Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore lampang rajabht university (1)

lampang rajabht university (1)

Published by ถมทอง ปู่ผัด, 2021-02-27 18:10:37

Description: lampang rajabht university (1)

Search

Read the Text Version

DOUGLAS MCGREGOR ทฤษฎี x ทฤษฎี X หรือ Theory X จะมีความทะเยอทะยานตาํ แตต่ ้องการเพียงความมนั คงเท่านนั นางสาวถมทอง ปผู ัด รหสั 61181550127 สาขาคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์

ประวัตแิ มค็ เกรเกอร์ Douglas Murray McGregor (1906-1964) เกดิ ป 1906 ในเมืองชายแดนทีคกึ คักของดีทรอยต์, มชิ แิ กนเมือเขาเรียน High School เขาไดเ้ ลน่ เปยโนและทาํ งานเปนเสมียนกลางคืนทสี ถาบัน the McGregor ไปดว้ ยสถาบัน the McGregor เปนสถาบนั ขอครอบครัวเขาทมี ีพนักงานชวั คราวกว่า 100 คน อายุ 17 เขาได้เข้าเรียนในระดับปรญิ ญาจติ วทิ ยาทวี ิทยาลยั Wayne State University เมอื งดีทรอยต์อายุ 19 เขาตดั สินใจพักการเรยี นเพือแตง่ งานและเปนผ้ดู ูแลสถานนี าํ มันในบัฟฟาโล ป 1930 เขาได้ขยายสถานนี ํามันให้มมี ากขนึ ป 1932 เขาได้ย้ายไปศึกษาต่อที Cambridge, Massachusetts ป 1935 เขาได้ศึกษาทฮี าวาร์ดศึกษาตอ่ MA และปริญญาเอกทางจิตวทิ ยาหลงั จากเรยี นจบแล้วเขา ก็ได้อยู่เปนอาจารยส์ อนจิตวิทยาทีฮาวาร์ดต่ออีก 2 ปจากนนั มาสอนทีสถาบนั เทคโนโลยแี มสซาชเู ซ ทหรอื MIT ฐานะอาจารยส์ อนวิชาจติ วิทยา เนืองจากตําแหน่งทเี พิมขนึ ทําให้เขายา้ ยเข้ามาเปน ศาสตราจารย์สอนทางจติ วิทยาและเปนผ้บู ริหารระดบั สูงในส่วนของแผนกความสัมพันธท์ าง อุตสาหกรรมของ MIT และในทีสุดก็ไดก้ ลายเปนนักจิตวทิ ยาสังคม ป 1947 เมือเขาอายุได้ 41 เขาไดก้ ลายเปนประธานของวิทยาลัย Antibioch ป 1964 ชือของเขาเปนทีรจู้ กั จากการเขา้ ไปเชอื มโยงกับทฤษฎี Y ทเี ขาไดก้ ลา่ วไวใ้ นหนังสือเรอื ง \"Managing the Human Side of Enterprise\" ในช่วงฤดูร้อน ป 1964 เขาได้ใชเ้ วลาเขยี นตน้ ฉบับซึงถูกตพี ิมพ์หลังจากเขาตายในเดือนตุลาคมชอื เรอื ง“ The Professional Manager \"แมว้ ่า Douglas McGregor จะหัวใจวายตายอย่างกระทันหนั ดว้ ยอายุแค่ 58 ป แต่ ทฤษฎีไม้แขง็ (X Theory) และทฤษฎไี ม้นวม (Y Theory) ของเขาก็ยังเปนทีความคิดก็ ทาํ ใหเ้ ขาไดข้ นึ ชอื วา่ เปนผู้บุกเบิกการบริหารจัดการ \"ผู้คดิ ค้นทฤษฎี X และทฤษฎี Y

ทฤษฎี X คอื อะไร? ทฤษฎี X คอื แนวคดิ ทีเชอื วา่ มนุษย์ไม่ชอบทาํ งาน ขาดแรงจูงใจในการพัฒนาตนเองรักสบายและเชอื วา่ พนักงานจะหลีกเลยี งความรบั ผดิ ชอบถ้าหากสามารถหลกี เลียงได้โดยพนกั งานในแบบทฤษฎี X หรือ Theory X จะมคี วามทะเยอทะยานตาํ แต่ตอ้ งการเพียงความมันคงเท่านนั ทฤษฎี X คือมุมมองในเชงิ ลบทผี นู้ ํามองว่าโดยธรรมชาติ แล้วพนกั งานไม่ชอบทํางานและขาดแรงจูงใจ

ลกั ษณะของแนวคิดแบบทฤษฎี X (Theory X) 1. มักเลียงความรับผิดชอบถ้าหากสามารถทาํ ได้ 2. ไม่มแี รงจงู ใจรวมถงึ ความทะเยอทะยานในการทาํ งาน รวมถึงความต้องการพัฒนาตนเอง 3. มุมมองแบบดังเดิม (Traditional View) เปนมุม มองในเชิงลบ\" 4. ธรรมชาตขิ องมนุษย์ไม่ไดช้ อบการทาํ งาน 5. ตอ้ งใช้กฎการบงั คับและการลงโทษเพือกระตนุ้ ให้ ทาํ งาน 6. พนักงานทํางานเพียงเพราะต้องการเงนิ และความ มนั คงเทา่ นัน ส่งผลใหผ้ ู้นาํ ในทฤษฎี X เชือวา่ พนักงานเหล่านีต้องถูก บงั คบั ควบคมุ ด้วยกฎเกณฑ์ทเี ขม้ งวดและข่มขูด่ ว้ ยการ ลงโทษจงึ จะมแี รงจูงใจในการทาํ งานและสามารถทาํ งาน ได้ตามเปาหมายทีกําหนด

ความเชอื ในแบบ ทฤษฎี X 1. มนุษยโ์ ดยทวั ไปไมช่ อบการทํางาน และพยายามหลกี เลียงงานถา้ สามารถทําได้ ซงึ มนษุ ยม์ สี ัญชาตญาณทจี ะหลีกเลยี งงานทกุ อยา่ งเท่าที จะทําได้ 2. เนืองจากการไม่ชชอบทาํ งานของมนษุ ย์ มนุษย์จึงถูกควบคมุ บงั คับ หรอื ข่มขู่ใหท้ าํ งาน ชอบให้สังการและใชว้ ธิ ีการลงโทษ เพือให้ความ พยายามได้เพียงพอ และบรรลุวัตถปุ ระสงค์ขององค์การเนืองจากไมช่ อบ ทาํ งานจงึ ตอ้ งมกี ารใชอ้ ํานาจบังคบั ควบคุม แนะนํา ขู่จะลงโทษ 3. มนษุ ย์โดยทัวไปพอใจกับการชแี ระสังการหรอื การถกู บังคับ ตอ้ งการ หลีกเลยี งความรบั ผดิ ชอบ มคี วามทะเยอทะยานนอ้ ย และต้องการความ มนั คงมากทีสุด ผู้บรหิ ารทฤษฎี X จึงต้องสร้างแรงจงู ใจโดยการข่มขู่ และลงโทษ โดยการแนะนําชแี นวทางในการทาํ งานหลกี เลยี งความรับผิด ชอบ และตอ้ งการความปลอดภัยมากกว่าสิงอนื เพือทาํ ใหล้ ูกนอ้ งใช้ความ พยายามให้บรรลคุ วามสําเร็จตามเปาหมายขององคก์ าร นันคอื ทฤษฎีX มสี มมติฐานวา่ ต้องบังคับใหม้ นุษยท์ ํางานเพราะมนษุ ย์ เกยี จคร้าน และ ไม่ค่อยรับผิดชอบ ผลคอื ผ้บู ริหารจะควบคมุ ผูบ้ งั คบั บญั ชาอยา่ งใกล้ชดิ และจงู ใจคนด้วยการใหเ้ งนิ หรอื ผลประโยชน์แตถ่ ้า ทําผิดก็จะมกี ารคาดโทษกัน ส่วนผ้ใู ต้บงั คับบัญชาอาจจะทา ตามสัง ไม่ สนใจปรับปรุงงานเน้นเรืองเงนิ เปนหลักทฤษฎนี จี ึงเหมาะใช้ในทีทขี าดคน งานและมมี าตรฐานการครองชพี ตํา Mcgregor กล่าวว่า ถา้ คนไดต้ ามที ต้องการทงั กายและใจทฤษฎีนคี งใช้ไมไ่ ดผ้ ล

สิงทีเปนเครอื งชถี ึงการทาํ งานเปนทีม Douglas McGregor ไดก้ ล่าวไวใ้ นหนังสือ “The Human Side Of Enterprise” ว่าสิงทีชใี หเ้ ห็นถึงการทาํ งานเปนทีมมดี งั ต่อไปนี 1.บรรยากาศในทีมกจ็ ะเปนแบบกันเอง ไมม่ ีพิธรี ีตอง เปนแบบสบายๆ และไม่ตรงึ เครยี ดบรรยากาศในการทาํ งานเปนลักษณะทีทกุ คนเข้าร่วมกนั และทุกคนมคี วาม สนใจและไม่มีร่องรอยแสดงความเบือหน่ายในงานให้ เหน็ 2.ในทีมงานจะมีการอภปิ รายหารอื กนั น้อยอยา่ งมาก อันเปนการอภิปรายกันโดยทกุ คนมีส่วนรว่ มอย่างแทจ้ รงิ ทังเปนการอภิปรายทีตรงกับเรอื งงานของทีม ถ้าเกดิ มี ใครอภปิ รายนอกเรืองก็จะมคี นดงึ กลบั เขา้ มาโดยเรว็ 3.สมาชกิ ทกุ คนมีความเข้าใจและยอมรบั ในงาน และมีวัตถปุ ระสงคข์ องทมี อย่าง แจม่ แจง้ และจรงิ จังจะมีการ อภิปรายกนั อย่างเสรีถงึ วัตถุประสงค์ของทีมในบางแง่ จนกว่า จะเปนวัตถปุ ระสงคข์ องทีมทีสมาชกิ ทกุ คนยอม รบั ผดิ ชอบกนั อย่างแทจ้ รงิ 4.สมาชกิ จะยอมฟงกันและกันการอภิปรายจะไม่มกี ารกระโดดจากข้อคดิ หนึงไปยงั อกี ข้อคดิ หนึงทีไม่เกียวกัน เลย ทุกคนจะฟงทกุ ข้อคิดทีสมาชิกเสนอทกุ คนจะไม่กลวั ถูกกล่าวหาว่าโง่ เมือเสนอความคิดสรา้ งสรรคท์ ีไม่ เข้าท่าแมจ้ ะไมเ่ ขา้ ท่าจรงิ ๆ ก็ตาม 5.ในทีมจะมกี ารไมเ่ หน็ ด้วยตลอดเวลาและกลมุ่ กจ็ ะมีความสบายใจกบั สภาพการณ์ แบบนีพวกเขาจะไม่ พยายามหลีกเลยี งความขดั แยง้ อยา่ งเดด็ ขาด หรอื ไมพ่ ยายาม ทีจะทา ให้ทกุ สิงทกุ อย่างราบรืนหรอื หวานชนื หรือ สวา่ งแจ่มใส ทกุ สิงทุกอย่างทีมี ความเหน็ ไม่ลงรอยกนั เหลา่ นันจะไมถ่ กู กดเก็บหรอื ไม่นา ขึนมาพิจารณาเปนอนั ขาด หากแต่จะมกี ารสํารวจตรวจดเู หตุผลของผู้ไม่เห็นดว้ ยอยา่ งรอบคอบแล้ว

6.การตดั สินใจส่วนใหญ่เปนการตดั สินใจโดยมีความเห็นพ้องตอ้ งกัน ซึงแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนวา่ ทุกคนมีความเห็นดว้ ยโดยทวั ไป และ เต็มใจทจี ะปฏิบตั ติ ามการตัดสินใจเหล่านัน 7.การวิพากษ์วิจารณ์จะกระทํากัน บอ่ ยเปนนจิ สินทาํ กันอย่างเปด เผยตรงไปตรงมา และกระทาํ ได้ด้วยความ สบายใจ 8.ทุกคนในกลมุ่ ร้นู ึกเปนอิสระทีจะแสดงความร้สู ึกของตนออกมาได้ เทา่ ๆ กับทีเสนอข้อคดิ ของตนออกมา ไมว่ า่ จะเรอื งปญหาต่างๆ หรอื เรืองการปฏิบตั ิงานของกลมุ่ จะมีการกลบเกลือนหรือเก็บกด น้อยทสี ุด 9.เมือถึงขันลงมอื ทําทุกคนจะเขา้ ใจและยอมรบั งานทไี ด้รบั มอบ หมายดว้ ยความเต็มใจ 10.ประธานหรือผนู้ าํ กลุ่มจะไมใ่ ช้อทิ ธิพลของตนเพือครอบคลุมกลุ่ม ในทางตรงกนั ข้ามก็เช่นเดียวกัน กลุ่ม จะไม่ยอมตามประธานหรือ ผูน้ ํากลุ่มเหมอื นกน 11.กลุม่ จะตนื ตัวและรตู้ ัวเองในเรืองการปฏบิ ตั งิ านของกลุ่มอยู่ ตลอดเวลา บางครังกลมุ่ จะหยดุ งานชัวคราว เพือนาํ มาสํารวจตรวจ ดูตวั เองว่า ขณะนกี ลมุ่ ของตนทาํ งานดีแลว้ แคไ่ หน เพียงใด จะมี อะไรบ้างทีจะเปน อุปสรรคตอ่ การทํางาน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook