บิล_เกตส์ (Bill Gates) ก่อนที่เขาจะออกจากมหาวิทยาลัย เขามีโอกาสได้ฝึกฝนตนเองด้านคอมพิวเตอร์ตั้งแต่อายุประมาณ 15 - 16 บิ และทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวันตลอดทั้งสัปดาห์ เขามีโอกาส เขียนโปรแกรมที่มีระบบตอบสนองแบบฉับพลัน มีโอกาสคลุกคลีกับ เครื่องจักรกลด้วยการเขียนโปรแกรมแบบไม่หยุดพัก หลายคนสงสัยว่า บิล เกตส์ เรียนไม่จบ แต่ทำไมถึงประสบ ความสำเร็จได้ ถ้าเราลองมาศึกษากันจริง ๆ จะพบว่า เขาได้ศึกษา นอกโรงเรียนเกินเวลาที่เรียนในระบบการศึกษาเสียอีก จากตัวอย่าง นี้เห็นได้ขัดว่า อัจฉริยะทั้งหลายได้รับการฝึเกฝนมาอย่างหนัก ไมไข่ แคโขคข่วยหรีอบุญหล่นทับ แม้แต่คนไทยทีประสบความสำเร็จอย่าง น้องเมย์ รัชนก อินพนนท์ นักกืฬาแบดมินตันประเภทหญิงเดี่ยว มือวางอันตับ 1 ของโลก ปี ศ.ศ. 2016 หรีอทีมนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงของไทยที่ เพิงคว้าแซมบิมาได้ไม่นานนี้ นอกจากนี้ยังมีวิทยากรซื่อดังอย่าง คุณบัณฑิต อึ้งรังษี ซื่ง แต่ละท่านล้วนผ่านการแกฝนพัฒนาทักษะของตนเองติดต่อกันมาเป็น เวลานานมาก กว่าจะประสบความสำเร็จอย่างในบิจจุบัน www.kalyanamitra.org
50 51 ระยะเวลาในการแกฝนทักษะเป็นปัจจัยที่มีผลโดยตรงต่อความ สำ เร็จของคนส่วนใหญ่ ถ้าใครตั้งใจจะเป็นอัจฉริยะ หรือมีความ สามารถพิเศษทางด้านใด ก็จำ เป็นที่จะต้อง'ฝึกฝนทักษะ มีเปัาหมาย ที่สูง แล้วลงมีอทำจนไปถึงเปัาหมายนั้น ไม่ว่าจะเป็นทักษะทางด้านภาษา การเงิน การลงทุน ศิลปะ หรือคณิตศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นทักษะทางด้านใด แม้จะเป็นทักษะทาง ด้านการปฏิบัติธรรม เราก็ควรทุ่มเทเวลาให้ถ้บสิงนั้น ๆ แล้วเราจะ ประสบผลสำเร็จได้ในที่สด www.kalyanamitra.org
www.kalyanamitra.org
cBmnui UCLU www.kalyanamitra.org
D ท- ๒น www.kalyanamitra.org
ท้าวห 2 54 55 เฅิมพลังไจ เ พลังบุญ 0 1 'ลจ่อากนทุ;จย่ เคยสังเกตไหมว่าแต่ละคนมีวิธีรั'บมือและโต้ตอ'บกั'นฤปสร'ริ*^ ป้ญหาต่างกันไป บางคนเวลาเจอปีญหาก็มักจะทดท้อ บอกว่าตนเอง ไม่มีปีญญาพอจะแก้ป้ญหาได้ แล้วเขาก็แก้ไม่ได้จริง ๆ เพราะเขา ยอมแพ้ตั้งแต่เริ่มคิดแล้ว ส่วนคนอีกประเภทหนึ่ง พอเจอป้ณหากลับรู้สึกว่า เหมือน ได้เจอ ขนมหวาน บอกว่าอุปสรรคเป็นเรื่องท้าทาย สนุกที่ได้แล้ ปัญหา แล้วเขาก็สามารถแก้ปัญหาได้จริง ๆ เพราะฉะนั้น การคิดบวก และคิดลบมีผลต่อการแก้ปัญหา ซึ่งมีผลต่อความสำเร็จในอนาคตด้วย *ฯเบอเรารัแลัวว่า ควาบคิดเรงลบขัดขวาอควาบสำเร'า แลัวกำไม!รายัง?หัควาบคัถลบเหล่านั้น มา□ครั้วสมอง?หักงคั๋าลง!รอน ๆ * www.kalyanamitra.org
ความคิดเซิงลบเป้นความคิดที่ทำให้เกิดอๆรมณ์เชิงลบ ต่าง ๆ นานา ไม'ว่าจะเป้นความวิตกกังวล ความเคร้าใจ ความ ทุกข์ใจที่บั่นทอนสุขภาพกายและใจของเรา ยกตัวอย่างเรืองที่เกิดชินในชีวิตประจำวัน เข่น บางครั้ง เราขับรถอยู่ แล้วมรถคันหนึ่งวิ่งมาปาดหน้าเราอย่างกระขั้นชิด ทำ ให้เราเกิดอารมณ์หงดหงิด แล้วคิดไปต่าง ๆ นานา ว่าคนขับรถ คันนั้นไม่มีมารยาทเอาเลียเลย แต่ความจริงแล้วเขาอาจจะมีเหตุ จำ เป็นจริง ๆ ก็ได้ หรือยกตัวอย่างกรณีเพื่อนร่วมงานของเราได้เลื่อนขั้•นขึ้น เงินเดอน ทำ ให้เราคิดไปต่าง ๆ นานา ว่าเขาอาจเป็นคนโปรดของ เจ้านาย หรือประจบสอพลอเก่งจงทำให้ได้เงินเดือนสูงกว่าเรา ทั้ง ที่เรายังไม่ได้หันกลับมาพิจารณาตนเองเลยว่า ที่ผ่านมาเราทำงาน มีประสิทธิภาพแล้วหรือไม่ ซึ่งความคิดลบเหล่านี้จะทำให้เราไม่ ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน \"นากรวแทว อย่บไรกัชนรนวัเถนแกว เรื่องของ \"นํ้าครึ่งแก้ว\" กับ \"นํ้าเต็มแก้ว\" นั้นเป็นการ มองต่างมุม คนคิดบวกมักจะมองว่า \"มีนํ้ามากถึงครึ่งแก้ว\" ส่วน คนคิดลบมักจะมองว่า \"เหลีอนั้าอยู่เพียงครึ่งแก้วเท่านั้น\" www.kalyanamitra.org
55 57 เมื่อรู้แล้วว่าความคิดลบเป็นอย่างไร คราวนี้เรามาดูผลเสีย ของการคิดลบกันว่ามีอะไรบ้าง คนคิดลบจะได้รับผลเสียอย่างมาก เสมือนได้กินยาพิษเข้าไปทีละน้อย ๆ ทุกวัน ๆ ซึ่งเป็นการบั่นทอน ซีวิตตนเองรวมทั้งคนรอบข้างด้วย เนื่องจากคนรอบข้างจะรู้สึก เศร้าหมอง และเกิดอาการซึมเศร้าร่วมไปกับเขาด้วย คนที่คิดลบอยู่เป็นประจำ คลื่นสมองของเขาจะมืความถี่สูง และเกิดความยุ่งเหยิง สมองของเขาจะหลั่งสารแห่งความทุกข์ ออกมาจนทำให้เกิดความเครียด บั่นทอนสุขภาพกายและใจให้มี ความเลื่อมโทรมยิ่งขึ้นไปอีก ที่สำ คัญความคิดลบเป็นอุปสรรค ที่จะทำให้ไม่สามารถ ประสบความสำเร็จ นักวิทยาศาสตร์ นักขีววิทยา แพทย์เฉพาะทางด้านจิตเวฃ และแพทย์เฉพาะทางด้านสมอง ได้ทำการศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับ เซลล์สมองมานานหลาย 10 มีเแล้ว ทั้งในสหรัฐอเมริกาและใน ยุโรป มีผลออกมาว่า ในสมองของมนุษย์มีเซลล์สมองที่เรียกว่า \"นิวรอน\" เป็นโครงข่ายใยแมงมุม มีแขนขาเหมือนรากต้นไม้เรียกว่า \"แอกซอน\" นิวรอนในสมองของมนุษย์มีเป็นล้าน ๆ เซลล์ แขนขาที่ยื่น ออกมาจะเชื่อมต้อกันเป็นตัวนำประจุไฟฟ้า เวลาที่สมองเราเกิด www.kalyanamitra.org
ความคิดหรือเกิดอารมณ์ ประจุไฟฟัานี้จะส่งต่อกันระหว่างเซลล์ สมองโดยผ่านแอกซอนตัวนี้ นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า เมื่อมนุษย์มีอารมณ์ซึมเศร้าหรือ เกิดความผิดหวังและความเครียด เซลล์สมองจะส่งกระแสไฟฟ้า ประจุลบติดต่อกัน ทำ ให้เรามีความรู้สึกเศร้าและเครียดมากขึ้น ยิ่งถ้าเราคิดลบมากขึ้น โดยคิดถึงความผิดหวังในเรื่อง ต่าง ๆ เซ่น เรียนหนังสือไม่เก่ง ประกอบกิจการค้าขายไม่เจริญ รุ่งเรือง ผิดหวังเรื่องความรัก หรือไม่มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน พอคิดอย่างนี้ซํ้า ๆ นานเป็นเดือนหรือเป็นปี นิวรอนจะขยายใหญ่ จนกลายเป็นโครงซ่ายลบที่มีขนาดใหญ่และแข็งแรงมาก จนทำให้ บุคคลนั้นมีลักษณะเครียดง่าย คิดอะไรก็จะไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะในสมองของเขามีโครงซ่ายที่เป็นนิวรอนเซิงลบแอบซ่อนอยู่ หรือที่เรียกว่า \"คิดลบจนเป็นนิลัย\" ดือ พอเจอเหตุการณ์อะไร ก็จะคิดลบไว้ก่อนนั่นเอง นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดลองกับอาสาสมัครผู้เข้าร่วม โดยให้อาสาสมัครคิดบวกวันละ 3 เวลา เข้า กลางวัน และเย็น เป็นเวลานานติดต่อกัน 7 วัน โดยถ้าอาสาสมัครเกิดความคิดลบขึ้น ก็จะขอให้เขาหยุดคิดเรื่องนั้น แล้วกลับมาเรื่มคิดบวกใหม่ ปรากฏว่า หลังจากการทดลองผ่านไป 7 วัน เซลล์สมองที่มีลักษณะเป็นบวก มีขนาดใหญ่ขึ้น มีการสื่อสารกันด้วยประจุบวกมากขึ้น และมีการ ขยายเครือซ่ายขนาดใหณ่ขึ้นด้วย www.kalyanamitra.org
58 59 ความคิดลบและความคิดบวกนั้นเหมือนกับมีหัวเชื้อ ถ้าเรา คิดอย่างไร มันก็จะเรืยกพรรคพวกมาคิดแบบนั้นตามไปด้วย ถ้าเรา คิดลบ มันก็จะไปเรืยกพรรคพวกความคิดลบมาจนเต็มสมอง พอเราลงมือทำอะไรก็มักจะล้มเหลว แต่ถ้าเราคิดบวกตั้งแต่ด้น เชื้อความคิดบวกก็จะเข้ามาจนเต็มสมองของเราเข่นกัน พอเราลงมือ ทำ อะไรก็มักจะประสบความสำเร็จนั่นเอง 'ปิญหาส่วนใหญ่อยู่ที่บางทีเรามองตนเองไม่ออกว่า \"เรา กำ ลังคิดลบอย่หรือไม่\" อาตมภาพมืวิธีให้กัลยาณมิตรนักอ่านทุกท่าน ได้ลองสังเกต ตนเอง เรียกว่า พฤติกรรมพยากรณ์ ซื่งพฤติกรรมเหล่านี้ คือ พฤติกรรมของ Negative Thinker หรีอ ผู้ที่คิดลบอยู่เสมอ พฤติกรรมที่สังเกตได้ง่าย ๆ ของผู้คิดลบอยู่เสมอ เริ่มด้วย การแสดงออกถึงความเย็นซา \"คนที่คิดลบอยู่เสมอมักจะมีนิสัย เย็บซา\" ไม่ยินดียินร้ายต่อเหตุการณ์ที่เกิดชื้น ขาดเฟ้าหมายใน การดำรงชีวิต และชอบเก็บตัวอยู่เงียบ ๆ คนเดียว เหม่อลอย ทำ งานแบบไม'มีแรงบันดาลใจ ใช้ชีวิตอยู่ไปวัน ๆ เรียกได้ว่าไม่มื พลังในตนเอง เขาจืงไม'ร้จะถ้าวไปทิศทางใด www.kalyanamitra.org
\"คนหี่คิดลบอยู่เสมอมักจะรักตนเองไม'เป็น\" คิดตำหนิ ตนเองต่าง ๆ นานา อยู่ตลอดเวลา คิดว่าตนเองไม่มีคุณค่า รูปร่าง หน้าตาไม่ดี อ้วนไป ผอมไป คนลักษณะนี้ส่วนใหญ่จะไม่สามารถ มองเห็นฃ้อดีของตนเอง และขาดความเชื่อมั่นในตนเอง \"คนพี่คิดลบอยู่เสมอมักจะมีพฤติกรรมต้องการเป็นที่ ยอมรับตลอดเวลา\" คนเหล่านี้ค่อนข้างเอาแต่ใจตนเอง ต้องการ เป็นที่ยอมรับของคนในลังคม และไม่อยากถูกลังคมตำหนิว่าตนนั้น เคยทำผิด เป็นคนจำพวกกระหายคำซม แต่ไม่ยอมรับคำตำหนิ \"คนที่คิดลบอยู่เสมอมักจะจมปลักกับความผิดในอดีต\" บางคนอาจจะเคยทำผิดพลาดมาในอดีตแล้วรู้สึกเศร้าใจ ทุกฃใจกับ สิ่งที่ตนเองได้กระทำลงไปในอดีต แล้วจมปลักอยู่กับความผิดนั้น เรียกไต้ว่าไม่ให้อภัยตนเองและไมไหเอกาสตนเอง \"คนที่คิดลบอยู่เสมอมักจะมีอารมณ์ดราม่า\" แม้แต่เวลา ที่เกิดความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย เขาก็กลับรู้สึกว่าตนเองทำผิดมาก และรู้สึกเสึยใจมากเกินไป จนเหมีอนกับเล่นละครเพื่อให้ตนเอง รอดพ้นจากความรับผิดขอบนั้น บางคนกลัวการลองสิ่งใหม่ ๆ และ www.kalyanamitra.org
60 61 ไม่ชอบการปรับปรุงตนเอง ไม่ชอบการทำงานแบบใหม่ ๆ ไม่กล้า เปลี่ยนแปลง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้เกิดความคิดลบชึ้นได้ไนชีวิต \"คนที่คิดลบอยู่เ^มอมักจะติดอยู่ในกรอบชองชนบธรรมเนียม ประเพณี\" บางครั้งเห็นคนอื่นผิดแปลกไปจากประเพณีที่ตนเอง คุ้นเคย ก็รู้สึกอารมณ์เสีย เป็นคนที่เชื่อฝังห้วว่าทางเลือกที่ดีมี ทางเสือกเดียวเท่านั้น \"คนที่คิดลบอยู่เสมอมักจะเจ้าคิดเล้าแล้น\" และมักจะ คิดว่า บญๆณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ ถ้าใครทำดีมา ก็ทำ ดี ตอบแทนอย่างเต็มที่ แต่ถ้าใครร้ายมา ก็ร้ายตอบอย่างเต็มที่ เหมือนกัน เรียกได้ว่ายอมใครไม่เป็น ไม่ชอบให้อภัยใครและไม่ให้ โอกาสคนอื่นด้วย \"คนที่คิดลบอยู่เสมอมักจะซอนฝัดวันปรุะกันพรุ่ง\" เป็น คนที่ไม่ยอมทำอะไรให้สำเร็จ เพียงแต่บอกปัดลี่งนันไปเรื่อย ๆ เช่น พรุ่งนี้จะทำ หรีอ มะfนนี้จะทำ แต่ในที่สุดก็ไม่ได้ทำจนได้ บางทีก็รอความพร้อมมากจนเกินไป ทั้งที่ความพร้อมจริง ๆ จะเกิดชีน ก็ ต่ อเมื่อเราได้ลงมือทำแล้วนั่นเอง www.kalyanamitra.org
\"คนที่คิดลบอยู่เสฺมอมักจะไม่เป็นตัวเ•อง\" ไม่สามารถ ตัดสินใจในการทำสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยตบเอง ต้องรอให้ผู้อื่นตัดสินใจ แทน หรือรอให้เพื่อนซักซวนก่อน ตนเองถึงจะทำตามเพื่อน เป็น คนที่ไม่มั่นใจในตนเองอย่างยิ่ง และไม่เซื่อฟังความคิดของตนเอง \"ค'นที่คิดลบอยู่เสฺมอฺม่กฺจะโกรธแล้วฺด้องแสดงออก\" คน ที่คิดลบอยู่เสมอประเภทนี้ พอโกรธแล้วมักจะแสดงออกเพื่อให้ สังคมรับรู้ถึงอารมณ์ของตนเอง ซึ่งแสดงถึงความไม่มีวุฒิภาวะทาง อารมณ์อย่างยิ่ง เราจะเห็นได้ว่าพฤติกรรมคิดลบทั้งหมดนี้เป็นกระจกสะห้อ'น พฤติกรรมของเราเพื่อนำไปสู่วิธีการแก้ไข ด้งนั้น เมื่อรู้แล้วว่าตนเอง คิดลบอย่างไร เราก็ควรเปลี่ยนพฤติกรรมคิดลบเหล่านั้นให้เป็นบวก www.kalyanamitra.org
62 63 ไขประเด็นซูรส เปลี่ยนพฤติกรรมคิดลบให้เป็นบวก มองหาแง่มมที่เป็นประโยขน โดยเริ่มต้นจากการมองหา แง่มุมที่เป็นประโยซน์จากสิงต่าง ๆ รอบตัว พยายามจับถูกหรือจับดี แทนที่จะจับผิด หมั่นตั้งคำถามเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นร^ตัว เข่น เราจะแffปัญหานี้ได้อย่างไร แทนที่จะตั้งคำถามว่า ใครเป็นคนสร้างปัญหานี้ขึ้นมา หัดนึกถึงภาพในแง'บวก เข่น วาดภาพโอกาส ภาพความ เป็นไปไต้ หรือภาพของความสำเร็จ ไม่ไข่ภาพแห่งความล้มเหลว หมั่นพูดกับตนเองเสมอว่า เราทำได้ เพื่อเป็นการให้ กำ ลังใจตนเองอยู่เสมอ ประเด็นเปลี่ยนพฤติกรรมคิดลบให้เป็นบวกทั้งหมดนี้ ถ้า เราปฏิบัติเป็นประจำ ก็จะสามารถเปลี่ยนความคิดลบให้เป็นความ คิดบวกได้ในที่สุด www.kalyanamitra.org
\"ความคิถฺลบเJนเชนอัดโนมัถินาก เราแกบ]ม่ถัอJใปส์\"j มันกคิถขนมาอย่าjnunmTถ หากเกิดความคิดลบฃึนมาเพียงเล็กน้อยเราต้องพยายาม กำ จัดความคิดลบเหล่าใ?นออกไปจากใจให้ไต้ ถึงแม้จะยาก แต่ อฺาตมภาพก็มืเทคนิคกำจัดความคิดลบไว้ให้เป็นตัวข่วย เทคนิคกำจัดความคิดลบข้อแรก คือ \"มีสติ\" เมื่อเรามี ความคิดเกิดขึ้นมา เราต้องแยกแยะว่าความคิดที่กำลังเกิดขึ้น'นั้น เป็นความคิดบวกหรือความคิดลบ ถ้าเราพบว่าความคิดนั้นเป็นลบ ให้รีบปรับความคิดนั้นให้ กลายเป็นบวกทันทื คือ \"เลิกจับผิด แล้วฺหันมาจับถูก จับดีใน ลิงที่คนอื่นทำ\" ยกตัวอย่างสมมติว่าเกิดนํ้าท่วมที่ทำงาน แทนที่เราจะ พรํ่าบ่นว่า นํ้าท่วมทำให้เราไปทำงานไม่สะดวก เราก็ควรเปลี่ยน ความคิดว่า ถ้านั้าท่วมเราเดินทางไปทำงานไม่ได้ เราก็มีโอกาส เปิดร้านเล็ก ๆ ขายของที่จำเป็นในช่วงเวลานั้น เช่น ขายรองเท้าบู๊ต ขึ้งเราสามารถเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ง่าย ๆ www.kalyanamitra.org
64 65 นอกจากนี้ \"ควรHคำพูดพี่เป็นบวกกับเพื่อน ๆ ฃองุเรา\" เซ่น กล่าวขอบคุณ และกล่าวคำขื่นซมในสิ่งที่เพื่อนหรือผู้ร่วมงานทำ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เราคิดบวกอยู่ตลอดเวลา นอกจากการกล่าวคำขื่นซมต่อเพื่อน ๆ แล้ว ที่สำ คัญคือ \"หลีกเลี่ยงการนินทา\" เพราะการนินทาว่าร้ายคนอื่นนั้น ทำ ให้ ใจเราคิดลบเพื่อหาคำนินทามาสนทนากัน มีคำ แนะนำเพื่มเติมคือ \"หลีกเลี่ยงการทะเลาะวิวาท\" เพราะการทะเลาะวิวาทกันนั้น นอกจากจะทำให้เราอารมณ์เสีย แล้ว ยังจะทำให้เราเสียเพื่อน และยังเกิดผลเสียต่าง ๆ ตามมาอีก มากมาย ซึ่งจะทำให้ความคิดของเราเป็นลบใปด้วย www.kalyanamitra.org
สุดท้ายคือ \"อย่าเก^ด อย่า^ฆาตพยาบา^ทุท้อี่น\" เพราะสิ่งเหล่านี้จะอยู่ในใจเราตลอดเวลาที่เราอาฆาตเขา เป็นการ ตอกยํ้าความคืดลบในสมองและในจิตใจของเราตลอดไป ถ้าเรา ทำ ได้อย่างนีแล้ว นอกจากจะคิดบวกไม่คิดลบ เรายังกลายเป็นคน ที่น่าคบหา ไปอยู่ที่ไหนใคร ๆ ก็รัก \"อารบณ์ทรอความคิถบวกบั้น เกัถขนยาก!เลgทายว่าย แค่ความคิถลบชั้น เกัคสันว่ายแค่หายยาก\" ยกตัวอย่าง พอมีคนมาแซงคิวซื้ออาหารแล้วเราเกิดอารมณ์ หงุดหงิด เราก็จะจำอารมณ์หงุดหงิดนี้ไปตลอดทั้งวัน ซึ่งอารมณ์ ลบเหล่านี เราไม่ควรจะเก็บมาไว้ในใจ แต่เราควรสร้างการคิดบวก ให้มากขึ้นจนเป็นนิสัย เพราะจะทำให้เรามีอารมณ์ดี แจ่มใส ไม่ว่า จะประกอบการงานใดก็สำเร็จได้ง่าย www.kalyanamitra.org
www.kalyanamitra.org
www.kalyanamitra.org
ก้าวที่ 2 y เติมฬลังใจ เพิ่มพลังบุญ 02ให3ว้า\"nวoใ's© อาตมภาพเคยได้ยินภาษาอังกฤษคำหนื่งว่า You are what you eat คือ \"ฤนอะไรก็จะเป็นอย่างนั้น\" พูดง่าย ๆ ว่า \"คุณจู^มีสุฃภา' รือไม่ดีอย่างไรฺ ขึ้นอยู่กับสิงที่คุณกิน\" แต่ ความจริงทื่สำคัญไม่น้อยไปกว่าการกินเลย คือ \"การฺคิด\" คนเราสะสมทั้งบุญและบาปกันมามากมายข้ามภพข้าม'ชาติ นับไม่ถ้วน ไมโซ่ว่าเราตายแล้วนำบุญบาปมาชั่งกิโลหักลบกลบหนี้ เหมือนตัวเลขในบัญชี เหลือบัญชีคำมีกำไรอยู่ก็ได้ขึ้นสวรรค์ ถ้าบัญชี แดงบาปมากก็ตกนรก แต่ความจริงการให้ผลของบุญบาปมืความ ซับข้อนกว่านั้นมาก www.kalyanamitra.org
เมือเราทำความดีแล้ว ผลดีบางอย่างยังไม่แลดงผล แต่ ชุกซ่อนอยู่ในใจ หรือทำบาปแล้วผลบาปบางอย่างยังไม่แสดงผล เพราะมันรอจังหวะแลดงผลอยู่ ดังนับ ใบใจของคนเราจึงมีวิบาก แห่งกรรมดีและกรรมชั่วใบอดีตสะลมอยู่มากมาย เป็นเหมือบ พลังงาบศักย์ชุกซ่อนอยู่ภายในใจ พอเราดีดขึ้นมาก็จะเหนี่ยวนำให่ พลังงานศักย์นั้นทำงาน ล้าใครดีดทางบวก มีความต้องการอะไรมาก ๆ ดีดถืงมัน บ่อย ๆ อย่างมุ่งมั่น ก็มักจะไต้สิ่งนั้นมาจริง ๆ เพราะความต้องการ จดจ่อนั้นไปเหนี่ยวนำให้ผลแห่งความดี และบุญกุศลที่มือยู่ไปดึงดูด สิ่งนั้นให้เกิดขึ้น แต่ดึงดูดแล้วบุญก็ถูกใช้ไปด้วย เราจะนั่งนืกเอาอย่างเดียว แต่ไม่หมั่นเติมบุญนั้นไม่ไต้ ใน ทำ นองเดียวกัน พอไปนึกถึงเรื่องร้าย ๆ ใจจะไปเหนี่ยวนำสิ่งไม่ดี ให้แสดงผล วิบากกรรมในอดีตหรือกรรมชั่วที่เคยทำไว้ก็ให้ผล ความชั่วไม่เหมือนกับควๅมดี เพราะเมื่อความดีแสดงผล จะทำให้เรามีความพร้อม เราจึงมืโอกาสทำความดีต่อไปอืกดีอ www.kalyanamitra.org
70 71 เอาบญต่อ'บุญ แต่ถ้าวิบากกรรมในอดีตฝ่ายขั่วแสดงผล ซีวิตเราก จะยํ่าแย'เพราะเจอเหตุการณ์ต่าง ๆ ผสมปนเปสารพัด มีโอกาสท เราจะทำบาปเพิ่มขึ้นโปอีก เพราะฉะนั้น ให้วิบากกรรมฝ่ายดีแสดงผลก่อนดีพิ่สุด เรา ต้องไม่คิดถึงวิบากกรรมฝ่ายบาป อย่าไปดีงดูดมันให้แสดงผล เรา จะได้มีโอกาสทำความดีต่อไปมาก ๆ จนกระทังไปเจือจางวิบาลกรรม ฝ่ายบาปให้อ่อนกำลังลง แล้วหมดฤทธิ๋ไปในหีสุด ความคิดต้านลบอันตรายมาก ไม่เฉพาะต่อสุขภาพของเรา ในขณะนั้น แต่ยังมีผลต่อเนื่องไปดีงลูดให้วิบากกรรมต้านลบ บรืร อกศลกรรมในอดีตมาส่งผลในปิจจุบันต้รย ■จjCOnnถถีถัวยการหักถีบสบร เราควรลกคิดบวกให้เป็นนิสัย เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ล้วนคิดไต้ 2 แง่ 3 มุมทั้งนั้น แต่เราควรฝ่กมองไปในทางบวก เสมอ ดั่งคำโบราณกส่าวไว้ว่า \"สองคนยลตามซ่อง คนหนึ่ง มองเห็นโคลนดม อีกคนตาแหลมคม เหนดวงดาวอยู่พราวพราย\" www.kalyanamitra.org
คนหนงมองไปทพน(.หนโคลนตม คนหนึ่งมองไปบนท้องฟ้า เหนฟ้าใสสวยสดงดงาม ทังทีมองลอดจาก'ช่อง(.ดียๆทน (.เต'พอมอง มุมที่ต่างกัน อารมณ์ความรู้สีกก็ต่างกันราวฟ้ากับดิน เหตุการณ์เดียวกัน แต่มุมมองไม่เหมือนกัน ระหว่างคนที่ คิดลบอยู่เสมอ (Negative Thinker) กับคนที่คิดบวกเป็นนิสัย (Positive Thinker) สิ่งที่เกิดฃี้นกับอารมณ์ความรู้สึกย่อมไม่ เหมือนกัน ดังนั้น ถ้าเรา^กตนเองให้เป็นคนคิดบวกไมดีดลบแล้ว ละก็ จะทำให้เรามืพสังไจพร้อมจะฟันฝ่าอุปสรรคทั้งปวงได้ อาตมภาพขอหยิบยกตัวอย่าง เรื่องราวที่เกิดขึ้นของคน คิดลบอยู่เสมอและคนดีดบวกอยู่เสมอ ให้นักอ่านพุกทำนได้ เข้าใจมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างที่ 1 เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ มี แม่ทัพคนหนึ่งต้องคุมทหารออกไปสู้รบกับข้ๅคีก แต่ข้าดีกมืกอง กำ ลังมากกว่ากองกำสังของตนถึง 5 เทำ ทหารทั่วไปพอเจอสถานการณ์อย่างนี้ ได้ออกไปรบก็คง ทันข้ายหันขวาเตรืยมตัวหนี เพราะมีความรู้สึกว่าแพ้แน่ๆใครหนี www.kalyanamitra.org
72 73 เร็วที่สุด รอด ใครหนีช้า ดาย พอออกไปรบฟันกันดาบสองดาบ ก็วิ่งหนีกระเจิดกระเจิงกันหมด แต่แม่ทัพคนนี้มีอุบาย ก่อนออกรบเขานำกองทหารเช้าไป กราบพระไนโบสถ์เพื่อเรียกขวัญและกำลังไจ พอเสร็จก็เที่ยงทาย โยนเหรียญแล้วตั้งสัตยาธิษฐานว่า \"ถ้าพรุ่งนีออกรบขนะ ขอให้ โยนเหรียญออกหัว\" บรรดาทหารขันรองลงมาต่างก็มารุมดู พ® โยนเหรียญออกหัว ทุกคนก็มีกำสังไจเกิดฃึนอีก 50 เปอร์เซนต์ แม่ทัพคิดว่าบรรดาทหารของตนยังไม่มั่นไจมากพ® จึงตัง สัตยาธิษฐานโยนเหรียญขำอีก 1 ร®บ ถ้าขนะไห้®®กหัว พอโยน ป๊บเหรียญก็ออกหัวอีกครั้ง โยนรอบที่ 3 ก็ออกหัวขำอีก พอนายทหารขั้นรองทุกคนได้เห็นกับตาตนเ®งก็เกิตตวาม มั่นไจ นายทหารคนอื่น ๆ ที่ยืนรออยู่นอกโบสถ์ได้ยินเช้า ก็ เกิดความฮึกเหิมว่าฟัาดินเป็นไจ พยากรณ์ว่าฝ่ายเราชนะแน่ ๆ ถึงคราวออกรบไม่มีไครคิดหนีเลย ทุกคนคิดล้เพราะมั่นไจว่า ด้อง ชนะอย่างแปนอน ไนการคิกขวัญกำสังไจสำคัญมาก พอทุกคนมี พสังไจฮึกเหิม พร้อมลุยเช้าสู้ ผลปรากฏว่ารบชนะจริง ๆ www.kalyanamitra.org
กองทัพที่ออกรบไม่เหมือนกับคน 1 คน สู้กับคน 5 คน ซึ่งถ้าถูกรุม 1 ต่อ 5 ก็ซนะได้ยาก แต่ในทางการศึก กำ ลังคน 1 หมื่น กับ 5 หมื่น หากวางแผนการรบดี ๆ มีกำ ลังใจดี ๆ กอง กำ ลังที่มืทหาร 1 หมื่นนาย ก็สามารถรบชนะได้ หากทหารฝ่าย 5 หมื่นนั้นขวัญเสีย กองทัพฝ่ายน้อยก็สามารถรวมกองกำลัง 1 หมื่น นาย กระแทกเข้าไปจุดใดจุดหนึ่ง ให้ข้าศึกฝ่าย 5 หมื่นกระบวน ทัพแตก พอแตกแล้วรวน คุมกันไม่ติดก็แพ้ราบคาบไปในที่สุด ครั้งหนึ่งพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช คุมกองทัพไม่ถึง 3 หมื่นนาย สามารถรบชนะกองทัพเปอร์เซียทีมมากถึงประมาณ 6 แสนคนได้ เพราะกองทัพอเล็กซานเดอร์มหาราชมืความเชื่อมั่น และมั่นใจในผู้น้าทัพว่าด้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน ความเชื่อมั่น ทำ ให้สู้รบชนะ ในขณะที่ฝ่ายกองทัพเปอร์เซียไม่มีความมั่นใจ พอ แม่ทัพถอยหนี ทหารที่เหลือ 6 แสนนายแตกทัพ จึงพ่ายในที่สุด ดังนั้น กำ ลังใจสำคัญมาก ทหารไทยที่ไปรบในสงครามเกาหลื เพื่อความมั่นใจจึงน้า พระเครืองฃองดีทีตนเองเคารพบูชาติดตัวไปด้วย พอตะลุมบอนกับ ข้าศึกแบบดุเดีอดเลือดพล่าน ก็หยิบพระใส่ปากท่อง \"อูะระทัง สัมมา \" ควัาปีนลุยเลย www.kalyanamitra.org
74 75 คราวนี้รบกันติดพันจนกระทั่งรู้สึกคอแห้งหิวนำ จืงลงไปที่ หนองนํ้าเพื่อจะล้างหน้าแล้ววักนํ้าดื่ม พออ้าปากเท่านั้นพระก็ตกลง ไป เขาตกใจรีบคว้าพระฃี้นมาใส่ปากใหม่อีกครัง ข้าศึกก็กำลัง บุกเข้ามาประชิด มีเวลาแค่นิดเดียว นํ้าลกปรกหรือไม่ ไม่สนใจแล้ว แค'ให้ได้กลั้วคอคลายกระหายเท่านั้นพอ ด้วยความที่ต้องรีบไปต่อจึงเร่งคว้าพระใส่ปาก ลักพักรู้สึก ว่าในปากมันเต้นต้บ ๆ จึงเข้าใจว่าของชิน พระแสดงฤทธิ เกิด ความมั่นใจจึงลุยแหลก รบอย่างห้าวหาญจนฃนะข้าศึกในที่ลุด พอรบเสร็จหยิบพระออกมาดูปรากฏว่า กลายเป็นลูกอ๊อด 1 ต้ว เพราะหยิบผิด คว้าลูกอ๊อดมาแทนพระทีรวงลงไปในหนองนำ อารามเร่งรีบไม่มีเวลาสังเกตเพราะข้าศึกกำลังยิงกัมอยู่ แสดงให้ เห็นว่า ล้ามีความเชื่อมั่นย่อมเกิดผลสำเร็จ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าเราเจอสถานการณ์ร้ายแรงขนาดไหน ให้ยิ้มสู้แล้วคิดไปในทางบวกว่า เราต้องสู้ไหว เราต้องชนะ www.kalyanamitra.org
ตัวอย่างหี่ 2 วันหนื่งมีคนไข้ 2 คนไปหาหมอ คนไข้คนที่ 1 มีร่างกายปกติแข็งแรงดี แต่ต้องการมาตรวจสุขภาพประจำปี หมอ จึงเจาะเลือดนำไปตรวจตามปกติ ส่วนคนไข้คนที่ 2 เป็นคนฃีเหล้า นอนดีกดื่นเพราะขอบ เที่ยวเตร่ยามคํ่าดีน ชีวิตที่ผ่านมาไม่เป็นโล้เป็นพาย แตกตั้งใจจะ กลบเนอกลับตวเพอดูแลครอบครัวให้ดี ตังใจจะฟิตร่างทายใหม่ และเปลี่ยนระบบชีวิตให้ดีฃึ้น จึงมาหาหมอตรวจร่างกายให้รู้ว่า ตอนนี้สุขภาพตนเองเป็นอย่างไรบ้าง หมอให้คนไข้ทั้งสองคนเจาะเลือดแล้วกลับบ้านไป ปรากฏว่า เมื่อผลตรวจเลือดออกมา พยาบาลส่งผลเลือดไปให้คนไข้ทั้ง 2 คน สลับกัน คนไข้คนที่ 1 ความจริงสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี แต่เกิด ความผิดพลาด พยาบาลนำผลตรวจเลือดของคนไข้คนที่ 2 ไปให้ พบว่าเป็นมะเร็งขั้นต้นและอาการจะทรุดลงตามลำดับ ซึ่งอันตรายมาก www.kalyanamitra.org
76 77 พอคนไข้คนที่ 1 ได้รับผลตรวจเลือดมา ก็เข้าใจผิดคิดว่า ตนเองเ?เนมะเร็ง รัลืกแย่ จิตใจห่อเหี่ยว ปรากฏว่า ร่างกายทรุดโทรม จนป่วยไข้ ไม่กี่เดือนต่อมาเขาก็เลืยซีวิตลง ส่วนคนไข้คนที่ 2 พอได้รับผลตรวจเลือดว่า ตนเองแข็งแรง ดีทุกอย่างก็เกิดกำลังใจ เปลี่ยนวิถีชีวิตของตนเองใหม่ตามทีตังใจไว้ ทั้งเลิกดื่มเหล้า นอนเป็นเวลา ออกกำลังกายสมํ่าเสมอ ดูแล ครอบครัวอย่างดีและมีอารมณ์เบิกบาน มะเร็งเบื้องด้นทีมีอยู่กลับ หายไป เขากลายเป็นคนแข็งแรงและมีชีวิตอยู่ต่อมาได้อีกหลาย 10 ปี www.kalyanamitra.org
เพราะฉะนั้น \"ความคิดเปลี่ยน^วิดเราได้\" พอคิดทางลบว่า เราปวยเป็นมะเร็ง เราดายแน่ๆ เราแย่แน่ๆ ทุกอย่างมัน ก็แย'ตามความคิดไปจริง ๆ แต่พอเราคิดบวกว่า เราปีสุขภาพหี่ดี เราปีร่างกาย ทแขงแรง ปรากฏว่า ความคิดมันกลับดึงร่างกายไห้แข็งแรง ฟ้นขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ ถ้ามั่นใจอย่างนี้แล้ว พลังจะเกิดขึ้นอย่าง เต็มที แล้วสิ่งดึ ๆ ก็จะเกิดขึ้นตามมา ด้งนัน พอเจอเรืองร้าย ๆ อย่าเพิ่งไปเสียใจทอดอาลัยและ รอโขคซะตา แต่ให้เราสร้างก^ลุ้^ให้ตนเอง มองในแง่ดึ แล้วเดินหน้า แกปีญหาอย่างสุขุมรอบคอบด้^พลังใจแล^วๆมวิริยรฎตสาหะ สุดห้าเยสิงดี ๆ ย่อมเกิดขึ้นกับข็วิตเรา \"เราขาวพุทธ?หัถั้ว?จสวถมนคิ นวสบาธิอย่าวสบาเสมอกุกวับ ารกำ?ห?วเรา?สกรgว่าว มพลัว?ๆ กำ ?ท!รา มอวทกอย่าว?ชเาาวบวก]ถั www.kalyanamitra.org
82 83 6% มืการศึกษาเก็บรวบรวมข้อมูลไว้ว่า รอยยิ้มเปลี่ยนฃีวิตได้ โดยรอยยิ้มมีประโยชน์อย่างน้อย ๆ ดังต่อไปนี้ 1 \"รอยยิ้มเปลี่ยนชีวิตให้อายุยืน\" ในปี ค-ศ. 2010 มหาวิทยาลัย เวย์นสเตต (Wayne state University) ได้ศึกษาเรื่องการยืมลับ การมีอายุยืนยาว โดยอาลัยการวิเคราะห์รูปถ่ายของนักเบสบอลในปี ค.ค. 1952 สังเกตคนที่ยิ้มมากลับคนที่ยิ้มน้อยว่า พวกเขามีอายุ ต่างลันหรือไม่ แล้วการยิ้มลับการมีอายุยืนยาวนั้น มีความสัมพันธ์ลัน อย่างมีนัยสำคัญจริงหรือไม่ ผลปรากฏว่า คนที่ยิ้มกว้างหรือยิ้มอย่างเต็มที่มีอายุเฉลี่ยเกิน 80 ปี แต่คนที่อมยิ้มมีอายุเฉลี่ย 75 ปี ส่วนคนที่ไม่ยิ้มเลยมีอายุเฉลี่ย 72 ปีเท่านั้น ดังนั้น ล้าอยาก อายุยืนเราต้องยิ้มบ่อย ๆ และยิ้มกว้าง ๆ \"รอยยิ้มเปลี่ยนชีวิตให้สุขภาพดี\" มีการค้นพบว่า รอยยิ้ม จะลดฮอร์โมนความเครียดอย่าง อะดรีบาลิน (Adrenaline) และ คอร์ติซอล (Cortisol) ลง ซึ่งฮอร์โมนพวกนี้เป็นฮอร์โมนไม่ดี ที่ทำ ให้ ร่างกายคนเราเกิดความดัน จึงอาจจะทำไห้เกิดโรคและเกิดการอักเสบ ในร่างกายได้ เซ่น โรคเรื้อรัง แก่เร็ว แต่เมื่อใดก็ตามที่เรายิ้ม มันจะไปเพิ่มระดับฮอร์โมนความสุข หรือสารความสุขในร่างกาย เช่น ซีโรโทปีบ (Serotonin) หรือ www.kalyanamitra.org
เอนคอร์^น (Endorphin) เป็นสารความสุฃที่เกิดขึ้นตามธรรมซาติ ในสมองซองคนเรานั่นเอง เวลาที่เรายิ้มแล้วมีสารจำพวกนี้หลั่งออกมา ก็จะมีการหลั่ง สาร โดพาปีน (Dopamine) ในปริมาณน้อย ๆ ออกมาด้วย ขึ้งเป็น สารแห่งความสบายใจ เป็นสารแห่งการมอบรางวัล เพราะจะทำให้ เรารู้สึกว่าได้ตอบแทนตนเอง และยังเป็นสารที่ทำให้เรามุ่งไปสู่ เน้าหมายได้ ในงานวิจัยขึ้นเดียวกันนี้ยังพบว่า ระดับเคมีในสมอง ของเราเพิ่มขึ้นอีกด้วย r าให้อารมณ์ดี มีการ ต่างกั^ด้กิน'ชอกโกแลตแล้ว า'นั้นมากน้อยต่างกัน จากการศึกษาพบว่า \"1^อยยิ้ม มีค่าเท่ากับช็อกโกแล^ 2,000 ^๗ง\" หมายความว่า เราต้องกินซ็อกโกแลตมากกึง 2,000 แท่ง กึงจะได้รับสารแห่งความสุฃเทืยบเท่ากับการยิ้มเพียง 1 คเง ทางการแพทย์พบว่า \"รอยยิ้มรักฺษุาโรคได้\" พอเรายิ้มก็ ทำ ให้สารจำพวกนี้หลั่งออกมาในร่างกาย จึงสามารถจะรักษาอาการ เรื้อรังอย่างโรคปวดเรื้อรังได้ เพราะสารเอนดอร์พีนจะซ่วยลดความ เจ็บปวดลงได้นั่นเอง www.kalyanamitra.org
84 85 เพราะฉะนั้น ถ้าเรายิ้มหรือหัวเราะ ก็จะลดความกลัวและ ความกดดันลงได้ และซ่วยเรื่องอาการปวดให้ทุเลาลงได้ด้วย ในขณะ เดียวกัน ถ้าเราไม่ยิ้มและมีใบหน้าอมทุกข์ หรือเศร้าหมอง อาการ ต่าง ๆ ก็จะหนักฃี้น ต่อมาจึงมีการตั้งกลุ่ม \"ยมบำน้ด\" เพื่อช่วยให้ คนไข้หายจากอาการปวยได้รวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะคนไข้ที่มีอาการทางจิตประลาท หรือมีความทุกข์ ถึงแม้จะไม่มีการดีกษาที่ซัดเจนว่า ยิ้มบำบัดจะทำให้คนไข้หายจาก โรคทุกอย่างได้ แต่อย่างน้อยม้นก็ทำให้คนไข้มีความสดขื่นร่าเริง และมีกำลังใจที่จะเปลี่ยนสภาพร่างกายตนเองให้อยู่ใมใหมดขอ\"^กา\"3 ซ่อมแซมตนเองได้ คนเราสามารถเอาชนะความเจ็บปวยในร่างกายได้ แต่ต้อง อาศัยบางอย่างเข้าช่วย ร่างกายจะต้องอยู่ในโหมดของการซ่อมแชม ตนเอง ไม่ใช่อยู่ในโหมดของความทุกข์หรือความเสื่อม เพราะถ้าเรา ปวยแล้วยิ่งอมทุกข์ม้นก็ไม่หาย แต่ถ้าปวยแล้วยิมสู้ร่างกายก็จะหาย จากอาการปวยเหล่านั้น \"ถ้าเรากลัวอะไร ก็ให้ยิ้มสู้ไว้ก่อน\" รอยยิ้มจะช่วยให้เราหาย จากความทุกข์และความกลัวสิ่งต่าง ๆ ทำ ให้เราเอาชนะอาการทางจิต บางอย่างได้ เพราะรอยยิ้มช่วยในเรื่องของสารสิ่อประสาทนั้นเอง www.kalyanamitra.org
ในกรณีทีเราไม่!ด้ยิมเอง แต่ได้เห็นรอยยิ้มของคนอื่น เข่น คุณแม่เห็นรอยยิ้มของลูก จากการศึกษาพบว่า รอยยิ้มของเด็กวัย ประมาณ 5 - 10 เดือน มีผลต่อคลื่นสมองของคุณแม่ คือคุณแม่ จะมีความสุขมากถ้าเห็นลูกยิ้ม \"รอยยิ้มเปลี่ยนชีวิตให้สวยหล'อ\" การยิ้มบ่อย ๆ ทำ ให้ ใบหน้าอ่อนกว่าวัย ใครไม่ยิมหน้าก็บีงตึงอยู่อย่างนั้นเป็นธรรมดา กล้ามเนื้อตายเพราะบริเวณใบหน้าไม่ได้ออกกำลังกาย \"รอยยิมเปลี่ยนชีวิตให้มีเสน่ห้\"จากการศึกษาของมหาวิทยาลัย อเบอร์ดืน (University of Aberdeen) มหาวิทยาลัยทีเก่าแก'เป็น อันดับ 3 ของสกอดแลนด์ด้นพบว่า ใบหน้าที่มีรอยยิ้มมีเสน่ห์สูงกว่า ใบหน้าทีแสดงอารมณ์อื่น ๆ ถึง 8 เท่า เพราะฉะนั้น ไม่ว่าเราจะเจอ สถานการณ์อะไรก็ตามให้ยิมไว้ก่อน อย่างน้อยรอยยิ้มจะทำให้เรามี ความสุขและมีกำลังใจมากยิ่งขึ้น \"รอยยิ้มเปลี่ยนชีวิตให้ได้งาน\" รู้หรือไม่ว่ารอยยิ้มสามารถ สร้างงานสร้างรายได้ให้เรามากขึ้นด้วย มีการศึกษาพบว่า พน้กงาน ขายทั่วไปที่มีรอยยิ้มจริงใจ สามารถขายสินค้าที่ขายยากได้ง่ายกว่า ปกติ เข่น การขายประกันชีวิต ดังนั้น ถ้าเรามีรอยยิ้มก็จะประสบ ความสำเร็จมากกว่า www.kalyanamitra.org
86 87 นอกจากนี้ยังพ'นว่า พ'นักงานขายสินค้าทางโท'ริค้พท์ (TelesaLe)| 'ที่มีรอยยิ้มระหว่างการทำงาน มักจะประสบความสำเรจโนกา'ริขาย\" มากกว่าพนักงาน'ที่ไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้า*ริะหก่กงก'!รทํ'ไ^'ไ'^''^^ เพราะฉะนั้น บางองค์กรนำกระจกไปวางไว้ใ'ทํพนักงาน'ขาย สินค้าทางโทรศัพท์ได้เ'ท็นใบหน้า'อองคน''อง และยิมขณะทร์ในทนา กับลูกค้า ผู้'?]งปลายสายก็จะรับเได้ถืงอา'ริมณ์'ทีลบายใจอองยิ้''ร}ค ทํก ให้เกิดความสบายใจตามไปด้วย พอลูกค้ารู้สีกดีก็มักจะด้ดลินใจอือ สินค้าได้ง่ายขึ้น นอกจากนั้น รอยยิ้มยังมีผลต่อองค์ก'ริ มีผลต่อการสร้าง แบรนค์ และมีผลต่องานการตลาด ซึ่งทำให้สินค้าประลบผลสำเร็จ เพราะพอลูกค้าได้ยินเสียงปนรอยยิมอองทน้กงาน เขาจะบันทึกภาพ ของอารมณ์ที่ดี แล้วผูกพันกับแบรนค์น้น ๆ รอยยิมนอกจากจะสร้าง ความประทับใจต่อตัวผู้ยิ้มเอง ยังสร้างความประทับใจให้องค์ก'ริด้าย \"รอยยิ้มเปลี่ยนชีวิตสร้างความสัมพั'นธ์ที่ดี\" มีการสืกษา เรื่อง รอยยิ้นกับความสัมพันร์ของปีตสรส ที่มหาวิทยาลัยเดอพาว (DePouw University) โดยนำรูปถ่ายศิ'ษย์เก่าอองมหาวิทยาลัย เดอพาวมาวิเคราะห์จำนวนทั้งหมด 100 คน พบว่าคนทึยิมปอย ๆ www.kalyanamitra.org
มีอัตราการหย่าร้างอยู่ที่ 1 : 20 ส่วนคนในกลุ่มที่ไม่ค่อยยิ้มมีอัตรา การหย่าร้างอยู่ที่ 5 ะ 20 ข้อมูลมีเป็นการบ่งซีว่า คนที่มีรอยยิ้มเป็นคนที่มีความมั่■นคง ทางอารมณ์ และสามารถประคับประคองความสัมพันรในระยะยาวได้ รอยยิมดงดูดมิตร และทลายกำแพงทางด้านอารมณ์และจิตใจ สร้างอารมณ์ที่ดีเข้าหากัน ทำ ให้บรรยากาศของครอบครัวเต็มไปด้วย ความรัก ความผูกพัน และความเอื้ออาทรต่อกัน รอยยมเพยงเลกนอย มีผลสีกซีงถีงขนาดทำให้อัตราทาร หย่าร้างหายไปถึง 5 เท่าเลยทีเดียว ซึ่งไม่ต้องทำการวิจัยเราก็รับรู้ ได้เองว่า ถ้าในบ้านมีแต่รอยยิ้ม เราก็อยากอยู่บ้าน นอกจากนัน ยังมีการดีกษาความแตกต่างระหว่างรยยยิ้ม ของเด็กกับผู้ใหญ่อีกด้วย เด็ก ๆ จะยิ้มได้ทั้งวันประมาณ 400 ครั้ง/วัน พอเริ่มโตฃึ้นก็เริ่มยิ้มน้อยลงเหลือ 20 ครั้ง/วัน และผู้หญิงส่วนใหญ่ ยิ้มง่ายกว่าผู้ขาย แสดงว่าผู้หญิงมีความสุขกว่าผู้ขาย และเด็ท ๆ ก็มี ความสุขกว่าผู้ใหญ่มาก เพราะซีวิตของเขาไม่ด้องคิดอะไร แค'ได้เห็น พ่อแม่ เขาก็มีความสุขแล้ว www.kalyanamitra.org
88 89 \"สำหรับบางคนกถ้อJการ บทเรยนเพอเนลี่ขนเสือยมยาก คนทั่วไปเรียกรอยยิ้มได้ไม'ยาก แต่สำหรั'นบางคนที่เป็นคน ยิ้มยาก อาตมภาพมีข้อแนะนำง่าย ๆ ให้ได้ลองเรียนรู้ว่า เราจะ กลายเป็นคนยิ้มง่ายได้อย่างไร เริ่มด้นจากการ \"หาเรื่องสนุก ๆ ไว้เล่าสู่กันฟ้ง\" เวลาไป พบปะเพื่อนฝูงให้เราหาเรื่องสนุกๆไปคุยกับเขา เราจะได้มีโอกาสยิ้ม มีโอกาสหัวเราะ พยายามมีเรื่องเล่าสนุก ๆ เราจะได้มีอารมณ์ขันติดตัว จากนั้นให้ลอง \"หาตัวช่วย^ร้าง รมณ์ข้'น\" '•ข่ม หนังสือ รูปภาพ วีติโอเทปที่บันทึกเรื่องราวสนุก ๆ ต่าง ๆ เก็บไว้ เวลาที่เรา ยิ้มไม่ออกก็ให้กลับมาเปิดดู เพื่อสร้างรอยยิ้มให้ตนเอง ต้องไม่ลืมที่จะ \"ยิ้มให้ตนเองทุก ๆ เข้าหลังตื่นนอ'น\" ยิ่ง เรายิ้มปอข ๆ ร่างกายก็จะมีพลังมากขึ้น เพราะรอยยิ้มจะกลายเป็น พลังให้เรารับมีอกับปิญหาหนัก ๆ ได้ www.kalyanamitra.org
ที่สำ คัญต้อง \"ยิ้มทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน\" และจงยิ้มให้ เป้นนิสัย ถ้าวันไหนเรายังใม่ยิ้มอย'าเพิ่งออกจากบ้าน รวมถีงยิ้มก่อน ลงจากรถ ยิ้มก่อนเข้าที่ทำงาน ให้เราหมั่นยิ้มเสมอ ๆ ในทุก ๆ สถานที่ ที่ เราไป เราต้อง \"รักษากายใจให้แข็งแรงและสดขื่นอยู่เสมอ\" เพราะถ้าร่างกายยํ่าแย่ หรือป่วยไข้ เราจะนยิ้มบางทีก็ยิ้มไม'ออก เหมือนกัน แล้ว \"ทำกิจกรรมยามว่างที่ตนเองขื่นชอบ\" มืความสุข กับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พยายามคิดแต่เรื่องด ๆ เรื่องใดที่ไม่ดืก็อย่าไป คิดให้รกสมอง นอกจากนี้ รอยยิ้มยังมืประโยชน์ต่อผู้อื่น เพราะคนรอบข้าง จะไต้รับคลื่นแห่งความสุขนั้นไปด้วยกันกับเรา เราก็จะมืความสัมพันธ์ กับคนรอบข้างที่ดีขึ้น รอยยิ้มจงมืประโยชน์ต่อหน้าที่การงานทุกส่วน เลยทีเดียว www.kalyanamitra.org
90 91 รอยยิ้มเป็นทรัพย์ลมบัติประจำตัวที่เราต้องพกไว้ เพราะดีต่อ ทั้งสุขภาพร่างกาย ซืวิต ความส้มพันธ ฐานะ รวมทั้งหน้าที่การงาน แต่ต้องยิ้มจากใจจริง ไม่ใฃ่เสแสรังยิ้ม www.kalyanamitra.org
•9 รอ^บ www.kalyanamitra.org
กาวที่ 2 92 เฅิมพลังใจ เที่มพลังบุญ คอกมูลA รอ^บ บางคนสงสัยว่า รอยยิ้มมีความสับด้วยหรือ เรามาดูเบื้องหลัง ของรอยยิ้มกัน กว่าเราจะยิ้มได้อย่างสดชื่นนั้น รู้ไหมว่าบนหน้าของ คนเรามีกล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่รวมกันแล้วถึง 44 มัด ทำ ให้เรา สามารถแสดงสีหน้าท่าทางต่าง ๆ ได้ จำ แนกแล้วมากกว่า 5,000 แบบ รอยยิ้มสรบความค่าJSsno'unนกับสัถว สัตว์ประเภทอื่นไม่สามารถยิ้มได้อย่างมนุษย์ แต่ก็มีสัตว์บาง ตัวที่มีความสามารถฟิเคษคล้าย ๆ จะฉืกยิ้มได้อย่างสุนัขบางตัว แต่ จริง ๆ แล้วมันคล้ายจะฉีกยิ้มเท่านั้น แต่มันไม่สามารถมีรอยยิ้มที่ ละเมียดละไมเหมือนกับมนุษย์ได้ เพราะมีเฉพาะกล้ามเนื้อของมนุษย์ เท่านั้นที่มีความซับข้อน และมีรายละเอียดมากถึง 44 มัด เราถึง สามารถแสดงสีหน้าอารมณ์ได้แตกต่างกัน www.kalyanamitra.org
เมื่อธรรมขาติให้กล้ามเนื้อที่ละเมียดละไม เพื่อสร้างรอยยิ้ม ได้อย่างสดใสบนใบหน้าของเราแล้ว เราก็ควรใช้กล้ามเนื้อเหล่านื้อย่าง คุ้มค่า คนที่ทำหน้านิ่งบึ้งไม่ยิ้มตลอดทั้งวัน ก็เท่ากับว่าไม่ได้ใช้สิงที่ ธรรมขาติให้มาอย่างคุ้มค่า กลับทำหน้าคล้ายสัตว์อื่น ที่แม้อยากจะ ยิ้มก็ไม่สามารถยิ้มได้อย่างมนุษย์ เพราะฉะนั้น ขึ้นขื่อว่า สัตว์ดิรัจฉาน จึงมีความตื่นตระหนก อยู่เป็นนิจ ตื่นกลัวอยู่เสมอ เพราะมันไม่มั่นใจว่า สัตว์ตัวอื่น ๆ รู้สึก อย่างไรกับมัน มันจึงพร้อมจะกัดกันรังแกกันตลอดเวลา แต่มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสงบสุข เพราะ มีรอยยิ้ม เดินบนถนนเจอคนไม่รู้จักกันสวนทางผ่านไป เขาส่งยิ้มมา เราก็ส่งยิ้มกลับไป เพียงเท่านื้ความรู้สึกเป็นมิตรก็เกิดขึ้นแล้ว พอ ได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าเขา เรารู้เลยว่าคนนื้ไม่เป็นภัย แล้วพอเรา ส่งรอยยิมกสับไปก็เป็นสัญญาณว่า เราไม่ได้คิดร้ายกับใคร เราเป็น ผู้ที่มีความรักและความปรารถนาดีกับทุกคน เพราะฉะนั้น รอยยิ้ม จึงมีความสำคัญมาก คนไทยมีความพิเศษยิ่งกว่าคนขาติอื่น ๆ คือมีรอยยิ้มพิมพีใจ ที่เป็นวัฒนธรรมประจำขาติ ซึ่งเป็นมรดกธรรมในพระพุทธศาสนาที่ ป่ย่าตายายฝากไว้ให้กับเรา www.kalyanamitra.org
94 95 พอเราได้หลักธรรมในพระพุทซศาสนากล่อมเกลาจิตใจ บาก ลับวัฒนธรรมจาก'ป่ย่าตายายที่ยิ้มให้แก่กัน นำ มาใฃ้ในวิถีชืจิตอย่าง เต็มที่ กีล่งผลให้เมื่อกึงคราวคนต่างชาติเดินทางมาเยือนประเทศใ'ศย พวกเขาต้องแปลกตาแปลกใจว่า รอยยิ้มชาวสยามไม่เหมือนกับชอง คนในประเทศอื่น ๆ เ'ป็นรอยยิ้มพิม'vflจ เกิดความประทับใจจน ตั้งชื่อให้ว่า \"ยิ้มสยาม\" ชื่งเราเป็นคนไทยอยู่ในเมืองไทยมานาน เรา ไม่รู้ว่ารอยยิ้มธรรมดา ๆ มันจะแตกต่างกันตรงไหน อาตมภาพไปเรียนหนังสือที่ประเทศญี่ปนเมื่อปี พ■ศ- 2533 ตอนนั้นตั้งประเทศมืพระไทยอยู่เ'พียง 1 รูปเท่านั้น ยังไม่มืวัดไทย เลยแม้แต่วัดเดียว อาตมภาพไปอยู่ที่นั้น ได้วับแรงกดดันจากการเรียนภา'บ■า ที่หนักและวัฒนธรรมที่แตกต่าง แต่อาศัยที่ได้บวชและได้ปฏิบัติ . ธรรม รู้จักการลวดมนต์นั้งสมาธิ แล้วมอง'ดุกอย่างในทางที่ดี' อดทนและตั้งใจทุ่มเทเต็มที่ พอมีอะไรเกิดขึ้นมาก็ยิ้มได้อย่าง สบาย ๆ เพราะคิดว่าเดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีขึ้น www.kalyanamitra.org
พอเวลาผ่านไป อาจารย์สอนภาษาญี่ป่นในมหาวิทยาลัยโตเกียว เริ่มคุ้นเคยกัน จึงเข้ามาถามว่า ทำ ไมอาตมภาพถึงมีรอยยิ้มน้อย ๆ บนหน้า1/อย่เIร^ิ่อยเลย พอได้ฟ้งเราก็งงหน่อย ๆ ว่า เราปฏิบัติตนเป็นปกติ ไม่ได้ยิ้ม อะไร แต่คนอื่นกลับมองแล้วรู้สีกเหมือนกับว่า บนใบหน้าของเรามี รอยยิ้มน้อย ๆ อยู่ตลอดเวลา เราคนไทยพออยู่ด้วยกันเราไม่รู้สึกว่าใบหน้าอย่างนี้แตกต่าง แต่พอเราไปต่างประเทศ คนอื่นกลับรู้สึกถึงความแตกต่างบนใบหน้า ของเราทันที แล้วสิงนี้ทำให้เราได้รับความเคารพ ความเกรงใจ และ ความรักจากทุกคนรอบข้าง ใคร ๆ ก็อยากจะเข้ามาหา เข้ามาพูดคุยและ ช่วยเหลือดูแล พอเรามีป้ญหาอะไร เขาก็อยากจะยื่นมือเข้ามาช่วย เหล่านี้ คือ อานิสงส์ของการมีรอยยิ้มอยู่เป็นนิจ เพราะฉะนั้น เราซาวไทยด้องรักษามรดกธรรมที่ปูย่าตายาย อุตส่าห์ปฏิบัติลืบทอดกันมาให้ดี อย่าให้ยิ้มสยามหายไป แล้วกลาย เป็นยิ้มสยอง เราควรรักษายิ้มสยามที่เป็นยิ้มพิมพใจไว้ตลอดไป หลวงวิจิตรวาทการ (วิจิตร วิจิตรวาทการ) ผกคำไว้ว่า www.kalyanamitra.org
96 97 ท่านสรุปกลั่นออกมาจากประสบการณ์จริงในชีวิตของท่านว่า ไม่ว่าเราจะเจอภัยมาอย่างไรก็แล้วแต่ ล้าเราทำไบหน้าหดหู่ จิตไจก็ จะห่อเหี่ยว อารมณ์ความคิดก็จะแย่ตามไปหมด พลังไจที่จะสู้ก็ไม่มี ทางด้านวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า รอยยิ้มบนใบหน้ากับการ ทำ งานของลมองมีความสัมพันธ์กัน พอสมองของเราเจอสิ่งที่รู้สีกว่า อารมณ์ดี สดขื่น ก็จะส่งสัญญาณมาทำไห้ไบหน้าของเรายิ้มโดย อัตโนมัติ เรียกว่า รอยยิ้มแบบออโตเมติก เมื่อคนเราเจอเรื่องที่มีความสุข เข่น พ่อแม่เห็นลูกหัวเราะ พอดูแล้วสบายไจ สมองก็จะสั่งการไห้ไบหน้ายิ้มทันที ไนทางกลับกัน ล้าเรายิ้มก่อน การทำงานของกล้ามเนื้อหรีอรอยยิ้มบนไบหน้า ก็จะ ส่งสัญญาณย้อนกลับไปยังสมอง ทำ ไห้เกิดความรู้สีกว่า มีพลังไจ มี อารมณ์ดี และมีความคิดสร้างสรรค์ พร้อมจะแก้ปัญหาทุกอย่างได้แล้ว www.kalyanamitra.org
เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ว่าเจอเรื่องดื ๆ แล้วค่อยยิ้ม แต่ถึงแม้ว่า เราจะเจอเรื่องร้าย ๆ ก็ให้เรา!!เกยิ้มจนเป็นนิล้ย ยิ้มแบบไม่!!เน ฟัา จะถล่มแผ่นดินจะทลาย เจอเรื่องคอขาดบาดตายอย่างไรก็ช่างมัน เพราะพอเรายิ้มสู้ได้เท่านั้นเอง ความรู้สึกหวาดหวั่นไม่มั่นใจก็จะคลาย ลงไป พลังใจจะกลับเพิ่มพูน สติปัญญาและกำลังบุญจะทำงานได้ อย่างเต็มที่ ทำ ให้เราสามารถผ่านพ้นภาวะวิกฤตนั้นไปได้อย่างงดงาม ไม่ว่าวิกฤตน้อยใหญ่ รวมทั้งปัญหาอุปสรรคในชีวิตที่เราต้อง เจอทุกวัน มากบ้างน้อยน้าง เราก็จะผ่านไปได้ด้วยความราบรื่น แล้ว กลายเป็นคนมีเสน่ห์ที่ใคร ๆ ก็อยากเข้าใกล้ เพราะเมื่อเข้าใกล้เรา เขาจะรู้สึกว่าได้รับพลังใจจากเราไปด้วย มีอารมณ์ดีไปด้วย เกิด ความคิดสร้างสรรค์ตามไปด้วย ดังนั้น \"รอยยิ้มนี้ไม่ธรรมดาเลย\" \"อนั้รกำใทัรอยยิ้มขอว โมนาลิชา ส่งพลถ่อคนกั้Jโลก.....\" ภาพวาดหญิงสาวที่ถึอกันว่าสวยงามที่สุดในโลก\"โมนๆลิซา\" (Mono Lisa) ถูกวาดขึ้นโดย \"เลโอนารโด ดา วินชี\" (Leonardo da Vinci) ถามว่า ทำ ไมภาพวาดขึ้นเล็กๆขึ้นนี้ ถึงได้รับความสนใจ มากมายจากคนทั่วโลก www.kalyanamitra.org
98 99 เคยสงสัยหรือไม่ว่า ภาพวาดสินํ้ามันชิ้นนี้ที่สูงเพียง 77 เซนติเมตร กว้างเพียง 53 เซนติเมตรเท่านั้น แต่ทำไมโด่งดัง จนคนยกย่องให้โมนาลิซาเป็นหญิงสาวในภาพที่งดงามที่สุด ในประวัติศาสตร์ของโลก < คำ ตอบนั้นมีเคล็ดลับหลายอย่าง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ดาวินขี วาดให้โมนาลิซามีรอยยิ้มน้อย ๆ บนใบหน้า ซึ่งอาจจะถอดแบบมา จากรอยยิ้มของซาวสยามก็เป็นไปได้ เพราะรอยยิ้มของโมนาลิซา เหมือนกับยิ้มสยาม แต่ซาวยุโรปไม่คุ้นเคยกับรอยยิ้มแบบนี้ จึงรู้สึก ว่ารอยยิ้มนี้ซ่างลูดีมีเสน่ห์เหลือเกิน ดาวินซี จัดองค์ประกอบของภาพให้ดึงสายตาคนมองไปสู่ รอยยิ้มนั้น ซาวต่างชาติบางคนบอกว่าเป็นรอยยิ้มที่ลืกลับแต่ทรงเสน่ห์ อย่างสึกลํ้า ทำ ให้ภาพวาดโมนาลิซาทรงคุณค่าที่สุดในประวัติศาสตร์ โมนาลิซาจึงกลายเป็นหญิงสาวที่งดงามที่สุดในประวัติศาสตร์เพราะ รอยยิ้มนี้เอง ในยุคนี้หลายคนสวยได้ด้วยมีดหมอ ยอมเสียเงินมากมาย และยอมเจ็บตัวไปตัดหนัง เฉือนกล้ามเนี้อ ผ่ากระดูก ต่อนั่นเย็บนี่ เพื่อจะเปลี่ยนเด้าโครงใบหน้าของตนเอง รวมถึงสำตัวส่วนต่าง ๆ ใน ร่างกายเพื่อให้ดูดึ ดูสวย แต่ความจริงเราไม่ต้องเจ็บตัวอย่างนั้นก็ได้ www.kalyanamitra.org
เราสามารถทำให้ตนเอง^ศีปีเสน่ห์ได้โดยไม่ต้องเสียเงิน และ ไม่ต้องเจ็บตัวเลย และยังเ?!นความดูดีมีเสน่ห์ที่ยั่งยืนกว่าการผ่าตัด ทำ ศัลยกรรมมาก ถ้าเราทำศัลยกรรมพอถึงคราวแก'ตัวไป อายุสัก 50 - 60 ปี ร่างกายก็ต้องแก่ไปตามวัย เผลอ ๆ อาจจะมีผลข้างเคียง V . .. V .. ขึ้นมา แย่กว่าเก่าต้วยซาไป ถ้าเราปีกตนเองให้เป็นคนที่มีนิสัยเบิกบาน ร่าเริง มีรอยยิ้ม บนใบหน้าอยู่เนืองนิตย์ เราจะดูดีและทรงเสน่ห์ ใครๆ ก็อยากเข้าใกล้ โดยที่เราไม่ต้องเสืยเงินเลย ถ้าเป็นหญิงสาว ก็เป็นหญิงสาวที่ชายหน่มหมายปอง เพราะ ถ้ามองผ่าน ๆ เขาก็ซอบคนที่มีหน้าตาดูดี แต่ครั้นจะต้องเลือกคู่ครอง จริง ๆ ขายส่วนใหญ่ก็มักจะดูว่า ใครที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของเขาไต้ อยู่ ร่วมกันแล้วทำให้ชีวิตคู่ผาสุก มีความอดทน สามารถเลี้ยงลูกไต้อย่าง ดีและทำให้ครอบครัวร่มเย็น พอเขาเห็นเรามีใบหน้าที่มีรอยยิ้มเนืองนิตย์ ความมั่นใจของ เขาก็จะเพิ่มขึ้นมา 80 - 90 เปอร์เซ็นต์เลยว่า ผู้หญิงคนนี้ดูดี เพราะ มีเสถียรภาพทางอารมณ์ มีอีคิวสูง ตังนั้น ถ้าเราปีกยิ้มปอย ๆ เรา ก็จะกลายเป็นคนทรงเสน่ห์ไปโดยปริยาย www.kalyanamitra.org
100 101 ตรงกันข้าม ถ้าฝ่ายชายยิ้มอย่างสมํ่าเสมอ หญิงสาวก็มั่นใจ ได้ว่า เขาคนนี้จะเป็นผู้นำครอบครัวที่ดี สามารถฝากชีวิตไว้ได้ ไมใช่ คนเกเรที่จะมาทำร้ายร่างกายและจิตใจชึ่งกันและกัน \"รอยยิ้ม คือ เครอJเดิมเสน่ห์ที่สำคัญ กำ ใทัเรานีความพรอบnoกายแลร?จกี่ารพาญคับอุปสรรค เอาชนรพอวคัยกั้วกลาย](าอย่าววถงาม านกรรทั่งปรรสบความสฺขแลรควาบสำเรา?นฮวิถ\" www.kalyanamitra.org
รอJเรียก ความ www.kalyanamitra.org
ก้าวที 2 102 103 เติมพลังไจ เพิ่มพลังบุญ รอวเรยก 5 \"การอนุโมทนา'บุญ\" คือพลังงาน'บางอย่าง เปรืย'บได้กับ ลูกตุ้มโมเมนตัมที่กระทบกันไปเรื่อย ๆ เป็นระลอกคลื่น เพราะการ อนุโมทนาบุญ ยิ่งเรายินดีกับบุญผู้อื่นมากเท่าไร บุญนันก็จะส่งผล u _ ' ะ- กลับมา'ฅ่เรามากเทานน เรามาดูกันว่า บุญจะส่งผลต่อเนื่องกันไปเรื่อย ๆ ได้หรอไม่ และจะทำอย่างไรใ'ด้บุญนั้นส่งผลได้เร็วแรงเป็นอัคจรรย์ทันไข้ไนขาตินื่ แล้วเมื่อเราทำบุญย่อมได้รับผลบุญ เมื่อบุญส่งผล เราจะนำบุญมาต่อ บุญ หรือปล่อยให้บุญหมดไป \"บุญคัอวท่อถัวยบุญ!รนสำคัญ เพรารพอบุญทมถ บาปกรรมmsถามเรา'=1นทน บุญเป็นธาตุ'ดีเศษอย่างหนื่ง ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะทำให้ใจเรา สะอาด บรืสุทธิ้ และผ่องใล ล้าจะไซ้ศัพท์ป็จจุบันนับว่าเป็นพลังงาน 'ดีเศษรูปแบบหนื่งก็ว่าได้ www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126