Vol.3
สารบัญ ชมรมภาษาและวัฒนธรรมไทย 01 การสร้างสรรค์ประโยชน์เพื่อสังคม 03ผ่านการใช้ศิลปะในแบบฉบับชมรมครุศิลป์เพื่อสังคม 4 ข้อควรรู้เกี่ยวกับ CU-TEP 05 FLTA ชวนครูไทยไปต่างแดน 07 วิถีชีวิตที่ถูกตีกรอบ กับโอกาสการเรียนรู้ที่หายไป 09 คุณค่าของคุณอยู่ที่ใคร 11 ลูกเสือ เส้นทางสู่ทหาร จริงหรือไม่ 13 สิ่งที่ครูควรรู้และทำในวันแรกของการเปิดเรียน 15 ฝึกสอนพลศึกษาในสถานการณ์โรคระบาด 17 ความท้าทายและประสบการณ์ 19 กาลครั้งนั้น...นิรันดร 21 ความรักของคุณยิ่งใหญ่กว่าผมเหรอ? 23 mini game เขาวงกต 25 ความรัก กุมภาพันธ์ 27 LOVE 2392 HBD คุณครูปาฏิหาริย์ 34 แด่การเปิดใจรับใครอีกคนเข้ามาเติบโตด้วยกัน รายชื่อผู้จัดทำ
ร่วมเรียนรู้คู่ความสุขสนุกสนาน สร้างสรรค์งานกิจกรรมนำสมัย ‘ชมรมภาษาและวัฒนธรรมไทย’ สืบสานไว้ประดับถิ่นแผ่นดินทอง เนื้อหาวิชาการขนาดนี้ กิจกรรมในชมรมจะวิชาการด้วยมั้ยนะ? ถึงแม้ว่าเนื้อหาจะดูวิชาการ แต่ขอบอกเลยว่ากิจกรรมของชมรมนั้นมีทั้งความหลากหลาย และความสนุกสนาน ปีที่ผ่าน ๆ มาชมรมก็จัดให้มีการแสดงละครนอก ประกวดเดินแบบชุดตัวละคร ในวรรณคดี รวมถึงในภาคการศึกษาต้นที่ผ่านมายังมีกิจกรรม ‘เจรจา party’ ร่วมกับ ชมรมโต้วาทีอีกด้วยนะ กิจกรรมแบบนี้ หาได้ที่ชมรมภาษา และวัฒนธรรมไทยที่เดียว นอกจากกิจกรรมที่กล่าวไปข้างต้น อีกกิจกรรมที่เมื่อกล่าวถึงก็ทำให้รู้เลยว่า ‘นี่แหละชมรมภาษา และวัฒนธรรมไทย’ นั่นก็คือกิจกรรม ทัศนาวัฒนธรรมประจำจังหวัด ที่จะพาสมาชิก ชมรมทุกคนไปชมศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่นนั้น ๆ ความน่าตื่นเต้นอยู่ตรงที่สมาชิกชมรมจะได้ลุ้นว่าแต่ละปี ได้ไปจังหวัดไหน โดยปีนี้ชมรมวางแผนว่าจะนั่งรถไฟไป มีการจัดกิจกรรมสนุก ๆ เกี่ยวกับภาษาและ วัฒนธรรมบนตลอดระยะเวลา ในการเดินทางแต่จะเป็นที่ไหนนั้น รอติดตามในเพจชมรมได้เลย! 1
Writer: นางสาวหยาดน้ำตา ชมรมเล็ก ๆ ที่แสนอบอุ่นนี้ จะพาเราทุกคนไปสัมผัส กับภาษาและวัฒนธรรมไทยในมุมมองใหม่ ๆ ทั้งยัง อัดแน่นไปด้วยความรู้ และความสนุกสนานบันเทิงใจ และจะทำให้เราได้รู้ว่า ภาษาไทยนั้นสนุกกว่าที่คิด! จากชมรมถึงนิสิตทุกท่าน “อยากเชิญชวนนิสิตครุศาสตร์ทุกคนที่มีความหลงรักในภาษาและวัฒนธรรมไทย หรือไม่ว่าใครก็ตาม ที่อยากลองมาค้นหาองค์ความรู้และมุมมองใหม่ๆ มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เข้ามาช่วยคิดสร้างสรรค์กิจกรรม และร่วมสนุกไปด้วยกัน ทุกคนจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและมีส่วนร่วมในชมรมอย่างแน่นอน” ช่องทางติดต่อและติดตามกิจกรรมชมรม 2 Facebook : ชมรมภาษาและวัฒนธรรมไทย คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย Instagram : th_langandcult
การสร้างสรรค์ประโยชน์เพื่อสังคม ผ่านการใช้ศิลปะในแบบฉบับ ชมรมครุศิลป์เพื่อสังคม Writer : apocalypse ‘ ไม่ว่าจะอยู่เอกอะไร หรือสาขาไหน ถ้ามีใจรักในการทำงานจิตอาสาผ่านการทำงานศิลปะ ก็สามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชมรมครุศิลป์สู่สังคมได้ ’ ทำความรู้จักกับชมรมครุศิลป์สู่สังคม ชมรมครุศิลป์สู่สังคมเป็นชมรมที่เกี่ยวข้องกับการทำงานจิตอาสา โดยมี การนำศิลปะมาบูรณาการในการทำประโยชน์เพื่อสังคม เช่น การปรับปรุง ภูมิทัศน์ การใช้ศิลปะในการพัฒนาหรือส่งเสริมพื้นที่ในสังคม การจัดทำสื่อ การศึกษา เป็นต้น ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ที่ผ่านมา ทางชมรมครุศิลป์สู่สังคมมีการออกแบบการสร้างสรรค์กิจกรรม ออกมาในรูปแบบออนไลน์ เพื่อที่จะยังคงส่งต่อประโยชน์ให้แก่สังคม แม้จะ เป็นช่วงวิกฤตของบ้านเมืองก็ตาม การนำเอาศิลปะเข้ามาใช้ในการทำงานจิตอาสานับเป็นจุดเด่นของทาง ชมรมครุศิลป์สู่สังคม เนื่องจากการนำศิลปะเข้ามาใช้นั้นไม่เพียงแต่จะเป็น การทำประโยชน์เพื่อสังคม แต่ยังเปิดโอกาสในการจุดประกายความคิด ทางด้านศิลปะให้แก่ผู้ที่ได้ชื่นชมผลงานที่ได้สร้างสรรค์ออกมาอีกด้วย 3
เซอร์ไพรส์จากทางชมรม ต้อนรับภาคการศึกษาปลายปี 2564 ปีการศึกษา 2564 นับเป็นปีที่มีความพิเศษเนื่องจากจะมี การรวมตัวเพื่อ collab กัน ระหว่างชมรมสังกัดฝ่ายพัฒนาสังคม และบำเพ็ญประโยชน์ อย่างชมรมครุศิลป์สู่สังคม ชมรม ZONTA สานฝันเด็กและสตรี และชมรมจิตอาสา เพื่อสร้างสรรค์กิจกรรม เพื่อสังคมที่เป็นการบูรณาการระหว่างทั้งสามชมรม โดยจะมี การประชาสัมพันธ์รายละเอียดกิจกรรมในช่วงต้นปี 2565 ให้ได้ติดตามกันผ่านช่องทางอินสตาแกรมของชมรม แง่มุมของประโยชน์จากศิลปะ พลอย ประธานชมรมครุศิลป์สู่สังคม ได้ยกศิลปะบำบัด (Art Therapy) มาเป็นตัวอย่างประโยชน์ของศิลปะ โดยมองว่าศิลปะ เป็นสิ่งสวยงามที่แค่ได้มองก็ทำให้มีความสุขได้แล้ว ศิลปะมีหลากหลาย รูปแบบคล้ายกับดนตรี สำหรับคนที่ชีวิตอาจจะไม่ได้ผูกพันอยู่กับศิลปะ อย่างคนที่เรียนทางด้านศิลปะโดยตรง ก็สามารถเลือกเสพงานศิลป์ได้ คล้ายกับการเลือกเสพเพลง เวลาเราฟังเพลงบางครั้งก็จะช่วยให้คลาย เครียดได้ ศิลปะก็สามารถเป็นกิจกรรมที่คลายเครียดได้เช่นเดียวกัน ถือเป็นงานอดิเรกที่ดีสำหรับเลือกทำยามว่าง เพราะความจริงแล้วศิลปะ เป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวคนเรา ช่องIทGาง: ตaิrดteต่dอcชamมรpม 4
4 ข้อควรรู้ เกี่ยวกับ CU-TEP โดย พิมพ์ลภัส ทุกคนคงเคยได้ยินผ่านหูผ่านตากันมาไม่น้อยเกี่ยวกับ การสอบ CU-TEP ทว่าการสอบ CU-TEP คืออะไร นำไปใช้ได้อย่างไร ที่นี่มีคำตอบ 1. จุดประสงค์ของการสอบ CU-TEP ? CU-TEP ย่อมาจาก Chulalongkorn University Test of English Proficiency เป็นการสอบวัดระดับที่ทางจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยพัฒนาขึ้นเพื่อวัดความสามารถ ด้านทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียนภาษา อังกฤษ 5
2. รายละเอียดการสอบเป็นอย่างไร ? ข้อสอบมีจำนวนทั้งหมด 120 ข้อ คะแนนเต็ม 120 คะแนน แบ่งเป็น 3 ตอน เวลาทั้งหมด 130 นาที ตอนที่ 1 การฟัง (Listening) จำนวน 30 ข้อ 30 นาที ตอนที่ 2 การอ่าน (Reading) จำนวน 60 ข้อ 70 นาที ตอนที่ 3 การเขียน (Writing : English Structure) จำนวน 30 ข้อ 30 นาที ประกาศผลคะแนนสอบ หลังจากสอบเสร็จไม่เกิ นสองสัปดาห์ โดยผลการสอบจะมีอายุ 2 ปี 3โด.ยนใับคจราตก้วัอนงที่สสออบบแบล้ะาคง่าส?มัครสอบทสมhีราtาาtงมpควิา:าช/ร9/าwถ0 ก0สwาบมรwัาแคท.หรa่สงtจcอุฬ.บcาไhลดu้งผl่กaาร.นaณท์cมา.tหงhเา/ว็tวบhิท_ไยซhาตt์ลmขัยอl/งtศhู_นtยe์ทpด.hสtอmบl ผู้ที่ต้องใช้คะแนนสอบ CU-TEP ได้แก่ นักเรียนที่ต้องการสมัครสอบเข้าหลักสูตร นานาชาติของแต่ละคณะในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ที่กำหนด นิสิต ในระดับปริญญาตรี โท เอกของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและบุคคลทั่วไปที่ต้องการทดสอบ ความสามารถทางภาษาอังกฤษของตนเอง 4. เตรียมตัวได้อย่างไรบ้าง ? เริ่มเตรียมตัวจากการเช็ครายละเอียด เนื้อหา เวลา จำนวนของข้อสอบและ ทำการสมัครสอบตามขั้นตอนที่ระบุไว้ผ่านทางเว็บไซต์ ฝึกเรียนรู้คำศัพท์ที่ใช้ในชีวิตประจำ วัน ทำแบบฝึกหัด เรียนรู้จากในคู่มือ หรือคลิปการสอนในช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ รวมไปถึง ฝึกการอ่านภาษาอังกฤษไม่ว่าจะเป็นจากสำนักข่าวยอดฮิต เช่น CNN BBC หรือรับชม ภาพยนตร์เพื่อฝึกการฟัง เป็นต้น เพื่อสร้างความเคยชินแก่เราเองก่อนสอบ 6
FLTAชวนครูไทยไปต่างแดน Foreign Language Teaching Assistant Program หรือ FLTA หนึ่งในทุนการศึกษารัฐบาลสหรัฐ ที่เรียกกันว่าทุนฟูลไบรท์ (Fulbright Scholarship) เป็นทุนการศึกษาที่มอบให้แก่ผู้รับทุนโดยไม่มีพันธะ ผูกพันเพียงเข้าร่วมโครงการและร่วมทำกิจกรรมให้ บรรลุตามวัตถุประสงค์ของแต่ละทุน 7
ทุน FLTA คือทุนการศึกษาที่มอบให้แก่ผู้สมัคร ที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ การเรียนการสอนภาษาไทยในสถาบันการ ศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยผู้รับทุน จะรับหน้าที่เป็นผู้สอนภาษาไทยในชั้นเรียน สไวหดุนฒส้้รเทอิัขกมฐอกิัำไยอนอคาทากงเจร7รรยมาัาศฐผ93รแูึรร้หิมกท-ศ5ลกียีึ่8์รษคกสะืาผอู0้ะสมษาสปุสัแีอขคา(อภถนIภยใรนB่าานนาเาTภยบขงพส้)กัใานานถสา้หนรษอก่รามวรวายืทาับมอนบอัรรูดันโรทเะงีIสคร่ณกกEดียั์อรLาฤบแน1งTบรษปขกSศร็วงึัทราะีดิกสแอ่ญรดโิรษัรงยจรบ่ะญหงาะางดอาเตใงัุาร้บดคนนตีอตย้้มมอปองรนีเศTยขงรมึปOเะอโก็ัปนธ6เด็งEษทยน.ผปFยู0าี้ศมคLททไีุี่่ศมณแมทึ่อีอกลเำสคาคัยษะกญ่ยรยูามุาาหไีชงรมราื่อติ นLเำaแขว้มัลาnฒาระg่เวนซรพึuั่มีบงธยaปเรผงพิgรรืดเ่มะอชeืช่สอเจอปบมTา็ับeน่กกนตaสส่าใ่อวรcหนหนณhรต์ันัหiฐอn้วัอานเนึg่ทอเงีมม่งขทีAีรค่อิไ่กsางดพs้าโทรีi่ัรคsคบ้อุtรaณมมงีnกกลทคีืt่าามจวรรPะาไเrเมมตoร่ีตลยรัgี้ยงงนrใมaรูจF้ภตmoัาวrษสeมอุมา่iางgัแคมจัnล่รนะ และทําการศึกษาเล่าเรียนในสถาบันการ ศึกษาอย่างน้อยสองรายวิชาต่อหนึ่งเทอมไป พร้อมกันเป็นระยะเวลา 9 เดือน นอกจากนี้ ผู้รับทุนยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ภาษา และวัฒนธรรมตามวัตถุประสงค์ของฟูลไบรท์ โครงการ FLTA ยังเป็นโอกาสในการพัฒนา รูปแบบการเรียนการสอนจากการสอนภาษา ไทยและส่งเสริมให้เกิดความชำนาญในการ ใช้ภาษาอังกฤษตลอดระยะเวลาของการเข้า ร่วมโครงการ โดย คุณนะ 8
วิถีกชับีวโิอตกาทีส่ถกูากรเตรีียกนรรู้ทีอ่หบายไป สืบเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่ดำเนินต่อเนื่องมามากกว่า 10 ปีในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ทำให้หลายสิ่งหลายอย่างถูกปิดกั้น และพรากไปจากประชากร ในพื้นที่ไปอย่างน่าเสียดาย ถึงแม้สถานการณ์ปัจจุบันอาจดูไม่รุนแรงมากนัก แต่วิถีชีวิต ของคนในพื้นที่กลับถูกตีกรอบด้านเวลาไว้อย่างสิ้นเชิง ลักษณะของวิถีชีวิตคนในพื้นที่กล่าวได้สั้น ๆ คือ เช้าออกมาใช้ชีวิต ดวงอาทิตย์ตกดินต้องกลับเข้าบ้าน ซึ่งจาก วิถีชีวิตดังกล่าว ส่งผลต่อการจัดการเรียนการสอนเป็นอย่างมาก ทั้งในแง่ของการจัดกิจกรรมนอกเวลาเรียนเพื่อ เสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ และการถูกจำกัดเวลาในการเรียนรู้ด้วยตนเองของนักเรียน การจัดการเรียนรู้อย่างยั่งยืนในศตวรรษที่ 21 นี้ คงมิใช่เพียงแต่การจัดการเรียนรู้ในห้องเรียนเท่านั้น แต่จะต้อง สอดแทรกการจัดกิจกรรมนอกเวลาเรียนเสริมกันไปด้วย ซึ่งจากความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ทำให้ไม่สามารถจัด กิจกรรมเหล่านี้ได้ เพราะทั้งนักเรียนและครูต่างต้องใช้เวลาช่วงหลังเลิกเรียนในการกลับบ้านเพื่อความปลอดภัยของ ตนเอง รูปแบบการจัดกิจกรรมนอกห้องเรียนจึงต้องใช้วันหยุดเพื่อจัดกิจกรรมแทน ซึ่งก็เป็นการลดเวลาพักผ่อนของทั้ง ครูและนักเรียน และเพิ่มค่าใช้จ่ายมากขึ้น ดังข้อมูลจากรายงาน อุปสรรคบนเส้นทางการศึกษาของนักเรียน 3 จังหวัด ชายแดนใต้ ของสำนักข่าวไทยพีบีเอส ได้ให้ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ของ นางสาวนงนุช กั้งยอด ผู้อำนวยการโรงเรียน เปล อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส โดยกล่าวว่า การจัดกิจกรรมนอกเหนือจากรายวิชาพื้นฐาน เช่น ลูกเสือ เนตรนารี หรือค่ายวิชาการต่าง ๆ ไม่สามารถจัดค้างคืนภายในโรงเรียนได้ จึงต้องเดินทางออกไปจัดกิจกรรมนอกพื้นที่ 3 จังหวัด ชายแดนใต้เพื่อความปลอดภัยของนักเรียน แต่การจัดกิจกรรมนอกพื้นที่ต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้น จึงสร้างปัญหาให้ กับทางโรงเรียนเป็นอย่างมาก 9
นอกจากการจัดกิจกรรมนอกห้องเรียนจะถูกตีกรอบด้านเวลา และความปลอดภัยแล้วนั้น การเรียนรู้นอกห้องเรียนด้วยตนเอง ของนักเรียน เช่น การซักถามข้อสงสัยกับครูผู้สอน การเรียนพิเศษ และการทำงานกลุ่ม ก็ถูกจำกัดด้วย ทำให้นักเรียนต้องใช้เวลาว่าง ในช่วงวันหยุดเพื่อเรียนรู้ ซึ่งด้วยช่วงเวลาที่จำกัดนี้ ทำให้ไม่ สามารถเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่อีกเช่นเดียวกัน ดังนั้น จากข้อมูลที่ กล่าวมาข้างต้น การจัดการเรียนรู้ของโรงเรียนในพื้นที่ จึงแทบไม่มีวันหยุดให้กับทั้งครูและผู้เรียนเลย ต้นตอของปัญหาเหล่านี้อยู่ที่ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ หากภาครัฐยังคงไม่สามารถจัดการ ได้อย่างสันติ วิถีชีวิตของคนในพื้นที่ยังแต่ไม่เอื้อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่ยั่งยืน และผมเชื่อว่า “โอกาส” ที่นักเรียนควรได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียม ก็จะหลุดลอยไปอย่างน่าเสียดาย Achita Maluleem 10 รายการอ้างอิง : https://mgronline.com/daily/detail/9610000034522
คุณค่าของคุณอยู่ที่ ใคร? กล้วยมะขามแถวสามย่าน ในความคิดของคุณ คุณคิดว่าใครคือคนที่เก่งที่สุด? ใครคนนั้นอาจจะเป็น ยอดมนุษย์ผู้ปราบเหล่าร้าย หรือเป็นคนใกล้ตัวที่คอยอยู่เคียงข้างคุณในทุก ๆ วัน ทุกคนย่อมมีคนที่ทรงคุณค่าสำหรับตนเองแตกต่างกัน แต่ในสังคมเรากลับให้คุณค่า “คนเก่ง” เพียงบางกลุ่ม โดยเฉพาะคนที่ประกอบอาชีพตามค่านิยมของสังคม เช่น แพทย์ วิศวกร ทำให้การจัดการศึกษาส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการเรียน เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับอาชีพเหล่านี้อย่างคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ และลด การสอนวิชาที่ไม่เกี่ยวข้อง เช่น วิชาศิลปะ ดนตรีและการแสดงลง แต่การจัด การเรียนการสอนแบบนี้ดีแล้วหรือไม่ เรากำลังมุ่งสร้าง “คนเก่ง” เพียงแบบเดียว ทั้งที่การพัฒนาสังคมต้องใช้คนที่มีความสามารถหลากหลายมาร่วมมือกัน แต่การศึกษากลับพาเราก้าวไปในทิศทางนี้ 11ขเลคสชผู้อ่่ว้ววนบงนานเเรมดเหใรีปหสย็ลย่นำว\"ญาาท่เคกศยััคัวิญกบ่ลนาTษปอกใิEัหะโานบD้รขชคมทีบอัพิวTากนงากอaษืสม่มมนัlะนนkสาุบ\"ๆษำยทีาค่ทยหมัีง์ค่ญีทสนเีผำึู่่ร่ื้มงกง่วชอีัิมใคบจมงุนอณาคมนบเรวัชาคกณ่ค่ากนา์กวมทขีาแา่กรอสูร้มุลเางดรศืสระึ่เอุใกครสขน้งษอนาใใปหงมาด้รโเทผาเีพรูะ่ร้รืทคบ่วลอถิัรนตนงงสิงผหศสอ่รกั้ิาานนาทึาน่สงสงรธผตอิมาแพาลรมาส์ลชกงาดีไทาพเรดีง่ก้นสถิกทุีนทขด่พลัช้ิ่ไ่องใาสปวนูทงวีจย่พโทวแนพลัิ์ัวจกลไกฒกดาษะ้รเแนผแะข่ณทลเาา์าหนสะบกัลเงผา่ไปาคม็รล่นนมศีใง้ึหกา้นษา
พวกเราต่างชื่นชมและให้คุณค่ากับพวกเขาเมื่อพวกเขา ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียง แต่เส้นทางแห่งศิลปะกลับเต็มไปด้วย อุปสรรคจากทัศนคติของสังคม โดยเฉพาะในสังคมไทย เราอาจจะเคย ได้ยินคำดูถูกอาชีพเหล่านี้ว่าเป็นอาชีพ “เต้นกินรำกิน” หรือสะท้อน จากระบบการศึกษาส่วนใหญ่ของไทยที่มีจำนวนชั่วโมงของรายวิชา ศิลปะเพียงหนึ่งถึงสองคาบต่อสัปดาห์ แม้สังคมส่วนใหญ่จะให้เหตุผล ว่าอาชีพที่เกี่ยวข้องกับศิลปะเป็นอาชีพที่มีรายได้ไม่มั่นคง และไม่ควร นำมาประกอบอาชีพ แต่ความจริงแล้วเราให้คุณค่าแค่ความมั่นคงด้าน รายได้เท่านั้นหรือ? แล้วใครกันล่ะที่กำหนดคุณค่าให้กับเรา? ไมทมหห่นำกวแแุาา่ษใาากตมกห่ร้ปย้ไผหเข์ูศสมร้ทรึัเ่าาุกางขมะกกีดีคอษกยแคเเมารอนาหพนจาขพบมลทยัเเ่อ่อฒปรอาอิย็่ง์มศางนมดนิเีชวจลรเ่แีาพาพาๆาปคตีิหพกยนในกัคตาดงฒทัตทีอกวกี่่่ค็คนามยเเยีรงร่อนาชคอากา่ยไตัววมเเดันแล้อวยาปือตอเมงรท่รลยัุใงกก่็สะกาหกแเษา้แสคงเรคใตีมมๆาุลส้บยืหวณ่ม้ราอะมนาค่ยโใารนเคมบใวัลอนม่งถู้ืนนาส่ารกมกสอแกัสมเณาใิาัรงทตร่ั์บบมงุสยบคากกทตาำนเีมจคีั่ตครแ้รเเว่ดะวราราน้ถตไ็เสว่าาคจงรมมหเ่รามยกีัรางัสัคนเกมาทคนหุพาใณมกาวรไลหม็ทรรดคา้มาคา้าำาคถ่ใงมอุากาะรงหณเมยนบ้ขคหถปาี่ัเชาคกนกนอเวลีล่ัีปีงวา่บยางใเาิยเทลตกนตมรทยีโินัั่่รยบทงตวสสนีาิิแี่ค่อน้เใไทงาเัไนอุรทหนรทดแม้ก้ีี้้สงาว่ยคหใปเีาคุยรสคนมณรแลัิลนานดทถไลาีงชคด่ขข่กสทใะ้อาุุใหออหดก้กนบังงลอนวทัาาุนแกยชลีนคีพ้ะนกัน เคน โรบินสัน (Sir Ken Robinson), Do schools kill 12
ลูกเสือ = เส้นทางสู่ทหาร จริงหรือไม่? ย้อนกลับไปช่วงสงครามโลกครั้งที ่ 1 ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากสงคราม จึงต้องมีการสร้างกองกำลังกึ่งทหารฝึกข้าราชการ พลเรือนโดยใช้วิธีการแบบทหารเพื่อป้องกันประเทศ ซึ่งก็คือ “กองเสือป่า” แต่ภายหลังการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว กิจการกองเสือป่าก็โดนยุบไปเป็นส่วนหนึ่งของคณะลูกเสือแห่งชาติ เพียงแต่วิธีการ/กระบวนการทหารยังคงอยู่ และถูกสานต่อโดยกระทรวงศึกษาธิการตัวดี หนำซ้ำมันยังผลิตและทำซ้ำไปเรื่อย ๆ จนถึงทุกวันนี้ มีเพียงเครื่องแบบที่เปลี่ยนไป (ชุดลูกเสือดั้งเดิมจะเป็นแบบกองลูกเสือโรงเรียนวชิราวุธ) อย่างไรก็ตามยังมีเด็ก เยาวชน บาง คนชอบวิธีการ/กระบวนการทหารของลูกเสือ เพราะธรรมชาติของกิจกรรมลูกเสือช่วยสร้างบุคลิกที่ปลุกความเป็นผู้นำ, เป็นกิจกรรมผจญภัย, มีกฎระเบียบ ทำตามคำสั่ง และนั่นก็กลายเป็นสิ่งจุดประกายบุคลิกของตนเอง เมื่อโตขึ้นมา สังคมวงการทหารก็มีอะไรหลายอย่างที่หน้าตาคล้ายกับลูกเสือไม่ว่าจะเป็น เครื่องแบบ สวนสนาม ออกคำสั่ง การลงโทษ ใช้อำนาจบัญชาการระดับขั้นสูงถึงต่ำ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมลูกเสือจึงมีโอกาสเป็นเส้นทางสู่สายทหารได้ 13
ในอนาคตอันใกล้นี้ ผู้เขียนมองว่าถ้ากิจการลูกเสือไทย ยังคงอ้างเรื่องการสานต่อพระราชปณิธานและบังคับ ให้เรียนลูกเสือต่อไป จะเป็นการสร้างสถานการณ์ความกดขี่ ทัศนคติที่บิดเบี้ยวและการใช้อำนาจสั่งการที่ผิด ๆ ในโรงเรียนต่อไปเรื่อย ๆ จนลูกเสือเป็นวิชาที่สร้างความทุกข์ทั้งผู้เรียนและผู้สอนเอง แล้วเราในฐานะผู้ที่จะกลายเป็นผู้สอนวิชานี้ควรทำอย่างไร ? อันดับแรกคือลบคำว่าทหารออกจากหัวเสียก่อน สร้างทัศนคติกิจกรรมพัฒนาเยาวชนขึ้นมาใหม่ จากนั้นใช้เกมหรือกิจกรรมกลุ่มย่อยที่ทำให้เกิดการระดมสมองแก้ปัญหาต่าง ๆ อาจใช้โร้ดแมพของ SDGs เป็นโจทย์ในการทำกิจกรรม หรือ รวมกลุ่มวางแผนการเดินทางในเมือง โดยไม่ต้องพึ่ง GPS พร้อมกับการจัดเตรียมสัมภาระชิ้นเล็ก ๆ เพียงเท่านี้ก็พัฒนาทักษะการเข้าสังคม แล้วสรุป ลูกเสือต่างจากทหารอย่างไร? รู้จักการเตรียมพร้อม ถ้าพูดกันตรง ๆ คือ ลูกเสือไม่ได้ฝึกไปเ พื่อฆ่าคนหรือทำสงคราม หรือ Be Prepared ตามคติพจน์ลูกเสือแล้ว ลูกเสือเป็นเพียงองค์กรหนึ่งที่มีกิจกรรมพัฒนาทักษะเด็กและเยาวชน ในด้านต่าง ๆ ซึ่งลูกเสือหลาย ๆ ประเทศก็พัฒนาตัวเอง ไปเป็นกิจกรรมเพื่อสังคมเป็นที่เรียบร้อย (สามารถย้อนไปอ่านได้ในฉบับเดือนธันวาคม) เพราะบริบทของลูกเสือทุกวันนี้ ไม่ได้จำกัดเพศ, ชนชาติ, สถานที่, หรือกิจกรรมอีกต่อแล้ว หากแต่เป็นลูกเสือที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับ เด็กและเยาวชนเพื่อสร้างสรรค์สังคมไปด้วยกัน - Jakbore e - sdgs 14
สิ่งที่ครูควรรู้ ดาหลา และทำในวันแรกของการเปิ ดเรียน ทุกอย่าง บนโลกนี้ไม่มีความแน่นอน โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ ระบาดของ COVID-19 ทำให้ ทั่วโลกเปลี่ยน สังคมเปลี่ยน และ การศึกษาก็ต้องเปลี่ยนไปด้วย ดังนั้น จึงเป็นเรื่องยากหากครูจะ ต้องปรับเปลี่ยนแผนการสอนที่ได้จัดทำและออกแบบอย่าง กะทันหัน การเปลี่ยนแปลงการเรียนการสอนจึงเป็นเรื่องหนึ่งที่ ท้าทาย แล้วครูจะทำอย่างไรให้วันแรกของการไปโรงเรียนของ นักเรียนเป็นวันที่สวยงามและสมกับการรอคอย สิ่งที่ครูควรรู้และทำในวันแรก ของการเปิดเรียนตามหลัก 5 ส สร้าง คือ สร้างความปลอดภัย ครูควรคำนึงถึงความปลอดภัยของนักเรียนเป็นสำคัญ ตามทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของ 1 มาสโลว์ (maslow) เพื่อให้นักเรียนเกิดความเชื่อมั่นในการเข้ามาเรียนที่โรงเรียน โดยมีวิธี การปฏิบัติที่หลากหลาย เช่น การเว้นระยะห่างในการเรียนและทำกิจกรรม จำกัดจำนวน นักเรียนในห้อง มีจุดวัดและตรวจอุณหภูมิ และมีจุดวางแอลกอฮอล์ประจำไว้ในแต่ละที่ 2 สร้างความเชื่อมั่น ครูจะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้นักเรียนและผู้ปกครอง เพื่อให้เกิดความสบายใจ 15 ในการมาเรียน เช่น ครูประจำชั้นบันทึกรายงานผลการมาเรียนวันแรกของนักเรียน ส่งให้ผู้ปกครองได้ทราบ ครูประเมินความรู้สึกในการมาเรียนของนักเรียนผ่าน การแสดงออกทางอารมณ์
สร้างความสัมพันธ์ ครูควรสร้างแรงจูงใจในการมาเรียนที่โรงเรียนวันแรก ซึ่งกิจกรรมที่สร้างความสัมพันธ์ 3 ควรเป็นกิจกรรมที่จัดในชั่วโมงแรกของการเข้ามาเรียนในห้องเรียน เพื่อปรับสภาพ จิตใจของนักเรียนให้อยู่ในสภาวะสมดุล เช่น ครูอาจถามเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ปิดเทอม ว่านักเรียนมีความรู้สึกอย่างไร มีใครอยากระบายความในใจ ก็สามารถระบายให้ครู ฟังได้ โดยครูควรสร้างความเชื่อใจและเป็นกันเองกับนักเรียน 4 สร้างความประทับใจแรกพบ หรือ first impression การสร้างความประทับใจแรกพบระหว่างครูกับนักเรียน เป็นสิ่งที่ช่วยเสริมพลังกายและใจให้กับนักเรียน สิ่งสำคัญ คือ รอยยิ้ม เพราะ รอยยิ้มเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมิตรและยังสามารถเปลี่ยนโลกสีเทา ๆ ให้กลับมามีสีสันที่สดใสขึ้นได้ 5 สร้างความสุข ก่อนอื่นครูควรรู้ว่าความสุขของนักเรียนคืออะไร หรือนักเรียนต้องการอะไร เช่น เขาต้องการพูดคุยกับเพื่อน เพราะไม่ได้เจอหน้ากันนาน ครูก็ควรเปิดโอกาส ให้นักเรียนได้ทำในสิ่งที่เขาต้องการและเป็นสุขใจ นอกจากนี้ ครูสามารถนำขนม หรือของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้นักเรียน ทั้งนี้ ครูควรคำนึงถึงช่วงวัยของนักเรียนที่ สอนด้วย หลัก 5 ส สร้าง จึงเป็นวิธีที่จะช่วยให้วันแรกของการเปิดเรียนของนักเรียนเป็นวันที่ทำให้เขารู้สึกอยากมาโรงเรียน และมีกำลังใจในการตั้งใจศึกษา พร้อมที่จะพัฒนาตนเองได้ทุกเวลา สิ่งสำคัญคือ ครูจะต้องทำให้นักเรียนรู้ว่า โรงเรียนไม่ใช่สถานที่เรียนหนังสืออย่างเดียว แต่โรงเรียนเป็นสถานที่ ปลอดภัย สถานที่เล่น สถานที่ปฏิบัติ เพียงเท่านี้วันแรกของการมาโรงเรียนของนักเรียนก็จะเป็น วันที่เขามีความสุขและพร้อมที่จะเรียนรู้ได้ทุกเวลา รายการอ้างอิง 16 Jeremy Goldman. 6 ways successful people make a great first impression. (2558). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://sumrej.com/6-ways-make-a-great-first-impression/ Urbinner. ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ (Maslow's Hierarchy of Needs). (ม.ป.ป.). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://www.urbinner.com/post/maslow-hierarchy-of-needs William Toledo. The first day of school: how COVID-19 has changed our schools and how we can be public supporters of public education. (2563). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://www.unr.edu/nevada-today/blogs/2020/the-first-day-of-school-with-covid-19
17
18
เขียนโดย ทานตะวันฤดูหนาว เรามักจะเจอคำว่า \"กาลครั้งหนึ่ง\" ปรากฏอยู่ ในนิทานเกือบทุกเรื่อง แต่หลายเรื่องราวในชีวิต ที่ผ่านเข้ามาทำให้รู้ว่า \"กาลครั้งหนึ่ง\" ก็สามารถ เกิดขึ้นได้ในชีวิตจริง บทเพลง กาลครั้งหนึ่ง ที่ขับร้องโดยแสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข และอีฟ ปานเจริญ หรือปาล์มมี่ สื่อถึงเรื่องราวความรักที่สุขปนเศร้าไปในคราว เดียวกัน ซึ่งสุดท้ายจะกลายเป็นความทรงจำ เชื่อว่าในชีวิตของใครหลาย ๆ คน แสนล้ำค่าของคน ๆ หนึ่งไปตลอดกาล ต้องเคยพบคนที่เป็น \"คนนั้น\" \"กาลครั้งหนึ่ง การพบใครคนหนึ่งทำให้ฉันสุขใจ\" คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตและได้ร่วมสร้าง ความทรงจำที่ยากจะลืม ทั้งความทรงจำที่สุขและทุกข์ แต่เมื่อไหร่ที่นึกถึงก็เรียกรอยยิ้มจากเราได้ไม่ยาก \"แต่กาลครั้งหนึ่ง สุดท้ายไม่จบตรงชั่วนิรันดร์เสมอไป\" ถึงแม้เส้นทางความทรงจำที่ร่วมสร้างมาด้วยกัน จะไม่ยาวนานเท่าที่ใจนึกอยากให้เป็นแต่เชื่อเหลือเกิน ว่าหากย้อนเวลากลับไปได้ ตัวเราก็ยังคงเลือกที่จะ กลับไป ณ จุดเริ่มต้นและสร้างความทรงจำที่ไม่คงอยู่ ไปตลอดกาลนี้อยู่ดี 19 \"กาลครั้งนั้นยังอบอุ่นในใจ รู้สึกทุกครั้งว่าเธอยังดูแลฉันใกล้ ๆ\"
ในความสัมพันธ์ล้วนมีทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดีเกิดขึ้น แต่การมีความสุขไปกับทุกช่วงเวลาของชีวิตไม่ว่าจะ เล็กน้อยเพียงใดก็ถือเป็นเรื่องที่ดี อย่างการเลือกที่ จะจดจำช่วงเวลาดี ๆ ที่เคยมีร่วมกันให้มากที่สุด เพราะเมื่อถึงคราวต้องแยกจากกันก็ยังคงมีเรื่องราว ที่ประทับใจและแสนอบอุ่นให้นึกถึงกันและกันได้เสมอ \"ราวกับเธอนั้นไม่เคยจากไปไหน ยังคงยืนส่งยิ้มให้กำลังใจอยู่ในความทรงจำ\" การจากลาไม่ใช่จุดจบเสมอไป ความสัมพันธ์ที่ดีจะ มอบสิ่งดี ๆ ให้แก่เราเสมอ ไม่ว่าในตอนนั้นเราจะยังอยู่ ด้วยกันหรือแยกย้ายกันไปในเส้นทางของตัวเองแล้ว แต่เราจะพบว่าคน ๆ นั้นยังคงเป็นใครคนเดิมที่เป็น กำลังใจให้เรามีชีวิตที่ดีในวันข้างหน้าต่อไป และเพื่อตอบแทนกำลังใจนี้ เราจะทำทุกอย่างให้ดี เพื่อที่วันหนึ่งหากเขาได้เห็นจะรู้สึกภูมิใจกับเราเช่นกัน ท้ายที่สุดไม่ว่าความทรงจำในครั้งนั้นจะ วนกลับมาให้สานต่อหรือไม่ เราหวังว่าทุกคน ที่ได้อ่านบทความนี้จะมีรอยยิ้มทุกครั้งที่ได้ นึกถึงและนำมันมาเป็นกำลังใจและความหวัง ในการใช้ชีวิตต่อไป หากถึงเวลาที่เหมาะสม อีกครั้ง หวังว่าคนที่ยังรอจะมีโอกาสได้เดินทาง ต่อกับกาลครั้งนั้นจนชั่วนิรันดร์ \"กาลครั้งหนึ่ง...สักวันเราคงได้พบกัน\" 20
จาก Your Name Engraved Herein เขียนโดย เมธี ต้องขอออกตัวก่อนว่าการพาตัวเองมาเขียนเรื่องราวต่อไปนี้เป็นสิ่ง ที่ท้าทายมาก เพราะเป็นเรื่องราวที่โดยปกติแล้วเราพบเจอได้ใน สังคม แต่จะไม่ถูกยกระดับให้เป็นแนวทางที่กฎหมายกำหนดขึ้นได้ สักที เรายอมรับแต่ไม่ใช่ทั้งหมด และถึงแม้ในปัจจุบันนี้ทัศนคติต่อ ความรักของคนในสังคมได้แผ่กว้างกางแขนรับความแตกต่างมากขึ้น แล้ว แต่อย่างไรเสียการเรียกร้องในไทยยังคงมีอยู่ ภาพของคนสอง คนจูบกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและรัฐสภาได้เกิดขึ้นและแสดง เชิงสัญลักษณ์ถึงความต้องการเปลี่ยนแปลงในสิทธิที่ตนพึงมีเกี่ยวกับ ความรักว่า Love is love. ในวันนี้เราอยากพูดคุยถึงภาพยนตร์ที่ สื่อสาร เรื่องราวความรักของ LGBTQ+ ในประเทศไต้หวันได้อย่าง ทรงพลัง ภาพยนตร์เรื่องนี้คือ Your Name Engraved Herein หนังสัญชาติ ไต้หวันโดยผู้กำกับ Liu Kuang-Hui (Patrick Liu) นำแสดงโดย Edward Chen และ Tseng Jing-hua Your Name Engraved Herein เล่าเรื่องราวหลังกฎอัยการศึกสิ้นสุดลงในไต้หวัน เมื่อปี 1987 อาฮั่นและเบอร์ดี้ต่างตกหลุมรักกันท่ามกลางแรงกดดันจากครอบครัว ความเกลียดชังคนรักร่วมเพศ และการตีตราของสังคม คำโปรยสั้น ๆ จาก Netflix ทำให้เรารู้สึกว่าภาพยนตร์กำลังสื่อสารเรื่องราวไปยังคนทุกกลุ่ม ให้เข้าใจความเจ็บปวดจากการกดทับต่าง ๆ ของสังคม ในพาร์ทที่ เป็นนักเรียนต่างฝ่ายต่างมีความรักให้แก่กัน แต่ด้วยสภาพสังคมที่อยู่ ในโรงเรียนประจำและการสอนแบบคาทอลิกบวกกับมีความเชื่อเรื่อง กฎระเบียบและ ให้ความสำคัญกับลูกชาย ทำให้ทั้งสองต้องปิดกั้น ความรู้สึกของตนเอง ในพาร์ทผู้ใหญ่ฉายภาพให้เห็นเมื่อเวลาผ่านเลยมา ความรู้สึกต่าง ๆ ของสองตัวละครก็คลี่คลาย มีคำพูดของตัวละครเบอร์ดี้เมื่อเวลาผ่านมา 30 ปีแล้วว่า “ที่จริงตอนนั้นฉันรักนายมากนะ” เป็นประโยคที่เราฟังแล้ว แทบจะร้องไห้ เสียดาย เสียดายทุก ๆ อย่างที่แต่ละคนเสียกันไป แต่อย่างไรก็ดี การกลับมาพบกันของทั้งคู่ในครั้งนี้จะเป็นสิ่งยืนยันว่าสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านมาคือความจริงและไม่มีทางที่ใครจะแก้ไขได้ ภาพยนตร์แสดงให้เราเห็น ว่าทั้งสองตัวละครกลับมาพบกันและจะเดินต่อไปด้วยกันอีกสักหน่อย 21
แน่นอนว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ในระดับที่ประธานาธิบดีของไต้หวันเชิญชวนประชาชนไปดู เมื่อกลับมามองที่ประเทศของเราเอง เราเชื่อว่าในปัจจุบัน คนไทยรวมถึงคนที่ยังไม่หลุดพ้นจากกับดักความล้าหลังในสังคม กำลังถูกกดทับอย่างหนักไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ในความกดทับของ สังคมที่ทุก ๆ คนเจอนั้น มีหลายคนที่เขาพบเจอมาแล้ว เจ็บปวด แล้วเรียนรู้ และกำลังเอาชนะมันไปได้อย่างสมบูรณ์ นั่นคือประเทศ ไต้หวัน เพราะความรักคือการเมือง คือกฎหมาย คือสิทธิมนุษยชน สุดท้ายนี้ ภาพในภาพยนตร์ที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกแล้ว คือเมื่อเวลาผ่านไป 30 ปี คนสองคนที่รักกันกลับมาเจอกันอีกครั้ง เราคิดว่า หากเรารักใครเราควรได้อยู่กับเขา ได้พูดชื่อเขาอย่าง เต็มเสียง และหากในอนาคตเราจะกลับมาพบกลับใครก็ขอให้ กลับมาด้วยเหตุผลของการจากลาอื่น ๆ ที่ไม่ใช่การฟื้ นจาก ความเจ็บปวดในอดีตของสายตาที่ไม่ยอมรับความแตกต่าง ในสังคม และเชื่อเถอะว่าไม่มีใครหยุดเวลาและความก้าวหน้าของ สังคมได้ การเรียกร้องของเราในวันนี้จะมีพลังมหาศาลต่ออนาคต ทำต่อไปเพื่อความเท่าเทียม ไม่ใช่แค่พวกเราหรือคนบางกลุ่ม แต่เพื่อคนทุกคน และแน่นอน ความรักคือความรัก love wins. Song of Solomon 8 : 7 Many waters cannot quench love, neither can the floods drown it; if a man would give all the substance of his house for love, his offer would be viewed with utter contempt. “งั้นคุณชอบผู้หญิงได้ แต่ผมชอบผู้ชายไม่ได้สินะ ความรักของคุณ ยิ่งใหญ่กว่าผมเหรอ บอกมา ความรักของคุณกับผมต่างกันยังไง” – อาฮั่น “งั้นช่วยส่งผมลงนรกที ผมยอมตกนรกดีกว่า พวกรักเพศเดียวกัน สมควรตกนรกไม่ใช่เหรอ ในนรกอาจมีคนเข้าใจผมมากกว่านี้ ช่วย ผมสิ ส่งผมลงนรกที\" – อาฮั่น ภาพจาก : https://adaymagazine.com/your-name-engraved-herein 22 ภาพจาก : https://pin.it/1e8EGm7
Mini Game เขาวงกต โดย อั่นเบอะ แล้วเราจะได้รักกันไหม? มาช่วยให้พวกเขาสมหวังใความรักกันเถอะ เฉลย 23
Mini Game เขาวงกต โดย อั่นเบอะ โทรศัพท์ผมเป็นอะไรก็ไม่รู้ เพื่อน ๆ ช่วยดูหน่อยสิครับ ว่าผม match กับใคร 24
ความรัก กุมภาพันธ์ หนุ่มสามย่าน ความรัก คืออะไร อะไรคือความรัก บางครั้งผมก็ได้ครุ่นคิดเรื่องความรัก ผ่านบทเพลงบ้าง จนได้พบกับคำตอบคือสิ่งที่อยู่รอบตัวเราคือความรัก ความรักเป็นแพสชั่น ที่ผลักดันทำเรื่องราวที่สุดขั้วไปบ้าง หรือขับเคลื่อนชีวิต ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งตามจิตใจที่จะใฝ่หา ความรักทำให้คนคนหนึ่ง เปลี่ยนแปลงทุก ๆ อย่างไป เหมือนกับที่วงสครับบอกไว้ในเพลงคู่กัน บางคนอาจจะมีความรักแบบมิตรสหาย บางคนอาจจะมีความรักแบบครอบครัว บางคนอาจจะมีความรักที่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างกัน ล้วนแต่ความสัมพันธ์ที่สามารถมีได้พร้อม ๆ กัน แล้วแต่ว่าการแสดงออกของแต่ละคนจะเป็นแบบไหน บางคนขี้อาย บางคนก็อาจจะคลั่งรัก บางคนอาจจะแสดงความรักไม่เก่ง บอกรักไม่เก่ง แต่ทุกสิ่งนั้น เราสามารถรับรู้ได้ผ่านจิตใจของเรา ผ่านการกระทำของแต่ละคน เมื่อเวลาผ่านไปความรักของเราที่มีให้กัน ก็เป็นเหมือนเครื่องแสดงถึงสิ่งดี ๆ ที่มีให้แก่กัน บางครั้ง มุมมองชีวิตของเราเองก็ทำให้เราไม่กล้าคิด ไม่กล้าลงมือ แต่สิ่งนึงที่จะเสริมแรงให้กับเราคือ ความรักที่เราได้รับ บางทีความรัก ก็ไม่มีนิยาม ความรักเป็นเหมือนเซฟโซนที่ดีที่สุด บางครั้งความรักก็ทำให้เราได้เติบโตและเรียนรู้ 25
ขอบคุณความรัก ที่ทำให้คน ๆ หนึ่งได้พบกับความดีงามและความสวยงาม ขอยกบทกวีของอาจารย์เนาวรัตย์ พงษ์ไพบูลย์ มาให้เข้าใจในความรักครับ ความรักไม่ต้องมีข้อวิจารณ์ ความรักไม่ต้องการการกดขี่ ความรักไม่ต้องให้ใครตราตี ความรักไม่ต้องมีเส้นพรมแดน ความรักไม่ต้องรอข้อพิสูจน์ ความรักไม่ต้องพูดอันแบบแผน ความรักไม่ต้องการสิ่งตอบแทน ความรักไม่ต้องแค่นหัวใจคน ความรักคือหัวใจให้แก่กัน ความรักคือนิรันดร์มั่นสมัคร ความรักคือศรัทธาสามิภักดิ์ ความรักคือความประจักษ์ในใจเรา 26
LOVE Joaillerie เทศกาลแห่งความรัก หลายคนคงจินตนาการถึง การได้ใช้เวลาร่วมกับคนคนหนึ่ง เดินจับมือกันท่ามกลางแสงไฟ แลกเปลี่ยนเรื่องราวอันหวานชื่นบนโต๊ะอาหาร หรือแม้แต่ ความสัมพันธ์อันแสนพิเศษในยามค่ำคืน แต่สำหรับคนโสด ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มักจะพบเห็น ภาพที่น่าอิจฉาจนรู้สึกขัดหูขัดตาไม่น้อย ใครที่ไม่แคร์อะไร ก็คงมองเป็นเรื่องชินชา น้อยใจโชคชะตาหน่อยก็อาจจะเป็น “มันคงจะดีนะ ถ้าหากเรามีคนคอยจับมือเวลาเดินแบบนั้นบ้าง” หรือถ้าหนักเข้าก็คง “เดินเองไม่เป็นรึยังไง ต้องคล้องแขนพากันเดิน” และฉันเป็นคนหนึ่งที่ ในวันแห่งความรัก หากไม่เดินกดโทรศัพท์มือถือ อย่างเดียวดายก็คงประคองแก้วชาไข่มุกจากร้านใด ร้านหนึ่งอยู่ แต่ถ้ามีก็คงเป็นกำไรชีวิต 27
คนโสดอย่างฉันที่ยังไม่มีใครให้รัก แต่ในตอนนี้ ฉันสามารถบอกใคร ๆ ได้อย่างไม่อายเลยว่า “ฉันรักตัวเองมาก” การรักตัวเองมีหลายมุมมอง อย่างตัวฉันเริ่มที่การออกกำลังกายเป็นประจำ และหาของกินอร่อย ๆ ตอบแทนตัวเองในวันที่ ทำงานหนัก บางคนรักในเรือนร่างของตัวเอง มีความมั่นใจในการแต่งหน้าแต่งตัว และโพสต์รูปสวย ๆ บางคนรักที่ตัวเองใช้ชีวิตเรียบ ๆ กลับบ้านนอนดู เน็ตฟลิกซ์ มือซ้ายหยิบขนมใส่ปาก มือขวาเกาพุง ให้เจ้าลูกน้องแมว ขออนุญาตยกตัวอย่างวลีดังจาก คุณแอนชิลี สก๊อต-เคมมิส Miss Universe Thailand 2021 เธอได้นำเสนอ นิยามความสวยที่ใครก็เป็นได้ “Real Size Beauty” สิ่งนี้อาจทำให้ใครหลายคนรักตัวเองมากขึ้น ถึงแม้ว่ารูปร่าง หรือใบหน้าของคุณอาจไม่ตรงตามอุดมคติในโลกยุคปัจจุบัน แต่ใครสนล่ะ? ขอแค่เราใช้ชีวิตบนเส้นทางที่เรามั่นใจและ ไม่ต้องยึดติดกับเสียงรอบข้าง และอย่าตัดสินคนอื่นด้วยค่านิยมของตัวเอง “เธอไม่ได้สวยขนาดนั้นแต่หน้าเก๋ดี” หรือ “ถ้าเธอผอมลงมา อีกหน่อยจะสวยกว่านี้อีก” รัก และมั่นใจตัวเองในทุก ๆ แง่ คุณเองก็มีในสิ่งที่คนอื่นไม่มี เช่นกัน และไม่มีใครสามารถพรากสิ่งนั้นไปจากคุณได้ 28
นายชีสเบคอน เรามักจะเห็นเรื่องราวชีวิตของผู้ประสบ ความสำเร็จมากมาย และเราก็มักจะทราบ ว่า เส้นทางของผู้มีชื่อเสียงหลายคนก็ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ บางครั้ง https://pixels.com/featured/helen-keller-and-anne- อุปสรรคนั้นก็ยากเกินที่จะก้าวข้ามผ่าน sullivan-c-1891-science-source.html แต่ก็มีแสงสว่างของผู้ช่วยเหลือที่สามารถชี้นำเหล่านักเดินทาง ผู้เหนื่อยล้าก้าวมาถึงเส้นชัยได้ ซึ่งในวันนี้เราจะเล่าเรื่องของ “แอนน์ ซัลลิแวนน์” คุณครูผู้เป็นดั่งปาฏิหาริย์ ผู้ส่องแสงภายใน เส้นทางอันมืดมิดและเงียบงันของ นักเขียนผู้สร้างแรงบันดาลใจ ของผู้คนทั่วโลก อย่าง เฮเลน เคลเลอร์ https://www.healio.com/new เฮเลน เคลเลอร์ เป็นนักปาฐกถา นักเขียน และเป็น s/infectious- นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนที่มีชื่อเสียงในระดับโลก เธอจบปริญญาเกียรตินิยมด้านศิลปศาสตร์เมื่อเธออายุ 24 ปี disease/20180509/did- มีความเชี่ยวชาญในด้านภาษาอังกฤษและเยอรมัน หนังสือ bacterial-meningitis-cause- ที่สร้างชื่อของเธอคือ \"The Story of My Life\" ซึ่งเรื่องราว helen-kellers-deafblindness ของเธอถูกนำไปประพันธ์เป็นบทละครมากมาย รวมถึง ภาพยนต์ที่ชนะรางวัลออสการ์อย่าง \"The Miracle 29 Worker\" ประวัติของเธออาจจะดูเรียบง่ายและแลดูไม่ต่าง จากนักเขียนและนักรณรงค์คนอื่น ๆ มากนัก แต่สิ่งที่พิเศษ ของเฮเลน คือ เธอเป็นคนแรกที่จบปริญญาตรีในฐานะ ผู้พิการซ้ำซ้อน
“ตาก็บอด หูก็ไม่ได้ยิน พูดไม่ได้เพราะไม่เคยได้ยินเสียง” ความเป็นผู้พิการซ้ำซ้อนของเฮเลนไม่ได้มาโดยกำเนิด เธอเกิดมาปกติทุกอย่าง แต่เมื่อเธออายุประมาณ 19 เดือน เธอก็ป่วยเป็นโรคไข้อีดำอีแดง (Scarlet Fever) ซึ่งทำให้เธอสูญเสียการมองเห็นและการได้ยินไป เธอจึงกลายเป็นคนหูหนวกตาบอดตั้งแต่นั้นมา “เธอตกอยู่ในความมืดมิดและโดดเดี่ยว เหลือเพียงแค่ ตัวเอง และใช้ชีวิตราวกับสัตว์ป่า” ถึงแม้เฮเลนจะเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ก็ไม่ สามารถทำให้เธอกลับมามองเห็นและได้ยินได้ ครอบครัวของเธอ จึงปล่อยให้เธอได้ทำตามใจ ตัวเองด้วยความสังเวชใจ จนทำให้เธอมีอารมณ์ รุนแรง หากเธอไม่ได้ในสิ่งที่เธอต้องการ เธอก็จะอาละวาดและส่งเสียงร้องเหมือนสัตว์ป่า ครอบครัวจึงคิดว่าถ้าปล่อยไว้ไม่ดีแน่ จึงได้จ้างครู สอนคนตาบอดอย่าง แอนน์ ซัลลิแวน มาสอนเฮเลน แอนน์เป็นคนตาเกือบบอดตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ การผ่าตัดที่ประสบความสำเร็จ เธอจึงยังพอมอง เห็นได้บ้าง เธอเรียนจบจากโรงเรียนสอนคนตาบอด แล้วได้มาพบเฮเลนตาม คำแนะนำของ อเล็กซานเดอร์ เกรย์แฮม เบลล์ เพื่อที่หวังว่าแอนน์ จะทำให้เฮเลนเป็นมนุษย์ดั่งเช่นคนอื่น ๆ “ตราบใดที่มนุษย์รู้จักภาษา มนุษย์ก็จะก้าวออกมาจากความมืดมิด” อ้างอิงรูปภาพ : 30 https://www.wikiwand.com/th/%E0%B9%81%E0%B8%A D%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%8C_%E0%B8%8 B%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%B4 %E0%B9%81%E0%B8%A7%E0%B8%99
การสื่อสารกับเฮเลนที่แอนน์ใช้คือแบบ อักษรสองมือสำหรับคนหูหนวกตาบอด (Deafblind Manual Alphabet) ทำได้โดย การให้คนหูหนวกตาบอดแบมือ แล้วนำมือ ของเราทำมือเป็นตัวอักษรและทาบบนมือ เด็กหูหนวกตาบอดจนประกอบเป็นคำ เธอ เริ่มด้วยคำใกล้ตัวเฮเลน เช่น ตุ๊กตาที่แอนน์ มอบให้แก่เฮเลน เธอก็จะนำมือเธอไปทาบ แล้วทำเป็นรหัสได้ว่า D-O-L-L เวลาที่ ต้องการจะบอกว่าใช่ แอนน์ก็จะนำมือของ เฮเลนมาทาบบนหน้าของแอนน์แล้วทำการ พยักหน้า แต่ถ้าไม่ใช่ แอนน์ก็จะทำเช่นเดิม แบบอักษรสองมือสำหรับคนหูหนวกตาบอด แต่จะส่ายหน้าแทน แต่ก็ใช่ว่าเฮเลนจะ เข้าใจโดยทันที เฮเลนก็ยังคงไม่เข้าใจถึง (Deafblind Manual Alphabet) ความหมายของสิ่งที่แอนน์ทำกับเธอ อ้างอิงรูปภาพ : https://www.pinterest.com/pin/166422148704205776 / “วินาทีแห่งปาฏิหาริย์” ด้วยความพยายามอย่างไม่ลดละของแอนน์ วินาทีที่ไม่น่าเป็นไปได้ก็เกิดขึ้น แอนน์พาเฮเลนไปที่หัวสูบน้ำแล้วให้เฮเลนได้สัมผัสน้ำ และในที่สุด W-A-T-E-R ก็เป็นคำแรกที่เธอได้เรียนรู้และนำพาเธอออกจากโลกแห่งความเงียบงันได้สำเร็จ จากนั้นเธอก็เริ่มที่จะรู้จักคำอื่น ๆ อย่าง P-A-P-A , M-O-T-H-E-R แน่นอนว่า รวมถึง T-E-A-C-H-E-R ซึ่งหมายถึงแอนน์ ซัลลิแวนน์นั่นเอง หลังจากนั้นแอนน์ก็เป็นทั้งครูและเพื่อนของเฮเลน และติดตามเฮเลนไป ตลอดจนแน่ใจว่าเธอสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง เธอจึงเป็นแบบอย่างที่ดีของ ครูผู้ที่มีความมานะอดทน และที่สำคัญมีความเชื่อมั่นในตัวศิษย์ที่เธอสอน เป็นผู้นำแสงสว่างเข้าไปในโลกอันแสนมืดมิดและเงียบงันในหัวใจของ เฮเลนได้สำเร็จ เป็นคุณครูที่รักลูกศิษย์ด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์อย่างแท้จริง 31
แด่การเปิ ดใจรับใครอีกคน เข้ามเติบโตด้วยกัน Writer...mie a p หลายคนคงเคยได้ยินปรัชญากรีก ที่กล่าวถึงเรื่องราวการเริ่มต้นของความรัก มนุษย์ในยุคหนึ่งมนุษย์เคยมีสี่แขน สี่ขา สองใบหน้า ใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุข แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ถูกแยกออก สองซีกเป็นมนุษย์ที่มีสองแขน สองขา หนึ่งใบหน้าแล้วใช้เวลาอีกครึ่งชีวิตของตน ตามหาอีกครึ่งหนึ่งเพื่อมาเติมเต็มกันและกัน.... อย่างแรกเลยคุณควรดีใจที่ถูกแยกออก และมี รูปร่างอย่างปัจจุบัน แล้วกลับมาสนใจเรื่องอีกครึ่ง หนึ่งของคุณกัน คุณไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่าอีกครึ่ง หนึ่งของคุณคือใคร อาจจะเป็นเพื่อนสมัยอนุบาล ของคุณ อาจจะเป็นคนที่ยิ้มให้คุณเมื่อเช้านี้ อาจจะ เป็นคนที่เพิ่งเดินผ่านคุณไป หรืออาจจะคุณที่คอย เติมเต็มตัวคุณเองก็ได้ ส่วนพิเศษแสนลึกลับนี้มี ทั้งคนที่ตามหาจนเจอ บางคนใช้เวลานานหน่อย บางคนเป็นผู้รอที่ดีบางคนไม่ต้องการสิ่งใดไป มากกว่าการใช้ชีวิตอย่างราบรื่น กินอิ่ม นอนหลับ ไม่ได้คิดจะตามหาใคร 32
ไม่เพียงผู้คนเท่านั้นแต่สิ่งที่จะมา เติมเต็มยังรวมไปถึง “สิ่งสำคัญที่ชื่นชอบ” ซึ่งเป็นสรรพสิ่งที่สามารถทำให้คุณสุขใจได้ ความรักจึงมีความหลากหลายแตกต่างกัน ออกไป ไม่มีนิยามจำเพาะ ไม่มีข้อจำกัด ไม่มีการแบ่งแยกสำหรับเรื่องความรัก เพราะความรักเป็นเรื่องของความรู้สึก ทั้งหมดจากหัวใจ เป็นการเปิดรับใครอีกคน เข้ามาเติบโตด้วยกันคอยสนับสนุนซึ่งกัน และกันเสียมากกว่า อย่างไรก็ตามได้โปรดอย่าหลงลืมว่าคุณ สามารถเป็นคนที่ถูกเติมเต็มจนสมบูรณ์ได้ ด้วยตนเองหรือด้วยสิ่งสำคัญที่คุณชื่นชอบ และบนจักรวาลนี้มีความรักเพียงพอสำหรับ ทุกคน \" ขอให้คุณสามารถมอบความรักให้แก่ตนเองและผู้อื่นได้อย่างสุขใจ\" 33
รายชื่อผู้จัดทำ Ed-gazine 2021 บรรณาธิการ ฝ่ ายเนื้อหา ชนิดาภา จันทร์ประภาส #3 กนกพล ศรีบุญเรือง #3 กันตฤทธิ บุญประเสริฐ #3 สธน สุวรรณวารี #2 เจษฎา รุ่งรัศมีวิริยะ #3 มนัสวี จันทร์แจ่มศรี #2 สิริยากร โรหิตเสถียร #2 ดวงดาว กาญวัฒนะกิจ #4 สิรีธร สุวรรณหงษ์ #2 อสมาภรณ์ พงษ์เกษม #5 สุรัตนา ใจงาม #1 ฝ่ ายศิลป์ และออกแบบ อาซีฟัต กะดะแซ #2 ปณิดา สร้อยสาย #3 โสภิตา ปังเกตุ #3 ปุญญพันธุ์ พิริปุญโญ #3 พรชนก ชินอมรพงษ์ #3 จิราพร เณรธรณี #2 ฐิตินันท์ เต็กสุวรรณ #3 อชิตะ มะลูลีม #4 อาริสา เชยเอี่ยม #2 อารีนา แมเร๊าะ #4 จริยา เรืองวัฒนานนท์ #2 ทรงพร ขันตี #1 ปภานิช เสือจู #2 พิมพ์ลภัส อัสสานุพงศ์ #2 กาญจน์หทัย ขันติยู #2 พิมมาดา แสงจันทร์ #2 ชมพูนุช โชคเจริญผล #2 ญาดาวดี ชัยสุวรรณ #2 ฝ่ ายสื่อและเทคโนโลยี ฝ่ ายพิสูจน์อักษร ณดล โพธิ์ปิติ #3 รุจิรา ชนะชัย #3 กิตติพัช ชิดสิน #3 รุจิภาส ชื่นบาน #2
แบบป ร ะ เ มิน ED-GAZINE 2021 VOL.3 ทางทีมงานขอน้อมรับคำติชมและข้อเสนอแนะจาก ผู้อ่านทุกท่านเพื่อนำมาปรับปรุงให้ดีขึ้นในเล่มถัดไป แ ล้ ว พ บ กั น ใ ห ม่ ใ น เ ดื อ น เ ม ษ า ย น
Search
Read the Text Version
- 1 - 39
Pages: