Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่ 3 การวางแผนและการแก้ไขปัญหาในการนำเที่ยว

บทที่ 3 การวางแผนและการแก้ไขปัญหาในการนำเที่ยว

Published by pilaiporn02122543, 2020-06-11 23:48:37

Description: บทที่ 3 การวางแผนและการแก้ไขปัญหาในการนำเที่ยว

Search

Read the Text Version

คำนำ เอกสารประกอบการสอนรายวิชางานมัคคุเทศก์ รหัสวิชา 307022005 จัดทำขึ้นเพื่อเสริมสร้าง ความรู้และความเข้าใจแก่นักเรียนสาขางานการท่องเที่ยว และผู้ที่สนใจ ได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ 1) ความรู้ เบอ้ื งต้นเกย่ี วกบั วิชาชพี มัคคุเทศก์ และผูน้ ำเท่ียว 2) ประเภท คณุ สมบัติ บคุ ลกิ ลกั ษณะของมคั คเุ ทศก์ 3) การ วางแผนและการแก้ปัญหาในการนำเที่ยว 4) ระเบียบ ขั้นตอนและพิธีการเข้าออกประเทศ 5) บทบาทของ มัคคเุ ทศก์ต่อธุรกจิ และหนว่ ยงานท่เี กยี่ วขอ้ งกับมัคคเุ ทศก์ เอกสารประกอบการสอนนี้ได้จัดทำขึ้นจากกการศึกษาข้อมูลจากหนังสือ ตำรา เอกสารและเว็บไซต์ ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานมัคคุเทศก์ ประกอบกับการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ของผู้จัดทำ เพื่อให้ได้ ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เอกสารประกอบการสอนนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียนและผู้ท่ี สนใจ และหากมีขอ้ ติชมหรือคำแนะนำประการใด ผ้จู ดั ทำจัดขอบพระคุณเป็นอยา่ งยง่ิ นางวรณัน พงษจ์ ีน วิทยาลยั อาชวี ศึกษานครศรีธรรมราช

บทที่ 3 การวางแผนและการแกไ้ ขปญั หาในการนำเท่ยี ว บทนำ งานของมัคคุเทศก์เป็นงานทีต่ ้องเจอกับนักท่องเท่ียว ที่มาจากหลากหลายวัฒนธรรม หลายภาษา แต่ ละคนก็มีนิสัยใจคอต่างกัน มีความต้องการ อารมณ์ที่ต่างกัน จึงอาจก่อให้เกิดปัญหาในการนำเที่ยวมากมาย เช่น นักท่องเที่ยวไม่รักษาเวลา ไม่ให้ความร่วมมือ ไม่พอใจในการบริการ ฉุนเฉียวหงุดหงิดง่าย ซึ่ง นอกเหนือจากตัวนักท่องเที่ยวแล้ว ปัญหาระหว่างการปฏิบัติงานมัคคุเทศก์อาจเจอกับปัญหาจากสถาน ประกอบการที่เก่ยี วขอ้ ง เชน่ พาหนะในการเดนิ ทาง โรงแรมทพี่ ัก รา้ นอาหารต่างๆ มปี ัญหา หรือปญั หาท่ีไม่ อาจทราบล่วงหนา้ ได้ เช่น การเกิดอุบตั ิเหตุ ดินฟ้าอากาศไม่เป็นใจ และปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย มัคคุเทศก์จึง อยู่ในภาวะทตี่ ้องเจอกับปัญหาเฉพาะหน้าซง่ึ ต้องแก้ไขอยา่ งเร่งด่วนปัจจุบันทันท่วงทีอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งหน้าเทศกาลท่องเที่ยวที่ทุกอยา่ งต้องแก่งแย่งแขง่ ขนั กันย่ิงต้องเจอปัญหามาก มัคคุเทศก์ที่ดีจึงจำเป็นตอ้ งรู้ ถึงการวางแผนนำเที่ยวและเรียนรู้วิธีป้องกัน ตลอดจนการแก้ไขปัญหาในการนำเที่ยวให้ได้อย่างรวดเร็วมี ประสิทธิภาพก็จะช่วยบรรเทาความรุนแรงของปัญหาให้เบาบางลง หรือหากมัคคุเทศก์หาวิธีป้องกันปัญหา ล่วงหน้าได้ งานของมัคคุเทศก์ก็จะมีความราบรื่นไม่ต้องกังวลต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่ผ่าน ประสบการณ์มาอยา่ งมากมายจะรู้ถึงวธิ ปี อ้ งกันได้อย่างดี ซ่ึงจะสง่ ผลใหง้ านออกมาดมี ีคุณภาพตามไปดว้ ย การวางแผนเร่ืองเส้นทางและข้อมลู ในการนำเทย่ี วทกุ คร้ังทรี่ ู้ว่าบรษิ ัทนำเที่ยวไดม้ อบหมายงานการนำ เทีย่ ว ใหไ้ ปนำเทีย่ วในสถานที่ใดบา้ งนนั้ สิง่ แรกทม่ี คั คเุ ทศกจ์ ะต้องเตรียมตวั คือหารายละเอยี ดข้อมูลของแหล่ง ท่องเที่ยวที่จะต้องไปนำเที่ยว ถึงแม้ว่ามัคคุเทศก์จะเคยนำเที่ยวในที่นั้นๆ มาก่อนแล้วก็ควรศึกษาเพิ่มเติม เนือ่ งจากขอ้ มูลอาจมีการเปล่ียนแปลง และความรอู้ าจมลี มื เลือนกนั ได้ การได้ทบทวนความร้จู ึงเป็นสิ่งท่ีจำเป็น โดยเฉพาะการนำเที่ยวในเส้นทางที่เน้นโบราณสถาน ประวัติศาสตร์ ประเพณีวัฒนธรรมนั้นอาจ จะต้องใช้ ความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ต้องศึกษามาเป็นระยะเวลายาวนานพอสมควร ที่สำคัญต้องมีความจำดีเป็น พเิ ศษ ฉะนัน้ การนำเทยี่ วในลักษณะดังกล่าวจึงต้องอาศัยความเช่ียวชาญเฉพาะ ตอ้ งหมนั่ จดจำ ทบทวนข้อมูล มใิ หห้ ลงลมื อยูต่ ลอดเวลา จะต่างจากการนำเทยี่ วทางธรรมชาติ เพราะการนำเท่ยี วตามแหลง่ ธรรมชาติ จะเน้น ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผสั กับความงามของธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ และข้อมูลของแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ มกั สามารถบอกบรรยายได้ตามลกั ษณะธรรมชาตทิ ่ีเห็น ฉะนัน้ การนำเที่ยวทางธรรมชาตจิ ึงเน้นศึกษาใหเ้ ขา้ ใจในธรรมชาตวิ ทิ ยามากกว่าการเน้นข้อมูลหนักๆ การทำหน้าที่บรรยายให้ข้อมูลแก่นักท่องเที่ยวในแต่ละจุด แต่ละช่วงเวลาก็เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ มคั คุเทศก์ตอ้ งให้ข้อมูลก่อนถงึ สถานท่ีหรือแหลง่ ทอ่ งเทีย่ วจรงิ โดยมากจะเป็นบนรถ ทัง้ น้มี คั คุเทศก์ต้องสังเกต นักท่องเที่ยวด้วยว่านักท่องเที่ยวพร้อมที่จะฟังเราพูดแล้วหรือยัง ถ้ายังก็ต้องเตรียมความพร้อมในการฟังให้ เกดิ ขึน้ เสียก่อนเชน่ ถา้ นกั ทอ่ งเทย่ี วยงั พักผ่อน มคั คุเทศก์ก็ควรปลุกอย่างนุ่มนวล อาจเปดิ เพลงเบาๆ หรือเปิด ไฟหรี่ๆ ก่อน หรอื อาจแวะเข้าปั๊มนำ้ มันก็ได้เพ่ือไมใ่ หน้ ักท่องเที่ยวเกิดความรู้สึกเสียความสุนทรีในการพักผ่อน ทั้งนี้การปลุกนักท่องเที่ยวก็ต้องคำนึงถึงข้อมูลที่จะพูดดว้ ยว่ามีมากน้อยเพียงใด ถ้ามีข้อมูลมากก็ควรปลุกเผื่อ

เวลาไว้มากพอควร ต้องดวู า่ จะให้ข้อมลู มากน้อยเพยี งไร เวลาเทา่ ไรจึงจะเหมาะสม และตอ้ งไมล่ ืมเวลาที่เหลือ กับรายการท่องเที่ยวถัดไปดว้ ย ถ้าเหลือเวลามาก ก็ให้ข้อมูลได้อย่างเต็มที่ แต่ต้องดูความเต็มใจที่จะรับข้อมูล จากนักทอ่ งเทย่ี วดว้ ย ถา้ เหลือเวลาน้อยก็ควรเลอื กใหข้ อ้ มูลเฉพาะจดุ สำคญั ๆ ในแหลง่ ท่องเทีย่ ว ทั้งนี้ไม่ว่าจะเหลือเวลามากหรือน้อยในการให้ข้อมูลแก่นักท่องเที่ยว สิ่งหนึ่งที่มัคคุเทศก์ไม่ควร มองข้ามคือควรใหเ้ วลาเป็นส่วนตัวแก่นกั ท่องเที่ยวตามสมควรเพ่ือใหเ้ ขาไดท้ ำธรุ ะและมีเวลาในการได้ซ้ือของท่ี ระลกึ บา้ งก็จะดีไม่น้อยในเรื่องของโปรแกรมนำเที่ยวมัคคุเทศก์อาจนกึ ว่าไม่สำคญั ไมต่ ้องวางแผน เน่ืองจากคิด ว่าทางบริษัทคงจะวางแผนจัดรายการมาอย่างดีแล้วและในความเป็นจริงอาจเป็นเช่นนั้น แต่หลายครั้งก็ไ ม่ สามารถนำเทย่ี วให้เปน็ ไปตามโปรแกรมไดท้ ้ังหมดเช่นกัน มคั คุเทศก์ท่มี ปี ระสบการณเ์ ดนิ ทางนำเท่ยี วบ่อยๆ มี ความชำนาญในพื้นทมี่ กั มองเหน็ ภาพระหวา่ งจดุ ในการนำเทยี่ วได้อย่างชดั เจน มคั คเุ ทศกล์ ักษณะเช่นนเ้ี ม่ือเห็น รายการนำเที่ยวแล้วจะสามารถแนะนำหรือบอกบริษัทนำเที่ยวได้ทันที ว่าโปรแกรมหรือรายการนำเที่ยวน้นั มี ขอ้ ผดิ พลาดควรเพม่ิ เติมอะไรตรงไหน การวางแผนในเรื่องรายการนำเทย่ี ว จึงเปน็ สง่ิ ที่มคั คเุ ทศก์ควรศึกษา โดยดูจากความเป็นไปได้ระหว่าง จดุ ต่อจดุ หรือระหวา่ งแหลง่ ทอ่ งเทยี่ วกบั จุดแวะถัดไปว่ามีความเป็นไปได้มคี วามสมั พนั ธ์ในเรื่องของเวลา เร่ือง ของระยะทางหรือไม่ ถ้าเป็นมัคคุเทศก์ที่มีประสบการณ์น้อย ก็ต้องมีการวางแผนศึกษารายละเอียดของ โปรแกรมให้มากขึ้น ตรงไหนไม่เข้าใจให้รีบถามกับคนจัดทัวร์หรือผู้ให้งานของบริษัททันที แต่โดยมากแล้ว รายการนำเที่ยวท่ีแต่ละบรษิ ัทจดั ทำข้นึ จะไม่ค่อยมีปญั หามากนัก เพราะจะได้รับการตรวจสอบและทดลองจัด นำเทีย่ วมาแล้ว ถ้าจะเกิดปัญหาก็คงเป็นเรื่องการเจอเหตุการณ์เฉพาะหน้ามากกว่า เช่น รถเสียระหว่างทางทำ ให้รายการนำเที่ยวคลาดเคลื่อนต่อเนือ่ งกันไป หรือบางรายการต้องถกู ตัดออกไป กรณีอย่างนี้มัคคุเทศก์กต็ ้อง อาศยั ความสามารถในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า โดยการไปเพ่มิ รายการนำเทยี่ วหรือจดั ให้ไปในวันถัดไปแทน เพื่อไม่ใหน้ กั ท่องเทีย่ วเกดิ ความรูส้ ึกวา่ ถกู ตดั โปรแกรมไป เป็นตน้ ในเรื่องของเส้นทางท่องเที่ยว โดยมากมัคคุเทศก์จะมอบความไว้วางใจแก่พนักงานขับรถได้ตัดสินใจ แต่ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานตามเส้นทางที่โปรแกรมระบุ ซึ่งมัคคุเทศก์ต้องทำงานร่วมกับพนักงานขับรถอยู่ ตลอดเวลา ต้องให้เกียรติซ่ึงกันและกัน พนักงานขับรถจะอยู่กับเส้นทาง อยู่บนท้องถนนตลอดเวลาเพราะเปน็ อาชีพของเขา เขาจะเข้าใจรู้ถึงเส้นทางเส้นทางลัดต่างๆ ได้ดีกว่ามัคคุเทศก์ แต่ถ้ามีเส้นทางไหนที่มัคคุเทศก์รู้ ลึกซึ้งและมั่นใจ ก็ควรแนะนำพนักงานขับรถได้ เช่นกัน ทั้งนี้ระหว่างเดินทางมัคคุเทศก์ต้องเป็นผู้ที่รักการ สังเกตสองข้างทาง สังเกตป้ายต่างๆ ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ไปในเส้นทางที่ผิดพลาด ส่วนเส้นทางในแหล่ง ทอ่ งเทีย่ วตา่ งๆ ก็เชน่ กันมัคคเุ ทศก์ตอ้ งมีการเตรียมความพร้อมมาก่อนล่วงหนา้ การหยิบข้อมูลนำเที่ยวเส้นทางรถขึ้นมาอ่านในช่วงเวลาว่างจากการนำเที่ยวก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าเสยี หาย อะไร แต่ก็ต้องทำอย่างแนบเนียน โดยอาจศึกษาอ่านเส้นทางข้อมูลในช่วงที่นักท่องเที่ยวกำลังพักผ่อน การ วางแผนเรื่องเวลาในการนำเที่ยว การวางแผนเรื่องเวลาอาจใช้แนวปฏิบัติ เช่นเดียวกับการวางแผนเรื่อง เส้นทางหรือข้อมลู ในการนำเทีย่ วมคั คุเทศก์ต้องศึกษาเวลานำเท่ียวจากโปรแกรมเป็นลำดบั แรก ดูความเป็นไป ได้ในเรอื่ งของเวลาระหว่างจุดต่อจุดว่าน่าจะมีข้อผิดพลาดตรงไหน ถา้ สงสยั ไมม่ น่ั ใจให้รีบสอบถามจากผู้ให้งาน ของบริษัททันที หลายครั้งที่รายการนำเที่ยวกับเวลาที่ให้มาในโปรแกรมมีความผิดพลาดไม่สัมพันธ์กัน ถ้า บริษัทไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเส้นทาง เวลา รายการนำเที่ยวได้ทัน เนื่องจากได้แจกจ่ายโปรแกรมไปแล้ว ก็

ต้องเป็นหน้าที่ของมัคคุเทศก์ที่ต้องจัดสรรเวลา เส้นทาง รายการนำเที่ยวเพื่อให้เป็นไปตามโปรแกรมระบุให้ ครบถ้วนมากที่สุด ท้ังรายการท่องเท่ียว และเวลาท่ีจะใช้ในแตล่ ะจดุ ในการท่องเที่ยว การวางแผนเร่ืองเวลาจึง ต้องอยู่ในความคดิ ของมัคคเุ ทศก์ตลอดเวลา การวางแผนเรื่องเวลาในแหล่งท่องเที่ยวควรดูความเหมาะสม ในการให้เวลาท่องเที่ยวในแต่ละจุด อย่างพอเหมาะควรคาดการณ์เวลาที่ต้องไปในแหล่งท่องเที่ยวในแต่ละวันว่าจะให้เวลาในแต่ละจุดเท่าไร ควร เผอื่ เวลาในการเข้าห้องน้ำ การซ้อื ของที่ระลึก ความล่าช้าสว่ นตวั ของนักท่องเทีย่ วด้วย และควรเผ่ือเวลานัดไว้ มากๆ ในกรณที ี่ตอ้ งไปเท่ียวในสถานท่ี ท่องเท่ยี วกว้างๆ หรอื งานเทศกาล งานประเพณีตา่ งๆ ที่มีผู้คนมากมาย ที่สำคัญมัคคุเทศก์ควรนัดแนะเวลาและจุดข้ึนรถใหช้ ัดเจน เมื่อใกล้ถึงเวลานัดขึ้นรถ มัคคุเทศก์ก็ต้องทำหน้าท่ี ในการย้ำเตือนนักท่องเที่ยวตามจุดต่างๆ และควรกลับมาเตรียมความพร้อมที่ยานพาหนะก่อนเวลานัด พอสมควรด้วยการวางแผนเร่ืองเวลาในร้านอาหาร ทุกครงั้ ก่อนเขา้ ถึงรา้ นอาหารมัคคุเทศก์ควรโทรศัพท์ยืนยัน เวลาเข้าถึงเพราะจะได้ทราบว่าร้านมีที่ว่างพอสำหรับนักท่องเที่ยวหรือไม่ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลควร ตรวจสอบใหด้ ี จะไดไ้ ม่ตอ้ งเสียเวลาไปถึงแล้วกลบั ไม่มีท่นี งั่ จะทำใหน้ ักท่องเที่ยวเสียความรสู้ ึก การให้เวลาในร้านอาหารก็ไม่ควรให้รีบเร่งนักเนื่องจากเป็นช่วงทีน่ ักท่องเที่ยวกำลังเอร็ดอร่อย กำลัง ได้สนทนา พักผ่อนอิริยาบถ หลังเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางท่องเที่ยวมา แต่ถ้าต้องการทำเวลาเพื่อที่จะได้ เก็บแหล่งท่องเที่ยวให้ครบ มัคคุเทศก์ก็ควรขอความร่วมมือจากนักท่องเที่ยวโดยตรงให้ช่วยทำเวลา และ มัคคุเทศก์ก็ต้องเป็นผู้เร่งทางร้านในการจัดอาหารให้ครบเรียบร้อยโดยไว ทีมงานก็ควรช่วยดูแลในเรื่องการ เสริ ์ฟอาหารด้วยจะไดร้ วดเรว็ ทส่ี ำคัญการบรกิ ารอาหารให้ได้อยา่ งรวดเร็วนัน้ อยทู่ ี่การไดโ้ ทรบอกทางร้านก่อน ล่วงหน้าในเรื่องเวลาการมาถึง เพื่อทางร้านจะได้เตรียมการเมื่อมาถึงก็จะได้รับประทานเลย และสุดท้าย มัคคุเทศก์ต้องเผื่อเวลาที่ร้านอาหารเพื่อที่จะให้นักท่องเที่ยวได้ทำธุระส่วนตัว มีเวลาให้อาหารย่อยสักระยะ หน่งึ ด้วย การวางแผนเวลาการหยุดพักเพื่อถ่ายรูป หรือทำภารกิจส่วนตัว ถ้าเป็นการหยุดพักเพื่อถ่ายรูปวิว ทิวทัศน์ข้างทาง มัคคุเทศก์ควรตรวจสอบเวลากอ่ นว่าถ้าหยุดพักแล้วจะทำให้เสียเวลาในแหลง่ ท่องเทีย่ วต่อไป หรือไม่ ถ้าไม่ส่งผลเสียมากก็ควรหยุดให้ แต่ก็ต้องตกลงกำชับเรื่องเวลากับนักท่องเที่ยวให้ชัดเจน และต้อง คำนึงถึงความปลอดภัยบนท้องถนนหรือจากมิจฉาชีพด้วย แต่ถ้าไม่มีเวลามากพอ และนักท่องเที่ยวก็ไม่ได้ เรยี กรอ้ งมากไป มคั คเุ ทศก์กค็ วรใหเ้ หตุผลในเร่ืองของเวลาอันจำกัดกบั เร่ืองของรายการที่ไม่ได้อยู่ในโปรแกรม เพื่อขอเลยผา่ น แต่อาจชะลอรถเพือ่ ให้นักท่องเท่ียวไดเ้ ก็บความประทับใจ ทั้งนี้มัคคุเทศก์อาจแวะให้นักท่องเที่ยวลงแวะเที่ยวเพิ่มเติมนอกเหนือจากในรายการได้ โดย นักท่องเที่ยวไม่ต้องร้องขอก็ได้ ถ้าเห็นว่ามีเวลาเหลือพอและเพื่อ ให้นักท่องเที่ยวได้ประโยชน์รู้สกึ คุ้มค่า ส่วน การวางแผนเรื่องการหยุดพักเพื่อทำภารกิจส่วนตัว มัคคุเทศก์ต้องประสานงานกับพนักงานขับรถในเรื่องการ แวะปั๊มน้ำมัน การเลือกปั๊มควรเป็นปั๊มใหญ่มีห้องน้ำพอเพียง มีร้านขายของพวกสะดวกซื้อ การเดินทางใน ประเทศไทย เช่น 7-Eleven, Family Mart ฯลฯ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เปลี่ยนอิริยาบถ (วิธีนี้เหมาะสำหรับ การท่องเทยี่ วท่ีมรี ะยะทางไกลข้ามจังหวัดขา้ มเมืองเป็นเวลาหลายวัน) ในกรณีทตี่ อ้ งแวะปม๊ั ให้ทำธุรกิจส่วนตัว กลางดกึ มคั คุเทศกก์ ็ต้องพยายามปลุกอย่างนมุ่ นวลให้ทั่วถึง แตถ่ า้ ดูทา่ ทีแลว้ เขาอยากพักผ่อนก็อย่าไปรบกวน

และมัคคุเทศก์ต้องพยายามให้นักท่องเที่ยวลงไปทำภารกิจสว่ นตวั ในคราวเดยี วกัน มิเช่นนั้นจะทำให้เสียเวลา รอแต่ละคนในการอยู่ทป่ี ม๊ั นานเกนิ ไป การวางแผนเวลาในการซ้ือของท่ีระลกึ มคั คุเทศกห์ ลายคนมักให้เวลาในการซ้ือของท่รี ะลึกมากเกินไป เพราะอาจหวังค่านายหน้าจากทางร้านค้า ซึ่งจริงๆ แล้วการให้เวลามากเกินไปในการซื้อของที่ระลึกมิได้ หมายถึงการที่นักท่องเที่ยวจะซื้อของมากตามไปด้วย ตรงกันข้ามในบางครั้งการให้เวลาในการซื้อของน้อย นักท่องเที่ยวอาจมีการตัดสินใจซื้อของได้รวดเร็วและมากกว่าด้วยซ้ำ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของสินค้า ความ น่าเชื่อถือ การรับประกันจากทางร้านค้า ที่สำคัญขึ้นอยู่กับความจริงใจ การให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิ นค้าจาก มัคคุเทศก์เป็นหลักด้วย อย่างไรก็ตามการให้ความสำคัญเรื่องเวลาซื้อสินค้าที่ระลึก ก็ยังคงต้องเป็นเรื่องรอง จากการให้ความสำคญั ในเรอื่ งการให้เวลาไดเ้ ท่ยี วตามแหลง่ ทอ่ งเทยี่ วต่างๆ (ยกเวน้ เปน็ ทวั ร์ช๊อปปง้ิ ) มัคคุเทศก์ท ี่ดี จึง ต้ อง ไม ่ให ้เว ล าน ัก ท่ อง เท ี่ยว ซ ื้ อ ข อ งมา กเ กิ นไ ปจน ทำ ให้รา ยก ารน ำเท ี่ ย ว อ่ื น คลาดเคลือ่ นเสียหาย ทางทีด่ เี พือ่ ใหเ้ กดิ ความรวดเร็วในจดุ นี้มัคคเุ ทศก์ควรให้ข้อมลู เกยี่ วกบั สินค้าที่ระลึก และ ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวในการแนะนำสินค้าหรือช่วยเรื่องภาษา ช่วยต่อรองราคาสินค้าก็จะทำให้เป็นการ ประหยัดเวลาไปได้มาก การวางแผนเร่ืองค่าใช้จา่ ยในการนำเท่ียว ถา้ เปน็ การนำเท่ยี วไปตา่ งประเทศบริษัทนำ เที่ยวจะให้เงินค่าใช้จ่ายติดตัวมัคคุเทศก์ไปน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นค่าใชจ้ ่ายเบ็ดเตล็ด ส่วนค่าใช้จ่ายหลักอื่นๆ บรษิ ัทจะทำการโอนใหส้ ถานประกอบการท่ีใช้บรกิ ารมาก่อนล่วงหนา้ แล้ว สว่ นการนำเทย่ี วในประเทศไทยบริษัทนำเที่ยวอาจให้มัคคเุ ทศก์รับผิดชอบถือค่าใชจ้ ่ายในการนำเท่ียว ไปชำระยังสถานประกอบการต่างๆ จะจ่ายมากจ่ายน้อย หรือให้เครดิตในลักษณะไหนอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับ ความสมั พันธท์ างธรุ กิจระหวา่ งกัน เปน็ เรอื่ งที่ทางบริษทั กับสถานประกอบการจะทำความตกลงกนั เองโดยปกติ แล้วค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการนำเที่ยวทางบริษัทนำเที่ยวจะเป็นผู้คิดรายการค่าใช้จ่ายไว้แล้ว ค่าใช้จ่ายบาง รายการบรษิ ัทกจ็ า่ ยไปหมดแล้ว บางรายการก็วางมัดจำเป็นบางส่วน บางรายการกใ็ ช้เครดิตไว้ รอให้มัคคุเทศก์ ไปจ่ายทีเดียว หรือรอจ่ายหลังจากใช้บริการแล้ว ขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างบริษัทนำเที่ยวกับสถาน ประกอบการตา่ งๆ อย่างไรก็ตามการวางแผนในเรื่องค่าใช้จ่ายหลักสำคัญอยู่ที่มัคคุเทศก์ต้องใช้จ่ายตามที่ระบุในใบงาน เท่านั้น มัคคุเทศก์ต้องไม่ลืมนำใบเสร็จ สัญญาจอง Voucher ต่างๆ ที่บริษัทได้จ่ายหรือมัดจำไว้แล้วไปยืนยัน กับสถานประกอบการด้วยทุกครั้ง ค่าใช้จ่ายบางรายการอาจมีการเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงมัคคุเทศก์ก็ต้องรักษา ผลประโยชน์ให้บริษัทนำเที่ยวด้วย และทุกครั้งก่อนที่จะใช้จ่ายอะไรออกไปมัคคุเทศก์ควรตรวจสอบราคา จำนวนเงินจากสถานประกอบการอย่างละเอียดทุกครั้ง ถ้าครั้งใดที่มัคคุเทศก์รู้สึกว่าถูกเอารัดเอาเปรียบจาก สถานประกอบการ เพราะสถานประกอบการไม่ทำตามสัญญาข้อตกลง คุยกันไม่เข้าใจ หรือถ้าไม่แน่ใจว่าทาง บริษัทจะให้เบิกค่าใช้จ่ายที่นอกเหนือรายการใดๆ ได้หรือไม่ มัคคุเทศก์ก็ควรโทรศัพท์ขอคำปรึกษาจากทาง บริษทั ให้แน่ใจเสยี กอ่ นทุกครงั้ การวางแผนกจิ กรรมระหวา่ งการนำเที่ยวหลายคร้ังทีม่ ีเวลาวา่ งจากการเดินทางไม่ว่าจะเปน็ บนรถหรือ ในแหล่งท่องเที่ยว หรือที่พัก มัคคุเทศก์ไม่ควรปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ควรหากิจกรรมที่เป็น ประโยชน์ให้นักท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วมในการสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างกันเ พื่อเป็นการสร้างความสามัคคี ผ่อนคลายความเครียด สร้างความสนุกสนานรื่นเริง อันจะเป็นประโยชน์ในการละลายพฤติกรรมที่ไม่พึง

ประสงค์ของแตล่ ะกลุ่ม เป็นการลดปัญหาความขัดแย้งต่างๆ โดยเฉพาะการนำเทย่ี วคณะทวั ร์แบบ Incentive หรือทัวร์เหมามาเป็นหมู่คณะ ซึ่งในการวางแผนทำกิจกรรมดังกล่าวนั้นมัคคุเทศก์ควรคำนึงถึงความพร้อมใน การมีส่วนร่วมของนักท่องเที่ยวเป็นประการสำคัญ มัคคุเทศก์ควรเลือกกิจกรรมหรือเกมสันทนาการให้เหมาะ กับเพศ วัย สถานะ อาชีพ คุณวุฒิ ฯลฯ ของนักท่องเที่ยว คำนึงถึงลักษณะกิจกรรมและสถานที่ให้มีความ เหมาะสม เลือกสิ่งแวดล้อมและเวลาที่เอื้ออำนวย เมื่อทุกอย่างมีความพร้อมแล้วจึงเริ่มกิจกรรมได้ ตอนเริ่ม กจิ กรรม มัคคุเทศก์และทีมงานก็ต้องเป็นผนู้ ำทีส่ ามารถสร้างความสนใจ ใหน้ ักท่องเทยี่ วอยากมาร่วมกิจกรรม ให้มากที่สุด มัคคุเทศก์ต้องแสดงความกล้าให้นักท่องเที่ยวเห็นเสียก่อน ก่อนที่จะให้เขามามีส่วนร่วมกับตน โดยอาจมีของรางวัลเป็นตัวกระตนุ้ โดยลักษณะของกจิ กรรมหรือสนั ทนาการน้ัน อาจมหี ลายลักษณะเช่น การ เล่นเกมส์ การตอบและทายปัญหา การร้องเพลง การเล่าเรื่องตลกกิจกรรม Walk Rally กิจกรรมรอบกองไฟ การแสดงความสามารถเฉพาะตวั ของมัคคุเทศก์ หรอื ของนกั ท่องเทยี่ ว ฯลฯ ทัง้ นีม้ ัคคเุ ทศกน์ อกจากจะต้องเป็นผู้นำ เป็นผ้กู ระตุ้นให้นักท่องเทย่ี วเกิดความร่วมมือแล้ว มัคคุเทศก์ ตอ้ งมีไหวพรบิ เป็นคนกลางหรือเป็นเสมือนพธิ ีกรปะติดปะต่อรายการให้กิจกรรมสันทนาการครั้งน้ันๆ ไหลลื่น มีความสนุกสนาน และต้องสังเกตนักท่องเท่ียวด้วยว่าคนใดพอมีแววท่ีกล้าแสดงออกก็ควรอาศัยเขาเข้ามาเป็น ส่วนช่วยในกิจกรรม เพราะมัคคุเทศก์จะสามารถทุน่ แรงไปไดม้ ากหากนักท่องเที่ยวให้ความร่วมมือ มัคคุเทศก์ จึงต้องหัดสังเกตนักท่องเที่ยวให้เลือกคนที่กล้าหรือคนที่เป็นที่สนใจในหมู่นักท่องเที่ยวก็จะทำให้กิจกรรม สันทนาการในครั้งน้ันๆ มีความสนุกสนานมากขน้ึ อนึ่งกิจกรรมหรือสันทนาการเพื่อสร้างบรรยากาศ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยกับนักท่องเที่ยว ชาวต่างชาตินั้นจะมีความแตกต่างเป็นอย่างมาก สำหรับชาวไทยนั้น จะชื่นชอบให้มีกิจกรรมระหว่างเดินทาง มากกว่าการฟังข้อมูลเชงิ วิชาการจากมัคคุเทศก์ สิ่งที่ต้องระวังสำหรับการสร้างกิจกรรมให้กับคนไทย คือเรื่อง ความเต็มใจ ต้องเป็นกิจกรรมที่ไม่บังคับจิตใจ ไม่ทำให้นักท่องเท่ียวรู้สึกฝืนหรือต้องเสียหน้า ส่วนกิจกรรม ระหว่างการเดินทางสำหรับชาวต่างชาตินั้น จะไม่ชื่นชอบกิจกรรมแบบคนไทย จะไม่มีการร้องรำทำเพลง ไม่ เล่นเกมส์แบบที่คนไทยเล่น วัฒนธรรมของเขาจะไม่ชอบดูแล้วไร้สาระ ถ้าไม่ศึกษาให้ดีว่าเขาชอบทำกิจกรรม อะไรก็ไม่ควรเสยี่ ง โดยส่วนมากแล้วนักท่องเทยี่ วต่างชาตจิ ะชอบให้มัคคุเทศก์เลา่ เร่ืองสนุกสนาน เร่อื งสาระน่ารู้เกี่ยวกับ เมอื งไทยมากกว่าปัญหากบั งานมคั คุเทศก์ ปัญหากบั การทำงานมัคคุเทศก์เป็นส่ิงคู่กันเสมอ มัคคุเทศก์ในฐานะ ตวั แทนประเทศชาติและบริษัทนำเทยี่ ว ไมอ่ าจปฏิเสธหรือหลีกหนีปญั หาระหว่างการนำเท่ยี วได้ ปัญหายิ่งมาก ยิ่งซับซ้อน ก็หมายถึงงานยิ่งสำคัญ มัคคุเทศก์มือใหม่ บางคนที่ไม่รู้เท่าทันปัญหามักจะบ่นอย่างท้อแท้ว่า “ไม่ ว่าจะทำอะไรก็พบแต่ปัญหาอยากหนปี ัญหาเหลือเกิน” มัคคุเทศก์ที่คิดเช่นนี้หารู้ไม่ว่าความจรงิ การทำงานนำ เที่ยว ก็คือการไปเจอปัญหา และก็ต้องไปช่วยแก้ไขปัญหาแทนบริษัทนำเที่ยวนั่นเอง มัคคุเทศก์ที่แก้ไขปัญหา เก่งมักจะประสบความสำเร็จได้รวดเร็ว และตรงข้ามถ้ามัคคุเทศก์แก้ปัญหาไม่เป็นก็มักประสบความล้มเหลว ซำ้ รา้ ยถ้าแก้ปัญหาไม่ถกู จดุ กอ็ าจก่อใหเ้ กดิ ปัญหาใหมไ่ ด้ การฝึกฝนเพื่อเพิ่มทักษะในการแก้ไขปัญหาอาจทำได้โดยการทำงานหาประสบการณ์บ่อยๆ ฝึกให้ คนุ้ เคยและยอมรบั กับการถกู ตำหนิติเตียนอยา่ งเต็มใจ ควรหาโอกาสแลกเปลย่ี นประสบการณเ์ รยี นรูท้ ักษะการ ปฏิบัติงาน จากเพื่อนร่วมอาชีพที่ประสบความสำเร็จ ก็เป็นช่องทางหนึ่งที่ให้มัคคุเทศก์ได้เรียนรู้คิดและ

แกป้ ญั หาได้รวดเรว็ มคั คเุ ทศกท์ ุกคนควรระลึกเสมอว่าเราหลีกหนีปัญหาไม่พ้น วิธที ดี่ ีท่สี ุดคือต้องเผชิญกับมัน และเอาชนะมันให้ได้ ผู้ที่อยู่เหนือปัญหาคือผู้ที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ความสามารถในการแก้ไขปัญหาสามารถ ฝึกฝนขึ้นได้ด้วยตัวเราเองซึ่งมัคคุเทศก์ต้องทำความเข้าใจ และเรียนรู้ถึงสาเหตุของปัญหาให้ได้อย่างรวดเร็ว โดยอาจยึดหลกั การมองโลกของปัญหาดังน้ี 1. โลกนเ้ี ป็นโลกของปัญหากับการแก้ไขปัญหา 2. การหาวธิ ปี ้องกนั ปัญหาเป็นวิธกี ารแกไ้ ขทดี่ ที ่สี ุด 3. ปญั หาทกุ ปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ 4. การท่ีคนหนึ่งแก้ไขปัญหาไดด้ ีกว่าอีกคนหนง่ึ นั้น เนื่องจากเขามโี อกาสฝกึ ฝน มีความต้ังใจและ พยายามทีจ่ ะแก้ไขปญั หามากกวา่ 5. ปญั หาทำให้เกิดความก้าวหน้าในอาชีพ มันไม่ใช่สิง่ เลวร้ายเลย 6. ให้คิดเสยี วา่ เม่ือเจอปัญหาแลว้ จะช่วยฝกึ ความแขง็ แกร่ง ถา้ เจอปญั หาอกี ในคราวต่อไปกจ็ ะแกไ้ ด้ โดยง่าย มัคคเุ ทศก์กับการศึกษาพฤติกรรมนกั ทอ่ งเทีย่ วแตล่ ะภูมิภาคเพื่อสนองต่อการบรกิ ารนำเท่ียว นอกจากความรู้ในบทบาทหน้าที่ และการวางแผนแก้ไขปัญหาในการนำเที่ยวของมัคคุเทศก์แล้ว มัคคุเทศก์ ควรต้องมีความรู้ความสนใจในตัวนักท่องเที่ยวให้มากที่สุดด้วย เพราะการที่ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่ เกี่ยวกับนักท่องเที่ยวจะเป็นพื้นฐานให้มัคคุเทศก์ทำงานได้อย่างเข้าอกเข้าใจในตวั เขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งควร ทราบเกี่ยวกับพฤติกรรมระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว ข้อมูลด้านวัฒนธรรม ประเพณีปฏิบัติ บุคลิก ลักษณะ ของนักท่องเที่ยว พฤติกรรมความต้องการเฉพาะของนักท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาค รวมถึงแนวปฏิบัติและข้อ ควรแนะนำเพิ่มเติมแก่นักท่องเที่ยว เมื่อมัคคุเทศก์ทราบข้อมูลเหล่านี้แล้ว ก็จะสามารถทำงานได้อย่างเข้าอก เข้าใจ รู้ซึ้งถึงความต้องการจากนักท่องเที่ยว มัคคุเทศก์จะได้นำมาตอบสนองตอบความต้องการเหล่านั้น อัน จะนำไปสูค่ วามพงึ พอใจสงู สุด ประเภทของนกั ทอ่ งเที่ยว ในการประชุมองค์การสหประชาชาตวิ า่ ดว้ ยการเดินทางและท่องเทย่ี ว ณ กรงุ โรม เมือ่ ปี พ.ศ. 2506 ได้ให้นิยามของการท่องเท่ียวไวว้ ่า หมายถงึ กิจกรรมท่มี เี ง่ือนไขที่เก่ียวขอ้ งอยู่ 3 ประการ คือ 1. ต้องเดินทางจากท่ีอยปู่ กติไปยังท่อี ่นื เปน็ การชว่ั คราว 2. ตอ้ งมีสถานท่ีปลายทางท่ีประสงคจ์ ะไปเยีย่ มเยอื น และด้วยความสมัครใจ 3. ตอ้ งมจี ดุ มุ่งหมายของการเดินทาง โดยเพ่ือวตั ถุประสงค์อย่างใดอยา่ งหนึ่ง แตต่ ้องมใิ ช่เพ่ือการ ประกอบอาชีพและไปอยปู่ ระจำ นอกจากนั้นยังให้คำจำกัดความของคำว่านักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของการ ท่องเที่ยว ถ้าไม่มีนักท่องเที่ยว การท่องเที่ยวก็เกิดขึ้นไม่ได้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้แบ่งเป็น นักท่องเท่ยี วและนักทศั นาจร โดยให้ความหมายไว้ ดงั นี้

นักท่องเที่ยว (Tourists) หมายถึง ผู้เดินทางจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเพื่อประโยชน์ในการพักผ่อน หย่อนใจ การศึกษาหาความรู้ การบนั เทงิ หรือการอนื่ ใด นักทอ่ งเท่ียวจำแนกเปน็ 1. นักท่องเท่ียวชาวต่างประเทศหรือนักท่องเทย่ี วระหวา่ งประเทศ (Foreign Tourist or Inter- national Tourist) หมายถงึ นักทอ่ งเทย่ี วชาวต่างประเทศท่เี ดนิ ทางเขา้ มาเทีย่ วในประเทศไทย 2. นักท่องเที่ยวภายในประเทศ (Domestic Tourist) หมายถึง นักท่องเที่ยวที่มีถิ่นที่อยู่หรือที่พำนัก ถาวรในประเทศไทยในจงั หวัดใดจงั หวดั หนึง่ อาจจะเป็นคนไทยหรือคนต่างชาติที่พำนักอาศัยถาวรในประเทศ ไทยก็ได้ และมีการเดินทางทอ่ งเทยี่ วในจังหวดั อื่นอนั มิใชจ่ ังหวดั ทเ่ี ขามีถิน่ ท่ีอยู่ หรอื ทพี่ ำนักอนั ถาวรนัน้ นักทศั นาจร (Excursionists) หมายถึง ผทู้ ่ีเดนิ ทางไปอยใู่ นสถานท่อี ันมใิ ช่ท่ีพำนักถาวรของตน ซึง่ เป็น การเดินทางไปอยู่ชัว่ คราวในระยะเวลาส้ันๆ ไม่ถึง 24 ชั่วโมง (ไม่ได้ค้างคืน) และเดินทางไปโดยสมัครใจ ด้วย วตั ถปุ ระสงค์ใดๆก็ตามท่ีมิใช่การไปประกอบอาชีพหรือหารายได้ ท้งั น้ผี ทู้ ่โี ดยสารเรือสำราญทางทะเลท่ีค้างพัก แรมในเรอื สำราญจะถูกนบั ว่าเป็นนักทศั นาจร จำแนกเปน็ 1. นักทัศนาจรชาวต่างประเทศ (Foreign Excursionists) หมายถึง นักทัศนาจรชาวต่างประเทศท่ี เดนิ ทางมาจากต่างประเทศมาทอ่ งเท่ยี วในประเทศไทย 2. นักทัศนาจรภายในประเทศ (Domestic Excursionists) หมายถึง นักทัศนาจรที่มีถิ่นที่อยู่หรือที่ พำนักถาวรในประเทศไทย ซึ่งอาจเป็นคนไทยหรือคนต่างชาติที่มีถิ่นที่อยู่หรือที่พำนักถาวรอยู่ในประเทศไทย หรือในจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งก็ได้ เดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดอื่นอันมิใช่จังหวัดที่เขามีถิ่นที่อยู่ หรือที่พำนัก ถาวร นอกจากนนั้ ยังจะพบคำว่า “ผ้มู าเยอื น” (Visitors) ซึง่ หมายรวมถึง ผูท้ ีเ่ ดินทางเข้ามาในประเทศ โดย จะจำแนกเป็นนักท่องเที่ยวหรือเป็นนักทัศนาจรก็ได้ตามแต่จะตรงกับคุณสมบัติหรือนิยามในข้อใด (บุญเลิศ จิตตั้งวัฒนา,2548) นอกจากการแบ่งประเภทของนักเดินทางท่องเที่ยวตามหมายหมายขององค์การ สหประชาชาตแิ ลว้ เรายังสามารถ แบ่งนกั ท่องเท่ยี วตามลักษณะต่างๆ ได้อีกดังน้ี การแบง่ กลมุ่ นกั ท่องเท่ียว จากนยิ ามของคำว่านกั ท่องเท่ียวดังกลา่ วขา้ งตน้ เราสามารถนำนกั ท่องเท่ยี วมาแบ่งเป็นกลมุ่ ต่างๆ ได้ ดงั นี้ 1. การแบ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวตามลักษณะของกลุ่มบุคคล (ไชยยงค์ เจริญเมือง, 2541, หน้า 4-39) มีลกั ษณะดังนี้ 1.1 กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวเอง (Individual Traveler หรือ Foreign Independent Traveler หรือแบบ F.I.T.) เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเอง อาจเดินทางคน เดียวหรือเป็นกลุ่มเล็กๆ อย่างอิสระบริหารเวลาในการท่องเที่ยว และจัดวางแผนการท่องเที่ยวด้วยตนเองทุก ขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการจองโรงแรม การติดต่อ แหล่งเข้าชม การซื้อตั๋วเครื่องบิน ฯลฯ นักท่องเที่ยว ประเภทนี้อาจจะพ่ึงพาบรษิ ทั นำเท่ียว ให้จัดการบ้างในบางเร่อื งไดเ้ ชน่ กนั 1.2 กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เที่ยวกับบริษัทนำเที่ยว หรือเที่ยวแบบเหมาจ่าย (Package Tour) เปน็ การทอ่ งเทยี่ วเป็นหมู่คณะ โดยบรษิ ทั นำเทีย่ วจะมโี ปรแกรมทอ่ งเที่ยวตา่ งๆ ให้เลอื ก ว่าเทยี่ วทไี่ หน อยา่ งไร

เวลาใด รวมอาหารกี่มื้อฯลฯ ตามต้องการ แต่ต่างราคาและต่างระยะเวลากัน โดยมากจะจ่ายรวมเป็นค่าท่พี กั คา่ ยานพาหนะ คา่ อาหาร และค่าเขา้ ชม 1.3 กลุ่มนักท่องเที่ยวแบบคณะพิเศษ (Incentive Group หรือ Charter Group) เป็น ลักษณะการจัดนำเที่ยวตามความต้องการของคณะนักท่องเที่ยว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคณะพิเศษของบริษัทหรือ หนว่ ยงานราชการตา่ งๆ เชน่ จดั สัมมนา หรอื จัดนำเทีย่ วเพือ่ การพกั ผอ่ นหรือให้รางวัลแก่พนักงาน เป็นต้น 2. การแบง่ กลมุ่ นักท่องเที่ยวตามลักษณะการเดนิ ทางท่ีเป็นสากล ไดแ้ ก่ 2.1 กลุ่มนกั ท่องเทย่ี วจากต่างประเทศ ท่ีเดนิ ทางมาเทย่ี วในประเทศ (Inbound Tourist) 2.2 กลุม่ นักทอ่ งเที่ยวในประเทศเดนิ ทางไปเที่ยวยังต่างประเทศ (Outbound Tourist) 2.3 กลุ่มนักท่องเที่ยวในประเทศที่เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ (Domestic Tourist) เป็นนักท่องเที่ยวทีเ่ ดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศตนเองโดยให้รวมไปถึงคนต่างชาติ ที่มีถิ่นพำนักอาศัยเป็น การถาวรอยู่ในประเทศน้ัน ๆดว้ ย 3. การแบ่งกลุม่ นกั ท่องเท่ยี วตามวตั ถุประสงค์ของการเดนิ ทาง ท่ีมีอยู่มากมาย เชน่ 3.1 กลุ่มนักทอ่ งเที่ยวท่เี ดนิ ทางเพื่อพักผ่อน 3.2 กลมุ่ นักท่องเที่ยวท่เี ดนิ ทางเพ่ือสุขภาพ 3.3 กลุ่มนักท่องเทย่ี วทเ่ี ดนิ ทางเพ่ือธรุ กิจ 3.4 กลุ่มนกั ทอ่ งเทยี่ วทเ่ี ดินทางเพื่อประชุมสัมมนา 3.5 กล่มุ นักทอ่ งเท่ียวท่เี ดนิ ทางเพื่อมสี ่วนรว่ มในการแข่งขันกีฬา 3.6 กลุ่มนกั ท่องเที่ยวทเี่ ดินทางเพ่ือศาสนา 3.7 กลุ่มนกั ท่องเที่ยวท่เี ดนิ ทางเพื่อเย่ียมญาติ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเพื่อจุดประสงค์อื่นเฉพาะอีกมากมายปัจจัยที่ทำให้ นักท่องเที่ยวมีความแตกตา่ งนักท่องเทีย่ ว จัดได้ว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญทีส่ ดุ ของการท่องเที่ยว การศึกษา เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมการเดินทางของนักท่องเที่ยว ทัศนคติและลักษณะพื้นฐานของ นักท่องเที่ยวจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้เพื่อให้เกิดควา มเข้าใจในพฤติกรรมการ เดินทางทอ่ งเที่ยวของเขาปัจจัยหลกั เกีย่ วกบั นักท่องเทยี่ วทค่ี วรศึกษา ไดแ้ ก่ 1.1 ลักษณะพื้นฐานหรือลกั ษณะทางประชากรศาสตร์ของนกั ทอ่ งเท่ยี ว จำแนกออกตามลกั ษณะของ เพศ อายุ อาชีพ ระดบั การศึกษา ระดบั รายได้ สถานภาพสมรส และถิ่นพำนัก ซ่ึงแต่ละปัจจยั จะสง่ ผลถงึ พฤติกรรมการเดินทางและการเลือกแหล่งท่องเที่ยวท่ีแตกต่างกัน ต่อไปน้ี 1.1.1 เพศ โดยทั่วไป นักท่องเที่ยวชายเป็นกลุ่มที่มีการเดินทางมากกว่านักท่องเที่ยวหญิง โดยสามารถเดินทางได้ทั้งตามลำพังหรือเดินทางเป็นกลุ่ม มักกระจายตัวไปได้แทบทุกแหล่งท่องเที่ยว และ สามารถทำกิจกรรมท่องเที่ยวที่หลากหลายได้มากกว่า ในขณะที่นักท่องเที่ยวหญิงซึ่งมีความคล่องตัวน้อยกว่า มักเดินทางมากับเพื่อนหรือบริษัทนำเที่ยว โดยจะพิถีพิถันและรอบคอบในการเลือกแหล่งท่องเที่ยวเป็นพิเศษ มักเลือกแหล่งท่องเที่ยวที่มีความปลอดภัยและสามารถเดินทางได้สะดวก ดังนั้นแหล่งท่องเที่ยวใดที่มีจำนวน นักท่องเที่ยวหญิงมากหรือมีอัตราการเติบโตที่สูง ก็ย่อมได้รับภาพลักษณ์ในทางอ้อมว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ ปลอดภยั

1.1.2 อายุ บุคคลที่มีช่วงอายุแตกต่างกันก็จะมีความสามารถในการเดินทางได้แตกต่างกัน ดงั ต่อไปน้ี คอื 1) กลมุ่ วัยเดก็ ชว่ งอายุตำ่ กว่า 15 ปี เป็นกลุ่มท่ไี มส่ ามารถเดินทางได้ตามลำพงั หากเดินทาง ท่องเท่ยี วมักจะมากับพอ่ แม่ หรอื โรงเรยี น หรอื สถาบันที่จัดอบรมต่าง ๆ 2) กลุ่มวัยรุ่น ช่วงอายุ 15-24 ปี เป็นวัยที่กำลังศึกษาอยู่ หรือเพิ่งจบการศึกษา จึงยังไม่มี ทุนทรัพยใ์ นการเดินทางด้วยตนเอง ส่วนใหญ่มักเดนิ ทางมากบั พ่อแม่ หรอื โรงเรยี น หรอื สถาบนั ที่จัดอบรมต่าง ๆ หรือเดินทางมาพักอาศัยอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ ตามโครงการแลกเปลี่ยนทางการศึกษาต่าง ๆ ในทาง การตลาด ท้งั กลุม่ วัยเดก็ และกลุม่ วัยร่นุ เป็นกลุม่ ตลาดศกั ยภาพที่นา่ ส่งเสรมิ แมว้ ่าจะยังเปน็ กลุม่ ท่ีคาดหวัง รายได้ทางการท่องเที่ยวได้น้อยก็ตาม แต่หากว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เกิดความประทับใจในแหล่งท่องเทีย่ วเม่อื วัยเด็กแล้ว พวกเขาก็อาจกลับมาเยือนแหล่งท่องเที่ยวอีกครั้ง และจะกลายเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวศักยภาพใน อนาคต ซง่ึ จะสรา้ งรายได้ทางการทอ่ งเท่ียวไดม้ ากกว่าเดิม 3) กลุ่มวัยทำงานตอนต้น ช่วงอายุ 25-34 ปี เป็นกลุ่มศักยภาพในการใช้จ่ายเงินได้สูง เพราะมีรายได้เป็นของตนเองแล้ว ลักษณะกิจกรรมที่เลือกก็ยังสามารถทำได้หลากหลาย เพราะสุขภาพ เอ้อื อำนวยโดยสว่ นใหญ่พบว่ากล่มุ วัยนี้จะมีการเดนิ ทางท่องเทย่ี วมากกวา่ กลมุ่ วัยอนื่ ๆ 4) กลุ่มวยั ทำงานตอนกลางและตอนปลาย ชว่ งอายุ 35-44 ปี และ 45-54 ปี เป็นกลุ่มที่มี การเดินทางค่อนข้างสูง ตามภาระหน้าที่การงานที่ได้รับผิดชอบมากขึ้น ประกอบกับมีฐานะทางการเงินและ การงานที่คอ่ นข้างมั่นคงแลว้ 5) กลุ่มวัยเกษียณ ช่วงอายุ 55 ปีขึ้นไป เป็นกลุ่มที่มีความถี่ในการเดินทาง ลดลง เนื่องจาก สุขภาพไม่เอื้ออำนวย แต่จะมีวันพักผ่อนนานวันกว่ากลุ่มวยั อื่นๆ เพราะไม่มีภาระการงานที่จะต้องรับผิดชอบ แลว้ 1.1.3 อาชพี กลุ่มท่มี ีภารกิจหน้าที่การงานท่ีแตกต่างกัน มีโอกาสในการเดนิ ทางแตกต่างกัน โดยกลุ่มคนที่ทำงานในอาชีพระดับสูง จะมีโอกาสเดินทางได้มากกว่ากลุ่มอื่นๆ เพราะมีทุนทรัพย์มากกว่า นอกจากนี้ภาระหน้าที่ การงานก็มีส่วนที่กำหนดให้ต้องเดินทางไปติดต่องานบ่อยครั้งเช่นกันโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ ในกลมุ่ ระดบั ผบู้ ริหาร กล่มุ นกั วชิ าชีพเฉพาะ ตัวแทนขาย เปน็ ต้น 1.1.4 ระดับการศึกษา เป็นตัวแปรที่สอดคล้องกับอาชีพและรายได้ โดยส่วนใหญ่บุคคลที่มี ระดับการศึกษาสูงก็มักจะมีอาชีพและรายได้ที่ดี ส่งผลให้เดินทางได้บ่อยกว่ากลุ่มที่มีการศึกษาต่ำกว่า นอกจากนร้ี ะดับการศึกษายังเปน็ ตัวช้ใี ห้เหน็ ถึงคุณภาพของนกั ท่องเท่ยี ว ด้วยสมมติฐานที่ว่าผู้ท่ีมีการศึกษาสูง กม็ กั จะเป็นผู้ทมี่ ีความคดิ และวิถีชวี ิตท่ดี ี ซงึ่ จะแสดงออกถงึ ทัศนคติและพฤติกรรมท่องเที่ยวที่ดี เช่น มีแนวคิด เกี่ยวกับการอนรุ ักษร์ ักษาสง่ิ แวดลอ้ ม มีความเข้าใจในสังคมและวฒั นธรรมท่ีแตกต่าง เป็นต้น 1.1.5 ระดับรายได้ เป็นตัวบ่งชี้สำคัญถึงความสามารถในการเดินทางของบุคคล กล่าวคือ บุคคลที่มีรายได้สูงย่อมมีโอกาสในการเดินทางท่องเที่ยวได้ไกลและบ่อยครั้งกว่าบุคคลที่มีรายได้ต่ำกว่า โดยทั่วไปในทางการตลาด แบ่งกลุ่มรายได้ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มรายได้สูงหรือกลุ่มระดับบน กลุ่มรายได้ ปานกลางหรือกลมุ่ ระดับกลาง และกล่มุ รายไดต้ ำ่ หรือระดบั ล่าง ซงึ่ ช่วงรายได้ทจี่ ะกำหนดระดับฐานนั้น ข้ึนอยู่ กบั สภาพเศรษฐกิจและระดับคา่ ครองชพี ของแตล่ ะประเทศ

1.1.6 สถานภาพสมรส กลมุ่ คนโสดมีโอกาสในการเดินทางได้บ่อยครัง้ และพักไดย้ าวนาน กวา่ กลุม่ ที่แต่งงานแลว้ เน่อื งจากสามารถตัดสินใจไดโ้ ดยลำพังและไม่มีภาระทางครอบครวั ทจี่ ะตอ้ งดูแลมาก ในขณะที่กลุ่มทีแ่ ต่งงานแลว้ ก็อาจจะเดนิ ทางน้อยลง แตเ่ ม่ือมีการเดินทางก็มักจะไปเปน็ ครอบครัว (กรณที ี่มี บุตร) หรือไปเป็นคู่ (กรณียังไมม่ บี ุตร) ซงึ่ ทำใหเ้ กิดกล่มุ ตลาดครอบครัว และกลุ่มค่ฮู ันนีมูนขึน้ 1.1.7 ถนิ่ พำนัก บุคคลท่อี ยใู่ นสถานท่ที ่มี ีสภาวะแวดล้อมและภมู ิอากาศทีแ่ ตกตา่ งกัน ก็ย่อม มคี วามต้องการและเลือกแหล่งท่องเที่ยวแตกต่างกัน เชน่ กล่มุ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศเย็นจัด ก็ย่อมนิยม เดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวที่มีอากาศอบอุ่นกว่า ในขณะที่กลุ่มที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศร้อน ก็มักจะ แสวงหาแหล่งท่องเที่ยวที่มีสิ่งที่แตกต่างไปจากที่ตนประสบอยู่ เช่น ชาวตะวันตกนิยมเดินทางมาดินแดน ตะวันออก เพื่อมาอาบแดดดูวิถีชีวิตดั้งเดิม ส่วนชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นยิ มไปยุโรปเนื่องจากตอ้ งการไป สมั ผัสหิมะ อากาศที่หนาวเย็นและดคู วามศิวิไลซ์ เป็นต้น 1.2 การกระจายตัวของนักท่องเที่ยว ศึกษาเปรียบเทียบได้จากสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีการเดิน ทางเข้าไปในแต่ละพื้นที่ท่องเที่ยว โดยพิจารณาดูว่ามกี ารเดินทางเข้าไปยงั สถานที่ใดบา้ ง มีการกระจุกตัวของ นักท่องเที่ยวในบางแหล่งท่องเที่ยวหรือไม่ เพื่อนำมาวางแผนด้านขีดความสามารถในการรองรับของแต่ละ พื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก และการวางแผนที่จะกระจายนักท่องเที่ยวออกไปยังพื้นทีท่ ่องเที่ยวอื่นๆ ทีม่ ีศักยภาพรองลงมา 1.3 กิจกรรมต่างๆ ของนักท่องเที่ยว เป็นสิ่งที่ควรศึกษาเพื่อนำมาวางแผนการสร้างและพัฒนา กิจกรรมท่องเทย่ี วให้สอดคลอ้ งกบั ความต้องการของนักท่องเที่ยว 1.4 ฤดกู าลท่องเที่ยวในแต่ละชว่ งเดือน จำนวนนักท่องเทีย่ วทเ่ี ดนิ ทางเข้าไปยังแหล่งท่องเที่ยวมีมาก น้อยแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศในแหล่งท่องเที่ยวและถิ่นที่อยู่ของนักท่องเที่ยว รวมทั้งระยะเวลา วันหยุดพักผ่อนของนักท่องเที่ยวด้วย หากช่วงใดแหล่งท่องเที่ยวมีสภาพภูมิอากาศที่เหมาะกับการเดินทาง และตรงกบั ช่วงวันหยุดยาวของนักท่องเทีย่ ว หรือตรงกบั สภาพอากาศท่ีเลวรา้ ยในถิ่นที่อย่ขู องนักทอ่ งเท่ียว มัก มผี ลทำให้มนี ักทอ่ งเทยี่ วเดินทางเข้าไปยังแหลง่ ท่องเทย่ี วนั้นจำนวนมาก บคุ ลิกลักษณะของนักทอ่ งเท่ียวแต่ละประเภท นักท่องเที่ยวแต่ละคนจะมีความต้องการที่ต่างกัน มีนิสัยใจคอต่างกัน ต่อไปนี้คือบุคลิกลักษณะของ นักท่องเทยี่ วแต่ละประเภทท่ีมัคคเุ ทศก์ควรทราบ เพือ่ ประโยชน์ในการปฏบิ ัติงาน (เจรญิ สวาสดพิ นั ธ์, 2539) 1. นักทอ่ งเท่ียวประเภทถึงไหนถึงกัน “ลุยลูกเดยี ว” เปน็ ประเภทไม่ค่อยอยูน่ ่ิง วา่ งไม่ได้เป็นประเภท เห็นคุณค่าของการท่องเที่ยว มีความคิดว่ามาแล้วก็ต้องเที่ยวให้คุ้ม ขึ้นเขาลงห้วยไปหมด มีอาหารอะไรก็ลอง กินไปหมดทุกอย่าง นักท่องเที่ยวประเภทนี้จะมีมาก ซึ่งบาง ครั้งก็ดีบางครั้งก็ต้องมีการเตอื นให้ระมัดระวังกัน บ้าง เช่น เตือนไม่ให้เล่นน้ำไกลเกินไปเพราะจะตามตัวยาก หรือไปแล้วหมดแรงร้องให้ช่วย หรือประเภทซ้ือ ของมากเกินไป แล้วมาคิดหนักตอนจะขนกลับ ความไม่พอดีเหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่มัคคุเทศก์ต้องคอยเตือน อธบิ ายถึงผลดีผลเสียให้ทราบล่วงหนา้ หรอื ยกตวั อย่างท่ีเคยมมี าก่อน เพ่ือเขาจะได้ระมัดระวงั 2. นักทอ่ งเที่ยวประเภทอะไรก็ไดเ้ ปน็ ประเภทท่ีไม่ค่อยใส่ใจในการพูดของมคั คุเทศก์สักเท่าไร อาจได้ ยินแต่ไม่ได้สนใจ เพราะคิดว่าสุดแล้วแต่มัคคุเทศก์จะเอาอย่างไรก็ได้ไม่ขัดข้อง ให้อยู่ตรงไหนก็อยู่ตรงน้ัน

มัคคุเทศก์จึงเป็นที่พึ่งของเขาเต็มที่ เป็นกลุ่มที่ปรับตัวได้ง่าย แม้ไม่ชอบคุยแต่อาจแสดงท่าทีให้สังเกตได้ง่าย ชอบเอาใจมัคคุเทศก์ มคี วามจรงิ ใจ แตม่ ัคคเุ ทศกต์ อ้ งทบทวน ย้ำเตือนเวลา จุดนัดพบอย่างเป็นงานเปน็ การกับ กลมุ่ นีใ้ ห้ชัดเจนเสมอ 3. นักท่องเที่ยวประเภทอืดอาดไม่สนใจอะไรเลย ถือว่ามาเที่ยวเพื่อพักผ่อนจริงๆ มีความใส่ใจต่อ ส่วนรวมน้อยพูดน้อย นั่งหลับบ้างตื่นบ้าง ใครจะพูดอะไรซักอะไรก็ไม่ค่อยสนใจ เวลาปลุกก็ไม่ค่อยอยากตื่น นักท่องเที่ยวประเภทนี้ไม่ชอบเที่ยวแบบยากลำบาก มัคคุเทศก์จึงต้องดูแลอย่าให้เขาอืดอาดจนมาไม่ทันเวลา นัด หรอื เปน็ ท่ีเขม่นของนกั ท่องเทยี่ วคนอืน่ 4. นักท่องเที่ยวประเภทคิดมาก นักท่องเที่ยวประเภทนี้อาจดูทั้งง่ายและยาก ดูง่ายคือประเภท โวยวายออกมาให้เหน็ เลย มีอะไรก็ถามก็พูดออกมา ประเภทนีม้ ัคคุเทศก์จะต้องชี้แจงเหตุผลอยา่ งสุภาพปลอบ โลมใหเ้ ขาหายกงั วลใจให้ได้ กับอกี ประเภทคอื ประเภทคดิ มากแต่เก็บความรูส้ ึก ประเภทน้จี ะสงั เกตได้ยาก แต่ เขาอาจแสดงออกทางสีหน้าท่าทาง นักท่องเที่ยวประเภทนี้มัคคุเทศก์ควรเข้าไปพูดคุย สร้างความคุ้นเคยเป็น กันเอง พยายามทำใหเ้ ขารูส้ กึ สบายใจ ค้นหาความไมส่ บายใจของเขาแล้วหาวธิ แี ก้ไขท่ถี ูกต้องต่อไป 5. นักท่องเที่ยวประเภทไม่ยอมอะไรง่ายๆ หัวรั้น นักท่องเที่ยวประเภทนี้มักชอบห าเหตุมาต่อว่า มัคคุเทศก์เสมอไม่วา่ เรื่องเดิมหรือเรื่องใหม่ แมก้ ระท่ังเรื่องเล็กน้อย เช่น เคร่ืองปรบั อากาศไม่เย็น ขับรถไม่นิ่ม จนกระทั่งเรื่องใหญ่ เช่น เที่ยวไม่ครบโปรแกรมหรือเกิดอุบัติเหตุ มัคคุเทศก์ยิ่งต้องถูกนักท่องเที่ยวประเภทน้ี ต่อว่าอย่างหนัก วิธีรับมือกับนักท่องเที่ยวประเภทนี้ควรแจ้งเหตุผลอย่างตรงไปตรงมา และแสดงหรือหา วิธกี ารชดเชยท่ีชดั เจนแน่นอนด้วยบุคลิกและสปิริตท่ีจริงจังของมัคคุเทศก์ ก็จะชว่ ยใหป้ ัญหาคล่คี ลายลง ถ้ายัง ไมล่ ดราวาศอกก็ตอ้ งขอให้เขาเก็บไวเ้ จรจาเปน็ การสว่ นตัวเพือ่ ไม่ให้เสียบรรยากาศในการท่องเท่ียว 6. นกั ท่องเทย่ี วประเภทลำ้ เส้น นักท่องเที่ยวประเภทนี้ชอบแสดงออกด้วยการพูดมาก ชอบโวยวาย ชอบอวดภมู ิ ทส่ี ำคัญอาจชอบลองของมัคคเุ ทศก์ ว่ามีความร้คู วามสามารถมากน้อยแค่ไหน มัคคเุ ทศก์เก่งจรงิ หรอื ไม่ เปน็ กล่มุ นกั ทอ่ งเทย่ี วท่ีมัคคุเทศก์ไมพ่ งึ ประสงค์เพราะชอบขัดจังหวะ ชอบถามปัญหาที่คาดวา่ มัคคเุ ทศก์ตอบไม่ได้ ชอบถามปัญหาส่วนตัว ปัญหาท่ีไม่เกี่ยวกับการท่องเท่ียว มักมากันเป็นกล่มุ แต่อาจสง่ ตัวแทนปากกล้ามาคนเดียวหรอื ช่วยกันเพื่อตอ้ นมัคคเุ ทศก์ใหจ้ นมุม อาจเปน็ นักท่องเที่ยวท่ีแก่ประสบการณใ์ น การท่องเท่ียว วธิ แี กก้ ารล้ำเส้นของนักท่องเที่ยวกลุ่มน้ีมัคคุเทศก์ต้องมีความกลา้ ในการควบคมุ ใหเ้ ขาอยูใ่ นวินยั หรือประสานประโยชนใ์ หเ้ ขาไดแ้ สดงออกอย่างพอเหมาะพอควรอยา่ ปล่อยไปตามบญุ ตามกรรม (แตบ่ างครั้ง ตอ้ งละเลยความสนใจไปบ้างเพ่ือไม่ให้พวกนเี้ ปน็ ตวั เดน่ เกนิ ไป) เพื่อเห็นแก่ลกู ทวั ร์จำนวนมาก ในทางกลับกนั ถา้ มัคคเุ ทศก์รจู้ ักพลิกแพลงเปล่ยี นสถานการณใ์ ห้เป็นเร่ืองสนุกสนาน สร้างบรรยากาศให้ปลอดโปรง่ เข้าใจกัน ทกุ ฝ่ายก็จะเป็นการดี โดยเฉพาะมัคคุเทศกท์ ีม่ ีประสบการณ์มากๆ ยิ่งแก้ไขปัญหากบั กล่มุ น้ีได้ง่าย ทสี่ ำคัญอย่า พยายามเปดิ ช่องโหว่ อยา่ แสดงความไม่รไู้ ม่เหน็ อ่อนประสบการณ์ในการท างานมาใหแ้ ขกกลมุ่ น้ีไดเ้ หน็ เน่ืองจากจะเปน็ จดุ เริ่มต้นของการลองของลองวชิ าของแขกกลุม่ นี้นน่ั เอง 7. นกั ท่องเทยี่ วประเภทเลนิ เลอ่ ใจลอย จติ ใจไมค่ ่อยอยู่กับเนอ้ื กบั ตัว อาจเปน็ ประเภทชักช้าหรอื ไม่ก็ เหม่อลอยจนลำ้ หน้าคนอืน่ ทำให้หลงสถานท่ี หลงข้ึนรถผดิ หลงทาง หลงเวลาบอ่ ยๆ นักท่องเท่ียวประเภทนีม้ ัก มปี ญั หาดา้ นจติ ใจเปน็ ทนุ เดมิ มาเที่ยวในสภาพที่ไม่พรอ้ มเทย่ี วเพอ่ื นอาจชวนมาเพราะไมอ่ ยากใหอ้ ยู่คนเดยี ว

คิดมาก มัคคุเทศก์ควรดแู ลอย่างใกลช้ ิดเปน็ พเิ ศษ พยายามอยา่ ให้คลาดสายตา ทางที่ดคี วรแนะนำให้เพ่ือน กลุ่มเดยี วกนั ช่วยดแู ล เพ่ือปอ้ งกันเหตสุ ุดวสิ ยั หรอื อาจเกดิ การพลัดหลงได้ 8. นักท่องเที่ยวประเภทขี้อาย จะตรงข้ามกับประเภทลำ้ เส้น เป็นประเภทที่ไม่ต้องการออกหน้าออก ตา จะไม่ชอบการออกมาแสดงตัวหรือไม่ชอบพูด มัคคุเทศก์จึงไม่ควร ยัดเยียดความสนุกสนานหรือให้เขามา แสดงออกเพราะเขาอาจโกรธ บางรายพาลบอกให้จอดรถเดินลงไปเฉยๆ เพราะเขาถือว่าเป็นการข่มเหงน้ำใจ กัน บางรายอาจยิ่งทำตัวหลบซ่อนหนักเข้าไปอีก นักท่องเที่ยวประเภทนี้มัคคุเทศก์ควรเรียกชื่อและยกยอเขา บอ่ ยๆ เพอื่ เพิม่ ความเชื่อมั่นให้เขา แตถ่ า้ เขาไม่รับจริง ๆ ถึงขนั้ พาลจะร้องไห้หากขืนคะย้นั คะยอหรือเอ่ยถึง ก็ ควรปลอ่ ยเขาไวเ้ ฉยๆ ออกปากและช่วยเหลอื ตามที่เขาตอ้ งการคงเปน็ พอ 9. นกั ท่องเทีย่ วประเภทชอบชว่ ยเหลือ จะร่วมมอื ด้วยดีทุกเรื่อง อาสาเปน็ ตวั แทนทุกเร่ือง แต่อาจนิ่ง เฉยถ้าเห็นว่ามีคนพูดมากอยู่แล้ว ชอบช่วยเหลือผู้อื่น คอยเอาใจใส่มัคคุเทศก์อยู่ตลอดเวลา จะเข้าใจอะไรได้ ง่าย มองโลกในแง่ดี ไม่ขวางโลก นักท่องเที่ยวประเภทนี้ยิ่งมีมากยิ่งดี นักท่องเที่ยวประเภทนี้ไม่ชอบ เรียกรอ้ งอะไร จะทำให้มัคคเุ ทศก์ทำงานดว้ ยความสบายใจ นักทอ่ งเท่ียวคนหน่ึงอาจสรา้ งปญั หาได้มากมาย ในหลายลักษณะ ยิ่งถ้าเป็นนกั ท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ มัคคุเทศก์ ก็ยิ่งต้องเจอกบั ภาวะทางการกระทำและอารมณ์ ที่หลากหลายหลากประเภทมากขึ้นเป็นทวีคูณ ข้อสำคัญมัคคุเทศก์ต้องควบคุมให้นักท่องเที่ยวอยู่ในระเบียบ สามารถนำเที่ยวไปทั้งคณะได้อย่างราบรื่น โดยพูดเน้นให้นักท่องเที่ยวทุกคนเห็นถึงประโยชน์ส่วนรวมขอ ง นักท่องเที่ยวดว้ ยกนั เองเปน็ สำคญั การศกึ ษาพฤตกิ รรมเพือ่ เขา้ ใจชนชาติอน่ื การได้ศกึ ษาพฤติกรรมของนักท่องเทย่ี ว จะช่วยใหบ้ ริษัทนำ เที่ยวและมัคคุเทศก์สามารถเข้าใจถึงจุดประสงค์ความต้องการและบุคลิกลักษณะดังกล่าวข้างต้นของ นักทอ่ งเท่ยี วมากข้นึ สิ่งที่ควรศึกษาคือพ้ืนฐานความเปน็ อยู่ของนกั ท่องเทย่ี วเหลา่ น้ัน เนือ่ งจากนกั ท่องเท่ียวแต่ ละประเทศจะมี พื้นฐานชีวิตทางสังคมไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ ศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม ความเช่อื ฯลฯ การศึกษาให้เข้าใจมนุษย์ หรือชนชาติอื่นที่ไม่ใช่ชาติเดียวกันกับตัวมัคคุเทศก์ ก็จะช่วยส่ งเสริมให้เกิด ความเขา้ ใจระหวา่ งกันมากข้ึน สิง่ ท่จี ะชว่ ยให้เราเขา้ ใจวา่ นกั ท่องเทยี่ วชาตไิ หนมรี สนยิ มอย่างไร ชอบประพฤติ ปฏิบัติแบบไหนในการท่องเที่ยวนั้น ขึ้นอยู่กับการที่เราต้องเข้าไปอยู่และเจริญเติบโตในประเทศนั้น เราจึงจะ เขา้ ใจไดด้ ีทสี่ ดุ แต่ในความเป็นจรงิ นั้นยาก เราจงึ ตอ้ งศึกษาทำความเขา้ ใจพฤติกรรมนักท่องเท่ยี วจากสิ่งตา่ ง ๆ ดงั นี้ 1. ศกึ ษาจากสภาพภมู ิศาสตร์และภมู ิประเทศในประเทศของนกั ท่องเที่ยว เพราะจะทำให้คนมี พฤติกรรมที่แตกตา่ ง เช่น นกั ทอ่ งเทยี่ วจากยโุ รปนยิ มมาอาบแดดตามชายหาดในประเทศไทย เพราะประเทศ เขาเปน็ เมือหนาว ส่วนนกั ท่องเทย่ี วไทยกช็ อบทจี่ ะไปเมอื งหนาวเพ่อื เลน่ สกี ถ่ายรปู กับภูเขาหิมะ เน่ืองจาก ประเทศไทยเป็นประเทศในแถบร้อนชน้ื คือแตล่ ะชาติอยากไปในสถานทท่ี ่ไี มม่ ใี นประเทศของตน เป็นต้น 2. ศึกษาจากประวัติศาสตร์ในประเทศของนักท่องเที่ยวเพื่อทำให้เราเข้าใจเรื่องราวในอดีตของเขา เช่นนักท่องเทีย่ วจากฝรั่งเศสชอบไปชมนครวัด-นครธม ประเทศกัมพูชา เนื่องจากเปน็ ประเทศที่เคยอยู่ในการ ปกครองของฝรัง่ เศส และชาวฝรง่ั เศสก็เปน็ ผคู้ น้ พบนครวัด

3. ศึกษาสังคม วัฒนธรรมประเพณีปฏิบัติของชาตินั้นๆ เพื่อให้ทราบ และปฏิบัติต่อเขาอย่างถูกต้อง เข้าใจ เช่น ชาวยุโรปจะให้เวลาความสำคัญต่อการรับประทานอาหาร ดังนั้น มัคคุเทศก์ควรให้เวลาในการ รับประทานอาหารอย่างเต็มท่ี 4. ศึกษาจากนโยบายการตลาดและการส่งเสริมการท่องเที่ยวจากภาครัฐบาลในการกระตุ้นให้ชาว ตา่ งประเทศเดนิ ทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ จะทำให้ทราบถึงวิธีการ กลยุทธ์ของภาครฐั ฯ ในการหาวิธีการ เพื่อศึกษาถึงพฤติกรรมการท่องเที่ยวในแต่ละประเทศ แต่ละภูมิภาค เพื่อทำการตลาดในประเทศหรือกลุ่ม ประเทศนั้นๆ เช่น การทำการตลาดกับนักท่องเที่ยวชาวจีนจะเน้นการท่องเที่ยวแบบประหยัด ราคาถูก เน้น แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นวัดหรือวังเนื่องจากคนจีนมีประชากรมาก อยู่ใกล้ประเทศไทย เดินทางสะดวก แต่จะมี ศกั ยภาพการใชจ้ า่ ยน้อยเมอ่ื เทียบกบั ชาวยโุ รป เป็นตน้ 5. ศึกษาสัมพันธภาพระหว่างประเทศ ทำให้ทราบว่าระหว่างภาครัฐฯ มีนโยบายด้านการส่งเสริม ท่องเที่ยวกันหรือไม่ การสร้างเหตุการณ์ หรือการมีเหตุการณ์ไม่สงบภายใน ประเทศการเกิดสงคราม เกิดโรค ระบาดกอ็ าจเปน็ ตวั แปรท่สี ำคัญทท่ี ำใหน้ ักทอ่ งเท่ยี วมีพฤติกรรมการท่องเที่ยวท่เี บย่ี งเบนผิดเพี้ยนไปได้เชน่ กนั 6. ศึกษาระยะเวลาเฉลี่ยในการพักเพื่อหาวิธีให้เขาพักได้นานมากขึ้นไปอีก เพราะการพักนานขึ้นก็ เท่ากบั วา่ นักทอ่ งเทย่ี วจะใช้จา่ ยมากข้นึ 7. ศึกษาจดุ ประสงค์ในการเดินทางท่องเท่ียวของเขา เพ่ือหาทางตอบสนองวัตถุประสงค์ท่ีเขาต้องการ และหากลุม่ วัตถุประสงคอ์ นื่ เพิม่ เติมเพื่อมาใช้บริการ 8. ศึกษาการใชจ้ า่ ยของนักท่องเทย่ี ว เพ่ือทราบค่าใชจ้ ่ายหลัก และนำมาปรบั หาวิธีให้เขาได้ใช้จา่ ย ระหว่างการเดนิ ทางท่องเท่ียวใหม้ ากทส่ี ุด 9. ศึกษาความนิยมสินค้าที่ระลึกประเภทใดที่เขาชอบ เพื่อแนะนำพาเขาไปซื้อในสิ่งที่ต้องการ เช่น คนญ่ปี นุ่ ชอบผลติ ภัณฑ์จากกระดาษสา คนจีนชอบบะหมสี่ ำเรจ็ รปู ใส่ซอง ชอบยาสมนุ ไพรต่างๆ 10. ศึกษากิจวัตรประจำวันรวมถึงพฤติกรรมนิสัยเรื่องการกินการนอนการพักผ่อน ชอบไม่ชอบ อยา่ งไรเพ่ือไมใ่ ห้การปฏิบตั งิ านในหน้าท่ีของมคั คุเทศก์ไปฝนื ความร้สู กึ ของเขา 11. ศึกษาเรียนรู้สถานที่ท่องเที่ยวแบบไหนที่เขาชอบไป แบบไหนที่ไม่ชอบไป เพื่อสนองความ ต้องการในการทอ่ งเที่ยว 12. ศึกษาสิ่งอื่นๆ ที่เขาชอบ และไม่ชอบเกี่ยวกับประเทศไทย เพื่อแนะนำเสริมสร้างภาพพจน์ทีด่ ใี ห้ ประเทศ ฯลฯ ขอ้ ควรศึกษาดงั กลา่ วขา้ งตน้ เป็นตวั อยา่ งใหม้ ัคคเุ ทศก์ไดฝ้ กึ ให้ตนเขา้ ใจในพฤตกิ รรมของ นกั ทอ่ งเท่ียวโดยเฉพาะนักท่องเท่ยี วชาติที่ตนตอ้ งไปนำเทีย่ ว การทีต่ ้องทำความเข้าใจถึงพฤติกรรม นักทอ่ งเท่ียวชาตอิ ื่นนั้น มัคคุเทศก์จะตอ้ งทำตัวเปน็ กลาง คิดเสียวา่ นกั ท่องเทีย่ วแต่ละประเทศมีทั้งข้อดีข้อเสีย การได้ศึกษาถึงพฤติกรรมของนกั ท่องเทีย่ วนบั เป็นสิ่งจำเปน็ อยา่ งย่ิงสำหรบั ผทู้ เ่ี ปน็ มัคคุเทศก์ เพราะ นกั ทอ่ งเที่ยวตอ้ งการผู้ชแี้ นะทส่ี ามารถให้ความผสมกลมกลืน ระหว่างการไดร้ บั ความร้สู นุกสนานควบค่กู ับ ความสามารถทท่ี ำใหเ้ ขาเข้ากับคนในท้องถ่นิ ทีเ่ ขาไปเยือนได้ นกั ท่องเทย่ี วอยากมโี อกาสในการเดินทางทค่ี ุ้มคา่ ประหยดั และปลอดภยั การเข้าใจถงึ พฤติกรรมของเขาจะทำใหม้ ัคคุเทศกม์ คี วามเขา้ อกเข้าใจในตัวเขา ซ่งึ จะ เป็นสว่ นช่วยเสริมให้การทำงานของมคั คเุ ทศกเ์ ป็นไปอย่างราบรื่น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook