หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 เศรษฐกจิ พอเพยี ง
ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง การประยกุ ต์ใช้ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งในการดารงชีวติ การประยุกต์ใช้ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งของนักเรียน ประโยชน์ของปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ความหมายของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency- Economy) เป็นปรัชญาช้ีถึงแนวทาง การดารงอยแู่ ละปฏิบตั ิตนของ ประชาชนในทุกระดบั ต้งั แต่ระดบั ครอบครัว ระดบั ชุมชน จนถึงระดบั รัฐ ท้งั ในการพฒั นา และบริหารประเทศใหด้ าเนินไป ในทางสายกลาง โดยเฉพาะการ พฒั นาเศรษฐกิจเพื่อใหก้ า้ วทนั ต่อโลกยคุ โลกาภิวตั น์
ความเป็ นมาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงท่ีพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงมี พระราชดารัสช้ีแนะแนวทางการดาเนินชีวติ ของพสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด ดงั จะเห็นได้ จากพระบรมราโชวาทเน่ืองในโอกาสต่างๆ
พระบรมราโชวาทในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว เม่ือวนั ที่ 18 กรกฏาคม พ.ศ. 2517 “... การพัฒนาประเทศต้องทาตามลาดบั ขนั้ ต้อง สร้างพืน้ ฐาน คือ ความพอมี พอกิน พอใช้ของ ประชาชนส่วนใหญ่เบือ้ งต้นก่อน โดยใช้วิธีการ และอุปกรณ์ท่ีประหยดั และถกู ต้องตามวิชาการ เม่ือได้พืน้ ฐานความมนั่ คงพร้อมสมควรและ ปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างความเจริญและ ฐานะทางเศรษฐกิจขึน้ สูงโดยลาดับต่อไป...”
พระบรมราโชวาทในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว เม่ือวนั ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2517 “... คนอื่นจะว่าอย่างไรกช็ ่างเขา จะว่าเมืองไทยล้าสมยั ว่าเมืองไทยเชย ว่าเมืองไทยไม่มสี ่ิงที่ ทันสมยั แต่ว่าเราอย่พู อมพี อกินและขอให้ทุกคนมปี รารถนาท่ีจะให้เมืองไทยพออยู่ พอกิน มคี วามสงบ และทางาน ตั้งจิตอธิษฐาน ต้งั ปณิธาน ในทางนีท้ ่ีจะให้เมืองไทยอย่แู บบพอมี พอกิน ไม่ใช่ว่าจะรุ่งเรืองอย่างยอด แต่ว่ามคี วามพออย่พู อกิน มคี วามสงบ เปรียบเทียบกับ ประเทศอ่ืนๆ ถ้าเรารักษาความพออย่พู อกินนีไ้ ด้ เรากจ็ ะยอดยิ่งยวดได้...”
พระราชดารัสในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2538 “...ถ้านา้ มพี อดปี ี ไหน กส็ ามารถท่ีจะประกอบการเกษตรหรือปลกู ข้าวนาได้ ในฤดูแล้งนา้ น้อย กส็ ามารถใช้นา้ ท่ีกกั ไว้ในสระนา้ แต่ละแปลงมาทาการเพาะปลกู แม้แต่ข้าวกย็ งั ปลกู ได้ ไม่ต้อง เบยี ดเบียนชลประทานระบบใหญ่ เพราะมขี องตัวเอง ทฤษฎใี หม่มไี ว้ป้องกนั การขาดแคลน ในยามปกติกจ็ ะทาให้ร่ารวยขึน้ ในยามมอี ุทกภยั กส็ ามารถจะฟื้นตวั ได้ โดยไม่ต้องให้ราชการ ไปช่วยมากเกินไป ทาให้ประชาชนมโี อกาสพ่ึงตวั เองได้อย่างดี”
พระราชดารัสในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว เม่ือวนั ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2542 “...คนเราถ้าพอในความต้องการ มนั กม็ คี วามโลภน้อย เมื่อมคี วามโลภน้อยกเ็ บยี ดเบียนคนอ่ืนน้อย ถ้าความคิดอันนี้ มคี วามคิดว่าอะไร ต้องพอเพยี ง หมายความว่า พอประมาณ ซ่ือตรง ไม่โลภมาก คนเรากเ็ ป็นสุข...”
หลกั การทรงงานของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว • พฒั นาความพร้อมของตน • พจิ ารณาเร่ืองต่างๆ อยา่ งครบวงจร • พฒั นาตามระบอบประชาธิปไตย • การใหแ้ ละการเสียสละ • การใชห้ ลกั พออยพู่ อกิน • การพ่ึงตนเอง • เศรษฐกิจพอเพยี ง
โครงการตามพระราชดาริ • โครงการตามพระราชดาริโครงการแรกเกิดข้ึน ใน พ.ศ. 2495 เป็นโครงการสร้างถนนเขา้ ไปใน หว้ ยมงคล ตาบลทบั ใต้ อาเภอหวั หิน จงั หวดั ประจวบคีรีขนั ธ์ • ช่วยใหร้ าษฎรสามารถสญั จรไปมาและนา ผลผลิตออกมาจาหน่ายยงั ชุมชนภายนอกได้ สะดวกข้ึน
โครงการตามพระราชประสงค์ • เป็นโครงการซ่ึงทดลองปฏิบตั ิเป็นการส่วนพระองค์ ต่อมาเม่ือแน่พระทยั วา่ โครงการน้นั ๆ ไดผ้ ลดี เป็นประโยชนก์ บั ประชาชน จึงโปรดเกลา้ ฯใหร้ ัฐบาลเขา้ มารับงานต่อภายหลงั เพื่อใหอ้ าชีพและพฒั นาอาชีพของประชาชน
โครงการหลวง • เป็นโครงการท่ีพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงเจาะจงดาเนินการพฒั นาและบารุงรักษาตน้ น้าลาธารในบริเวณป่ าเขาในภาคเหนือ • มุ่งพฒั นาชาวไทยภูเขาใหม้ ีความอยดู่ ีกินดี เลิกการปลูกฝ่ิน เลิกการตดั ไมท้ าลายป่ า • ทรงพฒั นาช่วยเหลือใหป้ ลูกพืชหมุนเวยี น และเล้ียงสตั วไ์ วเ้ พ่ือการบริโภค
โครงการในพระบรมราชานุเคราะห์ เป็นโครงการท่ีพระองคไ์ ดพ้ ระราชทานแนะนาแนวพระราชดาริใหเ้ อกชนไปดาเนินการ พร้อมท้งั ติดตามอยา่ งต่อเน่ืองดว้ ยภาคเอกชน
โครงการอนั เนื่องมาจากพระราชดาริ เป็นโครงการท่ีพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงวางแผนพฒั นาและทรงเสนอแนะใหร้ ัฐบาล ร่วมดาเนินการ โดยพระองคจ์ ะเสดจ็ ฯ ร่วมทรงงาน กบั หน่วยงานของรัฐบาล ไดแ้ ก่ • โครงการดา้ นการเกษตร • โครงการดา้ นส่ิงแวดลอ้ ม • โครงการดา้ นสาธารณสุข • โครงการส่งเสริมอาชีพ • โครงการพฒั นาแหล่งน้า • โครงการคมนาคม/ส่ือสาร • โครงการสวสั ดิการสงั คม • โครงการสาคญั อ่ืนๆ
หลกั การเศรษฐกจิ พอเพยี ง • ต้งั อยบู่ นพ้นื ฐานของทางสายกลางและความไม่ประมาท • คานึงถึงความพอประมาณ มีเหตุผล สร้างภูมคุม้ กนั ที่ดีในตวั • ใชค้ วามรู้ ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการวางแผนและการตดั สินใจ
ความพอเพยี งในระดบั บุคคลและครอบครัว • มุ่งเนน้ ใหบ้ ุคคลและครอบครัวอยรู่ ่วมกนั อยา่ งมีความสุขท้งั กายและใจ • พ่งึ พาตนเองอยา่ งเตม็ ความสามารถ • ดาเนินชีวติ โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผอู้ ่ืน • รู้จกั การออม และการดูแลสุขภาพ • อนุรักษศ์ ิลปวฒั นธรรม
ความพอเพยี งในระดบั ชุมชน • คนในชุมชนมีการรวมตวั กนั ทาประโยชน์เพ่ือส่วนรวม • มีการสร้างเครือขา่ ยท้งั ภายในและภายนอกชุมชน ท้งั ดา้ นเศรษฐกิจ สงั คม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม • มีการใชภ้ ูมิปัญญาทอ้ งถิ่น ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม ของชุมชนมาสร้างประโยชน์ อยา่ งเหมาะสม
ความพอเพยี งในระดบั ภาคธุรกจิ เอกชน • มีความมุ่งมน่ั ดาเนินธุรกิจที่หวงั ผลประโยชนห์ รือกาไรระยะยาวมากกวา่ ระยะส้นั • มุ่งใหท้ ุกฝ่ ายท่ีเก่ียวขอ้ งไดร้ ับผลประโยชนอ์ ยา่ งเหมาะสม เป็นธรรม • การขยายธุรกิจตอ้ งทาอยา่ งค่อยเป็นค่อยไป • มีความรู้ความเขา้ ใจในธุรกิจของตนเองอยา่ งถ่องแท้ • เสริมสร้างความรู้และจดั สวสั ดิการใหแ้ ก่พนกั งานอยา่ งเหมาะสม
ความพอเพยี งในระดับประเทศ • เนน้ การวางรากฐานใหป้ ระชาชนส่วนใหญ่อยอู่ ยา่ งพอมีพอกิน • ส่งเสริมใหป้ ระชาชนมีความรู้และมีคุณธรรมในการดาเนินชีวติ • มีการรวมกลุ่มของชุมชนหลายแห่ง เพ่ือแลกเปล่ียนความรู้ สืบทอดภูมิปัญญา และ ร่วมพฒั นาตามหลกั เศรษฐกิจพอเพียง
การนาไปใช้พฒั นาทางด้านจติ ใจ • พฒั นาตนเองใหม้ ีจิตใจเขม้ แขง็ • เป็นตวั ของตวั เอง มีความใฝ่ ดี หลีกเล่ียงอบายมุข • ใหค้ วามช่วยเหลือและประนีประนอม ต่อผอู้ ่ืน • นึกถึงประโยชนส์ ่วนรวมเป็นหลกั • รู้จกั เสียสละ แบ่งปันทรัพยากรที่มี เพือ่ ประโยชนต์ ่อส่วนรวม
การนาไปใช้พฒั นาทางด้านสังคม • มีความรู้ความเขา้ ใจในสภาพแวดลอ้ มของโรงเรียนและชุมชน • นาความรู้ภูมิปัญญาทอ้ งถิ่นมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวนั • การเสริมสร้างรายไดใ้ หแ้ ก่สงั คม
การนาไปใช้พฒั นาทางด้านสิ่งแวดล้อม • สร้างจิตสานึกในการดูแลรักษาสิ่งแวดลอ้ ม • รู้จกั การบริหารจดั การทรัพยากรที่มีอยขู่ องตนเองและชุมชนอยา่ งสมดุล • รู้จกั ใชท้ ่ีดินที่วา่ งเปล่าภายในบา้ นใหเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุด • ร่วมมือกบั ชุมชนในการอนุรักษแ์ ละฟ้ื นฟทู รัพยากรในทอ้ งถ่ิน
การนาไปใช้พฒั นาทางด้านวฒั นธรรม • ตระหนกั ถึงความรักชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ • การใชส้ ินคา้ ไทย • พฒั นาภูมิปัญญาทอ้ งถ่ิน ให้ ความสาคญั ดา้ นมารยาทไทย • ร่วมสืบทอดวฒั นธรรมและ มารยาทอนั ดีงามของไทย และทอ้ งถิ่น • ปกป้องรักษาโบราณวตั ถุ และโบราณสถาน • รักษาวฒั นธรรมไทยใหย้ งั่ ยนื
ประโยชน์ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง • สามารถช่วยเหลือตนเองและยงั ช่วยเหลือคนอื่นได้ • ไม่เกิดความอดอยาก ไม่เบียดเบียนผอู้ ่ืน • เกิดความสามคั คี ร่วมมือกนั แกไ้ ขปัญหาที่เกิดข้ึนในชุมชน • เศรษฐกิจชุมชนเกิดความเขม้ แขง็ ลดการพ่งึ พาเศรษฐกิจภายนอก • เกิดความสมดุลในทุกดา้ น สงั คมมีความเจริญกา้ วหนา้
Search
Read the Text Version
- 1 - 28
Pages: