รายงานผลการดาํ เนนิ การ โครงการพัฒนาบุคลากร ดา้ นระบบข้อมูลสารสนเทศ เพ่อื การบริหาร ปกี ารศกึ ษา 2563 ระบบจดั เก็บขอ้ มลู นกั เรยี นรายบุคคล Data Management Center DMC B_OBEC EMIS เอกสารลาํ ดับที่ 7 / 2563 กลุม่ งานขอ้ มลู สารสนเทศ กล่มุ นโยบายและแผน สาํ นกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษานครสวรรค์ เขต 3 สํานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน
คํานํา สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 มีหน้าท่ี ดูแล ส่งเสริม สนับสนุน กํากับติดตาม การจัดการศึกษาของสถานศึกษา ตามกรอบที่กฎหมายกําหนด และนโยบายของสํานักงาน คณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธิการ มุ่งเน้นเร่ืองการจัดการศึกษา พัฒนาคุณภาพ การศึกษา ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสําคัญ และพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2545 ซง่ึ การบรหิ ารงานของสํานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาและสถานศึกษาน้ัน ต้องอาศัยข้อมูล สารสนเทศทางการศึกษาเป็นเครื่องมือในการบริหารงาน ระบบสารสนเทศเป็นส่ิงสําคัญยิ่ง ที่จะช่วยให้ หนว่ ยงานหรอื สถานศึกษาสามารถดาํ เนินภารกจิ ไปไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ในการกําหนดนโยบาย การวางแผน การตัดสินใจ การพฒั นากจิ กรรมการเรียนการสอน การจดั รปู แบบตา่ งๆ เพ่ือใหเ้ ปน็ มาตรฐานการดาํ เนินงาน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารเล่มน้ี จะเป็นประโยชน์แก่ผู้เก่ียวข้องในทุกระดับตลอดจน เข้าใจถึง เหตุผลความจําเป็นในการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถท่ีจะนําข้อมูลสารสนเทศทางการศึกษา มาเป็นเครื่องมือในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และการบริหารจัดการภายในหน่วยงาน รวมท้ังอธิบาย ข้ันตอน การดําเนินงาน และข้อเสนอแนะในการปฏิบัติงานของสํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษา นครสวรรค์ เขต 3 เพ่อื ผอู้ า่ นจะไดน้ าํ ไปประยกุ ตใ์ ช้ในการจดั เกบ็ ขอ้ มลู สารสนเทศของหนว่ ยงานตอ่ ไป นางแพรวพรรณ จนั ทร์แปน้ นกั วเิ คราะหน์ โยบายและแผนชาํ นาญการพิเศษ
สารบัญ เรือ่ ง หนา้ บทท1่ี บทนาํ 1 ความเป็นมา 2 วัตถปุ ระสงค์ 2 ขอบเขตของการดาํ เนนิ งาน 3 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 4 คาํ นิยาม บทที่ 2 เอกสารท่เี กีย่ วข้อง 12 คู่มือการบริหารจดั การขอ้ มูลสารสนเทศทางการศกึ ษา 13 พ.ร.บ.การศกึ ษาภาคบงั คบั พ.ศ. 2545 15 ระเบียบกระทรวงศกึ ษาธกิ ารวา่ ด้วยการบรหิ ารขอ้ มลู สารสนเทศทางการศกึ ษา พ.ศ. 2554 17 แนวทางการดําเนินงานตาม พ.ร.บ.การศึกษาภาคบงั คบั พ.ศ.2545 บทที่ 3 วิธดี ําเนินงาน 18 บทท่ี 4 ผลการดําเนนิ งาน 20 บทที่ 5 สรุปและอภิปรายผล 24 บรรณานกุ รม ภาคผนวก โครงการ คําส่ังสํานกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษานครสวรรค์ เขต 3 ท่ี 126/2563 ปฏทิ ินการจัดทาํ ขอ้ มูลสารสนเทศทางการศึกษา ปกี ารศกึ ษา 2563 แนวทางการจัดทาํ ข้อมูลสารสนเทศทางการศกึ ษา ปกี ารศึกษา 2563 เว็บไซตใ์ นการรายงานข้อมลู ทางการศึกษา แบบประเมินผลการอบรม รายชือ่ ผลู้ งทะเบยี นเจา้ หนา้ ท่ขี อ้ มลู สารสนเทศทางการศกึ ษาของสถานศึกษา ปีการศกึ ษา 2563 เกยี รติบัตร ภาพกจิ กรรม
1 บทที่1 บทนาํ ความเป็นมา สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ได้กําหนดให้โรงเรียนในสังกัด จัดทําข้อมูล นักเรียนรายบุคคล และข้อมูลสถานศึกษา ทุกปีการศึกษาโดยใช้ข้อมูล ณ วันที่ 10 มิถุนายน แต่เน่ืองจาก มีการแพร่ระบาดของโควิด 19 จึงมีการเล่ือนการเปิดภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2563 โดยให้ใช้ข้อมูล ณ วันท่ี 20 กรกฎาคม กลุ่มนโยบายและแผน สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษา มีภารกิจในการรวบรวมข้อมูล พื้นฐานต่างๆ ของโรงเรียนในสังกัดตามโปรแกรม ข้อมูลครุภัณฑ์(M-OBEC) ข้อมูลส่ิงก่อสร้าง(B-OBEC) ข้อมูลระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการศึกษา (Education Management Information System : EMIS) และข้อมูลนักเรียนรายบุคคล(Data Management Center : DMC) ซึ่งมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงทุกปีเพ่ือรายงานสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐานในการใช้เป็นข้อมูลบริหาร จดั การศึกษาและพจิ ารณาจดั สรรงบประมาณรายการตา่ งๆ ใหแ้ ก่โรงเรียนในสังกัด ซงึ่ การดําเนินการดังกล่าว โรงเรียนในสังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 ส่วนใหญ่มีการปรับเปล่ียน ผู้รับผิดชอบการจัดทําข้อมูล ประกอบกับสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน มีการปรับเปล่ียน หรือปรับปรุงโปรแกรมบันทึกและนําส่งข้อมูลทุกปีซึ่งโรงเรียนต้องจัดทําข้อมูลถึง 3 ระยะ คือข้อมูลต้นปี การศกึ ษา ข้อมลู นักเรียนภาคเรยี นท่ี 2 และขอ้ มูลนักเรยี นส้นิ ปีการศึกษา ซึ่งมีความละเอียดซับซ้อนและต้อง รายงานข้อมูลเป็นจํานวนหลายรายการ ภายในกําหนดระยะเวลาที่จํากัด จึงจําเป็นต้องมีการจัดอบรม(ด้วย ระบบออนไลน)์ การใช้โปรแกรมระบบสารสนเทศของสถานศึกษาดงั กล่าว ระบบDMC เป็นโปรแกรมท่ีใช้ในการบริหารจัดการและจัดเก็บข้อมูลนักเรียนรายบุคคลที่มีอยู่ จริงในโรงเรียน ตลอดปีการศึกษา โดยทําการปรับปรุงข้อมูลนักเรียนรายบุคคล จํานวน3คร้ัง ดังท่ีกล่าวมา ข้างต้นโดยโรงเรียน และสํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาบริหารจัดการ ปรับปรุง แก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูล นักเรียนรายบุคคลของโรงเรียนและสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาเองได้ โดยผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ซึ่งทั้ง โรงเรียนและสํานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาสามารถตรวจสอบ แก้ไข ปรับปรุงเปล่ียนแปลงข้อมูลของ สาํ นักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษา และโรงเรียนเองได้ และจะได้มีการพฒั นาให้เป็นระบบ real time สํานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 จึงได้จัดทําพัฒนาบุคลากร ด้านระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการวางแผนการบริหารจัดการและการรายงาน และเน่ืองจากปีการศึกษา 2563 ไดเ้ ลื่อนการเปิดภาคเรียนเนอื่ งจากสภาวะการแพรร่ ะบาดของโควิด 19 สํานกั งานเขตพนื้ ท่ีการศึกษา ประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 จึงได้จัดให้มีการการประชุมอบรมออนไลน์ข้ึน เพื่อพัฒนาบุคลากรของ โรงเรียนให้มีความรู้ เกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ ระบบอินเทอร์เน็ต พร้อมทั้งมีความชํานาญในการใช้ โปรแกรมต่างๆ และจัดเก็บข้อมูลของโรงเรียน การจัดทําข้อมูลสารสนเทศด้านการศึกษาได้อย่างมี ประสิทธภิ าพ
2 วัตถุประสงค์ 1. เพ่ือพัฒนาบุคลากรของโรงเรียนให้มีความรู้ความสามารถ ในการดูแลระบบคอมพิวเตอร์ ระบบอินเทอร์เน็ต การจัดเก็บขอ้ มูล และการจัดทาํ สารสนเทศได้อย่างถกู ต้อง ครบถ้วนและมปี ระสิทธภิ าพ 2. เพื่อให้โรงเรียนในสังกัด และสํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 มขี อ้ มูลสารสนเทศใช้ในการบริหารจดั การได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ 3. เพอื่ เป็นเครื่องมอื ในการวางแผน การบริหารจัดการการศึกษา การจัดต้ังจัดสรรงบประมาณ และการตดิ ตามประเมินผล 4. เพ่ือรายงานข้อมูลสารสนเทศให้กับสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน และหน่วยงานอืน่ ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งครบถว้ นและทันตามกาํ หนดเวลา ของเขตของการดาํ เนนิ งาน สํานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 มีบทบาท ภารกิจในการบริหาร จัดการข้อมูลเพ่ือการบริหารจัดการ ดังนั้นเพื่อให้การดําเนินงานจัดเก็บข้อมูลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามนโยบายของสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ท่ีจะต้องเก็บข้อมูลท่ีไม่ให้เกิด ความซํ้าซ้อน และไม่เพิ่มภาระให้แก่สถานศึกษาและสํานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา จึงได้พัฒนาระบบบริหาร จัดการข้อมูลสารสนเทศ เพ่ือใช้ในการบันทึก ประมวลผล และรายงานผลข้อมูลด้านการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซ่ึงระบบ ต่าง ๆ เป็นระบบท่ีติดต้ังบน Web Application Server ของสํานักงานคณะกรรมการการศึกษา ข้ันพืน้ ฐาน ท่ี www.bopp-obec.info จะสามารถช่วยให้การทํางานของบุคลากรด้านข้อมูลให้เป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพ เพื่อให้เข้าใจหลักการของระบบบริหารจัดการข้อมูลสารสนเทศ สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 จึงได้สรุประบบที่สําคัญ ๆ ท่ีหน่วยงานในสังกัดใช้ เพ่ือการบริหารจัดการ ข้อมูลสารสนเทศ ดังน้ี 1. การจดั เกบ็ ข้อมลู นกั เรียนรายบคุ คล (Data Management Center 2019 :DMC ระบบ DMC เป็นโปรแกรมท่ีใช้ในการบริหารจัดการและจัดเก็บข้อมูลนักเรียนรายบุคคลที่มี อยู่จริงในโรงเรียน ตลอดปีการศึกษา โดยทําการปรับปรุงข้อมูลนักเรียนรายบุคคล จํานวน 3 ครั้ง คือ ข้อมูล นักเรียนรายบุคคลภาคเรียนท่ี 1 (ข้อมูล ณ 20 กรกฎาคม) ข้อมูลนักเรียนรายบุคคล ภาคเรียนที่ 2 (ข้อมูล ณ ธันวาคม ) และข้อมูลสิ้นปีการศึกษา (ข้อมูล ณ มีนาคม) โดยโรงเรียน และสํานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา บริหารจัดการ ปรับปรุง แก้ไข เปลี่ยนแปลงข้อมูลนักเรียนรายบุคคลของโรงเรียนและสํานักงานเขตพ้ืนท่ีเอง ได้ โดยผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ซึ่งท้ังโรงเรียนและสํานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาสามารถตรวจสอบ แก้ไข ปรบั ปรงุ เปลย่ี นแปลงข้อมลู ของสาํ นกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษาและโรงเรยี นเองได้ และจะได้มกี ารพฒั นาให้เป็น ระบบ real time ในเร็วๆนี้ 2. การจดั เกบ็ ข้อมลู ครุภัณฑ์ ( M-OBEC) ระบบ M-OBEC เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลครุภัณฑ์โรงเรียน จํานวน 76 รายการ จําแนกประเภทได้ 4 ประเภท คือ ครุภัณฑ์สํานักงานโรงเรียน ครุภัณฑ์การศึกษา ครุภัณฑ์งานบ้าน และงานครัว และครุภัณฑ์ยานพาหนะ โดยให้โรงเรียนบันทึกข้อมูลผ่านทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งสํานักงาน เขตพนื้ ทีก่ ารศึกษา และโรงเรยี นสามารถตรวจสอบ แกไ้ ข ปรับปรุงเปลยี่ นแปลงข้อมลู ของสาํ นักงานเขตพื้นท่ี การศึกษาและโรงเรยี นเองได้ 3. การจดั เกบ็ ขอ้ มลู อาคารทด่ี ินและสง่ิ ก่อสร้าง (B-OBEC) ระบบ B-OBEC เป็นโปรแกรม ท่ีใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลสิ่งก่อสร้างของโรงเรียนโดย
3 กําหนดรูปแบบ ประเภท แผนผัง ตลอดจนภาพถ่ายส่ิงก่อสร้าง โดยให้โรงเรียนบันทึกข้อมูลผ่านทาง อินเตอร์เน็ต ซ่ึงโรงเรียนสามารถตรวจสอบ แก้ไข ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงข้อมูลของโรงเรียนเองได้ ท้ังนี้ สาํ นักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาและโรงเรยี นสามารถตรวจสอบ แก้ไขได้ 4. การจัดเก็บข้อมูลระบบสารสนเทศเพ่ือการบริหารการศึกษา(Education Management Information System : EMIS) ระบบ EMIS เป็นโปรแกรมทใี่ ชใ้ นการบริหารจัดการข้อมูลระบบสารสนเทศเพ่อื การบริหาร จดั การศกึ ษา ประกอบดว้ ย 4.1 ข้อมูลด้านเทคโนโลยีในโรงเรยี น 4.2 ข้อมูลครภุ ณั ฑใ์ นโรงเรียน ซ่งึ เชือ่ มโยงกับระบบจัดเก็บขอ้ มลู ครุภัณฑ์ (M-OBEC) 4.3 ขอ้ มลู ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา ครอู ตั ราจ้าง ลกู จา้ งตา่ งๆ ทงั้ ในงบประมาณ และนอกงบประมาณ ท่มี อี ย่ใู นโรงเรียนจริง ณ ปัจจุบนั (นบั มาช่วยราชการ แตไ่ ม่นําไปช่วยราชการ) 4.4 ข้อมลู ส่ิงก่อสรา้ ง ซง่ึ เช่อื มโยงกบั ระบบจดั เก็บขอ้ มูลสง่ิ ก่อสร้าง (B-OBEC) เม่ือโรงเรียนทําการจัดเก็บข้อมูลตามระบบ EMIS ผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ตเป็นท่ี เรยี บร้อยแล้ว ระบบจะสามารถนําเสนอข้อมูลต่างๆ ในรูปแบบของระบบเว็บไซต์ของโรงเรียนได้อีกด้วย โดย สํานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา และโรงเรียนบันทึกข้อมูลผ่านทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งสามารถตรวจสอบ แก้ไข ปรบั ปรงุ เปล่ยี นแปลงข้อมูลไดเ้ อง 5. การจดั เกบ็ ข้อมลู ระบบสารสนเทศเพือ่ การบริหารสถานศึกษา (School MIS) ระบบสารสนเทศเพ่ือการบริหารสถานศึกษา เป็นระบบท่ีออกแบบเพื่อการบริหารงาน โรงเรียนที่ครอบคลุมงานทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ งานบริหารท่ัวไป งานวิชาการ งานบริหารงบประมาณ และงาน บริหารบุคคล ท่ีผ่าน Application Server ให้บริการการจัดทําข้อมูลสารสนเทศแบบออนไลน์ ในปี 2020 จะเน้นการทําข้อมูลด้านวิชาการ ข้อมูลผลการเรียนนักเรียนรายบุคคล โดยการเชื่อมโยงฐานข้อมูลนักเรียน รายบุคคลจากโปรแกรม DMC สามารถจัดเก็บและประมวลผลการเรียนของนักเรียน นอกจากนั้น ระบบ สารสนเทศเพ่อื การบริหารสถานศกึ ษา สามารถพิมพแ์ บบ ปพ.ต่างๆได้ 6. ระบบสารสนเทศทางภมู ิศาสตร(์ GIS) เพ่ือการตัดสินใจ ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (GIS) เพื่อการตัดสินใจ เป็นการประยุกต์ใช้ข้อมูล สารสนเทศด้านตา่ งๆมานาํ เสนอรูปแบบขอ้ มลู เชิงท่ีต้ังในด้านต่างๆ ท่ีต้ังบนระบบเว็บไซด์ อาทิ ข้อมูลพ้ืนฐาน ของโรงเรียน ข้อมูลงานวิชาการ ข้อมูลงบประมาณ ข้อมูลปีการศึกษา ข้อมูลจํานวนนักเรียนและจํานวน ห้องเรียน เป็นต้น ข้อมูลสารสนเทศจากระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ เพ่ือการตัดสินใจนี้ เป็นเคร่ืองมือ อย่างหน่ึงที่ช่วยในการวางแผนที่เก่ียวข้องกับบริหารจัดการศึกษาในลักษณะของเขตที่ตั้ง (Area Based Management) ประโยชนท์ คี่ าดว่าจะไดร้ ับ 1. เจ้าหน้าท่ีผู้ปฏิบัติงานด้านข้อมูลสารสนเทศมีความรู้ความสามารถ ในการดูแลระบบ คอมพิวเตอร์ ระบบอินเทอร์เน็ต การจัดเก็บข้อมูล และการจัดทําสารสนเทศได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วนและมี ประสิทธภิ าพ
4 2. สําหรับผู้บริหารระดับสูงข้อมูลและสารสนเทศทางการศึกษาเป็นหัวใจสําคัญต่อการกําหนด นโยบายการบริหารและวางแผนพัฒนาการศึกษาตลอดจนการควบคุมติดตามและประเมินผลของแผนงาน และโครงการตา่ ง ๆท่ไี ดจ้ ัดทาํ ไปแล้ว 3. ผู้บริหารระดบั กลางและระดับปฏบิ ตั ิจะใช้ประโยชน์จากข้อมูลและสารสนเทศทางการศึกษา ในการควบคมุ การปฏบิ ตั ิงานให้มปี ระสิทธิภาพและประสทิ ธิผลตรงตามแผนหรือเปา้ หมาย 4. ผู้บริหารระดับห้องเรียน (ครู) จะใช้ประโยชน์จากข้อมูลและสารสนเทศในการพัฒนาการ เรยี นการสอนในทุก ๆ ทางเป็นการควบคมุ การปฏบิ ัติงานในห้องเรยี นให้มีประสทิ ธิภาพ 5. เป็นเครื่องในการวางแผน การบริหารจัดการการศึกษา การจดั ต้งั จัดสรรงบประมาณ และการติดตามประเมินผล 6. เปน็ เครอ่ื งมือในการเผยแพร่ประชาสัมพนั ธ์การดําเนนิ งานการจัดการศกึ ษาของหนว่ ยงาน 7. เป็นเครื่องมือในการสรา้ งองค์ความรู้ สร้างความเขา้ ใจ และความสมั พนั ธอ์ ันดรี ะหวา่ งองคก์ ร และบคุ ลากรในองค์กร และสาธารณชน 8. เป็นเครื่องมือสําหรับบุคคลทั่ว ๆ ไป เช่น นักวิจัย นักวิชาการ หรือนักการศึกษาจะมี ประโยชนเ์ กี่ยวกบั การทํางานทางวิชาการ ช่วยในการกการตัดสินใจที่มีเหตุผลหรือเพ่ือแสวงหาความรู้ ทฤษฎี ใหม่ ๆ เพือ่ ประโยชนต์ ่อการพัฒนาการศึกษา คํานยิ าม ข้อมูล ณ วนั ที่ 20 กรกฎาคม 2563 โรงเรยี น หมายถงึ โรงเรียนในสังกัดสาํ นักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน วนั ทตี่ งั้ โรงเรยี น หมายถึง วันทก่ี ่อต้ังโรงเรียนนี้ ซ่งึ ไดบ้ นั ทกึ ไว้ในสมุดหมายเหตรุ ายวัน เขตที่ตง้ั ของโรงเรยี น หมายถึง ที่ตัง้ ของโรงเรียนว่าอยู่ในเขตใด แบง่ เป็น 3 ลักษณะคอื 1) เขตการปกครอง หมายถึง สถานที่ท่ีต้ังของโรงเรียนที่ต้ังอยู่ในเขตการปกครอง ตามท่กี ระทรวงมหาดไทยประกาศ 2) ที่ต้ังทางภูมิศาสตร์ หมายถึง สถานที่ต้ังของโรงเรียนตั้งอยู่ในพ้ืนท่ีหรือบริเวณสภาพ ทางภูมิศาสตร์ 3) โรงเรยี นทต่ี ั้งอยู่ในบริเวณเดยี วกับวัด เขตบริการของโรงเรียน หมายถึง เขตพื้นท่ีบริการของโรงเรียนที่คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา กาํ หนด รอยตะเข็บชายแดน หมายถึง โรงเรียนที่มีเขตพ้ืนที่ เขตบริการของโรงเรียนติดต่อกับแนวชายแดน ประเทศเพื่อนบา้ น พนื้ ทีโ่ รงเรยี น หมายถึง ขนาดของที่ดินท่เี ปน็ ทตี่ ง้ั ของโรงเรียน ท่ีดินที่โรงเรียนมีสิทธ์ิครอบครอง หรือใช้ ประโยชน์ในการจดั การศึกษาจากที่ดนิ นนั้ ซง่ึ อาจจะมีจาํ นวนหลายแปลง รวมถึงลักษณะการถือครองท่ีดินใน แตล่ ะแปลงในลักษณะตา่ งๆ ดงั นี้
5 1) ท่ีป่าสงวน เป็นที่ดินที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงเกษตร และได้รับความยินยอมให้ จัดตั้งโรงเรยี นเพือ่ จดั การศึกษาใหบ้ ตุ รหลานของประชาชนท่อี าศัยอย่ใู นเขตน้นั เล่าเรียน 2) ท่ีธรณีสงฆ์ เป็นที่ดินท่ีอยู่ในความดูแลของวัดหรือกรมการศาสนา และได้รับความ ยนิ ยอมให้จดั ตงั้ โรงเรียนเพื่อจดั การศึกษาให้บุตรหลานของประชาชนท่ีอาศัยอยู่ในเขตน้ัน เล่าเรียน 3) ท่ีราชพัสดุ เป็นที่ดินท่ีอยู่ในความดูแลของรัฐและยินยอมให้จัดต้ังโรงเรียนเพ่ือจัด การศึกษาใหบ้ ตุ รหลานของประชาชนท่อี าศัยอยใู่ นเขตน้นั เล่าเรียน 4) ท่ีดินเช่าผู้อื่น เป็นที่ดินท่ีโรงเรียนเช่าจากบุคคลอื่น เพ่ือทําประโยชน์ในด้านการจัด การศึกษา 5) ที่ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่ยินยอมให้จัดต้ังโรงเรียนเพื่อจัดการศึกษาให้บุตร หลานของประชาชนทอี่ าศยั อยใู่ นเขตนน้ั เลา่ เรียน 6) ท่ีได้รับบริจาค และ/หรือ ให้ใช้ประโยชน์ หมายถึง ที่ดินที่โรงเรียนได้รับบริจาคหรือให้ ทาํ ประโยชนด์ า้ นการจดั การศกึ ษาจากท่ีดนิ ผืนนนั้ 7) ท่ีสาธารณประโยชน์ 8) ที่ ส.ป.ก. ประปา แบ่งเป็น 3 ชนิด คือ 1) ประปาโรงเรยี น หมายถงึ น้ําประปาทโี่ รงเรียนจัดทํา / ผลติ / ตดิ ต้งั เอง 2) ประปาหมู่บ้าน / ประปาเทศบาล หมายถึง น้ําประปาท่ีชุมชน / เทศบาล จัดทํา / ผลติ และให้บริการกบั ชุมชน 3) ประปานครหลวง / ภูมิภาค หมายถึง นํ้าประปาที่การประปานครหลวงหรือการ ประปาส่วนภูมิภาคจดั ทาํ / ผลติ และให้บริการกับชุมชน โรงเรียนสาขา หมายถึง โรงเรียนที่จัดต้ังข้ึนเพ่ือรองรับความต้องการของชุมชนหรือท้องถ่ินที่ต้องการให้ บุตรหลานได้ศึกษาเล่าเรียนในโรงเรียน ที่ต้ังอยู่ในท้องถ่ินของตนเอง แต่ไม่มีโรงเรียนต้ังอยู่ก่อน ได้รับ อนุญาตใหเ้ ปดิ เป็นโรงเรียนสาขาแล้ว โรงเรียนท่ีมีไฟฟ้า หมายถึง โรงเรียนที่ได้รับอนุมัติให้ติดต้ังไฟฟ้าโดยหน่วยงานรัฐ หรือต่อพ่วงกับชุมชน หรือใชโ้ ซลาเซล หรือเครื่องกาํ เนิดไฟฟา้ ปัญหาสภาพแวดล้อมของโรงเรียน หมายถึง โรงเรียนที่ตั้งอยู่ในสถานท่ีซ่ึงมีปัญหาด้านส่ิงแวดล้อมซึ่งอาจ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของนักเรียน บุคลากรในโรงเรียน ทเ่ี กดิ จากเสยี ง อากาศ และนา้ํ หน่วยงานทางการศึกษา หมายถึง หน่วยงานที่มีหน้าที่จัดการเรียนรู้ และ / หรือ ดูแลรับผิดชอบ เกี่ยวข้องกบั การจดั การศกึ ษา เช่น มหาวทิ ยาลัย วทิ ยาลัยชุมชน โรงเรียนพ้ืนท่ีพิเศษตามประกาศกระทรวงการคลัง หมายถึง โรงเรียนท่ีกระทรวงการคลังประกาศเป็น โรงเรียนพื้นที่พิเศษ ในปีงบประมาณ 2555 พื้นที่จุดบอด หมายถึง บรเิ วณพ้นื ท่ีที่กันดาร การคมนาคมไปไมถ่ ึง หรือไปลําบาก บรกิ ารของรฐั เขา้ ไปไดย้ าก
6 โรงเรียนตามโครงการพระราชดาํ ริ หมายถงึ โรงเรียนท่ีมีช่ือตามประกาศสํานักพระราชวัง และได้รับการ สนบั สนนุ ช่วยเหลอื โรงเรียนในพื้นที่ตามโครงการป้องกันตนเองชายแดน (ปชด.) หมายถึง โรงเรียนท่ีอยู่ในพื้นที่ชายแดน และดําเนินงานโครงการปอ้ งกันตนเองชายแดน โรงเรียนเครือขา่ ยสหวทิ ยาเขตมหามงคล แบง่ เปน็ 3 ประเภท คอื 1) โรงเรียนเครือขา่ ยวทิ ยาเขต หมายถึง โรงเรยี นอนบุ าลประจําอาํ เภอ 2) โรงเรียนเครือข่ายวิทยาการศึกษา หมายถึง โรงเรียนท่ีได้รับการคัดเลือกให้เป็น โรงเรียนเครือข่ายวิทยากรในสาขาใดสาขาหน่ึงต่อไปน้ี คอมพิวเตอร์ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย วทิ ยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ วิชาชีพ กีฬา และดนตรี 3) โรงเรียนเครือข่ายศูนย์ปฏิรูปการศึกษา หมายถึง โรงเรียนท่ีกําหนดให้เป็นศูนย์กลางการ เรยี นการสอนที่มีคุณภาพไดม้ าตรฐานท่มี คี วามพร้อมทกุ ๆ ดา้ น ประเภทโครงการอาหารกลางวัน แบ่งออกเปน็ 3 ประเภท ประเภทที่ 1 หมายถึง โรงเรียนที่สามารถบริหารจัดการให้นักเรียนทุกคนมีอาหารกลางวัน รบั ประทานทกุ วันโดยไม่ขอรับเงินงบประมาณสนบั สนุนจากรฐั ประเภทที่ 2 หมายถึง โรงเรียนสามารถบริหารจัดการให้นักเรียนทุกคนมีอาหารกลางวัน รบั ประทานทุกวนั โดยไดร้ ับเงนิ งบประมาณสนบั สนุนจากรัฐ ประเภทท่ี 3 หมายถงึ โรงเรียนท่ีนักเรียนจํานวนหนึ่ง ไม่ได้รับประทานอาหารกลางวันถึงแม้ จะไดร้ ับเงนิ งบประมาณสนบั สนุนตามทีร่ ัฐจัดให้ จาํ แนกเปน็ 3.1) หมายถึง โรงเรียนท่ีมีนักเรียนจํานวนหน่ึงไม่ได้รับประทานอาหารกลางวันแม้ โรงเรยี นพยายามจดั อาหารกลางวันให้กบั นักเรียนได้มากกว่างบประมาณที่ไดร้ บั จัดสรรแล้วกต็ าม 3.2) หมายถึง โรงเรียนที่มีนักเรียนจํานวนหน่ึงไม่ได้รับประทานอาหารกลางวัน และโรงเรยี นกไ็ ดพ้ ยายามจดั อาหารกลางวันให้กับนักเรียนได้เท่ากับงบประมาณทไี่ ดร้ ับจดั สรรเทา่ นนั้ ระบบคอมพวิ เตอร์ - STAND ALONE หมายถึง เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานเครื่องเดียว ไม่มีการเช่ือมต่อเพ่ือใช้ ทรพั ยากรร่วมกนั กับเครอ่ื งอน่ื ๆ - NETWORK หมายถึง การเช่ือมต่อเคร่ืองคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เคร่ืองขึ้นไป เป็นระบบ เครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ มีวตั ถุประสงค์เพื่อใช้ทรัพยากรในเครือข่ายร่วมกัน ระบบเครือข่ายมีหลายระดับ แต่ ที่นิยมใช้ทั่วไปภายในองค์กรหรือเครือข่ายขนาดเล็ก คือ ระบบเครือข่ายท้องถิ่น (LAN : Local Area Network)
7 รปู แบบการใชง้ าน Internet - ระบบ LEASE LINE หมายถึง การส่งผ่านข้อมูลในระบบ Digital ผ่านวงจรสื่อสารตลอดเวลา สามารถส่งผ่านข้อมูลได้ในอัตรา 64 kbps ขึ้นไป (kbps = kilo bit per second คือ อัตราการส่งข้อมูล = 1024 bit ในเวลา 1 วนิ าที) - ระบบ DIAL UP หมายถึง การส่งผ่านข้อมูลในระบบ Analog ผ่านสายโทรศัพท์ธรรมดา และมีการเชื่อมต่อกับระบบเพ่ือใช้บางเวลา สามารถส่งผ่านข้อมูลได้ในอัตรา 56 kbps ขึ้นไป (kbps = kilo bit per second คอื อัตราการสง่ ข้อมูล = 1024 bit ในเวลา 1 วนิ าที) - ระบบ SATELLITEหมายถึง การสง่ ผา่ นขอ้ มูลด้วยระบบสัญญาณดาวเทียม นกั เรียนพกิ าร หมายถึง บุคคลทม่ี คี วามบกพร่องทางรา่ งกายและจิตใจ แบ่งเปน็ 9 ประเภท ไดแ้ ก่ 1) คนที่มีความบกพร่องทางการเห็น หมายถึง บุคคลท่ีสูญเสียการเห็นต้ังแต่ระดับเล็กน้อย จนถงึ บอดสนิท อาจแบ่งได้ 2 ประเภท คือ คนตาบอดสนิท และคนเห็นเลอื นลาง 2) คนท่ีมีความบกพร่องทางการได้ยิน หมายถึง คนที่สูญเสียการได้ยินตั้งแต่ระดับรุนแรง จนถงึ ระดับน้อยอาจแบ่งออกเปน็ 2 ประเภท คอื คนหหู นวก และคนหตู ึง 3) คนท่ีมีความบกพร่องทางสติปัญญา หมายถึง คนที่มีพัฒนาการช้ากว่าคนปกติทั่วไป เม่ือ วัดสติปัญญา โดยใช้แบบทดสอบมาตรฐานแล้ว มีสติปัญญาตํ่ากว่าบุคคลปกติ และความสามารถในการปรับเปล่ียนพฤติกรรมตํ่ากว่าเกณฑ์ปกติอย่างน้อย 2 ทักษะหรือ มากกว่า เช่น ทักษะการส่ือความหมาย ทักษะทางสังคม ทักษะการใช้ สาธารณสมบัติ การดูแลตนเอง การดํารงชีวิตในบ้าน การควบคุมตนเอง สุขภาพอนามัย และความ ปลอดภัย การเรียนวิชาเพื่อชีวิตประจําวัน การใช้เวลาว่างและการทํางาน ซึ่งลักษณะ ความบกพร่องทางสติปัญญา จะแสดงอาการก่อนอายุ 18 ปี อาจแบง่ ความบกพร่องของ สติปัญญาออกเปน็ 2 ระดบั ดังนี้ (1) เด็กปัญญาอ่อนท่ีเรียนหนังสือได้ หมายถึง เด็กปัญญาอ่อนท่ีมีระดับสติปัญญาอยู่ ระหว่าง 50 – 70 วัดโดยใช้แบบทดสอบมาตรฐาน มีสติปัญญาและความเฉลียวฉลาดไม่ เท่าเทยี มกบั เด็กปกตใิ นวัยเดยี วกนั และมพี ฤตกิ รรมทางสังคมไมเ่ หมาะสมกับวัย (2) เดก็ ปัญญาออ่ นทฝ่ี ึกได้ หมายถึง เด็กปญั ญาออ่ นท่มี ีระดบั สติปญั ญาอยรู่ ะหวา่ ง 35– 49 โดยประมาณ เป็นเด็กปัญญาอ่อนข้ันปานกลางที่มีสติปัญญาและพฤติกรรม เป็นอุปสรรคต่อการเรียนรขู้ องเดก็ 4) คนทมี่ ีความบกพร่องทางรา่ งกายหรือสุขภาพ หมายถึง คนท่ีมีอวัยวะไม่สมส่วนอวัยวะส่วน ใดสว่ นหน่งึ หรือหลายสว่ นขาดหายไป กระดูกและกล้ามเน้ือพิการ เจ็บป่วยเรื้อรัง รุนแรง มีความพิการของระบบประสาท มีความลําบากในการเคลื่อนไหวซ่ึงเป็นอุปสรรคต่อ การศึกษาในสภาพปกติ ทั้งน้ีไม่รวม คนที่มีความบกพร่องทางประสาทสัมผัส ได้แก่ ตา บอด หูหนวก อาจแบ่งได้เป็นประเภท ดังนี้ โรคของระบบประสาท โรคทางระบบ กล้ามเนอ้ื กระดกู การไมส่ มประกอบมาแต่กําเนิด สภาพความพกิ ารและความบกพร่องทาง สุขภาพอ่ืนๆ 5) คนท่มี ีปญั หาทางการเรยี นรู้ หมายถงึ คนท่มี ีความบกพรอ่ งอย่างใดอย่างหน่ึง หรือหลาย อย่างทางกระบวนการพ้นื ฐานทางจติ วิทยาท่ีเก่ียวกับความเข้าใจหรือการใช้ภาษา อาจเป็น
8 ภาษาพูดและหรือภาษาเขียน ซ่ึงส่งผลทําให้มีปัญหาในการฟัง การพูด การคิด การอ่าน การเขียน การสะกด หรือการคํานวณ รวมท้ังสภาพความบกพร่องในการรับรู้ สมอง ได้รับบาดเจ็บ การปฏิบัติงานของสมองสูญเสียไป ซ่ึงทําให้มีปัญหาในการอ่าน และ ปัญหาในการเข้าใจภาษา ทั้งนี้ ไมร่ วมคนท่มี ีปญั หาทางการเรียนเนื่องจากสภาพ บกพร่อง ทางการเห็น การได้ยิน การเคล่ือนไหว ปัญญาอ่อน ปัญหาทางอารมณ์ หรือความด้อย โอกาสเนอื่ งจากสิ่งแวดลอ้ ม วัฒนธรรมหรอื เศรษฐกิจ 6) คนที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา หมายถึง บุคคลที่มีความบกพร่องในเรื่องของ การออกเสียงพูด เช่น เสียงผิดปกติ อัตราความเร็วและจังหวะการพูดผิดปกติ หรือคนท่ี มีความบกพร่องในเร่ืองความเข้าใจและการใช้ภาษาพูด การเขียน และหรือระบบ สัญลักษณ์อื่นที่ใช้ในการติดต่อส่ือสาร ซึ่งอาจเกี่ยวกับรูปแบบของภาษา เนื้อหาของภาษา และหนา้ ท่ขี องภาษา 7) คนที่ปญั หาทางพฤตกิ รรมหรอื ทางอารมณ์ หมายถึง คนทม่ี ีพฤตกิ รรมเบย่ี งเบนไปจาก ปกตเิ ป็นอย่างมาก และปัญหาทางพฤติกรรมนน้ั เปน็ ไปอยา่ งตอ่ เนื่อง ไม่เป็นทีย่ อมรับทาง สงั คมหรอื วฒั นธรรม 8) คนออทสิ ตกิ หมายถึง บุคคลทมี่ คี วามบกพร่องทางพัฒนาการดา้ นสังคม ภาษาและ การ ส่ือความหมาย พฤติกรรมอารมณ์ และจนิ ตนาการ ซึง่ มสี าเหตเุ น่อื งมาจากการทาํ งานใน หนา้ ท่บี างส่วนของสมองผิดปกตไิ ป และความผิดปกตินพี้ บไดก้ อ่ นวยั 30 เดอื น ลักษณะ ของบคุ คลออทิสติก สรปุ ไดด้ งั นี้ (1) มคี วามบกพรอ่ งทางปฏิสัมพันธ์ทางสงั คม (2) มคี วามบกพรอ่ งทางการสือ่ สาร ทงั้ ดา้ นการใช้ภาษาพดู ความเขา้ ใจภาษา การแสดง กรยิ าสอื่ ความหมาย (3) มคี วามบกพร่องด้านพฤติกรรมและอารมณ์ บางคนมีพฤตกิ รรมซ้ําๆ ผิดปกติ (4) มีความบกพรอ่ งดา้ นการรบั รู้ทางประสาทสัมผัส การใชป้ ระสาทสมั ผัสทงั้ 5 (5) มีความบกพรอ่ งดา้ นการใชอ้ วัยวะต่างๆ อย่างประสานสัมพนั ธ์ การใช้สว่ นต่างๆ ของรา่ งกาย (6) มคี วามบกพร่องดา้ นการจินตนาการ ไม่สามารถแยกเรื่องจริงเรื่องสมมตุ ิ หรอื ประยุกต์วธิ จี ากเหตกุ ารณ์หนง่ึ ไปยงั อกี เหตกุ ารณห์ นง่ึ ได้ (7) มคี วามบกพร่องด้านสมาธิ มคี วามสนใจทส่ี น้ั วอกแวกง่าย (8) คนท่มี คี วามพกิ ารซ้อน หมายถงึ คนท่มี สี ภาพความบกพร่องหรือความพิการมากกว่า หน่งึ ประเภทในบุคคลเดยี วกัน นกั เรียนขาดแคลน หมายถึง 1) นักเรียนท่ีขาดเครื่องแบบนักเรียน หมายถึง นักเรียนที่บิดามารดามีฐานะยากจน มเี ครอ่ื งแบบนักเรียนสวมใส่มาโรงเรียนไมเ่ พยี งพอ 2) นักเรยี นทข่ี าดแคลนเคร่ืองเขียน หมายถึง นักเรียนท่ีบิดามารดามีฐานะยากจนไม่มีเงินซ้ือ เครือ่ งเขียน ให้นกั เรยี นใช้ประกอบกจิ กรรมการเรียนรู้
9 3) นักเรียนที่ขาดแคลนแบบเรียน ยืมเรียน หมายถึง แบบเรียนหนังสือยืมเรียนสําหรับ นักเรียนทุกคน มีไม่เพียงพอกับความต้องการของนักเรียน ทําให้นักเรียนบางคนไม่มี แบบเรียนใช้ประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ 4) นักเรียนท่ีขาดแคลนอาหารกลางวัน หมายถึง นักเรียนท่ีบิดามารดามีฐานะยากจน ไม่มเี งนิ ซอื้ อาหารกลางวันให้เด็กรบั ประทาน นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษด้านต่าง ๆ หมายถึง นักเรียนท่ีแสดงออกถึงความสามารถอันโดดเด่น หรอื แสดงให้เหน็ ถึงศักยภาพท่ีจะสามารถพัฒนาความสามารถได้อย่างเป็นที่ประจักษ์ เมื่อนํามาเปรียบเทียบ กับเด็กอ่ืน ๆ ที่อยู่ในวัยเดียวกันท่ีมีสภาพแวดล้อมหรือประสบการณ์ระดับเดียวกัน ความสามารถในที่นี้ ได้แก่ ความสามารถในด้านสติปัญญา ความเป็นเลิศทางวิชาการสาขาใดสาขาหน่ึง พฤติกรรมดังกล่าว แสดงให้เหน็ ถึงศกั ยภาพท่ีจะพฒั นาความสามารถได้อยา่ งเปน็ ท่ีประจกั ษ์ ซงึ่ จําแนกไดด้ ังนี้ 1) ดา้ นวทิ ยาศาสตร์ / ดา้ นคณติ ศาสตร์ หมายถึง มคี วามเข้าใจ มองเห็นมิติสัมพันธ์สิ่งที่เป็น นามธรรม ใช้จํานวนได้รวดเร็ว มีทักษะการคิด วิเคราะห์ อย่างมีเหตุผล สร้างและสรุป ความคดิ ปรับเปลยี่ นระบบและวิธีการอยา่ งหลากหลายได้เรว็ กว่าเดก็ ในวัยเดยี วกัน 2) ด้านภาษา หมายถึง เป็นผู้มีทักษะและความคิดสร้างสรรค์ในการใช้ภาษาเพ่ือการส่ือสาร ไดด้ ีกวา่ เดก็ ในวัยเดยี วกัน 3) ด้านดนตรี หมายถึง ผู้ท่ีมีความสามารถและมีจินตนาการในการแสดงหรือเล่นดนตรี อย่างมสี ุนทรียภาพ 4) ด้านกีฬา หมายถึง ผู้มีความสามารถ มีทักษะ มีพรสวรรค์ในการออกกําลังกายได้เป็น อย่างดแี ละโดดเด่นในการแข่งขันกีฬา 5) ด้านทัศนศิลป์ และด้านศิลปะการแสดง หมายถึง ผู้มีจินตนาการและความคิด สร้างสรรค์ในการถ่ายทอดสิ่งที่ประทับใจจากธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาเป็นผลงาน ศิลปะของตนเองอยา่ งเด่นชดั กวา่ เดก็ ในวยั เดียวกนั 6) ด้าน ICT หมายถึง ผู้ท่ีมีความสามารถ มีทักษะ มีความคิดสร้างสรรค์ในการใช้คอมพิวเตอร์ การสร้างเทคโนโลยีสารสนเทศ และนวตั กรรมด้าน IT อย่างเดน่ ชัดกว่าเดก็ ในวยั เดียวกนั 7) อ่ืนๆ หมายถึง นักเรียนที่แสดงออกถึงความสามารถอันโดดเด่นนอกเหนือจาก 6 ประเภท ขา้ งตน้ นักเรียนพักนอนประจํา หมายถึง นักเรียนที่มีถิ่นที่อยู่ไม่สะดวก ห่างไกล กันดาร ทําให้เป็นอุปสรรคต่อ การเดินทางไป-กลับ ระหว่างถ่ินที่อยู่กับโรงเรียน จําเป็นต้องพักอาศัยในสถานที่ที่โรงเรียนจัดให้ หรือท่ีซึ่งที่ โรงเรยี นสามารถดําเนินการควบคุมดแู ลได้ เชน่ 1) บ้านพักครู หมายถึง บ้านพักครูท่ีให้นักเรียนพักนอนประจํา ทั้งน้ีนักเรียนอาจจะอาศัยอยู่ รวมกับครู หรืออย่เู ฉพาะนักเรยี นกไ็ ด้ 2) ที่พักนักเรียน หมายถึง บ้านพกั / หอนอน ที่โรงเรียนสร้างข้ึนโดยเงินงบประมาณหรือเงิน บริจาค สาํ หรบั ใหน้ ักเรียนพกั นอนประจํา 3) พกั รวมกับชมุ ชน/อ่ืน ๆ หมายถึง บ้านพักในชุมชนหรือวัด ที่ชุมชนหรือวัดให้ความร่วมมือ ใหน้ ักเรียนท่อี าศัยพกั นอนประจํา นักเรียนดอ้ ยโอกาส หมายถงึ นักเรียนในโรงเรียนทดี่ ้อยโอกาสทางการศึกษา จําแนกได้ ดงั นี้
10 1) นักเรียนถูกบังคับให้ขายแรงงาน หรือแรงงานเด็ก หมายถึง เด็กท่ีต้องทํางานหรือถูกบังคับ ให้ทํางานหารายได้ด้วยการขายแรงงานก่อนถึงวัยอันสมควร ถูกเอารัดเอาเปรียบจาก นายจ้าง ไมม่ ีโอกาสไดร้ ับการพัฒนาให้เป็นไปตามหลกั พัฒนาการอันเหมาะสมกับวัย 2) นกั เรยี นท่อี ยู่ในธรุ กิจบริการทางเพศ หรือโสเภณีเด็ก หมายถึง เด็กที่มีความสมัครใจ หรือ ถูกบังคับล่อลวงให้ขายบริการทางเพศ หรือถูกชักจูงให้ต้องตกอยู่ในสภาพที่เสี่ยงต่อการ ประกอบอาชพี ขายบริการทางเพศ 3) นักเรียนที่ถูกทอดทิ้ง หมายถึง เด็กที่มารดาคลอดท้ิงไว้ในโรงพยาบาล หรือตามสถานที่ ต่าง ๆ รวมไปถึงเด็กท่ีพ่อแม่ปล่อยทิ้งไว้ให้มีชีวิตอยู่ตามลําพัง หรือกับบุคคลอ่ืน โดยไม่ได้ รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ ท้ังน้ี อาจมีสาเหตุมาจากปัญหาการหย่าร้าง หรือครอบครัว แตกแยก มีสภาพชีวิตอยู่ท่ามกลางความสับสน ขาดความรัก ความอบอุ่น ตลอดถึงเด็กที่ ขาดผู้อปุ การะเล้ียงดู อนั เน่อื งมาจากสาเหตอุ ่ืน ๆ 4) นกั เรียนทอี่ ยใู่ นสถานพนิ ิจและคุ้มครองเดก็ และเยาวชน หมายถึง เดก็ ทีก่ ระทําผดิ และถูก ควบคุมอยู่ในสถานพนิ ิจและคุ้มครอบเดก็ และเยาวชน ตามกฎหมาย ตลอดถงึ เด็กหญงิ ท่ี ตั้งครรภ์นอกสมรส ซ่งึ มแี นวโน้มที่จะกอ่ ให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น การทาํ แทง้ การฆ่าตัวตาย การทอดทิ้งทารก 5) นักเรียนเร่ร่อน หมายถึง เด็กทไ่ี มม่ ีทอ่ี ยเู่ ปน็ หลักแหล่งแนน่ อน ดาํ รงชวี ิตอย่อู ย่างไร้ ทิศทาง ขาดปจั จัยพนื้ ฐานในการดํารงชวี ิต เสีย่ งตอ่ การประสบอนั ตราย และเปน็ ปญั หา สังคม 6) นักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากโรคเอดส์ หรือโรคติดต่อร้ายแรงท่ีสังคมรังเกียจ หมายถึง เดก็ ท่ีติดเชื้อเอดส์ หรือมพี อ่ แมเ่ จบ็ ป่วยดว้ ยโรคเอดส์ เป็นเด็กท่ีมกั ถกู มองอย่างรังเกียจจน ไมส่ ามารถเข้ารบั การศึกษา หรอื บรกิ ารอน่ื ๆ ร่วมกบั เด็กปกติท่วั ไปได้ 7) นกั เรยี นทเ่ี ปน็ ชนกลมุ่ นอ้ ย หมายถึง เด็กทเี่ ป็นบุตรหลานของบุคคลท่ีมีวัฒนธรรมแตกต่าง ไปจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ มีปัญหาเก่ียวกับการถือสัญชาติไทย จนเป็นเหตุให้ ไม่มีโอกาสได้รับการศึกษาหรือบริการอื่นๆ ส่วนใหญ่อพยพเข้ามาต้ังหลักแหล่งอยู่ตาม บริเวณชายแดนของประเทศไทย 8) นักเรียนที่ถูกทําร้ายทารุณ หมายถึง เด็กที่ถูกล่วงละเมิดทางร่างกาย ทางเพศ หรือทาง จิตใจ มีชีวิตอยู่อย่างไม่เป็นสุข ระแวง หวาดกลัว เนื่องจากถูกทําร้ายทารุณ ถูกบีบคั้น กดดันจากพ่อแม่ หรือผู้ปกครอง ซึ่งมีสภาพจิตใจหรืออารมณ์ไม่เป็นปกติ หรือถูกล่วง ละเมิดทางเพศในลกั ษณะตา่ ง ๆ จากบุคคลท่อี ยูใ่ กลต้ ัว 9) นักเรียนยากจน (มากเป็นพิเศษ) หมายถึง เด็กซ่ึงเป็นบุตรหลานของคนยากจนท่ีมีรายได้ ไม่เพียงพอต่อการล้ียงชีพ (ครอบครัวมีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 40,000 บาทต่อปี) ครอบครัว อยู่รวมกันหลายคน ขาดแคลนปัจจัยพื้นฐาน มีชีวิตอยู่อย่างยากลําบาก รวมถึงเด็กใน แหล่งชุมชนแออัด หรือบุตรของกรรมกรก่อสร้าง หรือเด็กจากครอบครัวที่อยู่ในถ่ิน ทรุ กนั ดาร ขาดโอกาสที่จะได้รับการศกึ ษาและบรกิ ารอื่น ๆ 10) นักเรียนท่ีมีปัญหาเก่ียวกับยาเสพติด หมายถึง เด็กที่ติดสารระเหยหรือยาเสพติดให้โทษ หรือเด็กกลุ่มเสี่ยงการถูกชักนําให้ประพฤติตนไม่เหมาะสม เก่ียวข้องผูกพันอยู่กับกลุ่ม มิจฉาชีพ ผู้มีอิทธิพลหรือบุคคลที่แสวงหาผลประโยชน์จากการประกอบอาชีพผิดกฎหมาย เปน็ เด็กดอ้ ยโอกาสที่มแี นวโนม้ สงู ตอ่ การกอ่ ปญั หาในสงั คม
11 11) อื่นๆ หมายถึง นักเรียนในโรงเรียนท่ีด้อยโอกาสทางการศึกษานอกเหนือจาก 10 ประการ ขา้ งต้น นักเรียนที่ออกกลางคัน หมายถึง นักเรียนท่ีออกจากระบบโรงเรียนระหว่างปี โดยไม่สามารถกลับเข้ามา เรยี นได้ ซง่ึ เกิดจากสาเหตดุ งั นี้ 1) ฐานะยากจน 2) มปี ญั หาครอบครัว 3) สมรสแลว้ 4) มปี ัญหาในการปรบั ตัว 5) ต้องคดี/ถูกจบั 6) เจบ็ ปว่ ย/อบุ ตั เิ หตุ 7) อพยพตามผปู้ กครอง 8) หาเลี้ยงครอบครวั 9) กรณอี ่ืน ๆ ข้าราชการครูตาม (จ.18) หมายถึง ข้าราชการครูท่ีกําหนดไว้ตาม จ.18 ของโรงเรียน ซึ่งอาจจะมากหรือ น้อยกว่าจํานวนข้าราชการครูที่สอนในโรงเรียนจริง เนื่องจากมีข้าราชการครูบางส่วนไปช่วยราชการท่ี โรงเรียนอนื่ หรือศกึ ษาตอ่ หรอื ข้าราชการครูจากโรงเรียนอ่ืนมาช่วย ข้าราชการครูท่ีปฏิบัติงานจริงในสถานศึกษา หมายถึง ข้าราชการครูท่ีปฏิบัติงานสอนในสถานศึกษานั้น ๆ จริง ซ่ึงอาจจะมากหรือน้อยกว่าจํานวนข้าราชการครูตามกรอบอัตรากําลัง เน่ืองจากมีข้าราชการครู บางส่วนไปช่วยราชการทโ่ี รงเรยี นอน่ื หรอื ลาศึกษาต่อ หรอื ขา้ ราชการครจู ากโรงเรยี นอ่นื มาช่วยราชการ ครผู ู้ชว่ ย หมายถงึ ขา้ ราชการครูทอ่ี ยู่ในระหวา่ งการทดลองปฏบิ ัตริ าชการ ครู หมายถงึ ข้าราชการครู คศ.1 และ ครู คศ.2 ทีย่ ังไมไ่ ดร้ ับการประเมนิ วทิ ยฐานะ ครชู าํ นาญการ หมายถึง ขา้ ราชการครูทไ่ี ดร้ ับเงนิ เดอื น คศ.2 และไดร้ บั เงนิ วทิ ยฐานะ 3,500 บาท ครชู ํานาญการพิเศษ หมายถงึ ขา้ ราชการครูท่ไี ดร้ บั เงินเดอื น คศ.3 และได้รับเงนิ วิทยฐานะ 5,600 บาท ครูเช่ียวชาญ หมายถึง ขา้ ราชการครูที่ไดร้ บั เงนิ เดอื น คศ.4 และไดร้ บั เงนิ วทิ ยฐานะ 9,900 บาท ครูเชย่ี วชาญพเิ ศษ หมายถงึ ข้าราชการครทู ี่ไดร้ บั เงนิ เดือน คศ.5 และได้รับเงนิ วิทยฐานะ 13,000 บาท ครูอัตราจ้างชั่วคราว หมายถึง ครูท่ีจ้างช่ัวคราวด้วยงบประมาณในโครงการต่าง ๆ จากส่วนราชการที่ จดั สรรให้ และจากงบประมาณอื่น ลูกจ้างประจํา หมายถึง ลูกจ้างประจําที่ได้รับเงินเดือนจากเงินงบประมาณของทางราชการหมวด ลูกจ้างประจํา ลูกจ้างช่ัวคราว หมายถึง ลูกจ้างที่จ้างชั่วคราวด้วยเงินงบประมาณของทางราชการ และจากงบประมาณ อื่น พนกั งานราชการ หมายถึง บุคคลซ่ึงได้รับการจ้างตามสัญญาจ้าง โดยได้รับค่าตอบแทนจากงบประมาณของ สว่ นราชการ เพอ่ื พนักงานของรัฐในการปฏิบตั งิ านใหก้ ับส่วนราชการน้ัน
12 บทท่ี 2 เอกสารทเ่ี ก่ียวข้อง ข้อมูล (Data) เป็นองค์ประกอบที่สําคัญส่วนหนึ่งของระบบสารสนเทศ การจัดการข้อมูล (Data Management) เป็น กลยุทธ์หน่ึงในการบริหารองค์การให้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุค ของเทคโนโลยีข่าวสาร คอมพิวเตอร์ที่เจริญก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว การจัดการและบริหารองค์การให้ ประสบความสาํ เร็จนั้น การตัดสินใจท่ีถูกต้อง รวดเร็ว และทันต่อเหตุการณ์ถือเป็นหัวใจของการวางแผนการ บริหารจัดการในยุคปัจจุบัน ดังนั้นการจัดการข้อมูลให้มีประสิทธิภาพ เพื่อนําไปสู่การตัดสินใจที่ถูกต้องจะ ช่วยให้องค์การจัดเก็บข้อมูล การรับ-ส่งข้อมูลเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมี ประสทิ ธิผล สาํ นกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 ได้ศึกษาค้นคว้าเอกสารท่ีเก่ียวข้อง เพือ่ ใช้เปน็ แนวทางในการปฏิบัติงาน เนอ้ื หา สาระ ในเอกสารตา่ งๆ ทศ่ี ึกษาได้แก่ 1. ค่มู อื การบรหิ ารจดั การข้อมลู สารสนเทศทางการศึกษา 2. พ.ร.บ.การศกึ ษาภาคบังคบั พ.ศ. 2545 3. ระเบยี บกระทรวงศึกษาธกิ ารวา่ ดว้ ยการบริหารข้อมูลสารสนเทศทางการศึกษา พ.ศ. 2554 4. แนวทางการดําเนินงานตามพ.ร.บ.การศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545 1. คูม่ อื การบริหารจดั การขอ้ มูลสารสนเทศทางการศกึ ษา สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน โดยกลุ่มสารสนเทศ สํานักนโยบายและแผน การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ได้ออกแบบ จัดทําระบบ และพัฒนาระบบบริหารจัดการข้อมูลสารสนเทศ เพื่อใช้ใน การบันทึก ประมวลผล และรายงานผลข้อมูลด้านการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซ่ึงระบบต่างๆเป็นระบบท่ีติดต้ังบน Web Application Server ของสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ท่ี www.bopp-obec.info จะสามารถช่วยให้การทํางานของบุคลากรด้านข้อมูลให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเพ่ือให้เข้าใจหลักการของ ระบบบริหารจัดการข้อมูลสารสนเทศ และได้สรุประบบท่ีสําคัญๆท่ีหน่วยงานในสังกัดใช้เพ่ือการบริหาร จดั การศกึ ษาขอ้ มลู สารสนเทศดังนี้ 1. การจัดเก็บขอ้ มูลนกั เรยี นรายบุคคล (Data Management Center 2020 :DMC ระบบ DMC เป็นโปรแกรมท่ีใช้ในการบริหารจัดการและจัดเก็บข้อมูลนักเรียนรายบุคคลที่มี อยู่จริงในโรงเรียน ตลอดปีการศึกษา โดยทําการปรับปรุงข้อมูลนักเรียนรายบุคคล จํานวน 3 ครั้ง คือ ข้อมูล นักเรียนรายบุคคลภาคเรียนที่ 1 (ข้อมูล ณ 20 กรกฎาคม) ข้อมูลนักเรียนรายบุคคล ภาคเรียนท่ี 2 (ข้อมูล ณ ธันวาคม ) และข้อมูลสน้ิ ปกี ารศกึ ษา (ข้อมลู ณ มนี าคม) 2. การจัดเก็บข้อมูลครภุ ัณฑ์ ( M-OBEC) ระบบ M-OBEC เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลครุภัณฑ์โรงเรียน จํานวน 76 รายการ จําแนกประเภทได้ 4 ประเภท คือ ครุภัณฑ์สํานักงานโรงเรียน ครุภัณฑ์การศึกษา ครุภัณฑ์งานบ้าน และงานครวั และครภุ ัณฑ์
13 3. การจดั เกบ็ ข้อมูลอาคารท่ีดนิ และสิง่ ก่อสร้าง (B-OBEC) ระบบ B-OBEC เป็นโปรแกรม ท่ีใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลส่ิงก่อสร้างของโรงเรียนโดย กําหนดรูปแบบ ประเภท แผนผัง ตลอดจนภาพถ่ายส่ิงก่อสร้าง โดยให้โรงเรียนบันทึกข้อมูลผ่านทาง อินเตอร์เน็ต 4. การจัดเก็บข้อมูลระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารการศึกษา(Education Management Information System : EMIS) ระบบ EMIS เป็นโปรแกรมทใี่ ชใ้ นการบรหิ ารจัดการข้อมลู ระบบสารสนเทศเพอื่ การบริหาร จดั การศึกษา ประกอบดว้ ย 4.1 ข้อมูลดา้ นเทคโนโลยีในโรงเรียน 4.2 ขอ้ มูลครุภณั ฑใ์ นโรงเรียน ซ่งึ เชือ่ มโยงกบั ระบบจัดเก็บข้อมลู ครภุ ัณฑ์ (M-OBEC) 4.3 ข้อมลู ครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา ครอู ตั ราจ้าง ลกู จา้ งตา่ งๆ ทัง้ ในงบประมาณ และนอกงบประมาณ ทมี่ ีอยู่ในโรงเรยี นจริง ณ ปัจจุบัน (นบั มาชว่ ยราชการ แต่ไม่นบั ไปช่วยราชการ) 4.4 ข้อมูลส่งิ กอ่ สร้าง ซง่ึ เชื่อมโยงกับระบบจัดเก็บขอ้ มูลสง่ิ ก่อสร้าง (B-OBEC) 5. การจดั เกบ็ ขอ้ มลู ระบบสารสนเทศเพ่ือการบริหารสถานศกึ ษา (SchoolMIS) ระบบสารสนเทศเพ่อื การบรหิ ารสถานศึกษา เปน็ ระบบทีอ่ อกแบบเพอื่ การบริหารงาน โรงเรียนทีค่ รอบคลมุ งานทัง้ 4 ดา้ น ไดแ้ ก่ งานบริหารท่วั ไป งานวิชาการ งานบริหารงบประมาณ และงาน บรหิ ารบุคคล ทผ่ี ่าน Application Server ให้บรกิ ารการจดั ทาํ ข้อมูลสารสนเทศแบบออนไลน์ 6. ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร(์ GIS) เพื่อการตัดสินใจ ระบบสารสนเทศทางภูมศิ าสตร์(GIS) เพ่ือการตดั สินใจ เปน็ การประยกุ ตใ์ ชข้ อ้ มลู สารสนเทศ ด้านต่างๆมานําเสนอรูปแบบข้อมูลเชิงท่ีตั้งในด้านต่างๆ ที่ตั้งบนระบบเว็บไซด์ อาทิ ข้อมูลพื้นฐานของ โรงเรียน ขอ้ มูลงานวชิ าการ ข้อมลู งบประมาณ ข้อมูลปีการศกึ ษา ข้อมูลจํานวนนักเรยี นและจํานวนห้องเรียน เปน็ ต้น 2. พ.ร.บ.การศึกษาภาคบงั คับ พ.ศ. 2545 ความหมายของการปฏิรูปการเรียนรู้มีนักวิชาการศึกษาสถาบันทางการศึกษาได้ให้ความหมาย ได้แก่กระทรวงศึกษาธิการ (2547 : 3) การปฏิรูปการเรียนรู้คือ การปรับความคิดเปล่ียนวิธีสอนท่ีจะนําไปสู่ การจัดการเรียนรู้ที่แท้จริงและพัฒนาไปสู่มนุษย์ที่สมบูรณ์ส่วนประเวศวะสี (2545:ก)หัวใจของการปฏิรูป การศึกษาคือ การปฏิรูปการเรียนรู้หัวใจของการเรียนรู้คือการปฏิรูปจากการยึดวิชาเป็นตัวต้ังมาเป็นยึด มนษุ ย์หรอื ผูเ้ รียนเป็นตวั ตั้งหรือทีเ่ รียกว่า ผูเ้ รยี นสําคัญทีส่ ุดสอดคล้องกบั แนวความคดิ ของ พิมพันธ์ เดชะคุปต์ (กองส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน. 2555:อ้างอิงจากพิมพันธ์ เดชะคุปต์. 2550) ท่ีว่าแนวการจัดการเรียนการสอนท่ีเน้นให้ผู้เรียนสร้างความรู้ใหม่และสิ่งประดิษฐ์ใหม่โดยการใช้ กระบวนการทางปัญญา(กระบวนการคิด) กระบวนการทางสังคม(กระบวนการกลุ่ม) และให้ผู้เรียน มีปฏิสัมพันธ์และมีส่วนร่วมในการเรียนสามารถนําความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้โดยผู้สอนมีบทบาทเป็นผู้อํานวย ความสะดวกจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้ผู้เรียนการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสําคัญต้องจัดให้ สอดคล้องกับความสนใจ ความสามารถและความถนัดเน้นการบูรณาการความรู้ในศาสตร์สาขาต่างๆใช้ หลากหลายวิธีการสอนหลากหลายแหล่งความรู้สามารถพัฒนาปัญญาอย่างหลากหลายคือ พหปุ ญั ญา รวมท้ัง เนน้ การวดั ผลอย่างหลากหลายวิธี
14 พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545 และ(ฉบับที่3) พ.ศ. 2553 ได้บัญญัติแนวทางการจัดการศึกษาโดยยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถ เรียนรแู้ ละพัฒนาตนเองไดแ้ ละถอื วา่ ผูเ้ รียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้หรือผู้เรียนมีความสําคัญท่ีสุดการจัด การศกึ ษาไมว่ า่ จะเป็นระบบหรือรูปแบบใดตอ้ งเนน้ ความสําคญั ท้งั ความรูค้ ุณธรรมและกระบวนการเรยี นรู้ สาระของการปฏิรูปการเรียนรู้ได้ปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษรอยู่ในพระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ พ.ศ. 2542 และท่ีแก้ไขเพ่มิ เติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545 และ(ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ. 2553 ดงั นี้ หมวด 4 แนวการจัดการศึกษาสาระในหมวดนี้ครอบคลุมหลักการจัดการศึกษาสาระ และกระบวนการจัดการศึกษาท่ีเปิดกว้างให้แนวทางการีส่วนร่วมสร้างสรรค์วิสัยทัศน์ทางการเรียนการสอน ทงั้ ในและนอกระบบโรงเรียนสาระทเ่ี กีย่ วกบั การปฏริ ูปการเรยี นการสอนตง้ั แตม่ าตรา 22 ถึง 30 ดงั น้ี มาตรา 22: หลักการจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนา ตนเองได้และถือว่าผู้เรียนมีความสําคัญท่ีสุดกระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนา ตามธรรมชาตแิ ละเต็มตามศักยภาพ มาตรา 23: สาระการเรียนรู้เน้นความสําคัญท้ังความรู้ คุณธรรมกระบวนการเรียนรู้และบูรณา การตามความเหมาะสมของแต่ละระดับการศึกษาในเรื่องเก่ียวกับตนเองและความสัมพันธ์ของตนเองกับ สังคมตลอดจนประวัติศาสตร์ความเป็นมาของสังคมไทยและระบบการเมืองการปกครองในระบอบ ประชาธปิ ไตย อนั มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขความรู้และทักษะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรวมทั้ง ความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์เรื่องการจัดการการบํารุงรักษาและการใช้ประโยชน์จาก ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม อย่างสมดุลย่ังยืนความรู้เก่ียวกับศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม การกีฬา ภูมิปัญญาไทยและการประยุกต์ใช้ รวมท้ังเร่ืองการจัดการด้านความรู้และทักษะด้านคณิตศาสตร์ และด้าน ภาษา เน้นการใชภ้ าษาไทยอย่างถูกต้องมที ักษะในการประกอบอาชีพและการดํารงชีวติ อย่างมคี วามสขุ มาตรา 24: กระบวนการจัดการเรียนรู้ต้องจัดเน้ือหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับ ความสนใจและความถนัดของผู้เรียนโดย คํานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการการเผชิญสถานการณ์ และการประยุกต์ความรู้มา ใช้เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาให้ผู้เรียนได้ เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้ทําได้ คิดเป็นทําเป็น รักการอ่านและเกิดการใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง ผสมผสานสาระความรู้ด้านต่าง ๆ อย่างได้สัดส่วนสมดุลกันรวมท้ังปลูกฝังคุณธรรมค่านิยมที่ดีงาม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไว้ในทุกวิชาผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม ส่ือการเรียน และอาํ นวยความสะดวกเพ่อื ใหผ้ เู้ รียนเกดิ การเรียนรู้และมีความรอบรู้รวมท้ังสามารถใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่ง ของกระบวนการเรียนรู้ทั้งนี้ผู้สอนและผู้เรียนอาจเรียนรู้ไปพร้อมกันจากส่ือการเรียนการสอนและแหล่ง เรียนรู้ที่หลากหลาย มีการประสานความร่วมมือกับบิดามารดา ผู้ปกครองและบุคคลในชุมชนทุกฝ่าย เพ่ือ ร่วมกันพฒั นาผู้เรยี นตามศักยภาพ มาตรา 25 : บทบาทรัฐในการส่งเสริมการดําเนินงานและการจัดต้ังแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต ทกุ รปู แบบ อย่างพอเพียง และมีประสิทธิภาพ มาตรา 26 : ประเมินผู้เรียน พิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน ความประพฤติการสังเกต พฤติกรรมการเรียนการร่วมกิจกรรมและการทดสอบควบคู่ไปในกระบวนการเรียนการสอนตามความ เหมาะสมของแต่ละระดับและรูปแบบการศึกษาให้ใช้วิธีการประเมินท่ีหลากหลายในการจัดสรรโอกาสการ เข้าศกึ ษาต่อและให้นําผลการประเมินผู้เรียนใชป้ ระกอบการพจิ ารณา
15 มาตรา 27-28: การพัฒนาหลักสูตรการศึกษาแต่ละระดับให้คณะกรรมการการศึกษา ขั้นพ้ืนฐานกําหนดหลักสูตรแกนกลางและให้สถานศึกษาจัดทําหลักสูตรเก่ียวกับสภาพปัญหาในชุมชน และสังคมภูมิปัญญาท้องถ่ิน คุณลักษณะอันพึงประสงค์เพ่ือเป็นสมาชิกท่ี ดีของครอบครัวชุมชน สังคม และประเทศชาติ มาตรา 29: บทบาทของผู้ที่มีส่วนเก่ียวข้องส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชนโดยจัดกระบวนการ เรียนรู้ภายในชุมชนเพื่อให้ชุมชนมีการจัดการศึกษาอบรม มีการแสวงหาความรู้ ข้อมูล ข่าวสารและรู้จัก เลือกสรรภูมิปัญญาและวิทยาการต่าง ๆรวมทั้งหาวิธีการสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การพัฒนาระหว่างชุมชน มาตรา 30: การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ให้สถานศึกษาพัฒนากระบวนการเรียนการสอนที่มี ประสิทธิภาพและส่งเสริมให้ผู้สอนสามารถวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ท่ีเหมาะสากับผู้เรียนในแต่ละระดับ การศึกษา จากพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545 และ(ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ. 2553 สรุปไดว้ ่า การปฏริ ูปการเรียนรู้ เป็นการพัฒนาผู้เรียนแบบองค์รวมบูรณาการการ จัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องเหมาะสมกับความต้องการของนักเรียนชุมชนและสังคมปฏิรูปการสอนของครูโดย การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายวิธีประเมินผลที่เน้นการประเมินในสภาพท่ีแท้จริงมีสื่อการเรียนรู้การ ท่ีหลากหลายตามความเหมาะสมกับสาระการเรียนรู้เน้นการคิดวิเคราะห์แก้ปัญหาสอดคล้องกับการใช้ ชีวติ ประจําวนั และส่งเสริมการเรยี นรกู้ ารพัฒนาผูเ้ รียนใหเ้ ตม็ ศกั ยภาพและเต็มความสามารถ 3. ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการวา่ ดว้ ยการบริหารขอ้ มลู สารสนเทศทางการศกึ ษา พ.ศ. 2554 กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศใช้ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการบริหารข้อมูล สารสนเทศด้านการศึกษา พ.ศ.2554 เม่ือวันท่ี 19 กรกฎาคม พ.ศ.2554 โดยปรับปรุงจากระเบียบ กระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการบริหารข้อมูลสารสนเทศของกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2549 เพ่ือให้ การบริหารและการใช้ขอ้ มูลสารสนเทศด้านการศกึ ษาครอบคลุมสว่ นราชการ หนว่ ยงานของรัฐท่ีจัดการศกึ ษา เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ต่อทางราชการ โดยมีสาระสําคัญประกอบด้วย 7 หมวด และกําหนดบทเฉพาะกาลไว้ ดงั น้ี หมวด 1 บทท่ัวไป กล่าวถึงบทบาทหน้าที่ของหัวหน้าสถานศึกษา หน่วยงานส่วนราชการที่ จะต้องดําเนินการสํารวจ ตรวจสอบให้มีการจัดเก็บ รวบรวม ประมวลผลและเผยแพร่ข้อมูลสารสนเทศด้าน การศกึ ษาใหถ้ กู ตอ้ ง รวดเรว็ ทันสมยั และแล้วเสรจ็ ตามเวลาท่ีกาํ หนด หมวด 2 คณะกรรมการบริหารข้อมูลสารสนเทศด้านการศึกษา กําหนดให้มีคณะกรรมการ บริหารข้อมูลสารสนเทศด้านการศึกษา ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้ท่ีรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธาน ผู้บริหารระดับสูงโดยตําแหน่งของส่วนราชการท้ังในและนอกสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และ ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นกรรมการ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการที่รับผิดชอบงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นกรรมการและเลขานุการ ผอู้ าํ นวยการศนู ย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สาํ นักงานปลัดกระทรวง ศึกษาธิการ เป็นกรรมการและและผู้ช่วยเลขานุการ มีอํานาจหน้าที่ กําหนดนโยบายการพัฒนาระบบข้อมูล สารสนเทศด้านการศึกษา กํากับ เร่งรัด ติดตามและประเมินผลนโยบายด้านการพัฒนาระบบข้อมูล
16 สารสนเทศด้านการศึกษา เป็นต้น โดยมีศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สํานักงานปลัดกระทรวง ศึกษาธกิ าร รบั ผิดชอบเกย่ี วกับการดําเนนิ งานอนั อยใู่ นอํานาจหน้าท่ีของคณะกรรมการ หมวด 3 คณะกรรมการบริหารข้อมูลสารสนเทศด้านการศึกษาระดับกลุ่มจังหวัด กําหนดให้มี คณะกรรมการบริหารข้อมูลสารสนเทศด้านการศึกษาระดับกลุ่มจังหวัด ซ่ึงมีผู้ตรวจราชการ กระทรวงศกึ ษาธิการเป็นประธาน ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้อํานวยการสํานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาเขต1 ของทุกจังหวัด ผู้อํานวยการสํานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษาในพ้ืนที่กลุ่มจังหวัดเป็นกรรมการ ผู้อํานวยการสํานักบริหารยุทธศาสตร์และบูรณาการการศึกษา เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอํานาจหน้าที่ อาํ นวยการและประสานราชการเพอ่ื กาํ หนดแนวทางการบริหารข้อมูลสารสนเทศระดับจังหวัดและระดับกลุ่ม จังหวัด เป็นต้น โดยมีสํานักบริหารยุทธศาสตร์และบูรณาการการศึกษา รับผิดชอบเกี่ยวกับการดําเนินงาน อันอยใู่ นอาํ นาจหนา้ ทีข่ องคณะกรรมการบริหารข้อมลู สารสนเทศด้านการศกึ ษาระดบั กลุ่มจงั หวัด หมวด 4 คณะกรรมการบริหารข้อมูลสารสนเทศด้านการศึกษาระดับจังหวัด กําหนดให้มี คณะกรรมการบริหารข้อมูลสารสนเทศด้านการศึกษาระดับจังหวัด ซ่ึงมีผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ท่ีผู้ว่า ราชการจังหวัดมอบหมายเป็นประธาน ผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานที่จัดการศึกษาภายในจังหวัด ผู้แทน สถาบันอุดมศึกษาของรัฐหรือเอกชนและผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นกรรมการ ผู้อํานวยการสํานักงานเขตพ้ืนที่ การศึกษาประถมศึกษาเขต 1 เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอํานาจหน้าที่ เสนอแนะและให้คําปรึกษา แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดเกี่ยวกับการพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศด้านการศึกษา เป็นต้น โดยมีสํานักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเขต 1 รับผิดชอบเก่ียวกับการดําเนินงานอันอยู่ในอํานาจหน้าที่ของ คณะกรรมการบริหารข้อมูลสารสนเทศด้านการศึกษาระดับจังหวัด รวมถึงเป็นคลังข้อมูลและฐานข้อมูล สารสนเทศดา้ นการศกึ ษาของจงั หวัด หมวด 5 การจัดเก็บและการจัดส่งข้อมูลพ้ืนฐานและข้อมูลเฉพาะกิจ กําหนดให้สถานศึกษา หน่วยงาน หรือส่วนราชการแล้วแต่กรณี จัดเก็บ รวบรวม ตรวจสอบ ประมวลผลและจัดส่งข้อมูลพื้นฐาน ประจําปตี ามหลักเกณฑ์ วิธกี าร และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกาํ หนด หมวด 6 การทะเบียน กําหนดให้หัวหน้าสถานศึกษา หน่วยงานและส่วนราชการ แต่งต้ัง เจ้าหน้าที่ควบคุมและรับผิดชอบการดําเนินการเกี่ยวกับข้อมูลพื้นฐาน ข้อมูลเฉพาะกิจขึ้นภายในหน่วยงาน เรียกว่า “นายทะเบยี นขอ้ มูลสารสนเทศดา้ นการศึกษา” หมวด 7 การติดตาม ประเมินผลและการเผยแพร่ กําหนดให้มีคณะกรรมการติดตาม ประเมินผลการพัฒนาข้อมูลสารสนเทศด้านการศึกษา ซ่ึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแต่งตั้งตาม ข้อเสนอของคณะกรรมการ ดังน้ัน เพ่ือให้การดําเนินการด้านการบริหารข้อมูลสารสนเทศด้านการศึกษา ของทุก สถานศึกษา หน่วยงาน ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลสูงข้ึน เกิดประโยชน์ต่อทาง ราชการและเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการบริหารข้อมูลสารสนเทศด้านการศึกษา พ.ศ.2554 กระทรวงศึกษาธิการ จงึ ไดจ้ ัดทาํ ร่างค่มู อื หลักเกณฑ์ ขอ้ กําหนดและแนวปฏบิ ัตสิ าํ หรับหนว่ ยงาน ในการปฏิบตั งิ านให้เปน็ ไปตามระเบยี บฯ ทีก่ าํ หนดตอ่ ไป
17 4. แนวทางการดําเนินงานตามพ.ร.บ.การศกึ ษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 43 กําหนดว่าบุคคลย่อมมีสิทธิ เสมอกันในการรับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ไม่น้อยกว่าสิบสองปีท่ีรัฐจะต้องจัดให้อย่างท่ัวถึงและมีคุณภาพ โดย ไมเ่ ก็บค่าใชจ้ ่าย พระราชบัญญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พุทธศักราช 2542 มาตรา 17 กําหนดวา่ “ใหม้ ีการศกึ ษา ภาคบังคับ จํานวนเก้าปี โดยให้เด็กซึ่งมีอายุอย่างเข้าปีที่ เจ็ด เข้าเรียนในสถานศึกษาข้ันพื้นฐานจนอายุย่าง เข้าปีท่ีสิบหก เว้นแต่สอบได้ชั้นปีท่ีเก้าของการศึกษาภาคบังคับ...” และมาตรา 11 กําหนดว่า “บิดา มารดา หรือผู้ปกครองมีหน้าที่จัดให้บุคคลหรือบุคคลซึ่งอยู่ในความดูแลได้รับการศึกษาภาคบังคับตามมาตรา 17 และตามกฎหมายท่ีเกี่ยวข้อง...” ประกอบกับมีการประกาศให้พระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545 โดยมผี ลบังคับใชต้ ้ังแตว่ นั ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2546 ไดก้ าํ หนดใหผ้ ปู้ กครองสง่ เดก็ ซึ่งมีอายุย่างเขา้ ปีท่ีเจ็ดจนถึงอายุย่างเข้าปีท่ีสิบหกเข้าเรียนในสถานศึกษา เว้นแต่เด็กจะสอบได้ช้ันที่เก้าของการศึกษา ภาคบังคับ ดังน้ัน การศึกษาภาคบังคับจึงมีความสําคัญยิ่งต่อการวางรากฐานชีวิตของบุคคลให้เป็นมนุษย์ ทส่ี มบรู ณท์ ัง้ ร่างกาย จติ ใจ สตปิ ัญญา มคี วามร้คู คู่ ณุ ธรรม จริยธรรม และวฒั นธรรมในการดํารงชวี ติ สามารถ อยรู่ ่วมกับผอู้ น่ื ได้อยา่ งมคี วามสขุ การจดั การศกึ ษาภาคบังคับเป็นสว่ นหน่ึงของการจดั การศกึ ษาช้ันพน้ื ฐาน เป็นภารกิจหน้าที่ของ สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ท่ีจะต้องจัดและส่งเสริมให้การดําเนินงานได้เป็นไปตาม เจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545 นอกจากน้ียังมีหน่วยงานท้ังภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นท่ีมีสิทธิจัดการศึกษาภาคบังคับให้ตามพระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ พ.ศ. 2542 ดังน้ัน เพื่อให้การดําเนินงานจัดการศึกษาภาคบังคับเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สมดังเจตนารมณ์ของกฎหมายดังกล่าว สํานักงานคณะกรรมการการศึกษา ข้ันพื้นฐาน จึงไดจ้ ัดทาํ แนวทางการดําเนนิ งานตามพระราชบัญญัตกิ ารศึกษาภาคบังคบั พ.ศ. 2545 ขนึ้ วัตถุประสงค์ 1. เพ่ือให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในการจัดการศึกษาภาคบังคับ ทุกสังกัด ทุกระดับทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน มีกรอบและแนวทางในการดําเนินงาน รวมทั้งประสานความร่วมมือในการจัดและส่งเสริม การศกึ ษาภาคบงั คบั 2. เพ่ือให้บิดา มารดา ผู้ปกครอง และประชาชนเกิดความเข้าใจ และให้ความร่วมมือในการจัด การศึกษาภาคบังคับ 3. เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถปฏิบัติหน้าท่ีตามพระราชบัญญัติการศึกษา ภาคบังคับ พ.ศ. 2545 ไดอ้ ย่างถูกต้องและมปี ระสิทธภิ าพ เปา้ หมาย เด็กไทยซึ่งมีอายุย่างเข้าปีท่ีเจ็ดจนถึงอายุย่างเข้าปีที่สิบหกทุกคน ได้รับการศึกษาภาคบังคับ อย่างท่ัวถงึ
18 บทท่ี 3 วิธีดําเนินงาน สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ได้กําหนดให้โรงเรียนในสังกัด จัดทําข้อมูล นักเรียนรายบุคคล และข้อมูลสถานศึกษา ทุกปีการศึกษาโดยใช้ข้อมูล ณ วันท่ี 10มิถุนายน กลุ่มนโยบาย และแผน สํานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษา มภี ารกจิ ในการรวบรวมข้อมูลพ้ืนฐานต่างๆ ของโรงเรียนในสังกัดตาม โปรแกรม ข้อมูลครุภัณฑ์(M-OBEC), ข้อมูลส่ิงก่อสร้าง(B-OBEC), ข้อมูลระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัด การศึกษา(Education Management Information System:EMIS) และข้อมูลนักเรียนรายบุคคล(Data Management Center : DMC) ซ่ึงมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงทุกปีเพื่อรายงานสํานักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ในการใช้เป็นข้อมูลบริหารจัดการศึกษาและพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายการต่างๆ ให้แก่โรงเรยี นในสงั กดั ซึง่ การดําเนินการดังกล่าว โรงเรียนในสังกัดสาํ นักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษา นครสวรรค์ เขต 3 ส่วนใหญ่มีการปรับเปลี่ยนผู้รับผิดชอบการจัดทําข้อมูล ประกอบกับสํานักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีการปรับเปลี่ยนหรือปรับปรุงโปรแกรมบันทึกและนําส่งข้อมูลทุกปีซ่ึง โรงเรียนต้องจัดทําข้อมูลถึง 3 ระยะ คือข้อมูลต้นปีการศึกษา(20 ก.ค. เล่ือนชั้น การรับนักเรียน ทะเบียน นักเรียน ข้อมูลส่วนบุคคลนักเรียน) ข้อมูลนักเรียนภาคเรียนที่ 2 (ธ.ค. ปรับปรุงข้อมูล ย้าย)และข้อมูล นักเรียนส้ินปีการศึกษา(มีนาคม ผลสัมฤทธิ์ การจบการศึกษา การศึกษาต่อ) ซึ่งมีความละเอียดซับซ้อน และต้องรายงานข้อมูลเป็นจํานวนหลายรายการ ภายในกําหนดระยะเวลาท่ีจํากัด จึงจําเป็นต้องมีการจัด อบรมเชิงปฏิบัติการการใช้โปรแกรมระบบสารสนเทศของสถานศึกษาดังกล่าวเพ่ือให้การจัดเก็บข้อมูลทาง การศึกษาของเขตพื้นท่ีการศึกษาเป็นไปด้วยความถูกต้อง เรียบร้อย และเสร็จทันกําหนดเวลา โดยมีข้ันตอน ในการดาํ เนนิ การดังนี้ 1. จดั ทาํ โครงการพฒั นาบุคลากรด้านระบบขอ้ มลู สารสนเทศเพือ่ การบริหาร ปีการศึกษา 2563 พรอ้ มทั้งแตง่ ตงั้ คณะทาํ งานเพ่อื กําหนดหลักสตู รในการอบรม 2. ประชุมคณะทํางานเพื่อจัดทําหลักสูตรในการอบรม พร้อมทั้งจัดทําคู่มือในการใช้โปรแกรม สารสนเทศตา่ งๆ ทส่ี าํ นกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พนื้ ฐานกาํ หนด 3. เสนอโครงการเพือ่ ขออนุมตั ิ 4. แจ้งโรงเรียนในสังกัดทุกโรงเรียน แจ้งให้บุคลากรในโรงเรียนผู้รับผิดชอบในการจัดทําข้อมูล สารสนเทศของโรงเรียนเขา้ รับการอบรมดว้ ยระบบออนไลน์ตามโครงการดงั กลา่ ว ดาํ เนินการอบรมออนไลน์บคุ ลากร (เจ้าหนา้ ทีธ่ รุ การโรงเรียน)ผ้รู ับผดิ ชอบงานข้อมูลสารสนเทศของโรงเรยี น ในสังกดั ตามโครงการพฒั นาบุคลากรดา้ นระบบขอ้ มลู สารสนเทศเพ่ือการบรหิ ารจัดการ
19 5. โดยจดั อบรมด้วยระบบออนไลน์ โดยครอบคลุมเนอื้ หาดังน้ี - การดแู ลระบบคอมพวิ เตอร์ และระบบเครือข่ายอนิ เทอร์เน็ตเบื้องต้น - การจัดเก็บและรายงานข้อมูลนักเรียนรายบุคคล (Data Management Center 2015:DMC) บนเว็บไซต์ - การจดั เก็บและรายงานข้อมลู ครุภณั ฑ์ (M-Obec) บนเว็บไซต์ - การจดั เก็บและรายงานขอ้ มูลอาคารทีด่ ินและส่งิ กอ่ สร้าง (B-Obec) - การจัดเก็บและรายงานข้อมูลระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการศึกษา (Education Management Information System : EMIS) - การจดั เกบ็ และรายงานระบบสารสนเทศเพือ่ การบริหารสถานศึกษา - ระบบสารสนเทศทางภูมศิ าสตร์ เพ่ือการตดั สนิ ใจ 6. แจ้งโรงเรียนในสังกัดและผู้เก่ียวข้องดําเนินการจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศทางการศึกษา และรายงานข้อมูลดังกล่าวบนเวบ็ ไซต์ ใหไ้ ปเปน็ ตามปฏิทนิ การจดั เกบ็ ขอ้ มูลสารสนเทศทางการศกึ ษา 7. กล่มุ งานข้อมลู สารสนเทศ กลุม่ นโยบายและแผน สํานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา รวบรวมข้อมูลพื้นฐานทางการศึกษา ปีการศึกษา 2563 และข้อมูลส้ินปีการศึกษา 2562 โดยนําเสนอ ในภาพรวม และเป็นรายโรงเรียน สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 เพื่อ เผยแพร่ต่อสารธารณชน และใช้เป็นข้อมูลในการบริหารจัดการศึกษา การจัดต้ัง จัดสรรงบประมาณ และผู้เกี่ยวข้องไดศ้ ึกษาควา้ วจิ ยั
20 บทท่ี 4 ผลการดําเนนิ งาน จากการดําเนินงานตามขั้นตอนต่างๆ เก่ียวกับการอบรมบุคลากรตามโครงการพัฒนาบุคลากร ด้านระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหาร ปีการศึกษา 2563 (ระบบออนไลน์) ของสํานักงานเขตพื้นท่ี การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 ผู้เขยี นไดส้ รปุ ผลการดาํ เนนิ งาน ไดด้ งั นี้ ระดบั คะแนน 1= นอ้ ยทส่ี ดุ 2=น้อย 3=ปานกลาง 4=มาก 5=มากทสี่ ุด
21 วิทยากรจดั ลาํ ดบั เนือหาการนําเสนอเป็นขนั ตอน วทิ ยากรมีเทคนิคการนําเสนอเนือหา
22 วทิ ยากรตอบคําถามได้ตรง เปิ ดโอกาสให้ผ้เู ข้ารับการ ผ้เู ข้ารับการอบรมได้รับความรู้และ ทา่ นคิดว่าเหน็ ควรพฒั นา ตามประเดน็ และชดั เจน อบรมได้ปฏิบตั ิจริง สามารถนําความรู้ทไี ด้รับไปออกแบบ บคุ ลากรด้านนีเพิมเตมิ มาก วางแผนและพฒั นาการเรียนการสอน เป็นขนั ตอน น้อยเพียงใดและร่วม ได้และร่วมกิจกรรมอย่างเตม็ ที กิจกรรมอย่างเตม็ ที ปัญหาอุปสรรในการจัดทําข้อมูลสารสนเทศ 1. อินเตอรเ์ น็ตไม่เสถียร 2. ความร่วมมอื ด้านการให้ข้อมลู ของบุคลากรในหน่วยงาน และขอ้ มูลทีไ่ มถ่ กู ตอ้ ง 3. รหัสเขา้ ได้บ้างไม่ได้บา้ ง ควรแจง้ ลว่ งหน้ากอ่ นมกี ารอบรมว่าใชร้ หัสอะไรบ้างในการอบรม 4. ระบบอินเทอรเ์ นต็ ไมเ่ สถียรเท่าทค่ี วร 5. การรวบรวมข้อมลู เพื่อประมวลผลต้องใชเ้ วลา 6. ข้อมลู ทไี่ ด้รับมาไม่ชัดเจน 7. ข้อมูลเยอะ เวลานอ้ ย 8. ระยะเวลาเปดิ ปดิ ระบบ ประสบการณก์ บั การทํางานระบบ 9. การตดิ ตามเด็กเข้าเรยี นเน่อื งจากขาดเรียนนาน 10. ตวั มาเรียนแต่เอกสารการย้ายยังไมม่ า 11. ยุง่ ยากสําหรับเด็กซํา้ ซ้อน
23 ความต้องการการชว่ ยเหลือสนับสนุนในการจดั ทําขอ้ มูลสารสนเทศ 1. ต้องการอนิ เตอร์เนต็ ที่เพยี งพอในการใชง้ านสารสนเทศ 2. รหสั เขา้ ระบบ 3. หลายระบบมาก 4. อยากได้คมู่ อื ในการปฏบิ ัตอิ ยา่ งละเอียด 5. อยากใหม้ เี อกสารอธิบายการใชง้ านแบบละเอยี ดมากย่ิงขึน้ 6. ท่ปี รกึ ษาเมอ่ื พบขอ้ สงสัย 7. แนะนําขน้ั ตอนอย่างละเอียด 8. อย่างเดิมก็มีความเหมาะสมแลว้ ค่ะ 9. จดั ทาํ เอกสารคูม่ อื งานทะเบียนผ้บู รหิ ารรับมาแลว้ ไม่ใหค้ รทู ะเบียนไปศกึ ษาหาขอ้ มูล 10. คําปรึกษาจากวิทยากร
24 บทท่ี 5 สรปุ และอภปิ รายผล การพัฒนาบุคลากรตามโครงการพัฒนาบุคลากรด้านระบบข้อมูลสารสนเทศเพ่ือการบริหาร ปีการศึกษา 2562 สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 ผู้เขียนได้สรุปผลโดย เรียงลาํ ดับ ดงั น้ี 1. วัตถปุ ระสงค์ 2. วิธีดําเนินการ 3. สรุปผลการดาํ เนินการ 4. อภปิ รายผล 5. ข้อเสนอแนะ 1. วัตถุประสงค์ 1.1 เพื่อพัฒนาบุคลากรของโรงเรียนให้มีความรู้ความสามารถในการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ และระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และสามารถจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วนและมี ประสทิ ธภิ าพ 1.2 เพื่อให้โรงเรียนในสังกัด และสํานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 มีขอ้ มลู สารสนเทศใชใ้ นการบรหิ ารจดั การได้อย่างมีประสิทธิภาพ 1.3 เพ่ือเป็นเครื่องมือในการวางแผน การบริหารจัดการการศึกษา การจัดต้ังจัดสรร งบประมาณและการตดิ ตามประเมินผล 2. วธิ ดี ําเนนิ การ 2.1 จัดทําโครงการพัฒนาบุคลากรตามโครงการพัฒนาบุคลากรด้านระบบข้อมูลสารสนเทศ เพื่อการบรหิ าร 2.2 พรอ้ มทงั้ แตง่ ต้ังคณะทาํ งานเพ่อื กําหนดหลกั สตู รในการอบรม 2.3 ประชมุ คณะทํางานเพื่อจัดทําหลกั สตู รในการอบรม พร้อมทั้งจัดทําชุดฝึกอบรมครูเพื่อการ รายงานขอ้ มูลสารสนเทศทางการศกึ ษาบนเวบ็ ไซต์ 2.4 เสนอโครงการเพอื่ ขออนุมัติ 2.5 แจ้งโรงเรียนในสังกัด แจ้งบุคลากรผู้รับผิดชอบงานข้อมูลสารสนเทศทางการศึกษาเข้ารับ การอบรมออนไลนด์ งั กล่าว 2.6 ดําเนินการอบรมบุคลากรตามโครงการจัดทําข้อมูลสารสนเทศทางการศึกษาเพ่ือการ บริหารโดยจดั อบรมใหก้ บั เจ้าหนา้ ท่ีธรุ การโรงเรยี นและบุคลากรทส่ี นใจ 2.7 รายงานการดําเนินงานพัฒนาบุคลากรตามโครงการพัฒนาบุคลากรด้านระบบข้อมูล สารสนเทศเพอ่ื การบรหิ ารให้ผบู้ ังคบั บญั ชาทราบ
25 2.8 แจง้ โรงเรยี นดาํ เนินการรายงานขอ้ มูลสารสนเทศทางการศึกษาบนเว็บไซต์ ตามปฏิบัติการ กรอกขอ้ มลู 2.9 สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 ติดตาม ตรวจสอบ การ ดําเนินการรายงานข้อมูลสารสนเทศบนเว็บไซต์ของโรงเรียน ให้ถูกต้อง ครบถ้วน และทันตามกําหนดท่ี สาํ นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐานกําหนดไวต้ ามปฏบิ ัตกิ ารปฏิบตั งิ าน 2.10เมื่อสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ประมวลผลข้อมูลสารสนเทศทาง การศึกษาต่างๆ แล้ว สํานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 จัดทําเอกสารข้อมูล สารสนเทศทางการศกึ ษาเพอ่ื การบริหาร ประจาํ ปกี ารศึกษา 2563 เพ่ือเผยแพร่ประชาสัมพันธ์กับผู้เก่ียวข้อง และผ้สู นใจต่อไป 3. สรุปผลการดําเนินการ การพัฒนาบุคคลกรตามโครงการพัฒนาบุคลากรด้านระบบข้อมูลสารสนเทศเพ่ือการบริหาร ซง่ึ จัดให้มีการอบรมดว้ ยระบบออนไลน์ ผ้รู บั ผิดชอบโครงการได้สรปุ ผลการดําเนนิ งาน ไดด้ ังนี้ 1. ด้านวิทยากร เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ มีความเข้าใจเน้ือหาหลักสูตรในการอบรม มี ความพร้อม มีเทคนคิ ในการถ่ายทอด และสามารถตอบคาํ ถามได้ตรงตามประเดน็ และชดั เจน 2. ผู้เข้ารับการอบรมมีความพร้อม มีการเตรียมตัว มีความสนใจและกระตือรืนร้นที่จะเรียนรู้ ผูเ้ ขา้ รับการอบรมสามารถเขา้ ใจในเน้ือหาหลักสตู ร 3. การดาํ เนนิ การการพัฒนาบุคคลกรตามโครงการพัฒนาบุคลากรด้านระบบข้อมูลสารสนเทศ เพ่ือการบรหิ ารเพอื่ การบรหิ ารเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ 4. อภิปรายผล การดําเนินการพัฒนาบุคลากรตามโครงการพัฒนาบุคลากรด้านระบบข้อมูลสารสนเทศเพ่ือ การบรหิ ารเพื่อการบริหารนั้น บุคลากรท่ีเข้ารับการอบรมมีพ้ืนฐานการใช้คอมพิวเตอร์ไม่เท่ากันและบุคลากร ในโรงเรียนมีภาระงานมาก ซึ่งการจัดทําระบบสารสนเทศโรงเรียน มีความสําคัญและเป็นประโยชน์สําหรับ บคุ ลากรทกุ คนในหน่วยงาน เพื่อจะไดม้ ขี อ้ มลู ประกอบการพัฒนางาน สรา้ งทางเลอื กใหมๆ่ ในการดําเนนิ งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริหารท้ังในระดับสูงและระดับหัวหน้ามีความจําเป็นท่ีจะต้องใช้ข้อมูลและสารสนเทศ ประกอบการวางแผน ตัดสินใจ กําหนดนโยบาย และทิศทางการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียน ดังน้ี ผู้ใช้ระบบสารสนเทศจึงหมายถึงทุกคนไม่เฉพาะแต่ผู้บริหารเท่านั้น ข้อมูลและสารสนเทศท่ีแสดงถึงผลการ ปฏิบัติงานย่อมทําให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถตรวจสอบการทํางานของตนเอง ตลอดจนข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น สามารถนํามาวิเคราะห์ปัญหา และนํามาปรับปรุงงานของตนให้ดียิ่งข้ึน นอกจากนี้ผู้บริหารสามารถศึกษา ผลการปฏบิ ัตงิ านของบุคลากรในหนว่ ยงาน ชว่ ยชแี้ นะหรือชว่ ยแกป้ ญั หานัน้ ๆ ได้งา่ ยข้นึ
26 5. ขอ้ เสนอแนะ เนื่องจากโรงเรียนเป็นแหล่งข้อมูลเบื้องต้น ซึ่งเป็นข้อมูลพ้ืนฐานท่ีสําคัญของทุกฝ่าย ท่ีเกี่ยวข้อง ในการนําข้อมูลจากโรงเรียนไปใช้เพื่อการวางแผน การบริหาร และการปฏิบัติงาน ตลอดจน การพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาในทุกๆ ด้าน ดังน้ันโรงเรียนจึงต้องพัฒนาการจัดการระบบข้อมูล และสารสนเทศให้มีคุณภาพ เพ่ือนําไปใช้ในการบริหารจัดการและการบริหารงาน ผู้บริหารและคณะครู ในโรงเรียนต้องพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพในการจัดเก็บข้อมูลและสารสนเทศอย่างเป็นระบบให้มี ความเชอ่ื ม่ัน ถกู ต้อง ทนั สมยั สามารถค้นหาและคดั เลอื กขอ้ มูลเพ่อื ใช้บรหิ ารไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ควรมีการศึกษาถึงความต้องการและความพึงพอใจ และปัญหาอุปสรร ต่อการจัดการระบบ ข้อมูลและสารสนเทศทางการศึกษาของสถานศึกษา เพื่อนําไปพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศทางการศึกษา ของสถานศึกษาใหม้ ีประสิทธิภ์ าพและกว้างขวางครอบคลุมยงิ่ ข้นึ
ภาคผนวก
<ti n:{n't: !uyuAad rdua 1\\ 9Ir Ul UtUn A 1 n : n 1 U : U U I 0 :J A A 1 : fi U tU fl tTt 0 U :14 1 : n 1 : 6 fl U'l 14U?U.t1Uyt:Ur{At0U nailu rulJ 1 u rra u ttruu drfn.rru u.umfr ufr nr:fi nuril:v cril fi nrclunTa?:tpt rrr] 6n fgrYufiortouTn:.:n1: u't { ttl\\:?vr :: ru oluvr iurrJu strnJ:{n1:Floru0.i dnuruv1n:rnr: nalnlJ tedbte - fi'uuruu lodbm :uuut?a'loO1A tuun1: rv^'!l.ru:vail0n lv! n1:u :v1:Q q n1: rA d uvt0Pl']a9r:vr rfiur.J:vfivrBn1v!\"Lun1:u3rar:6'rrnr:finu1ro{r{rfinrruurndufi rraua01ufinu1 di ffUO{flOUVlDVl or q o. 146fl fl ']lLtAU til9lI r{A fofrvouun{1uprilun::xJnr:nr:frnurciufruo4rUu 16'rirvurr'LriT:rriaulu#rriq 6'olir{orarinriuu :ruuinulunitnt rrav{0:.raanlufinur vrntlnr:finur1nald{o:ra ru iufi oo finurau ro{vrnfl nriruluura ruauu,.ru r{rfinrrurtndufinr:finul fin1:nq'Lunr::ru:rldo:raduolurir{'r torT:rriuuludrrin !4r mrilIil:un::r {oqarrlfiru'i4(Nl-oarc)doqafirrioaix(B-oBEC) {o4a:vura1:aurilflrfion1:uiur: d'nnr:finur(Education ltlanagement lnformation System:EA/lS) rioqanguav!na1n1: ut{n'l:finur(Big data) rrav{o4arinLiuu:'rul.Jnnn(Data lr4anagement Center : DA/C) dlfinr: riirr.J:rnJa'uuuila{ilnfl ufio:rarrurirfinrrunrilvn::}.Jn1:nr:finurrYudur'.rr'[unr:ldr{Judora t34U r:a3qdvaero:i{'rrnr:frnur raufia1:il'16'rra::wrJ:u}r'rru:1un1:rirr1 lrfrrrril:rriuutud'rrTrr firnr:rirrfiunr: o'rnrirr T:rrBuulud'sriorirrinsrurrmdufinr:6nuril:vntrfinulun:a?::r{ r'uer sn eirutvnifinr: ' liuuJf.jiuurlivriuur4fir^rtounl:a-0u rilodoeila Y' a f^in1: r.J:vnor.lrTr'lr{rfinrrunruun::iln1:nr:finurrTufiu61u rJYun,i.Jfiuu4ra3o,ur.JY, IrUrlsUl:r,hj:un::ruriu4finuavroirdrrrivo:rauntid, fi irI:rGuufr'or6,ndrriolnfir * fl' tfi nxrllauLdduuvvovdd,uoodoo' u rraufr'o.i:'ru.i1u{olartlusiru'ruvalu:1unr: nra'[urirvuel:uust?41fidl#n 6rsirLflufr'orfinr:6'oou:rrfrrr.lfrr-Yfrn1:nr:\"Ld1l:un:rr:uuufi1:auruflro.iafllufinurrirnrim rirrinrruurnfiufinr:6nu1!:uflr.rfinurun:a?::ri rrer * 6rtri6'enirln:snr:fi'euur uqag a'rn:nvlvuJ-:guidu,dlilljoilaal:auLufltfron1:!;14'r:'uo.ir19r1\\ulln1:finu']tJ:uflilfinulun:a?::n Ltgr m f&,uJvrfiornTeuulunarn:rorl:rriuulrifinrruf,nrrurirurrxtunr:ld1rJ:un:rrirrl urav6'rrrfiuqioHaro.r 1:r ri u utrio dxfi rJ : sfi uBn rvr u. iorntj:varriq . LJvroutrisnuIUluUna'rn:toI sl:rdrBu5u19h4 frfinruyintr:.J41il'r:nq'lunr:i'vqrfdi!'irvolaar:aurun ler.o kio eir.:n n6'o.i n:u fr?u Lra vfi rJ :vfr yr6nrvr lJ ro.ro uJf.iotrfreirfinrruttsrfiufinr:6nurrj:vnr6nurun:a?::ri utm * fi{araar:auryrt 'LrT[unr:uirar:o-o nr:1fr0 drrfi rJ:vfi vrBn rvr / to.sn tfio:ru{1u....
-tD- 'b.en LrY'lO:'lU{'lU'fl0HAA1:AUltvilrflrrLl#vfni'uUeAirlfUinnrr{ulUnrnufuUnU::niln::1il:nn1'r:nfin'l:uflrirfirr4',, r d \\v t v v v LLaUUU?U{1U0U LO0 U1{n nn 0{ n:Ufi?ULtA UrUn',t}Jn1UUfl L?a1 en. tflrutru en.o druilSlrru o-prou:rnr:\"ldTil:r\"rn::r:v!!a']:auryrflrJo.iaflrufinur l#riul:rGerutu#rrio (octx I:lrtuu) I en.Lo fl'l1.JQ[Uf,|11\\ m.lo.o !nq!aln:?Jo.rT:ruiau\"[ua-rrTo finrr:rfr n?r]raril'r:tl'Lunr:'L{Iil:trni}Jrir.r'l 00ilr?0:Jua. en.lo.to rirrintrunruvn::iln1:n1:finrgrqiufiuoru a'rfnrrurtmri-ufinr:finrgr d l:v nr fi nurun:a? ::ri Ltm en ttff vI:{ Guu fi torsaa r: au tvrrt\"lrTlu nr:u3vr:6'o nr: d. AnOon::ilo1Luu{']u vt fion::r/qiumou SUUUL?A'I ,,1:ur,tofl0u u1{ttY\\i!11\\::ru o. rauo1n :{ nI: ua v LLFi{ Fl-.1 Fltuvdrsru nAlnil ls:dbols: - o''uvriuflu l.e. il:strnruvlixru nUU'lUU bdben 6n. 6'rr ou:urJ: vq!o oulad nr :\"[{Iil: un:rrirr 1 I \"[#uriwr a r n:1: t ri a u\"[u fr'r riprv nI: r li g. n:? a ao!/:'ru :rrigru{o1n &. 6'ndrro nar:doraar:aurv o fl nr:fi nrsr U bdble d. :uuEL?a1 uau66r'ruvr9r1luun1: narn:.r tedbl.e - riuurtu bdben ru rirfintrurtndufinr:finrgril:vnrfinurun:ar::ri trn sn b. {uil:s}r16u 1{w r] : v :r r il a 1 n { u il'er u r rt rr fi ud uilfl 1 :.r Lr,.J n {6 n r : il : v s;rfl { u il : u il l m lo db o o dd,ooo UlYl 0'lU'lU il:1 uau rd u o nr:\"[tiqiru ruil:u].r'r .iul:uil'ril vtJ'tuLv9r i'orJ:vq:r rfi nJfr ri6 nr : nr:'LdTr.l: run:lrix 1 d,ooo iu- rir o rv r : na 1 { ri r o rur :'i r r tta v rFri o { 6lt n ru v lix r u - eiriarrlunl:or:r.r lslo,ooo - ririuarn: oo,ooo - nlQOvtlt0nat: oo,ooo :?l.r dd,ooo vltlu!149r fl 0nvr'lalurn:1un1: ll ,/.Ub. n1:?9t[[auu:urSJur{a...
-5n- U, u 4v oC J4 n?t?on?1lJa1t:a ?0n1:?o tn:0.:}.t0 cr. n1:?fl ![avu:utrJur{a v -Iil:un:r j vl n1::1U{',rulroilA u lJ o. utUn a 1 n :lu #t fi'o a r u r : n'ldIil : u n : r 6'o r fi u rio u n n:?aa0u10l.ra ULYnoIul{dIUr:vdil6n1vt aooo/o 9l:?o?10u U te. alun{''lu [t Fluufl n1:fi nulu :u fl u fi nu1 -t0na1:tI0lJa U :nc dv A an [$fi 1:Au LUnl: a1:aurvrfl UnSa? : en 1J1J0 IlAff tvl Fl tvl 0 Lt t u :il1:a n \\v 0 r d, :ua il5fl 1Tr n1: lfi u't{uu d. 9laJfln10?,10u\\v[ov:u a. o arur:nlddoqatu nr:uivn: 6'o nr:tdn:u firu Iq n 6'o tLa v Lfl uo::lr d.b vil1 u{lunluuonldrir{ouaititd'lvirfi qrj:vIutdtfr 1' /eJ {iufinrodn:rnr: a.i10 (urr utn:rn::ru t'uvirufl u) rini rrr:rvr,iuTuu''ru Lrau uruurirurrunr:fi tnu a,{ro l\\ ftrrauoln:rnr: \\ t, (urruarolu iuur) v uuavtLilu zgu 01u?un1 n1: € (uraqtr6 uolrrr) &) L < . :lvo ov : o{ r,r 0 1 u? u n 1 : a 1 u n { 1u [t n v,r uvl n 1 : fl n ul u : u nil fl n u1 u n : a? Fr l,lj Fr sn J i1l0r!u3JflLn:{n1: a{10 (uruuqvrB rxuru) ,,r0'ru?un1:a1un{1u!1mytlufl n1:fi nu1!:vnilfi nulun:a?::n [t9l sn U
oJo-NA4,<. u rr rt fr ufr n'r : fi n rcr il : v n r fi n ur u n : a'r : : ri rr sr 6n n r a'r dr iln m fi qbX / banen J,&ovv4 (Data A/anagement Center bobo) flnr:finrsr bdnoen tSor ttnrn'rnilu1i1{1un:'roaouio4arintiuu:ruunna oi:arirrinrruutnfiufinr:finrgrr]:vnllfinurun:a?::ri LrFr en finr:fi0'Lun1::?1,r:?lJ rvoXloJuu4ardflufiluenl\"r ?o{1:.:uBaulu#rrio ifio:rurrueirfinrrurrruvn::ilnr:n1:finrgrdufiuoru \"Lunr:'[{ rdt,lYua{uooulariur:a''onr:Anurrravfior:rura'oa::{rl:vrrru:run'l:rj1{\"1 rirrinrruttnriufinr:finur !:vn:.rfinurun:fi')::ri rlrFr en rirr,ruo\"Lril:rriuu\"[ufr'.:rio6'orrfirdolarinriau:ruunna nrntEuufi !l r tlnr:finrgr bdben loron:ondo:;a6'rna'rr uurirlto{ http//portal.bopp-obec.info/obec63/ tiu U rfiol#ni:rirrf,unr:6'orrfirrio4afinuiuu:ruqnrrra l:vdriJnr:6nur bdbcn uflutrJriru Fl?'tlJdrv:vuvoud:vot6uo-&0!!1dnno.i n:Ln?u a1r:onlilinnrJ:varri c{rfinrrurtnfluvrnl:flnuril:vnrfinrgr un:a?::n6autYr'Fo]vusdn drrrsi{nJ.inruvlil{1un:xnaou{oHnilnl5uu:luunna (Data Management Center tooloo) fl nr:fi nrcr uaoeno-r ri otl d d rvo U1UUQY|S ,,r 0'ru? o. n{U'lU U u n 1:do'ruun{lu tt n &J n1:6< nu'r l:coru ?\\uvl l:vnrfi nurunia'r::ri rrrr 6n nilUYl1.11U vo 1:aoluun{ru 3 urA n1 d rl?\\ ti 0']u? :fi Le. u'lLlAtlfr uo{}]'l I:0 tl :o{l:uo'ru { u n nu1 l:vnrfinurun:flr::ri rrn sn niluYt1.i'tu en. U1{L!fi{o:fU iUUr {airu': u nr:n {ru1u ur u ua u w,ru niluyt't.l1u I niluyl1{'tu rjni ur :rvriuTu!ru ttau Lrr,rurirurry nr: d. u't'iAuVnA fUu! l aual]url rtruvyl't{'tu d. ul{?raur rirurn fini rn:rvr,{u1u!'ru lLa u re,rurJ fr tG nr: nruuyt't{1u q fini ln:rvr,iu1uulu LLau $zuurJfr ffi nr: firuvyoll{'tu b. u1{a1xilirur qvriaud nruvvlf ilu 6',. uruofiud fiarluoitu n:UI1:r uiuuouulauuo{f?(uvruivurnr) nilvvlo't{1u d. u1{41?r'r1-ud ru u{u\"::ou vvi<d o:nr:I:r ri uurirulrrnav oro r,d'rvrfirfi I G(. U1{ttl\\:?1\\::il d'Uvriirflu rini rn:rvriuTuu'ru uau LL,.rudrurry nr:fi rnu ttautatluI nl: uZ' lru n fl\"J U o u )qv- : u n 1 : tt , Y U fl u n u y AAuy- u }J 0 u 14 }J't u 0 u't { t 9dYriln't1tJ: vn.t't yt Lo n{ fl .1 yt vt Lo : lJ yt { Lu ul A qvo rfi o\"lrir n r.i : vT u t ri aUr9a n ri o u r r : r r n r :0 ipl ? r il a 1 lJ'r : a,i,{ il ?-Auyr M n:nfl1nil Yl.Fl. bdbsn uluuqYrrB n.ruru) {dnrtrrmdlin.rr, rLl'' 5Yui rmfi rrenrtxoufi ftrnm:m:,id tl,el o,
oJo- rtqr fi ufi nr:fi nuril :vnr 6nururr:ar::ri rtm en nra{?{run{'ru .o' Vlg^b\\ h/ Iodbsn rJ:,0?,o{vvuvn.i n{ niluvn{ 1un1: 0! :}.rv\\ls!uluna'r n:fl ru:u1ru104a a1:au Lvfl rfr orivr:nr:Hnur fl nr:fi nrgr bdben 6'rurirrinrrurrndufinr:finurrJ:vnrfinurun:ax::ri Lter en finr:fiolun1::?u:rlr .v[!ouafruf,1urirr1 torl:rriuu\"Lu#rriqe]rilIil:$n:]Jrriu M-OBEC, B-OBEC, ENIIS uav Data udvv Management Center ufio:rarrurirfinrrunruvn::l.Jn1:nr:finrcrlTufiuI1u lun1:t{tfludo4ardo liur:{rrnr:6nur uaufiar:il1d'rra::rur.J:utrltu:1un1:rirr1 tfrrunl:rGuulud'trin Ifluriruunlfifinr: ou:illYeuulunaln:ei1u:vu!{oraaliaurvfirdouirar:nr:finur \"lfrrTuunaln:fiiufifl{oun1:6'0tfiu t!l dou a t o $ :r ri u ulu d'r ri'n 6'r a : v u r n r : d o a r : vn rln a,.i 1 u 0 o n 1 yl U rfio\"Lri'nr:rirrfrunr:or:ner'rn6irr rflutrjrirunrurBauiou 6rrurirfr'rrrruvlirnunr:ar:n 1\\l911U1!nA1n:nlu:vUU61:AUrvflrfrOUivr:nr:finrCr tJnr:fiflUl iodbsn 6'ssiol!fl o. d F]{U1U tvlo0'lU?Un1:oAluUn{lUttnfXlUvi nl:flnoU'l l:voru U1UUqUO niluvll{'tu il:vnilfinurun:a?::ri rrn 6n :o{rJ:un1u niluv'r{'ru b. uruat'rA flo{rlr :0.:fr'dru':un1:6i'rfin{1urllndufin1:finu1 nilsvl1.i'lu ilJ niluvt't{'tu niluyt1{1u il:vnrfinurun:a?::ri rrn 6n Fltuuyt't{'tu 6n. IU'l{ttA{O:fU u rtJidr rur a nr : ndruluur u Lrn s u,'{u o ?UUl Fltuuvt't.l'tu d.. ur{fincvui l auaililfi uuna l dS o rn:1u14u Luulu ttavtLr.rut1u16un1: d. u1.t't1?1u'1 illurnr rlnir,n:rvriuTuulu Lrau rruur.Jfr rifi nr: I :rini :r\"nr r v riulu r r u ua v uzu urJ fr u-fi n r b. u1{41?!?'rurqvrdaurS nttJ9T:r riauoulJ lauuo{u-?(rvmifl urnil) 6'r. uruoriud fia{lroiru / a. urlamnlfifi...
_lo_ d. ad u{u4t:ou 16'rvrirfi oI: nr:T:r G uuriruln navoro niluyl''r{'lu u'1.1ff1'tnluru niluvt't{'tu urini rn : r v r,{uI u u'r u rra u utr,r urir u r ru n r : fr rn ttautat']un1: c(. U'l{LIYI:'l?'{::fU 6'UUiffflU I li{U!' 3 av o Atvu , & ,aqa v AAuv- rc LUn6UUytl{1uyt[n:Un1:LLfl{fl.r uflUnilU',rvrvrLO:UtJ0U14tJ1U0U1{trliln?1il41}J1:0 rfi o'[frrfi nri:sTumiaranriomt:rtnr: tJl do ru iud en nrflmnx fl.rl. bdben (ur 6{U',lU) I {dnrnrn:d ,:'irnynhvoufinnrnrmen:ui lttno'.
26/10/63 การพัฒนาบคุ ลากร ดา้ นขอ้ มูลสารสนเทศทางการศกึ ษา ปกี ารศกึ ษา 2563 26 ตลุ าคม 2563 ศูนย์พัฒนาระบบข้อมลู ทางการศึกษา สนผ. สพฐ. แนวทางการจดั ทาํ ขอ้ มลู สารสนเทศทางการศกึ ษา ปกี ารศกึ ษา 2563 1
หวั ขอ้ การบรรยาย 26/10/63 2 ¾ ความต้องการใช้ข้อมลู ¾ ส่ิงทเ่ี พม่ิ เตมิ ใหมข่ องปีการศึกษา 2563 ¾ การจดั ทาํ ขอ้ มลู นกั เรยี นรายบุคคล ¾ การจดั ทาํ ขอ้ มลู ครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา ¾ การจดั ทาํ ข้อมลู อาคาร ทด่ี นิ และส่ิงกอ่ สรา้ ง ¾ การดาํ เนนิ การเชอื่ มโยงขอ้ มลู ¾ ปฏทิ นิ การปฏบิ ตั งิ าน ปีการศึกษา 2563 ศนู ยพ์ ฒั นาระบบข้อมลู ทางการศึกษา สนผ. สพฐ. ความตอ้ งการใช้ขอ้ มลู ทผ่ี า่ นมา ¾ ขอ้ มลู นกั เรยี น นกั ศึกษา ¾ ขอ้ มลู ครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา ¾ ข้อมลู สถานศึกษา ¾ ขอ้ มลู ผ้สู ําเร็จการศึกษา ¾ ข้อมลู หลกั สตู ร ¾ ข้อมลู ผลการเรยี น ศนู ยพ์ ฒั นาระบบข้อมูลทางการศึกษา สนผ. สพฐ.
การเปดิ – ปดิ ภาคเรียน 26/10/63 ปกี ารศึกษา 2563 3 ¾ ภาคเรียนท่ี 1/63 ¾ เปิดเรียน 1 ก.ค. 63 – 14 พ.ย. 63 ¾ ภาคเรยี นที่ 2/63 ¾ เปิดเรยี น 1 ธ.ค. 63 – 10 เม.ย. 64 ศนู ยพ์ ฒั นาระบบขอ้ มลู ทางการศึกษา สนผ. สพฐ. รหัส G กับหลักฐานทางการศกึ ษา ¾ หนังสือ สพฐ. ท่ี ศธ 04010/ว 1787 ลว. 22 ม.ิ ย. 63 ¾ ให้ใช้รหัส G ในการออกเอกสารหลกั ฐานการศึกษา (ปพ.1, ปพ.3) ศนู ยพ์ ฒั นาระบบข้อมลู ทางการศึกษา สนผ. สพฐ.
26/10/63 สิ่งท่ีเพ่ิมเตมิ ใหม่ของปีการศึกษา 2563 ¾ การคัดกรอง นร.ยากจน (ความด้อยโอกาส) • เดิม ประถมศึกษาปที ่ี 1 – มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 • ใหม่ อนบุ าล 1 – มัธยมศึกษาปที ี่ 3 • ใหใ้ ช้เกณฑ์การคัดกรองเดียวกับ กสศ. และใช้แบบฟอร์ม นร./กสศ.01 ¾ การบันทึกผลการเรยี นรายคน ¾ Big Data ¾ KPI ¾ ตดั นร. ที่ ศธจ. ลงไปตรวจสอบแลว้ ไม่พบออกจากข้อมลู ใน DMC ศนู ยพ์ ฒั นาระบบขอ้ มลู ทางการศึกษา สนผ. สพฐ. แบบ นร./กศส.01 ศนู ยพ์ ฒั นาระบบข้อมลู ทางการศึกษา สนผ. สพฐ. 4
26/10/63 หลกั เกณฑก์ ารคัดกรองนกั เรียนยากจน ที่มา คมู่ อื การดาํ เนนิ งานการรบั เงนิ อุดหนนุ นกั เรยี นยากจนพิเศษแบบมีเงือ่ นไข (นักเรยี นทนุ เสมอภาค) ศนู ยพ์ ฒั นาระบบขอ้ มูลทางการศึกษา สนผ. สพฐ. การจดั ทาํ ข้อมลู นกั เรยี นรายบคุ คล ศนู ยพ์ ฒั นาระบบขอ้ มลู ทางการศึกษา สนผ. สพฐ. 5
26/10/63 ขอ้ มลู พ้ืนฐานสาํ คญั มาก!!! ศนู ยพ์ ฒั นาระบบขอ้ มูลทางการศึกษา สนผ. สพฐ. ข้อมูลพ้นื ฐานสําคญั มาก!!! ศนู ยพ์ ฒั นาระบบขอ้ มลู ทางการศึกษา สนผ. สพฐ. 6
26/10/63 ขอ้ มลู พน้ื ฐานสาํ คญั มาก!!! ศนู ยพ์ ฒั นาระบบขอ้ มูลทางการศึกษา สนผ. สพฐ. ขอ้ มลู พน้ื ฐานสาํ คญั มาก!!! ศนู ยพ์ ฒั นาระบบข้อมลู ทางการศึกษา สนผ. สพฐ. 7
26/10/63 ขอ้ มลู พื้นฐานสาํ คญั มาก!!! ศนู ยพ์ ฒั นาระบบข้อมลู ทางการศึกษา สนผ. สพฐ. จากเมนู ทะเบยี นนกั เรยี น เป็น... *ขยายความว่า มีตัวตนอย่จู รงิ ณ วันท่ยี นื ยันการมตี วั ตนตามปฏทิ นิ การจัดทําข้อมูลสารสนเทศ ศนู ยพ์ ฒั นาระบบข้อมลู ทางการศึกษา สนผ. สพฐ. 8
26/10/63 ประเภทความด้อยโอกาสทมี่ ากกวา่ 1 ความด้อยโอกาส ศนู ยพ์ ฒั นาระบบขอ้ มูลทางการศึกษา สนผ. สพฐ. ถามทถ่ี ามบอ่ ยๆ ¾ การลงวนั ท่ีเพม่ิ ขอ้ มูลเขา้ สู่ DMC ให้ลงเปน็ วันที่เท่าไหร่? ¾ การจัดนักเรยี น/ห้อง ใน DMC จดั ยงั ไง? จดั 20/หอ้ ง ตามนโยบาย Covid-19? ศนู ยพ์ ฒั นาระบบขอ้ มูลทางการศึกษา สนผ. สพฐ. 9
26/10/63 ว่าด้วยเรอื่ งอํานาจ หน้าที่ การรับ การจาํ หนา่ ยเด็ก ศนู ยพ์ ฒั นาระบบข้อมูลทางการศึกษา สนผ. สพฐ. การผ่อนผันเดก็ เขา้ เรยี นกอ่ น - หลังอายตุ ามเกณฑ์ ศนู ยพ์ ฒั นาระบบขอ้ มลู ทางการศึกษา สนผ. สพฐ. 10
26/10/63 การจําหนา่ ยนักเรยี น ศนู ยพ์ ฒั นาระบบขอ้ มลู ทางการศึกษา สนผ. สพฐ. การจําหนา่ ยนักเรยี น ไหนว่าจาํ หน่ายไม่ได้! ศนู ยพ์ ฒั นาระบบข้อมูลทางการศึกษา สนผ. สพฐ. 11
26/10/63 ผลการเรยี นนักเรียนรายคน (ใช้ผลการเรยี น 2/62) ¾ SGS, SchoolMIS ¾ ประมวลผล 1 – 3 ก.ค. 63 ¾ เด็กท่จี ะตอ้ งมผี ลการเรยี นต้องอยู่ชนั้ ป.2 1/63 ขนึ้ ไป (ต่ํากวา่ น้อี ย่ามีผลการเรียนมานะ) ¾ DMC เรมิ่ นาํ เข้า 7-15 ก.ค. 63 ¾ ใชก้ ารค้นหาขอ้ มลู ด้วย เลขประจําตัวนักเรียน และรหสั โรงเรยี น ¾ หากไมพ่ บ จะใช้การค้นหาด้วยเลขประจาํ ตวั ประชาชนอกี รอบ ¾ ดงั นัน้ ตรวจเลขประจําตวั นักเรยี น หรือเลขประชาชนใหต้ รงกัน หากไม่ตรงกนั จะไม่มีขอ้ มลู ตอ้ งไป กรอกเองนะ!!! ¾ หากใช้โปรแกรมอ่ืน เรม่ิ กรอกเองไดเ้ ลยตง้ั แต่บัดนี้ ศนู ยพ์ ฒั นาระบบขอ้ มลู ทางการศึกษา สนผ. สพฐ. การจดั ทําข้อมลู ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา ศนู ยพ์ ฒั นาระบบขอ้ มลู ทางการศึกษา สนผ. สพฐ. 12
Search