Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore anubudhapawati

anubudhapawati

Published by arthit0882811191, 2019-12-22 23:18:37

Description: เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติของอนุพุทธบุคคล

Keywords: พระอัญญาโกณฑัญญะ

Search

Read the Text Version

อนุพทุ ธประวตั ิ (ประวตั ิของบุคคลผตู้ รัสรู้ตามพระพทุ ธเจา้ ) อนุพทุ ธะ คือ อริยสาวกซึ่งได้ตรัสรู้อริยสัจ เพราะปฏิบัตติ ามคาสอนของ พระพทุ ธเจ้า มที ้งั บรรพชิต ท้งั คฤหัสถ์ ท้งั บุรุษ และสตรี ประโยชน์ของการศึกษาอนุพทุ ธประวตั ิ - ทาให้ทราบถึงประวตั ิ และภารกจิ ของพระพุทธศาสนทายาท - ได้แบบอย่างในการรักษา และสืบพระพุทธศาสนา - ได้ศรัทธาในสังฆคุณ

พระสาวกสาคญั - พระอญั ญาโกณฑญั ญะ - พระยสะ - พระอรุ ุเวลกสั สปะ - พระอสั ชิ - - พระสารบี ตุ ร - พระโมคคลั ลานะ - พระมหากสั สปะ - พระมหากจั จานะ (กจั จายนะ) - พระปุณณมนั ตานีบุตร - พระรัฐบาล - พระราหุล - พระอานนท์

พระอญั ญาโกณฑญั ญะ - เป็นบตุ รพราหมณม์ หาศาล - ชาตภมู ิ บา้ นโทณวตั ถุ ใกลก้ รุงกบลิ พสั ดุ์ - เรยี นจบไตรเพท รูล้ กั ษณมนต์ - ทานายลกั ษณะของพระมหาบรุ ุษ “ พระกมุ ารจกั เสดจ็ ออกบวช แลว้ ตรสั รูเ้ ป็นพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ อยา่ งเดียว ” - เป็นหน่งึ ในปัญจวคั คยี ์ ( โกณฑญั ญะ วปั ปะ ภทั ทยิ ะ มหานามะ อสั สชิ )

ติดตามพระมหาบุรุษ บาเพญ็ ทุกรกิริยา • กามสขุ ลั ลกิ านโุ ยค มชั ฌิมาปฏิปทา ขอ้ ปฏิบตั ิท่ีเป็นกลาง ๆ เป็นทางแห่งความหลดุ พน้ ไดแ้ ก่ “การประกอบตนใหพ้ วั พนั ดว้ ยความสขุ ในกามคณุ ” มรรคมีองค์ ๘ • สมั มาทิฏฐิ (ความเห็นท่ีถกู ตอ้ ง) • อตั ตกิลมถานโุ ยค • สมั มาสงั กปั ปะ (ความคิดท่ีถกู ตอ้ ง) • สมั มาวาจา (วาจาท่ีถกู ตอ้ ง) “การประกอบความเหน่ือย • สมั มากมั มนั ตะ (การปฏิบตั ิท่ีถกู ตอ้ ง) เปลา่ แกร่ า่ งกายตนเอง” • สมั มาอาชีวะ (การหาเลีย้ งชีพท่ีถกู ตอ้ ง) • สมั มาวายามะ (ความเพยี รท่ีถกู ตอ้ ง) • สมั มปั ปธาน 4 คอื ความพยายามปอ้ งกนั อกศุ ลท่ียงั ไม่ เกิด ละอกศุ ลท่ีเกิดขนึ้ แลว้ ทากศุ ลท่ียงั ไมเ่ กิด และดารง รกั ษากศุ ลท่ีเกิดขนึ้ แลว้ • สมั มาสติ (การมีสติท่ีถกู ตอ้ ง) • สมั มาสมาธิ (การมีสมาธิท่ีถกู ตอ้ ง)

บรรลุธรรม • ไดด้ วงตาเห็นธรรม (ธรรมจกั ษู) - สาเรจ็ อรหนั ต์ ฟังธมั มจกั กปั วตั นสตู ร ฟังอนตั ตลกั ขณะสตู ร • ส่ิงใดส่งิ หนงึ่ มีความเกิดขนึ้ เป็น - เอตทคั คะ ดา้ นรตั ตญั ญู ธรรมดา สง่ิ นนั้ ทงั้ หมด มีความดบั ผรู้ ูร้ าตรีนาน (มีประสบการณม์ าก) เป็นธรรมดา - จาพรรษาในป่าชา้ งฉทั ทนั ต์ ๑๒ ปี • บวช ดว้ ยเอหภิ กิ ขอุ ปุ สมั มปทา จงึ ปรนิ ิพพาน • เป็นพระภิกษุรูปแรกในพระ พระพทุ ธศาสนา ขนึ้ ๑๕ ค่า เดือน ๘

พระยสะ • เป็นบตุ รของมหาเศรษฐีในเมือง • เดินปลงสงั เวช ออกจากบา้ นไปตาม พาราณสี ทางในป่าอิสปิ ตนมฤคทายวนั เปลง่ อทุ านวา่ “ทน่ี ่ีวุ่นวายหนอ ทน่ี ี่ • มีปราสาท ๓ หลงั เป็นท่ีอยู่ ใน ๓ ฤดู ขัดข้องหนอ” • เหน็ อาการของนางบาเรอประดจุ มาใกลท้ ่ีเสด็จจงกรม พระพทุ ะองคจ์ งึ ซากศพท่ีเขาทิง้ ในป่าชา้ จงึ เบ่ือหน่าย ตรสั วา่ “ท่ีน่ีไมว่ นุ่ วาย ท่ีน่ีไมข่ ดั ขอ้ ง เชิญ หนีออกจากบา้ น มาท่ีน่ีเถิด เราจกั แสดงธรรมแกท่ า่ น”

บรรลุธรรม และออกบวช • พระพทุ ธองค์ ตรสั อนุปุพพกิ ถา ฟอง • ขอบวช ดว้ ยเอหภิ กิ ขุอุปสมั ปทา จิตเขาใหห้ า่ งไกลจากกามแลว้ ตรสั • วมิ ละ สุพาหุ ปุณณชิ ควมั ปติ อริยสจั ๔ ได้ ธรรมจกั ษุ • และ อกี ๕๐ คน บวชตาม พระย • บิดาตดิ ตามมา ฟังอนปุ พุ พิกถา และ สะ อรยิ สจั ๔ ไดธ้ รรมจกั ษุ ประกาศตนเป็น อบุ าสก ถึงรตั นะ ๓ • เอหภิ กิ ขุ ฯ สาหรับผู้ไม่บบรลุอรหนั ต์ • ฝ่าย ยสะ บรรลอุ รหนั ต์ เพราะฟังธรรม “ ทา่ นจงเป็ นภกิ ษุมาเถิด ธรรมอนั เรากล่าวดี เดมิ ๒ ครงั้ แล้ว ทา่ นจงประพฤตพิ รหมจรรย์ เพอ่ื ทาทสี่ ุด แหง่ ทกุ ขโ์ ดยชอบ” สาหรับผู้บรรลุอรหนั ต์ “ทา่ นจงเป็ นภกิ ษุมาเถิด ธรรมอนั เรากล่าวดี แล้ว ทา่ นจงประพฤติพรหมจรรย”์ ตัด “เพอื่ ทาทส่ี ุดแหง่ ทุกขโ์ ดยชอบ” เพราะถงึ ทส่ี ุดแหง่ ทุกขแ์ ล้ว

พระอุรุเวลกสั สปะ • เกิดในสกลุ พราหมณก์ สั สปโคตร ออกบวช ชฎลิ ๓ พ่ีนอ้ ง เหน็ อภินิหารของพระพทุ ธองค์ มีประการ • อรุ ุเวลกสั สปะ มีบรวิ าร ๕๐๐ ตา่ ง ๆ จงึ เกิดความสลดใจ ละลทั ธิเดิม • นทีกสั สปะ มีบรวิ าร ๓๐๐ พาบรวิ าร ๕๐๐ ลอยบรขิ าร ไปตาม • คยากสั สปะ มีบรวิ าร ๒๐๐ แมน่ า้ ทลู ขออปุ สมบท ดว้ ย • ตงั้ อาศรมอยเู่ หนือแมน่ า้ ณ ตาบลอรุ ุ เอหภิ กิ ขอุ ปุ สมั ปทา เวลา เสนานิคม แควน้ มคธ - นอ้ งชายทงั้ ๒ ตามมาขออปุ สมบท

บรรลุธรรม • ฟังธรรมช่ือ อาทติ ตปริยายสูตร • แสดงพระพทุ ธเจา้ วา่ เป็นอาจารย์ “ว่าด้วยไฟ คอื ราคะ โทสะ โมหะ ตนเป็นสาวก เป็ นของร้อน” ภกิ ษุ ๑๐๐๓ รูป เป็ นพระอรหันต์ • ไดร้ บั ยกยกวา่ “เป็ นเลิศกวา่ ภกิ ษุ ทัง้ หลาย ผู้มบี ริวารมาก” ขณะพระพทุ ธองค์ พาไปประทบั ณ ลฏั ฐิวนั พระเจา้ พิมพิสาร พรอ้ มดว้ ย • เน่ืองจากรูจ้ กั เอาใจบรวิ าร สงเคราะห์ บรวิ าร ๑๒ นหตุ เขา้ เฝา้ ดว้ ยอามิสบา้ ง ดว้ ยธรรมตาม ตอ้ งการบา้ ง จงึ ช่ือวา่ มีบรวิ ารมาก • ยอ่ มเป็นท่ีรกั นบั ถือของบรวิ าร คมุ บรวิ ารไวไ้ ด้ เป็นท่ีปรารถนาของสงั ฆ มณฑล

พระสารีบุตร พระโมคคลั ลานะ • พระสารีบตุ ร • พระโมคคลั ลานะ • เดิมช่ือ อปุ ตสิ สะ • เดิมช่ือ โกลติ ะ • เรยี กตามช่ือมารดาวา่ สารบี ตุ ร • เรยี กช่ือตามมารดาวา่ โมคคลั ลานะ • เกิดในสกลุ พราหมณ์ ในอปุ ตสิ สคาม • เกิดในสกลุ พราหมณ์ ในโกลติ คาม • มารดาช่ือ โมคคลั ลี ใกลเ้ มืองราชคฤห์ • เป็นสหายสนิทกบั อุปตสิ สมาณพ • บิดาช่ือ วงั คนั ตะ • มารดาช่ือ สารี • มีสหายท่ีสนิทมากช่ือ โกลติ มาณพ

บรรลุธรรม • ไปเท่ยี วดมู หรสพบนยอดเขา เกิดความ • พระอสั สชิแสดงธรรมว่า “ธรรมเกลา่ ใด สลใจ จงึ ชกั ชวนกนั ออกบวช ในสานกั เกิดแตเ่ หตุ พระศาสดาทรงแสดงเหตุ ของ สญชัยปริพาชก แหง่ ธรรมนนั้ และความดบั แหง่ ธรรมนนั้ พระศาสดาทรงส่งั สอนอยา่ งนี”้ • ทากตกิ าไวว้ า่ ใครไดโ้ มกขธรรมก่อน จงบอกแกก่ นั และกนั • อปุ ติสสะ ไดธ้ รรมจกั ษุ ถามถึงท่อี ย่ขู อง พระศาสดาแลว้ ไปแสดงธรรมตอ่ โกลิตะ • อปุ ตสิ สะ เห็นพระอสั สชิ เดนิ จนไดธ้ รรมจกั ษุ บิณฑบาตร มกี ิรยิ าอาการสารวมดี น่งุ หม่ เรยี บรอ้ ย เกิดมีจิตเล่อื มใส จงึ เขา้ ไป • ทงั้ สองออกจากสานกั พรอ้ มดว้ ยบรวิ าร หาขอใหท้ า่ นแสดงธรรม ไปเฝา้ พระศาสดาท่เี วฬวุ นั ขอบวชด้วย เอหภิ กิ ขุอุปสัมปทา • ภิกษุเรยี กทงั้ สองวา่ สารีบุตร และ โมคคลั ลานะ

บรรลุอรหนั ต์ • พระโมคคลั ลานะ อุปสมบทได้ ๗ วัน ก็สาเร็จพระ • พระสารบี ตุ ร อปุ สมบทได้ ๑๕ วัน ก็ อรหนั ต์ สาเรจ็ อรหนั ต์ ดว้ ยพระธรรมเทศนา • ดว้ ยพระศาสดาทรงส่งั สอน และแนะอบุ ายแกง้ ่วงให้ ๘ ประการ ช่ือ เวทนาปริคคหสูตร ท่ีพระ ศาสดาแสดงแก่ ทฆี นขอคั คเิ วสน ๑. โมคคลั ลานะ เม่อื เธอมีสญั ญาอยา่ งใดแลว้ เกิดความงว่ ง ขนึ้ เธอจงทาไวใ้ นใจซง่ึ สญั ญาอย่างนน้ั ใหม้ าก จะเป็นเหตใุ ห้ โคตร ทถ่ี า้ สุกรขาตา ละความงว่ งได้ • ได้รับยกย่องว่าเป็ นอัครสาวกฝ่ าย ๒.ถา้ ยงั ละไมไ่ ด้ เธอควรตรกึ ตรองถึงธรรมท่ีไดเ้ รยี นมาแลว้ ได้ ฟังมาแลว้ ใหม้ าก จะเป็นเหตใุ หล้ ะความงว่ งได้ ขวา ผู้มปี ัญญามาก ๓.ถา้ ยงั ละไมไ่ ด้ เธอควรสาธยายธรรมท่ีไดเ้ รยี นไดฟ้ ังมาแลว้ • สามารถแสดงพระธรรมจักร กับ ใหม้ ากจะเป็นเหตใุ หล้ ะความงว่ งได้ ๔.ถา้ ยงั ละไมไ่ ด้ เธอควรยอนชว่ งหทู ง้ั สองขา้ ง และลบู ตวั ดว้ ย อรยิ สัจ ๔ ไดเ้ หมอื นพระศาสดา ฝ่ายมือจะเป็นเหตใุ หล้ ะความงว่ งได้ ๕.ถา้ ยงั ละไมไ่ ด้ เธอจงลกุ ขนึ้ แลว้ ลบู นยั นต์ า ลบู หนา้ ดว้ ยนา้ เหลยี วดทู ศิ ทงั้ หลาย แหงนดดู าว จะเป็นเหตใุ หล้ ะความงว่ งได้

อุบายแกง้ ่วง (ต่อ) • ๖.ถา้ ยงั ละไมไ่ ด้ เธอควรทาไวใ้ นใจถงึ อาโลก • แลว้ ทรงสงั่ สอนใหส้ าเนียกดว้ ย สญั ญา ถือ กาหนดความสวา่ งไวใ้ นใจเหมอื นกนั ขอ้ ปฏิบตั ิ อีกวา่ ทงั้ กลางวนั และกลางคนื ทาใจใหเ้ ปิด ใหส้ วา่ ง จะ เป็นเหตใุ หล้ ะความง่วงได้ ๑. เราอยา่ ชูง่วงเขา้ ไปสู่สกลุ 7.ถา้ ยงั ละไมไ่ ด้ เธอควรเดินจงกรมสารวมอินทรยี ์ มีจิตใจไมค่ ิดไปภายนอก จะเป็นเหตใุ หล้ ะความ ๒. อยา่ พดู คาซ่ึงเป็นเหตุเถียงกนั งว่ งได้ 8.ถา้ ยงั ละไมไ่ ด้ เธอควรสาเรจ็ สีหไสยาสน์ นอน ๓. อยา่ คลุกคลีดว้ ยหมู่คณะ ใหย้ นิ ดี ตะแคงขวา ซอ้ นเทา้ ใหเ้ ล่อื มกนั มสี ติสมั ปชญั ญะ ในเสนาสนะอนั สงดั หมายใจวา่ จะลกุ ขนึ้ เป็นนิตย์ เม่อื ต่ืนแลว้ ควรรบี ลกุ ขนึ้ ดว้ ยตงั้ ใจวา่ เราจะไมป่ ระกอบความสขุ ใน การนอนและการเคลมิ้ หลบั อีกจะเป็นเหตใุ หล้ ะ ความง่วง ได้ พระพทุ ธองค์ ตรสั สอนอบุ ายเพ่อื บรรเทาความงว่ งโดยลาดบั จนท่สี ดุ ถา้ ยงั ไมห่ าย ง่วงก็ใหน้ อน แตใ่ หน้ อนอยา่ งมีสติ

ต่อ • ไดร้ บั ยกยอ่ งจากพระศาสดาใหเ้ ป็น • พระโมคคลั ลานะ เขา้ ใจงาน นวกรรม อัครสาวกเบอื้ งซ้าย และเป็ น ( งานเก่ียวกบั ช่าง การกอ่ สรา้ ง) เอตทัคคะด้าน มฤี ทธ์ • ครนั้ เม่ือนาววิสาขาสรา้ ง • ได้รับยกยอ่ งคู่กับ พระสารีบุตรว่า วดั บพุ พาราม พระศาสดาใหท้ า่ นเป็น “พระสารบี ตุ รเหมือนมารดายงุ บตุ รให้ นวกมั มาธิฏฐายี คือ ผดู้ แู ลนวกรรม เกิด พระโมคคลั ลานะเหมือนนางนมผู้ เลยี้ งทารกท่ีเกิดแลว้ พระสารบี ตุ รยอ่ ม แนะนาใหต้ งั้ อยใู่ นโสดาปัตตผิ ล พระ โมคคลั านะ แนะนาใหอ้ ยใู่ นคณุ เบือ้ งบน ท่ีสงู กวา่ นนั้ ”

ไดร้ ับยกยอ่ งพิเศษอยา่ งอ่ืน • พระสารบี ตุ ร มีปัญญาอนเุ คราะห์ • พระสารีบตุ รมีปฏิภาณในการแสดง เพ่ือนบรรพชิตดว้ ยกนั ธรรม • พระสารรบี ตุ รเป็นคู่ กบั • พระสารบี ตุ รมีความกตญั ญกู ตเวที พระโมคคลั านะ เหมือนมารดา กบั นางนมผเู้ ลยี้ งดบู ตุ ร • พระสารบี ตุ รเป็นาลงั ใหญ่ในการ ประกาศพระศาสนาธรรมภาษิตมี - มีคาเรยี กช่ือแทนช่ือทา่ น วา่ มากกวา่ สาวกรูปอ่ืน “พระธรรมเสนาบดี คู่กับ • พระสารีบตุ รนิพพานกอ่ นพระศาสดา พระบรมศาสดาว่า พระธรรมราชา” ท่ีบา้ นเดินใน นาลนั ทาดว้ ย โรค ทอ้ งรว่ ง ในวนั เพญ็ เดือน ๑๒

พระมหากสั สปะ • ช่ือเดิม ปิปผลิ มาณพ • โอวาท ๓ ขอ้ • แตง่ งานกบั นางภทั ทกาปิลานี • ๑. เธอจกั เขา้ ไปตงั้ ความละอายและ ความเกรงใจไว้ ในภกิ ษุผเู้ ฒา่ ผใู้ หม่ • พบพระศาสดาท่ี พหปุ ตุ ตนิโครธ และผปู้ านกลางอยา่ งแรงกลา้ • บวชดว้ ยกรณีพเิ ศษ คือ รบั โอวาท ๓ • ๒. เราจกั ฟังะรรมอนั ใดอนั หน่งึ ซง่ึ ขอ้ โอวาทคั คมนปู สมั ปทา ประกอบดว้ ยกศุ ล เราจกั เง่ียหฟู ัง ธรรมนนั้ พจิ ารณาเนือ้ ความ • ๓. เราจกั ไมล่ ะสตไิ ปในกาย

บรรลุธรรม • วนั ท่ี ๘ นบั แตอ่ ปุ สมบท กส็ าเรจ็ • พระศาสดาทรงแลกสงั ฆาฏิไปทรง อรหนั ต์ ตรสั วา่ มีวหิ ารธรรมเสมอพระองค์ • เป็นเอตทคั คะดา้ น ทรงธุดงค์ • วางตวั ดี เม่ือเขา้ ไปในสกลุ ชกั กาย • ถือธดุ งค์ ๓ ขอ้ คือ และใจ ออกหา่ ง • ๑.ถือทรงผา้ บงั สกุ ลุ เป็นวตั ร • ๒.ถือเท่ียวบณิ ฑบาตรเป็นวตั ร • มีจิตเมตตากรุณาแสดงธรรมต่อผอู้ ่ืน • เป็นแบบอยา่ งใหภ้ ิกษุปฏิบตั ดิ ี ชอบ • ๓.ถืออยปู่ ่าเป็นวตั ร • ภายหลังพุทธปรินิพพานเป็ น ประธานปฐมสังคายนา • อายุ ๑๒๐ ปี นิพพาน • ณ กุกกุฏสัมปาตบรรพต

พระมหากจั จายนะ • เป็นบตุ รของปโุ รหติ กจั จายนโคตรของ • แสดงภทั เทกรตั ตสตู ร ตอ่ พระศาสดาได้ พระเจา้ จนั ทปัชโชต กรุงอชุ เชนี • ผมู้ ีความเพยี รไมเ่ กลยี จครา้ นทงั้ • บิดานามวา่ กญั จนะ กลางวนั กลางคืน อย่ดู ว้ ยความไม่ • เรยี นจบไตรเพท ประมาท เรยี กวา่ ภทฺเทกรตโฺ ต ผมู้ ีราตรี • รบั ตาแหนง่ ปโุ รหิตตอ่ จากบิดา เดยี วเจรญิ • เอตทคั คะ อธิบายความยอ่ ใหพ้ ศิ ดาร • บวชดว้ ย เอหภิ กิ ขอุ สุ มั ปทา • ชอใหแ้ กไ้ ขพระพทุ ธบญั ญตั บิ างขอ้ ซง่ึ ขดั ตอ่ ภมู ิประเทศ “ใหป้ ัจจนั ตชนบท อปุ สมบทพระภิกษุไดโ้ ดย การกสงฆ์ ๕ รูป - นิพพานภายหลงั พระศาสดา

พระอานนท์ • โอรสพระเจา้ สกุ โกทนะ • ๕.โปรดเสดจ็ ไปท่นี ิมนตท์ ่ขี า้ พองคร์ บั ไว้ • พระนางกีสาโคตมี เป็นพระมารดา • นบั เป็นอนชุ าพระศาสดา • ๖.ใหพ้ าพทุ ธบรษิ ัทท่มี าเฝา้ เขา้ เฝา้ ได้ ในขณะท่มี า • ก่อนอปุ ัฏฐากทลู ขอพร ๘ ประการ • ๑.อยา่ ประทานจีวรอนั ประณีต • ๗.ถา้ เกิดความสงสยั ขอใหท้ ลู ถามได้ • ๒.อย่าประทานบณิ ฑบาตรอนั ประณีต ทกุ เม่ือ • ๓. อยา่ โปรดใหอ้ ย่ทู ่ปี ระทบั เดียวกนั • ๔. อยา่ พาขา้ พระองคไ์ ปในท่นี ิมนต์ • ๘. ถา้ พระองคแ์ สดงธรรมท่ใี ดลบั หลงั ขา้ พองค์ โปรดแสดงใหข้ า้ พองคฟ์ ังอีก

เหตุแห่งการทูลขอพร • ถา้ ไมไ่ ดพ้ ร ๕ ขอ้ ขา้ งตน้ จะมีคน • ถา้ ไมไ่ ดพ้ รขอ้ สดุ ทา้ ย จกั มีผถู้ ามในท่ี ครหาวา่ พระอานนทไ์ ดล้ าภอยา่ งนนั้ ลบั หลงั วา่ ธรรมนีพ้ ระองคต์ รสั ท่ีไหน ๆ จงึ บารุงพระศาสดา ถา้ บอกเขาไมไ่ ดเ้ ขาก็จะตเิ ตียนวา่ ทา่ นไมร่ ูแ้ มแ้ ตเ่ รอ่ื งแคน่ ี้ ตามเสดจ็ ดจุ • ถา้ ไมไ่ ดพ้ ร ๓ ขอ้ เบือ้ งปลาย คน เงาตามตวั สนิ้ กาลนาน เพราะเหตุ ทงั้ หลายก็จะพดู วา่ พระอานนทบ์ ารุง พระศาสดาไปทาไม เพราะพระองค์ อะไรกนั ไมท่ รงอนเุ คราะห์ แมด้ ว้ ยกิจเพียงแค่ นนั้

เอตทคั คะ ๕ สถาน • ๑.เป็นพทุ ธอปุ ัฏฐาก • ฟังธรรมจากพระปณุ ณมนั ตาณีบตุ ร • ๒.เป็นพหสู ตู ไดธ้ รรมจกั ษุ • ๓.มีสติ • ๔.มีธิติ • อรหนั ต์ กอ่ นทาปฐมสงั คายนา • ๕.มีความเพียร • เป็นผวู้ สิ ชั นา พระธรรม ในปฐม สงั คายนา • นิพพานกลางอากาศเหนือแมน่ า้ โรหิณี • มีช่ือเรยี กอีกช่ือวา่ ธรรมภณั ฑาคารกิ

พระรัฐบาล • เป็นบตุ รของรฐั ปาลเศรษฐี ผเู้ ป็น • บวชได้ ๑๕ วนั กบ็ รรลอุ รหนั ต์ หวั หนา้ หมบู่ า้ นชาวถลุ ลโกฏฐิตนิคม แควน้ กรุ ุ • ลาพระศาสดากลบั ไปบา้ นเกิด พกั อยู่ ท่ี มคิ จิรวนั อทุ ยานของพระเจา้ โกรพั • ฟังธรรมจากพระศาสดาแลว้ เกิด ยะ กษัตรยิ แ์ ควน้ กรุ ุ ความเล่อื มใส อยากจะบวช จงึ ทลู ขอบวช • พระเจา้ โกรพั ยะ เสด็จผา่ นจงึ เขา้ ไป สนทนา ตรสั ถามถงึ ความเส่อื ม ๔ • มารดาบิดาไมอ่ นญุ าตจงึ อดอาหาร อยา่ ง ประทว้ ง ยอมอดอาหารตาย

พระรัฐบาล (ต่อ) • พระเจา้ โกรพั ยะตรสั ถามถงึ ความ ๒.โลกคือหมสู่ ตั ว์ ไมม่ ีผปู้ อ้ งกนั ไมเ่ ป็น เส่อื ม ๔ อยา่ ง คือ แกช่ รา ๑ เจบ็ ไข้ ๑ ใหญ่เฉพาะตน สนิ้ โภคทรพั ย์ ๑ สนิ้ ญาติ ๑ อยา่ งนี้ ๓. โลกคือหมสู่ ตั ว์ ไมม่ ีอะไรเป็นของ ๆ ไมม่ ีแก่ทา่ น ทา่ นรูเ้ หน็ หรอื ไดฟ้ ังมา ตน จาตอ้ งละทงิ้ สง่ิ ทงั้ ปวงไป อยา่ งไร จงึ ไดอ้ อกบวช ๔. โลกคือหมสู่ ตั วพ์ รอ่ งอยเู่ ป็นนิตย์ ไม่ รูจ้ กั อ่มิ เป็นทาสแหง่ ตณั หา • พระรฐั บาลไดฟ้ ังจงึ แสดงธรรมเุ ทศ ๔ ขอ้ เป็นเอตทคั คะ ดา้ นบวชดว้ ยศรทั ธา ๑. โลกคือหมสู่ ตั ว์ อนั ชราเป็นผนู้ า นาเขา้ ไปใกลไ้ มย่ ่งั ยืน

พระปุณณมนั ตานีบุตร • เป็นบตุ รพราหมณม์ หาศาล ในบา้ น • พระอญั ญาโกณทญั ญะ เป็นผชู้ กั นา พราหมณ์ ช่ือ โทณวตั ถุ ใหม้ าบวช ไมน่ านก็บรรลพุ ระอรหนั ต์ • เดิมช่ือ ปณุ ณะ มารดาช่ือ มนั ตานี • ตงั้ อยใู่ นคณุ ธรรม ๑๐ ประการ คือ คนจงึ มกั เรียกวา่ ปณุ ณมนั ตานีบตุ ร มกั นอ้ ย ๑ สนั โดษ ๑ ชอบสงดั ๑ ไมข่ อ้ ง • เป็นหลานของพระ อญั ญา กบั หมู่ ๑ ปรารภความเพียร ๑ บรบิ รู ณ์ โกณทญั ญะ ดว้ ยศีล ๑ สมาธิ ๑ ปัญญา ๑ วมิ ตุ ตฺ ๑ วมิ ตุ ติญาณทสั สนะ ๑ • มารดาเป็นนอ้ งสาว พระอญั ญา โกณทญั ญะ - ชกั นาใหบ้ รวิ าร ตงั้ อยใู่ นคณุ ๑๐ ประการเหมือนตน

ต่อ • สนทนาธรรมกบั พระสารบี ตุ ร เปรยี บ วิสทุ ธิ ๗ ประการ เหมือนรถ ๗ ผลดั • ในท่ีสดุ แหง่ การสนทนา กอ็ นโุ มทนา กนั และกนั • เป็นเอตทคั คะ ดา้ นธรรมกถกึ (นกั เทศน)์ • แสดงธรรมใหพ้ ระอานนทฟ์ ังจนบรรลุ โสดาบนั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook