การจดั ตง้ั หนว่ ยงานเทคโนโลยกี ารศึกษา อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ข อ ง อ ง ค์ ก รเทคโนโลยีและส่ือสารการศึกษา มี 8องค์ประกอบ อาจจาแนกได้หลายแนวเช่น จาแนกเป็นองค์ประกอบเชิงรูปธรรมและองค์ประกอบเชิงนามธรรม แต่ในภาพรวมองค์ประกอบองค์กรเทคโนโลยีและสอ่ื สารการศึกษา ครอบคลุม
1. ปรัชญา วสิ ัยทัศน์และพนั ธกิจ ปรัชญา (Philosophy) เป็นแนวทางกว้างๆเพ่ือกาหนดทิศทาง แนวคิดและกรอบกลางๆสาหรับการดาเนนิ งานองค์กรเทคโนโลยีและสือ่ สารการศึกษาโดยกาหนดไว้ในรูปขอ้ ความสั้นๆ วิสัยทัศน์ (Vision) เป็นข้อความกว้างๆที่ระบุภารกิจ เหตุการณ์ กิจกรรมและผลทอี่ งค์กรเทคโนโลยีและส่ือสารการศึกษาคาดหวังที่จะดาเนินการให้ได้และไปได้ให้ถึงในช่วงเวลาท่ีกาหนดไว้ โดยจะมีการกาหนด พันธกิจรองรับเพอื่ ให้องค์กรดาเนนิ ไปใหถ้ ึงวสิ ัยทัศนท์ ก่ี าหนดไว้ พันธกิจ (Mission) เป็นข้อความที่แสดงถึงสิ่งท่ีองค์กรฯมุ่งจะทาให้สาเร็จ โดยมีการกาหนดพันธกิจตามวสิ ัยทศั น์ที่กาหนดไวอ้ ยา่ งชัดเจน
2. เป้าหมายและจุดมงุ่ หมาย เป้าหมาย เป็นส่ิงที่องค์กรเทคโนโลยีและส่ือสารการศึกษา มุ่งดาเนินการให้ถึง ครอบคลุมเป้าหมายผ้รู ับบริการ เปา้ หมายเวลา เปา้ หมายปริมาณและคณุ ภาพ จุดมุ่งหมาย เป็นส่ิงที่องค์กรเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษาต้องการจะทาหรือดาเนินการให้สาเร็จตามเปา้ หมาย โดยเปน็ ข้อความท่ีกาหนดการดาเนินการ ภายในเงือ่ นไขและเวลาที่กาหนด3. โครงสรา้ งพน้ื ฐาน โครงสร้างพ้ืนฐาน ได้แก่ อาคารสถานที่สาธารณูปโภค และอุปกรณก์ ารสื่อสาร อาคารสถานที่ ได้แก่ ท่ีดินและสิ่งปลูกสร้างสาหรับองคก์ รเทคโนโลยแี ละสอ่ื สารการศึกษา สาธารณปู โภค เช่น ประปา ไฟฟา้ ฯลฯ อุปกรณ์การสื่อสาร ได้แก่ โทรศัพท์โทรสาร อุปกรณ์รบั ส่งสญั ญาณภาพและเสยี ง
4. ระบบการผลิตและการบริการ 5. อปุ กรณก์ ารผลติ และการบรกิ าร องค์กรเทคโนโลยีและส่ือสารการศึกษา อุปกรณ์การผลิตและการบริการ หมายถึงจาเป็นที่จะต้องพัฒนาระบบการผลิตและการบริการเป็น เครื่องมือที่ใช้ในการผลิตและบริการสื่อการศึกษาและของตนเอง เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการณ์และความ เคร่อื งมืออานวยความสะดวกต้องการของผู้รับบริการท่ีองค์กรเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษาตั้งอยู่ โดยการวิเคราะห์ระบบ สังเคราะห์ระบบ อุปกรณ์การผลิต ได้แก่ เคร่ืองพิมพ์ อุปกรณ์สร้างแบบจาลองระบบ และทดสอบระบบ เพ่ือให้ได้ระบบ การผลิตสื่อโสตทัศน์ อุปกรณ์ผลิตรายงานวิทยุกระจายเสียง/การผลิต และบรกิ ารทมี่ ีประสทิ ธิภาพ วิทยโุ ทรทศั น์ เป็นต้น อุปกรณ์การให้บริการ ได้แก่ เคร่ืองมือท่ีจะ นาไปบรกิ ารหรอื ให้ผู้รับบริการยืมไปใช้ อาทิ เคร่ืองฉายภาพ ขา้ มศีรษะ เคร่ืองบันทึกเสยี ง เคร่อื งบันทกึ ภาพ ฯลฯ เคร่ืองมืออานวยความสะดวก ได้แก่ เครือ่ งใช้ สานักงาน รถยนต์ รถยก รถเขน็ และเคร่ืองมือประเภทต่างๆ
6. บคุ ลากร บุคลากร หมายถึง ผู้ท่ีมีหน้าที่เก่ียวข้องกับการผลิตและการให้บริการ ทั้งบุคลากรประจาและบุคลากรภายนอก ประกอบด้วย ผู้บริหาร ได้แก่ ผู้อานวยการ หัวหน้าฝ่าย หัวหน้าศูนย์ และ หัวหน้าแผนก หรือหน่วยงานทมี่ ีชอื่ เรยี กอยา่ งอื่น นักเทคโนโลยีและส่ือสารการศึกษา จาแนกเป็นนักจัดระบบและออกแบบระบบ ผู้ควบคมุ การผลิต ผูก้ ากบั รายการ ผูเ้ ขยี นบท ผู้ประสานงานการผลติ ช่างเทคนิคประเภทต่างๆ นักเนื้อหา ได้แก่ ผู้มหี น้าที่ใหป้ ระเด็นและเน้ือหา ตรวจสอบความถูกต้อง และประเมินเนอ้ื หาท่ีบรรจใุ นสือ่ การศึกษาประเภทต่างๆ เจ้าหน้าท่ีเทคนิค หมายถึง ผู้มีหน้าที่จัดระบบวิศวกรรม ดาเนินการ ควบคุมดูแล และการบารุงรกั ษาอปุ กรณก์ ารผลิต ไดแ้ ก่ วศิ วกร ชา่ งอเิ ลคทรอนกิ ส์ ช่างกล้อง ชา่ งไฟ บุคลากรสนับสนุนการผลิตและบริการ ได้แก่ เจ้าหน้าที่บริหารการผลิต ช่างศิลป์ ช่างกราฟกิ ช่างแต่งผม แตง่ หน้า เป็นต้น
7. ระบบการจัดการ การดาเนินงานการผลิตและบริการที่ดีมีประสิทธิภาพองค์กรเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษาจาเป็นจะต้องพัฒนาระบบการจัดการท่ีเหมาะสมกับธรรมชาติของสื่อท่ีให้บริการและผู้รับบริการเปา้ หมาย8. การติดตามและการประเมิน การติดตามและการประเมินองค์กรเทคโนโลยีและส่ือสารการศึกษา เป็นการเก็บข้อมูลจากการสังเกต สัมภาษณ์ ดูงาน เก็บข้อมูลเปน็ ตวั เลขเพื่อตคี วามและสรุป
แผนภูมโิ ครงสรา้ งการบรหิ ารศูนยค์ อมพวิ เตอร์
การเขยี นและการจัดทาโครงการ การเขียนและการจดั ทาโครงการ เมือ่ การทางานขององคก์ ารของรัฐและเอกชนเพือ่ หาทางแก้ปญั หาตา่ งๆทเี่ กิดขนึ้ หรือเพ่ือการพัฒนาสง่ิ ท่มี ีอย่แู ลว้ ใหด้ ยี งิ่ ขึ้น ความหมายของโครงการ พจนานกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายของคาโครงการว่า หมายถึง \"แผน หรอื เค้าโครงการตามที่กะกาหนดไว้“ โครงการเป็นส่วนประกอบสว่ นหนึ่งในการวางแผนพฒั นาซ่งึ ช่วยให้เห็น ภาพ และทิศทางการพฒั นา ขอบเขตของการท่สี ามารถติดตามและประเมนิ ผลได้ โครงการเกิดจากลักษณะความพยายามที่จะจัดกิจกรรม หรือดาเนินการให้บรรจุวัตถุประสงค์ เพ่ือ บรรเทาหรอื ลดหรือขจัดปัญหา และความต้องการท้งั ในสภาวการณป์ จั จบุ ันและอนาคต โครงการโดยทั่วไป สามารถแยกได้หลายประเภท เช่น โครงการเพ่ือสนองความต้องการ โครงการพัฒนาท่ัวๆไป โครงการตาม นโยบายเร่งดว่ น เปน็ ต้น
องค์ประกอบของโครงการ องคป์ ระกอบพืน้ ฐานในโครงการแต่ละโครงการนนั้ ควรจะมีดังน้ี 1. ชื่อแผนงาน เป็นการกาหนดชื่อให้ ครอบคลุมโครงการเดียวหรือหลายโครงการท่ีมี ลักษณะงานไปในทิศทางเดยี วกนั 2. ชื่อโครงการ ให้ระบุช่ือโครงการ ตามความเหมาะสม มีความหมายชัดเจน 3. หลักการและเหตุผล ใช้ช้ีแจงรายละเอียดของปัญหาและความจาเป็นที่เกิดข้ึนที่จะต้องแก้ไข ตลอดจน ชแ้ี จงถงึ ผลประโยชน์ทจ่ี ะไดร้ ับจากการดาเนนิ งานตามโครงการ
4. วัตถุประสงค์ เป็นการบอกให้ทราบว่า การดาเนินงานตามโครงการน้ันมีความต้องการให้อะไรเกิดขึ้น วัตถุประสงค์ท่ีควรจะระบุไว้ควรเป็นวัตถปุ ระสงคท์ ่ชี ดั เจน ปฏิบตั ไิ ด้และวดั และประเมนิ ผลได้ 5. เป้าหมาย ให้ระบุว่าจะดาเนินการสิ่งใด การระบุเป้าหมาย ระบุ เป็นประเภทลักษณะและปริมาณ ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และ ความสามารถในการทางานของผู้รบั ผดิ ชอบโครงการ 6. วิธีดาเนินการหรือกิจกรรมหรือข้ันตอนการดาเนินงาน คืองาน หรือภารกิจซ่ึงจะต้องปฏิบัติในการดาเนินโครงการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ ในระยะการเตรยี มโครงการจะรวบรวมกิจกรรมทุกอย่างไว้แล้วนามาจัดลาดับ ว่าควรจะทาส่ิงใดก่อน-หลัง หรือพร้อม ๆ กัน แล้วเขียนไว้ตามลาดับ จนถึง ข้ันตอนสุดท้ายทีท่ าให้โครงการบรรลวุ ัตถุประสงค์
7. ระยะเวลาการดาเนินงานโครงการ คือการระบุระยะเวลาต้ังแตเ่ ร่มิ ตน้ โครงการจนเสร็จสิน้ โครงการ 8. งบประมาณ เป็นประมาณการค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นของโครงการ ซงึ่ ควรจาแนกรายการค่าใช้จา่ ยได้อย่างชัดเจนงบประมาณอาจแยกออกไดเ้ ปน็ 3 ประเภท คือ - เงินงบประมาณแผน่ ดิน - เงินกู้และเงินช่วยเหลอื จากตา่ งประเทศ - เงินนอกงบประมาณอน่ื ๆ
9. เจ้าของโครงการหรือผู้รับผิดชอบโครงการ เป็นการระบุเพ่ือให้ทราบว่าหน่วยงานใดเป็นเจ้าของหรอื รับผิดชอบโครงการ 10. หน่วยงานท่ีให้การสนับสนุน เป็นการให้แนวทางแก่ผู้อนุมัติและผู้ปฏิบัติว่าในการดาเนินการโครงการนั้น ควรจะประสานงานและขอความรว่ มมือกับหน่วยงานใดบ้าง เพ่อื บรรลุวัตถุประสงคท์ ต่ี ง้ั ไว้ 11. การประเมินผล บอกแนวทางว่าการติดตามประเมินผลควรทาอย่างไรในระยะเวลาใดและใช้วธิ ีการอย่างไรจงึ จะเหมาะสม ซึง่ ผลของการประเมินสามารถนามาพิจารณาประกอบการดาเนินการ เตรียมโครงการที่คล้ายคลึงหรือเกย่ี วข้องในเวลาตอ่ ไป 12. ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ เมื่อโครงการนั้นเสร็จสิ้นแล้ว จะเกิดผลอย่างไรบ้างใครเป็นผู้ได้รับเร่ืองนส้ี ามารถเขียนทั้งผลประโยชน์โดยตรงและผลประโยชนใ์ นดา้ นผลกระทบของโครงการดว้ ยได้
กระบวนการเขยี นโครงการ
ลกั ษณะโครงการท่ีดี1. เปน็ โครงการทสี่ ามารถแกป้ ัญหาของท้องถ่ินได้2. มีรายละเอยี ด เนอื้ หาสาระครบถว้ น ชัดเจน และจาเพาะเจาะจง โดยสามารถตอบคาถามต่อไปน้ีได้คือ - โครงการอะไร = ชอ่ื โครงการ - ทาไมจึงต้องรเิ ร่ิมโครงการ = หลกั การและเหตผุ ล - ทาเพ่อื อะไร = วตั ถปุ ระสงค์ - ปริมาณทจี่ ะทาเทา่ ไร = เป้าหมาย - ทาอย่างไร = วิธีดาเนนิ การ - จะทาเมื่อไร นานเทา่ ใด = ระยะเวลาดาเนนิ การ - ใช้ทรัพยากรเทา่ ไรและได้มาจากไหน = งบประมาณ แหล่งทีม่ า - ใครทา = ผรู้ บั ผิดชอบโครงการ - ต้องประสานงานกับใคร = หนว่ ยงานที่ให้การสนับสนุน - บรรลุวัตถุประสงคห์ รอื ไม่ = การประเมินผล - เม่อื เสรจ็ สิน้ โครงการแลว้ จะได้อะไร = ผลประโยชนท์ ค่ี าดว่าจะได้รับ
3. รายละเอียดของโครงการดงั กล่าว ต้องมีความเกีย่ วเนอ่ื งสมั พนั ธก์ ัน เช่น วัตถปุ ระสงค์ตอ้ งสอดคล้องกับหลักการและเหตุผล 4. โครงการท่ีรเิ ร่มิ ขน้ึ มาตอ้ งมผี ลอย่างนอ้ ยทีส่ ุดอยา่ งใดอย่างหนงึ่ ในหัวข้อตอ่ ไปนี้ - สนองตอบ สนบั สนนุ ต่อนโยบายระดบั จงั หวัดหรอื นโยบายสว่ นรวมของประเทศ - กอ่ ให้เกดิ การพัฒนาทง้ั เฉพาะส่วนและการพฒั นาโดยส่วนรวมของประเทศ - แก้ปัญหาท่เี กิดขึน้ ได้ตรงจดุ ตรงประเดน็ 5. รายละเอียดในโครงการมีพอที่จะเปน็แนวทางใหผ้ อู้ นื่ อ่านแลว้ เข้าใจ และสามารถดาเนินการตามโครงการได้ 6. เป็นโครงการท่ปี ฏิบัตไิ ดแ้ ละสามารถตดิ ตามและประเมนิ ผลได้
ความหมายของหนงั สอื ราชการหนังสอื ราชการ คอื เอกสารทเ่ี ป็นหลกั ฐานในราชการ ได้แก่ 1. หนงั สอื สว่ นราชการมีไปถงึ สว่ นราชการ 2. หนังสอื สว่ นราชการมไี ปถงึ หนว่ ยงานทม่ี ใิ ชส่ ่วนราชการ หรือ บคุ คลภายนอก 3. หนงั สือท่ีหนว่ ยงานอนื่ ทมี่ ิใชส่ ว่ นราชการ หรือบุคคลภายนอกมีไป ถงึ สว่ นราชการ 4. เอกสารท่ที างราชการจัดทาขน้ึ เพื่อเป็นหลกั ฐานในราชการ 5. เอกสารทีท่ างราชการจดั ทาขึ้นตามกฎหมาย ระเบียบ หรอื ขอ้ บงั คับ 6. ข้อมูลขา่ วสาร หรือหนังสือท่ไี ดร้ ับจากระบบสารบรรณ อเิ ล็กทรอนิกส์
ชนิดและรูปแบบของหนงั สือราชการหนงั สอื ราชการ มี 6 ชนดิ คือ 1. หนงั สือภายนอก 2. หนังสอื ภายใน 3. หนังสือประทับตรา 4. หนังสือสัง่ การ 5. หนงั สอื ประชาสัมพันธ์ 6. หนงั สอื ท่เี จ้าหน้าที่ทาขน้ึ หรอื รับไวเ้ ปน็ หลักฐานในราชการแบบหนงั สอื ราชการ มี 11 แบบ ดังนี้1. หนงั สอื ภายนอก 5. ระเบียบ 9. ขา่ ว 10. หนังสอื รบั รอง2. หนังสอื ภายใน 6. ขอ้ บังคบั 11. รายงานการประชมุ3. หนังสือประทับตรา 7. ประกาศ4. คาส่งั 8. แถลงการณ์
หนังสือติดต่อราชการ หนงั สอื ติดตอ่ ราชการมดี ้วยกัน 3 แบบคอื หนงั สอื ภายนอก หนังสอื ภายในและหนงั สือประทับตรา1. หนังสอื ภายนอก เป็นหนังสือติดต่อราชการที่เป็นแบบพิธี ใช้กระดาษตราครุฑ (A4) ใช้ติดต่อราชการระหว่างกระทรวงกรม จังหวดั หรอื หน่วยงานอ่นื หรือบคุ คลภายนอก มรี ายละเอยี ดท่มี ากกว่าหนังสอื อืน่ มรี ายละเอียดดังน้ี ชน้ั ความลับ (ถ้าม)ี 3 ช้ัน คือ ลับทส่ี ุด ลับมาก ลบั ประทับตรา “ลับ” ด้วยหมกึ สีเขม้ ทีม่ องเหน็ ชดั เจน ขนาด 36 พอยท์ ทงั้ ขอบบน และขอบล่าง แตโ่ ดยปกตเิ ราจะใช้หมกึ สีแดงประทบั ชนั้ ความเรว็ (ถ้าม)ี 3 ช้นั คือ ด่วนทีส่ ุด ด่วนมาก ดว่ น ประทบั ตราดว้ ยหมึกสีแดง ขนาด 36 พอยท์ ประทบั ตรงเหนอื ทหี่ นังสือ ท่ี ให้ลงรหัสตัวพยัญชนะและเลขประจาของเจ้าของเร่ืองทับเลขทะเบียนหนังสือส่ง โดยให้ออกเลขหนังสอื ตามปีปฏิทิน
ช้นั ความลับ (ถา้ มี)
2. หนังสอื ภายใน• เป็นหนงั สอื ตดิ ต่อราชการทีเ่ ป็นแบบพธิ ี นอ้ ยกวา่• ใชก้ ระดาษบนั ทกึ ขอ้ ความ (A4)• ใชต้ ดิ ตอ่ ราชการในกระทรวง กรม จังหวัด เดียวกัน
3. หนังสอื ประทบั ตรา• เปน็ หนงั สือติดตอ่ ราชการ ท่ีใชป้ ระทับตราแทน การลงชื่อ• ใช้ตดิ ตอ่ ได้ระหว่างส่วนราชการ กับสว่ นราชการ หรอื หน่วยงานไมใ่ ช่ส่วนราชการ และ บุคคลภายนอก
หลักการเขียนหนงั สอื ติดต่อราชการที่ดีหลัก 5c นั้น คิดค้นเพื่อการจดจาที่ง่ายขึ้น ได้แก่ 1. ถูกต้อง (Correct) 2. ชดั เจน (Clear) 3. รดั กมุ (Confirm) 4. กะทดั รดั Concise (Concise) 5. การโนม้ นาสจู่ ุดประสงค์ (Convince) โครงสรา้ งหนังสอื ราชการ มี 4 ส่วน สว่ นที่ 1 : หัวหนงั สอื ส่วนที่ 2 : เหตุที่มีหนงั สอื ไป ส่วนท่ี 3 : จดุ ประสงคท์ ม่ี หี นงั สอื ไป สว่ นที่ 4 : ท้ายหนงั สอื
การวางรปู แบบทต่ี งั้ ใหส้ ่วนราชการกาหนดตามความเหมาะสมวนั เดือน ปี ให้ลงตวั เลขของวันท่ี ชื่อเตม็ ของเดอื น และตัวเลขของปี พ.ศ. ท่ีออกหนังสอืเรือ่ ง การเขียนเรอื่ ง มีเฉพาะในหนังสอื ภายในและภายนอกเทา่ น้นั ไมม่ ีในหนังสือ ประทบั ตรา ให้ลงช่ือเรือ่ งย่อทเ่ี ป็นใจความสน้ั ท่สี ุด โดยเป็นประโยคหรือวลี ในกรณีทเ่ี ป็นหนงั สือต่อเนื่อง โดยปกติใหล้ งช่อื เรอ่ื งของหนงั สือฉบับเดมิคำขึ้นต้น ใช้กับหนังสือภายนอก หนังสือภายใน และหนงั สอื ประทบั ตราโดยทัว่ ไปใชค้ าว่า “เรยี น” คาวา่ “กรำบเรยี น” ใชก้ บั บคุ คลผู้ดารงตาแหนง่ สูงเป็นพิเศษ 14 ตาแหน่งเท่านน้ั ถ้าเปน็ หนงั สอื ประทบั ตรา คาขนึ้ ต้นให้ใชค้ าว่า “ถงึ ” คาเดยี วเหมือนกันหมดทกุ กรณีอ้ำงถึง (ถ้าม)ี ให้อ้างถึงหนังสือที่เคยตดิ ตอ่ กันเฉพาะหนังสือทส่ี ่วนราชการผู้รับหนังสือได้รับมาก่อนแล้ว จะจากส่วนราชการใดก็ตาม โดยให้ใสช่ ่อื ส่วนราชการเจ้าของหนังสอื เลขท่ีหนังสือ วนั ท่ี เดอื น และปี พ.ศ.
สง่ิ ทสี่ ง่ มาด้วย (ถา้ ม)ี ให้ลงชื่อสิ่งของ เอกสาร หรือบรรณสารท่ีส่งไปพร้อมกับหนังสือนั้น สิ่งท่ีส่งมาด้วย ใช้คาว่า“สาเนาหนงั สอื ”ขอ้ ความ (เหตทุ ่ีมีหนังสือไป) ให้ลงสาระสาคัญของเร่ืองให้ชัดเจน เข้าใจง่ายหากมีความประสงค์หลายประการให้แยกเป็นข้อๆ การเขียนข้อความของหนังสือภายนอก และหนังสือภายใน จะเร่ิมต้นดว้ ยคาใดคาหนึ่ง “5 คา” คือ ด้วย เน่ืองจาก ตาม ตามที่ และอนสุ นธิ คาเริ่มต้นของหนังสือประทับตรา จะเร่ิมด้วยคา“5 คา” เหมือนหนังสือภายนอกและหนังสือภายในก็ได้แล้วแต่กรณีคาลงท้าย ใช้กับหนังสือภายนอกเท่าน้ัน โดยท่ัวไป ใช้คาว่า“ขอแสดงความนับถือ” ผู้ดารงตาแหน่งสูงเป็นพิเศษใช้คาว่า“ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง”
การลงชื่อและตาแหน่ง ส่วนราชการเจา้ ของเร่อื งหัวหน้าส่วนราชการเป็นผู้ลงช่ือใน ให้ลงชอ่ื สว่ นราชการเจา้ ของเร่ือง หรือหน่วยงานท่ีออกหนังสือทุกกรณี การลงช่ือแทน ผู้ลงช่ือแทน หนงั สือทด่ี ้านซ้ายของหนังสือจะต้องเป็นผู้ท่ีได้รับมอบหมายหรือได้รับมอบ ถ้าส่วนราชการระดับกระทรวง เป็นผู้ออกหนังสือ ให้อานาจ การมอบหมายต้องทาเป็นหนังสือ โดย ลงชือ่ สว่ นราชการเจา้ ของหนังสอื ทง้ั ระดับกรมและกองปกตจิ ะทาเปน็ คาสงั่ ในกรณีทีม่ ีการลงชื่อแทนให้ ถ้าส่วนราชการระดับกรม เป็นผู้ออกหนังสือ ให้ลงชื่อใช้คาว่า ปฏิบัติหน้าที่แทน รักษาราชการแทน สว่ นราชการเจ้าของหนงั สอื เพยี งระดับกองรกั ษาการแทน ถ้าส่วนราชการระดับต่ากว่ากรม เป็นผู้ออกหนังสือปฏิบัติราชการแทน รักษาการในตาแหน่ง ให้ลงช่ือส่วนราชการเจ้าของหนังสือ ต่าลงไปอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งได้แก่หรอื ทาการแทน ในกรณที ีไ่ ม่มีกฎหมาย กาหนด กลมุ่ แผนก ฝา่ ย หรืองาน เป็นตน้ไวใ้ ห้ใช้คาว่า “แทน”โทร ให้ลงหมายเลขโทรศัพท์ โทรสารและไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ของส่วนราชการเจา้ ของเร่อื งห้ามใช้คาว่า E-mail แทนคาว่า “ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์” เดด็ ขาด
เอกสารอ้างอิง ชัยยงค์ พรหมวงศ์ “องค์กรเทคโนโลยแี ละสื่อสารการศกึ ษา”ในเอกสารการสอนชุดวชิ าการบริหารศูนย์ สอ่ื การศกึ ษา หนว่ ยที่ 1 . นนทบรุ ี สานักพมิ พม์ หาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช 2541 นางสาววิจิตตา อาไพจติ ต์ รหัส 4950171620059 หลักสูตร ครุศาสตรมหาบณั ฑิต (เทคโนโลยแี ละสื่อสารการศกึ ษา) มรภ.พระนคร ศนู ยป์ ทมุ วไิ ล รุ่นที่1 ประวณี ณ นคร.(2538) การเขียนหนงั สอื ติดตอ่ ราชการ: บทเรียนด้วยตนเอง สาหรับขา้ ราชการทกุ ระดับ. กรงุ เทพฯ : สวสั ดกิ ารสานักงาน. นภาลัย สุวรรณธาดา.(2547) เทคนคิ การเขยี น หนังสือราชการ หนังสอื โต้ตอบ และรายงานการประชุม. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์การพิมพ์
รายชอ่ื สมาชกิ58410719 นางสาวณฐั วิกา มง่ิ มิตร เลขท่ี 258410870 นางสาวศุจริ ัตน์ ลาไย เลขที่ 1558410900 นางสาวอัญมณี วงอามาต เลขท่ี 1858413338 นางสาวเบญ็ จลักษณ์ บุศราคา เลขที่ 2058413352 นางสาวภัทรญี า ธมุ า เลขที่ 2258413376 นายภูริเดช บรุ เี ทพ เลขท่ี 23คณะศึกษาศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ ช้นั ปีที่ 2
Search
Read the Text Version
- 1 - 32
Pages: