ธรรมาภิบาลกับการพัฒนาที่ยั่งยืน

CG Day 2018 ชาวพฤกษา... ใส่ใจคณุ ธรรม ทาความดี 29 พฤศจิกายน 2561

ธรรมาภิบาล กบั การพฒั นาทย่ี ั่งยืน ดร.ประสาร ไตรรตั นว์ รกลุ

หลายคาถาม...? 1. การพัฒนาที่ยัง่ ยืนคอื อะไร ? สาคญั อย่างไร ? 2. ภาคธรุ กิจเอกชนควรมีบทบาทอยา่ งไรกบั การ พัฒนาท่ียง่ั ยืน ? 3. ธรรมาภิบาลคืออะไร ? ทาไมถึงทาให้เกิดการ พัฒนาทย่ี ัง่ ยืน ? 4. ทาให้เกดิ ธรรมาภบิ าลได้อยา่ งไร ?

การพัฒนาทีย่ ง่ั ยืน...คอื อะไร ? จากมมุ มองระยะสน้ั ระยะยาว จากมงุ่ สรา้ งความเจรญิ เตบิ โต เชงิ ปรมิ าณ เน้นคณุ ภาพและความท่ัวถงึ จากมงุ่ ผลประโยชนส์ ว่ นตวั ทางานแบบแยก ส่วน . คดิ ถึงผลประโยชนส์ ่วนรวม และ ร่วมมอื ในการแกไ้ ขปญั หา

1. การพฒั นาทย่ี งั่ ยืน...สาคัญ สาหรบั โลกอย่างไร ? ถ้าไมท่ าโลกทีเ่ ราอยู่จะไมย่ ่ังยืน Planet : เกดิ ภาวะวกิ ฤตดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดล้อม Prosperity : ความเหลอ่ื มล้าทางสงั คมและเศรษฐกจิ People : ปญั หาคณุ ภาพชวี ติ เช่น การศึกษา สุขภาพ สุขอนามยั อาหาร ฯลฯ Peace : ความขดั แยง้ และปญั หาภูมิรฐั ศาสตร์



2. ภาคธรุ กจิ เอกชนกบั การพฒั นาท่ียง่ั ยนื ...(1) การพฒั นาทย่ี ง่ั ยนื มคี วามหมายตา่ งๆ สาหรบั แตล่ ะคน เพือ่ ความอยรู่ อดในโลกทม่ี คี วามซับซอ้ นมากขนึ้ เพราะถกู บงั คบั โดยกฎระเบยี บทมี่ มี ากขนึ้ เพราะตอ้ งการเปน็ “สเี ขียว” เปน็ โอกาสทาง “ธรุ กจิ ” เป็นเรอ่ื ง “Branding” และ “โอกาสในการประชาสมั พันธ์”

2. ภาคธรุ กจิ เอกชนกบั การพัฒนาทยี่ ง่ั ยนื ...(2) ทาไมการขบั เคลอ่ื นความย่งั ยนื จงึ ตอ้ งอาศัยภาคธรุ กจิ ? 1. เดิมเชื่อว่าภาคธุรกิจสนใจ “Private benefit” ส่วน “Social cost” เปน็ เรอื่ งที่ภาครฐั ต้องคอยดแู ลและคอย เก็บภาษีชดเชย แต่วันน้ีกลับมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่อง กนั อยา่ งแยกไม่ออก 2. ปัญหา 4 Ps ที่โลกกาลังเผชิญเป็น “โศกนาฏกรรม รว่ มของมนษุ ยชาติ” หรือ “Tragedy of the commons” Private Social Benefit Cost

2. ภาคธรุ กจิ เอกชนกบั การพฒั นาทยี่ ง่ั ยนื ...(3) ทาไมภาคธรุ กจิ ตอ้ งใหค้ วามสาคญั กบั ความยงั่ ยนื ? 1. ทิศทางการกากบั ดแู ลเรอ่ื งมาตรฐานทเี่ ขม้ งวดข้ึน 2. ระบบเฝา้ ระวงั สงิ่ ทมี่ ผี ลตอ่ “ความยง่ั ยนื ” และการ ตรวจสอบจรยิ ธรรมในทกุ สงั คมเขม้ แขง็ ข้ึนมาก - การไมใ่ หค้ วามสาคญั เปน็ Strategic Risk - การใหค้ วามสาคญั คือ “License to operate” “License to grow”

3. ธรรมาภิบาล...คอื อะไร ? คือ “ทาใหถ้ กู ทานองคลองธรรม” คือ การจัดระบบความสัมพันธ์ ระหว่างกลุ่มคนท่ี เกี่ยวกับบริษัท เพื่อให้ทางานไปได้ด้วยดี โดยมีการ กาหนดสิทธิ ความรับผิดชอบ ขั้นตอน กระบวนการ ทางานและกากบั ฯ ผู้เก่ียวข้องฯ นอกจากคณะกรรมการ ผู้ถือหุ้น ผู้บริหาร ยังมี “stakeholders” เช่น พนักงาน ลกู ค้า คู่คา้ เจา้ หนี้ ผ้ลู งทนุ รัฐบาล ชุมชน สงิ่ แวดล้อม

3. ทาไมธรรมาภบิ าลจงึ ทาใหเ้ กดิ การ พัฒนาที่ย่งั ยนื ? เพราะ ไม่ short-termism เพราะ คานงึ ถงึ stakeholders อน่ื ๆ ดว้ ย เพราะ ไม่ใช่ดเู ฉพาะ financial performance โดยเฉพาะ short-term financial performance เทา่ นนั้

4. ทาใหเ้ กิดธรรมาภบิ าลไดอ้ ยา่ งไร...(1) 1) สรา้ งความเขา้ ใจทถี่ กู ตอ้ งและความมงุ่ มั่นทชี่ ดั เจน 2) ประเมินว่ามี CG gaps หรอื ไม่ ? จะมีแผนในการ ปิด gaps อย่างไร? 3) กาหนดนโยบาย 4) มโี ครงสร้างคณะกรรมการทเี่ หมาะสมและจดั ลาดบั ความสาคัญประเดน็ ทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั CG 5) ตอ้ งมีการนาจากขา้ งบน

4. ทาใหเ้ กดิ ธรรมาภิบาลไดอ้ ยา่ งไร...(2) 3 เสาหลกั แห่งความสาเรจ็ 1) กฎระเบยี บ 2) แรงจูงใจ 3) ศลี ธรรม จรยิ ธรรม

4. ทาใหเ้ กดิ ธรรมาภบิ าลได้อย่างไร...(3) เราจะ “ปลกู ฝงั ” จริยธรรมไดอ้ ยา่ งไร ? หลักจรยิ ธรรม 5 ขอ้ (ของทา่ นพทุ ธทาส) 1) รจู้ กั ตวั เอง 2) เคารพตวั เอง 3) เช่อื ตวั เอง หรอื ไวใ้ จตวั เอง 4) บังคบั ตวั เอง 5) พอใจตวั เอง

THANK YOU