อทิ ธพิ ลทางเศรษฐกิจของสหรฐั อเมริกาทม่ี ผี ลต่อไทย จัดทาโดย นางสาวจนั ทร์จิรา เจรญิ ศรี และคณะ เสนอ อาจารย์ พงษพ์ นั ธ์ พงึ่ ตน รายงาน เรอื่ ง อทิ ธิพลทางวัฒนธรรมของสหรัฐอเมริกาท่มี ผี ลต่อประเทศไทย เปน็ สว่ น หน่งึ ของวิชาประวตั ศิ าสตร์ยโุ รป (1643402o) ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 คณะมนษุ ยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสรุ นิ ทร์
อิทธพิ ลทางเศรษฐกิจของสหรฐั อเมรกิ าทีม่ ีผลตอ่ ไทย จัดทาโดย 1.นางสาวจนั ทร์จิรา เจริญศรี 61191100131 2.นางสาวสวพัชร แก้วสาย 61191100132 3.นางสาวทักษพร นระชาติ 61191100133 4.นางสาวพมิ รภา จันนุบนิ 61191100214 5.นายพรี วุฒิ พิมพท์ อง 61191100304 เสนอ อาจารย์ พงษ์พันธ์ พึง่ ตน รายงาน เรอ่ื ง อทิ ธิพลทางวฒั นธรรมของสหรัฐอเมรกิ าทีม่ ผี ลตอ่ ประเทศไทย เปน็ ส่วน หนึง่ ของวิชาประวตั ศิ าสตรย์ ุโรป (1643402o) ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 คณะมนษุ ยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสรุ นิ ทร์
ก คานา รายงาน เร่ือง อิทธิพลทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาท่ีมีผลต่อประเทศไทย จัดทาข้ึนเพื่อศึกษาค้นคว้า หาความรู้เกี่ยวกับอิทธิพลทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาท่ีมีผลต่อประเทศไทย และเพื่อจัดทาเอกสาร ประกอบการเรียน โดยในรายงานเล่มน้ีประกอบด้วยความหมายและปัจจัยที่อิทธิพลทางเศรษฐกิจของ สหรัฐอเมรกิ าทม่ี ผี ลตอ่ ประเทศไทย ขอ้ ดี ขอ้ เสยี ของทางเศรษฐกจิ ของสหรฐั อเมรกิ าที่มีผลตอ่ ประเทศไทยสรุป ประเดน็ ในเน้อื หาดังกล่าวไวใ้ หศ้ ึกษาอีกด้วยท้ังนี้คณะผจู้ ัดทาหวงั เปน็ อย่างยิ่งวา่ รายงานเลม่ น้ีจะเปน็ ประโยชน์ ต่อผู้ท่ีได้มาศึกษาเป็นอย่างดี และคณะผู้จัดทาขอขอบคุณผู้ที่มีส่วนช่วยให้รายงานเล่มน้ีสาเร็จ ขออภัยหากมี ข้อผดิ พลาดประการใด ขออภัยมา ณโอกาสน้ดี ้วย ผจู้ ดั ทา นางสาวจันทร์จิรา เจริญศรีและคณะ
สารบญั ข เรื่อง หน้า คานา ก สารบัญ ข บทนา 1 ความหมายและความสาคัญของอิทธิพทางเศรษฐกิจ 2 ความสาคัญของเศรษฐกิจ 2 ลักษณะของระบบของเศรษฐกจิ 2-3 ปจั จยั ท่ีทาให้เกดิ การเปลี่ยนแปลงมหาอานาจทางเศรษฐกจิ 3-4 อทิ ธพิ ลทางเศรษฐกจิ ของสหรัฐอเมรกิ า 5-8 ขอ้ ดี-ข้อเสยี 9 สรุป 10 อา้ งองิ 11
1 บทนา อิทธิพลอเมริกันในเมืองไทยไม่ได้จากัดอยู่กับคุณภาพของสินค้าเพียงอย่างเดียวดังเยอรมัน เพราะในไม่กี่ปี ต่อมา รัฐบาลไทยก็นาประเทศไปผูกกับอเมริกันในฐานะมหามิตร สินค้าอเมริกัน, เงินช่วยเหลืออเมริกัน, ท่ี ปรึกษาอเมริกัน, ทุนการศึกษาอเมริกัน, สานักข่าวสารอเมริกัน, สื่ออเมริกัน ฯลฯ หลั่งไหลเข้ามาเต็มบ้านเต็ม เมืองแต่ความจาเป็นที่อเมริกันต้องเป็นมหามิตรของไทยได้หมดไปนานแลว้ หลังการสิ้นสุดลงของสงครามเยน็ แม้กระน้ันก็ไม่ได้หมายความว่าอเมริกันพร้อมจะมีบทบาทในประเทศไทย (และอาเซียน) เท่ากันกับประเทศ มองโกเลีย, บัลแกเรีย, หรือลิทัวเนีย อย่างน้อยก็เพราะเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้เป็น “เพ่ือน บ้าน” คืออยู่อีกฟากหน่ึงของมหาสมุทรแปซิฟิก ซ้ายังเป็นภูมิภาคที่กาลังเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่าง รวดเร็ว อย่างไรเสียอเมริกันก็ต้องมีสถานะและบทบาทอันหนึ่งที่มีความสาคัญ ท้ังในทางเศรษฐกิจและ การเมืองระหว่างประเทศ (หากอเมรกิ นั ยังอยากรกั ษาสถานะมหาอานาจอันดบั หนึ่งของตนไว้)
2 ความหมาย และความสาคญั ของอทิ ธิพลเศรษฐกจิ เศรษฐกจิ หมายถึง การรวมตัวกันเป็นกลมุ่ ของหน่วยเศรษฐกิจ ซึ่งประกอบด้วยบุคคล หรือ สถาบนั ทท่ี าหน้าท่ี เฉพาะอย่างในทางเศรษฐกิจ ใช้หลักการแบ่งงานกันทาตามความถนัด มีการปฏิบัติภายใต้ระเบียบ กฎเกณฑ์ นโยบาย และ แนวทางการปฏิบัติท่ีคล้ายคลึงกัน หน่วยเศรษฐกิจ คือ หน่วยงานที่มีอยู่ในระบบเศรษฐกิจ จะ ทาหน้าท่ีเก่ียวกับกิจกรรมที่สาคัญทางด้านเศรษฐกิจอันได้แก่การผลิต การบริโภค และ การแจกจ่ายสินค้า และ บรกิ าร ความสาคัญของเศรษฐกจิ 1.มีบทบาทในการแกไ้ ขปัญหาพ้นื ฐานทางเศรษฐกจิ ของประเทศ ทาใหท้ ราบว่าจะผลิตอะไร ผลติ เพอ่ื ใคร 2.จะกาหนดระเบียบการเป็นเจ้าของทรัพย์สินและปัจจัยการผลิตและควบคุมสถาบันทางเศรษฐกิจให้เป็น ระเบยี บ 3.เป็นแนวทางแกไ้ ขปญั หาเศรษฐกิจของประเทศ และดาเนนิ การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศใหเ้ จริญก้าวหน้า ลักษณะของระบบของเศรษฐกิจ ระบบเศรษฐกจิ สามารถจาแนกออกเปน็ 4 ระบบดว้ ยกัน คอื ระบบทนุ นยิ ม สังคมนยิ ม คอมมวิ นสิ ต์ และแบบ ผสม โดยมีลักษณะสาคญั และขอ้ ดี-ขอ้ เสียของระบบเศรษฐกจิ แบบตา่ งๆ ดังต่อไปน้ี 1. ระบบเศรษฐกจิ แบบเสรี (Free Economy) หรือทนุ นิยม (Capitalism) เป็นระบบเศรษฐกิจที่เอกชนเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต มีเสรีภาพในการดาเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่าง เต็มท่ี โดยท่ีรัฐบาลจะไม่เข้าไปเก่ียวข้องหรือแทรกแซงในการดาเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รัฐทาหน้าที่ในการ อานวยความสะดวกและการจัดสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ ดังนั้นเอกชนจึงเป็นผู้ตัดสินแก้ปัญหาพ้ืนฐานทาง เศรษฐกิจต่างๆ โดยใช้ระบบราคาหรือระบบตลาดช่วยในการตัดสินใจว่าจะผลิตอะไร ผลิตอย่างไร ท้ังน้ีราคา เป็นตัวกาหนดว่ามีผู้บริโภคมากน้อยเพียงใดหรือมีผู้ผลิตจานวนเท่าใด ณ ราคานั้นๆ กาไรคือแรงจูงใจของการ ผลิต จึงทาให้ระบบเศรษฐกิจนี้มีการแข่งขันทางราคาสูงมากและเป็นไปอย่างเสรี ทั้งนี้เพราะราคาถูกกาหนด ขน้ึ มาจากอุปสงคแ์ ละอุปทานของตลาด 2. ระบบเศรษฐกจิ แบบสังคมนิยม (Socialism) หรอื ระบบเศรษฐกจิ แบบวางแผน (Planned Economy) ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม เป็นระบบเศรษฐกิจที่รัฐเข้าไปควบคุมการดาเนนิ กิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยมี จุดมุ่งหมายให้เกิดความยุติธรรมในการกระจายผลผลิตแก่ประชาชน นอกจากนี้รฐั บาลยังเป็นผตู้ ัดสินใจในการ แก้ปัญหาพ้ืนฐานทางเศรษฐกิจ โดยมีการวางแผนการดาเนินงานทางเศรษฐกิจจากส่วนกลาง ในระบบ เศรษฐกิจแบบน้รี ฐั บาลจะเปน็ เจ้าของปจั จยั การผลติ สว่ นใหญ่ แตย่ งั คงให้เอกชนมสี ิทธใิ นการถอื ครองทรัพย์สิน สว่ นตัว อาทิ ทพี่ กั อาศัย หลกั การสาคญั ของระบบเศรษฐกิจแบบสงั คมนิยม หรอื ระบบเศรษฐกจิ แบบวางแผน มหี ลกั ทีส่ าคัญ 2 ประการ คือ กรรมสทิ ธิ์ในปจั จัยการผลิตเปน็ ขององค์การหรือหน่วยงานสาธารณะ (คอื รฐั บาลและองค์การบริหารต่างๆ) ท้ังน้ีเพ่ือให้กิจกรรมผลิตสาคัญท่ีมีขนาดใหญ่อยภู่ ายใต้การควบคุมดาเนินการในวิถีทางที่จะยังผลประโยชน์แก่ สว่ นรวม 3.ระบบเศรษฐกิจแบบคอมมวิ นสิ ต์ (Communism)
3 ระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์ หมายถึง ระบบเศรษฐกิจและการเมืองท่ีรัฐเป็นเจ้าของทุนแลละปัจจัยการ ผลิตทุกชนิด โดยรฐั เป็นผู้กาหนดการตัดสินใจในทางเศรษฐกิจและสงั คมทง้ั หมด ซึง่ เปน็ ระบบทต่ี รงกันข้ามกับ ระบบทุนนิยมโดยสิ้นเชิง รัฐจะเข้ามาควบคุมกิจกรรมทางเศรษฐกิจไว้ทั้งหมด โดยจะกาหนดว่าจะผลิตสินค้า และบรกิ ารอะไร ผลิตอย่างไร และผลิตเพ่ือใคร เอกชนไม่มีสทิ ธใ์ิ นการถอื ครองทรัพย์สินเพ่ือการผลิตต่างๆ เชน่ การถือครองที่ดิน เป็นต้น ระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์นั้นพัฒนามาจากแนวความคิดทางเศรษฐกิจของ คาร์ล มาร์ค (Karl Marx) นักเศรษฐศาสตร์ผู้ซ่ึงได้รับสมญานามว่า “บิดาแห่งลัทธิคอมมิวนิสต์” และวาลาดิ เนีย อสิ ยชิ อลั ยานอบ (Vladinir Ilych Ulyanov) หรือที่รู้จกั กันโดยทั่วไปในนามของ เลนนิ (Lenin) นกั ปฏวิ ัติ โซเวียต ซ่ึงได้เปล่ียนแปลงการปกครองและนาระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์มาใช้กับสหภาพรัสเซียเป็น ประเทศแรก 4.ระบบเศรษฐกจิ แบบผสม (Mixed Economy) ระบบเศรษฐกิจแบบผสม หมายถึง ระบบเศรษฐกิจที่รวมเอาลักษณะสาคัญของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนยิ ม และสังคมนิยมเข้าไว้ด้วยกัน ระบบเศรษฐกิจแบบผสม หรือท่ีเรียกกันโดยท่ัวๆ ไปอีกอย่างหนึ่งว่า ”ระบบ เศรษฐกิจแบบ ทุนนิยมใหม่” เป็นระบบเศรษฐกิจท่ีทั้งรัฐบาลและเอกชนรับผิดชอบร่วมกันในการตัดสินใจ เก่ียวกับปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ อันได้แก่จะผลิตอะไร ในปริมาณเท่าใด ผลิตอย่างไร และแบ่งปันผลผลติ ในหมู่สมาชิกของสังคมอย่างไร ระบบนี้รัฐบาลจะเข้ามามีบทบาทในการวางแผนในกิจกรรมทางเศรษฐกิจบาง ประการ ขณะเดียวกันก็ปล่อยให้เอกชนดาเนินการทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่โดยอาศัยกลไกราคาเป็นเครื่องนา ทาง ปัจจัยทท่ี าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมหาอานาจทางเศรษฐกิจ (1) เทคโนโลยี เทคโนโลยีมีบทบาทสาคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ รวมทั้งการสร้างนวตั กรรมท่ีสาคัญท่ีมีผลต่อ การเติบโตของอุตสาหกรรมและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว ประเทศผู้ท่ีมาทีหลังในการปฏิวัติ อุตสาหกรรม สหรัฐฯ สามารถเรียนรู้ความผิดพลาดในการดาเนินนโยบายเศรษฐกิจของประเทศท่ีเริ่มต้น กระบวนการพัฒนาอุตสาหกรรมมาก่อน รวมทั้งประเทศผู้มาทีหลังไม่จาเป็นต้องเสยี ทรพั ยากรในการแสวงหา ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เพราะสามารถนาเทคโนโลยีอันทันสมัยจากประเทศที่เร่ิมต้นการพัฒนา อุตสาหกรรมมาใช้ไดท้ ันที โดยมีการปรับปรุงและคิดค้นเพิ่มเติมให้มีความทันสมัยมากข้ึน เมื่อเทียบกับในสมยั เริ่มต้นเม่ือกว่า 200 ปีมาแล้ว ในกรณีของสหรัฐฯ สามารถพัฒนาต่อยอด เคร่ืองปั่นด้ายเพ่ือพัฒนาโรงงานทอ ผา้ โดยปรบั ปรุงให้เขา้ กับสภาพที่สอดคล้องกับปจั จยั การผลติ ของระบบเศรษฐกิจทม่ี ีแรงงานขาดแคลน ซง่ึ ต้อง เนน้ เทคโนโลยีที่ประหยดั แรงงาน เพือ่ ชว่ ยทนุ่ แรง ผลที่ตามมากค็ ือ สหรัฐฯ สามารถปรบั ปรุงการผลิตเพื่อให้มี ระบบการผลิตทีละมาก ๆ (mass production) สหรัฐฯ จึงเป็นผู้นาในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมมาโดย ตลอด และสามารถพฒั นาอตุ สาหกรรมได้รวดเรว็ กว่า (2) การเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ การเคลื่อนย้ายเงินทุนจากประเทศมหาอานาจทางเศรษฐกิจและ ประเทศอนื่ ๆ สหรัฐอเมรกิ าไปสปู่ ระเทศท่ีเกิดใหม่ สหรัฐอเมรกิ า แตก่ ส็ ร้างการเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกิจแก่ ประเทศผไู้ ดร้ บั ลงทนุ ด้วยโครงสรา้ งการสง่ ออกและการผลิต (3) ปจั จยั ทางสังคมมผี ลสาคัญต่อการปฏวิ ัติอุตสาหกรรมและนาไปสู่การเป็นมหาอานาจทางเศรษฐกิจของโลก ความรู้ของโลกตะวันตกมีพื้นฐานมาจากความคิดพ้ืนฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ เสรีภาพ การแข่งขัน การ
4 บริโภคนิยม และเน้นความเอาจริงเอาจังในการทางานหรือมีความรับผิดชอบในจริยธรรมของการทางาน ซ่ึง นาไปสูก่ ารพัฒนาเศรษฐกิจเพือ่ เพ่ิมผลผลติ ให้สูงขนึ้ แม้วา่ ในระยะหลงั สหรัฐอเมริกาในฐานะท่เี ปน็ ผูน้ าของโลก ในคริสตศ์ ตวรรษท่ี 20 มีความถดถอยลงและแม้จีนรวมทงั้ ประเทศอ่ืน ๆ ในเอเซียและแปซฟิ ิกจะมคี วามสาคัญ ในเศรษฐกิจโลกเพิ่มข้ึนตามลาดับแต่ไม่ได้หมายความว่า ประเทศเหล่าน้ีจะเป็นผู้นาทางเศรษฐกิจได้โดยง่าย เพราะองค์ประกอบของปัจจัยทางสังคมดังกล่าวข้างต้น จะเทียบเท่าได้กับโลกตะวันตก และคงต้องใช้ ระยะเวลาอีกนานถึงจะเทยี บเทา่ หรอื เปน็ มหาอานาจทางเศรษฐกจิ ได้ (4) กติกาการค้าระหว่างประเทศ มีผลสาคัญต่อปัจจัยที่มีผลต่อดุลอานาจทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ หลัง สงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง และผู้นาในของโลกเสรีสนับสนุนให้มีกติกาการค้า ระหว่างประเทศโดยเสรี สนับสนุนภาคเอกชนมีบทบาททางเศรษฐกิจและส่งเสริมสนับสนุนให้มีการลงทุนโดยบรรษัทข้ามชาติโดย สหรัฐอเมริกามีบทบาทสาคัญในการผลักดันองค์การระหว่างประเทศ อันประกอบไปด้วย ธนาคารโลก และ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ รวมท้ังข้อตกลงทั่วไปว่าด้วยภาษีศุลกากรและการค้าระหว่างประเทศ (General Agreement on Tariff and Trade = GATT) องค์กรต่างประเทศเหล่าน้ีเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ ฐานะของสหรัฐอเมริกามีอิทธิพลทางเศรษฐกิจเพ่ิมข้ึนเร่ือย ๆ เพราะสนับสนุนให้ประเทศกาลังพัฒนาเปิด ตลาดเพ่ือให้บรรษัทข้ามชาติซึ่งเป็นผู้ทรงอิทธิพลในด้านการค้า ส่งเงินโอนหรือกาไรกลับเข้าสู่ประเทศตนเอง ให้กู้เงินท้ังเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าและคิดอัตราดอกเบ้ีย และมีอิทธิพลในการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมของประเทศต่าง ๆ นอกจากสหรัฐฯ จะมีอิทธิพลทางด้านเศรษฐกิจแล้ว ยังมีอิทธิพลด้านการทหารด้วย โดยเฉพาะผลักดันให้ประเทศกาลังพัฒนาของตนสนับสนุนแนวทางต่อต้านการขยายตัวของลัทธิคอมมูนิสต์ ดว้ ย กติกาการค้าระหว่างประเทศมีผลต่อการเป็นมหาอานาจทางเศรษฐกิจของสหรัฐอย่างน้อยจนถึงทศวรรษ 1990 แต่หลังจากนั้นผลจากการมีองค์การการค้าระหวา่ งประเทศ (World Trade Organization : WTO) ก็มี ผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนด้วย แม้จีนในทศวรรษ 1990 จะเป็นประเทศที่ระดับรายได้ต่อหัวต่า และมีแรงงานส่วนใหญ่อยู่ในภาคเกษตรและภาคเกษตรมีสัดส่วนสาคัญใน GDP แต่การเติบโตทางการค้า ภายหลังการเป็นสมาชิกก็มีผลใหจ้ ีนพัฒนาอย่างรวดเร็ว สอดคล้องกับงานของนักประวัติศาสตรเ์ ศรษฐกิจชาว รัสเซีย ช่ือ อเล็กซานเดอร์ เกอร์เชงครอน ท่ีเช่ือว่า (1) ย่ิงประเทศท่ีล้าหลังทางเศรษฐกิจมากกว่าโดย เปรียบเทียบ (relative economic backwardness) จะมีความรวดเร็วของกระบวนการพัฒนาอุตสาหกรรม จะรวดเรว็ กว่า (หรือความรวดเรว็ ของอัตราการเจริญเติบโตของการผลิตสินคา้ อุตสาหกรรมจะรวดเรว็ กว่า) (2) ยิง่ ประเทศที่ล้าหลังมากกวา่ การเนน้ ทีก่ ารผลติ สินค้าทุน (capital goods) จะมีขนาดมากและเขม้ ข้นมากกว่า เม่ือเทียบกับสินค้าเพ่ือการบริโภค (Consumer goods) (3) ย่ิงประเทศที่ล้าหลังกว่า ขนาดของการผลิตของ โรงงานหรือธุรกิจจะมขี นาดใหญม่ ากกวา่ และขนาดของการผลิตที่ใหญ่มากกวา่ นจี้ ะเน้นการใช้เทคโนโลยีล่าสุด ในขณะน้นั (4) ยง่ิ ประเทศล้าหลงั มากกวา่ ความกดดันตอ่ ระดบั การบรโิ ภคของประชากรจะมีมากยิ่งข้นึ นัน่ คอื ระดับการบรโิ ภคของประชากรจะถูกกดดันใหล้ ดลงเพ่ือไปสนบั สนนุ ให้มีการออมสูงขึ้น และส่งผลใหก้ ารสะสม ทุนท่ีมีอัตราสูงขึ้น (5) ย่ิงประเทศล้าหลังมากกว่า บทบาทของภาคเกษตรจะลดขนาดลง และมีฐานะที่เป็น ตลาดรองรับสินค้า
5 อทิ ธิพลทางเศรษฐกิจ อิทธพิ ลทางเศรษฐกจิ ของสหรัฐอเมริกา สหรัฐอเมริกามีระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุด และมีอานาจทางเศรษฐกิจในด้านเทคโนโลยมี ากท่ีสุดในโลก ซึ่ง ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของสหรัฐฯ โดยเฉลี่ยต่อบุคคลคิดเป็นจานวน 63,543.6 ดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูลจาก World Bank ปี 2563) ในระบบเศรษฐกิจเสรีทางการตลาดน้ี ท้ังปัจเจกบุคคลและบริษัทมีอานาจ ในการตัดสินใจทางเศรษฐกิจด้วยตนเอง โดยรัฐบาลกลางจะจัดซ้ือสินค้าและบริการจากภาคเอกชน บริษัทใน สหรัฐฯ จึงสามารถใช้สิทธ์ิทางด้านธุรกิจอย่างเต็มที่มากกว่ากลุ่มบริษัทที่ตั้งในประเทศคู่ค้าดังเช่นยุโรป ตะวันตกและญ่ีปุ่น ไม่ว่าจะเป็นในดา้ นการตัดสินใจในทางธุรกิจ การวางรกรากทางการลงทุน การปลดลูกจ้าง พนักงาน และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แต่ทั้งน้ีผู้ประกอบธุรกิจในสหรัฐฯ มีข้อเสียเปรียบคือต้องเผชิญกับ อุปสรรคทางด้านกาแพงการค้าซึ่งกีดขวางการเข้าส่ตู ลาดของคู่ต่อสู้ นับต้ังแต่สมัยหลังสงครามโลกคร้ังท่ี 2 สหรัฐฯ เป็นผู้นาและมีข้อได้เปรียบทางธุรกิจในเวทีเศรษฐกิจโลก เสมอมา โดยเฉพาะอย่างยงิ่ ทางด้านเทคโนโลยี คอมพวิ เตอร์ เวชภัณฑ์ อวกาศ และยทุ โธปกรณ์ แต่อยา่ งไรก็ดี ในชว่ งหลังจากทส่ี หรฐั ฯ ประสบปญั หาทางเศรษฐกจิ คร้งั ใหญ่ (Great Recession) ระหวา่ งปี 2550-2552 อัน เนื่องมาจากภาวะฟองสบแู่ ตกของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้มีการยุบตัวลงของสถาบนั การเงินต่างๆ และ บริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ซ่ึงสภาวะเศรษฐกิจถดถอยในคร้ังนี้ที่ถึงแม้ว่าจะสิ้นสุดลงไปแล้วก็ตาม ยังคงส่งผลกระทบระยะยาวต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ของสหรัฐฯ มาจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหา การว่างงานท่ีเร้ือรัง ปัญหาหน้ีสาธารณะ ปัญหารายได้ประชาชาติท่ีลดลงในกลุ่มชนช้ันล่างและกลาง และ ปญั หาหนี้สินส่วนบุคคลของกลุ่มวยั ทางานจากการก้ยู มื เงนิ ทางการศึกษา เปน็ ต้น การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐอเมรกิ าอย่างรวดเรว็ ในต้นครสิ ต์ศตวรรษท่ี 20 โดยได้กลายเป็นมหาอานาจทาง เศรษฐกิจโดยการเข้ามาแทนที่อังกฤษ และประเทศชั้นนาทางเศรษฐกิจอ่ืน ๆ เช่น เยอรมนีส่วนหน่ึงเป็นผลมา จากสงครามโลกคร้ังท่ี 1 ด้วย ในขณะที่ประเทศในยุโรปได้ประสพกับปัญหาเศรษฐกิจชะงักงัน และความ สูญเสียทางเศรษฐกิจ ตลอดจนสูญเสียชีวิตผู้คนเป็นจานวนมากจนยากท่ีจะฟื้นฟู สหรัฐอเมริกากลับไม่ได้รับ ผลกระทบจากผลของสงคราม รวมท้ังได้กลายเป็นประเทศเจ้าหน้ีแก่ประเทศในยุโรปและประเทศอ่ืน ๆ ด้วย แล้วสงครามโลกครั้งท่ี 2 ยุติลง สหรัฐอเมริกาเป็นผู้ชนะสงครามและได้รับผลกระทบจากความบอบช้าของ สงครามน้อยที่สุด สหรัฐอเมริกาได้เข้ามามีบทบาทท้ังทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองของโลกอย่างต่อเน่ือง สหรัฐฯ สามารถสะสมทุนในประเทศอย่างขนานใหญ่ (โดยเฉพาะก่อนวิกฤตการณ์น้ามันคร้ังท่ี 1 ในปี 1973 จะเกิดขึ้น) บรรษัทข้ามชาติของสหรัฐอเมริกาได้เข้าไปมีอิทธิพลในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะประเทศกาลังพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นเชน่ บริษัทโคคา-โคลา เป๊ปซี่ เชลล์ เอสโซ ฟอร์ด บริษัทขุดน้ามัน ตา่ ง ๆ ฯลฯ โดยเข้าไปตัง้ โรงงานอตุ สาหกรรมการผลติ ด้วย นอกจากนก้ี ย็ ังมีการนาเอานโยบายหรอื ลัทธิกีดกันทางการค้า รวมทง้ั กฎหมายลิขสิทธแ์ิ ละสทิ ธิบัตรมาใช้ใน การค้าของเศรษฐกิจทุนนิยมโลกด้วย เพ่ือปกป้องให้อุตสาหกรรมภายในสหรัฐอเมริกาสามารถแข่งขันกับ ตา่ งประเทศได้และขยายสภาพการจา้ งงาน ตลอดจนการเตบิ โตทางเศรษฐกิจด้วย อย่างไรก็ตาม ดเู หมอื นว่า Reaganomics ไม่ได้ประสบผลสาเร็จตามที่มุ่งหวังไว้ เพราะแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลง แต่การหดตัวของ
6 ระบบเศรษฐกจิ ก็ยงั คงดารงอยู่ ย่งิ ไปกวา่ น้นั ปญั หาการว่างงานกลับทวีความรุนแรงข้ึนและการขาดดลุ การคลัง ก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และปัญหาเหล่าน้ีนับเป็นส่ิงท้าทายไม่น้อยต่อการข้ึนมาเป็นผู้นาประเทศของ ประธานาธบิ ดี บิลล์ คลนิ ตนั (Bill Clinton) แหง่ พรรคเดโมแครต (Democrat Party) ตอ่ จากประธานาธิบดี บุช ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1993 เป็นต้นมา และในปัจจุบัน จอร์จ ดับเบ้ิลยู บุช (George W. Bush) ประธานาธิบดี คนปัจจุบันของอเมรกิ าได้ดารงตาแหนง่ ผูน้ าของมหาอานาจทางเศรษฐกิจโลกตอ่ ไป ภายหลังสงครามโลกคร้ังท่ีสองส้ินสุดลง สหรัฐอเมริกาได้ก้าวข้ึนมาเป็นประเทศมหาอานาจทางเศรษฐกิจ ของโลกเสรี และมีผลทาใหร้ ะบบทุนนิยมของสหรฐั อเมริกาสามารถครอบงาระบบเศรษฐกิจทนุ นิยมโลก ทั้งนี้ เงินดอลลาร์กลายมาเป็นเงินตราสกุลหลักของโลก การจัดต้ังกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) ธนาคารโลก (World Bank) และสนธิสัญญาท่ัวไปเก่ียวกับภาษีศุลกากรและการค้า (General Agreement on Tariffs and Trade : Gatt) ล้วนแต่มีเป้าประสงค์ในการดารงการครอบงาทาง เศรษฐกิจของอเมริกาทั้งสิ้น โดยกลไกเหล่านี้มีส่วนสาคัญอย่างยิ่งในการขยายตัวของตลาดโลก และทาให้การ เคล่ือนย้ายทุนในระดับโลกเป็นไปอย่างเสรี ได้ช่วยกระตุ้นการขยายตัวของกาลังการผลิตทั้งภาคอุตสาหกรรม และภาคเกษตรกรรมของอเมริกาอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้นโยบายการให้ความช่วยเหลือในการ ฟ้ืนฟูเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ตลอดจนการเข้าร่วมในสงครามเกาหลีในปี ค.ศ. 1950 และสงคราม เวียตนามในปี ค.ศ. 1960 ทาให้อุตสาหกรรมทางทหารเจริญเติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะรายจ่ายทาง การทหารของรัฐบาลมีสว่ นสาคัญอยา่ งย่งิ ในการทาให้เศรษฐกิจการผลติ ขยายตัวเพม่ิ ข้นึ อิทธพิ ลทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐอเมรกิ ากับไทย ไทยกับสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ท่ีใกล้ชิด โดยมีการลงนามในวิสัยทัศน์ร่วมว่าด้วยการเป็นพันธมิตรด้าน การ ป้องกันประเทศระหว่างสหรัฐอเมริกาและไทย (Joint Vision Statement 2020 for the U.S. –Thai Defense Alliance) เพื่อขับเคล่ือนการเป็นหุ้นส่วน การดารงบทบาท ความร่วมมือด้านความมั่นคงท่ีย่ังยืน การเป็นผู้นา และส่งเสริมกลไกความมั่นคงในภูมิภาค ขณะทึ่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ เยือนไทยอย่าง ต่อเนื่อง ทั้งน้ี ความร่วมมือด้านความมั่นคงเป็นไปโดยราบรื่นมากกว่าความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี การเดินหน้าสานต่อความร่วมมือด้านความมั่นคงและการค้าในประเด็นที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน จะทาให้ ความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศไปในเชิงบวกมากขึ้น นอกจากน้ีการที่ไทยมีความร่วมมือด้านการแพทย์ทหารกบั สหรัฐฯ ทาให้สหรัฐฯ เล็งเห็นศักยภาพของไทยที่จะร่วมมือกับสหรัฐฯ ด้านการแพทย์มากขึ้นในห้วงท่ีมีการ แพร่ ระบาดของโรค COVID-19 ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ กับไทยเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนด้านพลังงาน ระหว่างกัน เพ่ือขยายกิจกรรมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการลงทุนระหว่างสหรัฐฯ และไทย เพ่ือพัฒนา ห่วงโซ่อปุ ทาน ของพลงั งานสะอาด นา้ มนั และก๊าซ และพลังงานทางเลือก ประเด็นที่อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ได้แก่ ประเด็นเศรษฐกิจและ การค้า เน่ืองจากสหรัฐฯ มีเป้าหมายลดการขาดดุลการค้ากับไทย สหรัฐฯ จึวใช้มาตรการฝ่ายเดียวเพ่ือกดดัน ไทยให้ ปรับนโยบายการค้าที่เอ้ือต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ มากขึ้น เช่น การระงับสิทธิพิเศษทางศุลกากรเป็น การ ทว่ั ไป (Generalized System of Preference-GSP) ต่อสนิ คา้ ไทย การวิจารณ์ไทยว่ามปี ญั หาสิทธิ แรงงาน
7 การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และการใช้แรงงานเด็ก เพ่ือกดดันไทยให้ปรับเปลย่ี นกฎหมาย และ เปิดตลาด ให้สินค้าและการลงทุนจากสหรัฐฯ การดาเนินนโยบายต่อภูมิภาคเอเชียที่สหรัฐฯ ให้ความสาคัญอย่างย่ิงในการสกัดก้ันการขยายอิทธิพล ของ จีน การกดดันจีนในทุกมิติ และการจัดการกับภัยคุกคามจากนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ทาให้สหรัฐฯ จะขอ ความร่วมมือจากไทยในเร่ืองนี้มากข้ึนและเกินขอบเขตในมาตรการของ UNSC นอกจากนี้ การที่สหรัฐฯ จะ ดาเนินนโยบายกดดันจีนมากขึ้นท้ังในมิติความม่ันคง เศรษฐกิจ การเมือง และสิทธิมนุษยชน ก็อาจส่งผล กระทบต่อไทยทางอ้อมจากการท่ีสหรัฐฯ จะติดตามความสัมพันธ์ของไทยกับจีน และกดดันไทยให้ร่วมมือกับ สหรัฐฯ มากข้ึนเช่นกัน เช่น การท่ีไทยซ้ืออาวุธจากจีนและมีการซ้อมรบระหว่างกัน การท่ีสหรัฐฯ ต้องการลด การเสียเปรียบดุลการค้ากับจีนจึงมุ่งดาเนินนโยบายกดดันทางการค้ากับจีนโดยเชื่อมโยงกับประเด็นความ ม่ันคง เช่น กรณีการคว่าบาตรบริษัทหัวเว่ยและ ZTE และการกดดันไทยไม่ให้ร่วมมือกับจีนในการส่งตัว ชาว มุสลิมอุยกรู ์กลบั ไปให้จนี เป็นต้น การค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ มีประเด็นที่ยังคงน่าห่วงกังวล คือ การที่สหรัฐฯ กีดกันไทยด้านการค้า และ เศรษฐกิจ โดยใช้ค่านิยมด้านสิทธิมนุษยชนเป็นข้ออ้างในการโจมตีไทยว่ามีปัญหาค้ามนุษย์ไม่คุ้มครอง สิทธิ แรงงาน ไม่ปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา ใช้แรงงานเด็กและสตรีและบังคับใช้แรงงาน ตามมาตรฐานของ สหรัฐฯ เป็นเง่ือนไขเชื่อมโยงกับการพิจารณาให้สิทธิพิเศษทางการค้าของไทย เช่น การให้สิทธิพิเศษทางภาษี ศุลกากรเป็นการท่ัวไป (Generalized System of Preference-GSP) รวมทั้งนาประเด็นการค้ามนุษย์กดดัน ผลประโยชน์ดา้ นการคา้ และเศรษฐกจิ ของไทย ซึง่ จะสง่ ผลกระทบตอ่ การส่งออกและภาพลักษณ์สนิ คา้ ของไทย ในสายตาผ้บู รโิ ภคทัว่ โลก ทาใหไ้ ทยสูญเสียโอกาสส่งออกสินค้ามากขน้ึ ขณะเดียวกันกเ็ ปดิ โอกาสใหป้ ระเทศอ่ืน ส่งออกสนิ ค้าแข่งขนั กับไทยได้มากขึ้น โดยสินค้าไทยท่ีจะได้รับผลกระทบมากทส่ี ุด คอื สินคา้ ประมง ยกตวั อยา่ งบุคคลทมี่ บี ทบาทสาคญั ของทางเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกากบั ไทย เอ็ดมันด์ โรเบิร์ตส์ เกิดเม่ือวันท่ี 29 มิถุนายน พ.ศ. 2327 กับซาราห์ กริฟฟิธส์แห่งพอร์ตสมัธจนอายุ 24 กลับมาใน 1808 ได้แต่งงานกับ นางสาวแคทเธอรี วิปเปิ้ลแลงดอน – ลูกสาวของผู้พิพากษาวูดแลงดอนและ หลานสาวของผู้ว่าราชการจอห์นแลงดอน ,ท้ังสองคนมีส่วนร่วมในนิวอิงแลนด์ มีการค้าสามเหล่ียมระหว่าง พอร์ตสมัธแคริบเบียนและเป็นพลเมืองท่ีร่ารวยที่สุดและมีความเกี่ยวโยงทางการเมืองมากที่สุดของพอร์ตสมัธ เอด็ มันด์ โรเบิร์ต ถูกกาหนดใหเ้ ปน็ ทตู อาชพี โดยการค้าซาเลมกับจนี และอินเดียตะวนั ออก การแสวงหาสมาชิก ของสมาคมทางทะเลของอินเดียตะวันออก ซ่ึงจัดต้ังขึ้นในปี ค.ศ. 1799 และประกอบด้วยผู้ท่ีแล่นเรือไปไกล กว่าแหลมกู๊ดโฮปหรอื แหลมฮอรน์ ในฐานะผ้เู ชี่ยวชาญหรือซเู ปอร์คาร์ มีส่วนในการเร่มิ ตน้ ความสมั พันธ์ระหว่าง ประเทศของสหรัฐฯ ในช่วงปี ค.ศ. 1826 ถงึ ค.ศ. 1832 เอ็ดมันด์ โรเบิร์ต เป็นทูตที่เข้ามามีบทบาทในการเชื่อมความสัมพันธ์ทางไมตรีระหว่างสหรัฐอเมริกากับไทย ในด้านการค้า อาจกล่าวได้ว่า ไทยและสหรัฐอเมริกามีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมากกว่าจะมีความขัดแย้งกัน เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศตะวันตกอื่นๆ ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะว่าสหรัฐอเมริกาไม่ได้มีลักษณะคุกความต่อ อานาจอธิปไตยของไทย การเดินทางของเอ็ดมันด์ โรเบิร์ต ในครั้งน้ี เพื่อมาเจรจาในการทาสนธิสัญญาไมตรี และการพาณิชย์ (Treaty of Amity and Commerce) หรือเรียกกันว่าสนธิสัญญาโรเบิร์ตส์ กับไทยเป็น สัญญาฉบับแรกท่ีกรุงรัตนโกสินทร์ลงนามกับสหรัฐ และเป็นฉบับแรกที่ประเทศในทวีปเอเชียลงนามกับสหรัฐ
8 และสถาปนาความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการเม่ือมีการลงนามในสนธิสัญญาระหว่างกัน เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ.1833 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจา้ อยู่หัว รัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี ส่งผลทาให้เศรษฐกจิ สังคมไทย มีขอบเขตความร่วมมือครอบคลุมกว้างขวางทางด้านมิตรภาพ การพาณิชย์ และการเดินเรือ มีการ กาหนดให้คนชาติและนิติบุคคลของแต่ละประเทศได้รับการปฏิบัติเย่ียงคนชาติ (National Treatment) โดย ครอบคลมุ ธรุ กิจบรกิ ารท้ังหมด
9 ข้อดี – ขอ้ เสยี ขอ้ ดี การค้าเสรชี ่วยเพม่ิ ยอดขายและผลกาไรให้กับธุรกจิ ในสหรัฐฯซง่ึ สง่ ผลให้เศรษฐกจิ แข็งแกรง่ การค้าเสรสี รา้ งงานระดบั กลางของสหรฐั ฯในระยะยาว การค้าเสรีเป็นโอกาสสาหรับสหรฐั ฯในการให้ความชว่ ยเหลือทางการเงนิ แกบ่ างประเทศท่ียากจนที่สุด ใน ข้อเสยี การคา้ เสรีทาใหส้ หรฐั สูญเสยี งานมากกวา่ กาไรโดยเฉพาะงานที่มคี ่าจ้างสงู กวา่ ขอ้ ตกลงการคา้ เสรหี ลายขอ้ เปน็ ข้อตกลงท่ีไมด่ ีสาหรับสหรัฐฯ
10 สรุป สหรฐั อเมรกิ ามรี ะบบเศรษฐกิจท่ีใหญ่ทีส่ ุด และมอี านาจทางเศรษฐกิจในด้านเทคโนโลยีมากที่สุดในโลก ซ่ึง ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของสหรัฐฯ โดยเฉลี่ยต่อบุคคลคิดเป็นจานวน 63,543.6 ดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูลจาก World Bank ปี 2563) ในระบบเศรษฐกิจเสรที างการตลาดน้ี ท้ังปัจเจกบุคคลและบริษัทมีอานาจ ในการตัดสินใจทางเศรษฐกิจด้วยตนเอง โดยรัฐบาลกลางจะจัดซ้ือสินค้าและบริการจากภาคเอกชน บริษัทใน สหรัฐฯ จงึ สามาถใชส้ ิทธ์ิทางด้านธุรกิจอย่างเต็มท่ีมากกวา่ กลุม่ บริษัททตี่ ้ังในประเทศคู่ค้าดังเชน่ ยุโรปตะวันตก และญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นในด้านการตัดสินใจในทางธุรกิจ การวางรกรากทางการลงทุน การปลดลูกจ้างพนักงาน และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แต่ทั้งนี้ผู้ประกอบธุรกิจในสหรัฐฯ มีข้อเสียเปรียบคือต้องเผชิญกับอุปสรรค ทางด้านกาแพงการค้าซง่ึ กีดขวางการเข้าสตู่ ลาดของค่ตู ่อสู้ นับต้ังแต่สมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐฯ เป็นผู้นาและมีข้อได้เปรียบทางธุรกิจในเวทีเศรษฐกิจโลก เสมอมา โดยเฉพาะอย่างย่ิงทางดา้ นเทคโนโลยี คอมพวิ เตอร์ เวชภณั ฑ์ อวกาศ และยุทโธปกรณ์ แตอ่ ย่างไรก็ดี ในชว่ งหลงั จากที่สหรฐั ฯ ประสบปญั หาทางเศรษฐกิจครัง้ ใหญ่ (Great Recession) ระหวา่ งปี 2550-2552 อนั เน่ืองมาจากภาวะฟองสบู่แตกของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้มีการยุบตัวลงของสถาบนั การเงินต่างๆ และ บริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ซ่ึงสภาวะเศรษฐกิจถดถอยในคร้ังนี้ที่ถึงแม้ว่าจะสิ้นสุดลงไปแล้วก็ตาม ยังคงส่งผลกระทบระยะยาวต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ของสหรัฐฯ มาจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหา การว่างงานท่ีเรื้อรัง ปัญหาหน้ีสาธารณะ ปัญหารายได้ประชาชาติท่ีลดลงในกลุ่มชนชั้นล่างและกลาง และ ปญั หาหนสี้ นิ ส่วนบุคคลของกลุ่มวัยทางานจากการกูย้ ืมเงินทางการศึกษา
11 อ้างองิ http://chineseweb.info/china-widening-yuan-band http://andolfatto.blogspot.com/2010/08/global-imbalances-good-for-world.html กองทนุ การเงินระหวา่ งประเทศ. http://www.financialsense.com/contributors/lance-roberts/gold-dollar-and-rates-say- no-qe https://www.nia.go.th/newsnow/almanac-files/static/pdf/2564 https://www.stou.ac.th/stouonline/lom/data/sec/Lom12/01-01-02.html https://thaiembdc.org/th/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B 8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88/
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: