Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารประกอบการสอน

เอกสารประกอบการสอน

Published by tatar.rum, 2018-03-28 05:54:31

Description: บทที่ 2 เรื่อง สาหร่ายที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ

Search

Read the Text Version

20 สาหรายท่ีมคี วามสําคญั ทางเศรษฐกจิ บทท่ี 2 สาหรายที่มีความสําคัญทางเศรษฐกิจ ความสําคัญและประโยชนของสาหรา ยผูผลติ อบั ดบั ท่หี น่งึ เนอื่ งจากสาหรายมีคลอโรฟลล จงึ สามารถสังเคราะหแสงเปลยี่ นสารอนินทรยี ใ หเปนสารอินทรยี ไ ดซึง่ จะเปนอาหารของส่งิ มชี วี ิตอื่นตอไป จึงเปน จดุ เร่ิมตนของหวงโซอ าหารในระบบนเิ วศ (ecosystem) ในแงท่ีเปน ผผู ลติ (primary producer) สารอินทรยี  นอกจากน้ียงั พบสาหรายอยใู นดนิ ซง่ึ ชว ยในการปรบั ปรงุคุณภาพของดนิ โดยทําใหอนภุ าคตา งๆ เกดิ การรวมตัวและชวยเพิ่มสารอนิ ทรยี ใหแกดิน รูปที่ 1 สาหราย ผลผลิตท่ีสําคัญทางเศรษฐกจิ หลายชนิด ไดมาจากผนังเซลลข องสาหราย ท่ีสําคัญ คือ วุน กรดอลั จนิ กิและคารแรกจแี นน รวมทั้งพวกไดอะตอมเอเซยี สเอิรท (diatomaceous earth) ซงึ่ เกดิ จากการสะสมของโครงสรางของไดอะตอมทต่ี ายแลวนบั ลานๆตวั คารแรกจแี นน (carrageenan) เปน พอลิเมอรของกาแล็กโทสหรอื สารประกอบทม่ี กี าแล็กโทสทีม่ หี มูซลั เฟต สกดั ไดจ ากผนงั เซลลของสาหรายสแี ดงหลายชนิด เชน Chondrus, Gigartina, Eucheuma เปน สารท่ีทาํ ใหเกิดความคงตัว (stabilizer) หรือทาํ ใหไขมันแตกออก (emulsifier) เปนโมโลกลุ เล็กๆ จงึ ใชประโยชนในการทําอาหาร เชน ไอศกรีม และผลติ ภัณฑนมตา งๆ นอกจากน้ยี ังใชป ระโยชนในการทํายาสีฟน ใชในอุตสาหกรรมกระดาษ เปนสารทาํ ใหเกดิ ความขน ในครีมโกนหนวด และสบู - Chondrus Crispus. สาหรายทะเลสีแดงที่อดุ มดว ยสารอาหารและพบเฉพาะในพ้ืนธารนาํ้ แข็งของทะเลอารก ติกพชื ชนดิ น้ีมกี ารนาํ มาใชในอุตสาหกรรมอาหารและเคร่ืองสาํ อางอยา งกวา งขวางเนอ่ื งจากมีคุณสมบัติในการสรางสมดลุ นอกจากนี้ ยังมสี ารท่ีมปี ระโยชนใ นปรมิ าณทีส่ งู อันไดแก วิตามนิ แรธาตุ และกรดอะมิโนท่ีมีคณุ สมบัติในการตา นโรครมู าติก เสรมิ สรางแรธ าตุใหม และมอบความกระชับ ClarinsLaboratories ใหค วามสนใจตอ Chondrus Crispus เพราะมีสว นประกอบของสารสองชนดิ ไดแก ฟลอรโิ ดไซดและทอรีนทสี่ ังเคราะหข ้นึ มาเพื่อชว ยใหมคี วามทนทานตอ สภาวะทรี่ นุ แรง (ความเย็นจัด แสงนอ ย)สวนประกอบท่ใี หพลงั งานและมอบการปกปองยงั มอบความออนนุมใหแ กผ วิ โดยการเตมิ ความชมุ ช่ืนใหแกเซลลผิว วิชาเทคนิคการเล้ยี งสาหราย 3601-2111

21 สาหรา ยที่มีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ รูปท่ี 2 Chondrusรปู ท่ี 3 Gigartina sp. รูปที่ 4 Eucheuma sp.วุน (agar) เปนสารทําใหเกิดการแข็งตัวในอาหารเลี้ยงเชอ้ื จลุ ินทรีย ไดม าจากสาหรา ยสีแดงพวกGelidium และ Gracilaria วนุ มีความสําคัญในอุตสาหกรรมกระบวนการผลิตเนยแขง็ มายองเนส พุดดงิ เยลลีขนมปง และอาหารกระปองรูปที่ 5 Gelidium sp. รปู ที่ 6 Gracilaria sp.กรดอลั จนิ กิ (alginic acid) ไดจ ากผนังเซลลข องสาหรายสีนาํ้ ตาลพวกสกลุ Macrocystis, Agarum,Laminaria, Fucus, Ascophyllum เกลอื ของกรดอัลจินิกใชในการทําไอศกรีม ทาํ เนยแขง็ และมีสวนรว มในอตุ สาหกรรมการทํากระดาษ พิมพผา และทาํ สี วิชาเทคนิคการเล้ียงสาหราย 3601-2111

22 สาหรา ยท่ีมีความสําคญั ทางเศรษฐกจิรูปท่ี 7 Macrocystis sp. รูปท่ี 8 Agarum sp.รูปท่ี 9 Laminaria sp. รูปที่ 10 Ascophyllum sp.สาหรา ยท่ีใชเ ปนอาหาร สวนใหญเ ปนสาหรา ยสีแดงและสาหรา ยสนี าํ้ ตาล ซึ่งนยิ มบริโภคกันมากทางตะวนั ออก สาหรายสีแดงท่ีสําคญั คือ “จฉี า ย” Porphyra นิยมกนั มากในประเทศญ่ีปนุ นอกจากนี้ยงั มีChondrus, Acanthopeltis, Nemalion และ Eucheumaรปู ที่ 11 Porphyra sp. (จีฉา ย) รปู ท่ี 12 Acanthopeltis sp.รูปที่ 13 Nemalion sp. รูปที่ 14 Eucheuma sp. วิชาเทคนคิ การเล้ียงสาหราย 3601-2111

23 สาหรา ยท่ีมคี วามสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ มสี าหรา ยบางชนดิ ทเ่ี ปนปรสิตกบั พชื ชนั้ สงู เชน สาหรา ยสเี ขียว Cephaleuros ทําลายใบของตน ชากาแฟ พรกิ ไทย และพืชเมืองรอ นอืน่ ๆ สาหรา ยบางชนดิ อาศยั อยูท่รี ากและสวนเน้อื ของพืชชัน้ สูง สารเคมีท่ีสาหรา ยสรา งข้นึ เพ่ือยังยัง้ พืชช้ันสงู ไดแก กรดอะครลิ ิก (acrylic acid) ซึง่ สรางโดยสาหรา ยเซลลเดียวชนิดหนง่ึ สาหรา ยทะเล (seaweeds) ทัว่ โลกพบประมาณ 12,000 ชนิด ซ่ึงสามารถแบงออกเปน สาหรายสีเขียว (Division Chlorophyta) 4,000 ชนดิ สาหรายสแี ดง (Division Rhodophyta) 6,000 ชนิด และสาหรา ยสีนํา้ ตาล (Division Phaeophyta) 2,000 ชนดิ ในขณะที่ประเทศไทยพบสาหรา ยทะเลประมาณ 350ชนดิ เปน สาหรายสีเขียว 100 ชนิด สาหรา ยสแี ดง 180 ชนดิ และสาหรา ยสีนํ้าตาล 70 ชนดิ สําหรับประเทศเพื่อนบา นของประเทศไทยมีการเล้ยี งและใชประโยชนจ ากสาหรายทะเลมาเปนเวลานานแลว เชน ประเทศฟลปิ ปนส มีการเลยี้ งสาหรายสกุล Euchema และสกลุ Kappaphycuas เพอ่ืการผลติ คารราจีแนน นอกจากน้นั ยังมกี ารเลี้ยงสาหรา ยสกุล Cualerpa และสกุล Gracilaria สว นในประเทศเวียดนามก็มีการเล้ยี งสาหรายสกลุ Kappaphycuas และมีการเลย้ี งสาหรา ยสกลุ Gracilaria ในขณะท่ีประเทศมาเลเซียมีการเลี้ยงสาหรา ยสกุล Euchema และสกลุ Gracilaria สําหรับในประเทศอนิ โดนเี ซยี สว นใหญม กี ารเกบ็ สาหรายไดจ ากธรรมชาติซึ่งไดผ ลผลติ มากกวา จากการเลี้ยง ประเภทของสาหรายท่มี ีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ แบงเปน 4 ประเภทใหญๆ ดงั น้ี 1. สาหรา ยสเี ขียวแกมนํา้ เงนิ (Blue-green algae or Cyanobacteria) สาหรายสีเขียวแกมนํา้ เงินนเี้ ปน สาหรายท่พี บมากทีส่ ุด มีอยทู ่ัวไปท้งั ในนา้ํ และบนบก ตา นทานภูมิอากาศไดดี ดังน้นั จึงพบสาหรายสเี ขียวแกมนา้ํ เงนิ เจริญเติบโตไดด ีท้ังในบอ น้ําพุรอน หรือแถบข้วั โลก คณุ สมบัตพิ ิเศษท่ีสามารถจะชวยตานทานตอภาวะผดิ ปกติไดอ ยา งดกี ็คอื สารที่มีลกั ษณะเปนเมือกคลา ยวุนที่หมุ อยภู ายนอกเซลลนอกจากน้ยี ังข้ึนอยูกบั โครงสรา งอยางงายๆ ภายในเซลลดว ย สาหรายชนดิ นนี้ อกจากสามารถนาํ มาตากแหงเพ่อื ใชเ ปน อาหารบริโภค ซ่งึ นับวาเปน อาหารยอดนยิ มในหมูชาวเอเชียตะวนั ออก คือ ญ่ีปนุ เกาหลี และสาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากนสี้ าหรา ยประเภทน้นี ยิ มนาํ มาทําเปน สาหรา ยอดั เม็ด โดยเฉพาะอยางยิง่สายพนั ธุคลอเรลลาและสไปรูลินาหรอื เกลยี วทอง 2. สาหรา ยสีเขียว (Ggeen algae) ปรมิ าณสาหรายสีเขียวมีมากพอๆ กับสาหรา ยสีนํา้ เงนิ แกมเขียวเจริญเติบโตไดดที ้ังในนาํ้ จืดและนํ้าเค็ม แตจะไมม ีความตา นทานตอสภาพแวดลอมทีผ่ ดิ ปกติไดเชน สาหรายสีนํ้าเงินแกมเขียว รูปรางและขนาดของสเี ขียวตา งกันตามชนิด บางชนดิ ทข่ี ึน้ ในนํ้าทะเลและมสี ารพวกหินปูนมาเกาะ ทาํ ใหมีลักษณะเปน แผน แขง็ สขี าว บางชนดิ มลี ักษณะเปน เสนเกาะลอยเปน แพตามบอหรือตามชายฝงท่ีมนี ้ําใส ซ่ึงชนิดนช้ี าวบา นแถบภาคตะวันออกเฉยี งเหนือเรียกวาเทา สามารถนํามาประกอบอาหารบรโิ ภคไดสาหรา ยสเี ขยี วนํ้าจดื ที่รจู กั กนั ดีอกี อยา งหน่งึ คือ สาหรา ยไฟ พบมากตามทองนาที่มีนาํ้ ขัง อยางไรก็ตาม ในตางประเทศสาหรายสเี ขยี วท่ีไดรับความสนใจอยางกวางขวางมีอยู 2 สายพนั ธุ คือ 1. CHLORELLA ไดแ ก C. PYRENOIDOSA, C. ELLIPSOIDEA และ C. SOROK-NIANA ซึง่ ประเทศที่กําลงั ทําการคน ควาวจิ ยั ถงึ ประโยชน คอื สหรัฐอเมริกา และญปี่ ุน 2. SCENEDESMUS ไดแก S. ACUTUS กําลังอยูในระหวางการคน ควา ทดลองในประเทศเยอรมนัตะวนั ตก อนิ เดยี เปรู และไทย และ S. OBLIQUS ก็กาํ ลงั อยใู นระหวา งความสนใจคน ควาทดลองของนกั วทิ ยาศาสตรไนประเทศเชโกสโลวะเกยี วชิ าเทคนิคการเลย้ี งสาหราย 3601-2111

24 สาหรายที่มคี วามสําคญั ทางเศรษฐกิจรูปท่ี 15 สาหรายพวงองุน (Sea Grapes) รูปที่ 16 สาหรา ยทะเล (Seaweed)3. สาหรา ยสนี ้ําตาล (BROWN ALGAE) สาหรา ยสีนาํ้ ตาลเปนสาหรา ยที่พบในทะเลเขตหนาว เชนตามชายฝง มหาสมทุ รแอตแลนติกและแปซฟิ ก และทะเลในเขตอบอนุ เชน ในอา วไทย สาหรา ยชนิดน้นี อกจากจะมสี สี วยงามแลว สวนมากจะมีขนาดใหญ ประกอบดวยสวนตา งๆ ทีท่ ําหนาท่ีคลา ยราก ลําตน และใบ ชนดิ ท่ีมขี นาดใหญมากๆ มคี วามยาวถงึ 200 ฟุต พบตามชายฝง แถบตะวนั ตกเฉยี งเหนือของสหรัฐอเมริกา มชี นิดตางกันถึง 80 ชนดิ ทัง้ ท่เี ปนประโยชนและเปนพิษ สาหรา ยสนี ้าํ ตาลมชี อื่ เรืยกอีกช่ือหนึ่ง ซึ่งเปนท่เี ขา ใจของคนท่ัวไปวา“SEAWEED”สาหรา ยสนี ํา้ ตาลสว นมากเปน พืชทีม่ ีคุณประโยชนแ ละมีความสาํ คัญสําหรบั เศรษฐกิจในบางประเทศเชน ญปี่ ุน สหรัฐอเมริกา ประโยชนทีไ่ ดรับอาจจะไดรบั โดยการนาํ มาปรุงเปนอาหารโดยตรง เชน LAMINARIASP. นิยมกันแพรหลายในญ่ปี ุน จนกระทงั่ มกี ารเพาะปลูกสาหรา ยชนิดน้เี พ่ือเปนสนิ คา SARGASSUM SP. พบมากในอา วไทย ประชาชนในภาคใตน ิยมใชเ ปนอาหาร นอกจากใชเ ปนอาหารแลว สาหรายสนี ํา้ ตาลยงั มีประโยชนใ นทางอุตสาหกรรมดวย กลาวคือ ใชส กัดโพแทสเซียมและไอโอดนี เน่ืองจากสาหรายสีน้าํ ตาลเปนพชื ท่ีมธี าตุโพแทสเซยี มและไอโอดีนเปนจํานวนมาก ประโยชนอ กี ประการหน่งึ คือ การสกดั สารแอลจนิ(ALGIN) ซง่ึ เปนสิง่ ท่เี ซลลส รา งข้ึนมาเคลือบผิวนอกไว โดยจะสรา งมากทีส่ ุดในระหวา งเดือนตุลาคมถงึพฤศจิกายนของทุกป ประโยชนของสารแอลจินก็คือ สามารถทาํ ใหน ้ําคงสภาพเปนของเหลวเมอื่ มีอุณหภูมติ า่ํดังน้นั ปริมาณครง่ึ หนง่ึ ของแอลจินท่ีผลิตไดใ นสหรฐั อเมริกานาํ ไปใชใ นอุตสาหกรรมการทําไอศกรีม เครื่องด่มืบางชนิด และขนมหวาน สว นเกลือแอลจิเนตหรอื โซเดยี มแอลจิเนตซง่ึ มีคณุ สมบัตลิ ะลายน้ําไดด ี นาํ มาใชประโยชนในอตุ สาหกรรมสง่ิ ทอตางๆ อยา งไรก็ตาม สาหรา ยสีน้ําตาลท่ีพบในอา วไทยมปี ริมาณแอลจินต่าํ มาก4. สาหรายสีแดง (RED ALGAE) เปน สาหรายทมี่ สี สี นั สวยงามมาก อาจจะมีสีแดงจัด สีมว งอมแดงหรอื สีนํา้ เงนิ ปนแดง ซึ่งใกลเ คียงกับพวกสาหรายสีนํา้ เงนิ แกมเขยี ว การเปลย่ี นแปลงของสีข้ึนอยกู ับระดบั ของความตน้ื ลกึ ของนํ้าท่สี าหรายข้นึ อยู ถาเปน พวกทอ่ี ยตู ามผิวนาํ้ จะมีสคี อ นไปทางนาํ้ เงนิ ยิ่งอยูในระดบั น้ําลกึ ลงไปสจี ะคอยๆ เปลยี่ นเปนสีแดงมากขน้ึ ตามลาํ ดับ สาหรา ยสีแดงน้ีขึ้นอยไู ดทง้ั ในนาํ้ จดื และน้าํ ทะเล-ในนํา้ จดืชอบขน้ึ ตามลาํ ธารทน่ี ํ้าคอนขางเย็นจดั สวนพวกท่ีอยูในนา้ํ ทะเลเจรญิ เติบโตไดด ีทง้ั ในเขตหนาวและเขตอบอุนลักษณะรูปรางของสาหรา ยสีแดงมที ั้งขนาดเล็กมากๆ ไปจนถงึ ขนาดใหญเชนเดียวกับสาหรา ยสนี า้ํ ตาล แตสาหรา ยสีแดงจะบอบบางกวา เปนสาหรา ยท่มี คี ณุ ประโยชนเ ชน เดยี วกัน คอื สามารถนําไปใชเปนอาหารไดเชน PORPHYRA SP. พบมาก ตามชายฝง ทะเลของสาธารณรฐั ประชาชนจนี และญ่ปี ุน สวนในไทยมมี ากตามชายฝงทะเล เชน สงขลา เมอื่ นําเอาสาหรายชนิดนม้ี าตากแหง และอัดเปน แผนแลว นาํ ไปจาํ หนายเปนสนิ คาในทองตลาดสาหรา ยชนดิ นี้เปนท่รี ูจักทั่วๆไปในชื่อ“จีฉา ย”สาหรายสแี ดงมสี ารเคลือบอยูรอบนอกของผนงั เซลล เรยี กวา คาแลคจนิ ิน (CARRHAGEENIN) ซง่ึเปนสารท่มี ีคณุ ประโยชนใชในการทําวุน สําหรับใชเ ลีย้ งแบคทเี รียในหอ งปฏิบัติการอุตสาหกรรมอาหารกระปอง วิชาเทคนคิ การเลยี้ งสาหราย 3601-2111

25 สาหรายที่มคี วามสาํ คญั ทางเศรษฐกจิการทําขนมหวาน ใชเปนสว นผสมของเครือ่ งสําอาง สาหรา ยสแี ดงทใ่ี หคาแลคจีนินมาก ไดแ ก GELIDIUM SP.,EUCHEUMA SP. และ GRACILARIA SP. สําหรบั ประเทศไทยพบสาหรา ยสีแดงชนิด GRACILARIASP มากทสี่ ดุ บริเวณเกาะยอโดยจะมีจํานวนมากท่ีสดุ ระหวางเดือนสิงหาคม-ตลุ าคมของทุกป ถา จะพจิ ารณาถงึ ชนิดของสาหรายท่ผี ลิตไดของโลกตงั้ แตป 2524-2530 ปรากฏวาสาหรายทผ่ี ลิตไดประมาณรอยละ 60-70 เปนสาหรา ยสนี ้าํ ตาล และรองลงมา คอื สาหรายสแี ดง สวนท่ีเหลือเปน สาหรายสเี ขียวและสีนํ้าเงินแกมเขยี ว สิ่งทน่ี า สงั เกต กค็ ือ ปริมาณการผลิตสาหรา ยในแตละปไมแ นนอน เน่อื งจากเปนสาหรา ยที่เก็บไดจ ากธรรมชาติ (สาหรา ยท่ีไดจากการเพาะเล้ยี งไมม ีการเกบ็ รวบรวมสถติ ิไว) และตัง้ แต ป2529 เปนตนมาผลผลิตสาหรา ยมีแนวโนม ลดลง สําหรับประเทศผูผลิตสาหรายราย สําคัญของโลก ไดแกสาธารณรัฐประชาชนจนี ญีป่ ุน เกาหลใี ต ฟล ปิ ปนส นอรเ ว ชิลี และสหรฐั อเมรกิ า อยางไรกต็ าม สาหรา ยจะมีปริมาณมากเพยี ง 3 ประเทศหลกั คือ สาธารณรฐั ประชาชนจนี ญี่ปุน และเกาหลีใต สําหรับในประเทศไทย ศักยภาพการเพาะเลี้ยงสาหรา ยทางชายฝง ทะเลอนั ดามัน หรอื ฝง ทะเลดานตะวนั ตกแลว การเพาะเลี้ยงในระดบั การคา ทาํ ไดย าก เน่ืองจากการเปลยี่ นแปลงคาของความเปน กรดเปน ดา งภายหลงั ลมมรสุมและคล่ืนลมสงบทําใหการหมุนเวียนของอากาศนอย การเพาะเลยี้ งสาหรา ยทางชายฝง ทะเลดา นตะวนั ออกหรือฝงอาวไทยจะทาํ ไดดกี วา อยา งไรก็ตาม ยังไมม ีการสาํ รวจขอมูลเก่ยี วกับเรื่องสาหรายทะเลท้งั ในสภาพธรรมชาติ และศักยภาพในการเพาะเลี้ยงสาหรายในประเทศไทยท้งั สาหรายน้ําจืดและสาหรายทะเล ซ่ึงจากสถิตกิ ารผลติ สาหรา ยทะเลทีม่ ีมลู คาทางเศรษฐกจิ ในตลาดโลกมักจะถูกเก็บเกยี่ วมาจากทองทะเลในประเทศแถบหนาวเปนสว นใหญ โดยมีปรมิ าณและความสมบรู ณข องแหลงท่ีเกบ็ เก่ยี วเปน ไปตามธรรมชาติดังน้ัน แหลงธรรมชาติของสาหรายทะเลในเขตรอ นและประเทศทก่ี ําลังพฒั นายังคงอุดมสมบรู ณแ ละมีศักยภาพเชงิ เศรษฐกจิ สูง การขยายการเพาะเลย้ี งสาหรา ยทะเลโดยการทาํ ฟารม จึงเหมาะสมอยา งยิ่งในแถบเขตรอนซ่ึงสาหรา ยสามารถเจริญเตบิ โตไดร วดเร็วกวาประเทศในแถบหนาว การรวบรวมและการสาํ รวจสภาพธรรมชาตขิ องสาหรา ยทะเลในประเทศไทย ในปจ จุบันมีเพียงงานวิจยั รวบรวมสภาพธรรมชาตทิ ่สี าหรา ยใหว นุ ท่เี จรญิ เติบโตไดเ ร็วตามพน้ื ท่ีชายฝง ในเขตจงั หวัดตางๆ ของไทย ดังน้ี 1. บริเวณชายฝงทะเลแถบจังหวดั สตูล ตรัง และกระบี่ ซึง่ เปนบรเิ วณที่มีลาํ คลอง น้าํ กรอยเปดออกสูทะเลอันดามัน ตามลาํ คลองเหลานมี้ อี ตุ สาหกรรมเลี้ยงปลากระชังอยูจํานวนมาก ซึง่ กระชังเล้ียงปลาทาํ ดว ยตาขา ยเชอื กไนลอ นขนาดประมาณ 4x5x2 เมตร สาหรา ยใหวนุ ที่เกดิ จากแหลงธรรมชาตใิ นบริเวณเหลานัน้ มาเกาะบนตาขา ยเชือกในระยะ ทตี่ ่าํ กวา ผิวนํา้ ประมาณ 1-2 ฟตุ เคยมีการทดลองเกบ็ ขอมูลดา นการเกบ็ เก่ียวสาหรา ยที่มาเกาะติดกระชงั ปลาในเขตจังหวัดตรงั ต้งั แตเดือนมกราคมถงึ กนั ยายน 2531 พบวา สามารถเกบ็สาหรายไดเ ฉลี่ยประมาณกระชงั ละ 1 กโิ ลกรัม (น้ําหนักแหง) ทกุ เดือนเปน เวลา 8-10 เดือนในแตละป วนุ ท่ีผลติ ไดจ ากสาหรายในจงั หวดั ตรงั นี้ มีคา ความแข็งเฉลี่ย ประมาณ 900 กรมั ตอตารางเซนตเิ มตร ซึ่งจดั ไดว าเปนวุนเกรดพเิ ศษ 2. บรเิ วณปาชายเลนในเขตจงั หวัดพังงา เคยมคี ณะวิจัยสํารวจรวบรวมตวั อยางสาหรายใหวนุ ในแถบปา ชายเลนบริเวณทงุ ละออ อําเภอตะกั่วปา ซ่ึงเปนแหลงสาหรายใหว ุนทีเ่ กิดตามธรรมชาตใิ นบรเิ วณกวางสาหรายใหว นุ บรเิ วณน้มี กั จะกระจายเกาะอยกู ับรากตน โกงกางตามบริเวณปาชายเลน ถือไดวา บริเวณเหลา น้ีมีศักยภาพตามธรรมชาติ ท่ีสามารถพัฒนาขยายการเพาะเลยี้ งไดโดยมีการลงทุนสรา งแหลง กกั เก็บ แลวแบงเขตหมุนเวยี นการเก็บเกีย่ ว อยางไรกต็ าม บรเิ วณปาชายเลนจังหวัดพงั งานี้ยังตองการการสํารวจศึกษาเก็บขอมูลอกี มากมาย แตก็ถอื ไดว า บรเิ วณแถบนเี้ ปน บรเิ วณท่ีมีศักยภาพสงู สามารถพัฒนาสูร ะดับอุตสาหกรรมไดหากมี วิชาเทคนิคการเลย้ี งสาหรา ย 3601-2111

26 สาหรายท่ีมีความสาํ คัญทางเศรษฐกิจการลงทนุ และการจัดการท่ถี ูกตอ งเหมาะสม 3. บริเวณชายฝงทะเลดา นอา วไทย ในทะเลสาบสงขลาเปน แหลง ธรรมชาตแิ หลง ใหญสาํ หรบั สาหรา ยใหว ุน แถบนีม้ กี ารเก็บเกี่ยวสาหรา ยใหว นุ เปน สนิ คา ทอ งถ่นิ มานานแลว ปจจุบันมีการเลย้ี งปลาและกุงในกระชังในทะเลสาบสงขลาจํานวนมาก ยิ่งทาํ ใหส าหรายใหวนุ ในบริเวณนี้เติบโตอยา งรวดเรว็ ชาวประมงแถบนี้สามารถทาํ รายไดเ สริมโดยการเกบ็ สาหรายใหว ุน มาตากแหงแลว รวบรวมไวม ากๆ แลวขาย ซ่งึ ราคาจะสงูในชว งเดอื นมีนาคมของทุกป เน่ืองจากเปน ชวงระยะถอื บวชของชาวอสิ ลาม ซ่งึ มักจะนิยมบรโิ ภคสาหรา ยใหวนุสาหรา ยในทะเลสาบสงขลานี้จะเจริญเติบโตไดเ กือบตลอดป ยกเวนในชวงฝนตกและน้าํ จืดลงมาก การเจริญเติบโตมักจะหยุดชะงักไปชวั่ คราว ปจจุบนั ไดมกี ารทดลองเพาะเลี้ยงปลาในกระชงั เพื่อรวบรวมขอมลูสาํ หรับการขยายการผลติ รวมกบั การเลี้ยงปลาในกระชงั 4. ในบรเิ วณชายฝง ของจังหวดั ปต ตานี ชาวประมงแถบชายฝง ดาํ เนนิ การเกบ็ สาหรายใหวุนทเี่ กดิ ตามธรรมชาติจาํ นวนมากมาย โดยเฉพาะในชว งเดือนมกราคมถึงพฤษภาคมของทุกป การเก็บสาหรายแลว นํามาตากแหง บนตะแกรงไมไ ผแลว รวบรวมไวขายทํารายไดใ หแกชาวประมงแถบนีเ้ ปน จาํ นวนมาก นอกจากน้ี ในบางหมบู า นไดม กี ารขดุ บอต้นื ๆ ตามแถบปาชายเลนเพื่อใหนํ้าทะเลไหลผานเขาออกไดต ามนํา้ ข้ึนนา้ํ ลง แลวนาํสาหรายใหว ุนจากธรรมชาติมาเกบ็ กักเล้ียงขยายปริมาณ และเกบ็ เกย่ี วผลผลิตทกุ ระยะ 2-3 เดอื น โดยไดสาหรา ยที่มีนา้ํ หนักเพิ่มขึ้นกวาเดมิ 5-6 เทา ตัว นับเปนแหลง รายไดเสริมทนี่ าสนใจและสามารถพฒั นาเปนการเพาะเลี้ยงขนาดใหญไ ด 5. แถบฝงทะเลตะวนั ออกบรเิ วณจงั หวัดตราด ระยอง และจันทบุรี แถบน้ีเคยเปนแหลง ธรรมชาตทิ ่ีอุดมสมบรู ณข องสาหรา ยใหว ุนในอดตี แตปจจบุ นั สภาพแวดลอมเสื่อมโทรมลงไปมาก เน่ืองจากมีการทาํเหมอื งพลอยและการจับปลาแบบใชอ วนดุน กวาดทําลายพชื และสตั วนา้ํ ทุกชนิด ดังน้นั หากจะมีการเพาะเลยี้ งขยายพนั ธเุ พื่ออตุ สาหกรรมจะตองทํารว มไปกบั การเลี้ยงกงุ และการเลีย้ งปลาในบออยา งไรกต็ าม สาํ หรับสาหรา ยทีจ่ ะนาํ มาใชบ ริโภคท้งั ในลกั ษณะบริโภคโดยตรงและเปนวัตถุดิบสําหรบั ผลิตสาหรา ยอัดเม็ดนนั้ ยังไมไดมีการสํารวจกันอยา งจรงิ จัง ซึ่งถาจะมีการพฒั นาอตุ สาหกรรมการเพาะเลีย้ งสาหรา ยแลว ขอ มลู ของแหลง ที่จะใชเ ปน แหลง เพาะเล้ียงที่มีศักยภาพน้เี ปนขอมลู ท่สี ําคญั ทส่ี ุด เพราะนบั เปน ขอมลูเบือ้ งตนทจ่ี ะใชในการตดั สนิ ใจ สาหรายที่มีความสําคญั ในการเพาะเลี้ยงสัตวน ้ํา โดยท่ัวไปสามารถแบงแพลงกตอนเปนสองกลมุ ใหญๆ ตามลกั ษณะการสังเคราะหอาหาร คอื แพลงกตอนพืช และแพลงกตอนสตั ว 1.คลอเรลลา (Chlorella sp.) เปน สาหรา ยสีเขยี วขนาดเลก็ เซลลร ปู รา งกลม มผี นงั เซลลหนา จึงไมเหมาะกบั การเปนอาหารของสัตวน้าํ วัยออน นิยมนาํ มาใชเปนอาหารของแพลงกตอนสัตว และใชค วบคุมสภาพแวดลอมในบออนุบาลลกู กุงกามกราม ลกู ปลากะพงขาว และลกู กงุ ทะเล วิชาเทคนคิ การเลี้ยงสาหราย 3601-2111

27 สาหรา ยที่มคี วามสาํ คญั ทางเศรษฐกจิรูปท่ี 2 Chlorella sp. รปู ท่ี 3 นํา้ เขยี ว (Chlorella)2.คีโตเซอรอส (Chaetoceros calcitrane หรอื C. gracilis) ไดอะตอมเซลลเด่ียว เปน อาหารทด่ี ขี องลูกกุงในระยะซูเอีย ลูกหอยระยะ veliger จนถึงระยะลงเกาะพ้ืน และไรน้ํากรอย รูปที่ 4 Chaetoceros calcitrane. 3.สเกลโี ตนมี า (Skeletonema costatum) เปน ไดอะตอมทเ่ี ซลลม าตอกันเปน สายยาวนิยมนาํ มาใชเปนอาหารของลูกกงุ รปู ที่ 5 Skeletonema costatum. 4.เตตราเซลมสิ (Tetraselmis suecica) เปนแพลงกต อนพชื ในกลุมสาหรายสีเขียวเชน เดียวกับคลอเรลลา ใชอ นบุ าลลูกกุง ทะเล ลูกหอย 2 ฝา โรตเิ ฟอร ไรนํ้ากรอ ย และอารทเี มยี ระยะเวลาในการเพาะเลย้ี งในสภาพธรรมชาติ 2-4 วัน วชิ าเทคนคิ การเลยี้ งสาหรา ย 3601-2111

28 สาหรายที่มคี วามสําคญั ทางเศรษฐกิจ รปู ที่ 6 Tetraselmis suecica. 5.ไอโซครัยซิส (Isochrysis sp) เปน อาหารท่ีเหมาะสมสาํ หรบั การอนบุ าลลูกหอย 2 ฝา มีกรดไขมันท่ีจาํ เปน สาํ หรับสัตวน ํา้ เค็มสูง เจริญเติบโตไดดใี นสภาวะท่ีใกลเคียงกับคโี ตเซอรอส แตถ าเล้ียงไวใ นหองปฏบิ ัติการในขวดแกวกนแบนขนาด 2 ลติ ร อุณหภมู ิ 27 องศาเซลเซยี สความเขม ของแสงประมาณ 6000ลักซ จะสามารถเจรญิ เตบิ โตไดน านเปน 10 วัน รปู ท่ี 7 Isochrysis sp. 6.สไปรูไลนา (Spirulina platensis) หรอื สาหรายเกลยี วทอง เปน สาหรายสีเขยี วแกมน้ําเงินมีลักษณะเปน เสน สาย เจรญิ เติบโตดใี นนาํ้ ทเ่ี ปน ดาง มีความสาํ คญั ทางเศรษฐกจิ เนื่องจากมคี ุณคาทางโภชนาการสงู ชวยเพิม่ ภูมิตา นทาน รปู ท่ี 8 Spirulina platensis. 7.โรตเิ ฟอร (Brachionus sp) โรติเฟอรเ ปน อาหารมชี วี ิตทเี่ หมาะสมสําหรับลกู กุง ระยะไมซีสและลูกปลาระยะเริ่มกนิ อาหาร นยิ มใชเปนอาหารลกู สตั วนา้ํ ในชว งตอจากแพลงกต อนพืชและกอนระยะท่ีเลีย้ งดวยอารท ีเมยี วชิ าเทคนคิ การเล้ียงสาหรา ย 3601-2111

29 สาหรายที่มีความสําคญั ทางเศรษฐกิจ รูปท่ี 9 Brachionus sp. รูปที่ 10 โครงสราง โรติเฟอร8.อารทีเมีย หรือไรสีนํ้าตาล หรือไรนํา้ เค็มเปนแพลงกตอนสตั วทไ่ี มพบในแหลง นํ้าธรรมชาตขิ องประเทศไทย สามารถใชเปน อาหารอนุบาลลูกสัตวนํา้ วัยออนไดโดยตรง และยังสามารถแปรรูปเปน อารทเี มยีแชแ ข็ง อารทเี มียผง อารทีเมียแผน หรอื ใชเปน วตั ถดุ บิ สาํ หรับผลติ อาหารสาํ หรับรปู โปรตีนสูงสาํ หรับใชในการเพาะเล้ยี งสัตวน ้ํา รปู ที่ 11 อารท ีเมยี รปู ที่ 12 แสดงลกั ษณะภายนอกและภายในของอารทีเมีย 9.ไรน้าํ กรอ ย เปนแพลงกตอนสตั วใ นกลมุ เดยี วกบั ไรแดง มีคณุ คาทางโภชนาการใกลเคยี งกับอารทีเมยีแรกฟก วิชาเทคนิคการเลย้ี งสาหราย 3601-2111

30 สาหรา ยท่ีมคี วามสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ รปู ท่ี 13 ไรนํา้ กรอย 10.ไรแดง (Moina macrocopa ) เปนแพลงกต อนสัตวนาํ้ จดื ขนาดเลก็ ลําตัวมสี สี มหรอื สคี อ นขางแดง เปนอาหารธรรมชาตทิ ่ีดีชนดิ หนึ่งในการอนุบาลลกู ปลาทง้ั นํา้ จดื และนํา้ กรอย โดยเฉพาะปลาทีส่ าํ คัญทางเศรษฐกจิ ทนี่ ยิ มเล้ยี งกันในปจจุบนั เชน ปลาดุก ปลาสวาย ปลาบู และปลาสวยงามทว่ั ไปรูปท่ี 14 ไรแดง รูปท่ี 15 ลกั ษณะภายนอกและภายในของไรแดง11.โคพีพอด (Copepod) เปนแพลงกต อนสัตวท ี่พบมากตลอดปทะเลฝงอาวไทย เปนหวงโซอ าหารสาํ คัญท่เี ชื่อมระหวางแพลงกตอนพชื กับสตั วนา้ํ วยั ออน ในประเทศไทยพบโคพีพอดเฉพาะในแหลง น้ํากรอยรวมทงั้ บออนบุ าลเล้ียงลูกกุงกามกราม จะเปน โคพีพอดที่มีขนาดเลก็ อาจจะพบคลานอยูท่ีพื้นและผนังบออนบุ าล โคพีพอดในกลุมน้จี งึ ไมค อ ยเหมาะสมท่ีจะใชอ นุบาลลูกสัตว รปู ที่ 16 โคพีพอด วชิ าเทคนิคการเล้ยี งสาหรา ย 3601-2111

31 สาหรายที่มคี วามสาํ คัญทางเศรษฐกิจ แบบฝกหัดทายบท1.ใหน ักศึกษาวาดรูปสาหรายทมี่ ีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจมา 10 ชนิด โดยใหบอกชอื่ สาหรา ยชนิดนั้น ทงั้ ชื่อภาษาไทย ชอื่ สามัญ และชือ่ วทิ ยาศาสตร2.ใหนักศึกษาทํารายงานเก่ียวกับสาหรา ยทมี่ าความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ เลือกคนละ 1 ชนิด โดยบอกประโยชนข องสาหรายชนดิ ที่เลือกวา นํามาใชท ําอะไร มคี วามสาํ คัญทางเศรษฐกิจอยางไร และใหลําดับขัน้ ของหมวดหมาสิ่งมชี วี ิต (taxonomic category) เขียนเรียงลําดบั จากขน้ั สูงสุดลดหล่ันลงมาขัน้ ตํ่า วิชาเทคนิคการเลยี้ งสาหราย 3601-2111

32 สาหรา ยท่ีมีความสาํ คัญทางเศรษฐกิจ เอกสารอา งอิงhttp://www.thaieditorial.com/http://chlorella.co.nz/chlorellaimages/chlorella.jpghttp://seahorsebreeder.co.uk/http://cfb.unh.edu/phycokey/Choices/Bacillariophyceae/Centric/Centric_Filaments/SKELETONEMA/Skeletonema_Image_page.htmlhttp://www.suggest-keywords.com/aXNvY2hyeXNpcyBzcA/http://blog.dlahn.com/spirulina-protein/http://hashmidawakhana.co.in/spirulina-platensis.htmlhttp://biology.mcgill.ca/faculty/fussmann/rotifers.htmlhttp://www.fao.org/docrep/005/X3980E/x3980e05.htmhttp://www.fisheries.go.th/http://home.kku.ac.th/pracha/Food.htmhttp://www.nicaonline.com/http://farmfriend.blogspot.com/2012/01/blog-post_02.htmlhttp://kanchanapisek.or.th/http://www.fao.org/fishery/species/2788/enhttp://www.uniprot.org/taxonomy/31447https://www.linkedin.com/http://cfb.unh.edu/phycokey/Choices/Rhodophyceae/Macroreds/GRACILARIA/Gracilaria_image_page.htmhttp://www.seaweed.ie/descriptions/Gelidium_spinosum.phphttp://nathistoc.bio.uci.edu/Algae/Macrocystis%20pyrifera/index.htmhttp://www.irishseaweeds.com/kelp-laminaria-digitata/http://www.seaweedsofalaska.com/species.asp?SeaweedID=18http://www.tipdisease.com/2015/04/kelp-ascophyllum-nodosum-overview.htmlhttp://natural-history.main.jp/http://www.mindenpictures.com/http://www.algaebase.org/search/species/detail/?species_id=2809 วชิ าเทคนคิ การเล้ยี งสาหรา ย 3601-2111


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook