Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore unit1_จำนวนนับไม่เกิน1000

unit1_จำนวนนับไม่เกิน1000

Published by ศิริรัตน์ รัตนผล, 2019-10-20 04:13:46

Description: unit1_จำนวนนับไม่เกิน1000

Search

Read the Text Version

หน่วยการเรียนท่ี 1 จานวนนบั ไม่เกิน 1,000 ตัวช้วี ัด 1. เขียนและอ่านตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตวั หนงั สอื แสดงปรมิ าณของส่งิ ของหรอื จานวนนบั ทีไ่ ม่เกนิ หนึ่งพนั และศนู ย์ (มาตรฐาน ค 1.1 ป.2/1) 2. เปรียบเทียบและเรียงลาดับจานวนนับไมเ่ กินหนึง่ พนั และศูนย์ (มาตรฐาน ค 1.1 ป.2/2) 3. บอกจานวนและความสัมพนั ธ์ในแบบรปู ของจานวนที่เพิม่ ขึ้นทีละ 5 ทลี ะ 10 ทีละ 100 และ ลดลงทีละ 2 ทีละ 10 ทลี ะ 100 (มาตรฐาน ค 4.1 ป.2/1) 4. ใช้วิธีการท่หี ลากหลายแก้ปัญหา (มาตรฐาน ค 6.1 ป.2/1) 5. ใชค้ วามรู้ ทักษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตรใ์ นการแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ ได้ อย่างเหมาะสม (มาตรฐาน ค 6.1 ป.2/2) 6. ใหเ้ หตุผลประกอบการตดั สินใจและสรปุ ผลไดอ้ ย่างเหมาะสม (มาตรฐาน ค 6.1 ป.2/3) 7. ใช้ภาษาและสัญลักษณ์ทางคณติ ศาสตร์ในการส่ือสาร การสอ่ื ความหมาย และการนาเสนอ ไดอ้ ย่างถูกต้อง (มาตรฐาน ค 6.1 ป.2/4) 8. เชอื่ มโยงความรตู้ ่างๆ ในคณิตศาสตร์ และเช่ือมโยงคณติ ศาสตร์กบั ศาสตรอ์ ืน่ ๆ (มาตรฐาน ค 6.1 ป.2/5) แผนผังสาระการเรยี นรู้ การเขยี นตวั เลขและตัวหนงั สอื การเขยี นจานวนในรูปกระจาย แทนจานวน ค่าของตัวเลขในหลกั รอ้ ย หลักสบิ และหลักหนว่ ย แบบรูปและความสัมพนั ธ์ จานวนนบั การเรียงลาดบั จานวน ไมเ่ กิน 1,000 จานวนคแู่ ละจานวนค่ี ของจานวน การเปรียบเทยี บจานวน  แบบรูปและความสมั พันธ์ ของจานวนท่ีเพิ่มขึ้นทีละ 5  การเปรยี บเทยี บจานวนท่ีมีหลกั ไม่เทา่ กนั ทีละ 10 ทีละ 100  การเปรยี บเทยี บจานวนท่ีมหี ลกั เทา่ กนั  แบบรูปและความสมั พันธ์ ของจานวนทล่ี ดลงทีละ 2 ทลี ะ 10 ทีละ 100

2 การเขยี นตัวเลขและตัวหนังสือแทนจานวน จานวนไม่เกิน 1,000 จะมตี ัวเลขอยสู่ ามหลักคอื หลักหน่วย หลักสบิ และ หลักรอ้ ย โดยหลกั หน่วยจะอยู่ทางขวาสุด หลกั สบิ จะอยูต่ รงกลาง และ หลักรอ้ ยจะอย่ทู างซ้ายสดุ พิจารณา หมายถงึ แผ่นตาราง แผน่ ตารางร้อย แผ่นตารางสบิ แผ่นตารางหนว่ ย ในการนับจานวน อาจใชแ้ ผ่นตารางชว่ ยการนบั ได้ เชน่ แผน่ ตารางแสดงจานวน ตัวเลขฮนิ ดู ตวั เลขไทย ตวั หนังสือ อารบิก 145 ๑๔๕ หนง่ึ ร้อยสส่ี ิบหา้ 323 ๓๒๓ สามร้อยยี่สบิ สาม

3 หรอื อาจใชห้ ลักลกู คดิ ช่วยการนับได้ เชน่ หลักลูกคดิ แสดงจานวน ตวั เลขฮนิ ดู ตัวเลขไทย ตวั หนงั สือ อารบิก รอ้ ย สบิ หนว่ ย 546 ๕๔๖ ห้ารอ้ ยส่ีสิบหก 5 ร้อย กับ 4 สิบ กับ 6 หน่วย รอ้ ย สิบ หน่วย 784 ๗๘๔ เจ็ดร้อยแปดสบิ สี่ 7 ร้อย กบั 8 สิบ กบั 4 หนว่ ย ใหน้ ักเรียนปฏบิ ตั ิกจิ กรรมต่อไปน้ี 1. เขยี นตัวเลขและตัวหนงั สอื แทนจานวนให้ถูกต้อง  ตัวเลขฮินดอู ารบิก ตวั เลขไทย ตวั หนงั สือ  ตัวเลขฮนิ ดอู ารบิก ตัวเลขไทย ตัวหนังสอื  ตวั เลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย ตัวหนงั สือ

4 2. เขยี นตัวเลขฮนิ ดอู ารบิก ตวั เลขไทย และตัวหนังสือแทนจานวนให้ถกู ตอ้ ง จานวน ตวั เลขฮนิ ดู ตวั เลขไทย ตัวหนังสือ อารบิก  4 ร้อย กบั 6 สบิ กับ 6 หนว่ ย  2 ร้อย กบั 3 สิบ กับ 4 หน่วย  3 ร้อย กับ 1 สิบ กบั 8 หน่วย  6 รอ้ ย กับ 7 สิบ กบั 1 หน่วย  5 รอ้ ย กบั 8 สิบ กบั 3 หนว่ ย  8 ร้อย กับ 1 สิบ กับ 5 หน่วย  7 ร้อย กับ 2 สิบ กบั 9 หน่วย  6 รอ้ ย กับ 9 สิบ กับ 2 หน่วย  9 ร้อย กบั 5 สิบ กบั 7 หน่วย  1 รอ้ ย กบั 4 สิบ กบั 3 หนว่ ย 3. เติมจานวน ตวั เลข และตวั หนังสือแทนจานวนลงในช่องว่างใหค้ รบ จานวน ตัวเลขฮินดู ตวั เลขไทย ตวั หนงั สือ อารบกิ  2 รอ้ ย กบั 6 สบิ กบั 4 หนว่ ย  ห้าร้อยยี่สบิ ห้า  ๙๔๒  4 รอ้ ย กับ 7 สิบ กบั 8 หน่วย  830

5 การเขียนจานวนในรูปกระจาย การเขียนจานวนในรูปกระจาย เปน็ การเขียนตัวเลขให้อยู่ในรูปการบวก คา่ ของตวั เลขในแต่ละหลักของจานวนน้นั พจิ ารณา รอ้ ย สบิ หน่วย 653 คอื 6 รอ้ ย กบั 5 สิบ กบั 3 หนว่ ย เขยี นในรูปกระจายได้ คือ 653 = 600 + 50 + 3 ให้นกั เรยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตอ่ ไปน้ี 1. เขยี นในรูปกระจายของจานวนท่ีกาหนดให้ถูกตอ้ ง  732 =  420 =  863 =  195 =  506 =

6 2. เตมิ จานวนลงในชอ่ งวา่ งใหถ้ กู ตอ้ ง  600 + 40 + 1 =  200 + 20 + 8 =  100 + 90 + 0 =  500 + 50 + 3 =  400 + 30 + 4 =  700 + 60 + 5 =  900 + 0 + 0 =  800 + 10 + 9 =  700 + 40 + 7 =  300 + 0 + 2 = 3. เตมิ ตวั เลขลงในชอ่ งว่างใหถ้ กู ต้อง  619 = 600 + + 9  163 = + 60 + 3  348 = + 40 + 8  = 500 + 50 + 5  = 700 + 80 + 1  872 = + +2  236 = 200 + 30 +  920 = 900 + 20 +  407 = 400 + + 7  284 = + 80 +

7 คา่ ของตัวเลขในหลักร้อย หลกั สิบ และหลักหนว่ ย ค่าของตวั เลขในแต่ละจานวน จะแตกต่างกันไปตามคา่ ประจาหลัก พจิ ารณา อยใู่ นหลกั ร้อย มีค่าเป็น 700 อยใู่ นหลกั สิบ มคี ่าเป็น 50 ตัวอย่างที่ 1 อยู่ในหลักหน่วย มีคา่ เปน็ 9 759  7 5 9 ตัวอยา่ งที่ 2 อยูใ่ นหลักรอ้ ย มีค่าเปน็ 900 อยู่ในหลกั สิบ มีค่าเป็น 70 975  9 อย่ใู นหลักหน่วย มีค่าเป็น 5 7 5 ตัวอยา่ งที่ 3 อยู่ในหลกั รอ้ ย มคี ่าเปน็ 500 อยใู่ นหลักสิบ มคี ่าเป็น 90 597  5 อยู่ในหลกั หนว่ ย มีคา่ เปน็ 7 9 7 จะพบว่า คา่ ของเลขโดดของแตล่ ะจานวน เมอื่ อยูใ่ นหลกั ที่ตา่ งกันก็จะมคี า่ แตกต่างกนั กิจกรรมทา้ ทาย จานวนใดมีคา่ ในหลักสิบมากที่สุด ความคดิ ตอบ 846 692 567 381 975

8 ให้นกั เรียนปฏบิ ัตกิ จิ กรรมตอ่ ไปนี้ 1. บอกหลกั และคา่ ของเลขโดดท่ีขดี เสน้ ใต้ให้ถกู ต้อง จานวน อยู่ในหลกั มคี ่าเปน็ จานวน อยูใ่ นหลกั มคี ่าเปน็  644  215  570  911  341  186  862  703  437  652 2. บอกหลักและคา่ ของเลขโดดของจานวนทีก่ าหนดใหถ้ ูกตอ้ ง  571 5 อยใู่ นหลกั มีคา่ เป็น 7 อยู่ในหลกั มีคา่ เป็น 1 อยู่ในหลัก มคี า่ เปน็  203 2 อยู่ในหลกั มคี า่ เป็น 0 อยใู่ นหลัก มคี า่ เปน็ 3 อยู่ในหลกั มคี า่ เปน็  690 6 อยใู่ นหลัก มคี า่ เปน็ 9 อยู่ในหลกั มีค่าเป็น 0 อยู่ในหลกั มีคา่ เป็น

9 การเปรียบเทียบจานวน การเปรยี บเทยี บจานวนทม่ี หี ลกั ไม่เท่ากนั การเปรียบเทยี บจานวนท่มี หี ลกั ไม่เท่ากนั ใหพ้ จิ ารณาว่า จานวนใดมี จานวนหลกั มากกวา่ แสดงว่าจานวนนั้นมากกว่า พิจารณา ตวั อยา่ งที่ 1 รอ้ ย สิบ หน่วย กับ รอ้ ย สิบ หน่วย 375 57 375 เปน็ จานวนทีม่ สี ามหลัก 57 เป็นจานวนทมี่ สี องหลัก เน่อื งจาก 375 มจี านวนหลักมากกวา่ 57 ดงั นั้น 375 มากกว่า 57 หรือ 375 > 57 ตัวอยา่ งท่ี 2 รอ้ ย สบิ หน่วย กับ รอ้ ย สบิ หนว่ ย 63 246 63 เปน็ จานวนที่มีสองหลกั 246 เป็นจานวนทมี่ ีสามหลกั เนอ่ื งจาก 63 มีจานวนหลกั นอ้ ยกว่า 246 ดงั นนั้ 63 นอ้ ยกว่า 246 หรือ 63 < 246

ใหน้ ักเรยี นเตมิ เคร่อื งหมาย > หรอื < ลงในช่องว่างใหถ้ กู ต้อง 10 20  415 86  90 935  520  72 110  54 227  755 65  367 33  638 48  39 846 การเปรยี บเทยี บจานวนทีม่ หี ลกั เท่ากนั การเปรยี บเทียบจานวนทีม่ หี ลกั เท่ากนั ใหเ้ ปรยี บเทียบจานวนเลขโดดใน หลกั ทางซ้ายสดุ กอ่ น เลขโดดในหลกั ทางซา้ ยสดุ ของจานวนใดมากกว่า แสดงวา่ จานวนน้ันมากกว่า แต่ถา้ เลขโดดในหลักทางซา้ ยสดุ เท่ากัน ใหเ้ ปรียบเทียบเลขโดดในหลักถัดไปทางขวาทีละหลัก โดยใชว้ ิธีเดยี วกัน พจิ ารณา ตัวอย่างท่ี 1 ร้อย สิบ หนว่ ย กับ รอ้ ย สบิ หนว่ ย 453 362 453 = 400 + 50 + 3 300 362 = 300 + 60 + 2 362 เนือ่ งจาก 400 มากกวา่ 362 ดังนั้น 453 มากกวา่ หรือ 453 >

11 ตัวอย่างท่ี 2 ร้อย สิบ หนว่ ย กับ รอ้ ย สบิ หน่วย 541 554 541 = 500 + 40 + 1 554 = 500 + 50 + 4 เนอ่ื งจาก เลขโดดในหลกั รอ้ ย คอื 5 มีคา่ 500 เท่ากัน จึงเปรียบเทียบเลขโดดในหลกั สบิ คอื 4 มคี ่า 40 และ 5 มคี า่ 50 40 นอ้ ยกว่า 50 ดงั นั้น 541 น้อยกวา่ 554 หรือ 541 < 554 ตัวอยา่ งท่ี 3 ร้อย สิบ หน่วย กบั ร้อย สิบ หน่วย 634 637 634 = 600 + 30 + 4 637 = 600 + 30 + 7 เน่ืองจาก เลขโดดในหลักร้อย คือ 6 มีคา่ 600 เทา่ กนั และเลขโดดในหลกั สิบ คอื 3 มีค่า 30 เท่ากนั จึงเปรยี บเทียบเลขโดดในหลกั หนว่ ย คอื 4 มีค่า 4 และ 7 มีค่า 7 4 นอ้ ยกวา่ 7 ดงั นัน้ 634 น้อยกวา่ 637 หรือ 634 < 637

12 ให้นกั เรยี นปฏบิ ตั ิกจิ กรรมต่อไปน้ี 1. เตมิ เครอ่ื งหมาย = หรอื  ลงในช่องว่างใหถ้ ูกตอ้ ง  854 800 + 40 + 5  100 + 20 + 7 217  300 + 90 + 6 396  500 + 30 + 4 534  770 700 + 0 + 7  880 800 + 80  400 + 80 + 2 428  309 300 + 0 + 9  965 900 + 60 + 5  600 + 60 + 9 966 2. เตมิ เคร่ืองหมาย > หรือ < หรือ = ลงในช่องว่างให้ถูกตอ้ ง  100 + 70 + 2 176  500 + 60 + 2 500 + 8  258 200 + 50 + 8  736 700 + 60 + 3  300 + 80 + 1 318  600 + 80 + 5 698  460 400 + 0 + 6  974 900 + 70 + 4  703 700 + 3  800 + 20 + 7 800 + 7

13 3. เขยี นตัวเลขแทนจานวนทีก่ าหนดให้ถูกต้อง  ตวั เลขแทนจานวนที่มากกว่า 326 แตน่ อ้ ยกว่า 332 ทกุ จานวน ตอบ  ตัวเลขแทนจานวนที่นอ้ ยกว่า 519 แต่มากกวา่ 513 ทกุ จานวน ตอบ  ตวั เลขแทนจานวนที่มากกว่า 777 แตน่ อ้ ยกวา่ 783 ทกุ จานวน ตอบ  ตวั เลขแทนจานวนทีม่ ากกว่า 497 แตน่ อ้ ยกวา่ 503 ทุกจานวน ตอบ  ตวั เลขแทนจานวนท่ีนอ้ ยกวา่ 202 แต่มากกวา่ 196 ทกุ จานวน ตอบ  ตวั เลขแทนจานวนที่น้อยกว่า 811 แต่มากกวา่ 805 ทุกจานวน ตอบ กจิ กรรมทา้ ทาย เบลเขียนตัวเลขกลุ่มหนึ่งลงในกระดาษ ซึ่งเป็นเลข ความคดิ ทีม่ ีสามหลัก โดยตัวเลขแต่ละหลักประกอบไปด้วยเลขโดด ทม่ี ีค่ามากกวา่ 2 แตน่ ้อยกวา่ 8 ถ้านาเลขโดดในแต่ละหลัก มารวมกัน จะได้ผลบวกเท่ากับ 15 อยากทราบว่าเบลเขียน จานวนใดลงในกระดาษบ้าง (เขียนคาตอบที่เป็นไปได้ ทง้ั หมด) ตอบ

14 การเรยี งลาดับจานวน การเรียงลาดบั จานวน ทาไดโ้ ดยอาศยั การเปรียบเทียบจานวนทีละคู่ แลว้ นามาเรยี งจากน้อยไปมาก หรือจากมากไปนอ้ ย พิจารณา จงเรยี งลาดับจานวน 723 514 633 84 550  พิจารณาจานวนหลกั จะพบวา่ 84 เปน็ จานวนที่มีสองหลัก 723 514 633 และ 550 เป็นจานวนที่มีสามหลัก แสดงวา่ 84 มคี ่านอ้ ยที่สุด  พจิ ารณาค่าประจาหลัก พจิ ารณาหลักรอ้ ย จะพบวา่ 700 มากกว่า 600 และ 600 มากกวา่ 500 แสดงว่า 723 มากกว่า 633 และ 633 มากกว่า 514 กับ 550 พิจารณาหลกั สบิ ของจานวน 514 กบั 550 จะพบว่า 10 น้อยกว่า 50 แสดงว่า 514 น้อยกว่า 550 จากโจทย์ สามารถเรยี งลาดับจานวนจาก นอ้ ยไปมาก คือ 84 514 550 633 723 สามารถเรียงลาดับจานวนจาก มากไปนอ้ ย คอื 723 633 550 514 84

15 ให้นกั เรยี นปฏิบัตกิ จิ กรรมต่อไปนี้ 1. เขยี นเรียงลาดบั จานวนตอ่ ไปน้ีจากนอ้ ยไปมาก  932 293 329 239 392  564 645 456 546 465  904 490 940 400 409  208 128 821 218 82  ๔๕๘ ๕๘๔ ๘๕๔ ๔๘๕ ๘๔๕  ๒๖๒ ๖๒๒ ๖๖๒ ๒๖๖ ๖๒๖ 2. เขียนเรียงลาดับจานวนต่อไปนีจ้ ากมากไปน้อย  318 138 831 183 381  696 966 699 969 669  174 471 741 714 147  425 254 452 524 542  ๓๗๙ ๗๙๓ ๓๙๗ ๙๗๓ ๙๓๗  ๒๒๐ ๑๒๑ ๑๑๒ ๒๐๑ ๒๒๑

16 จานวนคแู่ ละจานวนค่ี จานวนใดๆ เมอื่ นามาจดั เป็นคแู่ ล้วได้ครบคพู่ อดี เรยี กวา่ จานวนคู่ จานวนใดๆ เมื่อนามาจดั เปน็ คู่แล้ว เหลืออีก 1 เรียกวา่ จานวนค่ี พจิ ารณา นก 1 ตวั จดั เปน็ คไู่ ด้ 0 คู่ เหลือ 1 ตวั นก 2 ตัว จดั เปน็ คู่ได้ 1 คู่ เหลอื 0 ตัว นก 3 ตวั จัดเป็นคู่ได้ 1 คู่ เหลือ 1 ตัว นก 4 ตวั จดั เป็นค่ไู ด้ 2 คู่ เหลือ 0 ตวั นก 5 ตัว จัดเป็นคู่ได้ 2 คู่ เหลอื 1 ตัว นก 6 ตวั จดั เป็นคู่ได้ 3 คู่ เหลอื 0 ตัว นก 7 ตวั จดั เป็นคู่ได้ 3 คู่ เหลอื 1 ตวั นก 8 ตัว จดั เป็นคไู่ ด้ 4 คู่ เหลือ 0 ตวั นก 9 ตวั จัดเป็นคูไ่ ด้ 4 คู่ เหลือ 1 ตัว นก 10 ตัว จัดเปน็ ค่ไู ด้ 5 คู่ เหลือ 0 ตัว จะพบว่า จานวน 2, 4, 6, 8, 10, ... เปน็ จานวนคู่ จานวน 1, 3, 5, 7, 9, ... เป็นจานวนคี่

17 ใหน้ ักเรยี นปฏิบตั กิ ิจกรรมตอ่ ไปนี้ 1. วงกลมลอ้ มรอบจานวนทีเ่ ปน็ จานวนคู่ 82 63 34 15 20 12 71 40 66 93 57 82 26 35 78 2. กากบาท () ทับจานวนทเี่ ป็นจานวนคี่ 31 52 64 27 19 84 45 99 11 67 76 60 51 95 33

18 3. เขียนจานวนที่กาหนดใหถ้ กู ตอ้ ง  จานวนคู่ทอี่ ย่รู ะหว่าง 13 ถงึ 23 ทุกจานวน ตอบ  จานวนค่ีท่อี ยรู่ ะหว่าง 60 ถึง 70 ทกุ จานวน ตอบ  จานวนคทู่ ่ีอยรู่ ะหว่าง 45 ถึง 55 ทุกจานวน ตอบ  จานวนคู่ท่ีอยรู่ ะหวา่ ง 77 ถึง 87 ทุกจานวน ตอบ  จานวนคี่ทอี่ ยู่ระหวา่ ง 86 ถงึ 96 ทกุ จานวน ตอบ  จานวนคี่ท่ีอยู่ระหว่าง 52 ถึง 62 ทุกจานวน ตอบ กิจกรรมท้าทาย นอ้ งๆ รู้ไหม ความคิด จานวนคู่ บวก จานวนคู่ จะได้จานวนคู่ ถา้ นาจานวนคู่ 5 จานวน จานวนค่ี บวก จานวนค่ี แต่ละจานวนมีค่ามากกว่า 2 แต่ จะได้จานวนคู่ นอ้ ยกว่า 14 มารวมกัน ผลลัพธ์ จานวนคู่ บวก จานวนค่ี ท่ไี ดจ้ ะเปน็ ฉัน ฉนั คือตัวเลขใด จะไดจ้ านวนคี่ ตอบ

19 แบบรูปและความสัมพันธ์ของจานวน แบบรูปและความสมั พนั ธข์ องจานวนทีเ่ พมิ่ ขึน้ ทีละ 5 ทีละ 10 ทีละ 100 แบบรปู และความสัมพนั ธข์ องจานวนท่เี พิ่มขึ้นทีละ 5 ทีละ 10 ทลี ะ 100 เปน็ การแสดงความสัมพนั ธข์ องชุดของจานวนในลักษณะท่เี พม่ิ ขึ้นทลี ะ เทา่ ๆ กนั พิจารณา ตวั อย่างท่ี 1 123 128 133 138 143 123 + 5 128 + 5 133 + 5 138 + 5 123 128 133 138 143 เปน็ แบบรูปแสดงความสัมพนั ธ์ของจานวน ที่เพิ่มขึน้ ทลี ะ 5 ตัวอยา่ งท่ี 2 251 261 271 281 291 251 + 10 261 + 10 271 + 10 281 + 10 251 261 271 281 291 เปน็ แบบรูปแสดงความสมั พันธข์ องจานวน ท่ีเพม่ิ ขึน้ ทลี ะ 10

20 ตัวอย่างที่ 3 367 467 567 667 767 367 + 100 467 + 100 567 + 100 667 + 100 367 467 567 667 767 เปน็ แบบรปู แสดงความสัมพันธข์ องจานวน ท่เี พม่ิ ข้ึนทลี ะ 100 ให้นกั เรยี นปฏบิ ัติกจิ กรรมตอ่ ไปนี้ 1. พจิ ารณาแบบรปู แล้วเติมจานวนลงในช่องว่างให้ถกู ต้อง  137 142 157 167  674 684 694 714  476 481 486 496  224 424 524 824  299 319 329 349

21 2. พจิ ารณาแบบรปู แล้วเติมจานวนถัดไปอกี 5 จานวน  558 568 578 598  163 263 363 463  321 326 331 336  902 907 912 917  834 844 854 864 3. เขยี นแบบรูปแสดงความสมั พนั ธข์ องจานวนที่กาหนดให้ถูกตอ้ ง  แบบรูปแสดงความสัมพนั ธข์ องจานวนท่ีเพมิ่ ขน้ึ ทีละ 5 จาก 416 ไป 5 จานวน ตอบ  แบบรปู แสดงความสัมพนั ธข์ องจานวนที่เพ่มิ ข้ึนทลี ะ 5 จาก 508 ไป 5 จานวน ตอบ  แบบรูปแสดงความสัมพันธข์ องจานวนท่ีเพม่ิ ขึ้นทลี ะ 10 จาก 751 ไป 5 จานวน ตอบ  แบบรูปแสดงความสัมพันธข์ องจานวนที่เพ่มิ ขึน้ ทลี ะ 10 จาก 663 ไป 5 จานวน ตอบ  แบบรปู แสดงความสัมพนั ธข์ องจานวนที่เพมิ่ ขนึ้ ทลี ะ 100 จาก 327 ไป 5 จานวน ตอบ

22 แบบรูปและความสมั พนั ธ์ของจานวนท่ีลดลงทลี ะ 2 ทลี ะ 10 ทลี ะ 100 แบบรปู และความสมั พันธ์ของจานวนที่ลดลงทีละ 2 ทีละ 10 ทลี ะ 100 เปน็ การแสดงความสัมพนั ธ์ของชดุ ของจานวนในลักษณะท่ลี ดลงทีละ เท่าๆ กัน พิจารณา ตวั อยา่ งที่ 1 783 781 779 777 775 783 - 2 781 - 2 779 - 2 777 - 2 783 781 779 777 775 เป็นแบบรปู แสดงความสัมพันธข์ องจานวน ท่ลี ดลงทลี ะ 2 ตวั อยา่ งที่ 2 651 641 631 621 611 651 - 10 641 - 10 631 - 10 621 - 10 651 641 631 621 611 เปน็ แบบรูปแสดงความสัมพันธ์ของจานวน ท่ลี ดลงทลี ะ 10

23 ตวั อย่างท่ี 3 697 597 497 397 297 697 - 100 597 - 100 497 - 100 397 - 100 697 597 497 397 297 เปน็ แบบรูปแสดงความสัมพนั ธข์ องจานวน ท่ลี ดลงทีละ 100 ให้นักเรยี นปฏิบัติกิจกรรมตอ่ ไปน้ี 1. พจิ ารณาแบบรปู แล้วเติมจานวนลงในช่องวา่ งใหถ้ ูกตอ้ ง  252 248 246 244  650 450 350 250  385 381 377 375 689 679  739 729  935 925 915 885

24 2. พิจารณาแบบรูป แลว้ เตมิ จานวนถดั ไปอกี 5 จานวน  953 853 753 653  167 165 163 161  692 682 672 662  874 774 674 574  444 442 440 438 3. เขียนแบบรปู แสดงความสมั พนั ธข์ องจานวนท่กี าหนดใหถ้ กู ตอ้ ง  แบบรปู แสดงความสัมพันธ์ของจานวนท่ีลดลงทลี ะ 2 จาก 233 ไป 5 จานวน ตอบ  แบบรปู แสดงความสัมพนั ธ์ของจานวนที่ลดลงทลี ะ 2 จาก 879 ไป 5 จานวน ตอบ  แบบรูปแสดงความสัมพันธข์ องจานวนที่ลดลงทีละ 10 จาก 386 ไป 5 จานวน ตอบ  แบบรูปแสดงความสัมพันธ์ของจานวนที่ลดลงทลี ะ 10 จาก 524 ไป 5 จานวน ตอบ  แบบรูปแสดงความสัมพันธข์ องจานวนที่ลดลงทีละ 100 จาก 775 ไป 5 จานวน ตอบ

25 กิจกรรม พัฒนาทักษะ ให้นักเรียนปฏบิ ตั กิ จิ กรรมต่อไปน้ี 1. ตอบคาถามใหถ้ กู ต้อง  ฉันเป็นจานวนที่มีสามหลัก ถ้าแบ่งฉันออกเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กัน แต่ละส่วนของฉันจะมีค่ามากกว่า 89 อยู่ 10 ฉันคือ ตอบ จานวนใด  ฉันเป็นจานวนที่มีสามหลัก จานวนของฉันอยู่ระหว่าง 570 ถึง 580 ถ้านาเลขโดดท้ังสามตัวรวมกัน จะมีค่าเท่ากับ 15 ตอบ ฉนั คือจานวนใด  จานวนคี่สามจานวนเรียงกัน รวมกันได้ 129 จงหาจานวนค่ี ตอบ ท้งั สามจานวน  จานวนคู่สามจานวนเรียงกัน รวมกับจานวนค่สี ามจานวน ตอบ เรียงกนั มีคา่ เทา่ กับ 69 ถา้ จานวนคทู่ ีน่ ้อยท่สี ุด มากกว่า จานวนคท่ี ี่มากท่สี ุดอยู่ 5 จงหาจานวนท้ัง 6 จานวน  ฉันเป็นจานวนทีม่ สี ามหลัก ถา้ นาเลขโดดทง้ั สามตวั รวมกัน จะมีคา่ เทา่ กับ 9 โดยเลขโดดตัวท่สี องมคี ่าเปน็ ครงึ่ หนึ่งของ เลขโดดตัวแรกกับตัวที่สามรวมกนั และเลขโดดตัวทส่ี าม มี ตอบ คา่ เปน็ 2 เทา่ ของเลขโดดตัวแรก ฉนั คอื จานวนใด  ฉันเป็นจานวนที่มีสามหลัก ถ้านาเลขโดดทั้งสามตัวรวมกัน จะมีค่าเท่ากับ 15 โดยเลขโดดตัวที่สองมีค่าเท่ากับหน่ึงใน ตอบ สองของเลขโดดตวั แรกกับตัวที่สองรวมกัน และเลขโดดตัวที่ สาม มีคา่ มากกว่าเลขโดดตวั ทห่ี น่งึ อยู่ 2 ฉันคอื จานวนใด

26 2. พจิ ารณาแบบรูป แลว้ เตมิ จานวนถัดไปอกี 5 จานวน  157 162 160 165 163 168  234 224 229 219 224 214  436 446 441 451 446 456  337 337 342 335 347 333  589 589 599 579 609 569  652 653 655 658 662 667 3. สรา้ งจานวนสามหลักทีแ่ ตกตา่ งกนั จากเลขโดดท่กี าหนดให้ได้มากทส่ี ุด โดยแตล่ ะ จานวนจะต้องไมใ่ ชต้ วั เลขซา้ กัน เลขโดดท่ีกาหนดให้ จานวนทม่ี สี ามหลกั 1 5 6 8 ตวั อย่าง 156 568 851

27 4. เติม ? ด้วยจานวนใด จงึ จะทาให้แบบรปู มีความสมั พนั ธก์ ัน  5 19 ? 15 17 82 63  5 7 11 4 10 86 29? 5 4 3 11 ? 14 9 17 21 6 5 4 12 2 28 7 45 ?  2 6 6 12 10 3 4 9 ? 15  18 16 17 15 ? 20 19 21 20 ?

28 แบบทดสอบประจาหนว่ ยการเรยี นท่ี 1 ใหน้ กั เรียนทาเครื่องหมาย  ทับบนข้อ ก ข หรือ ค ที่เป็นคาตอบทีถ่ ูกตอ้ ง 1. รปู ในขอ้ ใดแสดงจานวน 4. หลกั สิบของจานวน 485 มคี ่าเทา่ กับ “หา้ ร้อยสามสบิ เอด็ ” เทา่ ไร ก. 8 ก. รอ้ ย สบิ หน่วย ข. 80 ค. 85 ข. ร้อย สบิ หน่วย 5. 678 ตวั เลขท่ีขดี เส้นใตม้ คี ่าเท่าใด ก. 6 ข. 60 ค. 600 ค. รอ้ ย สบิ หนว่ ย 6. จานวนท่ีขีดเส้นใตใ้ นข้อใดมีค่ามาก ที่สุด 2. จานวนในขอ้ ใดเขียนในรปู กระจาย ก. 299 ได้ถกู ต้อง ข. 587 ก. 660 = 600 + 6 + 0 ค. 912 ข. 701 = 700 + 10 + 1 ค. 858 = 800 + 50 + 8 7. เลข 2 ในขอ้ ใดมคี า่ น้อยทสี่ ุด ก. 245 3. ข้อใดไม่ถกู ตอ้ ง ข. 452 ก. 961 อา่ นวา่ เกา้ ร้อยหกสบิ หนง่ึ ค. 524 ข. 507 หมายถงึ 5 ร้อย กับ 7 หนว่ ย ค. รปู กระจายของ 303 คอื 300 + 0 + 3

8. คา่ ของ 4 ในจานวน 942 มคี ่าตรง 29 กบั ขอ้ ใด ก. นิดมเี งิน 42 บาท 12. ขอ้ ใดควรเติมเครือ่ งหมาย < ลงใน ข. น้าขายสมดุ ไดก้ าไรเล่มละ 4 บาท ชอ่ งวา่ ง ค. นอ้ ยเก็บเงนิ วนั ละ 10 บาท ก. 300 + 9  300 + 90 + 6 เปน็ เวลา 4 วนั ข. 400 + 50 + 3  453 ค. 521  500 + 2 + 1 9. ข้อใดตอ่ ไปนีถ้ ูกต้อง ก. ตวั เลข 5 ในจานวน 555 มีคา่ 13. จานวนในขอ้ ใดแสดงการเรยี งลาดบั ไม่ต่างกัน จากมากไปน้อย ข. ตวั เลข 9 และตวั เลข 8 มคี ่า ก. 506, 566, 656, 665 ตา่ งกนั อยู่ 1 ข. 665, 566, 656, 506 ค. ตัวเลข 2 ในหลักรอ้ ยของจานวน ค. 665, 656, 566, 506 272 มีค่าเป็นรอ้ ยเท่าของตัวเลข 2 ในหลักหน่วย 14. ข้อใดเปน็ จานวนคูท่ ้ังหมด ก. 0, 2, 4, 6, 8 10. 536 > 524 เพราะอะไร ข. 54, 66, 72, 90, 160 ก. 3 > 2 ค. 49, 64, 81, 100, 144 ข. 30 > 20 ค. 36 > 24 15. ข้อใดไมถ่ ูกต้อง ก. จานวนคบู่ วกจานวนคู่ได้จานวนคี่ 11. ขอ้ ใดควรเติมเครอ่ื งหมาย > ลงใน ข. จานวนคบ่ี วกจานวนคู่ไดจ้ านวนคี่ ช่องวา่ ง ค. จานวนค่ีบวกจานวนคไ่ี ด้จานวนคู่ ก. 356  365 ข. 487  469 16. 835 865 895  955 ค. 947  961 ควรเติมจานวนใดลงในชอ่ งวา่ ง ก. 905 ข. 915 ค. 925

17. จานวนในชอ่ งวา่ งของแบบรปู 30 117 107 97 87 ..... คือเท่าใด ก. 77 19. กาหนดตารางความสมั พันธ์ดงั น้ี ข. 67 ค. 57 9 11 12 13 68 18. ขอ้ ใดคือผลตา่ งของ A กบั B ใน แบบรปู ตอ่ ไปนี้ ข้อใดคือผลบวกของทกุ จานวนท่ี นามาเตมิ ในตารางรวมกัน A 92 87 82 B 72 ก. 53 ข. 55 ก. 15 ค. 57 ข. 20 ค. 25 20. เลขโดด 7, 6, 3 นามาสร้างเป็น จานวนทม่ี สี ามหลกั ที่แตกต่างกัน ไดม้ ากทสี่ ดุ กแี่ บบ โดยแตล่ ะจานวน จะตอ้ งไมใ่ ช้ตวั เลขซ้ากนั ก. 6 แบบ ข. 9 แบบ ค. 12 แบบ เกณฑ์การประเมนิ ผลการประเมิน คะแนน ระดบั คุณภาพ ความหมาย คะแนนเต็ม 20 คะแนน ดีมาก คะแนนทไ่ี ด้ ..................... คะแนน 18 - 20 4 ดี ระดับคุณภาพ ..................... 14 - 17 3 พอใช้ 10 - 13 2 0-9 1 ควรปรบั ปรุง ลงช่ือ......................................ผปู้ ระเมิน

31 เฉลย: เอกสารประกอบการเรยี นการสอน วิชา คณติ ศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 2 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 จานวนนับไม่เกนิ 1,000 กิจกรรมที่ 1 1. 1. 169, ๑๖๙, หนง่ึ ร้อยหกสบิ เก้า 2. 292, ๒๙๒, สองร้อยเก้าสิบสอง 3. 334, ๓๓๔, สามร้อยสามสิบสี่ 2. 1. 466, ๔๖๖, ส่รี ้อยหกสบิ หก 2. 234, ๒๓๔, สองร้อยสามสบิ สี่ 3. 318, ๓๑๘, สามร้อยสิบแปด 4. 671, ๖๗๑, หกรอ้ ยเจ็ดสบิ เอด็ 5. 583, ๕๘๓, หา้ รอ้ ยแปดสิบสาม 6. 815, ๘๑๕, แปดรอ้ ยสิบห้า 7. 729, ๗๒๙, เจ็ดรอ้ ยย่ีสิบเก้า 8. 692, ๖๙๒, หกร้อยเกา้ สิบสอง 9. 957, ๙๕๗, เก้าร้อยหา้ สิบเจ็ด 10. 143, ๑๔๓, หนึ่งรอ้ ยสี่สบิ สาม 3. 1. 264, ๒๖๔, สองรอ้ ยหกสิบส่ี 2. 5 รอ้ ย กับ 2 สิบ กบั 5 หน่วย, 525, ๕๒๕ 3. 9 ร้อย กับ 4 สิบ กบั 2 หนว่ ย, 942, เก้าร้อยสี่สบิ สอง 4. 478, ๔๗๘, สีร่ อ้ ยเจด็ สิบแปด 5. 8 ร้อย กบั 3 สิบ กับ 0 หน่วย, ๘๓๐, แปดร้อยสามสบิ กิจกรรมที่ 2 1. 1. 700 + 30 + 2 2. 400 + 20 + 0 3. 800 + 60 + 3 4. 100 + 90 + 5 5. 500 + 0 + 6 2. 1. 228 2. 553 3. 765 4. 819 5. 302 6. 641 7. 190 8. 434 9. 900 10. 747 3. 1. 10 2. 300 3. 781 4. 6 5. 0 6. 100 7. 555 8. 800, 70 9. 0 10. 200, 4 กจิ กรรมท้าทายความคิด หน้า 7 ตอบ 692

กิจกรรมท่ี 3 2. หน่วย, 0 3. รอ้ ย, 300 4. หนว่ ย, 2 32 7. หนว่ ย, 1 8. รอ้ ย, 100 9. สิบ, 0 1. 1. สบิ , 40 5. ร้อย, 400 6. สิบ, 10 2. รอ้ ย, 200 3. รอ้ ย, 600 10. ร้อย, 600 สบิ , 0 สบิ , 90 2. 1. ร้อย, 500 หนว่ ย, 3 หน่วย, 0 สบิ , 70 หน่วย, 1 กจิ กรรมที่ 4 1. > 2. < 3. > 4. < 5. < 6. > 7. > 8. > 9. < กิจกรรมที่ 5 1. 1.  2. = 3.  4.  5. = 7. = 6.  8. = 9. = 10.  2. 1. > 2. = 3. > 4. > 5. = 7. < 6. > 8. < 9. = 10. > 3. 1. 327, 328, 329, 330, 331 2. 518, 517, 516, 515, 514 3. 778, 779, 780, 781, 782 5. 201, 200, 199, 198, 197 6. 810, 809, 808, 807, 806 4. 498, 499, 500, 501, 502 กจิ กรรมทา้ ทายความคดิ หน้า 13 ตอบ 357, 375, 456, 465, 537, 546, 564, 573, 645, 654, 735, 753 กจิ กรรมที่ 6 1. 1. 239, 293, 329, 392, 932 2. 456, 465, 546, 564, 645 3. 400, 409, 490, 904, 940 4. 82, 128, 208, 218, 821 5. ๔๕๘, ๔๘๕, ๕๘๔, ๘๔๕, ๘๕๔ 5. ๒๖๒, ๒๖๖, ๖๒๒, ๖๒๖, ๖๖๒ 2. 1. 138, 183, 318, 381, 831 2. 669, 696, 699, 966, 969 3. 147, 174, 471, 714, 741 4. 254, 425, 452, 524, 542 5. ๓๗๙, ๓๙๗, ๗๙๓, ๙๓๗, ๙๗๓ 5. ๑๑๒, ๑๒๑, ๒๐๑, ๒๒๐, ๒๒๑

กจิ กรรมที่ 7 33 1. 82, 34, 20, 12, 40, 66, 82, 26, 78 3. 46, 48, 50, 52, 54 6. 53, 55, 57, 59, 61 2. 31, 27, 19, 45, 99, 11, 67, 51, 95, 33 3. 1. 14, 16, 18, 20, 22 2. 61, 63, 65, 67, 69 5. 87, 89, 91, 93, 95 4. 78, 80, 82, 84, 86 กจิ กรรมทา้ ทายความคดิ หน้า 18 ตอบ 40 กจิ กรรมที่ 8 2. 664, 704, 724 3. 491, 501, 506 5. 289, 309, 339 3. 341, 346, 351, 356, 361 1. 1. 147, 152, 162 3. 761, 771, 781, 791, 801 4. 324, 624, 724 2. 563, 663, 763, 863, 963 5. 874, 884, 894, 904, 914 2. 1. 608, 618, 628, 638, 648 4. 922, 927, 932, 937, 942 2. 513, 518, 603, 608, 613 5. 427, 527, 627, 727, 827 3. 1. 421, 426, 431, 436, 441 4. 673, 683, 693, 703, 713 กิจกรรมที่ 9 2. 550, 150, 50 3. 383, 379, 373 5. 945, 905, 895 3. 652, 642, 632, 622, 612 1. 1. 254, 250, 242 3. 376, 366, 356, 346, 336 4. 719, 709, 699 2. 159, 157, 155, 153, 151 5. 436, 434, 432, 430, 428 2. 1. 553, 453, 345, 253, 153 4. 474, 374, 274, 174, 74 2. 877, 875, 873, 871, 869 5. 675, 575, 475, 375, 275 3. 1. 231, 229, 227, 225, 223 4. 514, 504, 494, 484, 474

34 1. 1. 297 2. 573 กิจกรรมทพี่ ฒั นาทักษะ 3. 41, 43, 45 4. 5, 7, 9, 14, 16, 18 5. 234 6. 456 2. 1. 166, 171, 169, 174, 172 2. 219, 229, 234, 244, 249 3. 451, 461, 456, 466, 461 4. 352, 331, 357, 329, 362 5. 619, 559, 629, 549, 639 6. 673, 680, 688, 697, 707 3. 156, 158 165, 168, 185, 186, 516, 518, 561, 568, 581, 586, 615, 618, 651, 658, 681, 685, 815, 816, 851, 856, 861, 865 4. 1. 4 2. 3 3. 10 4. 15 5. 16 6. 14, 20 แบบทดสอบประจาหนว่ ยการเรียนท่ี 1 1. ค 2. ค 3. ก 4. ข 5. ค 6. ก 7. ข 8. ค 9. ค 10. ข 11. ข 12. ก 13. ค 14. ข 15. ก 16. ค 17. ก 18. ข 19. ข 20. ก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook