Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประวัติ

ประวัติ

Published by fordxc34, 2020-02-04 02:21:02

Description: ทำเนียบกษัตริย์

Search

Read the Text Version

ประวัติศาสตร์ รวมเร่ืองราวตา่ งๆของประวตั ศิ าสตร์ ของสยามประเทศ

คานา หนังสือประวัติศาสตร์เล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาการสร้างหนังอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งข้าเจ้า ได้รับมอบหมายจากคุณครูให้จัดทาหนังสือเล่มนี้ขึ้นตามความสนใจโดยบูรณาการกับวิชา ประวัติศาสตร์เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้จะประกอบไปด้วยเรื่องน่ารู้ทางประวัติศาสตร์อาทิ เช่น การเสยี ดนิ แดนของไทย แผน่ ดนิ ไทย ธรรมเนยี บพระมหากษตั รยิ ์ไทยและอ่นื ๆ ชอขอบคุณครูประภัสสร ก๋าเขียวที่ให้แนะนาปรึกษาและเพื่อนๆที่ให้คาแนะนา ตลอดจนหนังสือเล่มนี้ลุล่วงไปด้วยดีหากมีข้อผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย จัดทาโดย ด.ช.ธนากร หนา้ ตรง ด.ช.ณวดล จารเุ นตรรศั มี

สารบัญ เรือ่ ง หน้า คานา ก สารบัญ ข การเสียดนิ แดน 1 ธรรมเนยี บกษตั ริย์ 2 การปกครอง 4 ธงชาติไทย 7

การเสยี ดินแดนไทย ครัง้ ท1่ี เกาะหมาก 2 ทวายตะนาวศรี 3 บันทายมาศ 4 แสนหวี เมืองพง 5 รฐั เปรคั 6 สบิ สองปันนา 7 เขมร 8สิบสองจุไทย 9 แม่นา้ สารวนิ 10 ล้านช้างครงั้ ท่ี 11 จาปาสัก-ไซยยะบรู

ทาเนียบกษัตริย์ 1 พ่อขนุ ศรอี นิ ทราทติ ย์ (พ่อขนุ บางกลางหาว) พ.ศ. 1740 พ.ศ. 1792 พ.ศ. 1822 30 ปี 2 พ่อขนุ บานเมอื ง พ.ศ. 1780 3 พอ่ ขนุ รามคาแหงมหาราช (พ่อขุนรามราช) ระหวา่ ง พ.ศ. 1780–1790 พ.ศ. 1822 1 ปี 4 พระยาเลอไทย พ.ศ. 1805 5 พระยางั่วนาถม พ.ศ.1809 พ.ศ. 1822 พ.ศ. 1841 19 ปี 6 พระมหาธรรมราชาท่ี 1 (ลไิ ทย) พ.ศ.1843 พ.ศ. 1841 พ.ศ. 1866 25 ปี ภายใตก้ ารปกครองของอาณาจักรอยุธยา 7 พระมหาธรรมราชาท่ี 2 (ลือไทย) พ.ศ. 1866 พ.ศ. 1890 24 ปี 8 พระมหาธรรมราชาที่ 3 (ไสลือไทย) 9 พระมหาธรรมราชาที่ 4 (บรมปาล) พ.ศ. 1890 พ.ศ. 1911 21 ปี ? พ.ศ. 1911 พ.ศ. 1942 31 ปี ? พ.ศ. 1943 พ.ศ. 1962 19 ปี ? พ.ศ. 1962 พ.ศ. 1981

ราชวงศอ์ ทู่ อง สมเด็จพระรามาธบิ ดที ่ี 1 (พระเจ้าอทู่ อง) พ.ศ. พ.ศ. 1893 พ.ศ. 1912 20 ปี (คร้งั ที่1) 1855 ไมถ่ งึ 1 ปี 1 2 สมเดจ็ พระราเมศวร พ.ศ. พ.ศ. 1912 พ.ศ. 1913 พ.ศ. 1938 1885 ราชวงศ์สพุ รรณภูมิ (ครัง้ ที่ 1) 3 สมเดจ็ พระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพะงว่ั ) พ.ศ. พ.ศ. 1913 พ.ศ. 1931 18 ปี 1853 7 วนั 4 สมเด็จพระเจ้าทองลัน (เจา้ ทองจันทร์) พ.ศ. พ.ศ. 1931 1917 ราชวงศ์อู่ทอง (ครั้งท2่ี ) 2(2) สมเดจ็ พระราเมศวร พ.ศ. พ.ศ. 1931 พ.ศ. 1938 7 ปี 1885 15 ปี 5 สมเดจ็ พระรามราชาธิราช พ.ศ. พ.ศ. 1938 พ.ศ. 1952 ? 1899 ราชวงศ์สุพรรณภูมิ (ครง้ั ที่ 2) 6 สมเด็จพระอินทราชา (เจา้ นครอินทร)์ พ.ศ. พ.ศ. 1952 พ.ศ. 1967 15 ปี 1902 24 ปี 40 ปี 7 สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2(เจา้ สามพระยา) พ.ศ. พ.ศ. 1967 พ.ศ. 1991 3 ปี 1929 38 ปี 4 ปี 8 สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พ.ศ. พ.ศ. 1991 พ.ศ. 2031 5 เดอื น 1974 13 ปี 2 ปี 9 สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชที่ 3 พ.ศ. พ.ศ. 2031 พ.ศ. 2034 42 วนั (ไมไ่ ด้รับการ 2005 ยกยอ่ ง) 20 ปี 10 สมเดจ็ พระรามาธิบดีท่ี 2 พ.ศ. พ.ศ. 2034 พ.ศ. 2072 1 ปี 2015 11 สมเด็จพระบรมราชาธริ าชที่ 4(หนอ่ พุทธางกรู ) พ.ศ. พ.ศ. 2072 พ.ศ. 2076 1992 12 พระรัษฎาธิราช พ.ศ. พ.ศ. 2077 2034 13 สมเดจ็ พระไชยราชาธริ าช พ.ศ. พ.ศ. 2077 พ.ศ. 2089 2013 14 พระยอดฟา้ (พระแกว้ ฟา้ ) พ.ศ. พ.ศ. 2089 พ.ศ. 2091 2078 - ขุนวรวงศาธิราช พ.ศ. พ.ศ. 2091 2049 15 สมเด็จพระมหาจกั รพรรดิ (พระเจา้ ชา้ งเผือก) พ.ศ. พ.ศ. 2091 พ.ศ. 2111 2048 16 สมเด็จพระมหินทราธิราช พ.ศ. พ.ศ. 2111 7 สค. 2112 2082

ราชวงศส์ ุโขทยั 17 สมเด็จพระสรรเพชญท์ ี่ 1 (สมเด็จพระมหาธรรม พ.ศ. พ.ศ. 2112 พ.ศ. 2133 21 ปี ราชาธิราช) 2064 15 ปี 5 ปี 18 สมเดจ็ พระสรรเพชญท์ ่ี 2 (สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช) พ.ศ. 29 กค. 25 เมย.. 2099 2133 2148 19 สมเดจ็ พระสรรเพชญท์ ี่ 3 (สมเดจ็ พระเอกาทศรถ) พ.ศ. 25 เมย. พ.ศ. 2153 2106 2148 20 สมเดจ็ พระสรรเพชญท์ ่ี 4 (สมเดจ็ พระศรเี สาวภาคย์) ? พ.ศ. 2153 2 เดอื น 21 สมเดจ็ พระบรมราชาที่ 1 (สมเดจ็ พระเจา้ ทรงธรรม) พ.ศ. พ.ศ. 2154 12 ธค. 17 ปี 2131 2171 22 สมเดจ็ พระบรมราชาท่ี 2 (สมเดจ็ พระเชษฐาธริ าช) พ.ศ. พ.ศ. 2171 พ.ศ. 2173 1 ปี 7 เดอื น 2140 23 สมเด็จพระอาทติ ยวงศ์ พ.ศ. พ.ศ. 2173 พ.ศ. 2173 พ.ศ. 2178 36 วัน 2161 ราชวงศป์ ราสาททอง 24 สมเดจ็ พระสรรเพชญท์ ี่ 5 (สมเดจ็ พระเจา้ ปราสาททอง) พ.ศ. พ.ศ. 2173 พ.ศ. 2199 25 ปี 2143 25 สมเดจ็ พระสรรเพชญ์ท่ี 6 (สมเดจ็ เจ้าฟา้ ไชย) ? พ.ศ. 2199 9 เดอื น 26 สมเดจ็ พระสรรเพชญ์ท่ี 7 (สมเด็จพระศรสี ุธรรมราชา) ? พ.ศ. 2199 2 เดอื น 17 วนั 27 สมเดจ็ พระรามาธิบดีที่ 3 (สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช) พ.ศ. 11 32 ปี 2175 พ.ศ. 2199 พ.ศ. 2231 กรกฎาคม พ.ศ. 2231 ราชวงศบ์ า้ นพลูหลวง 28 สมเดจ็ พระเพทราชา พ.ศ. พ.ศ. 2231 พ.ศ. 2246 15 ปี 2175 29 สมเดจ็ พระสรรเพชญ์ที่ 8 (สมเด็จพระสุริเยนทราธบิ ดี) พ.ศ. พ.ศ. 2246 พ.ศ. 2251 5 ปี (พระเจ้าเสือ) 2204 30 สมเด็จพระสรรเพชญท์ ่ี 9 (สมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัวทา้ ยสระ) พ.ศ. พ.ศ. 2251 พ.ศ. 2275 24 ปี 2221 31 สมเด็จพระบรมราชาธิราชท่ี 3 (สมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวบรม พ.ศ. พ.ศ. 2275 พ.ศ. 2301 26 ปี โกศ) 2223 32 สมเดจ็ พระบรมราชาธิราชที่ 4 (สมเดจ็ พระเจ้าอุทมุ พร/ พ.ศ. พ.ศ. 2301 พ.ศ. 2339 2 เดือน ขุนหลวงหาวดั ) 2265 33 สมเด็จพระบรมราชาท3่ี (สมเดจ็ พระที่น่ังสรุ ยิ าศน์อัมริ พ.ศ. พ.ศ. 2301 7 เมย. พ.ศ. 2310 9 ปี นทร์/พระเจ้าเอกทัศ) 2252 2310

22 มีค. สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 (สมเดจ็ พระเจา้ กรุง 2277 28 ธค. 6 เมย. 2325 1ธนบุร)ี หรือ 2310 (พระชนมาย47 (สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราช) 17 เมย. พรรษา) 2277

1พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราช (รชั กาลท่ี 1) 20 มค. 2279 6 เมย. 2325 13 มย. 2325 7 กย. 2352 27 ปี (พระชนมายุ 72 พรรษา) 2พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หล้านภาลยั (รชั กาลท่ี 2) 24 กพ. 2310 7 กย. 2352 7 กค. 2367 15 ปี 3(พพรระะบมาหทาสเจมษเดฎจ็ าพรราะชนเจงั่ า้เก) ล(ร้าัชเจกา้าอลยทหู่ ่ี 3วั ) (พระชนมายุ 57 พรรษา) 4พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจา้ อยหู่ วั (รัชกาลท่ี 4) 5(พพรระะบปาิยทมสหมาเรดาจ็ ชพ)(รระัชจกลุ าจลอทมี่ เ5ก)ลา้ เจา้ อยหู่ ัว 31 มคี . 2330 21 กค. 2367 2 เมย. 2394 27 ปี 6พ(พรระะบมาหทาสธมีรเรดา็จชพเจร้าะ)ม(งรกชั ฎุกเากลลท้าี่ เ6จ)า้ อยหู่ วั (พระชนมายุ 63 พรรษา) 7พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจา้ อยหู่ วั (รชั กาลท่ี 7) 18 ตค.2347 2 เมย. 2394 6 เมย. 2394 1 ตค. 2411 17 ปี (พระชนมายุ 63 พรรษา) 8พ(พรระะบอาัฐทมสรมามเดาจ็ ธพบิ รดะนิ ปทรรเม) น(รทชั รกมาหลทาอี่ 8า)นนั ทมหดิ ล 9(พสรมะเบดา็จทพสรมะภเดทั ็จรพมรหะาปรรามชิน) ท(รรชั มกหาาลภทูม่ี 9ิพ)ลอดุลยเดช 20 กย. 2gg396 1 ตค. 2411 11 พย. 2411 23 ตุค. 2453 42 ปี (พระชนมายุ 57 พรรษา) 1 มค. 2423 3 ตค. 2453 11 พย. 2454 26 พย. 2468 15 ปี (พระชนมายุ 45 พรรษา) 2 มคี . 2477 9 ปี 8 พย. 2436 26 พย. 2468 25 กพ. 2469 สวรรคต 30 พค 2484 (พระชนมายุ 47 พรรษา) 20 กย. 2468 2 มีนาคม 9 มิย. 2489 9 มยิ . 2489 12 ปี พ.ศ. 2477 (พระชนมายุ 20 พรรษา) 5 ธค. 2470 5 พค. 2493 ปัจจบุ ัน(ป5ี 7) 68 ปี 127 วัน+ (พระชนมายุ 86 ปี 313 วัน+) (จนถงึ ปี2557)

ราชวงศ์จกั รกรี

การปกครอง 1.องคป์ ระกอบของสถาบนั การปกครองโดยทว่ั ไป ไดแ้ ก่ 1.1 ประมขุ ของประเทศ 1.2 ฝ่ายบริหารหรือรัฐบาล 1.3 ฝ่ายนิติบญั ญตั ิหรือรัฐสภา 1.4 ฝ่ายตลุ าการหรือศาล 2.อานาจหนา้ ที่ของสถาบนั ตา่ งๆจะมีมากนอ้ ยเพยี งไร ยอ่ มข้ึนอยกู่ บั ระบอบการปกครองของประเทศน้นั 4.1 ววิ ฒั นาการการปกครองของไทย วิวฒั นาการการปกครองของไทยแบง่ เป็นสมยั ต่างๆ ดงั น้ี -สมยั สมบรู ณาญาสิทธิราชย์ แบ่งไดเ้ ป็น 4 ยคุ ดงั น้ี -สมยั สุโขทยั มีลกั ษณะการปกครองที่สาคญ ดงั น้ี 1.กษตั ริยมื ีฐานะเหมือน “บิดาปกครองบุตร” ท่ีเรียกวา่ “ปิ ตรุ าชา” 2.ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งกษตั ริยก์ บั ประชาชนเป็นไปอยา่ งใกลช้ ิด 3.ประชาชนขนานพระนานกษตั ริยว์ า่ ”พอ่ ขนุ ” เรียกขา้ ราชการผใู้ หญว่ า่ ”ลูกขนุ ”โดยเฉพาะในตอนตน้ สุโขทยั สมัยอยธุ ยา 1.ความเช่ือของกษตั ริยเ์ ปลี่ยนแปลงไปตามความเช่ือของขอมที่วา่ กษตั ริยเ์ ปรียบเสมือนเทพเจา้ ที่เรียกวา่ ”เทวราชา” 2.มีการขนานนามพระมหากษตั ริยว์ า่ “สมเด็จ” หรือ “พระเจา้ ” 3.กษตั ริยท์ รงใชอ้ านาจบริหารแผน่ ดินโดยอาศยั ขนุ นางและขา้ ราชการฝ่ายตา่ งๆ 4.ในสมยั สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ ทรงปรับปรุงการปกครองเป็นดงั น้ี คือ - สมหุ นายก รับผดิ ชอบกิจกรรมพลเรือน - สมหุ กลาโหม รับผิดชอบดา้ นการทหาร 5.ในดา้ นการศาลและกฎหมาย มีกฎหมายท่ีเรียกวา่ “คมั ภีร์พระมนูธรรมศาสตร์”

สมยั ธนบรุ ี การปกครองส่วนใหญ่คงถือตามแบบอยธุ ยาเป็นหลกั สมยั รัตนโกสินทร์ก่อนการเปล่ียนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 1.ในระยะแรกถือตามแบบสมยั อยธุ ยาและธนบรุ ี 2.การเปลี่ยนแปลงการปกครองค้งั สาคญั ในสมยั รัตนโกสิทร์มีข้ึนในสมยั รัชกาลที่ 5 โดยมีการปฏิรูปการปกครองค้งั ใหญใ่ นปี พ.ศ. 2435 ไดแ้ ก่ 2.1 จดั ต้งั กระทรวงต่างๆข้ึน 12 กระทรวง 2.2 ปรับปรุงการคลงั 2.3 ปรับปรุงการศาลตามแบบประเทศตะวนั ตก 2.4 ปรับปรุงการต่างประเทศ 2.5 จดั การปกครองแบบเทศาภิบาลในส่วนภมู ิภาค 2.6 เริ่มทดลองการปกครองแบบสุขาภิบาลในทอ้ งถ่ินเป็นคร้ังแรก 2.7 โปรดให้ต้งั สภาข้ึน 2 สภา คือ ก. สภาที่ปรึกษาราชการแผน่ ดิน (Council of State) ข. สภาที่ปรึกษาในพระองคื (Privy Council) 3.ในสมยั รัชกาลที่ 6 ไดใ้ ชแ้ ผนการปกครองอยา่ งสมยั รัชกาลที่ 5 แต่ไดม้ ีการปรับปรุงเพมิ่ ข้ึนอีกหลายอยา่ ง คือ 3.1 ต้งั กระทรวงทหารเรือและกระทรวงพาณิชย์ 3.2 รวมมณฑลต่างๆเขา้ เป็ นภาค 3.3 ทรงวางรากฐานเพ่อื การปกครองระบอบประชาธิปไตยข้ึนหลายอยา่ ง คือ ก.สร้างเมืองจาลองข้ึนเพือ่ ทดลองการปกครองระบอบประชาธิปไตย เรียกชื่อวา่ “ดุสิตธานี” ข.ออกพระราชบญั ญตั ิประถมศึกษา ค.พระราชทานเสรีภาพโดยผา่ นทางหนงั สือ 4.ในสมยั รัชกาลที่ 7 ทรงมีพระดาริพระราชทานรัฐธรรมนูญให้แก่ประชาชนชาวไทย แต่พอเกิดการปฏิวตั ิเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยคณะราษฎร์

4.2 การปฏวิ ตั ิเปลยี่ นแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 1.สาเหตุของการปฏิวตั ิเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย 1.1 คนรุ่นใหม่ที่ไดร้ ับการศึกษาจากประเทศตะวนั ตก ตอ้ งการเปลี่ยนแปลงการปกครองตามแบบอารยประเทศ 1.2 เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่า รัฐบาลไมส่ ามารถแกไ้ ขได้ 1.3 เห็นวา่ ประเทศญี่ป่ นุ และจีนมีการเปล่ียนแปลงการปกครองแลว้ 1.4 เกิดความขดั แยง้ ในกลุ่มผปู้ กครองประเทศ 2. คณะราษฎร ซ่ึงประกอบดว้ ยการปกครองฝ่ายทหารและพลเรือนไดท้ าการปฏิวตั ิเปล่ียนแปลงการปกครองสาเร็จ เม่ือวนั ท่ี 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 โดยพระมหากษตั ริยย์ งั ทรงเป็ นประมุขของชาติและมีพระราชอานาจตามขอบเขตแห่งกฎหมาย 3.นโยบายของคณะราษฎร ท่ีเรียกวา่ หลกั 6 ประการ มีดงั น้ี คือ 3.1 จะตอ้ งรักษาความเป็ นเอกราชท้งั หลาย 3.2 จะตอ้ งรักษาความปลอดภยั ในประเทศ 3.3 จะตอ้ งรักษาความสุขสมบูรณ์ของราษฎร์ในทางเศรษฐกิจ 3.4 จะตอ้ งให้ราษฎร์มีสิทธิเสมอภาคกนั 3.5 จะตอ้ งใหร้ าษฎร์ไดม้ ีเสรีภาพ มีความเป็นอิสระ 3.6 จะตอ้ งใหก้ ารศึกษาอยา่ งเตม็ ที่แก่ราษฎร์ 4.หวั หนา้ คณะราษฎร์ คือ พนั เอกพระยาพหลพลพยหุ เสนา 5.การปฏิวตั ิดาเนินไปดว้ ยความเรียนร้อย เพราะพระบาลสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงเห็นแก่ความสงบเรียบร้อยของบา้ นเมือง 6. ไทยไดป้ ระกาศใชร้ ัฐธรรมนูญบบั ชว่ั คราวเม่ือวนั ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475 และฉบบั ถาวรเม่ือวนั ท่ี 10 ธนั วาคม พ.ศ. 2475 7.นายกรัฐมรตรีคนแรกของไทยคือ พระยามโนปกรณ์นิติธาดา 8.เหตุการณืสาคญั ภายหลงั การเปลี่ยนแปลงการปกครองมีดงั น้ี คือ 8.1 คณะราษฎร์ไดด้ าเนินการตามนดยบายท่ีกาหนดไว้ แตไ่ ม่บรรลุผลเทา่ ท่ีควร เนื่องจากสาเหตดุ งั น้ี ก. คณะราษฎร์เกิดการแยง่ ชิงอานาจ ข. คณะผบู้ ริหารมีความเห็นแตกแยกกนั เก่ียวกบั โครงการพฒั นาเศรษฐกิจของประเทศ

ค. ประชาชนไดร้ ับการศึกษานอ้ ย ยงั ไม่เขา้ ใจรูปแบบการปกครองของไทยจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชยม์ าเป็นระบอบ ประชาธิปไตยไดด้ าเนินไปดว้ ยการประนีประนอมเพอ่ื ความสงบเรียบร้อยของประชาชนในชาติ 9.สรุปไดว้ า่ การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของไทยจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชยมื าเป้ นระบอบประชาธิปไตยไดด้ าเนินไป ดว้ ยการประนีประนอมเพอ่ื ความสงบสุขเรียบร้อยของประชาชนในชาติ 4.3 การปกครองของไทยในปัจจุบัน ภายหลงั การปฏิวตั ิเปล่ียนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 แลว้ ประเทศไทยไดเ้ ปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย อนั มีพระมหากษตั ริยเ์ ป็นประมขุ สถาบนั การเมืองการปกครองของไทยในปัจจุบนั ประกอบดว้ ยสถาบนั และองคก์ รตา่ งๆดงั ต่อไปน้ี สถาบนั พระมหากษตั ริย์ 1.ทรงดารงตาแหน่งประมุขของประเทศ 2.ทรงใชอ้ านาจอธิปไตยตามบทบญั ญตั ิแห่งรัฐธรรมนูญ สถาบันรัฐสภา 1.รัฐสภา หมายถึง ที่ประชุมของผแู้ ทนประชาชานท้งั ประเทศ เพอ่ื ทาหนา้ ที่แทนประชาชนในการตราพระราชบญั ญตั ิตา่ งๆ 2.รูปแบบของรัฐสภา มี 2 แบบ คือ 2.1 แบบสภาเดียว 2.2 แบบ 2 สภา ไดแ้ ก่ ก. สภาผแู้ ทนราษฎร์ ข.วฒุ ิสภา 3.ทม่ี าของสมาชิกรับสภา 3.1 มาจากการเลือกต้งั เช่น ในกรณีของสมาชิกผแู้ ทนราษฎร์ 3.2 มาจากการแต่งต้งั เช่น ในกรณีของสมาชิกวฒุ ิสภา โดยพระมหากษตั ริยจ์ ะทรงแต่งต้งั ผทู้ ี่พระองคเ์ ห็นสมควรใหเ้ ป็นสมาชิก วฒุ ิสภา 4.อานาจหน้าท่ีของรัฐสภา ได้แก่

4.1 เสนอช่ือบุคคลท่ีสมควรเป็ นนายกรัฐมนตรี 4.2 ตราพระราชบัญญัติ 4.3 ควบคุมรัฐบาลให้บริหารประเทศตามนโยบายท่แี ถลงไว้ต่อรัฐสภา 4.4 อานาจหน้าท่อี ่ืนๆ เช่น ก.การแต่งตัง้ ผู้สาเร็จราชการแทนพระองค์ ข.การให้ความเหน็ ชอบในการประกาศสงคราม สถาบันรัฐบาล 1.รัฐบาล หมายถงึ คณะบุคคลซ่ึงมีอานาจหน้าท่ใี นการบริหารประเทศ เรียกว่า “คณะรัฐมนตรี” 2.หน้าท่ขี องรัฐบาล คือ 2.1 กาหนดนโยบายในการบริหารราชกาลแผ่นดนิ 2.2 นานโยบายและพระราชบัญญัตทิ ่อี อกโดยรัฐสภาไปบังคับให้เกิดผล 3.องค์ประกอบของรัฐบาล ได้แก่ คณะรัฐมนตรีซ่งึ ประกอบด้วยตาแหน่งต่างๆ ดงั นี้ 3.1 นายกรัฐมนตรี 3.2 รองนายกรัฐมนตรี 3.3 รัฐมนตรีประจาสานักนายกรัฐมนตรี 3.4 รัฐมนตรีว่าการกระทรวง 3.5 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง 3.6 รัฐมนตรีว่าการทบวง 4.นายกรัฐมนตรี นับตัง้ แต่เปล่ียนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 มาจนถึงปัจุบัน มีผู้ดารง ตาแหน่งมาแล้ว 18 คน (พ.ศ. 2534)

5.ท่มี าของรัฐบาล รัฐบาลมีท่มี า 2 ทาง คือ 5.1 มาจากการเลือกตงั้ ของประชาชน 5.2 มาจากการปฏิวัตหิ รือรัฐประหาร 6.อานาจหน้าท่ขี องรัฐบาล 6.1 รักษาเอกราชและความม่ันคงของชาติ 6.2 รักษากฎหมายและความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ 6.3 พัฒนาเศรษฐกจิ เพ่อื ความเจริญก้าวหน้า 6.4 ให้บริหารด้านการศึกษา การแพทย์ การสาธารณสุข ฯลฯ 6.5 จัดเกบ็ ภาษีอากรเพ่อื นามาใช้ในการบริหารประเทศ 7.การบริหารราชการของรัฐบาล แบ่งออกเป็ น 3 ส่วน ดงั นี้ คือ 7.1 การบริหารส่วนกลาง ก.อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวง ทบวง กรม และหน่วย ข.หน่วยงานท่เี ก่ียวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดนิ 7.2 การบริหารส่วนภูมภิ าค ก.อยู่ในความรับผิดชอบของจังหวัดและอาเภอต่างๆ ข.ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็ นผู้บังคับบัญชาในเขตจังหวัด ค.นายอาเภอเป็ นผู้บังคับบัญชาในเขตอาเภอ 7.3 การบริหารราชการส่วนท้องถ่นิ ก.เป็ นการกระจายอานาจบริหารจากส่วนกลางไปสู่ท้องถ่นิ ข.เปิ ดโอกาสให้ประชาชนในส่วนท้องถ่นิ ได้มีส่วนร่วม

ธงชาตไิ ทย ประวตั ิธงชาตไิ ทย ธงชาติไทยมมี าตงั้ แตเ่ ม่ือใดไมป่ รากฏแนช่ ดั เชอื่ กนั วา่ นา่ จะเกิดขนึ ้ ในรัชสมยั สมเดจ็ พระนารายณ์ มหาราช เพราะปรากฏเร่ืองราวอยใู่ นหนงั สอื จดหมายเหตขุ องฝรั่งเศส โดยได้กลา่ วไว้วา่ เมื่อวนั ที่ ๓ กนั ยายน พ.ศ. ๒๒๒๓ เรือรบของฝรั่งเศส ได้น้าเรือเข้ามาถงึ ปากแมน่ ้า้ เจ้าพระยา เพือ่ เจริญพระราชไมตรีและการค้า ได้ยิงสลตุ (ยงิ ปื นให้ความ เคารพ) ให้แกส่ ยาม ในการที่เรือรบฝร่ังเศสได้ยิงสลตุ ให้นนั้ ทางป้ อมก็ชกั ธงชาตขิ นึ ้ แตใ่ นห้วง เวลานนั้ ธงชาตสิ ยามยงั ไม่ มี จงึ ได้ชกั ธงชาติฮอลนั ดาขนึ ้ แทน แตฝ่ ร่ังเศสไมย่ อมยิงสลตุ เพราะเห็นวา่ ไมใ่ ช่ธงของ ชาตสิ ยาม จึงแจ้งให้ทราบวา่ ให้เอา ธงฮอลนั ดาลงเสยี แล้วชกั ธงอยา่ งหนง่ึ อยา่ งใดขนึ ้ แทน เผอญิ ในสมยั นนั้ ธงสแี ดง ถือเป็ นธงทส่ี ยามใช้ส้าหรับเป็ นธงน้าทพั อยแู่ ล้ว สยามจึงน้าธงแดงชกั ขนึ ้ จากนนั้ ฝร่ังเศสจงึ ยงิ สลตุ ให้ ด้วยเหตนุ ี ้สยามจงึ ถือเอาธงสแี ดงเป็ นธงชาตสิ ยาม สมยั กรุง ธนบรุ ีและต้นกรุงรัตนโกสนิ ทร์ ก็ยงั คงใช้ธงสแี ดงเกลยี ้ งชกั เป็ นเคร่ืองหมายประจ้าเรือค้าขายกบั ตา่ งประเทศอยู่ ตอ่ มา พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้ าจฬุ าโลก (รัชกาลท่ี ๑) มพี ระบรมราชโองการให้ท้ารูป \"จกั ร\" สขี าวตดิ ไว้กลางธงสแี ดงเป็ น เคร่ืองหมายใช้เฉพาะเรือหลวง สว่ นเรือค้าขายของราษฎรทว่ั ไปนนั้ ยงั คงใช้ สแี ดงเกลยี ้ งอยู่ ขนึ ้ รัชสมยั ของพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หล้านภาลยั (รชั กาลท่ี ๒) พระองค์ทา่ นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเรือก้าปั่นของหลวงขนึ ้ ๒ ล้าเพอื่ ลอ่ งค้าขายระหวา่ งสงิ คโปร์และมาเก๊า โดยทเ่ี รือหลวงทงั้ สองล้า ดงั กลา่ ว จะชกั ธงแดงตามธรรมเนยี มทป่ี ฏบิ ตั กิ นั มาตงั้ แต่ สมยั อยธุ ยา กระทง่ั วนั หนง่ึ ประเทศองั กฤษซง่ึ เป็ น เจ้าเมืองสงิ คโปร์ได้บอกกบั นายเรือหลวงของสยามให้มากราบบงั คบั ทลู พระเจ้ากรุงสยามวา่ ...\"เรือเดนิ ทะเล ชาวมลายทู ่ีค้าขายกบั สงิ คโปร์ก็ชกั ธงแดงเหมอื นกนั เพราะฉะนนั้ จงึ ขอให้พระเจ้ากรุง สยามใช้ธงอยา่ งอนื่ เสยี เพื่อจะได้จดั การรับรองเรือหลวงได้สะดวกและไมส่ บั สน\"... พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หล้า นภาลยั จงึ ทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ท้ารูปช้างสขี าวยนื พนื ้ อยใู่ นวงจกั รสขี าวติดไว้กลางธงแดงอนั มคี วามหมายวา่ “พระเจ้าแผน่ ดินผ้มู ชี ้างเผอื ก” และธงรูปช้างเผือกสขี าวอยใู่ นวงจกั รสขี าวนกี ้ ใ็ ช้เฉพาะเรือหลวงเทา่ นนั้ รัชกาล พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั (รัชกาลท่ี ๔) สยามได้มีการท้าหนงั สอื สญั ญาเปิ ดการค้าขายกบั ชาวตะวนั ตกมาก ขนึ ้ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั จงึ ทรงพระราชด้าริวา่ ธงสแี ดงซง่ึ เป็ นธงทใี่ ช้กบั เรือ ของสามญั ชนชาวสยามนนั้ ซ้า้ กบั ประเทศอ่ืน ยากตอ่ การแยกแยะ สมควรยกเลกิ เสยี และหนั มาใช้ธงอยา่ งเรือหลวง เป็ นธงชาตสิ ยามส้าหรับเรือ สามญั ชนด้วย แตโ่ ปรดเกล้าให้เอารูปวงจกั รสขี าวออกเสยี เพราะเป็ นของสงู ซงึ่ ถือเป็ นเคร่ืองหมายเฉพาะของพระเจ้า แผน่ ดินเทา่ นนั้ โดยให้คงไว้แตร่ ูปช้างเผือกอยกู่ ลางธงแดง แตท่ วา่ ให้ปรับขนาดช้างเผือกให้ใหญ่ขนึ ้ โดยในชว่ งแรกเป็ น แบบช้างเผอื กยืนพนื ้ ตอ่ มาปรับรูปช้างเป็ นแบบช้างเผือกปลอ่ ย โดยในชว่ งแรกเป็ นแบบช้างเผอื กยนื พนื ้ ตอ่ มาปรับรูปช้าง เป็ นแบบช้างเผือกปลอ่ ย รัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั (รัชกาลท่ี ๕) ก็ได้ออกพระราชบญั ญตั วิ า่ ด้วย

แบบอยา่ งธงสยาม เป็ นครัง้ แรก ตรงกบั รัตนโกสนิ ทร์ศก ๑๑๐ ตอ่ มาคือพระราชบญั ญตั ิธงสยาม รัตนโกสนิ ทร์ศก ๑๑๖ และ พระราชบญั ญตั ธิ งสยาม รัตนโกสนิ ทร์ศก ๑๑๘ โดยทกุ ฉบบั ได้ยืนยนั ถงึ ลกั ษณะของธงชาตสิ ยามเป็ นแบบธงพนื ้ สี แดงตรงกลางเป็ นรูปช้างเผือกสขี าวปลอ่ ยหนั หน้าเข้าหาเสา ภายหลงั พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยหู่ วั (รัชกาลที่ ๖) ได้ทรงพระราชด้าริวา่ เมอื่ มองธงชาตซิ ง่ึ ใช้อยู่ ในขณะนนั้ แตไ่ กล จะมลี กั ษณะไมต่ า่ งจากธงราชการเทา่ ไร และรูปช้างที่ อยกู่ ลางธงก็ไมง่ ดงาม จงึ โปรดเกล้าฯ ให้ออกประกาศเพม่ิ เตมิ และแก้ไขพระราชบญั ญตั ธิ งรัตนโกสนิ ทร์ศก ๑๒๙ โดย แก้ไขลกั ษณะธงชาตใิ ห้เป็ นพนื ้ สแี ดง กลายเป็ นรูปช้างเผือกทรงเครื่อง ยืนแทน่ หน้าหนั เข้าเสา ส้าหรับเป็ นธงราชการ ซง่ึ ถือเป็ นธงช้างรูปสดุ ท้ายของ ธงในสมยั รัตนโกสนิ ทร์ และช่วงท้ายในปี พ.ศ. ๒๔๕๙ ก็ได้มกี ารยกเลกิ การใช้ธงชาติแบบ ช้างเผอื กทรงเคร่ือง ยนื แทน่ หน้าหนั เข้าเสา เนอื่ งจากพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยหู่ วั ทรงพระราชด้าริเปลย่ี นธง ช้างเป็ นธงแถบสี เพราะทรงเห็น ความล้าบากของราษฎรทต่ี ้องสงั่ ซือ้ ธงช้างมาจากตา่ งประเทศ และบางครงั้ เมอื่ เกดิ ความ สะเพร่าตดิ ธงผิด รูปช้างกลบั เอาขาชีข้ นึ ้ เป็ นท่ีนา่ ละอาย ซงึ่ หากเปลยี่ นเป็ นธงแถบสแี ล้ว ราษฎรกส็ ามารถท้าธงใช้ได้เอง และจะ ช่วยขจดั ปัญหาการตดิ ผดิ พลาด แตเ่ นอ่ื งจากธงแดงขาวห้าริว้ เมือ่ ดไู มส่ งา่ งาม จงึ มีการปรบั เปลย่ี นแถบตรงกลาง ซงึ่ เป็ นสแี ดงให้เป็ นสีน้า้ เงินขาบ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยหู่ วั โปรดให้พระยาศรีภรู ิปรีชา ร่างประกาศแก้แบบ ธงชาตสิ ยาม และได้ ทรงน้าเร่ืองเข้าท่ีประชมุ คณะเสนาบดเี พอ่ื ฟังความเห็น ทป่ี ระชมุ ลงมตเิ ห็นชอบธงสามสตี ามแบบที่ คิดขนึ ้ ใหม่ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยหู่ วั จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบญั ญตั ธิ งขนึ ้ เรียกวา่ พระราชบญั ญตั ธิ ง พระพทุ ธศกั ราช ๒๔๖๐ ออกประกาศเมือ่ วนั ท่ี ๒๘ กนั ยายน พ.ศ. ๒๔๖๐ มีผลบงั คบั ใช้ภายหลงั วนั ออกประกาศในหนงั สอื ราชกิจจานเุ บกษาแล้ว ๓๐ วนั ซง่ึ ตอ่ มาธงสยามแบบลา่ สดุ นถี ้ กู เรียกวา่ \"ธงไตรรงค

แหลง่ อา้ งองิ ทีมงานทรปู ลกู ปญั ญา 2017 1เร่อื งการเสยี ดินแดน 2ทาเนียบกษตั รยิ ์ 3การปกครอง 4ธงชาติไทย เข้าhttps://www.trueplookpanya.com/ ขอบคณุ เร่อื งจาก จากทมี งานทรูปลูกปญั ญา เข้าไดจ้ ากเว็บไซต์มาใส่

จดั ทาโดย เลขท่ี4และเลขท5่ี ชน้ั มัธยมศึกษาม.1/2 วิชา หนังสืออเิ ล็กทรอนกิ ส์ โรงเรียนแจห้ ม่ วิทยา อาเภอแจห้ ม่ จังหวดั ลาปาง สานกั งานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเขต38 ภาคเรียนที่2 ปกี ารศึกษา2562
















Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook