Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ทฤษฎีx

ทฤษฎีx

Published by ถมทอง ปู่ผัด, 2021-02-27 14:49:59

Description: ทฤษฎีx

Search

Read the Text Version

1 Lampang Rajabhat University

2 หนา้ 3 หนา้ 4 สารบัญ หนา้ 4 หนา้ 4 1. ประวัติแมค็ เกรเกอร์ หนา้ 5 2. ทฤษฎี X คืออะไร? หนา้ 6 3. ลกั ษณะของแนวคิดแบบทฤษฎี X (Theory X) 4. ความเชื่อในแบบ ทฤษฎี X 5. ส่งิ ทเ่ี ป็นเครอ่ื งช้ีถงึ การทางานเป็นทมี 6. อ้างองิ

3 ประวตั แิ มค็ เกรเกอร์ Douglas Murray McGregor (1906-1964) เกดิ ปี 1906 ในเมอื งชายแดนทค่ี กึ คักของดีทรอยต์, มชิ แิ กนเม่ือเขาเรียน High School เขาได้เล่นเปยี โนและทางานเป็นเสมียนกลางคนื ทีส่ ถาบนั the McGregor ไปด้วยสถาบนั the McGregor เป็นสถาบนั ขอครอบครวั เขาที่มพี นักงานชั่วคราวกวา่ 100 คน อายุ 17 เขาได้ เข้าเรยี นในระดบั ปรญิ ญาจิตวิทยาท่วี ิทยาลัย Wayne State University เมอื งดีทรอยต์อายุ 19 เขาตัดสนิ ใจ พักการเรียนเพอ่ื แต่งงานและเป็นผดู้ ูแลสถานนี า้ มนั ในบฟั ฟาโล ปี 1930 เขาไดข้ ยายสถานนี า้ มันใหม้ มี ากขนึ้ ปี 1932 เขาไดย้ ้ายไปศึกษาตอ่ ท่ี Cambridge, Massachusetts ปี 1935 เขาได้ศกึ ษาทฮี่ าวารด์ ศึกษาต่อ MA และปริญญาเอกทางจติ วิทยาหลังจากเรยี นจบแลว้ เขาก็ ได้อยเู่ ปน็ อาจารย์สอนจติ วทิ ยาทฮ่ี าวาร์ดต่ออกี 2 ปจี ากนัน้ มาสอนท่สี ถาบนั เทคโนโลยแี มสซาชูเซทหรอื MIT ฐานะอาจารยส์ อนวชิ าจติ วทิ ยา เนอ่ื งจากตาแหนง่ ทเี่ พม่ิ ขนึ้ ทาให้เขายา้ ยเข้ามาเปน็ ศาสตราจารย์สอนทาง จิตวทิ ยาและเปน็ ผู้บรหิ ารระดับสูงในสว่ นของแผนกความสมั พนั ธท์ างอุตสาหกรรมของ MIT และในทีส่ ุดก็ได้ กลายเป็นนักจติ วิทยาสังคม ปี 1947 เมือ่ เขาอายไุ ด้ 41 เขาไดก้ ลายเป็นประธานของวทิ ยาลยั Antibioch ปี 1964 ชอื่ ของเขาเปน็ ทร่ี จู้ กั จากการเขา้ ไปเชอื่ มโยงกับทฤษฎี Y ทเี่ ขาได้กล่าวไวใ้ นหนังสือเรอื่ ง \"Managing the Human Side of Enterprise\" ในชว่ งฤดรู อ้ น ปี 1964 เขาไดใ้ ช้เวลาเขยี นตน้ ฉบับซงึ่ ถกู ตีพิมพ์หลังจากเขาตายในเดอื นตุลาคมชอื่ เร่อื ง“ The Professional Manager \"แมว้ า่ Douglas McGregor จะหัวใจวายตายอย่างกระทันหนั ด้วยอายแุ ค่ 58 ปี แต่ ทฤษฎไี มแ้ ข็ง (X Theory) และทฤษฎีไมน้ วม (Y Theory) ของเขากย็ งั เปน็ ที่ความคดิ ก็ทาให้เขาไดข้ ้นึ ชอื่ วา่ เปน็ ผบู้ ุกเบกิ การบรหิ ารจัดการ \"ผูค้ ิดคน้ ทฤษฎี X และทฤษฎี Y

4 ทฤษฎี X คอื อะไร? ทฤษฎี X คือแนวคิดที่เชอ่ื ว่ามนษุ ย์ไม่ชอบทางานขาดแรงจงู ใจในการพฒั นาตนเองรักสบายและเชอ่ื วา่ พนกั งานจะหลกี เลยี่ งความรบั ผิดชอบถ้าหากสามารถหลกี เลยี่ งไดโ้ ดยพนักงานในแบบทฤษฎี X หรือ Theory X จะมีความทะเยอทะยานตา่ แต่ตอ้ งการเพียงความมั่นคงเทา่ นัน้ ทฤษฎี X คือมมุ มองในเชงิ ลบทีผ่ ูน้ ามองว่า โดยธรรมชาตแิ ลว้ พนักงานไมช่ อบทางานและขาดแรงจงู ใจ (Traditional View) ลกั ษณะของแนวคดิ แบบทฤษฎี X (Theory X): 1. มกั เลี่ยงความรับผิดชอบถา้ หากสามารถทาได้ 2. ไม่มแี รงจูงใจรวมถงึ ความทะเยอทะยานในการทางานรวมถึงความต้องการพัฒนาตนเอง 3. มมุ มองแบบดงั เดิม (Traditional View) เปน็ มมุ มองในเชิงลบ\" 4. ธรรมชาตขิ องมนุษยไ์ ม่ไดช้ อบการทางาน 5. ต้องใช้กฎการบังคับและการลงโทษเพอื่ กระตุ้นให้ทางาน 6. พนักงานทางานเพยี งเพราะต้องการเงนิ และความมนั่ คงเท่านั้น ส่งผลให้ผูน้ าในทฤษฎี X เช่ือว่าพนกั งานเหลา่ นต้ี อ้ งถูกบงั คับควบคมุ ด้วยกฎเกณฑ์ทเี่ ขม้ งวดและข่มขู่ ดว้ ยการลงโทษจงึ จะมแี รงจูงใจในการทางานและสามารถทางานไดต้ ามเป้าหมายทกี่ าหนด ความเชอ่ื ในแบบ ทฤษฎี X 1. มนุษยโ์ ดยทั่ไปไมช่ อบการทางาน และพยายามหลกี เลี่ยงงานถา้ สามารถทาได้ ซงึ่ มนุษย์มี สญั ชาตญาณท่ีจะหลีกเลย่ี งงานทกุ อยา่ งเทา่ ทจี่ ะทาได้ 2. เนือ่ งจากการไมช่ ชอบทางานของมนุษย์ มนษุ ย์จงึ ถกู ควบคุม บงั คบั หรือข่มขู่ใหท้ างาน ชอบใหส้ งั่ การและใช้วธิ กี ารลงโทษ เพอื่ ให้ความพยายามได้เพยี งพอ และบรรลวุ ตั ถุประสงคข์ องอวค์การเนอื่ งจากไมช่ อบ ทางานจงึ ต้องมกี ารใชอ้ านวจบังคบั ควบคุม แนะนา ขูจ่ ะลงโทษ 3. มนุษย์โดยท่ัวไปพอใจกบั การชแ้ี ระส่ังการหรอื การถูกบังคบั ตอ้ งการหลีกเลีย่ งความรบั ผิดชอบ มี ความทะเยอทะยานน้อย และตอ้ งการความมนั่ คงมากท่สี ุด ผบู้ ริหารทฤษฎี X จึงต้องสร้างแรงจูงใจโดยการ ข่มขู่ และลงโทษ โดยการแนะนาช้ีแนวทางในการทางานหลีกเลย่ี งความรับผดิ ชอบ และต้องการความ ปลอดภัยมากกวา่ สิง่ อนื่ เพอ่ื ทาให้ลูกน้องใช้ความพยายามให้บรรลุความสาเรจ็ ตามเปา้ หมายขององคก์ าร นนั่ คือทฤษฎXี มีสมมติฐานวา่ ต้องบงั คบั ให้มนษุ ย์ทางานเพราะมนษุ ยเ์ กียจคร้าน และ ไม่ค่อย รับผิดชอบ ผลคือผบู้ รหิ ารจะควบคมุ ผบู้ งั คับบัญชาอยา่ งใกล้ชดิ และจงู ใจคนดว้ ยการใหเ้ งิน หรือ ผลประโยชน์ แตถ่ า้ ทาผิดกจ็ ะมกี ารคาดโทษกัน สว่ นผใู้ ต้บังคบั บญั ชาอาจจะทา ตามสง่ั ไม่ สนใจปรับปรุงงานเน้นเรอ่ื งเงนิ เปน็ หลกั ทฤษฎนี ี้จงึ เหมาะใชใ้ นท่ที ี่ขาดคนงานและมีมาตรฐานการครองชพี ต่า Mcgregor กลา่ วว่า ถ้าคนได้ ตามที่ตอ้ งการท้ังกายและใจทฤษฎนี ้ีคงใชไ้ มไ่ ดผ้ ล

5 ส่งิ ที่เป็นเคร่ืองชี้ถงึ การทางานเปน็ ทมี Douglas McGregor ได้กลา่ วไว้ในหนังสอื “The Human Side Of Enterprise” ว่าสงิ่ ทชี่ ้ีให้เหน็ ถึง การทางานเป็นทีมมีดงั ตอ่ ไปนี้ 1.บรรยากาศในทมี ก็จะเป็นแบบกนั เอง ไมม่ พี ธิ ีรตี อง เป็นแบบสบายๆ และไมต่ รงึ เครยี ดบรรยากาศในการ ทางานเป็นลกั ษณะที่ทกุ คนเขา้ รว่ มกนั และทกุ คนมีความสนใจและไมม่ ีรอ่ งรอยแสดงความเบ่ือหน่ายในงานให้ เหน็ 2.ในทีมงานจะมกี ารอภิปรายหารอื กนั นอ้ ยอยา่ งมาก อนั เป็นการอภปิ รายกนั โดยทกุ คนมีสว่ นรว่ มอย่างแทจ้ รงิ ทงั้ เป็นการอภิปรายทต่ี รงกบั เรอ่ื งงานของทมี ถา้ เกดิ มีใครอภปิ รายนอกเรอื่ งก็จะมีคนดงึ กลบั เขา้ มาโดยเรว็ 3.สมาชกิ ทกุ คนมีความเขา้ ใจและยอมรบั ในงาน และมีวตั ถปุ ระสงคข์ องทมี อย่างแจม่ แจง้ และจรงิ จงั จะมีการ อภิปรายกนั อยา่ งเสรถี งึ วตั ถปุ ระสงคข์ องทมี ในบางแงจ่ นกวา่ จะเป็นวตั ถปุ ระสงคข์ องทมี ท่ีสมาชกิ ทกุ คนยอม รบั ผดิ ชอบ กนั อยา่ งแทจ้ รงิ 4.สมาชกิ จะยอมฟังกนั และกนั การอภิปรายจะไม่มีการกระโดดจากขอ้ คดิ หนึ่งไปยงั อกี ขอ้ คดิ หนึ่งทไี่ มเ่ ก่ียวกนั เลย ทกุ คนจะฟังทกุ ขอ้ คดิ ทสี่ มาชิกเสนอทกุ คนจะไม่กลวั ถกู กลา่ วหาวา่ โง่ เมื่อเสนอความคดิ สรา้ งสรรคท์ ่ีไม่ เขา้ ทา่ แมจ้ ะ ไม่เขา้ ทา่ จรงิ ๆ ก็ตาม 5.ในทีมจะมีการไม่เหน็ ดว้ ยตลอดเวลาและกลมุ่ ก็จะมคี วามสบายใจกบั สภาพการณแ์ บบนีพ้ วกเขาจะไม่ พยายามหลกี เลย่ี งความขดั แยง้ อย่างเดด็ ขาด หรอื ไมพ่ ยายามทจ่ี ะทา ใหท้ กุ สิ่งทกุ อย่างราบรนื่ หรอื หวานชนื่ หรอื สวา่ ง แจม่ ใส ทกุ สงิ่ ทกุ อย่างท่มี คี วามเห็นไมล่ งรอยกนั เหลา่ นนั้ จะไม่ถกู กดเก็บหรอื ไม่นา ขนึ้ มาพจิ ารณาเป็นอนั ขาด หากแตจ่ ะ มีการสารวจตรวจดเู หตผุ ลของผไู้ ม่เห็นดว้ ยอย่างรอบคอบแลว้ 6.การตดั สนิ ใจสว่ นใหญ่เป็นการตดั สินใจโดยมีความเห็นพอ้ งตอ้ งกนั ซงึ่ แสดงใหเ้ ห็นอย่างชดั เจนวา่ ทกุ คนมี ความเหน็ ดว้ ยโดยท่วั ไป และเตม็ ใจท่ีจะปฏบิ ตั ติ ามการตดั สินใจเหลา่ นนั้ 7.การวิพากษ์วจิ ารณจ์ ะกระทากนั บอ่ ยเป็นนิจสนิ ทากนั อย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา และกระทาไดด้ ว้ ยความ สบายใจ 8.ทกุ คนในกลมุ่ รูน้ กึ เป็นอสิ ระที่จะแสดงความรูส้ กึ ของตนออกมาไดเ้ ทา่ ๆ กบั ทเ่ี สนอขอ้ คดิ ของตนออกมา ไมว่ า่ จะเรอ่ื งปัญหาตา่ งๆ หรอื เรอ่ื งการปฏบิ ตั งิ านของกลมุ่ จะมีการกลบเกลอื่ นหรอื เก็บกดนอ้ ยทีส่ ดุ 9.เม่ือถึงขนั้ ลงมอื ทาทกุ คนจะเขา้ ใจและยอมรบั งานที่ไดร้ บั มอบหมายดว้ ยความเตม็ ใจ 10.ประธานหรอื ผนู้ ากลมุ่ จะไมใ่ ชอ้ ิทธิพลของตนเพือ่ ครอบคลมุ กล่มุ ในทางตรงกนั ขา้ มก็เชน่ เดยี วกนั กลมุ่ จะไม่ ยอมตามประธานหรอื ผนู้ ากลมุ่ เหมือนกน 11.กลมุ่ จะตืน่ ตวั และรูต้ วั เองในเรอ่ื งการปฏบิ ตั งิ านของกลมุ่ อย่ตู ลอดเวลา บางครงั้ กลมุ่ จะหยดุ งานช่วั คราว เพอ่ื นามาสารวจตรวจดตู วั เองวา่ ขณะนีก้ ลมุ่ ของตนทางานดีแลว้ แคไ่ หน เพยี งใด จะมอี ะไรบา้ งทจ่ี ะเป็น อปุ สรรคตอ่ การทา งาน

6 แหลง่ ทม่ี า 1. http://www.file.siam2web.com 2. https://www.gotoknow.org/posts/448611%20%20%20%20%20%20%20(10 3. https://greedisgoods.com


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook