูปของความรู้สึกที่ เกิดข้ึน 7.3.2 ตอบสนองเป็นการกระทาที่แสดงออกมาในรูปของความเต็มใจยินยอมและพอใจต่อส่ิงเร้า นนั้ ซง่ึ เปน็ การตอบสนองท่เี กิดจากการเลือกสรรแล้ว 7.3.3 เหน็ คุณคา่ การเลือกปฏิบตั ใิ นส่ิงที่เป็นท่ียอมรับกันในสังคมการยอมรับนับถือในคุณค่าน้ันๆ หรอื ปฏิบตั ติ ามในเรอ่ื งใดเร่อื งหนงึ่ จนกลายเป็นความเชือ่ แลว้ จึงเกิดทศั นคติท่ดี ีในสิง่ น้ัน

61 7.3.4 จัดระบบคุณค่าการสร้างแนวคิดจัดระบบของค่านิยมท่ีเกิดข้ึนโดยอาศัยความสัมพันธ์ถ้า เข้ากันไดก้ จ็ ะยดึ ต่อไปแตถ่ า้ ขดั กันอาจไม่ยอมรับอาจจะยอมรับค่านยิ มใหมโ่ ดยยกเลิกค่านยิ มเก่า 7.3.5 พัฒนาเป็นลักษณะนิสัยการนาค่านิยมที่ยึดถือมาแสดงพฤติกรรมท่ีเป็นนิสัยประจาตัวให้ ประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งท่ีถูกต้องดีงามพฤติกรรมด้านน้ีจะเกี่ยวกับความรู้สึกและจิตใจซึ่งจะเร่ิมจากการได้รับรู้จาก สิ่งแวดล้อมแล้วจึงเกิดปฏิกิริยาโต้ตอบขยายกลายเป็นความรู้สึกด้านต่างๆจนกลายเป็นค่านิยมและยังพัฒนาต่อไป เป็นความคดิ อดุ มคติซงึ่ จะควบคมุ ทิศทางพฤติกรรม 8. เนื้อหาวิชาสาระการเรียนรู้(Information) หมายถึงรายละเอียดที่เช่ือมโยงกับสาระสาคัญและ สอดคล้องกับใบเนอื้ หาสาระ (Information Sheet) มกั จะเขยี นเน้ือหาสาระการเรยี นรจู้ ากการรวบรวมจากหนังสือ วารสารงานวจิ ัยประสบการณผ์ ู้สอนฯลฯแล้วเรยี บเรียงความสาคัญและจาเปน็ ออกเป็น 3 ระดบั ดงั นี้ 8.1 เน้ือหาที่จะต้องรู้(Must Know) เป็นเนื้อหาที่จะต้องนามาใช้ในการเรียนการสอนเพราะ สาคัญและจาเป็นมากในการเรียนรู้หากขาดเนื้อหาส่วนน้ีแล้วผู้เรียนจะไม่สามารถบรรลุผลตามวัตถุประสงค์การ สอนนั้นๆข้อสังเกตของเน้ือหาส่วนนี้ก็คือเป็นใจความสาคัญหรือกฎพื้นฐานต่างๆซ่ึงอาจต้องใช้เวลาสาหรับการให้ เนอ้ื หาในส่วนนีม้ าก 8.2 เน้ือหาที่ควรรู้ (Should Know) เป็นเน้ือหาที่มีความสาคัญรองลงมาที่จะช่วยให้การทา ความเข้าใจหรอื ชว่ ยในการเรียนเนอ้ื หาทตี่ ้องรู้เปน็ ไปดว้ ยความรวดเรว็ และชัดเจนย่ิงขึ้นเนื้อหาในส่วนนี้จึงทาหน้าท่ี เป็นส่วนช่วยเสริมการเรียนการจัดการเรียนการสอนอาจไม่จาเป็นต้องเน้นเนื้อหาในส่วนนี้มากเท่ากับเน้ือหาที่ จะตอ้ งรู้ซง่ึ สาคญั ต่อผเู้ รยี นมากกว่า 8.3 เน้ือหาที่น่าจะรู้ (Could Know) เป็นเนื้อหาที่มีความสาคัญและความจาเป็นน้อยอาจจะไม่ ต้องสอนหากแต่มีเวลาเหลืออาจหยิบยกมากล่าวเพิ่มเติมก็ได้เพราะจะช่วยเสริมให้การเรียนรู้ในส่วนเน้ือหานั้นๆ กว้างไกลมากขึ้นในการเรียนการสอนซึ่งมีช่วงเวลาจากัดอาจจะมอบหมายให้ผู้เรียนไปศึกษาค้นคว้ารายละเอียด เนอ้ื หาสว่ นนี้ดว้ ยตนเองกไ็ ด 9. กจิ กรรมการจัดการเรยี นรู้หมายถึงกระบวนการวิธีการจัดการเรยี นร้ตู า่ งๆท่ีผู้สอนจัดให้ผเู้ รยี นเกิดการ เรียนรู้ตามจุดประสงค์การเรียนรู้ท่ีกาหนดรวมทั้งทักษะกระบวนการและคุณ ลักษณะที่พึงประสงค์ลักษณะของ กิจกรรมหรือกระบวนการจัดการเรยี นร้ยู กตัวอย่างเปน็ การจัดการเรยี นรู้โดยใช้กระบวนการ MIPP 9.1 การนาเข้าสบู่ ทเรยี น 9.1.1 ขน้ั สนใจ (Motivation) การกระตุ้นความสนใจให้ผู้เรียนเกิดความอยากเรียนรู้ในเนื้อหาโดยใช้ส่ือประกอบ คาถามแบบกว้างๆเพื่อให้ผู้เรียนส่วนใหญ่มีส่วนร่วมที่ครูใช้ในการดาเนินกิจกรรมการเรียนการสอนเพ่ือเตรียมตัว นักเรียนก่อนเริ่มเรียนและก่อนท่ีครูจะสอนเน้ือหาทุกวิชาซ่ึงเป็นการเตรียมนักเรียนให้รู้ว่ากาลังเรียนเร่ืองอะไร สามารถนาเอาความรแู้ ละทักษะท่ีนักเรียนมีอยู่เดิมมาสัมพันธ์กับบทเรียนท่ีครูกาลังจะสอนได้โดยการหากิจกรรมที่ เร้าความสนใจของนกั เรยี นแลว้ เชอ่ื มโยงไปสู่บทเรียนซ่งึ จะทาให้นกั เรียนเขา้ ใจบทเรยี นไดด้ ีย่ิงขนึ้ 9.2 การเรียนรู้ 9.2.1 ข้นั ศึกษาข้อมลู (Information)

62 ผู้สอนต้องเลือกเนื้อหาท่ีต้องรู้ (Must know) มาสอนก่อนเช่นการสอนเรื่อง เครอื่ งมือวัดตอ้ งสอนวิธกี ารอา่ นก่อนแล้วจึงสอนวิธีการใชง้ านวธิ กี ารบารงุ รักษาและการบอกช่อื ช้ินส่วนต่างๆ 9.2.2 ขน้ั พยายาม (Application) ผสู้ อนต้องมแี บบฝึกหดั การปฏิบัติเพ่อื ใหผ้ ู้เรยี นใช้ความรู้ ทีไ่ ดเ้ รยี นมาแกป้ ญั หาพัฒนาทักษะและเป็นการเปลยี่ นกิจกรรมเพ่ือไม่ใหเ้ กิดความเบ่ือหน่ายในการเรียนรู้ 9.3 การสรุป 9.3.1 ข้ันสาเร็จผล (Progress) ผู้สอนต้องมีการเฉลยแบบฝึกหัดเพื่อให้ผู้เรียนตรวจปรับ ความรู้ความเข้าใจในเน้ือหาท่ีได้เรียนมาและเป็นการเปล่ียนกิจกรรมเพ่ือเพ่ิมความสนใจและเป็นการสรุปซ้าใน เนอื้ หาครูสามารถจัดกจิ กรรมเรียนร้อู ื่นๆที่เหมาะสมกับเนือ้ หาวชิ าได้ 10. ส่ือการเรียนรู้/แหลง่ การเรียนรู้หมายถึงส่งิ ตา่ งๆที่ใชเ้ ปน็ เคร่อื งมอื หรือชอ่ งทางสาหรบั ทาให้การสอน ของครูถึงผู้เรียนและทาให้ผู้เรียนและทาให้ผู้เรียนเรียนตามจุดประสงค์ได้ดีและมีความเข้าใจในเน้ือหาที่จะเรี ยนรู้ ได้แกส่ ่อื ส่งิ พมิ พส์ ่ือโสตทศั น์หุน่ จาลองหรอื ของจริงเปน็ ต้น 11. เอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้หมายถึงเอกสารท่ีครูจัดทาขึ้นเพ่ือใช้ประกอบการเรียนการของ นักเรียนได้แก่ใบปฏิบัติงาน (Operation Sheet) ใบส่ังงาน (Job Sheet) ใบมอบหมายงาน (Assignments Sheet) 11.1 ใบปฏิบัติงาน (Operation Sheet) หมายถึงเอกสารท่ีเป็นข้อมูลท่ีใช้เป็นแนวทางในการ ฝกึ ปฏบิ ัติ 11.2 ใบสั่งงาน (Job Sheet) หมายถึงเอกสารท่ีใช้ประกอบการฝึกอบรมหรือการเรียนทางด้าน ปฏิบัติโดยการกาหนดให้ผู้เรียนปฏิบัติงานตามคาส่ังเพื่อให้เกิดทักษะตามวัตถุประสงค์ เชิงพฤติกรรมที่วิเคราะห์ได้ จากข้นั ตอนการทางานได้อย่างปลอดภยั 11.3 ใบมอบหมายงาน (Assignments Sheet) หมายถึงเอกสารที่ครูผู้สอนมอบหมายงานให้ ผเู้ รยี นไปฝึกปฏิบตั ดิ ว้ ยตนเองนอกเหนอื จากเวลาการเรยี นการสอน 12. การบูรณาการ/ความสัมพันธ์กับวิชาอ่ืนหมายถึงการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงศาสตร์สาขาต่างๆท่ีสัมพันธ์ เก่ียวข้องกันมาผสมผสานเข้าด้วยกันเพ่ือให้เกิดองค์ความรู้ท่ีมีความหมายมีความหลากหลายและสามารถนาไปใช้ ประโยชน์ในชวี ิตประจาวนั 13. การวัดและประเมนิ ผลหมายถึงการตรวจสอบจดุ ประสงคใ์ นการเรียนรู้ท่กี าหนดไวใ้ นแผนการเรยี นรู้ เชน่ แบบทดสอบแบบประเมินทกั ษะแบบสงั เกตแบบบันทึกพฤติกรรมผ้เู รียนและแบบสัมภาษณเ์ ปน็ ตน้ 13.1 การวัดและประเมินผลก่อนเรียนหมายถึงการวัดและประเมินผลความรู้/ทักษะพ้ืนฐานเป็น การตรวจสอบเพอ่ื ดวู ่าผเู้ รยี นมคี วามรู้ /ทักษะพน้ื ฐานก่อนหนา้ ทจ่ี ะเรียนในบทเรยี นน้ันๆมากน้อยเพียงใดสามารถที่ จะเ รีย นต่อไป ได้ เลย หรื อคว รที่จะปรับ พ้ืน ความรู้ /ฝึกทักษะพื้ นฐานบ างส่วน หรื อท้ังหมดเ สียก่อน การ วัด แล ะ ประเมนิ ผลความรู้/ทกั ษะพน้ื ฐานทาเพ่ือให้ได้ข้อมูลบางอย่างท่ีต้องการมาจัดกิจกรรมการเรียนการสอนข้อสรุปของ การประเมินผลจึงมิไดอ้ ยู่ทก่ี ารสอบได้สอบตกแต่เป็นการพิจารณาถึงสมรรถภาพพ้ืนฐานของผู้เรียนเท่านั้นด้วยเหตุ น้ีวิธีการและเครื่องมือวัดผลจึงอาจจะทาโดยการสัมภาษณ์การสอบข้อเขียนส้ันๆหรือพิจารณาจากผลงานท่ีผู้เรียน เคยปฏิบัติมาแล้วก็ได้สาหรับบทเรียนท่ีต่อเน่ืองหรือกลุ่มผู้เรียนซึ่งครูคนเดียวกันเคยได้สอนมาอาจไม่ต้อ งมีการวัด และประเมนิ ผลก่อนเรียนก็ไดท้ ้งั น้ีเพราะว่าครูผู้สอนมขี ้อมูลของผเู้ รยี นอยู่แล้ว

63 13.2 การวัดและประเมินผลขณะเรียนหมายถึงเพ่ือให้ผู้เรียนได้ตรวจสอบความรู้ความเข้าใจใน เนอ้ื หาส่วนต่างๆท่รี บั จากการเรียนการสอนไปวา่ มอี ยู่เพยี งพอที่จะใช้แก้ปัญหาต่างๆได้หรือไม่เพียงใดฉะน้ันคะแนน จากการวัดและประเมินผลความรู้ความเข้าใจในบทเรียนต่างๆจึงเป็นเครื่องมือที่สาคัญในการวินิจฉัยการจัดการ เรยี นการสอนซ่ึงจะไมเ่ ก่ยี วขอ้ งกับการประเมินผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนแต่อย่างใดเพราะกิจกรรมดังกล่าวอยู่ในช่วง ขั้นพยายามของกระบวนการเรียนรู้เท่าน้ัน 13.3 การวัดและประเมินผลหลังเรียนหมายถึงวัดและประเมินเม่ือจบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อตรวจสอบผลการเรียนผู้เรียนโดยเทียบกับจุดประสงค์หรือผลการเรียนรู้นอกจากนี้การวัดและประเมินผลหลัง เรียนอาจเปน็ ข้อมลู กอ่ นเรียนในระดบั ตอ่ ไป 14. บันทึกหลังสอนหมายถึงเป็นการสรุปและแสดงผลการนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ไปใช้ว่า สามารถจัดกิจกรรมได้บรรลุผลการเรียนรู้หรือไม่มีปัญหาและอุปสรรคใดบ้างท่ีต้องแก้ไขมีพฤติกรรมของผู้เรียน ใดบา้ งท่ตี อ้ งพฒั นาอยา่ งตอ่ เนอื่ ง 14.1 ผลการใช้แผนการจัดการเรียนรู้หมายถึงผลประเมินการใช้แผนการสอนเป็นการประเมิน ตนเอง 14.1.1 จุดประสงค์(Objective) จดุ ประสงค์แตล่ ะข้อที่กาหนดไวใ้ นแผนเหมาะสมเพียงใด ควรปรบั ปรุงเพยี งใดและสอนตามตรงจดุ ประสงคท์ ่วี างแผนไวม้ ากน้อยเพยี งใด 14.1.2 ห้องเรียน/ห้องฝกึ งานมคี วามเหมาะสมเพยี งใด 14.1.3 เนอื้ หาที่มใี นแผนเหมาะสมเพียงใดสอนเนอื้ หาตามทว่ี างแผนไวไ้ ด้มากน้อยเพียงใด 14.1.4 กจิ กรรมการเรยี นการสอนท่ีวางแผนไวเ้ หมาะสมเพียงใดจัดการเรยี นรู้ได้ตาม กจิ กรรมท่วี างแผนไว้ได้มากน้อยเพยี งใด 14.1.5 สือ่ การสอนทว่ี างแผนไว้ในแผนการจดั การเรียนรเู้ หมาะสมเพียงใดนามาใชส้ อนมาก นอ้ ยเพยี งใด 14.1.6 เครอื่ งมือ/อุปกรณ์เครื่องมือเคร่ืองจกั รวสั ดุฝึกอุปกรณ์ชว่ ยสอนอนื่ ๆท่ีวางแผนไว้ เหมาะสมเพียงใดใช้ตามแผนมากน้อยเพียงใด 14.1.7 เวลาทใี่ ช้เวลาทวี่ างแผนไว้เหมาะสมเพียงใดปฏบิ ตั กิ ารสอนไดต้ ามเวลามากน้อย เพียงใด 14.1.8 การวดั และประเมินผลท่ีออกแบบไว้ในแผนเหมาะสมเพียงใดนาไปใช้วัดประเมินผล ครบกระบวนการตามทว่ี างแผนไว้มากน้อยเพยี งใด 14.2 ผลการเรยี นรูข้ องนกั เรยี นนักศึกษาหมายถงึ ตัวผู้เรยี นท่ีจะเขา้ มาเรียนในหลกั สูตรรายวิชาท่ี พัฒนาข้ึนจะต้องตรวจสอบคุณสมบัติต่างๆเช่นความรู้/ทักษะพื้นฐานลักษณะส่วนบุคคล (ถ้าจาเป็น) เป็นต้นให้ สอดคล้องตามความต้องการท่ีกาหนดไว้เป็นพื้นฐานของผู้ที่จะเข้ามาเรียนในหลักสูตร รายวิชาน้ันผลจากการ ตรวจสอบผลสัมฤทธ์ิในการเรียนข้อมูลจากแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ในการเรียนหลังจากศึกษาจบหลักสูตร รายวิชาทท่ี ดลองใชแ้ ลว้ จะบอกไดว้ ่า 1. โดยเฉล่ียแล้วผู้เรียนมีผลสัมฤทธ์ิในการเรียนรายวิชาท่ีพัฒนาร้อยละเท่าไรอยู่ในเกณฑ์สูงหรือ ตา่

64 2. จากการตรวจสอบมปี ริมาณหรอื จานวนผเู้ รยี นเทา่ ไรสามารถผา่ นรายวิชาน้ันไปได้และมีจานวน เทา่ ไรควรศกึ ษาซา้ ใหมอ่ กี คร้ังหน่งึ 14.3 แนวทางการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้หมายถึงแนวทางการแก้ปัญหาของครูผู้สอนการ แก้ปัญหาอาจเป็นการแก้ปัญหาทันทีระหว่างปฏิบัติการสอนควรบันทึกไว้ด้วยหรือเสนอแนวทางแก้ปัญหาเพื่อ ปรับปรุงแผนจดั การเรียนรูใ้ นการสอนครง้ั ต่อไป (Action Plan) เพ่ือพัฒนาคุณภาพการเรยี นรู้

65 แนวทางการจัดทารายละเอียดต่างๆสาหรับจัดทาแผนการเรียนรู้มุ่งเน้นสมร รถนะของสานักงาน คณะกรรมการการอาชวี ศึกษา การวิเคราะหห์ ัวขอ้ เร่อื งโดยใช้ Coral และ Scalar Pattern เมื่อได้หวั ขอ้ เรื่องทีจ่ ะต้องสอนครบถ้วนแลว้ กน็ าหวั ขอ้ เร่ืองมาแยกย่อยเป็นหวั ข้อหลัก (Main Element) จากหวั ข้อหลกั แยกต่อเปน็ หวั ขอ้ ย่อย (Element) ซง่ึ การวเิ คราะหห์ วั ข้อเรื่อง (Topic Analysis) 1. แบบ Scalar Pattern นิยมทากัน 2แบบคือ 2. แบบแผนภมู ปิ ะการงั (Coral Pattern)

66 ขัน้ ตอนการวิเคราะห์หัวขอ้ เร่อื งเพือ่ หาวัตถุประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม การวิเคราะห์หัวข้อเร่ืองเพื่อนาไปเขียนวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมโดยปกติจะนาหัวข้อหลัก (Main Element) มาเขียนวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมแต่ถ้านาหัวข้อหลักมาเขียนล้วไม่ครอบคลุมเน้ือหาก็นาหัวข้อย่อย (Element) มาเขียนเพิม่ เติมจนครอบคลุมเนื้อหาของหวั ข้อเรื่องและเน้ือหา A1

67 A2 B2 C2

68 คาอธบิ ายรายวิชา จดุ ประสงคร์ ายวิชา 1. 2. 3. สมรรถนะรายวิชา 1. 2. 3. 4. 5. คาอธิบายรายวชิ า

69

ใบวเิ คราะหผ์ งั สม

มรรถนะรายวิชา(ตัวอยา่ ง)



71

หน่วย ช่อื หน่วยการเรยี นรู้/รายการสอน กาหนดการสอน สัปดาห์ ชั่วโมง ที่ สมรรถนะประจาหนว่ ย ที่ ที่

73 กรอบการจัดการเรยี นรูแ้ บบบรู ณาการเปน็ เรอื่ ง/ชิ้นงาน/โครงการ และบูรณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง กจิ กรรมนกั เรยี น ความพอประมาณ 1. ……………………………………………. 2. ……………………………………………. 3. ……………………………………………. ความมเี หตุผล 1. ……………………………………………. 2. ……………………………………………. 3. ……………………………………………. การมีภูมิคมุ้ กนั 1. ……………………………………………. 2. ……………………………………………. 3. ……………………………………………. เง่ือนไขดา้ นความรู้และทักษะ 1. ……………………………………………. 2. ……………………………………………. 3. ……………………………………………. เง่อื นไขดา้ นคณุ ธรรม 1. ……………………………………………. 2. ……………………………………………. 3. ……………………………………………. ผลกระทบเพื่อความสมดุล พร้อมรบั การเปลย่ี นแปลง ด้านสงั คม ดา้ นเศรษฐกิจ ด้านวัฒนธรรม ดา้ นส่งิ แวดลอ้ ม ความรู้ ทักษะ พฤตกิ รรม

74 รายการตรวจสอบและอนญุ าตให้ใช้  เหน็ ควรอนุญาตให้ใช้การสอนได้  เห็นควรปรับปรุงเก่ียวกบั ลงชื่อ ( ) / หัวแผนกวิชา /  ควรอนญุ าตใหน้ าไปใช้สอนได้ ลงชื่อ ( )  ควรปรับปรงุ เก่ยี วกบั . รองผอู้ านวยการฝุายวิชาการ  อื่น ๆ //  อนญุ าตให้นาไปใชส้ อนได้  อื่น ๆ ลงช่ือ ( ) ผู้อานวยการวิทยาลยั การอาชีพเวยี งสระ //


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook