王 海 峰 นา่ รู้ไวยากรณจ์ นี 有趣的汉语语法 นาย ธนกร การะบุญ
ไวยากรณจ์ ีนนา่ รู้ 有趣的汉语语法 หนังสือ E-Book : วชิ าคอมพิวเตอรจ์ นี ชื่อหนังสือ : ไวยากรณจ์ นี น่ารู้ 有趣的汉语语法。 จดั ทาโดย : นาย ธนกร การะบุญ รหสั นกั ศึกษา : 60181500204 ปรญิ ญาตรี : ปีการศกึ ษาปที ่ี 3 ห้อง 2 สาขาวิชา : การสอนภาษาจนี 汉语教育专业。 รูปเลม่ : นาย ธนกร การะบญุ แบบปก : นาย ธนกร การะบุญ เสนอ : อาจารย์ ธวี รา จนั ทรสุรีย์ คณะ : มนุษยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ สถานศกึ ษา : มหาวิทยาลัยราชภัฏลาปาง
ก คานา ปัจจุบนั นี้จานวนคนท่ีเรียนภาษาจีนมีเยอะมากขึ้น หนังสือเรียนส่วนมากที่เราใช้ในการเรียน การสอนทุกวันนี้ก็มีเน้ือหามาจากประเทศจีน หนังสือบางเล่มมีเนื้อหาเป็นภาษาจนี ล้วน บางเนื้อหาเป็น ภาษาอังกฤษ-ภาษาจีน ดังน้ันคาอธิบายบางประโยคนามาแปลเป็นภาษาไทยแล้วเกิดความสับสน หนังสือเรียนเหล่าน้ีได้แต่งมาเพ่ือให้คนท่ีใช้ภาษาอังกฤษ หรือภาษาจีนได้อ่าน แต่ไม่ใช้ภาษาไทย แน่นอน หนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมไวยากรณ์บางส่วน มีคาอธิบายเป็นภาษาไทย เพ่ือให้ผู้ที่ศึกษาอ่าน เข้าใจง่ายขึ้น ทกุ บทจะมเี นือ้ หา ตัวอย่างประโยค และแบบฝึกหัดใหผ้ ู้ที่ศึกษาได้ลองทา หวังว่าอย่างย่ิง หนังสือเล่มน้ีจะเป็นหนังสือที่ถูกใจผู้ท่ีศึกษา และสามารถเป็นประโยชน์ให้ผู้ที่ศึกษา ได้นาไปใช้ในการ เรยี น หรือนาไปใชใ้ นชีวิตประจาวันให้เกิดประโยชนส์ งู สดุ หากหนังสอื หรือเนือ้ หาบางบทบางตอน ไมถ่ ูกใจ หรือทาให้ผู้ท่ีศึกษาไม่เข้าใจต้อง ขออภัยมา ณ ทีน่ ี้ดว้ ย นาย ธนกร การะบุญ ผู้จดั ทา
ข สารบญั คานา ก………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………….. สารบัญ ข……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ไวยากรณ์คืออะไร? 1......................................................................................................................................................................................................................... บทที่ 1 ไวยากรณ์ คาวา่ “ ” 3第一课 了 …………………………………………………………………………………………….………………………………….. บทที่ 2 ไวยากรณ์ คาว่า 12第二课 “ ”替 …………………………………………………………………………………………………………………………………. บทท่ี 3 ไวยากรณ์ คาวา่ 15第三课 “ ”曾经 ………………………………………………………………………………………………………………………. บทท่ี 4 ไวยากรณ์ คาว่า 19第四课 ” ”不如 ………………………………………………………………………………………………………………………… บทที่ 5 ไวยากรณ์ คาว่า 22第五课 ” ”动词重叠 ………………………………………………………………………….…………….…………… บรรณานุกรม 25……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………….…….…….……………
1 ไวยากรณค์ อื อะไร? ภาษาท่ีแตกต่างกันมักมีไวยากรณ์ท่ีไม่เหมือนกัน คือกลุ่มประโยคของภาษา ซ่ึงนามาต่อกันเป็น บทความ ภาษาจีนก็มีกฎเกณฑ์ของตัวมันเอง ภาษาอ่ืนก็ย่อมมีกฎในตัวของมันเอง เช่น การเรียงลาดับของ ภาษาจีน “ ประธาน กริยา กรรม ” การเรยี งลาดับของภาษาญี่ปุน่ “ ประธาน กรรม กรยิ า ” แม้พวกเราจะเรยี นรกู้ ารพูดกันตง้ั แต่เด็ก เวลาท่ีเราพูดแลกเปลย่ี นกันมักจะไมม่ ีกฎเกณฑ์อะไร แต่ จริงๆแล้วเราพูดตามกฎของไวยากรณ์ เช่น 1. 我不卖书。 2. 书我不卖。 3. 我书不卖。 4. * 不我卖书。 5. * 卖不我书。 6. * 我卖不书。 ประโยคด้านบนล้วนมีคา 我 不 卖 และ 书 ท้งั ส่ีคามารวมกัน ประโยคท่ี 1-3 จะสามารถ พูดได้ ส่วนประโยคที่ 4-6 ไม่สามารถพูดได้ เพราะว่าประโยค 1-3 เป็นประโยคท่ปี ฏิบัตติ ามกฎของภาษาจีน โดยเฉพาะ 4-6 ไม่สอดคล้องกฎการพูดของภาษาจีน คือผสมคาลวกๆ ผ่านๆ ให้เป็นประโยค ส่วนประโยคท่ี 1-3 แม้ว่าจะพูดได้แต่มีการแฝงประโยคทเ่ี หมือนกัน แต่ความหมายที่แสดงออกไม่เหมือนกัน ท้ังน้ีเป็นเพราะ พวกมันมีกฎเฉพาะท่ีไม่เหมือนกัน ทั้งหมดพอท่ีจะเห็นได้ว่า การพูดมีกฎท่ีแน่นอน กฎเหล่านี้ก็คือ “ ไวยากรณ์ ”
2 หลังจากท่ีเรารู้กันแล้วว่าไวยากรณ์ นั้นเป็นแบบไหน มีข้องแตกต่างกับไวยากรณ์ภาษาอ่ืนๆอย่างไร ทั้งวิธีการใช้ที่ควรใช้ และไม่ควรใช้ ดังน้ันต่อไปเรามาเรียนรู้ไวยากรณ์ ท่ีเรายกมาสอน จะมีท้ังอยู่ 5 ไวยากรณ์ กอ่ นทพ่ี วกเราจะไปศกึ ษาไวยากรณเ์ รามาดูกนั ว่า มไี วยากรณค์ าไหนกันบ้าง ไวยากรณ์คาที่ 1 คาวา่ “了” ไวยากรณ์คาที่ 2 คาวา่ “替” ไวยากรณค์ าที่ 3 คาว่า “曾经” ไวยากรณค์ าท่ี 4 คาว่า ”不如” ไวยากรณค์ าท่ี 5 คาวา่ ”动词重叠” ไวยากรณ์ท้ัง 5 คาน้ีจะใช้อย่างไร มีกฎอะไรในการใช้ และใช้ในสถานการณ์ไหน มีความแตกต่าง อยา่ งไร เราไปเรียนรกู้ ันเลย
3 บทท่ี 1 第一课 ไวยากรณค์ าว่า “ 了 ”
4 ไวยากรณ์คาวา่ … 了 le แลว้ สาหรับคนต่างชาติที่เรียนภาษาจีน จะทาความเข้าใจให้ถ่องแท้ได้น้ันเป็นเรื่องยากพอสมควร แต่ สาหรับคนไทย 了 ไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายเสียทเี ดียว 了 จะมีความหมายตรงกับคาภาษาไทยว่า “ แล้ว ” หากบอกว่า 了 จะมีความหมายตรงกับคาภาษาไทยว่า “ แล้ว ” ผู้อ่านคงคิดว่าแล้วมันยากตรงไหน ความ ยากมันอยู่ตรงที่ ส่วนมากคาท่ีเราใช้กันอยู่จนเคยชินเราจะไม่เคยสังเกตเลยว่า ลึกๆ แล้วมันมีความหมายว่า อย่างไรกันแน่ ที่เราใช้กันได้คล่องแคล่วและถกู ต้องก็เพราะเกิดจากความเคยชินเสียมากกว่าท่ีจะรู้ความหมาย ของคานั้นจริงๆ ในเบ้ืองตน้ หากเราพูดถึงคาว่า“ แล้ว ” เราจะคิดว่าคาว่า“ แล้ว ” นั้นมีความหมาย บ่งบอกว่าสิ่งท่ี พูดถงึ อยู่นั้นได้ทาจนเสร็จสิ้นไปแล้ว ตวั อย่างเช่น“ ฉันกินข้าวแล้ว ” “ ฉันไปเมืองจีนมาแล้ว ” เป็นต้นทว่า “ แล้ว” ยังสามารถใช้ใน 2 นัย ซ่ึงเราอาจจะไม่เคยสังเกตมาก่อนคือใช้แสดงถึงการเกิดการเปล่ียนแปลง กับ ใช้เป็นคาชว่ ยเสรมิ นา้ เสียงหรือคาสรอ้ ย
5 การเกิดการเปลี่ยนแปลง : “ ฝนตกแล้ว ” “ เป็นครูแล้ว ” หากลองสังเกตประโยคข้างต้นให้ดี จะพบว่าเหตกุ ารณ์ที่เกิดข้ึนนั้นยังไม่เสร็จสิ้นขณะท่ีสุดว่า“ ฝนตกแล้ว” น้ันฝนก็ยังคงตกอยู่อย่างตอ่ เน่ืองหรือ ประโยคตวั อยา่ ง“ เป็นครูแล้ว” ขณะทผี่ ู้พูดพูดก็ยังเป็นครูอย่ฉู ะน้ัน“ แล้ว” ในประโยคประเภทนี้จะไม่ได้มี ความหมายวา่ เสรจ็ สน้ิ แน่นอนความหมายของ“ แล้ว ” ในท่นี ี้จะมีความหมายว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงข้ึน“ ฝนตก แล้ว \"มีความหมายคือได้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพดินฟ้าอากาศขึ้นโดยก่อนหน้าน้ีฟ้ายังใสอยู่เลยแต่มา ตอนน้ีเมฆครึมและฝนได้ตกลงมาแล้วส่วนประโยค“ เป็นครูแล้ว” มีความหมายว่ามีการเปล่ียนอาชีพโดยก่อน หน้าน้ีผู้พดู ได้ทาอาชพี อน่ื มากอ่ นแตต่ อนนไ้ี ดเ้ ปล่ยี นอาชีพมาเป็นครูแล้ว น้าเสียงหรือคาสร้อย : “ สวยแล้ว” “ ดีแล้ว\" หากลองสังเกตประโยคข้างต้นให้ดีจะพบว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน้ันยังไม่ได้เสร็จสิน้ และไม่ได้เกิดการเปล่ียนแปลงข้ึนด้วยขณะท่ีพูดว่า“ สวยแล้ว” ผู้พูดไม่ได้ หมายความว่าความสวยน้ันได้เสร็จสิ้นไปแล้วเขาก็ยังคงสวยอยตู่ ลอดเวลาและก็ไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงจาก ไมส่ วยมาเป็นสวยด้วยประโยค“ ดีแล้ว” ก็เช่นกันผู้พูดไม่ได้หมายความว่าความดีทีเ่ กิดขึ้นนั้นได้เสร็จสิ้นไปแล้ว มันก็ยังคงดีอยู่ตลอดเวลาและก็ไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากไม่ดีมาเป็นดีฉะน้ันคาว่า“ แล้ว” ของทั้งสอง ตัวอยา่ งนนั้ เป็นเพยี งน้าเสียงหรอื คาสร้อยเทา่ นัน้ เอง
6 สรุปได้ว่า “ แล้ว ” จะมีความหมายอย่สู ามความหมายคอื 1. บอกว่าสง่ิ นั้นได้เสรจ็ ส้นิ แล้ว 2. เกดิ การเปลย่ี นแปลงขึ้น 3. เป็นน้าเสยี งหรอื คาสร้อย ตัวอยา่ ง เช่น 1. เสร็จสน้ิ แลว้ 明天吃了午饭,我们一起去看电影,号码? Míngtiān chīle wǔfàn, wǒmen yīqǐ qù kàn diànyǐng, hàomǎ? พรุ่งนก้ี ินข้าวกลางวนั แล้วเราไปดูหนังดว้ ยกนั ดไี หม 2. เกดิ การเปลย่ี นแปลง 他不爱我了,怎么办? Tā bù ài wǒle, zěnme bàn? เขาไมร่ ักฉนั แลว้ ทาอย่างไรดี 3. เป็นนา้ เสียงหรอื คาสรอ้ ย 好了,别提了! Hǎole, biétíle! พอแลว้ ไมต่ อ้ งพูดถึงมันแล้ว
7 ตาแหนง่ ของ 了 ในประโยค หากตอ้ งการบอกว่าการกระทาน้ันเสรจ็ สนิ้ ลงไปแล้ว สามารถใส่ 了 ตาแหน่งดังนี้ 1. ใส่ 了 ไวห้ ลงั กรรม โดยทัว่ ไปแลว้ 了 จะใสไ่ ว้หลงั กรรม ตวั อย่างเช่น 她唱歌了。 我吃饭了。 Tā chànggēle. Wǒ chīfànle. เขาร้องเพลงแล้ว ฉนั กินขา้ วแล้ว 2. ใส่ 了 ไวห้ นา้ กรรม เราสามารถใส่ 了 ไวห้ นา้ กรรมได้ 2 กรณดี ังต่อไปน้ี 2.1 หากกรรมของประโยคเป็นกรรมที่ผพู้ ูดตอ้ งการเน้นความหมายไปที่กรรมเป็นพิเศษ ตัวอย่างเช่น 我吃了中国菜! 他唱了中国国歌! Wǒ chīle zhōngguó cài! Tā chàngle zhōngguó guógē! ฉนั ได้กินอาหารจีนแล้ว เขารอ้ งเพลงชาติจนี แลว้ (ผู้พดู อยากกินอาหารจนี มานานแลว้ เพง่ิ มโี อกาสได้กิน) (เขาเรยี นภาษาจีนแค่ 2 วันแตร่ ้องเพลงชาตจิ ีนได้)
8 2.2 ประโยคความซ้อนทอี่ นุประโยคแรกกลา่ วว่า เม่ือทาส่ิงใดเสร็จแล้ว อนุประโยคหลังกล่าวว่า เกิดอะไร ขึ้นตอ่ ทาอะไรตอ่ หรอื ทาแล้วเป็นอย่างไร 了 ทแ่ี สดงการเสร็จส้ินในประโยคแรกจะต้องวางไว้หนา้ กรรม ตวั อย่างเช่น 我吃了反,看了电影,玩得很开心。 Wǒ chīle fǎn, kànle diànyǐng, wán dé hěn kāixīn. ฉนั กนิ ขา้ วแล้ว ดทู ีวีแลว้ มีความสขุ มาก 我唱了歌就跟我们一起跳舞。 Wǒ chàngle gē jiù gēn wǒmen yīqǐ tiàowǔ. เขารอ้ งเพลงแลว้ กม็ าเตน้ รากับพวกเรา 3. ประโยคนี้นอกจากจะกล่าวว่าได้ทาส่ิงใดเรียบร้อยแล้ว ยังบอกอีกด้วยว่า สิ่งท่ีทาไปแล้วนั้นทาไปเป็น เวลานานเท่าไหร่ หรือทาไปกี่คร้ังนั้น (ประโยคท่มี ีหน่วยเสริมภาคแสดงบอกปริมาณหรือจานวน 数量补 语 มาเสริมความหมายกริยา : ประธาน + กริยา + จานวน + ลักษณะนาม + กรรม ) จะต้องใส่ 了 ไว้ หลงั กรยิ า ดงั โครงสร้าง ประธาน + กริยา +了+ จานวน + ลักษณะนาม + กรรม ตวั อย่างเชน่ 我吃了一碗面条儿。 他唱了一首歌。 Wǒ chīle yī wǎn miàntiáo er. Tā chàngle yī shǒu gē. ฉนั กินบะหม่ีไป 1 ชามแล้ว เขารอ้ งเพลงไป 1 เพลงแลว้
9 ความหมายของประโยคทเี่ ปลีย่ นไปเมอื่ ตาแหน่งหรือจานวนของ 了 นัน้ ตา่ งกนั 1. ประโยคทีม่ ีความหมายวา่ มาทีไ่ หนเพื่อทาอะไร หรอื ไปทไ่ี หน เพ่ือทาอะไร นั้น (ประธาน + 来 หรือ 去 + (กรรม) + กรยิ า + กรรม) เราสามารถใส่ 了 ได้ 2 ตาแหน่ง แต่ความหมายจะตา่ งกนั ออกไปดงั นี้ 1.1 ใส่ 了 ไว้ดา้ นหลงั กรยิ าตวั ท่ีตามหลงั 来 หรอื 去 จะมคี วามหมายว่าได้ไปที่นนั้ และได้ทาส่ิงนัน้ ไปแล้ว ตัวอย่างเชน่ 他去电影院看了一部电影。 Tā qù diànyǐngyuàn kànle yī bù diànyǐng. เขาไปดูภาพยนตร์ที่โรงภาพยนตร์แลว้ (เขาออกไปโรงภาพยนตร์แลว้ และได้ดภู าพยนตรแ์ ลว้ ) 1.2 ใส่ 了 ไว้ด้านหลังกรรมของกรยิ าตัวที่ตามหลัง 来 หรอื 去 จะมคี วามหมายว่า ได้มาที่นหี่ รอื ไปทนี่ ่ัน แลว้ แต่ได้ทาส่ิงนนั้ แล้วหรอื ยังไม่อาจทราบได้ ตัวอย่างเช่น 他去电影院看电影了。 Tā qù diànyǐngyuàn kàn diànyǐngle. เขาไปดูภาพยนตร์ทีโ่ รงภาพยนตร์แลว้ (ได้ไปโรงภาพยนตรแ์ ล้ว แต่ไดด้ ภู าพยนตร์หรือไม่ ไม่ทราบได้)
10 2. ประโยคที่บอกว่า สิ่งที่ทาไปแล้วนั้นทาไปเป็นเวลานานเท่าไหร่หรือทาไปเป็นจานวนก่ีคร้ังนั้น โดยท่ัวไป จะต้องใส่ 了 เพ่ิมเขา้ ไปอีกตาแหน่งที่ทา้ ยกรรมของประโยค ความหมายก็จะเปล่ยี นไปดงั น้ี 2.1 ประโยคทีใ่ ส่ 了 ไว้ด้านหลังกริยาเพียงตาแหน่งเดียว จะมีความหมายว่า ได้กระทาสิ่งน้ันเป็นเวลา หรอื จานวนเทา่ นนั้ แลว้ และการกระทานั้นไดเ้ สร็จส้ินลงไปแล้วด้วย ตัวอย่างเช่น 我在北京学了六年汉语。 Wǒ zài běijīng xuéle liù nián Hànyǔ. ฉันเรยี นภาษาจีนท่ปี ักกงิ่ มา 6 ปี (ระยะเวลาท่ีเรยี นภาษาจนี ตัง้ แตเ่ รม่ิ จนจบคอื 6 ปี ตอนนีเ้ รยี นจบแล้ว) 2.2 ประโยคทีใ่ ส่ 了 ไว้ด้านหลังกริยา แล้วใส่ 了 เพ่ิมเข้าไปอีกหน่ึงตาแหน่งท่ที ้ายกรรมของประโยค จะมคี วามหมายวา่ จากอดตี จนถึงปจั จุบันไดก้ ระทาส่งิ นั้นมาเป็นเวลาหรอื จานวนเท่าน้ันแลว้ แล้วจะทาส่ิงน้ันต่อไป อีก (ยงั ไม่เสรจ็ สิน้ ) ตวั อย่างเช่น 我在北京学了六年汉语了。 Wǒ zài běijīng xuéle liù nián Hànyǔ le. ฉันเรียนภาษาจีนท่ีปักกง่ิ มา 6 ปี แลว้ (ตอนน้ียังเรียนไมจ่ บ แต่บอกว่าเร่ิมเรยี นมาจนปจั จุบันเรยี นภาษาจนี มา เปน็ เวลา 6 ปี แล้ว)
11 แบบฝึกหัด 1. แตง่ ประโยคคาว่า 了 ไว้หลังกรรม (2 ขอ้ ) 1.1……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 1.2……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 2. แตง่ ประโยคคาว่า 了 ไว้ด้านหลงั กรยิ าตัวที่ตามหลัง 来 หรอื 去 (2 ข้อ) 2.1……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 2.2……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 3. แตง่ ประโยคตามโครงสร้างนี้ (ประธาน + กรยิ า +了+ จานวน + ลกั ษณะนาม + กรรม) (2 ข้อ) 3.1……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 3.2……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 4. แต่งประโยคคาวา่ 了 ไว้ด้านหลังกริยา แลว้ ใส่ 了 เพิ่มเขา้ ไปอกี หน่ึงตาแหน่งท่ที า้ ยกรรมของประโยค (2 ข้อ) 4.1……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 4.2………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
12 บทท่ี 2 第二课 ไวยากรณค์ าว่า “ 替 ”
13 ไวยากรณ์คาวา่ … 替 tì ให้กบั , แทน , เพ่อื โครงสร้าง ใคร + 替 + ใคร + ทาอะไร เป็นการกล่าวถึง การบรกิ ารหรอื การชว่ ยเหลือแก่ กลุ่มเป้าหมาย (คน) และมีความหมายใกลเ้ คยี ง กับคาว่า “为 , 给” ได้โดย งา่ ยๆ จะแปลว่า “ แทน ” ตวั อยา่ งเชน่ 例如 1. 请你替我签名。 Qǐng nǐ tì wǒ qiānmíng. ขอเธอเซนชอ่ื แทนฉนั 2. 结婚以后,我一定替你做饭,洗衣服。 Jiéhūn yǐhòu, wǒ yīdìng tì nǐ zuò fàn, xǐ yīfú. หลงั จากแตง่ งาน ฉนั ต้องทาอาหารและซกั ผา้ แทนคุณ
14 แบบฝึกหัด 1. จงเตมิ ประโยคตอ่ ไปน้ีให้สมบูรณ์ 1.我替妈妈………………………………………................................... 2.朋友替我………………………………………................................... 3.我替丽………………………………………................................... 4.爸爸替子………………………………………............................. 2. จงนาคาศพั ท์ท่กี าหนดให้ต่อไปน้ี ไปแตง่ ประโยคให้ถูกต้อง โดยมคี าว่า ” 替 ” 1. 东西 =………………………………………………………………………………. 2. 作业 =………………………………………………………………………………. 3. 衣服 =………………………………………………………………………………. 4. 化妆品 =………………………………………………………………………………. 5. 手机 =……………………………………………………………………………….
15 บทที่ 3 第三课 ไวยากรณค์ าวา่ “ 曾经 ”
16 ไวยากรณค์ าว่า… 曾经 céngjīng เคย , ครัง้ หนึ่ง โครงสรา้ ง ประโยคบอกเลา่ 曾经 + 动词 + (过,了) ประโยคปฏเิ สธ 没有 + 动词 + (过,了) 不曾 + 动词 + (过,了) แปลเป็นไทยว่า 曾经 ครงั้ หนง่ึ ในอดีต กจ็ ะเข้าใจไดง้ ่ายข้ึน คอื 曾经 ใชเ้ น้นทว่ี ่า ใน อดตี เคยมเี หตกุ ารณห์ รอื การกระทานเี้ กดิ ข้นึ แต่ว่าตอนน้ีได้ส้นิ สุดลงแล้ว 曾经 ส่วนใหญ่จะใช้บอกเลา่ เหตุการณท์ ่ีเปน็ ประสบการณ์ในอดตี ของประธานในประโยค ตวั อย่างเชน่ 例如 ( ประโยคบอกเล่า ) 1. 他曾经到过中国。 Tā céngjīng dàoguò zhōngguó. ครง้ั หนึ่งเขาเคยไปประเทศจนี สงิ่ ที่เนน้ คือเหตุการณ์นั้นเกดิ ขน้ึ และจบลงแล้ว ความหมายของคนพดู ก็คอื ตอนนเี้ ขาไม่ไดอ้ ยู่เมอื งจีน แลว้ (มี 过 มาช่วยยา้ ดว้ ยวา่ จบลงแล้วดว้ ย)
17 2. 我曾经去过清莱。 Wǒ céngjīng qùguò qīng lái. ครัง้ หนึ่งฉันเคยไปเชยี งราย 3. 他曾经用汉语写过日记。 Tā céngjīng yòng hànyǔ xiěguò rìjì. คร้ังหนงึ่ เขาเคยเขยี นไดอารเ่ี ปน็ ภาษาจีน ตวั อยา่ งเช่น 例如 ( ประโยคปฏิเสธ ) 1. 他没有去过中国。 Tā méiyǒu qùguò zhōngguó. เขาไมเ่ คยไปประเทศจีน 2. 我没有去过清莱。 Wǒ méiyǒu qùguò qīng lái. ฉันไม่เคยไปเชยี งราย 3. 他不曾用汉语写过日记。 Tā bùcéng yòng hànyǔ xiěguò rìjì. เขาไม่เคยเขียนไดอาร่เี ป็นภาษาจีน
แบบฝึกหดั 18 จงตอบคาถามตอ่ ไปน้ดี ว้ ย 曾经 + 动词 ตวั อย่าง 例如 来中国以前,你学过中国歌吗? = 我曾经学过中国歌。 1. 除了学校,你还去过哪些地方? =………………………………………………………………………………. 2. 你小时候,你爸妈打过你吗? =………………………………………………………………………………. 3. 除了汉语,你还学过其他外语吗? =……………………………………………………………………………….
19 บทที่ 4 第四课 ไวยากรณค์ าวา่ “ 不如 ”
20 ไวยากรณ์คาว่า… 不如 bùrú สไู้ มไ่ ด้ , เทียบไมไ่ ด้ , ไมด่ เี ทา่ โครงสร้าง A +不如+ B…. แสดงถงึ บุคคล เร่ืองราว สถานที่ ที่ถกู กลา่ วด้านหน้า สู้ เทียบไมไ่ ดเ้ ลย กับ บคุ คล เรอ่ื งราว สถานที่ ที่ถูกกลา่ ว ดา้ นหลงั แปลได้ว่าไมด่ เี ทา่ (กับ)……. “ สู้ไมไ่ ด้ , เทียบไม่ได้ ” ตัวอย่าง 例如 1.我的汉语不如他的汉语流利。 Wǒ de hànyǔ bùrú tā de hànyǔ liúlì. ภาษาจนี ฉันสู้เขาไมไ่ ดห้ รอก 2.曼谷不如南邦冷。 Màngǔ bùrú nán bāng lěng. กรงุ เทพหนาวสลู้ าปางไมไ่ ด้ 3.首都的风景不如外地的好。 shǒudū de fēngjǐng bùrú wàidì de hǎo. ทวิ ทศั น์ของเมอื งหลวงสู้ทิวทัศนใ์ นท้องทงุ่ ไมไ่ ด้
21 แบบฝึกหดั จงแต่งประโยคทีก่ าหนดให้สมบรู ณ์ โดยมคี าว่า ” 不如 “ เปน็ ไวยากรณ์ 1. 你和好朋友 =………………………………………………………………………………. 2. 泰国和中国 =………………………………………………………………………………. 3.学校和大学 =………………………………………………………………………………. 4.清莱和曼谷 =………………………………………………………………………………. 5. 自行车和摩托车 =……………………………………………………………………………….
22 บทที่ 5 第五课 ไวยากรณ์คาวา่ “ 动词重叠 ”
23 ไวยากรณ์คาวา่ … 动词重叠 การซา้ คากริยา กริยานัน้ กระทาในเวลาสัน้ ๆ หรอื เปน็ การเชือ้ ชวนให้ลองทา มกั ใชใ้ นภาษาพูด แปลไดห้ ลายบรบิ ท เช่น 先先 ,挺挺,玩儿玩儿, 做做,买买 ตัวอยา่ งประโยค 例如 1. 周末可以好好儿玩儿玩儿。 zhōumò kěyǐ hǎohǎo er wán er wán er. วันหยดุ สดุ สปั ดาห์ไปเท่ียวอย่างสบายใจ 2. 她有时候和朋友一起挺挺商店。 Tā yǒu shíhòu hé péngyǒu yīqǐ tǐng tǐng shāngdiàn. บางครงั้ เขาและเพื่อนก็ไปเดินช้อปปง้ิ ดว้ ยกัน 3. 洗洗衣服,看看电视,买买东西,做做作业,睡睡懒觉, 周末就这样过。 xǐ xǐ yīfú, kàn kàn diànshì, mǎi mǎi dōngxī, zuò zuò zuo yè, shuì shuìlǎnjiào, zhōumò jiù zhèyàngguò. ซกั ผา้ อย่างสบายใจ , ดูทีวีอย่างสบายใจ , ซือ้ ของอย่างสบายใจ , ทาการบ้านอย่างสบายๆ , นอนต่นื สายสบายๆ , วันหยดุ ก็ทาอยแู่ บบน้ี 4. 跳跳舞,唱唱卡拉 OK,挺挺商店,都很有意思。 tiào tiàowǔ, chàng chàng kǎlā OK, tǐng tǐng shāngdiàn, dōu hěn yǒuyìsi. เต้นแบบสบายๆ , ร้องคาราโอเกะแบบสบายๆ , เดินซ้อื ของแบบสบายๆ , ท้งั หมดน่าสนใจมาก
แบบฝึกหัด 24 1. จงนาคาศพั ทต์ ่อไปน้ไี ปแต่งประโยคให้สมบูรณ์ 挺挺 =………………………………………………………………………………. 洗洗 =………………………………………………………………………………. 跳跳 =………………………………………………………………………………. 做做 =………………………………………………………………………………. 看看 =……………………………………………………………………………….
25 บรรณานุกรม อาจารย์ ธีวรา จนั ทรสรุ ีย์ / 汉语二/chinese ll (1571112)/สบื ค้นวนั ท่ี 11 ตุลาคม พุทธศักราช 2562 อาจารย์ ธีวรา จนั ทรสุรีย์ / 汉语三/chinese lll (1572111)/สบื ค้นวนั ท่ี 13 ตลุ าคม พทุ ธศักราช 2562 อาศรมสยาม-จนี วทิ ยา/https://books.google.co.th/book/เรยี นอยา่ งเขา้ ใจ ไวยากรณจ์ นี /汉语语法很容易./สบื คน้ วันท่ี 14 ตุลาคม พุทธศักราช 2562
Search
Read the Text Version
- 1 - 29
Pages: