โครงการจัดทาสารสนเทศ พัฒนาการแนวคดิ ของกรมการพัฒนาชมุ ชน สาหรับบคุ ลากรของสถาบนั การพฒั นาชมุ ชน กรมการพฒั นาชมุ ชน
๒ คานา การดาเนินงานของกรมการพัฒนาชุมชนมีผลงานมากมายเป็นที่ประจักษ์สร้างสรรค์วางรากฐาน งานพัฒนาชมุ ชน นบั ตัง้ แตร่ ะยะกอ่ รา่ งสรา้ งองค์การ จนถึงปจั จุบัน ดังนั้น ผู้จัดทาจึงได้ศึกษาแนวคิด หลักการทางาน และผลงานของอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ในแต่ละยุคเพ่ือให้บุคลากรของสถาบันการพัฒนาชุมชนใช้เป็นแบบอย่างในการทางานเพ่ือให้บรร ลุเป้าหมาย ยุทธศาสตรก์ รมการพัฒนาชุมชนตอ่ ไป นางสาวอานีตาร์ เจะเลาะ กรกฎาคม 2562
สารบัญ ๓ คานา หน้า สารบัญ ปรชั ญาหลักการพฒั นาชมุ ชน 5 ตานานพัฒนาชมุ ชน 6 ความเปน็ มาของกรมการพฒั นาชุมชน 9 ยคุ แรก กอ่ รา่ งสรา้ งองคก์ ร (พ.ศ.2505- 2514) 11 ยุคที่ 2 สร้างพลังชมุ ชน (พ.ศ. 2515- 2524) 18 ยุคท่ี 3 สรู่ ะบบบริหารการพฒั นาชนบทแหง่ ชาติ (พ.ศ.2525- 2534) 27 ยุคที่ 4 เสริมสรา้ งความเขม้ แข็งของชมุ ชน (พ.ศ.2535- 2544) 33 ยคุ ที่ 5 สู่ยคุ ใหม่ของระบบราชการ (พ.ศ.2545- 2554) 39 ยคุ ท่ี 6 พ.ศ.2555-ปัจจบุ นั 47 การดาเนนิ งานตามนโยบายสาคัญของรัฐบาล 48 สญั ลักษณก์ รมการพฒั นาชมุ ชน 49 บรรณานกุ รม 53 ภาคผนวก ๕๔
๔ “พัฒนา คือ สร้างสรรค์” คาขวญั พระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั เน่อื งใน “วนั พัฒนา” “พัฒนาชุมชนต้องพัฒนาใจคนไปพร้อมกบั วัตถุ” คาขวัญพระราชทาน สมเด็จพระนางเจ้าสิรกิ ิติ์ พระบรมราชนิ นี าถ
๕ ปรัชญาหลักการพัฒนาชุมชน ปรัชญาพฒั นาชุมชน หลักความเป็นจริงแห่งชีวิต ท่ีนักพัฒนาชุมชนยึดถือเป็นสรณะคือ ความเชื่อม่ันและศรัทธา ในมนษุ ยชาติว่ามนุษย์ทุกชวี ิตมีคุณคา่ และมคี วามหมาย มีศกั ดิ์ศรี และ มีศกั ยภาพ กล่าวคือ มีฐานะแห่งความเป็นมนุษย์ท่ีไม่ควรจะไดร้ ับการเหยียบย่า ดูหมิ่น เหยียดหยาม จากเพ่ือน มนุษย์ด้วยกันเอง มีความสามารถจากการเป็นมนุษย์ที่ควรได้รับการยอมรับและทาให้ปรากฎเป็นจริงในทาง ปฏิบตั ิจากเพ่อื นมนษุ ยด์ ้วยกนั เอง หลกั การพัฒนาชุมชน หลกั การพัฒนาชุมชนท่แี ท้จรงิ คือ หลักประชาชน ๑.เร่ิมต้นท่ีประชาชน ยืนจุดเดียวกับประชาชน มองโลก มองชีวิต มองปัญหา จากทัศนะ ของประชาชน เพ่ือให้เขา้ ใจปัญหา ความตอ้ งการประชาชนเพอื่ ใหเ้ ขา้ ถงึ ชวี ติ จิตใจของประชาชน ๒.ทางานร่วมกับประชาชน (ไม่ใช่ทางานให้แก่ประชาชนเพราะจะทาให้เกิดความคิดมาทวงบุญ ทวงคุณจากประชาชนในภายหลัง) การที่จะทาให้ประชาชนเข้าใจปัญหาของตนเองและมีกาลังใจ ลกุ ขึ้นต่อสู้กับปัญหาช่วยกันคิดช่วยกันแก้ไขปัญหาน้ันย่อมมีหนทางท่ีจะกระทาได้โดยไม่ยากหากเข้าใจปัญหา และเขา้ ถึงจติ ใจประชาชน ๓.ยึด ประชาชนเป็นพระเอก ประชาชนต้องเป็นผู้กระทาการพัฒนาด้วยตนเอง ไม่ใช่เป็น ผู้ถูกกระทาหรือฝ่ายรองรับข้างเดียว เพราะผลของการกระทาการพัฒนาน้ัน ตกอยู่ที่ประชาชน โดยตรง ประชาชนเป็นผู้รับโชคหรือเคราะห์จากการพัฒนา นั้น ดังนั้นการพัฒนาชุมชนจึงมีหลักการท่ีมีจุดหมาย ๓ เชงิ ในการพฒั นาทรัพยากรมนษุ ยแ์ ละชุมชนมนษุ ยด์ งั นี้ ๑. จุดหมาย เชิงกระบวนการ (Process Goal) เปน็ กระบวนการต่อเนื่องในการพัฒนาความคิด จิตใจมนุษย์ ใหค้ ิดพึ่งตนเองมจี ติ ใจเอ้อื เฟือ้ ช่วยเหลือเพอื่ นมนุษย์ ๒. จุดหมาย เชิงสัมพันธภาพ (Relationship Goal) เป็นการทาให้มนุษย์มีความสัมพันธ์ที่ดี ตอ่ กันรว่ มมือรว่ มใจกันทางานเพอื่ กนั และกนั คอื เพอ่ื กลมุ่ ๓. .จุดหมาย เชิงการงาน (Task Goal) เป็นการทางานพัฒนาความเป็นอยู่ของมนุษย์ เพอ่ื ความอยเู่ ย็นเปน็ สขุ
๖ ตานานพัฒนาชมุ ชน กอ่ นจะเปน็ กรมการพัฒนาชมุ ชน จากบูรณะชนบท ผา่ นพฒั นาการท้องถิน่ สู่การพฒั นาชมุ ชน (พ.ศ. ๒๔๘๓-๒๕๐๔) แนวความคิดเก่ียวกับการพัฒนาชุมชนของโลกเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังปี พ.ศ. ๒๔๘๓ โดยประเทศ ใ น เ ค รื อ จั ก ร ภ พ อั ง ก ฤ ษ ท่ี เ ร่ิ ม เ ป ล่ี ย น แ น ว คิ ด เ ก่ี ย ว กั บ ก า ร พั ฒ น า ม า เ ห็ น ค ว า ม ส า คั ญ ข อ ง ป ร ะ ช า ช น ในการเป็นแกนกลางของพลังขับทางสังคม แนวความคิดน้ีถูกเผยแพร่ออกไปยังนานาประเทศ จนเกิดปรัชญาเก่ียวกับการทางานร่วมกันอย่างใกล้ชิดและสนับสนุนกันระหว่างรัฐบาลกับประชาชน ใ น ก า ร ป รั บ ป รุ ง ค ว า ม เ ป็ น อ ยู่ ข อ ง ชุ ม ช น ท่ี รู้ จั ก กั น ใ น ช่ื อ ว่ า ข บ ว น ก า ร พั ฒ น า ชุ ม ช น (Community Development ) การนาแนวคิดการพัฒนาชุมชนมาดาเนินการในประเทศไทยก็ได้อิทธิพล มาจากกระแสการพฒั นาทเ่ี ปลีย่ นแปลงไปดังกล่าวข้างต้นเชน่ กนั โดยมคี วามเป็นมาของการพัฒนาชมุ ชน พ.ศ ๒๔๘๓ ประกาศขอ งกระทรว ง มหาดไทยก าหนดให้มีก ารดาเนินง า นแผนการ บูรณะช นบ ท มีวัตถุประสงค์ ๒ ประการ ๑.สร้างสรรค์ชีวติ จิตใจของประชาชนในชนบทใหเ้ หมาะสมทจี่ ะเปน็ พลเมืองดี ๒.ส่งเสรมิ ให้ประชาชนมีการครองชีพดีข้นึ พ.ศ ๒๔๙๗ กระทรวงศึกษาธิการดาเนินงานพัฒนาการท้องถ่ินในรูปของโครงการมูลสารศึกษาและจัดตั้งศูนย์ ฝึกอบรมศึกษาผู้ใหญ่จังหวัดอุบลราชธานี (ศ.บ.ศ.อ.) โดย UNESCO สนับสนุนเป็น ๑ ใน๖ แห่งของโลก ที่ผลิต สารนิเทศก์ (อบรม ๒ ปี รุ่นแรกสาเร็จปี ๒๔๙๙ ออกปฏิบัติงานในหน่วยมูลสารศึกษา ในจังหวัดต่างๆ พ.ศ ๒๔๙๙ กร ม ป ร ะ ช า ส ง เ ค ร าะ ห์ ตั้ ง ส า นัก ง า น พั ฒ นา ก า ร ท้ อ งถิ่ น เ ป็ น ส านั ก ง า น อิ สร ะ ขึ้ น ต ร ง กับกระทรวงมหาดไทย มุ่งให้ประชาชนมีส่วนร่วม ร่วมคิด ร่วมลงทุน และร่วมแรงงาน เพื่อแก้ปัญหาท้องถ่ิน ตามคติการปกครองระบอบเสรปี ระชาธปิ ไตย พ.ศ ๒๕๐๐ ก ร ม ม ห า ด ไ ท ย ริ เ ร่ิ ม โ ค ร ง ก า ร พั ฒ น า ท้ อ ง ถิ่ น ขึ้ น ไ ด้ ท ด ล อ ง ป ฏิ บั ติ มี ค ว า ม เ ป็ น ไ ป ไ ด้ จงึ คดั เลือกปลัดอาเภอเข้าอบรมเป็น ปลัดอาเภอพัฒนากร ส่งออกปฏิบตั ิงานพฒั นาในเขตพฒั นาที่กาหนด พ.ศ ๒๕๐๒ คณะรัฐมนตรีมีมติเม่ือ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๐๒ มอบกระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าของเร่ืองงาน พัฒนาการท้องถ่ิน และมีมติเม่ือ ๕ สิงหาคม ๒๕๐๒ ให้กรมมหาดไทยรับโอนสารนิเทศ จานวน ๒๖๐ คน และงานมูลสารศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการมาสังกัดกรมมหาดไทย วันท่ี ๒๑ สิงหาคม ๒๕๐๒ กรมมหาดไทยเปน็ เจ้าของเรอื่ งในงานพัฒนาการท้องถนิ่ แหง่ ชาติ แทนกรมประชาสงเคราะห์
๗ พ.ศ ๒๕๐๓ สานักงานพัฒนาการท้องถิ่นได้รับการยกฐานะเป็น ส่วนพัฒนาการท้องถิ่น ขึ้นกับกรมมหาดไทย มีหน้าที่รบั ผิดชอบการฝึกอบรมข้าราชการพัฒนาทอ้ งถิ่นแหง่ ชาติ เจา้ หน้าท่ีประสานงานและเป็นศูนยว์ างแผน พฒั นาท้องถ่ินเป็นสานักงานเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาท้องถน่ิ แห่งชาติ กฎ ก.พ. ฉบับท่ี ๒๔๐ ออกตาม พ.ร.บ. ข้าราชการพลเรือนพ.ศ. ๒๔๙๗ เทียบตาแหน่งปลัดอาเภอ พัฒนากรและสารนิเทศก์ในกรมมหาดไทยว่า ”พัฒนากร” (Community development Worker หรือ Community Development Organizer) พ.ศ ๒๕๐๔ รัฐบาลไทยด้วยการสนับสนุนขององค์การสนธิสัญญาเอเชียอาคเนย์ (SEATO) จัดต้ังศูนย์ช่วยเหลือ ทางวิชาการพัฒนาการท้องถิ่นประจาภาคไทย-สปอ. (ศ.ว.พ.) ขึ้นท่ีจังหวัดอุบลราชธานีเป็นแห่งแรก ภายหลัง เปล่ียนช่ือเปน็ ศูนย์ชว่ ยเหลือทางวชิ าการพัฒนาชุมชนไทย-สปอ.
๘ รายชือ่ อธิบดกี รมการพัฒนาชุมชน (พ.ศ.๒๕๐๕-ปี ๒๕๖๒) ๑. นายสาย หตุ ะเจรญิ ๑ ตลุ าคม ๒๕๐๕ -๓๐ กันยายน ๒๕๑๒ ๒. นายประสงค์ อิศรภกั ดี ๑ ตุลาคม ๒๕๑๒ - ๓๐ กนั ยายน ๒๔๑๔ ๓. นาย พัฒน์ บุญยรตั นพ์ นั ธ์ุ ๑ ตลุ าคม ๒๕๑๔ –๓๐ กันยายน ๒๕๑๘ ๔. นาย นริ ตุ ิ ไชยกูล ๑ ตุลาคม ๒๕๑๘ - ๓๐ กนั ยายน ๒๕๒๒ ๕. ร.ต.ท. ระดม มหาศรานนท์ ๑ ตุลาคม๒๕๒๒ - ๓๐ กันยายน ๒๕๒๖ ๖. นายสวุ นยั ทองนพ ๑ ตลุ าคม ๑๔๑๖- ๓๐ กนั ยายน ๒๕๓๑ ๗. นายศกั ดา อ้อพงษ์ ๑ ตลุ าคม ๒๕๓๑- ๓๐ กนั ยายน ๒๕๓๒ ๘. ดร.ยวุ ัฒน์ วฒุ เิ มธี ๑ ตุลาคม ๒๕๓๒ –๓๐ กนั ยายน ๒๕๓๔ ๙. นายสมิตร กิจจาหาญ ๑ ตลุ าคม ๒๕๓๔ –๓๐ กันยายน ๒๕๓๖ ๑๐. นายอภยั จนั ทนจลุ กะ ๑ ตุลาคม ๒๕๓๖- ๓๐ กนั ยายน๒๕๓๙ ๑๑. นายสมศักด์ิ ศรีวรรธนะ ๑ ตลุ าคม ๒๕๓๙- ๓๑ พฤษภาคม๒๕๔๑ ๑๒. นายไพโรจน์ พรหมส์น ๑ มิถนุ ายน ๒๕๔๑-๒๙ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๔๑ ๑๓. นายจเด็จ อินทร์สวา่ ง ๑ มนี าคม๒๕๔๓- ๓๐ กันยายน ๒๕๔๔ ๑๔. นายสุจริต ปัจฉิมนนั ท์ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๔ –๓๐ กนั ยายน ๒๕๔๕ ๑๕. นายสจุ ริต นนั ทมนตรี ๑ ตลุ าคม ๒๕๔๕- ๔ มิถุนายน ๒๕๔๖ ๑๖. นายชยั สิทธ์ิ โหตระกิตย์ ๕ มถิ นุ ายน ๒๕๔๖-๓๐ กันยายน ๒๕๔๘ ๑๗. ดร.นิรันดร์ จงวุฒิเวศน์ ๑ ตลุ าคม ๒๕๔๘- ๓๐ กันยายน ๒๕๕๐ ๑๘. นายปรชี า บุตรศรี ๑ ตลุ าคม ๒๕๕๐ -๑๙ ตลุ าคม ๒๕๕๑ ๑๙. นายชมุ พร พลรกั ษ์ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๑- ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๒ ๒๐. นายไพรตั น์ สกลพนั ธ์ุ ๑๖ มนี าคม ๒๕๕๒- ๓๐ กันยายน ๒๕๕๒ ๒๑. นายมงคล สรุ ะสัจจะ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ - ๒๙ เมษายน ๒๕๕๓ ๒๒. นายวิเชยี ร ชวลิต ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๓ -๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ ๒๓. นายสุรชยั ขนั อาสา ๒๐ ธันวาคม๒๕๕๓ - ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ๒๔. นายประภาส บญุ ยินดี ๒๔ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๔- ๓๐ กนั ยายน-๒๕๕๕ ๒๕. นายขวญั ชยั วงศ์นติ กิ ร ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ - ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ๒๖. นายไมตรี อนิ ทุสุต ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘- ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ๒๗. นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ ๒ ตุลาคม๒๕๕๘- ๓๐ กนั ยายน ๒๕61 ๒๘. นายนสิ ิต จันทรส์ มวงศ์ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ – ปัจจบุ นั อธบิ ดีกรมการพฒั นาชมุ ชน
๙ ความเป็นมาของกรมการพัฒนาชุมชน : รากฐานการพฒั นาชนบทไทย จากพฒั นาการทอ้ งถิ่น ผา่ นกรมมหาดไทย สกู่ รมการพัฒนาชุมชน (พ.ศ. ๒๕๐๕-๒๕๕๐) ชนบทไทยเม่ือ ๕๐ ปีก่อนประชากรส่วนใหญ่ยังด้อยความเจริญมีการศึกษาต่า ยากจนเจ้าหน้าที่ ของรัฐเข้าไม่ถึงประชาชน ซึ่งส่งผลต่อความม่ันคงของประเทศ เพ่ือให้การพัฒนาเกิดความย่ังยืนประชาชน ตอ้ งเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการตดั สินใจและพัฒนาท้องถ่ินของตนเอง ใน ปีพ.ศ. ๒๕๐๕ ได้มีพระราชบัญญัตปิ รับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ฉบับที่ ๑๐ และพระราชบัญญัติ โอนกิจการบริหารของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีการปรับปรุงใหม่ พ. ศ. ๒๕๐๕ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับพิเศษเล่มท่ี ๗๙ ตอนท่ี ๘๙ เม่ือวันท่ี ๓๐ กันยายน ๒๕๐๕ ให้ แยกงานพัฒนาการท้องถ่ินออกจาก กรมมหาดไทยมาตั้งเป็นกรมใหม่ช่ือว่า “ กรมการพัฒนาชุมชน” ส่วนกรมมหาดไทยเปลี่ยนช่ือเป็น “กรมการปกครอง” โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไดแ้ ถลงต่อสภาฯ ถึงเหตผุ ลความจาเปน็ ของการตั้ง หน่วยงานใหม่ ดังน้ัน กรมการพัฒนาชุมชนจึงก่อต้ังข้ึนเม่ือวันที่ ๑ ตุลาคมพ. ศ. ๒๕๐๕ โดยพันธกิจ ท่ีกระทรวงมหาดไทยและรัฐบาลมีเจตนารมณ์ มอบหมายให้กรมการพัฒนาชุมชน คือ ปรับปรุงระดับความ เป็นอยู่และมาตรฐานการครองชีพของประชาชนในหมู่บ้านให้ดีย่ิงข้ึน โดยเน้นหนักในทางส่งเสริมให้ราษฎร เข้ามาร่วมมือดาเนินงานในแบบการช่วยตัวเองอันเป็นปัจจัยสาคัญตามหลักการพัฒนาชุมชนท่ีว่าพัฒนากร จะตอ้ งทางานกบั ประชาชน มใิ ชท่ าใหป้ ระชาชนเพอ่ื ให้บังเกดิ ผลสมตามเจตนารมณ์ท่สี าคญั ๓ ประการ
๑๐ ๑. ประชาชนชาวไทยมีมาตรฐานการครองชพี สงู ข้นึ ๒. ทัศนคติของประชาชนเปลี่ยนจาก “ การรอคอยหวังความช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างเดียว” มาเปน็ “รว่ มมือกันชว่ ยเหลือตนเอง” ๓. ประชาชนรู้จักสิทธิและหน้าท่ี สามารถปกครองตนเองได้ตามวิถีทาง ในระบอบประชาธิปไตย โดยมี“ พัฒนากร” เปน็ ข้าราชการหลักทางานร่วมกบั ประชาชนในหมูบ่ า้ น ตาบล กรมการพัฒนาชุมชนได้ปรับปรุงพัฒนาองค์การอย่างเป็นระบบนับตั้งแต่ได้มีการก่อต้ังข้ึนเมื่อวันท่ี ๑ ตุลาคม ๒๕๐๕ โดยการปรับปรุงกระบวนการทางานและภารกิจให้สอดคล้องกับกระแสการพัฒนา และ สภาพการณข์ องสังคมในแต่ละยุคสมยั ตามความเหมาะสม จาแนกเป็น ๕ ระยะคือ ระยะแรก : ก่อร่างสรา้ งองคก์ าร (พ. ศ. ๒๕๐๕-๒๕๑๔) ระยะที่ ๒ : สร้างพลงั ชุมชน (พ. ศ. ๒๕๑๕-๒๕๒๔) ระยะที่ ๓ : สรู่ ะบบบริหารการพฒั นาชนบทแห่งชาติ (พ. ศ. ๒๕๒๕-๒๕๓๔) ระยะท่ี ๔ : เสรมิ สรา้ งความเขม้ แขง็ ของชมุ ชน (พ. ศ. ๒๕๓๕-๒๕๔๔) ระยะที่ ๕ : สู่ยคุ ใหม่ของระบบราชการ (พ. ศ. ๒๕๔๕-๒๕๕๔)
๑๑ ยุคแรก กอ่ รา่ งสรา้ งองคก์ ร (พ.ศ.๒๕๐๕-๒๕๑๔) การดาเนินงานพฒั นาชุมชนในระยะน้เี น้นการกระตนุ้ ประชาชนใหร้ ่วมมือกันแก้ปัญหาของตนเองและ หมู่บ้านเพื่อความม่ันคงของชาติรวมทั้งกระตุ้นให้ประชาชนรับเอาบริการของรัฐบาลมาทาให้เกิดประ โยชน์ใน การพัฒนาหมู่บา้ นชุมชนของตน ไดม้ ีการพัฒนาต้นแบบกิจกรรมพัฒนาชุมชนและกระบวนการพัฒนาชุมชนใน หลายเรื่องที่ยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน ได้แก่ การจัดทาแผนพัฒนาชุมชน ๕ ปี การจัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ทดลองรูปแบบศูนย์พัฒนาอาชีพสร้างหลักสูตรพัฒนาผู้นาท้องถ่ิน พัฒนาระบบการสารวจข้อมูลชุมชน จัดตั้ง องค์กรบริหารการพัฒนาระดบั หมบู่ า้ น ตาบล ในยคุ นีม้ อี ธิบดีกรมการพัฒนาชมุ ชนผูม้ ีบทบาทกาหนดทิศทางสร้างสรรคง์ านพฒั นาชุมชน จานวน 2 ท่าน ไดแ้ ก่ ลาดบั ท่ี ๑ นายสาย หตุ ะเจรญิ ดารงตาแหน่ง ๑ ตลุ าคม ๒๕๐๕-๓๐ กันยายน ๒๕๑๒ มีอุดมการณ์ในการทางาน คือ รักชนบท อดทน ประสานงาน คอื อุดมการณ์ของงานพัฒนาชุมชนเปน็ ผูก้ ่อต้ัง กรมการพัฒนาชุมชน ริเร่ิมนาหลักการพัฒนาชุมชนมาใช้ให้กาเนิด พัฒนากร คากล่าว ขอให้พัฒนากรระลึก ไว้เสมอว่าพัฒนากรมีบทบาทและหน้าที่สาคัญที่สุดในการพัฒนาคน ให้มีการศึกษาดี มีเงินใช้ไร้ราคา เพื่อใหม้ ีความร้คู วามสามารถ และร่วมมอื ในการสรา้ งความเจริญท้ังทางดา้ นเศรษฐกจิ และสังคมแก่ชุมชน สหกรณ์ออมทรัพย์กรมการพัฒนาชุมชน จัดต้ังเมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๑๑ ในสมัยของ นายสาย หุตะเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เพ่ือเป็นสวัสดิการและช่วยเหลือข้าราชการและลูกจ้างของกรมการพัฒนาชุมชน ท่ีประสบปัญหาด้านการเงิน โดยสหกรณ์เป็นแหล่งเงินกู้และแก้ปัญหาทางการเงินของสม าชิก ปัจจุบันมจี านวนสมาชิกกวา่ ๙ พนั คน และมสี ินทรพั ยร์ วมกว่า ๕,๖๕๓ ล้านบาท ลาดบั ท่ี ๒ นายประสงค์ อศิ รภกั ดี ดารงตาแหนง่ ๑ ตลุ าคม ๒๕๑๒-๓๐กนั ยายน ๒๔๑๔ มีอุดมการณ์ในการทางาน คือ การพัฒนาชุมชน เป็นวิธีนาความเปลี่ยนแปลงไปสู่ชนบทให้เจริญ โดยอาศยั ความร่วมมอื ของประชาชนและเจา้ หนา้ ทข่ี องรัฐบาลเป็นหลักสาคัญ
๑๒ ในระยะแรกของการก่อตั้งกรมการพัฒนาชุมชนได้กาหนดหน้าท่ีของกรมการพัฒนาชุมชน ไว้ ๘ ประการ ตามคาส่ังกรมการพัฒนาชุมชนท่ี ๑๐๗ / ๒๕๐๖ ลงวันท่ี ๕ กรกฎาคม ๒๕๐๖ เรื่องการแบ่ง งานและระเบียบวิธปี ฏบิ ัตริ าชการของกรมการพฒั นาชมุ ชนคอื ๑. ยกมาตรฐานการครองชพี ประชาชนในชนบทให้สงู ข้นึ และมีความมัน่ คง ๒. ฝกึ อบรมเจา้ หนา้ ท่แี ละผู้นาท้องถ่ินเพอื่ ให้เขา้ ใจในหลักการ และ วิธดี าเนนิ งาน ในการพัฒนาชมุ ชน ๓. ใหก้ ารศกึ ษาและฝกึ อบรมประชาชนให้มีความรูใ้ นแบบและงานฝมี ือสมยั ใหม่ เพ่อื การครองชพี ทีด่ ขี ึ้น ๔. ส่งเสริมและฝึกอบรมประชาชนใหเ้ ข้าใจวถิ กี ารปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตย ๕. นิเทศการปฏิบัตงิ านของเจ้าหน้าทีแ่ ละทาการวิจยั และประเมินผลงานพฒั นาชมุ ชน ๖. เป็นสถาบันเพ่ือการศกึ ษาค้นควา้ ทางวชิ าการเกี่ยวกับงานพัฒนาชมุ ชนของนานาประเทศ ทงั้ ในทางทฤษฎแี ละปฏบิ ตั ิ ๗. เปน็ ศูนยก์ ลางในการบริหารงานพฒั นาชุมชน ประสานการบรกิ ารทางวิชาการ ของกระทรวง ทบวง กรม และองคก์ รต่าง ๆ ทีเ่ กย่ี วข้อง ๘. เปน็ สานักงานเลขาธกิ ารของคณะกรรมการพฒั นาชุมชนแห่งชาตแิ ละคณะกรรมการบริหาร และประสานงานพัฒนาชุมชนแห่งชาติ
๑๓ โครงการปฏิบัตงิ านในปี พ. ศ. ๒๕๐๖ มีจานวน ๙ โครงการ ๑. โครงการเปิดเขตพัฒนาอาเภอ ๒. โครงการฝกึ อบรมเจ้าหน้าท่ี ๓. โครงการพฒั นาผ้นู าทอ้ งถิน่ ๔. โครงการพฒั นากลมุ่ อาชีพ ๕. โครงการส่งเสรมิ สาธารณะสมบัติของชมุ ชน ๖. โครงการพัฒนากจิ กรรมสตรี เด็ก และเยาวชน ๗. โครงการส่งเสริมและเผยแพร่ ๘. โครงการวจิ ยั และประเมนิ ผล ๙. โครงการศูนย์ ศวพ.(ศนู ยช์ ่วยเหลอื ทางวิชาการพฒั นาชุมชน) การดาเนินงานพัฒนาชุมชนในระยะนี้เน้นการกระตุ้นประชาชนให้ร่วมมือกันแก้ปัญหาของตนเอง และหมู่บ้านเพ่ือความม่ันคงของชาติ รวมท้ังกระตุ้นให้ประชาชนรับเอาบริการของรัฐบาลมาทาให้ เกิดประโยชน์ในการพัฒนาหมู่บ้านชุมชนของตนซ่ึงเป็นการส่งเสริมให้โครงการพัฒนาที่หน่วยงานต่าง ๆ ริเร่ิมดาเนินการได้บังเกิดผลดียิ่งขึ้นแก่ประชาชน ได้มีการพัฒนาต้นแบบกิจกรรมพัฒนาชุมชน และกระบวนการพัฒนาชุมชนในหลายเรื่องท่ียังคงใช้มาจนถึงปัจจุบันบางเร่ืองก็มีการพัฒนาต่อในระยะหลัง จนกลายเป็นระบบของชาติและบางเรอ่ื งก็มหี น่วยงานอน่ื นาไปประยกุ ต์ใช้อย่างแพรห่ ลาย งานสาคญั ที่รเิ รม่ิ และพฒั นาขนึ้ มาในระยะนไ้ี ด้แก่ ๑. การพัฒนารูปแบบการจัดทาแผนพัฒนาชุมชน ๕ ปี ซึ่งเป็นรูปแบบของการจัดทาแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมของชุมชนระดับตาบลด้วยการดาเนินการวิจัยเชิงปฏิบัติการโดยมี นายวิชิต ศุขะวิริยะ รองอธิบดีฯฝ่ายปฏิบัตินายสุวิทย์ ย่ิงวรพันธุ์ หัวหน้ากองวิจัยและประเมินผลนายเสน่ห์ วัฒนาธร หัวหน้ากองปฏิบัติการ และดร.อมร รักษาสัตย์ ท่ีปรึกษางานวิจัยของกรมการพัฒนาชุมชนเป็นผู้ดาเนินการ และท้ายท่ีสุดผลการวิจัยก็ได้นามาแก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจัดทาแผนพัฒนาชุมชน ๕ ปี พ. ศ. ๒๕๐๕ เมอื่ เดือนกนั ยายน ๒๕๐๘ ๒. การจัดต้ังศูนย์พัฒนาเด็กเล็กท่ีบริหารงานโดยชุมชน เพ่ือแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง และดูแล เด็กเล็กวัย ๓-๖ ปีให้ได้รับการพัฒนาทั้งร่างกาย จิตใจ และสติปัญญาชุมชนท่ีจัดการโดยชุมชน และชุมชน ได้สมทบทั้งแรงงาน เงิน วัสดุและสติปัญญาในการดาเนินตั้งแต่สร้างอาคาร ดูแลเด็ก บริหารศูนย์ จนถึงการหาทุน
๑๔ กรมการพัฒนาชุมชนร่วมกับองค์การยูนิเซฟดาเนินการทดลองโครงการพัฒนาเด็กเล็กเมื่อปี ๒๕๑๐ ในจังหวัดนครปฐม สระบุรี นครราชสีมามิการออกแบบระบบการบริหารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โดยชุมชน ภายใต้การดูแลของคณะกรรมการพัฒนาหมู่บ้านและคณะกรรมการพัฒนาตาบล และผู้ดูแลเด็ก (ผดด.) ซึ่งเป็นสตรีในหมู่บ้านอายุ ๑๖-๔๖ ปี ที่ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการพัฒนาหมู่บ้าน และคณะกรรมการพัฒนาตาบลให้ทาหน้าที่ผู้ดูแลเด็กโดยกรมฯได้พัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมผู้ดูแลเด็ก ก่อนประจาการร่วมกับโรงเรียนอนุบาลละอออุทิศ วิทยาลัยครูสวนดุสิต เป็นหลักสูตรพิเศษใช้เวลา ๙๐ วัน ผลของการทดลองเป็นที่สนใจของประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ อย่างกว้างขวางจนถึงปี ๒๕๑๕ มีการขยายเขต ดาเนินงานเพ่ิมอีก ๔ จังหวัดคือ อุดรธานีชัยภูมิประจวบคีรีขันธ์ และสงขลา กรมการพัฒนาชุมชนจึงกาหนด เปน็ นโยบายส่งเสริมการดาเนินงานศนู ย์พัฒนาเดก็ เล็กออกไปทว่ั ประเทศตง้ั แต่ ปี ๒๕๑๕ เปน็ ตน้ มา ๓. การทดลองรูปแบบศูนย์พัฒนาอาชีพ การจัดตั้งศูนย์พัฒนาอาชีพทดลองแห่งแรกดาเนินการ ใน ปี ๒๕๑๒ ท่ีตาบลซาผักแพว อาเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี โดยการสนบั สนนุ จากองค์การแรงงานระหวา่ ง ประเทศ (ILO) ร่วมกบั หน่วยงานตา่ ง ๆ ทเี่ ก่ียวขอ้ ง เพ่ือสร้างสถาบนั ฝึกอบรมอาชีพในระดบั หม่บู า้ นอย่างถาวร เปิดการฝึกอบรมรุ่นแรกเม่ือเดือนสิงหาคม ๒๕๑๑การฝึกอบรมเน้นด้านช่างเคร่ือง และการเกษตร และในปี ๒๕๑๔ ได้รับการสนับสนุนจากสานักงบประมาณจัดตั้งศูนย์พัฒนาอาชีพข้ึนอีกแห่งหน่ึงที่ตาบล หนองบัว อาเภอเมอื ง จงั หวดั กาญจนบรุ ี ๔. การทดลองรูปแบบการพัฒนาหมู่บ้านเกษตรกรรมซ่ึงเป็นการนาแนวทางการดาเนินงาน พัฒนาชุมชนที่ตาบลบอร์โกอามอสซาโน ประเทศอิตาลี มาปรับใช้ โดยการสนับสนุนของบริษัทเชลล์ แหง่ ประเทศไทยจากัด ดาเนินการในปี ๒๕๐๘ ทีต่ าบลสารภี อาเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมาใช้ช่ือว่า โครงการสารภี ต่อมาในปี ๒๕๑๔ มูลนิธิเพื่อการศึกษา และประชาสงเคราะห์ก็ได้ให้ความช่วยเหลือการดาเนินงานในลักษณะเดียวกันท่ีตาบลขัวมุง อาเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่และตาบลละงู อาเภอละงู จังหวัดสตูลโครงการสารภีนี้เป็นจุดเร่ิมต้นของการริเริ่มกิจกรรม สาคัญของกรมการพฒั นาชมุ ชนในระยะต่อมานัน่ คอื กลมุ่ ออมทรพั ยเ์ พือ่ การผลิต
๑๕ ๕. การพัฒนาหลักสูตรพัฒนาผู้นาท้องถ่ินประเภทต่าง ๆได้แก่คณะกรรมการพัฒนาหมู่บ้าน คณะกรรมการพัฒนาตาบล ผู้นาเยาวชนผู้นาสตรีโดยหลักสูตรการฝึกอบรมที่พัฒนาข้ึนเป็นเอกลักษณ์ ของการพัฒนาคนตามแบบพัฒนาชุมชนที่สาคัญย่ิง กล่าวคือ เป็นการฝึกอบรมท่ีมุ่งพัฒนาภาวะผู้นา และทักษะการบริหารจัดการกิจกรรมชุมชน รวมท้ัง การทางานเป็นกลุ่มเป็นสาคัญกรมการพัฒนาชุมชน ได้นาหลักการทางานแบบช่วยกันคิด (Non-directive approach) มาผสมผสานเข้ากับการฝึกอบรม อย่างกลมกลืน ผู้นาท่ีผ่านหลักสูตรนี้ได้กลายเป็นทรัพยากรบุคคลท่ีสาคัญในการบริหารจัดการชุมชน และการจดั ต้ังกลุ่มองค์กรในชุมชนในระยะต่อมา ๖. การพัฒนาระบบการสารวจข้อมูลชุมชน ท้ังน้ีด้วยเห็นจาเป็นที่ว่าการทางานด้วยการพัฒนา ชุมชนน้ันเจ้าหน้าท่ีต้องมีความเข้าใจในลักษณะของชุมชนและประชาชนที่จะเข้าไปทางานด้วยอย่างถ่องแท้ และต้องมีเครื่องบ่งช้ีความก้าวหน้าในการพัฒนาจึงมีการพัฒนาระบบการ สารวจข้อมูลชุมชน ข้ึน และออกเป็นระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการสารวจเบ้ืองต้นเมื่อเปิดเขตพัฒนาอาเภอ พ.ศ. ๒๕๐๙ รวมทั้งออกแบบงานวิจัยและประเมินผลให้มีหน่วยงานรับผิดชอบระดับกองใช้งานวิจัย เป็น“ เสมือนเครื่องเรดาร์ท่ีค้นหาและแนะแนวทางที่เหมาะสมในการปฏิบัติงาน” และใช้การประเมินเป็น“ เคร่ืองวัดและตาชั่ง” ซึ่งวัดผลการดาเนินงานว่าตรงตามเป้าหมายหรือไม่ แล้วนาผลไปเปรียบเทียบพิจารณา ว่างานท่ีดาเนินการไปแล้วมีประสิทธิภาพเพียงใดการวิจัยสารวจสภาวะเริ่มแรกของ ประชาชนในเขตพัฒนา จึงมีช่ือเป็นภาษาอังกฤษว่า“ Benchmark Survey” รายงานการสารวจถือได้ว่าเป็นข้อมูลท่ีสาคัญ ทางประวัตศิ าสตร์ของชุมชนในปัจจบุ นั ๗. การพัฒนาระบบการส่งเสริมการพัฒนาแบบช่วยกันคิด ซึ่งหน่วยงานหลายแห่ง ก็ได้มีความพยายามท่ีจะใช้แนวทางการทางานรูปแบบนี้อยู่เช่นกันในขณะน้ัน แต่ความเข้าใจและความเชื่อ ในการทางานยังไม่ถูกต้องกรมการพัฒนาชุมชนได้ศึกษาค้นคว้าและเผยแพร่เอกสารเก่ียวกับการทางาน แบบช่วยกันคิดน้ีอย่างจริงจังและกว้างขวาง อีกทั้งมีการวางและพัฒนาระบบงานให้เอ้ือกับการทางาน แบบช่วยกันคิดอย่างแท้จริงและได้ทาความเข้าใจกับเจ้าหน้าท่ีหลายครั้ง จนเป็นองค์ความรู้สาคัญ ตอ่ วงการพฒั นาจนถงึ ปจั จบุ ัน
๑๖ ๘.การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการโดยชุมชน การจัดต้ังให้มีองค์กรบริหารการพัฒนา ระดับหมู่บ้าน ระดับตาบลการวางแผนงานโครงการพัฒนาชุมชน การประชุมปรึกษาหารือระหว่างประชาชน ก า ร มี ศู น ย์ ป ฏิ บั ติ ก า ร ห รื อ ศู น ย์ ก ล า ง ก า ร พั ฒ น า ข อ ง ห มู่ บ้ า น ต า บ ล ทั้ ง ใ น รู ป ข อ ง ศ า ล า ป ร ะ ช า ค ม หรือศูนย์พัฒนาตาบล ล้วนแต่พัฒนารูปแบบให้ชัดเจนขึ้นต้ังแต่ในช่วง ๑๐ ปีแรก ของการก่อต้ังกรม การพัฒนาชุมชนท้ังส้ิน นอกจากน้ี ยังได้ริเริ่มการคัดเลือกผู้นาท้องถ่ินท่ีมีจิตใจเสียสละเพ่ือส่วนรวม เป็นผู้นาอาสาพัฒนาชุมชนเพ่ือช่วยเหลือการทางานของคณะกรรมการพัฒนาหมู่บ้านและคณะกรรม การพัฒนาตาบล ท้ังหมดน้ีก็เพ่ือให้ตาบลสามารถยกระดับข้ึนเป็นองค์การบริหารส่วนตาบล หรอื หนว่ ยการปกครองตนเองไดใ้ นท่สี ดุ ๙. การพัฒนาระบบการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ เพ่ือการพฒั นาชุมชน โดยมีแผนการ พัฒนาชุมชนและข้อมูลชุมชนเป็นกลไกไดม้ ีการปรบั ปรุงแผนการพัฒนาชุมชนแหง่ ชาติและจัดระบบการบริหาร การพัฒนาชุมชนให้เกิดการประสานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ได้อย่างจริงจังซ่ึงระบบน้ีมีรูปแบบใกล้เคียง กับระบบการบริหารการพัฒนาของชาติที่ใช้ในปัจจุบัน อย่างมาก ข้าราชการของกรมการพัฒนาชุมชนท่ีได้รับ แต่งต้ังให้ประจาปฏิบัติงานในตาบล / หมู่บ้านท่ีเปิดเขต พัฒนา คือ “ พัฒนากร” มีบทบาทเป็นตัวเชื่อม ประสานระหว่างหน่วยงานของรัฐกับประชาชนท่ีอยู่ในบ้าน นาเอาปัญหาความต้องการของประชาชน มาให้หน่วยงานของรัฐ พัฒนากร ๑ คนรับผิดชอบ ๑ ตาบล และเนื่องจากหน่วยงานของรัฐมีน้อยและยังไม่ สามารถส่งเจ้าหน้าที่ลงไปปฏิบัติงานในระดับตาบลได้ เพื่อความรวดเร็วและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า “ พัฒนา กร” จึงต้องทางานเอนกประสงค์ (Multipurpose Worker) กล่าวคือรับผิดชอบการดาเนินงานพัฒนาชุมชน ในทุกด้านรวมท้ังเป็นผู้นาบริการจากหน่วยงานภายนอกเข้าไปถึงมีประชาชนและขณะเดียวกันก็นาปัญหา ความต้องการของชาวบ้านมาสู่เจ้าหน้าท่ีของรัฐพร้อมกับจัดให้มีเจ้าหน้าที่วิชาการประจาอาเภอเรียกวา่ พัฒนา กร สดย. (สตรีเด็กเยาวชน) จานวน ๓ คนต่ออาเภอโดยให้เป็นผ้รู ับผิดชอบสนับสนุนทางวิชาการแกพ่ ัฒนากร ในดา้ นการพฒั นาสงั คมการพัฒนาอตุ สาหกรรมในครัวเรอื นการพัฒนาการบริโภค และการถนอมอาหาร
๑๗ สรปุ ระยะแรก ในระยะแรกจะเน้นการกระตุ้นประชาชนให้มีร่วมมือกันในการแก้ปัญหาของตนเองและหมู่บ้าน เพ่ือความมั่นคงของชาติรวมทั้งกระตุ้นให้ประชาชนรับเอาบริการของรัฐบาลมาทาให้เกิดประโยชน์ ในการพัฒนาหมู่บ้านชุมชนของตน และได้มีการพัฒนาต้นแบบกิจกรรมพัฒนาชุมชนและกระบวนการพัฒนา ชุมชนในหลายเรื่องที่ยังคง ใช้มาจนถึงปัจจุบัน ได้แก่ การจัดทาแผนพัฒนาชุมชน ๕ ปี การจัดต้ังศูนย์พัฒนา เดก็ เล็ก ทดลองรูปแบบศูนย์พัฒนาอาชีพสร้างหลักสตู รพัฒนาผ้นู าท้องถ่ิน พฒั นาระบบการสารวจขอ้ มูลชมุ ชน จัดต้ังองค์กรบริหารการพัฒนาระดับหมู่บ้าน ตาบล ในยุคนี้มีอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน จานวน ๒ ท่าน ไดแ้ ก่ ๑. นายสาย หตุ ะเจรญิ ดารงตาแหนง่ ๑ ตลุ าคม ๒๕๐๕-๓๐ กันยายน ๒๕๑๒ ๒.นายประสงค์ อศิ รภักดี ดารงตาแหน่ง ๑ ตุลาคม ๒๕๑๒-๓๐ กันยายน ๒๔๑๔ มีอุดมการณ์ในการทางาน แต่ละท่านมีอุดมการณ์ ในการทางานท่ีแตกต่างกันไป โดยส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นในเรื่องการริเร่ิมนาหลักการพัฒนาชุมชนมาใช้ให้กาเนิด พัฒนากรมีบทบาทและหน้าท่ีสาคัญท่ีสุดในการพัฒนาคนและอาศัยความร่วมมือของประชาชนและเจ้าหน้าที่ ของรัฐบาลเป็นหลกั สาคัญ งานสาคัญท่ีริเร่ิมและพัฒนาขึ้นมาในระยะน้ีไดแ้ ก่ ๑. การพัฒนารูปแบบการจัดทา แผนพัฒนาชุมชน ๕ ปี ๒. การจัดต้ังศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่บริหารงานโดยชุมชน ๓. การทดลองรูปแบบศูนย์ พัฒนาอาชีพ ๔. การทดลองรูปแบบการพัฒนาหมู่บ้านเกษตรกรรม ๕. การพัฒนาหลักสูตรพัฒนาผู้นาทอ้ งถ่ิน ประเภทต่างๆ ๖. การพัฒนาระบบการสารวจข้อมูลชุมชน๗. การพัฒนาระบบการส่งเสริมการพัฒนา แบบช่วยกันคิด ๘.การพฒั นารปู แบบการบริหารจัดการโดยชุมชน๙. การพฒั นาระบบการประสานงานระหว่าง หน่วยงานต่างๆ ในระยะน้ีเน้นการกระตุ้นประชาชนให้ร่วมมือกันแก้ปัญหาของตนเองและหมู่บ้านเพื่อความ มั่นคงของชาติ รวมทั้งกระตุ้นให้ประชาชนรับเอาบริการของรัฐบาลมาทาให้ เกิดประโยชน์ในการพัฒนา หมู่บ้านชุมชนของตนเปน็ การส่งเสรมิ ใหเ้ กดิ โครงการท่ีเปน็ ผลดแี ก่ประชาชนมากขึน้
๑๘ ยุคท่ี ๒ สร้างพลงั ชุมชน (พ.ศ. ๒๕๐๕-๒๕๒๔) การดาเนินงานพัฒนาชุมชนในระยะนี้เน้นการทาง านตามแนวความคิดการมีส่วนร่วม ของประชาชน สง่ เสริมให้ประชาชนรจู้ ักการชว่ ยเหลือตนเองและชุมชนยิง่ ข้ึนเน้นยุทธศาสตรต์ ่อสกู้ บั การแทรก ซึมของคอมมิวนิสต์ให้ความสาคัญต่อการสร้างผู้นาและการรวมกลุ่มให้มีกลุ่มกิจกรรมต่าง ๆ ขึ้นในหมู่บ้าน / ตาบลเพ่ือเป็นฐานหรือเป็นพลังในการพัฒนา นอกจากน้ียังได้ริเริ่มงานอาสาสมัคร ขน้ึ โดยมจี ุดหมายท่ีสาคัญ ได้แก่ การสรา้ งพลงั ของหมบู่ ้าน (ชุมชน) ใหเ้ กิดข้นึ แลว้ นาพลังนั้นมาใชป้ ระโยชน์ใน การพัฒนา ใ น ยุ ค น้ี มี อ ธิ บ ดี ก ร ม ก า ร พั ฒ น า ชุ ม ช น ผู้ มี บ ท บ า ท ก า ห น ด ทิ ศ ท า ง ส ร้ า ง ส ร ร ค์ ง า น พั ฒ น า ชุ ม ช น จานวน ๓ ทา่ น ไดแ้ ก่ ลาดับท่ี ๓ นายพัฒน์ บุญยรัตน์พนั ธุ์ ดารงตาแหน่ง ๑ ตุลาคม ๒๕๑๔ – ๓๐กันยายน ๒๕๑๘ มีอุดมการณใ์ นการทางาน คือ สร้างพลังชุมชนและใช้พลังชมุ ชนในการพัฒนาชุมชน คาปฏญิ าณของนกั ปกครอง ความทุกขข์ องประชาชนอยทู่ ี่ไหนเราตอ้ งไปท่นี ้นั ลาดับท่ี ๔ นายนิรตุ ิ ไชยกลู ดารงตาแหน่ง ๑ ตุลาคม ๒๕๑๘-๓๐ กนั ยายน ๒๕๒๒ มีอุดมการณ์ในการทางาน คือ ขยนั เชอื่ มนั่ ประสานงาน คอื อดุ มการณ์ของงานพฒั นาชมุ ชน ลาดบั ท่ี ๕ ร.ต.ท. ระดม มหาศรานนท์ ดารงตาแหนง่ ๑ ตุลาคม ๒๕๒๒-๓๐ กันยายน ๒๕๒๖ มีอุดมการณ์ ในการทางาน คือ เสียสละ มานะ อดทน ร่วมช่วยเหลือ เพื่อสร้างสรรค์ คุณภาพของคน ทั้งจากองคก์ ารเอกชน ราษฎร และราชการ คือ อดุ มการณข์ องงานพัฒนาชุมชน
๑๙ ระยะสร้างพลังชุมชนเน้นการทางานตามแนวคิดการมีส่วนร่วมของประชาชน ส่งเสริม ให้ประชาชนรู้จักการช่วยเหลือตนเองและชุมชนย่ิงข้ึน ให้ความสาคัญต่อการสร้างผู้นาและการรวมกลุ่ม ให้มีกิจกรรมต่าง ๆข้ึน ในหมู่บ้าน / ตาบล เพือ่ เปน็ ฐานหรือเป็นพลงั ในการพฒั นา เริ่มงานอาสาสมัคร มีจุดหมายท่ีสาคัญ คือ การสร้างพลังของหมู่บ้าน (ชุมชน) ให้เกิดข้ึนแล้วนาพลัง นน้ั มาใชป้ ระโยชนใ์ นการพฒั นา พ. ศ. ๒๕๑๕ มีการเปล่ียนแปลงองค์กรบริหารการพัฒนาระดับตาบล โดยประกาศคณะปฏิวัติ ฉบบั ท่ี ๓๒๖ ลงวนั ที่ ๑๓ ธนั วาคม ๒๕๑๕ ใหม้ สี ภาตาบลเป็นองคก์ รเดยี ว โดยพัฒนากรเปน็ ท่ปี รกึ ษา บทบาทของกรมการพฒั นาชมุ ชน ปรบั เปน็ ดังน้ี ๑. ร่วมกับประชาชนในการยกระดับการครองชีพให้สูงขึ้นสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสงั คมแหง่ ชาติ ๒. แก้ปัญหาอุปสรรคและความเดือดร้อนของประชาชนเกี่ยวกับปัจจัยขั้นพ้ืนฐานท่ีจาเป็น ในการดารงชีวติ ๓. ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการพัฒนาท้องถิ่นท่ีจาเป็น และเกินขีดความสามารถ ของประชาชน ๔. ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ผู้นาท้องถิ่นและเจ้าหน้าท่ีอื่นๆที่เก่ียวข้องเพื่อเผยแพร่ และใหค้ วามร้ใู นหลักการและวิธีการพัฒนาชมุ ชน ๕. ให้การศึกษาและฝึกอบรมการประกอบอาชีพ และดาเนินชีวิตในครอบครัว แก่ประชาชน ระดบั การครองชพี และสขุ ภาพอนามัย ๖. สง่ เสริมและรกั ษาไวซ้ ึ่งขนบธรรมเนียมประเพณี และวฒั นธรรมอันดีงาม ๗. สนับสนุนการกระจายอานาจการปกครองท้องถิ่นโดยฝึกดาเนินงานตามระบอบประชาธิปไตย ขัน้ พนื้ ฐานแกป่ ระชาชน ๘. ศึกษาวิจัยและประเมินผลงานพัฒนาชุมชนทั้งในทางทฤษฎีและปฏิบัติเพื่อเสนอแนวคิดหลักการ วธิ กี าร และผลการดาเนินงาน ๙. สนับสนุนให้บุคคล กลุ่มบุคคล และอาสาสมัครเอกชนใช้ความรู้ความสามารถให้เป็นประโยชน์ ตอ่ ชมุ ชน สังคมและประเทศชาติ
๒๐ ๑๐. เป็นศูนย์กลางบริหารงานพัฒนาชุมชนและทาหน้าที่ประสานงานกับกระทรวง ทบวง กรม และองคก์ รตา่ ง ๆท่เี กีย่ วข้อง ๑๑. เป็นสานักงานเลขาธิการของคณะกรรมการบริหารและประสานงานพัฒนาชุมชนและกรรมการ อน่ื ๆ ทสี่ นับสนนุ ๑๒. หน้าที่อ่ืน ๆ ตามท่ีรัฐบาลหรือกระทรวงมหาดไทยมอบหมายนอกจากนี้ยังมีการปรับโครงสร้าง องคก์ ารของกรมการพัฒนาชมุ ชนในปี ๒๕๑๙ ทาให้มีการปรับโครงการปฏิบัตงิ านเปน็ ๑๒ โครงการ ดงั นี้ ๑. โครงการพัฒนาผนู้ า ๒. โครงการพัฒนากลุ่มอาชีพ ๓. โครงการพฒั นาเยาวชน ๔. โครงการพัฒนาสตรี ๕. โครงการพัฒนาเด็ก ๖. โครงการพฒั นาอาสาสมัคร ๗. โครงการส่งเสริมสาธารณสมบัติของชุมชน ๘. โครงการส่งเสรมิ ความสมั พันธ์ ๙. โครงการสง่ เสริมการใชเ้ วลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ ๑๐. โครงการฝกึ อบรมเจ้าหน้าท่ี ๑๑. โครงการวิจัยและวางแผน ๑๒. โครงการพัฒนาพิเศษ ในช่วง ๑๐ ปีนีก้ ารบรหิ ารงานพฒั นาชุมชนไดป้ รบั ปรุงถงึ ๒ ครั้ง ดงั น้ี ครั้งที่ ๑ : โครงสร้างการพฒั นาชมุ ชน ๔-๔-๕-๔ ๑.๑ นโยบายการพัฒนาชมุ ชน ประกอบดว้ ย ๑) ขจดั ความขดั แยง้ ระหวา่ งประชาชนต่อประชาชนและตอ่ รัฐบาล ๒) ปรับปรงุ ส่งเสริมการครองชีพของประชาชนในชนบทให้สูงข้นึ ๓) ส่งเสรมิ ความสามารถของกล่มุ บุคคลในการทางานรว่ มกนั ๔) ส่งเสริมประชาชนในหมู่บ้านให้มีความพึงใจมีความเช่ือมั่น และสามารถรับผิดชอบในการพัฒนา และคุ้มครองชุมชนของตน ๑. ๒ วตั ถปุ ระสงค์การพัฒนาชุมชน ประกอบด้วย ๑) เพอ่ื ดาเนนิ การใหป้ ระชาชนมคี วามคิดเห็นตรงกันมีศรัทธาอย่างเดยี วกัน ๒) เพื่อกระตุ้นเตือนประชาชนให้มีความคิดริเริ่มเกิดความต้องการในสิ่งจาเป็นแก่การดารง อยู่ และร่วมกนั ทางานตามความสามารถของตน ๓) เพื่อพัฒนาประชาชนให้มีความรู้ความสามารถสูงข้ึนในการประกอบอาชีพและฝีมือในการทางาน ประเภทต่างๆ ๔) เพ่ือฝึกให้ประชาชนได้ทางานเป็นกลุ่ม เพื่อให้เกิดพลังในการทางาน และฝึกหัดการดาเนินงาน แบบประชาธปิ ไตย
๒๑ ๑. ๓ เป้าหมายของการพฒั นาชมุ ชน ประกอบด้วย ๑) เร่งการเพิ่มผลผลติ เพ่มิ รายได้ และลดรายจา่ ยของชมุ ชน ๒) ปรบั ปรุงสง่ เสรมิ ส่ิงแวดล้อมในชุมชนใหด้ ีข้ึน ๓) ปรับปรุงสง่ เสริมการอนามยั และสขุ าภบิ าล ๔) ส่งเสรมิ การศกึ ษาและวัฒนธรรม ตลอดจนใหเ้ รยี นร้ใู นส่งิ จาเป็น ๕) พัฒนาประชาชนให้ใชเ้ วลาว่างให้เปน็ ประโยชน์ต่อตนเองและชมุ ชน ๑. ๔ จดุ มุง่ หมายการดาเนินงานพัฒนาชุมชน ประกอบดว้ ย ๑) มุ่งแปรเปลี่ยนทัศนะของประชาชน ๒) สร้างศรทั ธาให้เกดิ ข้ึนในหมูป่ ระชาชน ๓) สง่ เสรมิ ให้เกดิ การรวมกลุม่ ๔) ส่งเสรมิ ใหก้ ลุ่มมพี ลังความสามารถในการปฏบิ ัติงาน และครองตนตามระบอบประชาธิปไตย คร้ังท่ี ๒: หลกั การปฏิบัติพิจารณาสภาวการณห์ ลกั การปฏิบตั ิงานพฒั นาชุมชนคือหลกั การ ๔ ป ประชาชน หมายถึง ทางานกับประชาชน พัฒนาทัศนคติของประชาชนทุกเพศ ทุกวัย และพิจารณา สภาวการณ์และปญั หาของชมุ ชน และประชาชนเปน็ หลักในการเริม่ งาน ประชาธิปไตย หมายถึง ทางานในรูปคณะกรรมการ ซ่ึงเป็นตัวแทนของประชาชนในท้องถิ่น ระดับหมู่บา้ นตาบล สนับสนุนให้ประชาชนรวมกลุ่มกัน ริเร่ิมโครงการและกิจกรรมเพื่อปรับปรุงท้องถ่ินตนเอง แ ล ะ อ า ศั ย ห ลั ก ก า ร เ ข้ า ถึ ง ป ร ะ ช า ช น ใ น ก า ร ท า ง า น แ ล ะ ร่ ว ม ง า น กั บ ผู้ น า ท้ อ ง ถิ่ น แ ล ะ ป ร ะ ช า ช น ในรปู กลุม่ ประสานงาน หมายถึง ร่วมมือและประสานงานกับทุกหน่วยงานองค์การทั้งของรัฐบาลและเอกชน ชักนาบริการของนักวิชาการไปสู่ประชาชนและกระตุ้นให้ประชาชนไปหานักวิชาการเพื่อรับ บริการ ตามความตอ้ งการโดยเหมาะสม พฒั นากร จะเปน็ ผู้เชอ่ื มประสานงานระหว่างนกั วิชาการกบั ประชาชน ประหยัด หมายถึง ให้ประชาชนช่วยตนเองเป็นหลัก รัฐช่วยเหลือในสิ่งท่ีเกินความสามารถ ของประชาชนเท่าน้ัน ในการจัดทาโครงการกิจกรรมต่าง ๆ พยายามนาทรัพยากรในท้องถ่ินท้ังในด้านกาลังคน และวัสดมุ าใช้ใหเ้ กิดประโยชน์มากท่ีสดุ ทกุ ฝ่ายร่วมกันคิดและวางแผนการปฏิบัตงิ านตามโครงการไว้ล่วงหน้า ผลงานระยะนี้เน้นยุทธศาสตร์ต่อสู้กับการแทรกซึมของคอมมิวนิสต์ การสร้างและการพัฒนาความสัมพันธ์ ทางสงั คมในชมุ ชน งานสาคัญๆ ทีร่ ิเรม่ิ และพัฒนาในระยะนี้ ไดแ้ ก่ ๑. การพัฒนาข้ันตอนการส่งเสริมและพัฒนากลุ่มให้เป็นองค์ความรู้สาคัญในการพัฒนากลุ่มองค์กร ชุมชนที่ใช้กันแพร่หลายในปัจจุบัน และได้รับการนาไปอ้างอิงเชิงวิชาการอยู่เสมอ ซ่ึงเรียกว่าหลักการ ๓ ข้ัน ๘ ตอนของการพัฒนากลุ่ม
๒๒ ๒. การพัฒนารูปแบบศูนย์เยาวชนชุมชนโดยให้มีการจัดตั้งศูนย์เยาวชนระดับตาบลขึ้นโดยให้ใช้ อาคารศูนย์พัฒนาตาบลหรือท่ีทาการของคณะกรรมการพัฒนาตาบล เพื่อเป็นศูนย์รวมการติดต่อส่ือสัมพันธ์ และใหก้ ารสนบั สนุนซึง่ กนั และกันระหวา่ งสมาชิกของกลมุ่ เยาวชนประเภทกิจกรรมต่าง ๆ นอกจากน้ียังทาหน้าท่ีสนับสนุนกิจกรรมและประสานกิจกรรมให้ต่อเนอื่ งกับกิจกรรมของกลุ่มคนวัยอ่ืน ๆ ท้ังในระดับตาบลและหมู่บ้านช่วยให้ความรู้และให้ความช่วยเหลือที่ผู้ปกครองของสมาชิกศูนย์เยาวชนด้วย พรอ้ มกบั ออกแบบการบรหิ ารงานศนู ย์เยาวชน ให้มีองค์กรบริหารงานศูนย์เป็นเยาวชนในตาบลน้ันและมีท่ีปรึกษาเป็นผู้นา เยาวชนท่ีพ้นวัยเยาวชนไปแล้ว และผู้นาชุมชนอ่ืนๆ อนั เป็นรปู แบบของการบริหารจดั การโดยชมุ ชนอีกกจิ กรรมหนง่ึ ๓. ทดลองจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมเยาวสตรี ในจังหวัดภาคเหนือขึ้นเพื่อฝึกอบรมเยาวสตรีในภาคเหนือ ให้สมเป็นกุลสตรีมีความรู้ความสามารถพอท่ีจะประกอบอาชีพและมีชวี ิตอยู่ในสงั คมได้ด้วยดีและเปน็ ตัวอย่าง แก่เยาวสตรีอื่นๆในหมบู่ ้านชนบทอีกด้วยกรมการพัฒนาชุมชนได้นาโครงการน้ีเสนอต่อคณะกรรมการส่งเสริม เยาวชนแห่งชาติ สภาบริหารคณะปฏิวัติ และสานักงบประมาณได้รับความเห็นชอบในหลักการให้ดาเนินงาน เป็นการทดลองก่อนในปีงบประมาณ ๒๕๑๖ โดยใช้สานักงานพัฒนาชุมชนเขต ๕ จังหวัดลาปางเป็นสถานท่ี ฝึกอบรมทดลองฝกึ อบรม ๒ ร่นุ รวม ๑๐๐ คน
๒๓ ๔. ริเร่ิมให้มีวันกตัญญู เพ่ือยกฐานะผู้อาวุโสในชุมชนให้สูงขึ้นเพื่อให้พ้นวิถีทางของการต่อต้าน การเปล่ียนแปลงโดยส่งเสริมและสนับสนุนให้ชาวบ้านในเขตพัฒนาทุกแห่ง ร่วมมือร่วมใจกันแสดงออก ซึ่งความกตัญญูต่อผู้อาวุโสอันมีพระคุณอย่างพร้อมเพียง และเป็นกิจจะลักษณะ ทั้งให้ถือว่าวันนั้นเป็นวัน สาคญั เรียกว่า“ วันกตญั ญู” อนั เปน็ การจรรโลงวฒั นธรรมอันดีงามของชาติให้มน่ั คงถาวรสบื ไปชั่วกาลนานโดย ถือเอาวันสารท กลางปีเป็นวันกตัญญูดาเนินการประกอบพิธีตามขนบประเพณีและศาสนาของชุมชนน้ัน ๆ ซ่งึ ตอ่ มาได้ผนวกเข้ากับงานพฒั นาเยาวชน และกาหนดใหว้ นั ที่ ๑๓ เมษายนของทกุ ปี เป็นวนั กตญั ญู ๕. ริเร่ิมให้มีกิจกรรมวันพัฒนาโดยถือโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ๕ ธันวาคมของทุกปีเชญิ ชวนประชาชนระดมพลังพฒั นาสภาพแวดลอ้ มในหมู่บา้ นถวายเป็นราช สักการะจนปัจจุบันทุกหน่วยราชการได้ร่วมกันจัดงานวันพัฒนาในช่วงวันที่ ๔-๖ ธันวาคมของทุกปีจนเป็น ประเพณีไปแ ล้ว พระบาทส มเด็จพระเ จ้าอยู่หัว ทรง พระราช ทา นคาขวัญเนื่อ ง ในวันพัฒน า คอื “ พฒั นาคือสรา้ งสรรค”์ เพ่อื เปน็ แนวทางในการปฏิบตั ิตวั และปฏบิ ัตหิ น้าที่ของนักพฒั นา
๒๔ ๖. รเิ ริม่ การส่งเสริมกีฬาชนบท โดยสง่ เสริมความสาคัญของการกีฬาสละที่ดนิ ของตนเพื่อสร้างสนาม กีฬาของชุมชนซึ่งต่อมาได้ผนวกไว้กับโครงการพัฒนาเยาวชน และมีการจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนบท เปน็ ประจาทุกปี ๗. ส่งเสริมการพัฒนาห้องสมุดชนบท โดยให้มีห้องสมุดอยู่ตามศูนย์พัฒนาตาบลเพื่อการส่งเสริม การศึกษาแก่ประชาชนและเยาวชนในชนบทให้มีนิสัยรักการอ่าน รู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และเป็น แหล่งคน้ คว้าหาความร้ดู ว้ ยตนเอง ๘. ริเริ่มการประกวดหมู่บ้านพัฒนาดีเด่น โดยร่วมกับองค์การ สปอ. ให้หมู่บ้านได้มีโอกาสแสดงผล งานอันเป็นเกียรติยศแก่หมู่บ้านและตาบลน้ัน ๆโดยให้จังหวัดคัดเลือกหมู่บ้านท่ีมีลักษณะดีเด่น ส่งเขา้ ประกวด ซงึ่ เปน็ ตน้ แบบของการประกวดหมูบ่ า้ นในระยะต่อมา ๙. พัฒนาต้นแบบกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตโดยเร่ิมทดลองในพ้ืนท่ีโครงการสารภี ๒ แห่ง คือตาบลขวั มงุ อาเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ และ ตาบลละงู อาเภอละงู จงั หวดั สตลู โดยมีวตั ถุประสงค์เพือ่ ให้ เป็นสถาบันพัฒนาคนพัฒนาคุณธรรมในชุมชน พัฒนาเงินทุนระดับท้องถ่ินในการพัฒนาอาชีพ และ สวัสดิการของชุมชนเปน็ ศนู ย์บริหารวชิ าการตา่ ง ๆ ในการพฒั นาอาชีพอกี ทัง้ ใหก้ ารบริการ ทางด้าน การตลาดการจดั หาทุนและวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพของสมาชกิ สนับสนุนใหส้ มาชิกร้จู ักการสะสมทุน ออมประหยดั ซ่งึ ปัจจุบนั ได้ขยายผลออกไปอยา่ งแพรห่ ลาย “ กลุ่มออมทรัพย์เพ่ือการผลิต” ใช้“ เงิน” เป็นเคร่ืองมือในการพัฒนาคนดาเนินงานโดยยึดหลัก คณุ ธรรม ๕ ประการ คอื ความซ่อื สตั ยค์ วามเสียสละความรับผดิ ชอบความเห็นอกเหน็ ใจกนั และความไว้วางใจ ซ่ึงกันและกัน เพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชนยากจนในชนบทเข้าถึงแหล่งทุนช่วยเหลือซ่ึงกันและกัน ตั้งแต่ ใช้จ่ายยามเดือดร้อนจาเป็นการลงทุนประกอบอาชีพการจัดสวัสดิการต่าง ๆ แก่สมาชิก และผู้ด้อยโอกาสใน ชุมชน มีการพัฒนาธุรกิจของกลุ่ม หลายรูปแบบเช่น การสร้างลานรวมผลผลิต ยุ้ง / ฉาง / ธนาคารข้าวศูนย์ สาธิตการตลาด ป้ัมน้ามัน โรงงานแปรรูปผลผลิต โรงงานน้าดื่มปัจจุบันมีกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต จานวน ๓๔, ๕๓๐ กลมุ่ มเี งนิ ออมของประชาชน๒๕, 000 ล้านบาท
๒๕ ๑๐. พัฒนารูปแบบการดาเนินงานหมู่บ้านพัฒนาทางยุทธศาสตร์ เพ่ือต่อต้านการแทรกซึม ของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์เป็นสาคัญ โดยกาหนดให้มีหมู่บ้านท่ีเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการพัฒนา เรียกว่า หมู่บ้านพัฒนาเน้นหนักขึ้น หมู่บ้านนี้จะเป็นหมู่บ้านท่ีจุดประกายไฟขยายการพัฒนาชุมชนออกไป ทานองเดียวกับไฟลามทุ่ง พร้อมกันน้ันก็ได้กาหนดให้หมู่บ้านพัฒนาเน้นหนักแห่งหน่ึงเป็นหมู่บ้านพัฒนา วิเคราะห์ซึ่งใช้เป็นสถานที่ทดลองค้นคว้าหาความชานาญในทางวิชาการเฉพาะกรณีไปใช้ในหมู่บ้านพัฒนา เน้นหนักท่ัวไป แนวความคิดของหมู่บ้านพัฒนาวิเคราะห์นี้เป็นต้นแบบของ Social lab ของ ศพช. เขตในปัจจุบัน นอกจากน้ี ผลการศึกษาค้นคว้าทดลองในหมู่บ้านพัฒนาวิเคราะห์ยังก่อให้เกิดภารกิจการ ส่งเสรมิ ครอบครัวพฒั นาในเวลาตอ่ มาอีกด้วย ๑๑. การพัฒนาทฤษฎีการพัฒนา ๓ มิติ เพื่อเป็นกรอบความคิดในการกาหนดนโยบาย และแนวทางการทางานพัฒนาชุมชนใน ๕ ปีแรกของทศวรรษที่สองของกรมการพัฒนาชุมชนโดยช้ีให้เห็น ว่าการทีจ่ ะสรา้ งพลงั ชุมชนและใช้พลงั ชุมชนเพื่อใหเ้ กิดประโยชน์ตอ่ ชุมชนไดน้ ั้นจาเปน็ ต้องอาศัยหลกั การสรา้ ง พลังมวลชนที่มีอยู่ในชุมชนให้มีความสามารถท่ีจะปรับปรุงสภาพส่ิงแวดล้อมและสถานการณ์ด้วยตัว ของเขา เอง ซึ่งต้องใช้วิธีการพัฒนาท้ังในด้านรูปธรรมและนามธรรมให้เป็นไปอย่างกว้างขวางรวดเร็วได้สัดส่วน และมนั่ คงถาวร ในช่วงท้ายของทศวรรษน้ีระบบการบริหารการพัฒนาของชาติได้มีความเคล่ือนไหวท่ีจะปฏิรูประบบ ครั้งใหญ่ กรมการพัฒนาชุมชนก็ได้มีส่วนเข้าร่วมในการพัฒนาระบบดังกล่าวกับสานักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติด้วย และเพ่ือสนับสนุนการเปล่ียนแปลงของระบบการบริหารการ พฒั นาของชาติ ระบบการบรหิ ารการพัฒนาชมุ ชน จึงมีการเปลยี่ นแปลงไปด้วยในชว่ งทศวรรษตอ่ มา ในยุคนี้ “ พัฒนากร” ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ให้ความรู้แก่ประชาชนและสนับสนุนส่งเสริม ให้ประชาชนรวมกันเป็นกลุ่มเพื่อใช้ขบวนการกลุ่มเป็นวิธีการแก้ปัญหาของชุมชน มีหน้าท่ีความรับผิดชอบ ท้ังต่อประชาชน และต่อรัฐในการทางานร่วมกับประชาชนช่วงที่การต่อสู้กับการก่อการร้ายรุนแรง “ พัฒนากร” มีบทบาทในฐานะผู้นาการเปล่ียนแปลง ในช่วงท้ายของทศวรรษนี้พัฒนากรเปลี่ยนไป มี บทบาท ๓ ประการคือ ๑. เปน็ ผู้เชื่อมประสานระหว่างหน่วยงานของรัฐเอกชนกับประชาชนตลอดจนและรายงาน ๒. เป็นผู้ร่วมปฏิบัติงานกับองค์กรประชาชนและประชาชนด้านการวางแผนพัฒนาตาบลการจัดการ รวมกลุ่มและปฏิบัติงานตามโครงการพฒั นา ๓. เป็นผู้ส่งเสริมเผยแพร่ทักษะโดยการฝึกอบรมการสาธิตจัดนิทรรศการต่าง ๆเพ่ือเผยแพร่ความรู้ ทางวชิ าการดา้ นตา่ ง ๆ แก่ประชาชน
๒๖ สรุประยะท่ี ๒ ในระยะท่ี๒ น้ีเน้นการทางานตามแนวความคิดการมีส่วนร่วมของประชาชน ส่งเสริมให้ประชาชน รู้จักการช่วยเหลือตนเองและชุมชนมากข้ึนเน้นยุทธศาสตร์ในการต่อสู้กับการแทรกซึมของคอมมิวนิสต์ และให้ความสาคัญต่อการสร้างผู้นาและการรวมกลุ่มให้มีกลุ่มกิจกรรมต่าง ๆขึ้นในหมู่บ้าน / ตาบล เริ่มงาน อาสาสมัคร มีจุดหมายทส่ี าคญั คือ การสร้างพลังของหมบู่ ้าน (ชุมชน) ให้เกดิ ขึ้นแลว้ นาพลงั นัน้ มาใช้ประโยชน์ ในการพัฒนา ในยคุ น้ีมีอธบิ าดีกรมการพฒั นาชมุ ชน จานวน ๓ ท่าน ๑.นายพัฒน์ บญุ ยรัตน์พันธ์ุ ดารงตาแหนง่ ๑ ตุลาคม ๒๕๑๔ – ๓๐ กันยายน ๒๕๑๘ ๒.นายนริ ุติ ไชยกูล ดารงตาแหน่ง ๑ ตุลาคม ๒๕๑๘-๓๐ กนั ยายน ๒๕๒๒ ๓.ร.ต.ท. ระดม มหาศรานนท์ ดารงตาแหน่ง ๑ ตุลาคม ๒๕๒๒-๓๐ กันยายน ๒๕๒๖แต่ละท่าน มีอุดมการณ์ในการทางานที่แตกต่างกันไป โดยส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นการสร้างสรรค์ คุณภาพของคนทั้งจาก องค์การเอกชน ราษฎร และราชการ คือ อุดมการณ์ของงานพัฒนาชุมชน สร้างพลังให้ชุมชนได้เกิดการพัฒนา งานสาคัญๆ ที่ริเร่ิมและพัฒนาในระยะนี้ ได้แก่ ๑. การพัฒนาขั้นตอนการส่งเสริมและพัฒนากลุ่ม ๒. การพัฒนารูปแบบศูนย์เยาวชนชุมชน ๓. ทดลองจัดต้ังศูนย์ฝึกอบรมเยาวสตรี๔. ริเร่ิมให้มีวันกตัญญู ๕. ริเริ่มให้มีกิจกรรมวันพัฒนา๖. ริเร่ิมการส่งเสริมกีฬาชนบท๗. ส่งเสริมการพัฒนาห้องสมุดชนบท ๘. ริเริ่มการประกวดหมู่บ้านพัฒนาดีเด่น ๙. พัฒนาต้นแบบกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต ๑๐. พัฒนารูปแบบ การดาเนินงานหมู่บ้านพัฒนาทางยุทธศาสตร์ ๑๑. การพัฒนาทฤษฎีการพัฒนา ๓ มิติ ในยุคนี้พัฒนากรได้รับ มอบหมายเรื่องการให้ความรู้แกป่ ระชาชนและสนบั สนุนสง่ เสริม ให้ประชาชนรวมกนั เป็นกลุ่มเพอื่ ใช้ขบวนการ กลมุ่ เป็นวิธกี ารแก้ปัญหาของชมุ ชนเพอื่ ใหช้ มุ ชนได้มพี ลงั ในการพฒั นาต่อไป
๒๗ ยุคท่ี ๓ ส่รู ะบบบริหารการพฒั นาชนบทแหง่ ชาติ (พ.ศ. ๒๕๒๕-๒๕๓๔) เป็นระยะท่ีอยู่ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ ๕ และ ๖ ซึ่งเป็นช่วงท่ีรัฐบาล ได้ให้ความสนใจและให้ความสาคัญในการพัฒนาชนบทมากข้ึนโดยเน้นให้ประชาชนรู้จักการช่วยตัวเอง และ การมีส่วนร่วมเป็นหลัก มีหน่วยงานลงสู่ชนบทเพิ่มข้ึนในระยะนี้กรมการพัฒนาชุมชนมุ่งเน้นการปรับปรุงขีด ความสามารถของกลมุ่ กิจกรรมใหเ้ ปน็ องค์กรบริหารที่มขี ดี ความสามารถ และมีประสิทธภิ าพเพ่ิมข้ึน ในยุคนี้มีอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนผู้มีบทบาทกาหนดทิศทางสร้างสรรค์งานพัฒนาชุมชน จานวน ๓ ทา่ น ไดแ้ ก่ ลาดับท่ี ๖ นายสวุ นยั ทองนพ ดารงตาแหน่ง ๑ ตุลาคม ๒๕๒๖- ๓๐กันยายน ๒๕๓๑ มอี ดุ มการณใ์ นการทางาน คอื พฒั นาให้หมู่บ้านในชนบท เปน็ ที่อยรู่ วมกนั ของชาวบ้านทเี่ ขา ต้องการอยรู่ ว่ มกนั ดว้ ยผาสกุ ตลอดไป ลาดับท่ี ๗ นายศักดา อ้อพงษ์ ดารงตาแหนง่ ๑ ตุลาคม ๒๕๓๑-๓๐ กันยายน ๒๕๓๒ มอี ุดมการณใ์ นการทางาน คือ คดิ พูด ทา ลาดับท่ี ๘ ดร.ยุวฒั น์ วุฒิเมธี ดารงตาแหนง่ ๑ ตุลาคม ๒๕๓๒ –๓๐กนั ยายน ๒๕๓๔ มีอุดมการณในการทางาน คือ ระเบียบครบ ระบบดี มีคณุ ธรรม เป็นผู้ต่อยอดและพัฒนา กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต โดยมีแนวคิด ใช้เงินเป็นเครื่องมือเพ่ือการพัฒนาคน ตามหลักคุณธรรมประการได้แก่ ความซื่อสัตย์ ความเสียสละ ความรับผิดชอบความไว้ใจและความเห็นอก เหน็ ใจกนั
๒๘ เป็นระยะท่ีอยู่ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับท่ี ๕ และ ๖ ซึ่งเป็นช่วงท่ีรัฐบาล ได้ให้ความสนใจและใหค้ วามสาคญั ในการพฒั นาชนบทมากข้นึ มกี ารกาหนดรูปแบบและวิธีการปฏิบัติท่ีชดั เจน ตง้ั แตร่ ะดับชาติ จังหวัด อาเภอ และตาบลหมูบ่ า้ น โดยเน้นให้ประชาชนรู้จักการช่วยตัวเอง และการมีส่วนร่วม เป็นหลักมีหน่วยงานลงสู่ชนบทเพ่ิมขึ้น มีการยุบเลิกคณะกรรมการบริหารและประสานงานพัฒนาชุมชน คณะกรรมการประสานงานพัฒนาชุมชนส่วนจังหวัดและอาเภอ คณะกรรมการพัฒนาตาบล ให้ใช้โครงสร้าง องค์กรบริหารการพัฒนาชนบทของชาติที่จัดตั้งขึ้นใหม่แทนรวมทั้งรัฐบาลได้รับเอาแนวความคิดเก่ียวกับการ มีระบบข้อมูลและการใช้ระบบแผนมาเป็นส่วนหนึ่งของระบบการบริหารการพัฒนาชนบทของชาติด้วย พร้อมกันนั้นกระทรวงมหาดไทย ก็ได้ให้ยุบเลิกคณะกรรมการพัฒนาหมู่บ้าน และออกข้อบังคับ กระทรวงมหาดไทยว่าด้วยคณะกรรมการหมู่บ้าน พ. ศ. ๒๕๒๖ ให้มีคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) เป็นองค์กร เดยี วในการบรหิ ารงานระดับหมบู่ ้าน ซง่ึ ประกอบดว้ ยฝา่ ยตา่ ง ๆ ๘ ฝ่าย โดยให้อยู่ภายใต้การดูแลของกรมการปกครอง จึงกล่าวได้ว่า เป็นการสิ้นสุดของระบบการบริหาร ท่อี อกแบบและขับเคล่ือนโดยกรมการพัฒนาชุมชนมาเปน็ เวลา ๒๐ ปีและเป็นการเริ่มตน้ ของระบบการบริหาร การพัฒนาชนบทที่กลไกต่าง ๆ แทบจะไม่มีความแตกต่างกัน เปลีย่ นแต่เพียงส่วนประกอบบางสว่ นและพลขับ เท่านั้น สาหรับบทบาทของกรมการพัฒนาชุมชน ซึ่งเดิมได้ปูพ้ืนฐานงานพัฒนาโดยให้การศึกษาอบรม ประชาชนให้มีความรู้พื้นฐานด้านต่าง ๆ สามารถคิด ทาและแก้ไขปัญหาของตนเองและชุมชน โดยมีคณะกรรมการพฒั นาตาบลและหมบู่ ้านเปน็ องค์กรหลักในการบรหิ ารการพฒั นาชุมชน เมื่อยุบเลิกคณะกรรมการพัฒนาตาบลและหมู่บา้ นเปล่ียนเปน็ กรรมการสภาตาบลและคณะกรรมการ หมู่บ้านในความรับผิดชอบของกรมการปกครองแทน กรมการพัฒนาชุมชนจึงเพิ่มการให้ความสาคัญกับการ ดาเนินการปรับปรุงขีดความสามารถขององค์กรกลุ่มกิจกรรมพั ฒนาชุมชนให้เป็ นองค์กรบริหารที่ มีขีด ความสามารถและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นและมุ่งให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการพัฒนากับสภาตาบล และ คณะกรรมการหมู่บ้านมากขนึ้ ตามนโยบายการพัฒนาชนบทแนวใหม่โดยใช้กระบวนการพัฒนาชุมชนเป็นหลัก ในการดาเนินงานอย่างต่อเน่ืองในรูปแบบการให้การศึกษาเพ่ือการพัฒนา ในการนี้ยังได้ร่วมพัฒนาศักยภาพ และส่งเสริมบทบาทของสภาตาบลและคณะกรรมการหมู่บ้านในการบริหารการพัฒนาชนบทอย่างจริงจัง รวมทั้งเข้าร่วมในการพัฒนาระบบการบริหารการพัฒนาชนบทของชาติอย่างแข็งขัน แม้ว่าตลอดระยะเวลา นั้นจะถูก“ ช่วงชิง” บทบาทการนาอยู่หลายครั้งจากหนว่ ยงานข้างเคยี งในกระทรวงเดียวกันก็ตาม โดยกาหนด นโยบายของกรมการพฒั นาชุมชน ไวด้ ังนี้
๒๙ ๑.ปลูกฝังอุดมการณ์ให้ประชาชนมีความขยัน ความเช่ือม่ันในการช่วยตนเองความร่วมมือช่วยเหลือ กนั ในการสร้างความเจริญใหก้ ับชุมชนของตน ๒. ให้ประชาชนรู้จักการทางานเป็นกลุ่ม และใช้สถาบันต่าง ๆ เพ่ือฝึกสอนการปกครองตามระบอบ ประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษตั ริย์เปน็ ประมขุ ๓. ให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมกาหนดความต้องการ วางแผน และดาเนินงานเพื่อสนองความต้องการ ของชุมชนด้วยตนเอง ๔. ให้ประชาชนรู้จักเสียสละ และอาสาสมัครเพื่อช่วยชุมชนของตนในด้านความม่ันคงปลอดภัย และ บริการสงั คม ๕. พฒั นาคณุ ภาพของประชาชนทุกเพศ ทกุ วัย โดยเนน้ เด็กกอ่ นวัยเรยี น เยาวชน และสตรี ๖. ให้ประชาชนรู้จักใช้วิชาการและทรัพยากรที่เหมาะสมในการประกอบอาชีพและดารงชีวิตของตน เพื่อยกฐานะทางเศรษฐกจิ และความเป็นอยใู่ หด้ ีข้นึ ๗. ให้ประชาชนปรับปรุงและสร้างเสริมสาธารณสมบัติต่าง ๆ โดยเน้นปัจจัยการผลิตทางด้าน เกษตรกรรม และอุตสาหกรรมในครัวเรือน ๘. พัฒนากลุ่มอาชีพต่าง ๆ ให้สามารถรับผิดชอบด้านการลงทุนการผลิต การตลาด การบริโภค และการเกบ็ ออมเพ่อื เตรียมการไปส่รู ะบบสหกรณต์ ่อไป ๙.สนับสนุนส่งเสรมิ การจดั ตั้งและพัฒนาองคก์ รประชาชนระดับหมู่บ้าน ตาบล ให้เป็นองค์กรพ้ืนฐาน ที่สามารถคิดตัดสินใจในการวางแผน และปฏิบัติงานเพ่ือแก้ปัญหาของชุมชนตามวิถีทางของระบอบ ประชาธิปไตย โครงการปฏิบัติงานในช่วงน้ีปรับไปเป็นแผนงานซึ่งมีแผนการดาเนินงานพัฒนาชุมชนระดับตาบล ๙ แผนงาน ดงั น้ี ๑. แผนงานพฒั นาเด็ก ๒. แผนงานพฒั นาเยาวชน ๓. แผนงานพัฒนาสตรี ๔. แผนงานสรา้ งเสริมรายได้ ๕. แผนงานส่งเสริมการออมทรัพย์เพือ่ การผลิต ๖. แผนงานพฒั นาส่งิ แวดลอ้ ม ๗. แผนงานอาสาพัฒนาชมุ ชน ๘. แผนงานพฒั นาจติ ใจ ๙. แผนงานพฒั นาองคก์ ร อย่างไรก็ตามการเปล่ียนแปลงของระบบการบริหารการพัฒนาชนบทของชาติก็เป็นโอกาส ให้กรมการพัฒนาชุมชนหันกลับมาสร้างความชัดเจนให้กับกิจกรรมพัฒนาชุมชนที่ได้แตกแขนงออกไปอย่าง กว้างขวางอันเป็นผลมาจากการพฒั นางานในชว่ งทศวรรษท่ี ๒ มีการปรับกระบวนการวัตถุประสงค์และวิธีการ ดาเนินงานในหลายเร่ืองโดยมุ่งเน้นความเช่ือมโยงกันและการเพ่ิมศักยภาพของกลุ่มองค์กร ในการดูดซับ ประโยชนจ์ ากระบบการบรหิ ารการพฒั นาชนบท
๓๐ งานสาคัญๆ ท่ีรเิ ร่มิ และพัฒนาในระยะนี้ ไดแ้ ก่ ๑. การพัฒนาอาชีพแบบครบวงจรของกิจกรรมพัฒนาชุมชน ได้ดาเนินงานนโยบายพัฒนา เศรษฐกิจหมู่บ้านซ่ึงจาแนกหมู่บ้านตามระดับความจาเป็นในการพัฒนาเศรษฐกิจเป็น ๓ ระดับกาหนด วตั ถุประสงค์ในการพฒั นาตามระดับแลว้ จัดกิจกรรมให้เหมาะสมท้งั น้มี กี ารปรบั ความเชอ่ื มโยงระหวา่ งกจิ กรรม ท่ีเก่ยี วข้องกบั การพัฒนาอาชพี ที่มีอยู่ทง้ั หมดโดยใหก้ ลุม่ ออมทรัพย์เพ่ือการผลติ เป็นกจิ กรรมแกน ๒. การฝึกอบรมองค์กรในงานพัฒนาชุมชนด้านการบริหารการพัฒนา หลักสูตรฝึกอบรมในช่วงนี้ เน้นหนักการทาความเข้าใจกับระบบการบริหารการพัฒนาชนบทของชาติทั้งระบบองค์กรระบบข้อมูล และระบบแผนงานมีการเรียนรู้กระบวนการวางแผน วางโครงการ อย่างเข้มข้นเพ่ือให้องค์กรสามารถจัดทา แผนและเขียนโครงการไปขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์กรบริหารการพัฒนาระดับต่าง ๆ ไดส้ ะดวกขึ้น ๓. ปรับรูปแบบขององค์กรสตรีจากกลุ่มกิจกรรมให้เป็นองค์กรบริหารการพัฒนาสตรีทางาน ให้มีบทบาทในการพัฒนาสตรีเด็กเยาวชนและมีสว่ นรว่ มในการพัฒนาหมูบ่ า้ นตาบลเคยี งคู่ไปกบั คณะกรรมการหมู่บ้าน สภาตาบล คณะกรรมการพัฒนาอาเภอ คณะกรรมการพัฒนาจังหวัดในชื่อว่า คณะการพัฒนาสตรรี ะดับตาบล คณะกรรมการพัฒนาสตรีระดับอาเภอ และกรรมการพฒั นาสตรีระดับจังหวัด เพื่อให้สตรีมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนและสามารถพ่ึงตนเองได้มากท่ีสุดโดยการพัฒนาสตรีถูกจัดแบ่งเป็น งาน ๓ ด้าน คอื งานการมสี ่วนร่วมทางการเมอื งของสตรี งานการรวมกลุ่มและพัฒนาอาชีพสตรี และงานสร้าง เสริมสถานภาพสตรี ๔. พัฒนาภาวะผู้นาของเยาวชนให้สูงข้ึน ผ่านโครงการแลกเปล่ียนเยาวชนระหว่างประเทศ ไทย-แคนาดา ซึ่งนับว่าเป็นหน่วยงานแรกท่ีส่งเสริมโอกาสให้เยาวชนชนบทได้ไปใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว ชาวต่างชาติในต่างประเทศ ทาให้เยาวชนได้เรียนรู้วิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณีของกลุ่มสังคมอื่น เกิดความสานึกในคณุ ค่าความเป็นไทย มีโลกทัศน์กวา้ งขึ้นมีความเช่อื ม่ันในตนเองสูงขึ้นปัจจุบันงานโครงการนี้ ก็ยงั ดาเนนิ การอยแู่ ละขยายจานวนประเทศท่ีจะมกี ารแลกเปล่ยี นเยาวชนออกไปอีกหลายประเทศ
๓๑ ๕. พัฒนาบุคลากรของกรมด้านการใช้เคร่ืองมือในการบริหารจัดการเพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพในการ ทางานบริหารการพัฒนาชนบทและการบริหารการพฒั นาชุมชน เชน่ การวางแผนและควบคุมการทางานตาม แผนดว้ ย PERT และ Logical Framework การวิเคราะหแ์ ละตีความขอ้ มลู การทาแผนท่ีข้อมลู ฯลฯ ๖. พัฒนากระบวนการทางานของนักพัฒนาช่ือ“ CED Process” ซึ่งย่อมาจาก Community Education for Development Process เพือ่ เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพการทางานสง่ เสริมการเรียนรู้ของประชาชน ๗. จัดการรับรองสถานภาพกิจกรรมและองค์กรในงานพัฒนาชุมชน เนื่องจากมีหน่วยงานหลาย หน่วยเริ่มขยายงานมาซ้าซ้อนกับงานที่กรมการพัฒนาชุมชนส่งเสริมและสนับสนุนอยู่และหน่วยงานเหล่าน้ัน มักใช้ระเบียบกฎหมายเป็นกลไกในการทางาน เพื่อให้การทางานขององค์กรชุมชนได้รับการรับรองอย่าง เป็นทางการจึงเสนอออกระเบียบกระทรวงมหาดไทยกาหนดสถานภาพให้กับองค์กรดังกล่าวเช่น ระเบียบ เกี่ยวกบั ศนู ย์เยาวชนตาบล ฯลฯ ๘. ปรับปรุงศูนย์พัฒนาตาบลให้เป็นศูนย์ข้อมูลประจาตาบล และศูนย์ส่งเสริมความรู้ประจาตาบล เพื่อสนับสนุนให้สภาตาบลใช้เป็นศูนย์การบริหารการพัฒนาของตาบลในขณะเดียวกันก็ได้รับมอบหม ายจาก คณะกรรมการพัฒนาชนบทแห่งชาติให้รับผิดชอบโครงการพัฒนาชนบทระดับหมู่บ้านตามแผนพัฒนาชนบท ยากจน และในส่วนภูมิภาคพัฒนาการอาเภอเป็นเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาอาเภอ ตามระเบียบสานัก นายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารการพัฒนาชนบท พ. ศ. ๒๕๒๔ ลงวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๒๔ ต่อมาวันท่ี ๒๗ มกราคม ๒๕๒๕ ได้แก้ไขให้ปลัดอาเภอ (อาวุโส) เป็นเลขานุการแต่พัฒนาการอาเภอก็ยังคงมีบทบาท ในการบริหารการพัฒนาในคณะกรรมการสร้างงานในชนบทระดับอาเภอ ดูแลการดาเนินงานโครงการสร้าง งานในชนบท โดยพัฒนาการอาเภอเป็นเลขานกุ ารคณะกรรมการสร้างงานในชนบทระดับอาเภอ บทบาทของพฒั นากร เปลีย่ นจากเดมิ บทบาทในฐานะผ้นู าการเปลีย่ นแปลงกลายเป็น “ ผู้จัดการการพัฒนา” (DevelopmentManager) ทาหน้าท่ีเป็นท่ีปรึกษาของสภาตาบลและเป็นเลขานุการ คณะทางานสนับสนุนการปฏบิ ัติการพัฒนาชนบทระดบั ตาบล (คปต.)
๓๒ สรุประยะที่ ๓ เป็นระยะที่อยู่ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ ๕ และ ๖ ซ่ึงเป็นช่วงที่รัฐบาล เน้นให้ประชาชนรู้จักการช่วยตัวเองและการมีส่วนร่วมเป็นหลัก และมีหน่วยงานลงสู่ชนบทเพิ่มขึ้นในระยะนี้ กรมการพัฒนาชุมชนมุ่งเน้นการปรับปรุงขีดความสามารถของกลุ่มกิจกรรมให้เป็นองค์กรบริหารที่มีขีด ความสามารถ และมีประสิทธิภาพเพ่ิมข้ึน ในยุคนี้มีอธิบดี จานวน ๓ ท่าน ได้แก่ ๑. นายสุวนัย ทองนพ ดารงตาแหน่ง ๑ ตุลาคม ๒๕๒๖- ๓๐กันยายน ๒๕๓๑ ๒.นายศักดา อ้อพงษ์ ดารงตาแหน่ง ๑ ตุลาคม ๒๕๓๑-๓๐ กันยายน ๒๕๓๒ ๓.ดร.ยุวัฒน์ วุฒิเมธี ดารงตาแหน่ง ๑ ตุลาคม ๒๕๓๒ –๓๐กันยายน ๒๕๓๔ แต่ละท่านมีอุดมการณในการทางานท่ีแตกต่างกันไปโดยส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นพัฒนา ให้หมู่บ้านในชนบท และประชาชนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข สาหรับบทบาทของกรมการพัฒนาชุมชน ซ่ึงเดิมได้ปูพ้ืนฐาน งานพัฒนาโดยให้การศึกษาอบรมประชาชนให้มีความรู้พ้ืนฐานด้านต่าง ๆ สามารถคิด ทาและแก้ไขปัญหา ของตนเอง และชุมชนโดยมีคณะกรรมการพัฒนาตาบลและหมู่บ้านเป็นองค์กรหลักในการบริหารการพัฒนา ชุมชนเม่ือยุบเลิกคณะกรรมการพัฒนาตาบลและหมู่บ้านเปล่ียนเป็นกรรมการสภาตาบลและคณะกรรมการ หมู่บ้านในความรับผิดชอบของกรมการปกครองแทน กรมการพัฒนาชุมชนจึงเพ่ิมการให้ความสาคัญกับการ ดาเนินการปรับปรุงขีดความสามารถขององค์กรกลุ่มกิจกรรมพัฒนาชุมชนให้เป็นองค์กรบริหารที่มี ขีด ความสามารถและมีประสิทธิภาพเพิ่มข้ึนและมุ่งให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการพัฒนากับสภาตาบล และคณะกรรมการหมู่บ้านมากข้ึนตามนโยบายการพัฒนาชนบทแนวใหม่ อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลง ของระบบการบริหารการพัฒนาชนบทของชาติก็เป็นโอกาส ให้กรมการพัฒนาชุมชนหันกลับมาสร้างความ ชัดเจนให้กับกิจกรรมพัฒนาชุมชน และงานสาคัญ ๆท่ีริเริ่มและพัฒนาในระยะนี้ มีจานวน ๘ งาน ได้แก่ ๑. การพัฒนาอาชีพแบบครบวงจรของกิจกรรมพัฒนาชุมชน ๒. การฝึกอบรมองค์กรในงานพัฒนา ชุมชนด้านการบริหารการพัฒนา ๓. ปรับรูปแบบขององค์กรสตรีจากกลุ่มกิจกรรมให้เป็นองค์กรบริหารการ พัฒนาสตรี ๔. พัฒนาภาวะผู้นาของเยาวชนให้สูงขึ้น ผ่านโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนระหว่างประเทศ ๕. พัฒนาบุคลากรของกรมด้านการใช้เคร่ืองมือในการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ๖. พัฒนากระบวนการทางานของนักพัฒนาช่ือ“ CED Process” ๗. จัดการรับรองสถานภาพกิจกรรม และ องค์กรในงานพัฒนาชมุ ชน ๘. ปรับปรุงศูนย์พัฒนาตาบลให้เป็นศนู ย์ข้อมลู ประจาตาบล บทบาทของพัฒนากร เปลี่ยนแปลงกลายเป็น ผู้จัดการพัฒนา ทาหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของสภาตาบลและเป็นเลขานุการคณะทางาน สนบั สนนุ การปฏบิ ตั ิการพัฒนาชนบทระดบั ตาบล (คปต.)
๓๓ ยุคท่ี ๔ เสรมิ สร้างความเข้มแขง็ ของชุมชน (พ. ศ. ๒๕๓๕-๒๕๔๔) ในทศวรรษน้ีเป็นยุคท่ีสังคมมีการเปล่ียนแปลงรวดเร็วมีความซับซ้อนโดยเฉพาะการปฏิรูประบบ ราชการ การกระจายอานาจส่ทู ้องถิน่ รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ. ศ. ๒๕๔๐ ซึ่งส่งผลตอ่ การทางาน ของกรมการพัฒนาชุมชนท้ังส้ิน ระยะนี้กรมการพัฒนาชุมชนจึงปรับระบบงานและการบริหารให้เหมาะสมอยู่ บอ่ ยคร้ังการปรับเพือ่ สนับสนุนการปกครองทอ้ งถน่ิ รวมท้ังกาหนดยุทธศาสตรก์ ารพัฒนาชมุ ชนขน้ึ เปน็ คร้งั แรก ให้ความสาคัญต่อการพัฒนาความเข้มแข็งของชุมชนผสมผสานการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการพัฒนาประชาธิปไตยข้ันพื้นฐานกับการพัฒนาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน รวมทั้งการปลูกฝัง จิตสานึกและความรับผิดชอบ ของครอบครัวและชุมชนในการพัฒนา ซ่ึงเป็นการบูรณาการการพัฒนา ด้านต่าง ๆ ของชุมชนให้เกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน ในยุคนี้มีอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนผู้มีบทบาทกาหนดทิศทาง สร้างสรรค์งานพฒั นาชุมชน จานวน ๕ ทา่ น ได้แก่ ลาดับที่ ๙ นาย สมติ ร กจิ จาหาญ ดารงตาแหนง่ ๑ ตุลาคม ๒๕๓๔ – ๓๐ กันยายน ๒๕๓๖ มีอุดมการณ์ในการทางาน คือประสทิ ธภิ าพของคน ประสิทธิผลของงานคือ อดุ มการณของงานพฒั นาชุมชน ลาดับที่ ๑๐ นายอภยั จันทนจุลกะ ดารงตาแหนง่ ๑ ตุลาคม ๒๕๓๖-๓๐ กนั ยายน ๒๕๓๙ มอี ุดมการณใ์ นการทางาน คือ ศรทั ธาในหนา้ ที่ มีวินัยใหบ้ รกิ าร ลาดับที่ ๑๑ นายสมศกั ด์ิ ศรวี รรธนะ ดารงตาแหน่ง ๑ ตลุ าคม ๒๕๓๙-๓๐พฤษภาคม ๒๕๔๑ มอี ุดมการณ์ในการทางาน คือ ยึดมัน่ ในหลกั การแนวทางการพัฒนาชมุ ชนท่ีถกู ตอ้ ง ทางานอย่าง เข้าถงึ เป็นที่ยอมรบั ศรทั ธาของประชาชน
๓๔ ลาดับท่ี ๑๒ นายไพโรจน์ พรหมส์น ดารงตาแหนง่ ๑ มิถุนายน ๒๕๔๑-๓๐ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๔๑ มีอดุ มการณ์ในการทางาน คือ วสิ ัยทศั นก์ วา้ งไกล รวมใจแกป้ ญั หา สรา้ งศรทั ธาประชาชน ลาดับท่ี ๑๓ นายจเด็จ อินทร์สว่าง ดารงตาแหน่ง ๑ มีนาคม๒๕๔๓-๓๐กนั ยายน ๒๕๔๔ มีอดุ มการณ์ในการทางาน คือ คิดดี ทาดี พดู ดี คบคนดี และไปในทีด่ ี
๓๕ กรมการพัฒนาชุมชนปรับตัวในช่วงถ่ายโอนงานภารกิจตามพระราชบัญญัติกระจายอานาจสู่ท้องถ่ิ น ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับท่ี ๗ การเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติฉบับที่ ๘ และการปฏิรูปราชการในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ ๙ สู่ ภารกจิ การดาเนินงานพฒั นาชุมชนโดยเน้นการเสรมิ สร้างความเขม้ แข็งของชุมชน พระราชกฤษฎีกา แบ่งส่วนราชการกรมการพัฒนาชุมชนกระทรวงมหาดไทย พ. ศ. ๒๕๓๕ กาหนด อานาจหนา้ ทข่ี องกรมการพัฒนาชมุ ชนไว้ ๗ ประการ ๑. ฝึกอบรมและพัฒนาข้าราชการและลูกจ้างในสังกัด รวมท้ังให้ความร่วมมือในการฝึกอบรมด้าน การพัฒนาชุมชนแก่องค์กรและหนว่ ยงานท้งั ในและต่างประเทศ ๒. ให้การศึกษาและพัฒนากระบวนการเรียนรู้ โดยเฉพาะการปลูกฝังวิถีประชาธิปไตยข้ันพ้ืนฐาน แก่ประชาชน โดยจัดตั้งและพัฒนากลุ่มประชาชนเป้าหมาย เพื่อให้สามารถพึ่งตนเองได้ท้ังในด้านสังคม เศรษฐกจิ และสง่ิ แวดลอ้ มชุมชน รวมทั้งประชาสมั พนั ธก์ จิ กรรม และการปฏิบัติงานของหน่วยงานในสังกัด ๓. พัฒนาองค์กร อาสาสมัคร และผู้นาท้องถ่ินในระดับตาบลและหมู่บ้าน ด้วยวิธีการพัฒนาชุมชน เพอื่ ใหเ้ ปน็ พ้ืนฐานในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย ๔. พัฒนาระบบ รูปแบบ และวิธีการพัฒนา จัดทาและประสานแผนงานของกรมฯ ให้เป็นไปตาม นโยบายและแผนแม่บทของกระทรวง กากับ เร่งรัด ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานแผนงาน ของหน่วยงานในสังกัด รวมท้ังแผนพัฒนาตาบล ตลอดจนจัดระบบข้อมูล และเป็นศูนย์ข้อมูลเพ่ือการพัฒนา ชนบทของประเทศ ๕. ใหค้ วามชว่ ยเหลือทางด้านวชิ าการ และสนบั สนุนการปฏิบตั งิ านพฒั นาชุมชนในส่วนภมู ิภาค ๖. ดาเนินการและประสานงานเกีย่ วกบั การพัฒนาชุมชนในส่วนภูมภิ าค ๗. ปฏบิ ัติราชการอน่ื ใดกต็ ามทก่ี ฎหมายกาหนดให้เป็นหนา้ ที่กรมฯ
๓๖ กรมการพัฒนาชุมชนได้ปรับวัตถุประสงค์เปา้ หมายและวิธีการดาเนินงานให้สอดคล้องกับแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับท่ี ๗ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมของประชาชนให้ดีข้ึนโดยยึด หลักการมีส่วนรว่ มของประชาชนตามเกณฑค์ วามจาเป็นพน้ื ฐาน (จปฐ.) จาแนกเป็น ๙ งานคอื ๑. งานพฒั นาโครงสรา้ งพน้ื ฐานชนบท ๒. งานพัฒนาเศรษฐกิจชนบท ๓. งานพฒั นาชุมชนในเขตพื้นทีเ่ ป้าหมายเฉพาะ ๔. งานพัฒนาองคก์ ร ๕. งานพฒั นาเด็ก ๖. งานพฒั นาและสง่ เสริมอาชีพสตรี ๗. งานพฒั นาเยาวชน ๘. งานส่งเสริมและเผยแพร่ ๙. งานอาสาพัฒนาชมุ ชน วิธีการในการดาเนินงานพัฒนาชุมชนกาหนดไว้ ๒ ประการคือ (๑) ให้การศึกษาและพัฒนา กระบวนการเรียนรขู้ องประชาชน (๒) พัฒนาองค์กรประชาชนและอาสาสมัคร งานสาคัญๆ ที่ได้พฒั นาและรเิ ริ่มนี้ ในช่วงทศวรรษท่ี ๔ ได้แก่ ๑. โครงการแก้ไขปัญหาความยากจน (กข. คจ.) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อกระจายโอกาสให้ครัวเรือน ยากจนในชนบทมีเงินทุนในการประกอบอาชีพสามารถเพ่ิมรายได้ให้พ้นเกณฑ์ความจาเป็นขั้นพื้นฐานโดยการ สนับสนุนเปน็ กองทุนของหมู่บ้านๆละ ๒๘๐, 000 บาทรูปแบบการบริหารจัดการกองทุนเป็นการส่งเสริมการ บรหิ ารจัดการโดยชมุ ชนอย่างแทจ้ รงิ ๒. การส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และตัดสินใจร่วมกันของชุมชนได้มีการพัฒนารูปแบบการจัด กระบวนการชุมชนเพ่ือการเรียนรู้และตัดสินใจร่วมกันของชุมชนในลักษณะเวทีชาวบ้านหรือเวทีประชาคม โดยการใช้เครื่องมือส่งเสริมแบบใหม่ๆ เช่น PLP AIC PRA FSC ALS ฯลฯ ทาให้พัฒนากรมีเครื่องมือมากข้ึน ในการดาเนินงานกระบวนการเวทีประชาคม ๓. นาเทคโนโลยีสารสนเทศ เข้ามาใช้ในการบริหารงานพัฒนาชุมชนการสนับสนุนระบบข้อมูล เพื่อการพฒั นาชนบท และการส่งเสรมิ กจิ กรรมชมุ ชน ๔. ยกระดับองค์กรชุมชนให้มีฐานะเป็นนิติบุคคล พัฒนาเครือข่ายองค์กรและผู้นาชุมชนยกระดับ องค์กรชุมชนให้มีฐานะเป็นนิติบุคคล ทาให้เกิดชมรม สมาคม ซ่ึงจะเป็นกาลังสาคัญในการส่งเสริมกิจกรรม พัฒนาชุมชนแทนภาครฐั ทจ่ี ะต้องลดขนาดและกาลังคนลงในอนาคต
๓๗ ๕. ปรับประสิทธิภาพการบริหารงานภายในโดยการดาเนินกิจกรรม ๕ ส การทาข้อตกลงว่าด้วย ความร่วมมือในการขอรับการส่งเสริมเพ่ือเข้าสู่ระบบมาตรฐานสากลของประเทศไทยด้านการจัดการ และ สัมฤทธิ์ผลของงานภาครัฐกับสถาบันมาตรฐานสากลภาครัฐแห่งประเทศไทยสานักงาน ก. พ. การพัฒนา ตวั ช้ีวดั ตามระบบการบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธกิ์ ารใช้ระบบการรายงานอเิ ล็กทรอนกิ ส์ ๖. ส่งเสริมการนาทุนทางสังคมในงานพัฒนาชุมชนออกมาใช้สนับสนุนนโยบายสาคัญของรัฐบาล เช่น แผนปฏิบัติการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนเพ่ือเผชิญปัญหาวิกฤติ นโยบายกองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมือง นโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก วิสาหกิจชุมชน โครงการหนึ่งตาบลหน่ึงผลิตภัณฑ์การ แก้ปัญหายาเสพติดโดยพลงั ชมุ ชน ฯลฯ ๗. การส่งเสริมกระบวนการพัฒนาชุมชนในเขตเมือง โดยให้จังหวัดและอาเภอประสานงาน กับผู้บริ หารเท ศบาล ในการ ร่วมมื อกันจัด เก็บข้อมูลคุณ ภาพชี วิ ตของ ประชา ชนในเ ขตเมื องแลก เปลี่ย น ประสบการณ์ในการส่งเสริมกิจกรรมพัฒนาชุมชนท่ีเหมาะสมสาหรับเขตเมือง ซึ่งการประสานงานกันได้กลาย เป็นทุนอันสาคัญในการร่วมมือกันส่งเสริมการจัดต้ังกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองรวมท้ังโครงการหนึ่งตาบล หน่ึงผลติ ภณั ฑ์ในระยะเวลาต่อมา ระยะนี้กาหนดหน้าที่ของพัฒนากรให้เป็นการสนับสนุนความเข้มแข็งในการบริหารการพัฒนา ของอบต. โดยไม่ก้าวก่ายอานาจหน้าท่ีที่ อบต. มีตามกฎหมายไม่ขัดขวางการพัฒนาศักยภาพของอบต. และอยู่ภายในขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบของกรมฯโดยมีหน้าที่จัดเก็บวิเคราะห์ ประมวลผล เผยแพร่ ขอ้ มูลเพือ่ การพัฒนา อบต. สนับสนุนการจัดทาแผนพัฒนาตาบล ๕ ปีแผนพัฒนาตาบลประจาปีเป็นท่ีปรึกษา ด้านการวางแผนของ อบต. จัดตั้ง บริหาร และพัฒนาศูนย์ข้อมูลตาบล รวมทั้งการให้บริการข้อมูลข่าวสาร พัฒนาแกห่ น่วยราชการองคก์ รเอกชนและบุคคลทั่วไป
๓๘ สรุประยะที่ ๔ เป็นยุคที่สังคมมีการเปล่ียนแปลงรวดเร็วมีความซับซ้อนโดยเฉพาะการปฏิรูประบบราชการ การกระจายอานาจสู่ท้องถิ่น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ. ศ. ๒๕๔๐ ซ่ึงส่งผลต่อการทางาน ของกรมการพัฒนาชุมชนท้ังส้ิน ระยะน้ีกรมการพัฒนาชุมชนจึงปรับระบบงานและการบริหารให้เหมาะสม รวมท้ังกาหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาชุมชนข้ึนเป็นคร้ังแรก และให้ความสาคัญต่อการพัฒนาความเข้มแข็ง ของชุมชนผสมผสานการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาประชาธิปไตยขั้นพื้นฐาน กบั การพัฒนาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนรวมท้ังการปลูกฝังจิตสานึก และความรับผดิ ชอบของครอบครัว และชุมชนในการพัฒนา ซ่งึ เปน็ การพัฒนาด้านตา่ ง ๆ ของชุมชนให้เกดิ ข้ึนพร้อม ๆกัน ในยุคน้ีมีอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน จานวน ๕ ท่าน นายสมิตร กิจจาหาญ ดารงตาแหน่ง ๑ ตุลาคม ๒๕๓๔ – ๓๐ กันยายน ๒๕๓๖ ๒.นายอภัย จันทนจุลกะ ดารงตาแหน่ง ๑ ตุลาคม ๒๕๓๖ - ๓๐ กันยายน ๒๕๓๙ ๓.นายสมศักดิ์ ศรีวรรธนะดารงตาแหน่ง ๑ ตุลาคม ๒๕๓๙ - ๓๐พฤษภาคม ๒๕๔๑ ๔.นายไพโรจน์ พรหมสน์ ดารงตาแหน่ง ๑ มถิ ุนายน ๒๕๔๑-๓๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๑ ๕.นายจเด็จ อินทร์สว่าง ดารงตาแหน่ง ๑ มีนาคม๒๕๔๓-๓๐กันยายน ๒๕๔๔ แต่ละท่านมีอุดมการณ์ในการทางานท่ีแตกต่างกันไป โดยส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นการยึดมั่นในหลกั การแนวทางการพัฒนาชมุ ชน รวมใจแก้ปญั หา ศรทั ธาในหน้าที่ งานสาคัญๆ ที่ได้พัฒนาและริเริ่มนี้ ในระยะที่ ๔ ได้แก่ ๑. โครงการแก้ไขปัญหาความยากจน (กข. คจ.)๒. การส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และตัดสินใจร่วมกันของชุมชน ๓. นาเทคโนโลยีสารสนเทศ เข้ามาใช้ในการบริหารงานพัฒน าชุมชน ๔. ยกระดับองค์กรชุมชนให้มีฐานะเป็นนิติบุคคล ๕. ปรับประสิทธิภาพการบริหารงานภายใน ๖. ส่งเสริมการนาทุนทางสังคมในงานพัฒนาชุมชนออกมาใช้ สนับสนุนนโยบายสาคัญของรัฐบาล ๗. การส่งเสริมกระบวนการพัฒนาชุมชนในเขตเมือง ในระยะน้ีกาหนด หนา้ ที่ของพัฒนากรใหเ้ ป็นการสนับสนุนความเข้มแข็งในการบริหารการพฒั นาของอบต.
๓๙ ยคุ ท่ี 5 สู่ยคุ ใหม่ของระบบราชการ (พ.ศ. ๒๕4๕-๒๕๕4) ใ น ยุ ค นี้ ก ร ม ก า ร พั ฒ น า ชุ ม ช น ไ ด้ ป รั บ กิ จ ก ร ร ม โ ด ย มี ยุ ท ธ ศ า ส ต ร์ เ ป็ น ตั ว ก า ห น ด ทิ ศ ท า ง รวมทั้งนาระบบบริหารจดั การยุคใหม่เข้ามาจัดระบบความคิดปรับระบบงานกากับการบริหารงานพัฒนาระบบ ก า ร บ ริ ห า ร แ ล ะ พั ฒ น า ท รั พ ย า ก ร บุ ค ค ล แ ล ะ อ อ ก แ บ บ ร ะ บ บ ก า ร วั ด ป ร ะ เ มิ น ผ ล ท้ั ง ห ม ด ใ ห้ เ ป็ น ไ ป เพื่อการเป็น “ องค์กรราชการท่ีมีสมรรถนะสูงของระบบการบริหารราชการยุคใหม่” ในยุคน้ีมีอธิบดีกรมการ พฒั นาชมุ ชนผมู้ ีบทบาทกาหนดทิศทางสรา้ งสรรค์งานพฒั นาชุมชน จานวน ๑๑ ทา่ น ได้แก่ ลาดับท่ี ๑๔ นายสุจรติ ปจั ฉิมนนั ท์ ดารงตาแหนง่ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๔ – ๓๐กันยายน ๒๕๔๕ มีอดุ มการณ์ในการทางาน คอื การพฒั นาจะไม่มที างสาเร็จ ถ้าไมพ่ ฒั นาคน ลาดับท่ี ๑๕ นายสุจรติ นนั ทมนตรี ดารงตาแหน่ง ๑ตลุ าคม ๒๕๔๕-๔ มถิ ุนายน ๒๕๔๖ มอี ุดมการณ์ในการทางาน คือ ขอให้ความสาเรจ็ จงเป็นของประชาชนและแผน่ ดนิ ลาดบั ท่ี ๑๖ นายชัยสิทธ์ิ โหตระกิตย์ ดารงตาแหน่ง ๕ มิถุนายน ๒๕๔๖-๓๐ กนั ยายน ๒๕๔๘ มีอุดมการณ์ในการทางาน คอื สังคมหน้าอย่เู ชิดชูคุณธรรม
๔๐ ลาดบั ที่ ๑๗ ดร.นิรันดร์ จงวุฒเิ วศน์ ดารงตาแหน่ง ๑ตลุ าคม ๒๕๔๘-๓๐กันยายน ๒๕๕๐ มอี ดุ มการณ์ในการทางาน คือ เปล่ยี นแปลงเพือ่ ให้ดขี นึ้ ลาดบั ท่ี ๑๘ นาย ปรชี า บุตรศรี ดารงตาแหน่ง ๑ตลุ าคม ๒๕๕๐ -๑๙ ตลุ าคม ๒๕๕๑ มอี ดุ มการณ์ในการทางาน คือ บา้ นเมอื งน่าอยู่ ชมุ ชนเข็มแข็ง ลาดับที่ ๑๙ นายชมุ พร พลรักษ์ ดารงตาแหน่ง ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๑-๑๕มนี าคม ๒๕๕๒ มีอุดมการณ์ในการทางาน คอื เขา้ ใจเขา้ ถึง คือ หวั ใจของการพฒั นา ลาดบั ที่ ๒๐ นายไพรัตน์ สกลพันธุ์ ดารงตาแหน่ง ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๒-๓๐ กันยายน ๒๕๕๒ มอี ดุ มการณ์ในการทางาน คอื ถกู ตอ้ ง กว้างไกล ทันใจประชาชน
๔๑ ลาดับที่ ๒๑ นายมงคล สรุ ะสจั จะ ดารงตาแหน่ง๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ -๒๙ เมษายน ๒๕๕๓ มอี ดุ มการณใ์ นการทางาน คือ ธรรมาภบิ าล ประสานสามัคคี วถิ ีพอเพียง ลาดบั ที่ ๒๒ นายวเิ ชยี ร ชวลิต ดารงตาแหนง่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๓ – ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ มีอุดมการณ์ในการทางาน คือ ความสาเรจ็ ของงานพฒั นาชุมชนคอื การทางานใหป้ ระชาชนมคี วามสขุ ลาดับท่ี ๒๓ นายสรุ ชัย ขนั อาสา ดารงตาแหนง่ ๒๐ ธันวาคม๒๕๕๓- ๒๔ พฤจกิ ายน ๒๕๕๔ มอี ุดมการณใ์ นการทางาน คือ พัฒนาคือสร้างสรรค์ สร้างสขุ ทวั่ แผน่ ดนิ ลาดบั ที่ ๒๔ นายประภาส บญุ ยนิ ดี ดารงตาแหน่ง ๒๔ พฤจิกายน ๒๕๕๔-๓๐กนั ยายน-๒๕๕๕ มีอดุ มการณใ์ นการทางาน คอื การสง่ เสริมชุมชนแห่งความเกื้อกลู คานิยม - งานทุกงานเรียบเรียงกระบวนการให้ง่ายกระบวนการ ให้เป็นไปตามความจริง ถูกต้อง และทางานอย่างมีความสุข บนความพากเพียรจะเกดิ ประโยชน์ต่อเราและประเทศชาติ
๔๒ เม่ือก้าวสู่ปีที่ ๔๑ ของกรมการพัฒนาชุมชนเป็นช่วงท่ีต้องมีการเปล่ียนผ่านอันเน่ืองมาจาก การปฏิรูประบบราชการ เป็นการทางานในรูปแบบใหม่ของงานพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน ได้พัฒนายกระดับงานจากพื้นฐานความรู้เดิมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของการปฏิรูประบบราชการการ กระจายอานาจใหแ้ ก่องคก์ รปกครองส่วนท้องถ่นิ เป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ ปัญหา และทิศทางของชมุ ชนมาก ย่งิ ข้นึ ในทศวรรษนี้ได้ปรับบทบาทภารกิจกรมการพัฒนาชุมชน จานวน ๒ ครั้ง คือ พ.ศ. ๒๕๔๕ และ พ.ศ. ๒๕๕๒ และไดป้ รับเปล่ียนกจิ กรรมโดยมียทุ ธศาสตรเ์ ป็นตัวกาหนดทิศทางของการดาเนินงานพัฒนา ชุมชน รวมทั้งนาระบบบริหารจัดการยุคใหม่เข้ามาจัดระบบความคิด ปรับระบบงานกากับการบริหารงาน พัฒนาระบบการบริหาร และพัฒนาทรัพยากรบุคคล และออกแบบระบบการวัดประเมินผลทั้งหมดให้เป็นไป เพื่อการเปน็ “ องค์กรราชการทมี่ สี มรรถนะสงู ” ของระบบการบรหิ ารราชการยคุ ใหม่ การปรับบทบาทภารกิจของกรมการพฒั นาชมุ ชนมี ดังนี้ ครั้งท่ี ๑ กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการพัฒนาชุมชนกระทรวงมหาดไทย พ. ศ. ๒๕๔๕ กาหนดอานาจหนา้ ท่ขี องกรมการพฒั นาชุมชนไว้ ดงั นี้ (๑) กาหนดนโยบาย แนวทาง แผน และมาตรการในการพัฒนาชุมชนเพ่ือเสริมสร้างศักยภาพ และความเขม้ แขง็ ของชุมชน (๒) ส่งเสริมศกั ยภาพของประชาชน ผู้นาชมุ ชน องค์กรชุมชน และเครอื ข่ายองคก์ รชมุ ชน เพอื่ ให้มีสว่ นร่วม และเกิดการรวมกลมุ่ ใหส้ ามารถพ่งึ ตนเองได้ (๓) ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ของประชาชน ผู้นาชุมชน องค์กรชุมชน และเครือข่ายองค์กรชุมชน เพอ่ื พัฒนา และแก้ไขปญั หาของชุมชน (๔) ส่งเสรมิ วิสาหกิจชุมชน เพ่อื เสริมสร้างเศรษฐกิจชมุ ชน (๕) พฒั นาระบบขอ้ มลู เพือ่ การวางแผน และการบรหิ ารการพัฒนา (๖) วิจัย และพัฒนารูปแบบ และวิธีการพัฒนาชุมชนให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และสภาพพืน้ ที่ (๗) ฝึกอบรม และพัฒนารูปแบบ และพัฒนาผู้นาชุมชน องค์กรชุมชน และเครือข่ายองค์กรชุมชน รวมทัง้ ให้ความรว่ มมือในการฝึกอบรมด้านการพฒั นาชมุ ชน
๔๓ (๘) ปฏิบัติราชการอ่ืนใดตามที่กฎหมายกาหนดให้เป็นอานาจหน้าที่ หรือตามที่กระทรวง หรอื คณะรฐั มนตรีมอบหมาย ครั้งที่ ๒ กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการพัฒนาชุมชนกระทรวงมหาดไทย พ. ศ. ๒๕๕๒ ให้กรมการพัฒนาชุมชน มีภารกิจเก่ียวกับการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชน ส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนฐานรากให้มีความมั่นคง มีเสถียรภาพ โดยสนับสนุนให้มีการจัดทา และใช้ประโยชน์ข้อมูลสารสนเทศ ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย จัดทายุทธศาสตร์ชุมชน ตลอดจนการฝึกอบรม และพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาชุมชน เพ่ือให้เป็นชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน โดยมีอานาจหน้าท่ี ดงั ต่อไปนี้ (๑) กาหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ มาตรการ และแนวทางในการพัฒนาชุมชนระดับชาติเพ่ือให้ หน่วยงานของรัฐ เอกชน และผมู้ ีส่วนเกี่ยวข้องดา้ นการพัฒนาชุมชน ได้ใช้เป็นกรอบแนวทางในการดาเนนิ งาน เพ่อื เสรมิ สร้างความสามารถ และความเขม้ แข็งของชุมชน (๒) จัดทาและพัฒนาระบบมาตรฐานการพัฒนาชุมชน เพ่ือใช้เป็นเครื่องมือสาหรับประเมิน ความก้าวหน้าและมาตรฐานการพัฒนาของชุมชน (๓) พัฒนาระบบและกลไกในการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ การจัดการความรู้ การอาชีพ การออม และการบริหารจัดการเงินทุนของชุมชน เพ่ือเสริมสร้างขีดความสามารถของประชาชนชุมชนผู้นา ชมุ ชนกลมุ่ องค์การชุมชนและเครือข่ายองค์การชุมชน ( ๔ ) ส นั บ ส นุ น แ ล ะ พั ฒ น า ร ะ บ บ ข้ อ มู ล ส า ร ส น เ ท ศ ชุ ม ช น ส่ ง เ ส ริ ม ก า ร ใ ช้ ป ร ะ โ ย ช น์ และการใหบ้ ริการข้อมูลสารสนเทศชุมชน เพ่ือใชใ้ นการวางแผนบรหิ ารการพัฒนาได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ (๕) ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย พัฒนาแล ะสร้างองค์คว ามรู้เพื่อใช้ในงานพัฒนา ชุมช น และการจดั ทายทุ ธศาสตรช์ มุ ชน (๖.) ฝึกอบรมและพัฒนาขา้ ราชการ เจ้าหน้าท่ี ที่เกี่ยวข้อง ผู้นาชุมชน องค์การชุมชน และเครือข่าย องคก์ ารชุมชนให้มีความรู้ ทกั ษะ ทศั นคติ และสมรรถนะในการทางาน รวมท้งั ใหค้ วามรว่ มมอื ทางวิชาการด้าน การพัฒนาชมุ ชนแกห่ นว่ ยงานทัง้ ในประเทศ และตา่ งประเทศ (๗) ปฏิบัติราชการอ่ืนใดตามที่กฎหมายกาหนดให้เป็นอานาจหน้าท่ีของกรม หรือตามท่ีกระทรวง หรอื คณะรฐั มนตรมี อบหมาย ระยะนี้กาหนดให้“ พัฒนากร” มีหน้าท่ี ในการศึกษา วิจัยเพ่ือค้นหาศักยภาพของชุมชนส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนากระบวนการเรียนรู้ และการมีส่วนร่วมของประชาชน ให้การศึกษาประสานงาน และแสวงหาความร่วมมือ ให้คาปรึกษา รวมท้ังติดตาม และประเมินการทางานของชุมชน คือเป็น“ นักยุทธศาสตร์ชุมชน” คือ รู้ว่าจะต้องทาอะไร เพ่ือให้ชุมชนเข้มแข็ง ประชาชนพ่ึงตนเองได้ ครอบครัวมีความสุข ต้องรู้จักวิเคราะห์สถานการณ์ภายใน / ภายนอกชุมชน เพ่ือกาหนดเป้าหมาย วิธีการ แผนงาน / โครงการ / กิจกรรม ผลักดันขับเคลื่อนให้เป็นไปตามตัวชี้วัดพร้อมรับมือกับการเปล่ียนแปลง ในทศวรรษนี้ กรมการพัฒนาชุมชน มีงานใหม่ๆ เกิดข้ึนมากมายจนยากที่จะบันทึกไว้ได้ท้ังหมดหลายเรื่อง เริ่มต้นพฒั นาข้ึนมาในระยะน้ี ซง่ึ เป็นผลมาจากการพฒั นาระบบราชการ และความก้าวหนา้ ของเทคโนโลยี
๔๔ งานสาคญั ๆ ที่เกดิ ข้ึนในระยะนี้ ได้แก่ ๑. สง่ เสริมการจดั ตงั้ ศูนย์ประสานงานเครอื ขา่ ยองคก์ รชมุ ชนประจาตาบล (ศอช. ต) ซง่ึ เปน็ การพัฒนารูปแบบเครอื ข่ายองค์การชมุ ชน โดยการจัดต้ังศูนยป์ ระสานงานเครือขา่ ยองคก์ รชุมชนประจา ตาบล (ศอช.ต) ทั่วประเทศ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานการทางานขององค์กรชุมชน และเครือข่าย ให้สามารถช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกัน โดยศูนย์ประสานงานองค์การชุมชน (ศอช.) เป็นกลไก หลกั ในการบรู ณาการแผนชุมชนระดบั ตาบล สู่แผนพัฒนาทอ้ งถน่ิ แผนพัฒนาอาเภอ และแผนพฒั นาจงั หวดั ๒. พัฒนาระบบมาตรฐานงานชุมชน (มชช.) ให้เป็นเคร่ืองมือส่งเสริมการพัฒนาของผู้นา องค์กรชุมชนเครือข่าย องค์กรชุมชน และชุมชน ให้มีความเข้มแข็งอย่างย่ังยืน ด้วยการเรียนรู้ ตนเองกาหนด ทิศทางการพัฒนา ดาเนินการพัฒนา และประเมินผลความสาเร็จด้วยตนเอง ระบบน้ีสามารถทาให้ชุมชน ตอบสังคมได้ว่า“ การเป็นคนคุณภาพ และชุมชนเข้มแข็งเป็นอย่างไร” และถือเป็น “ เคร่ืองชี้วัดการพัฒนา แบบบรู ณาการทีม่ ีชุมชนเปน็ ศูนยก์ ลาง” ๓. พัฒนางานส่งเสริมระบบบริหารจัดการชุมชน โดยการจัดทาแผนชุมชน ซ่ึงเปน็ เคร่ืองมือสะท้อน ปญั หา/ความต้องการของชุมชน จากล่างข้ึนสู่บน ส่งเสริมให้หมู่บ้านใช้แผนชุมชน เป็นเครื่องมือเสริมสร้างขีด ความสามารถของชุมชน และแก้ไขปัญหาของชุมชน พัฒนากลไกสนับสนุนกระบวนการบูรณาการแผนชุมชน ระดับตาบล / อาเภอ / จังหวัดเพ่ือเชื่อมโยงแผนชุมชนกับแผนพัฒนาท้องถ่ินแผนพัฒนาอาเภอ และ แผนพัฒนาจังหวัด และพัฒนาระบบรับรองมาตรฐานแผนชุมชนเพ่ือให้แผนชุมชนมีคุณภาพได้มาตรฐาน ได้รับการยอมรับ และนาไปใช้ประโยชน์อย่างจริงจังที่มีเอกลักษณ์แตกต่างจากหน่วยงานอื่นท่ีเน้นการจัดทา แผนชมุ ชนระดบั หม่บู า้ นในขณะทีห่ นว่ ยงานอื่นจะเน้นท่รี ะดับตาบล ๔. พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยการนา Pocket PC และพัฒนาโปรแกรม Ayuda forecaster มาใช้กับการจัดเก็บข้อมูล จปฐ. กชช.๒ ค การพัฒนาเว็ปไซด์บริการ การพัฒนาระบบ e-Mail, e-Learning, EPMS, e-สารบรรณ, GIS, e-Reporting รวมถึง ระบบสานักงานอัตโนมัติ (OA) และล่าสุด Community Portal ในชอื่ moobanthai. com
๔๕ ๕. สง่ เสรมิ ให้วเิ คราะหข์ อ้ มูลและนาเสนอข้อมูลชุมชนในลกั ษณะสารสนเทศชุมชน ๖.ดาเนินการโครงการแก้ปัญหาความยากจนแบบเข้าถึงทุกครัวเรือน เพื่อยกระดับรายได้ครัวเรือน ยากจนให้พ้นเส้นความยากจนใช้วิธีประสาน ๒ พลัง คือ ใช้พลังจากภายในชุมชน (Inside-out) โดยกระบวนการแผนชุมชน และพลังจากภายนอก (Outside-in) โดยแก้ในระดับครัวเรือนแบบเข้าถึงทุก ครัวเรอื นโดย ใช้หลัก ๔ ท คือ ๑) ทัศนะ ๒) ทรัพยากร ๓) ทกั ษะ ๔) ทางออก คอื การปรบั ทัศนคติของคนจน ให้พร้อมที่จะแก้ปัญหาความจนด้วยตนเองบนพ้ืนฐานทรัพยากร และทักษะท่ีมี และส่วนราชการร่วมหา ทางออกจากความจนโดยการปรับวิถีการดารงชีวิตเพ่ือให้ฝึกทักษะในการประกอบอาชีพ สนับสนุนทรัพยากร ส่งผลให้ครัวเรือนมี ๓ พ คือการดารงชีวิตตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง มีความสุขพอเพียง และมีครอบครัว อบอนุ่ พอเพยี ง ๗. การพฒั นาโมเดลการฝึกอบรม ในชื่อ PLACE Model มาใชก้ บั การฝกึ อบรมบุคลากรทกุ ระดบั ๘. กาหนดค่านิยมองค์กร ท่ีส่งเสริมให้ข้าราชการในหน่วยงานถือปฏิบัติ มีการกาหนดตัวชี้วัด และระดับพฤติกรรม ๓ ระดับ คือ ระดับพฤติกรรมพื้นฐาน ระดับท้าทาย และระดับพฤติกรรม ระดับต้นแบบ ค่านิยมองค์กร ท่ีส่งเสริมให้บุคลากรในหน่วยงานได้ปฏิบัติตามค่านิยมท่ีพึงประสงค์ ประกอบด้วย A: Appreciation: ชื่นชม B: Bravery: กล้าหาญ C: Creativity: สร้างสรรค์ D: Discovery: ใฝ่รู้ E: Empathy: เขา้ ใจ F: Facilitation: เอ้อื อานวยตอ่ มาเพม่ิ อกี ๒ ตัวคอื S: Simplify P: Practical ๙. พัฒนารูปแบบศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ขององค์กรชุมชนและองค์กรท้องถิ่นในลักษณะ e-learning และออกแบบงานส่งเสริมการจัดการความรู้ของชุมชนอย่างเป็นกิจลักษณะในรูปของศูนย์เรียนรู้ ชุมชน โดยส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ การสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและยกระดับ รายไดข้ องประชาชน ๑๐. ขับเคล่ือนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ให้เป็นรากฐานของชีวิตประชาชนในหมู่บ้าน โดย ใช้ตวั ช้ีวัด ๖x๒ เป็นเป้าหมาย “ ลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ออมเรียนรู้อนุรักษเ์ อื้ออารีต่อกัน” ในปี ๒๕๕๔ ดาเนิน โครงการ “ หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เน่ืองในพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ จานวน ๑, ๗๕๖ หมู่บ้านผลสาเร็จท่ี เป็นรปู ธรรมคือ “ ไมม่ ี ยาเสพติด ไม่มีคนจน ไม่มีหนี้นอกระบบ มีการจัดสวัสดิการชุมชน มีการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดล้อม และมีการยกระดับการประเมินผลการพัฒนาเชิงคุณภาพด้วยการวัดความสุขมวลรวมชุมชน (Gross Village Happiness: GVH) ๑๑. พัฒนากจิ กรรมส่งเสริมการพัฒนากลุ่มออมทรัพย์เพ่ือการผลิต หลายกจิ กรรม ได้แก่ การตรวจ สุขภาพกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต การจัดต้ังโรงเรียนกลุ่มออมทรัพย์ฯ และการพัฒนาผู้เชี่ยวชาญ กลุม่ ออมทรพั ย์ ฯลฯ ๑๒. ส่งเสริมการจัดตั้งสถาบันการจัดการเงินทุนชุมชน ซึ่งเป็นองค์กรการเงินชุมชนของพี่น้อง ประชาชนในหมู่บ้านชุมชน ที่จัดต้ังขึ้นมาเพื่อบูรณาการด้านการบริหารจัดการเงินทุนในหมู่บ้านชุมชน เพื่อให้เกิดเอกภาพ สามารถใช้เงินทุนอย่างคุ้มค่าเกิดประโยชน์สูงสุดมีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหา ของหมบู่ ้านชมุ ชน
๔๖ ๑๓. พัฒนาแนวความคิดการพัฒนาทุนชุมชน เพื่อใช้ในการวิเคราะห์สถานการณ์ และการพัฒนา ของชุมชนโดยทุนชุมชนประกอบด้วยทนุ กายภาพทุนมนุษย์ทนุ สงั คมทนุ การเงนิ และทุนทรัพยากรธรรมชาติ ๑๔. พัฒนาแนวความคิด “ ส่งเสริมชุมชนแห่งความเก้ือกูล” เพื่อก่อให้เกิดความเข้มแข็ง และพึ่งตนเองได้อย่างย่ังยืนของชุมชน งานท่ีดาเนินการได้แก่ ร้ือฟ้ืนวัฒนธรรมลงแขก ส่งเสริมระบบ การเก้ือกูลคนทุกข์ยากในชุมชน โดยการจัดให้มีกิจกรรมช่วยเหลือคนยากจน คนด้อยโอกาส และคนชรา โดยกองทุนชุมชนจัดให้มีการบริหารจัดการทรัพยากรของชุมชน เช่น ครัวชุมชน คลังชุมชนตู้เย็นธรรมชาติ ส่งเสริมการผลิตในระบบเศรษฐกิจชุมชนเกื้อกูล เพ่ือลดต้นทุนการผลิต และปลูกฝังจิตสานึกสาธารณะ ให้คนในชุมชนมีความรับผิดชอบต่อตนเอง และชุมชนปลูกฝังให้ประชาชนมีความรักภักดีในชาติศาสนา และพระมหากษตั ริย์ สรปุ ระยะท๕ี่ ใ น ยุ ค นี้ ก ร ม ก า ร พั ฒ น า ชุ ม ช น ไ ด้ ป รั บ กิ จ ก ร ร ม โ ด ย มี ยุ ท ธ ศ า ส ต ร์ เ ป็ น ตั ว ก า ห น ด ทิ ศ ท า ง รวมท้ังนาระบบบริหารจัดการยุคใหม่เข้ามาจัดระบบความคิดปรับระบบงานกากับการบริหารงานพฒั นาระบบ การบริหารและพัฒนาทรัพยากร บุคคลและออกแบบระบบการวัดประเมินผลทั้งหมดให้เป็น ไปเพื่อการเป็น “ องค์กรราชการที่มีสมรรถนะสูงของระบบการบริหารราชการยุคใหม่” ในช่วงปีพศ. ๒๕๕๕ -๒๕๕๕ ในยุคนี้มีอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน จานวน ๑๑ ท่าน ได้แก่ ๑.นายสจุ ริต ปัจฉิมนันท์ ดารงตาแหน่ง ๑ ตุลาคม ๒๕๔๔ – ๓๐ กันยายน ๒๕๔๕ ๒.นายสุจริต นันทมนตรี ดารงตาแหน่ง ๑ตุลาคม ๒๕๔๕ - ๔ มิถุนายน ๒๕๔๖ ๓.นายชัยสิทธ์ิ โหตระกิตย์ ดารงตาแหน่ง ๕ มิถุนายน ๒๕๔๖-๓๐ กันยายน ๒๕๔๘ ๔. ดร.นิรันดร์ จงวุฒิเวศน์ ดารงตาแหน่ง ๑ตุลาคม ๒๕๔๘-๓๐กันยายน ๒๕๕๐ ๕.นาย ปรีชา บุตรศรี ดารงตาแหน่ง๑ตุลาคม ๒๕๕๐ -๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๑ ๖.นายชุมพร พล ดารงรักษ์ ตาแหน่ง ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๑-๑๕มีนาคม ๒๕๕๒ ๗. นาย ไพรัตน์ สกลพันธ์ุ ดารงตาแหน่ง ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๒- ๓๐ กันยายน ๒๕๕๒ ๘.นาย มงคล สุระสัจจะ ดารงตาแหน่ง ๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ - ๒๙ เมษายน ๒๕๕๓ ๙. นาย วิเชียร ชวลิต ดารงตาแหน่ง ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๓ - ๑๕ธันวาคม ๒๕๕๓ ๑๐.นายสุรชัย ขันอาสา ดารง ตาแหน่ง ๒๐ ธันวาคม๒๕๕๓ -๒๔ พฤจิกายน ๒๕๕๔ ๑๑นายประภาส บุญยินดี ดารงตาแหน่ง ๒๔ พฤจิกายน ๒๕๕๔-๓๐กันยายน๒๕๕๕แต่ละท่านมีอุดมการณ์ในการทางานท่ีแตกต่างกันไป โดยส่วนใหญ่จะ มงุ่ เน้นให้ประชาชนมกี ารเปล่ียนแปลงที่ดขี ้ึน ชุมชนเกิดความเข้มแข็งส่งเสริมชุมชนแห่งความเกื้อกูล การปรับ บทบาทภารกิจของกรมการพัฒนาชุมชนมี ดังน้ี ครั้งท่ี ๑ กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย พ. ศ. ๒๕๔๕ ครั้งท่ี ๒ กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย พ. ศ. ๒๕๕๒ในทศวรรษน้ี กรมการพัฒนาชุมชน มีงานใหม่ๆ เกิดข้ึนมากมายจนยาก ท่ีจะบันทึกไว้ได้ท้ังหมดหลายเรื่องเร่ิมต้นพัฒนาข้ึนมาในระยะนี้ ซ่ึงเป็นผลมาจากการพัฒนาระบบราชการ และความก้าวหน้าของเทคโนโลยีงานสาคัญๆ ที่เกิดขน้ึ ในระยะน้ี ได้แก่ ๑. ส่งเสรมิ การจัดตั้งศูนย์ประสานงาน เครือข่ายองค์กรชุมชนประจาตาบล (ศอช. ต) ๒. พัฒนาระบบมาตรฐานงานชุมชน (มชช.) ๓. พัฒนางานส่งเสริมระบบบริหารจัดการชุมช น ๔. พัฒนาระบบเทคโนโ ลยีสารสนเทศ ๕. ส่งเสริมให้วิเคราะห์ข้อมูลและนาเสนอข้อมูลชุมชนในลักษณะสารสนเทศชุมชน ๖.ดาเนินการโครงการ แกป้ ญั หาความยากจนแบบเขา้ ถงึ ทุกครวั เรือน ๗. การพัฒนาโมเดลการฝกึ อบร๘. กาหนดคา่ นิยมองคก์ ร ๙. พัฒน ารูปแบบ ศูนย์ส่งเ สริมการ เรียนรู้ข ององค์ก รชุมช นแ ละองค์ก รท้องถ่ิ น ในลักษณ ะ ๑๐. ขับเคล่ือนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ๑๑. พัฒนากิจกรรมส่งเสริมการพัฒนากลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต
๔๗ ๑๒. ส่งเสริมการจัดต้ังสถาบันการจัดการเงินทุนชุมชน ๑๓. พัฒนาแนวความคิดการพัฒนาทุนชุมชน ๑๔. พัฒนาแนวความคิด “ สง่ เสริมชุมชนแหง่ ความเกื้อกูล” ยุคท่ี 6 (พ.ศ. ๒๕๕๕-ปัจจบุ นั ) ในยุคน้ีมีอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนผู้มีบทบาทกาหนดทิศทางสร้างสรรค์งานพัฒนาชุมชน จานวน ๔ ทา่ น ไดแ้ ก่ ลาดับท่ี ๒๕ นายขวัญชัย วงศ์นติ ิกร ดารงตาแหนง่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ –๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ลาดับท่ี ๒๖ นายไมตรี อนิ ทุสุต ดารงตาแหน่ง ๑ ตลุ าคม ๒๕๕๘ -๑ตลุ าคม ๒๕๕๘ ลาดับที่ ๒๗ นายอภชิ าติ โตดลิ กเวชช์ ดารงตาแหน่ง ๒ ตุลาคม๒๕๕๘-๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ลาดับที่ ๒๘ นายนสิ ิต จนั ทร์สมวงศ์ ดารงตาแหน่ง ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ – ปัจจุบันอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน วิสัยทัศน์ เศรษฐกิจรากม่ันคงและชุมชนพึ่งตนเองได้ภายในปี 2564 แนวคิด ประเทศ4.0 คือ การสร้าง ความเข้มแข็งจากภายใน เม่ือภายในเข้มแข็งแล้วต้องเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก ซ่ึงจะนาพาประเทศไทยสู่ความ ม่ันคง มั่งคงั่ และยัง่ ยืนได้ สงั คมไทยเป็นสังคมท่ที ่มี ีความหวงั มคี วามสขุ และความสมานฉนั ท์ได้อยา่ งแท้จริง
๔๘ การดาเนนิ งาน ตามนโยบายสาคญั ของรัฐบาล ในระยะนี้ นโยบายรัฐบาลหลายเรื่องได้มอบให้กรมการพัฒนาชุมชนดาเนินการ ได้แก่ นโยบายหนึ่ง ตาบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) นโยบายกองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมือง โครงการศูนย์ซ่อมสร้าง เพ่ือชุมชน (Fixit Center) โครงการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้าน และชุมชน (SML) กองทุนแม่ของแผ่นดินกองทุน พฒั นาบทบาทสตรี โครงการประชาเสวนา เปน็ ตน้
๔๙ สัญลกั ษณ์กรมการพฒั นาชุมชน สญั ลักษณก์ รมการพฒั นาชุมชน กรมการพัฒนาชมุ ชนมีการปรับเปลยี่ นสัญลักษณต์ ามยุคสมัยต้ังแต่ปี ๒๕๐๓ ปัจจุบันมีสญั ลักษณ์ ๗ แบบ ดงั นี้ สัญลกั ษณ์ แรก : ปีทใ่ี ช้ ๒๕๐๗ - ๒๕๑๔ องค์ประกอบและความหมาย เคร่ืองหมายนี้แสดงว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเพ่งมองไปที่เป้าหมายเดียวกันคือปัญหาของชาวชนบทซึ่ง จะต้องร่วมมือกันช่วยประชาชนให้แก้ปญั หาของตนเองอย่างพร้อมเพรียงกันการพัฒนาชมุ ชนในชนบทจะต้อง พัฒนาในดา้ นตา่ ง ๆ ทง้ั ๘ ดา้ น ดงั น้ี ๑) การปกครอง ๕) ส่งเสรมิ การศึกษา ๒) สง่ เสริมใหม้ ีสหกรณใ์ นหมบู่ า้ น ๖)ส่งเสรมิ การอนามัย ๓) มกี ารทาอตุ สาหกรรมในครัวเรือน ๗) สง่ เสริมงานโยธา ๔) ส่งเสรมิ งานการเกษตร ๘) สง่ เสรมิ วฒั นธรรม สญั ลักษณท์ ี่ ๒ : ปที ีใ่ ช้ ๒๕๑๔ - ๒๕๑๘ องค์ประกอบและความหมาย »กระทอ่ ม หมายถึง ชนบท »สีเหลอื งของวงกลมภายใน หมายถงึ ท้องฟา้ สีทองผอ่ งอาไพตอนรุ่งอรณุ ในชนบท »สเี ขยี วใบไม้ (ใบขา้ ว) ของวงกลมภายนอก หมายถึง ความอดุ มสมบรู ณ์
๕๐ วงกลมภายใน หมายถึง พลงั ชุมชน วงกลมภายนอก เป็นจุดประสงค์ในการทางาน เปน็ นามธรรมเรียกว่ากาลงั ภายใน พัฒนาชมุ ชนเปน็ รูปธรรมเรียกวา่ กาลงั ภายนอกประกอบด้วย ประกอบดว้ ย ๑) การแกไ้ ขสง่ิ แวดลอ้ มใหด้ ขี ึน้ ๑) การนาทัศนะของประชาชน ๒) การใหก้ ารศึกษาแกช่ มุ ชน ๒) การแก้ไขศรัทธาประชาชน ๓) การสง่ เสริมให้ชุมชนมรี ายไดส้ งู ข้ึน ๓) การผนกึ กาลงั รวมกล่มุ ประชาชน ๔) การขจัดโรคภัยไข้เจ็บส่งเสริมสขุ ภาพ ๔) การเสริมสรา้ งความสามารถให้กลุม่ ให้แขง็ แรง ๕) การส่งเสริมใหใ้ ช้เวลาวา่ งให้เกิดประโยชน์ สญั ลกั ษณท์ ่ี ๓: ปที ่ีใช้ ๒๕๑๘-๒๕๕๕ องค์ประกอบและความหมาย วงกลมภายในเป็นรูปโครงสร้างของบ้านชนบทมีตัวอักษรพช. อยู่ใต้รูปบ้านมีลายกนกแบบ เครื่องหมายยันต์ 5 และ ๔ บนหัวอักษรพ. และบนหัว ช. ขอบวงกลมล้อมรอบวงกลมภายในมี ๔ สี ๔ ช่วง หมายถงึ หลกั การทางาน ๔ ป. สขี าว หมายถงึ ประชาชนสแี ดงหมายถงึ ประชาธิปไตย สเี ทา หมายถงึ ประสานงาน สีนา้ เงิน หมายถึง ประหยัด สญั ลกั ษณ์นไี้ ด้ถกู ยกเลิกในปี ๒๕๕๐ และได้ถกู นากลบั มาใช้ใหมใ่ นปี ๒๕๕๑ -๒๕๕๕
Search