Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ป6

หลักสูตรสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ป6

Published by วิภาภรณ์ อยู่เชื้อ, 2022-08-27 14:41:11

Description: หลักสูตรสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ป6

Search

Read the Text Version

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นร้สู งั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียนชมุ ชนประชาธิปัตย์วิทยาคาร พุทธศักราช 2565 ตัวชี้วดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง กลุม่ สาระสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 โรงเรยี นชมุ ชนประชาธิปตั ยว์ ิทยาคาร สำนักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษา ปทุมธานี เขต 2 สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร

คำนำ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ได้จัดทำหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคม ศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ฉบับนี้ ซึ่งเป็นเอกสารประกอบหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนชุมชนประชาธิปัตย์ วิทยาคาร พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 เพ่อื เปน็ เป้าหมายใน การ พัฒนาคุณภาพผู้เรียน และกระบวนการจัดการเรียนรู้ เพื่อเป็นกรอบและทิศทางในการจัดการเรียนการสอน ให้ ตรงตามมาตรฐานตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้ ของกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม โดย พิจารณาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560) หลักสูตร สถานศกึ ษา โรงเรยี นชมุ ชนประชาธปิ ัตยว์ ทิ ยาคาร พุทธศกั ราช 2563 ซึ่งมีองคป์ ระกอบดังนี้ - วสิ ยั ทศั น์ หลักการ จุดหมาย - สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น - คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ - สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ - คุณภาพผู้เรียน - ตวั ชวี้ ดั และสาระการเรยี นรู้แกนกลาง - รายวิชาท่เี ปดิ - คำอธิบายรายวชิ าและโครงสร้างรายวิชาพนื้ ฐาน - สอื่ /แหลง่ เรียนรู้ - การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ คณะผูจ้ ัดทำขอขอบคุณผ้ทู มี่ ีส่วนรว่ มในการพัฒนาและจัดทำหลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ฉบบั นี้ จนสำเร็จลลุ ่วงเป็นอย่างดี และหวงั เป็นอย่างยิง่ วา่ จะเกิดประโยชน์ต่อการจดั การ เรียนรใู้ หก้ บั ผูเ้ รยี นต่อไป กลมุ่ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม คณะผจู้ ัดทำ







สารบัญ หน้า คำนำ คำส่ังกระทรวงศึกษาธกิ าร ท่ี สพฐ. 1239/2560 ลงวันท่ี 7 สงิ หาคม 2560 เรอ่ื ง ให้ใช้มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชวี้ ดั กลมุ่ สาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภมู ิศาสตร์ ในกลมุ่ สาระการเรยี นรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ทำไมต้องเรยี นสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 1 เรยี นรอู้ ะไรในสงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 1 ลักษณะเฉพาะวชิ า 2 วิสัยทศั น์ 2 สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 3 คุณลกั ษณะสำคัญของผเู้ รยี น 4 คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ของผเู้ รียนตามแนวปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 5 สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ 6 คณุ ภาพผเู้ รียน 7 ตวั ชีว้ ัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง 9 สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม 11 สาระที่ 2 หน้าท่ีพลเมือง วัฒนธรรม และการนำเนนิ ชวี ิตในสงั คม 44 สาระท่ี 3 เศรษฐศาสตร์ 62 สาระที่ 3 ประวตั ิศาสตร์ 79 สาระที่ 3 ภมู ิศาสตร์ 108

โครงสร้างรายวิชาและคำอธิบายรายวิชาระดบั ช้นั ประถมศกึ ษา 111 โครงสร้างรายวชิ าและคำอธิบายรายวิชาระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ 124 โครงสร้างรายวชิ าและคำอธิบายรายวิชาระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาตอนปลาย 143 การจัดการเรียนรู้ 160 ส่ือการเรยี นรู้ 162 การวัดผลและประเมนิ ผล 163 อภิธานศพั ท์ 168 คณะผ้จู ดั ทำ 193 บรรณานุกรม 194

กล่มุ สาระการเรียนรู้สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ทำไมต้องเรียนสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม กล่มุ สาระการเรยี นรสู้ ังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชว่ ยให้ผเู้ รยี นมีความรู้ความเข้าใจ การดำรงชีวติ ของมนษุ ย์ ทั้งในฐานะปจั เจกบคุ คลและการอย่รู ว่ มกันในสงั คม การปรบั ตัวตามสภาพแวดลอ้ ม การ จัดการทรพั ยากรที่มอี ยู่อย่างจำกดั เขา้ ใจถึงการพฒั นาเปลย่ี นแปลงตามยคุ สมัย กาลเวลา ตามเหตุปัจจยั ต่างๆ เกดิ ความเข้าใจในตนเองและผอู้ ่นื มีความอดทน อดกล้นั ยอมรับในความแตกตา่ งและมี คุณธรรม สามารถนำ ความรู้ไปปรับใชใ้ นการดำเนนิ ชวี ติ เปน็ พลเมอื งดีของประเทศและสงั คมโลก เรยี นรู้อะไรในสงั คม ศาสนา และวฒั นธรรม กลุม่ สาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมว่าดว้ ยการอยรู่ ว่ มกันในสงั คม ที่มคี วาม เชื่อม สัมพนั ธ์กัน และมคี วามแตกต่างกนั อย่างหลากหลาย เพื่อช่วยให้สามารถปรับตนเองกับบรบิ ท สภาพแวดล้อม เป็นพลเมืองดี มคี วามรบั ผดิ ชอบ มีความรู้ ทักษะ คุณธรรม และค่านิยมท่เี หมาะสม โดยได้ ก าหนดสาระต่างๆไว้ ดงั น้ี • ศาสนา ศีลธรรมและจรยิ ธรรม แนวคิดพืน้ ฐานเกยี่ วกับศาสนา ศลี ธรรม จรยิ ธรรม หลักธรรม ของ พระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนบั ถอื การนำหลักธรรมคำสอนไปปฏบิ ตั ใิ นการพัฒนาตนเอง และการอยู่ ร่วมกัน อย่างสนั ติสุข เปน็ ผ้กู ระทำความดี มคี า่ นยิ มที่ดีงาม พัฒนาตนเองอยเู่ สมอ รวมทงั้ บำเพ็ญประโยชน์ต่อ สงั คมและ ส่วนรวม • หน้าที่พลเมือง วฒั นธรรม และการดำเนนิ ชวี ติ ระบบการเมอื งการปกครองในสงั คมปัจจุบัน การ ปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมขุ ลักษณะและความสำคญั การเป็น พลเมืองดี ความแตกต่างและความหลากหลายทางวฒั นธรรม คา่ นิยม ความเช่อื ปลูกฝงั ค่านยิ มดา้ น ประชาธปิ ไตยอันมี พระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมุข สทิ ธิ หน้าที่ เสรีภาพการดำเนินชีวิตอย่างสันตสิ ุขใน สงั คมไทยและสงั คมโลก • เศรษฐศาสตร์ การผลิต การแจกจ่าย และการบรโิ ภคสินค้าและบรกิ าร การบรหิ ารจดั การ ทรพั ยากรที่มี อยู่อยา่ งจำกดั อย่างมีประสทิ ธิภาพ การดำรงชีวิตอย่างมดี ุลยภาพ และการนำหลักเศรษฐกจิ พอเพียงไปใช้ใน ชวี ติ ประจำวัน • ประวัตศิ าสตร์ เวลาและยุคสมยั ทางประวตั ิศาสตร์ วธิ กี ารทางประวัติศาสตร์ พัฒนาการของมนุษยชาติ จากอดตี ถงึ ปจั จบุ ัน ความสัมพนั ธแ์ ละเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่างๆ ผลกระทบทเี่ กิดจาก เหตกุ ารณ์สำคัญใน อดีต บคุ คลสำคัญท่ีมอี ิทธิพลต่อการเปล่ียนแปลงต่างๆในอดตี ความเปน็ มาของชาติไทย วฒั นธรรมและภมู ปิ ัญญา ไทย แหลง่ อารยธรรมที่สำคญั ของโลก

• ภมู ิศาสตร์ ลักษณะของโลกทางกายภาพ ลักษณะทางกายภาพ แหลง่ ทรัพยากร และภูมอิ ากาศ ของ ประเทศไทย และภมู ิภาคต่างๆ ของโลก การใชแ้ ผนท่ีและเครื่องมือทางภมู ิศาสตร์ ความสัมพันธ์กันของ ส่ิงตา่ งๆ ในระบบธรรมชาติ การเชอ่ื มโยงระหว่างกนั ความสัมพนั ธข์ องมนุษย์กับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ และส่ิงที่ มนษุ ย์สรา้ งขึน้ การนำเสนอข้อมูลภูมิสารสนเทศ การอนุรักษส์ ิ่งแวดล้อมเพ่ือการพัฒนาทีย่ ่ังยืน ลักษณะเฉพาะ / ธรรมชาติวชิ า สาระสังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม เปน็ วิชาทีเ่ กย่ี วกับความสมั พนั ธร์ ะหว่างมนุษย์กับ สิง่ แวดลอ้ ม ประกอบด้วยเรอ่ื ง ราวเก่ยี วกบั ภมู ศิ าสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ หนา้ ทพ่ี ลเมือง วัฒนธรรม การดำเนินชวี ติ รวมถงึ ศาสนา ศลี ธรรม และจรยิ ธรรม วชิ าสงั คมศึกษาจึงช่วยใหผ้ ้เู รียนมีความรคู้ วามเข้าใจว่า มนษุ ยด์ ำรงชีวิตอยา่ งไร และเข้าใจถงึ การพฒั นา การเปลีย่ นแปลงตามยคุ สมยั ตามกาลเวลา ตามเหตปุ ัจจัยตา่ งๆ ทำใหเ้ กิดความเขา้ ใจในตนเองและเขา้ ใจผูอ้ น่ื ยอมรับในความแตกต่าง มคี ุณธรรม มคี วามอดทน อดกลั้น สามารถ นำความรูไ้ ปปรับใช้ในการดำเนนิ ชีวติ มีคุณภาพชีวติ ท่ดี ี อยู่ในสังคมอยา่ งเปน็ สุข เปน็ พลเมอื งดีของประเทศชาติ และสงั คมโลก อันเปน็ เป้าหมายทีแ่ ทจ้ ริงของการเรยี นวชิ าสังคมศึกษา ความสำเร็จของการเรียนสาระสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม คอื การทผ่ี ู้เรยี นเขา้ ใจ และนำมาใชใ้ นการดำเนนิ ชวี ติ ประจำวนั ได้ ให้เป็นชีวิตท่ดี ีงามและ ชว่ ยสร้างสรรค์สงั คม ดงั น้ัน การจัดการเรยี นการสอนสังคมจึงเช่ือมโยงให้เด็กเรียนร้กู ารใช้ชีวติ ทถ่ี ูกต้อง อยูอ่ ย่างมี ความสุข โดยเรยี นผ่านสถานการณจ์ ริงทเ่ี กดิ ขึ้นในหอ้ งหรือในโรงเรยี น หรอื วิเคราะห์จากตัวอยา่ งสถานการณท์ ี่ เปน็ จริงในสงั คม เพอ่ื ให้เด็กฝึกคดิ วิเคราะห์ ร้ทู ันการเปลี่ยนแปลง รู้จกั ตัวเอง สามารถจัดการชวี ติ ของตวั เอง และมี วิถชี ีวติ ร่วมกับผูอ้ ืน่ ได้อยา่ งมีความสุข วิสัยทศั น์ กลุ่มสาระการเรียนรสู้ งั คมศกึ ษาศาสนา และวฒั นธรรม ชว่ ยให้ผู้เรยี นมคี วามรู้ ความเข้าใจ การ ดำรงชวี ิตของมนุษย์ ทงั้ ในฐานะปัจเจกบุคคล การอยู่ร่วมกันในสงั คม การปรับตวั ตามสภาพแวดล้อมการ จัดการ ทรัพยากรทม่ี ีอยอู่ ย่างจำกัด เข้าใจถึงการพฒั นา เปลย่ี นแปลงตามยุคสมยั กาลเวลา ตามเหตุปจั จยั ตา่ งๆ เกดิ ความเขา้ ใจในตนเองและผู้อื่น มีความอดทน อดกล้นั ยอมรับในความแตกตา่ งและมีคุณธรรม สามารถนำความรู้ไป ปรับใชใ้ นการดำเนนิ ชีวิต เป็นพลเมอื งดขี องประเทศชาติและสงั คมโลก

สมรรถะสำคญั ของผเู้ รยี น และคุณลักษณะอันพ่ึงประสงค์ สมรรถะสำคัญของผเู้ รียน กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม มุ่งพัฒนาผูเ้ รียนตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขน้ั พ้นื ฐานมุ่งเนน้ พัฒนาผ้เู รยี นให้มีคณุ ภาพตามมาตรฐานทีก่ ำหนด ซง่ึ จะชว่ ยให้ผู้เรียนเกิด สมรรถนะ สำคญั 5 ประการ ดังนี้ 1. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและสง่ สาร มีวฒั นธรรมในการใช้ภาษา ถ่ายทอดความคิด ความรูค้ วามเข้าใจ ความรสู้ ึก และทศั นะของตนเองเพื่อแลกเปลีย่ นข้อมลู ขา่ วสาร และ ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชนต์ ่อการพฒั นาตนเองและสังคม รวมทัง้ การเจรจาตอ่ รองเพื่อ ขจดั และลดปัญหา ความขดั แย้งต่าง ๆ การเลือกรบั หรือไมร่ ับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความ ถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้ วิธีการสอ่ื สารที่มีประสิทธภิ าพโดยคำนงึ ถึงผลกระทบทม่ี ีต่อตนเองและ สงั คม 2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ การคิดสงั เคราะห์ การคิดอย่าง สรา้ งสรรค์ การคดิ อย่างมวี ิจารณญาณ และการคดิ เปน็ ระบบ เพอื่ นำไปสกู่ ารสรา้ งองคค์ วามรหู้ รอื สารสนเทศเพ่ือ การตดั สนิ ใจเก่ยี วกบั ตนเองและสงั คมได้อย่างเหมาะสม 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา เปน็ ความสามารถในการแกป้ ัญหาและอุปสรรคตา่ ง ๆ ที่เผชญิ ได้อย่าง ถกู ต้องเหมาะสมบนพน้ื ฐานของหลักเหตุผล คณุ ธรรมและขอ้ มลู สารสนเทศ เขา้ ใจ ความสัมพนั ธแ์ ละการ เปลีย่ นแปลงของเหตกุ ารณต์ า่ ง ๆ ในสงั คม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มา ใช้ในการป้องกนั และแกไ้ ขปญั หา และมกี ารตดั สนิ ใจที่มปี ระสิทธภิ าพโดยคำนึงถงึ ผลกระทบทีเ่ กิดขน้ึ ต่อตนเอง สังคมและสง่ิ แวดล้อม 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ เปน็ ความสามารถในการน ากระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการดำเนิน ชีวิตประจำวนั การเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเน่ืองการทำงาน และการอยรู่ ่วมกนั ในสังคมด้วยการสร้าง เสรมิ ความสัมพันธ์อันดรี ะหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแยง้ ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวใหท้ นั กับการเปลย่ี นแปลงของสังคมและความขดั แยง้ ต่าง ๆ อยา่ ง เหมาะสม การปรบั ตวั ให้ทันกับการเปล่ียนแปลงของ สงั คมและสภาพแวดลอ้ ม และการรู้จักหลีกเลยี่ ง พฤติกรรมไม่พึงประสงคท์ สี่ ง่ ผลกระทบต่อตนเองและผู้อ่ืน 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือกและใชเ้ ทคโนโลยดี า้ นต่าง ๆ และมี ทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพอ่ื การพัฒนาตนเองและสงั คมในดา้ นการเรยี นรู้ การสอื่ สาร การทำงาน การ แก้ปญั หาอยา่ งสร้างสรรค์ ถูกตอ้ งเหมาะสมและมีคุณธรรม

คณุ ลกั ษณะอันพ่งึ ประสงค์ กลุ่มสาระการเรียนรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม มุ่งพฒั นาผ้เู รยี นใหม้ ีคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เพอื่ ใหส้ ามารถอยูร่ ว่ มกับผู้อื่นในสงั คมไดอ้ ยา่ งมีความสขุ ในฐานะเปน็ พลเมืองไทย และพลโลก ตามหลกั สตู ร แกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ดงั นี้ 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ตวั ชว้ี ัด 1.1 เป็นพลเมืองดขี องชาติ 1.2 ธำรงไว้ซึ่งความเปน็ ชาติไทย 1.3 ศรัทธา ยดึ มั่น และปฏิบัติตนตามหลกั ของศาสนา 1.4 เคารพเทิดทนู สถาบนั พระมหากษตั ริย์ 2. ซือ่ สัตยส์ จุ รติ ตัวชว้ี ดั 2.1 ประพฤติตรงตามความเป็นจรงิ ตอ่ ตนเองทัง้ ทางกาย วาจา ใจ 2.2 ประพฤติตรงตามความเป็นจริงต่อผู้อน่ื ทัง้ ทางกาย วาจา ใจ 3. มีวินัย ตัวชี้วัด 3.1 ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครัว โรงเรียน และ สังคม 4. ใฝ่เรียนรู้ ตวั ชว้ี ัด 4.1 ต้งั ใจ เพียรพยายามในการเรียน และเขา้ รว่ มกิจกรรมการเรยี นรู้ 4.2 แสวงหาความรจู้ ากแหล่งเรยี นรตู้ า่ งๆ ทงั้ ภายในและภายนอกโรงเรียน ดว้ ยการ เลอื ก ใชส้ อื่ อย่างเหมาะสม บันทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ สรุปเป็นองค์ความรู้ แลกเปล่ยี นเรยี นรู้ และนำไปใช้ในชวี ติ ประจำวัน ได้ 5. อยู่อยา่ งพอเพยี ง ตวั ชว้ี ดั 5.1 ดำเนนิ ชวี ติ อย่างพอประมาณ มีเหตุผล รอบคอบ มีคุณธรรม 5.2 มีภมู คิ ้มุ กันในตวั ทด่ี ี ปรับตวั เพ่อื อยู่ในสงั คมได้อย่างมีความสุข 6. ม่งุ มนั่ ในการทำงาน ตัวชวี้ ดั 6.1 ต้งั ใจและรับผิดชอบในการปฏบิ ตั หิ นา้ ท่กี ารงาน 6.2 ทำงานด้วยความเพยี รพยายาม และอดทนเพ่อื ใหง้ านสำเรจ็ ตามเปา้ หมาย 7. รกั ความเป็นไทย ตัวชี้วัด 7.1 ภาคภูมใิ จในขนบธรรมเนยี มประเพณี ศลิ ปะ วัฒนธรรมไทย และมีความกตญั ญู กตเวที 7.2 เห็นคุณค่าและใชภ้ าษาไทยในการส่ือสารได้อย่างถูกต้องเหมาะสม 7.3 อนุรกั ษแ์ ละสืบทอดภมู ปิ ัญญาไทย 8. มจี ิตสาธารณะ ตัวชี้วัด 8.1 ช่วยเหลือผ้อู นื่ ด้วยความเตม็ ใจและพึงพอใจโดยไม่หวงั ผลตอบแทน 8.2 เขา้ ร่วมกิจกรรมทีเ่ ป็นประโยชนต์ อ่ โรงเรยี น ชมุ ชน และสงั คม

คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ของผูเ้ รียนตามแนวปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง การจดั การศกึ ษาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นบทบาทหนา้ ท่ีทต่ี ้องรว่ มมือกันระหวา่ ง หน่วยงานทางการศึกษา สงั คม ชุมชน และครอบครวั เพอื่ เสริมสรา้ งแลพัฒนาพรอ้ มรับกระแสโลกาภิวตั น์และเปน็ แบบอย่างทดี่ สี ่เู ปา้ หมายทีส่ ำคัญ คือ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ “อยูอ่ ย่างพอเพียง” ดงั ต่อไปนี้ 1. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงและตระหนกั ในความสำคัญของการดำเนนิ ชวี ติ ตาม แนวปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ดังนี้ 1.1 มีความรู้ ความเขา้ ใจในการดำเนนิ ชีวติ ตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 1.2 มคี วามรู้ ความเข้าใจปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงและเช่อื มโยงกบั ระบบเศรษฐกจิ ได้ 1.3 เหน็ ประโยชน์และตระหนักในความสำคัญของการดำเนินชีวิตตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง และการใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งเพ่ือการพัฒนาตนเอง บุคคลอืน่ สถานศึกษา ชมุ ชน และสงั คม โดยรวม 2. มคี วามรแู้ ละทกั ษะพืน้ ฐานในการดำเนนิ ชวี ติ ตามแนวปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 2.1 มคี วามรู้และทกั ษะพ้ืนฐานในการดำรงชีวติ และพัฒนาอาชีพทเ่ี หมาะสมกับศกั ยภาพของแต่ ละบุคคล สอดคลอ้ งกับภมู ิสังคมตา่ งๆ เช่น การผลิตจำหนา่ ยสินคา้ การใหบ้ ริการ การดำเนนิ ธรุ กจิ ขนาดต่างๆ การใช้จา่ ย การออม และการเกษตร เปน็ ตน้ เพ่อื ให้สามารถหาเลยี้ งตนเองและครอบครัวได้ 2.2 มที กั ษะ ค่านิยม และจริยธรรมเบือ้ งต้นทจี่ ำเปน็ ในการอยูร่ วมกบั ผอู้ ่ืนในสงั คมอย่างเอือ้ เฟ้อื เพอื่ แผเ่ กือ้ กลู ไม่เบียดเบยี น นำไปสคู่ วามสนั ติสุข และรูร้ ักสามคั คี 2.3 ใชแ้ ละพฒั นาทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อมให้เกิดประโยชน์สูงสุดและมคี วามสุขท่ี ย่ังยืน 3. ปฏิบัติตนและดำเนนิ ชีวิตตามแนวปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ดงั น้ี 3.1 ปฏบิ ัตติ นใหม้ ีความพอประมาณ ร้จู ักประมาณตน รศู้ ักยภาพของตน และร้จู ักรกั ษา สภาพแวดล้อม ของชุมชน/สงั คมท่ีอาศัยอยู่ 3.2 ปฏิบตั ติ น อยา่ งมเี หตผุ ล บนพืน้ ฐานของความถกู ต้อง โดยใชส้ ตปิ ัญญาในการคิดก่อนพดู และ ทำโดยยึดทางสายกลางในการปฏบิ ัติ 3.3 มภี ูมคิ ้มุ กันในตัวท่ีดี พร้อมรบั ผลกระทบท่ีเกดิ จากการเปล่ียนแปลงท้ังภายนอกและภายใน 3.4 มีความรอบรู้ในเร่ืองทเ่ี ก่ยี วข้อง สามารถคิดวิเคราะห์และปฏิบตั ดิ ้วยความรอบครอบและ ระมดั ระวงั 3.5 ปฏบิ ัตติ นและดำเนินชวี ติ ดว้ ยความซอ่ื สตั ย์ สุจริต อดทน ขยันหมั่นเพียร แบ่งปัน มีสติ ปญั ญา วินัย พงึ่ ตนเอง เอ้ือเฟ้ือเผ่ือแผ่ เก้ือกลู รบั ผดิ ชอบ และอยรู่ วมกับผูอ้ น่ื ไดอ้ ย่างมีความสขุ

สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ 1 ศาสนา ศลี ธรรม จรยิ ธรรม มาตรฐาน ส 1.1 รูแ้ ละเข้าใจประวัติ ความสำคญั ศาสดา หลักธรรมของพระพทุ ธศาสนาหรอื ศาสนาที่ ตนนับถอื และศาสนาอน่ื มีศรทั ธาทถี่ ูกต้อง ยึดมัน่ และปฏิบัติตามหลกั ธรรม เพ่ืออย่รู ่วมกนั อย่างสนั ตสิ ุข มาตรฐาน ส 1.2 เขา้ ใจ ตระหนกั และปฏบิ ตั ติ นเปน็ ศาสนิกชนท่ีดี และธำรงรักษาพระพุทธศาสนา หรือศาสนาทต่ี นนับถือ สาระท่ี 2 หนา้ ที่พลเมือง วฒั นธรรม และการดำเนนิ ชวี ติ ในสงั คม มาตรฐาน ส 2.1 เข้าใจและปฏิบัตติ นตามหนา้ ที่ของการเป็นพลเมืองดี มีค่านิยมทีด่ ีงาม และ ธำรงรักษาประเพณแี ละวฒั นธรรมไทย ดำรงชีวติ อยรู่ ว่ มกันในสังคมไทย และ สังคมโลกอยา่ งสนั ติสุข มาตรฐาน ส 2.2 เข้าใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปจั จบุ นั ยึดมน่ั ศรทั ธา และธำรงรักษาไว้ ซ่งึ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สาระที่ ๓ เศรษฐศาสตร์ มาตรฐาน ส 3.1 เขา้ ใจและสามารถบรหิ ารจดั การทรพั ยากรในการผลติ และการบรโิ ภคการใชท้ รพั ยากร ท่มี อี ยูจ่ ำกดั ไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพและคุม้ ค่ารวมท้ังเข้าใจหลกั การของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการดำรงชวี ติ อยา่ ง มีดลุ ยภาพ มาตรฐาน ส 3.2 เข้าใจระบบและสถาบันทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ความสัมพนั ธท์ างเศรษฐกิจและความ จำเป็นของการร่วมมือกันทางเศรษฐกิจในสงั คมโลก สาระที่ ๔ ประวัตศิ าสตร์ มาตรฐาน ส 4.1 เขา้ ใจความหมาย ความสำคญั ของเวลาและยคุ สมัยทางประวัตศิ าสตร์ สามารถใช้ วิธีการทางประวตั ศิ าสตรม์ าวเิ คราะห์เหตุการณ์ต่างๆ อย่างเปน็ ระบบ มาตรฐาน ส 4.2 เข้าใจพฒั นาการของมนุษยชาติจากอดีตจนถงึ ปัจจุบัน ในด้านความสัมพันธแ์ ละการ เปลย่ี นแปลงของเหตกุ ารณ์อย่างต่อเน่ือง ตระหนักถึงความสำคญั และสามารถ วิเคราะหผ์ ลกระทบท่ีเกิดข้ึน มาตรฐาน ส 4.3 เขา้ ใจความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภมู ปิ ัญญาไทย มีความรัก ความภูมใิ จ และธำรงความเป็นไทย สาระท่ี 5 ภมู ิศาสตร์ มาตรฐาน ส 5.1 เข้าใจลักษณะทางกายภาพของโลกและความสัมพนั ธข์ องสรรพส่งิ ซง่ึ มีผลต่อกันใชแ้ ผนท่ี และเครื่องมือทางภมู ศิ าสตร์ในการคน้ หาวิเคราะห์และสรปุ ขอ้ มูลตาม กระบวนการทางภูมิศาสตร์ ตลอดจนใช้ภูมิ สารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ส 5.2 เข้าใจปฏิสมั พันธร์ ะหวา่ งมนษุ ย์กบั ส่งิ แวดลอ้ มทางกายภาพทีก่ ่อให้เกิด การสรา้ งสรรค์ วถิ ีการดำเนนิ ชวี ิต มจี ิตสำนึกและมสี ว่ นรว่ มในการจัดการทรัพยากร และสง่ิ แวดลอ้ มเพ่ือการพัฒนาทยี่ ่ังยืน

คุณภาพผู้เรยี น จบช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 ⦁ มีความรูเ้ รื่องของจงั หวัด ภาคและประเทศของตนเอง ท้ังเชิงประวตั ิศาสตร์ ลกั ษณะทาง กายภาพ สังคม ประเพณีและวฒั นธรรม รวมทง้ั การเมอื งการปกครอง และสภาพเศรษฐกจิ โดย เนน้ ความเป็นประเทศไทย ⦁ มคี วามรูแ้ ลความเขา้ ใจในเรื่องศาสนา ศีลธรรม จรยิ ธรรม ปฏบิ ัติตนตามหลกั คำสอนของศาสนาที่ ตน นับถือ รวมทั้งมสี ่วนร่วมศาสนพธิ แี ละพิธีกรรมทางศาสนามากยิง่ ข้ึน ⦁ ปฏบิ ัติตนตามสถานภาพ บทบาท สิทธิ หนา้ ทใี่ นฐานะพลเมืองดีของท้องถนิ่ จงั หวัด ภาค และ ประเทศ รวมทั้งได้มสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมตามขนบธรรมเนียมประเพณี วฒั นธรรมของท้องถนิ่ ตนเองมากย่ิงขนึ้

ตวั ชี้วดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จรยิ ธรรม มาตรฐาน ส 1.1 รู้ และเขา้ ใจประวัติ ความสำคัญ ศาสดา หลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาที่ตน นบั ถือและศาสนาอื่น มีศรัทธาท่ีถูกต้อง ยึดม่นั และปฏบิ ัติตามหลักธรรม เพ่ืออยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ชน้ั ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ป.6 ➢ พระพุทธศาสนาในฐานะเปน็ 1. วเิ คราะห์ความสำคัญของพระพุทธ- ศาสนาประจำชาติ เชน่ เปน็ ศาสนาในฐานะเป็นศาสนาประจ าชาติ เอกลกั ษณข์ องชาติไทย เปน็ หรือความสำคัญของศาสนาที่ตนนบั ถือ รากฐานทางวฒั นธรรมไทย เป็น ศนู ย์รวมจิตใจ เป็นมรดกทาง 2. สรปุ พทุ ธประวตั ติ ้ังแตป่ ลงอายุสังขาร วัฒนธรรมไทย และเป็นหลัก จนถงึ สงั เวชนียสถาน หรอื ประวัติศาสดาท่ี ตนนบั ถอื ตามที่กำหนด ในการพฒั นาชาติไทย ➢ สรปุ พทุ ธประวตั ิ (ทบทวน) - ปลงอายสุ งั ขาร - ปัจฉิมสาวก - ปรนิ ิพพาน - การถวายพระเพลงิ - แจกพระบรมสารีริกธาตุ - สงั เวชนียสถาน 4 3. เห็นคุณคา่ และประพฤติตนตาม ➢ พุทธสาวก พทุ ธสาวกิ า แบบอย่างการดำเนนิ ชีวติ และข้อคิดจาก ประวตั ิสาวก ชาดก/เร่ืองเล่า และ - พระราธะ ศาสนิกชนตวั อยา่ งตามท่ีกำหนด ➢ ชาดก 4. วิเคราะหค์ วามสำคัญและเคารพ - ทีฆีติโกสลชาดก พระรตั นตรัย ปฏิบตั ิตามไตรสิกขาและ หลักธรรมโอวาท 3 ในพระพุทธศาสนา - สพั พทาฐชิ าดก หรอื หลักธรรมของศาสนาท่ตี น ➢ ศาสนิกชนตัวอยา่ ง - พ่อขุนรามคำแหงมหาราช - สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรม- พระปรมานชุ ิตชิโนรส ➢ พระรัตนตรยั ศรทั ธา 4  พระพทุ ธ พทุ ธกจิ 5  พระธรรม

นับถือตามทีก่ ำหนด อรยิ สจั 4 หลกั กรรม 5. ช่ืนชมการทำความดีของบุคคลใน  พระสงฆ์ ประเทศตามหลักศาสนา พร้อมท้งั บอก ไตรสิกขา แนวปฏบิ ัติในการดำเนนิ ชีวติ  ศีล สมาธิ ปัญญา 6. เห็นคณุ ค่าและสวดมนต์แผ่เมตตา และ โอวาท 3 บรหิ ารจติ เจริญปญั ญา มสี ตทิ ี่เปน็ พน้ื ฐาน  ไมท่ ำชั่ว ของสมาธใิ นพระพุทธศาสนา หรอื การ เบญจศลี พัฒนาจิตตามแนวทางของศาสนา อบายมุข 6 ท่ตี นนบั ถือ ตามที่กำหนด อกศุ ลมลู 3  ทำความดี o เบญจธรรม o กุศลมลู 3 o พละ 4 o คารวะ 6 o กตัญญูกตเวทตี ่อ พระมหากษัตริย์ o มงคล 38 - มวี นิ ยั - การงานไม่มีโทษ - ไม่ประมาทในธรรม  ทาจิตใหบ้ ริสทุ ธ์ิ (บริหารจิต และ เจรญิ ปญั ญา) ➢ พทุ ธศาสนสภุ าษิต -สจเฺ จน กิตฺตึ ปปฺโปติ คนจะได้เกียรติด้วย สจั จะ - ยถาวาที ตถาการี พูดเช่นไร ทำเช่นน้ัน ➢ ตัวอยา่ งการกระทำความดีของบคุ คล ในประเทศ ➢ สวดมนตไ์ หว้พระ สรรเสรญิ คณุ พระรัตนตรัยและแผ่เมตตา - ร้คู วามหมายของสตสิ มั ปชัญญะ สมาธิและปัญญา - รู้วธิ ปี ฏิบัติและประโยชน์ของ การบรหิ ารจติ และเจริญปญั ญา - ฝกึ การยืน การเดนิ การน่ัง และ การนอนอยา่ งมสี ติ - ฝกึ การกำหนดร้คู วามร้สู กึ เม่ือตา เห็นรปู หูฟงั เสยี ง จมูกดมกล่ิน ลิน้ ล้ิมรส กายสัมผัสส่งิ ทีม่ ากระทบ

7. ปฏบิ ตั ติ นตามหลักธรรมของศาสนา ใจรบั รธู้ รรมารมณ์ ทต่ี นนับถือ เพ่ือแก้ปัญหาอบายมุขและ - ฝึกใหม้ สี มาธิในการฟัง การอา่ น ส่งิ เสพติด การคิด การถาม และการเขยี น 8. อธิบายหลักธรรมสำคญั ของศาสนา ➢ หลักธรรม : อริยสัจ 4 อน่ื ๆ โดยสงั เขป ➢ หลักกรรม โอวาท 3 : เบญจศีล – เบญจ 9. อธบิ ายลกั ษณะสำคัญของศาสนพธิ ี ธรรม อบายมุข 6 อกุศลมูล 3 พิธกี รรมของศาสนาอ่ืนๆ และปฏิบัติตนได้ กศุ ลมูล 3 อย่างเหมาะสมเม่ือต้องเขา้ รว่ มพธิ ี ➢ หลักธรรมสำคัญของศาสนาต่าง ๆ พระพทุ ธศาสนา : อริยสัจ 4 โอวาท 3 ฯลฯ ศาสนาอสิ ลาม : หลักศรทั ธา หลักปฏิบตั ิ หลักจรยิ ธรรม ครสิ ตศ์ าสนา : บัญญตั ิ 10ประการ ➢ ศาสนพิธขี องศาสนาต่าง ➢ พระพุทธศาสนา : ศาสนพิธที ่เี ปน็ พุทธบัญญัติ เชน่ บรรพชา อปุ สมบท : ศาสนพธิ ีทเ่ี กยี่ วเนือ่ งกับ พระพทุ ธศาสนา เชน่ ทำบญุ พิธี เนอ่ื งในวนั สำคญั ทางศาสนา ศาสนาอสิ ลาม เช่น การละหมาด การถือศีลอด การบำเพ็ญฮัจญ์ ฯลฯ o ครสิ ต์ศาสนา เชน่ ศีลลา้ งบาป ศีลอภยั บาป ศลี กำลัง ศีลมหา สนทิ ฯลฯ o ศาสนาฮินดู เช่น พธิ ีศราทธ์ พธิ ี บชู าเทวดา

สาระท่ี 1 ศาสนา ศลี ธรรม จริยธรรม มาตรฐาน ส 1.2 เขา้ ใจ ตระหนักและปฏบิ ตั ิตนเป็นศาสนกิ ชนทดี่ ี และธำรงรักษาพระพทุ ธศาสนา หรือ ศาสนาที่ตนนับถือ ชน้ั ตวั ชี้วดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ป.6 1. อธบิ ายความรู้เกีย่ วกบั สถานที่ต่างๆใน ความรู้เบ้อื งต้นเกี่ยวกบั สถานทต่ี า่ ง ๆ  ศาสนสถาน และปฏบิ ัตติ นได้อยา่ งเหมาะสม ภายในวัด เช่น เขตพุทธาวาส สังฆาวาส 2. มมี รรยาทของความเปน็ ศาสนิกชนท่ดี ี  การปฏิบัตติ นท่ีเหมาะสมภายในวดั ตามท่ีกำหนด  การถวายของแก่พระภกิ ษุ  การปฏิบตั ติ นในขณะฟงั ธรรม 3. อธิบายประโยชนข์ องการเขา้ รว่ มใน  การปฏิบตั ติ นตามแนวทางของ ศาสนพธิ ี พธิ กี รรม และกจิ กรรมใน พุทธศาสนกิ ชน เพอ่ื ประโยชนต์ อ่ วนั สำคัญทางศาสนา ตามท่ีกำหนด และ ศาสนา ปฏบิ ตั ติ นได้ถูกตอ้ ง  ทบทวนการอาราธนาศลี อาราธนาธรรม 4. แสดงตนเปน็ พุทธมามกะ หรือแสดงตน เปน็ ศาสนกิ ชนของศาสนาทีต่ นนับถอื และอาราธนาพระปริตร  พิธที อดผา้ ป่า  พธิ ีทอดกฐิน  ระเบียบพธิ ใี นการท าบุญงานอวมงคล  การปฏบิ ตั ิตนท่ถี ูกต้องในศาสนพิธี พิธีกรรม และวนั สำคัญทางศาสนา เช่น วันมาฆบชู า วนั วิสาขบูชา วนอฐั มบี ูชา วันอาสาฬหบชู า วันธรรมสวนะ  ประโยชน์ของการเข้ารว่ มในศาสนพิธ/ี พธิ กี รรม และวันสำคัญทางศาสนา ➢ การแสดงตนเปน็ พทุ ธมามกะ - ขน้ั เตรียมการ - ข้นั พธิ กี าร

สาระท่ี 2 หนา้ ทพี่ ลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนินชวี ติ ในสงั คม มาตรฐาน ส 2.1 เข้าใจและปฏบิ ตั ิตนตามหนา้ ทข่ี องการเป็นพลเมืองดี มีค่านยิ มท่ีดีงามและธำรงรักษา ประเพณีและวฒั นธรรมไทย ดำรงชวี ิตอยรู่ ว่ มกันในสงั คมไทยและสังคมโลกอยา่ งสันตสิ ุข ชน้ั ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ป.6 1. ปฏิบตั ติ ามกฎหมายท่เี ก่ยี วขอ้ งกับ  กฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับชีวติ ประจำวนั เช่น  ชวี ติ ประจำวนั ของครอบครัวและชุมชน - กฎหมายจราจร 2. วเิ คราะห์การเปลี่ยนแปลงวฒั นธรรม - กฎหมายทะเบียนราษฎร ตามกาลเวลาและธำรงรักษาวัฒนธรรม อัน - กฎหมายยาเสพติดใหโ้ ทษ ดีงาม - เทศบัญญตั ิ ข้อบัญญตั ิ อบต. อบจ. 3. แสดงออกถงึ มารยาทไทยไดเ้ หมาะสมถูก  ประโยชนข์ องการปฏบิ ัตติ นตามกฎหมาย กาลเทศะ ดังกลา่ ว  ความหมายและประเภทของวัฒนธรรม 4. อธิบายคณุ คา่ ทางวัฒนธรรมท่แี ตกตา่ ง  การเปลีย่ นแปลงวัฒนธรรมตาม กนั ระหวา่ งกลุ่มคนในสังคมไทย กาลเวลาทีม่ ีผลต่อตนเองและสังคมไทย 5. ติดตามข้อมูล ขา่ วสาร เหตกุ ารณต์ า่ ง ๆ  แนวทางการธำรงรักษาวฒั นธรรมไทย ในชีวติ ประจำวัน เลือกรบั และใชข้ ้อมลู  ความหมายและสำคัญของมารยาทไทย ข่าวสารในการเรยี นร้ไู ด้เหมาะสม  มารยาทไทยและมารยาทสงั คม เช่น การแสดงความเคารพ การยืน การเดนิ การน่งั การนอน การรับของส่งของ การรบั ประทานอาหาร การแสดงกิรยิ า อาการ การทกั ทาย การสนทนา การใช้ คำพูด  ประโยชนแ์ ละคุณค่าทางวัฒนธรรม  ความแตกตา่ งทางวัฒนธรรมระหวา่ งกลุ่ม คนภาคตา่ งๆ ในสงั คมไทย  แนวทางการรักษาวฒั นธรรม  ข้อมลู ขา่ วสาร เหตกุ ารณต์ ่าง ๆ เช่น วทิ ยโุ ทรทัศน์ หนงั สือพมิ พ์ แหลง่ ข่าวตา่ ง ๆ สถานการณ์จรงิ  ประโยชน์จากการติดตามข้อมูล ข่าวสาร เหตุการณต์ า่ งๆ  หลกั การเลือกรบั และใช้ขอ้ มลู ข่าวสาร จากสอ่ื ต่างๆ รวมทงั้ สือ่ ทีไ่ ร้พรมแดน

สาระท่ี 2 หนา้ ที่พลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนินชีวติ ในสังคม มาตรฐาน ส 2.2 เข้าใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปัจจุบัน ยึดม่ัน ศรัทธาและธำรงรักษา ไว้ซ่ึง การ ปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ชั้น ตวั ชวี้ ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง 1. เปรยี บเทียบบทบาท หนา้ ทีข่ อง ➢ บทบาท หนา้ ท่ี ขององค์กรปกครองส่วน องค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ และรฐั บาล 2. มสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมตา่ งๆ ทสี่ ่งเสริม ประชาธิปไตยในท้องถ่นิ และประเทศ ทอ้ งถ่นิ และรัฐบาล 3. อภปิ รายบทบาท ความสำคัญในการใช้ ➢ กจิ กรรมตา่ งๆ เพื่อสง่ เสริม ประชาธปิ ไตย สิทธอิ อกเสียงเลือกตงั้ ตามระบอบ ประชาธปิ ไตย ในท้องถนิ่ และประเทศ ➢ การมสี ว่ นในการออกกฎหมาย ระเบยี บ กติกา การเลือกต้งั ➢ สอดส่องดูแลผ้มู พี ฤตกิ รรมการกระทำผิด การเลอื กตง้ั และแจ้งตอ่ เจา้ หน้าที่ ผ้รู ับผดิ ชอบ ➢ ตรวจสอบคุณสมบัติ ➢ การใช้สิทธิออกเสยี งเลือกตั้งตามระบอบ ประชาธปิ ไตย

สาระท่ี 3 เศรษฐศาสตร์ มาตรฐาน ส 3.1 เขา้ ใจและสามารถบริหารจดั การทรัพยากรในการผลิตและการบริโภคการใช้ทรัพยากรทีม่ ีอยู่ จำกัดได้อย่างมีประสทิ ธิภาพและคุ้มค่า รวมทั้งเข้าใจหลักการของเศรษฐกิจพอเพียง เพ่ือการดำรงชวี ิตอย่างมี ดลุ ยภาพ ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ป.6 1. อธิบายบทบาทของผ้ผู ลิตท่ีมคี วาม  บทบาทของผผู้ ลติ ท่ีมคี ุณภาพ เช่น รับผดิ ชอบ  2. อธบิ ายบทบาทของผู้บรโิ ภค ทีร่ เู้ ทา่ ทัน คำนึงถึงสิง่ แวดลอ้ ม มีจรรยาบรรณ 3. บอกวธิ แี ละประโยชนข์ องการใช้ ความรับผิดชอบต่อสงั คม วางแผนกอ่ นเร่ิม ทรพั ยากรอยา่ งยั่งยืน ลงมือทำกจิ กรรมต่าง ๆ เพื่อลดความ ผิดพลาดและการสูญเสยี ฯลฯ  ทศั นคติในการใชท้ รัพยากรอยา่ งมี ประสิทธิภาพและประสิทธผิ ล  ประโยชน์ของการผลิตสินคา้ ท่ีมีคณุ ภาพ  คณุ สมบัติของผบู้ ริโภคทด่ี ี  พฤติกรรมของผูบ้ รโิ ภคทีบ่ กพร่อง  คุณคา่ และประโยชนข์ องผูบ้ ริโภคทีร่ ู้เทา่ ทนั ที่มีต่อตนเอง ครอบครัวและสงั คม  ความหมาย และความจำเปน็ ของ ทรัพยากร  หลกั การและวิธีใช้ทรัพยากรใหเ้ กิด ประโยชนส์ ูงสุด (ลดการสูญเสยี ทกุ ประเภท) • วธิ ีการสรา้ งจิตสำนกึ ให้คนในชาติรูค้ ุณคา่ ของทรัพยากรท่ีมีอยจู่ ำกัด • วางแผนการใชท้ รัพยากร โดยประยกุ ต์ เทคนิคและวิธีการใหม่ ๆ ใหเ้ กิดประโยชน์ แก่สงั คมและประเทศชาติ และทนั กับสภาพ ทางเศรษฐกจิ และสงั คม

สาระท่ี 3 เศรษฐศาสตร์ มาตรฐาน ส 3.2 เข้าใจระบบและสถาบนั ทางเศรษฐกจิ ตา่ ง ๆ ความสัมพันธท์ างเศรษฐกิจและความ จำเปน็ ของ การร่วมมือกันทางเศรษฐกิจในสังคมโลก ชั้น ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.6 1. อธบิ ายความสมั พันธร์ ะหวา่ งผู้ผลิต ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งผผู้ ลิต ผู้บรโิ ภค ผบู้ ริโภค ธนาคาร และรัฐบาล  2. ยกตัวอย่างการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ ภายในทอ้ งถิ่น ธนาคาร และรฐั บาล ที่มตี ่อระบบเศรษฐกจิ อยา่ งสงั เขป เช่นการแลก เปลี่ยนสินค้าและ บรกิ าร รายได้และรายจ่าย การออมกบั ธนาคาร การลงทนุ  แผนผงั แสดงความสมั พนั ธข์ องหน่วย เศรษฐกิจ  ภาษแี ละหนว่ ยงานท่ีจดั เกบ็ ภาษี  สิทธิของผบู้ รโิ ภค และสิทธิของผใู้ ช้แรงงาน ในประเทศไทย  การหารายได้ รายจ่าย การออม การลงทนุ ซงึ่ แสดง ความสัมพนั ธร์ ะหว่าง ผู้ผลติ ผู้บริโภค และรฐั บาล  การรวมกลุม่ เชิงเศรษฐกิจเพ่อื ประสาน ประโยชน์ในทอ้ งถนิ่ เช่น กลุ่มออมทรัพย์ กลุ่มแมบ่ ้าน กองทนุ หม่บู ้าน

สาระท่ี 4 ประวัติศาสตร์ มาตรฐาน ส 4.1 เขา้ ใจความหมาย ความสำคญั ของเวลา และยุคสมยั ทางประวตั ิศาสตร์ สามารถใช้ วธิ ีการทาง ประวตั ศิ าสตรม์ าวเิ คราะห์เหตุการณต์ ่าง ๆ อย่างเป็นระบบ ชน้ั ตวั ชี้วดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง ป.6 1. อธบิ ายความสำคญั ของวิธีการทาง  ความหมายและความสำคัญของวธิ ีการทาง  ประวัติศาสตรใ์ นการศึกษาเร่ืองราวทาง ประวตั ศิ าสตรอ์ ย่างง่าย ๆ ท่ีเหมาะสมกบั ประวัติศาสตร์อย่างง่าย ๆ นักเรยี น  การน าวธิ ีการทางประวตั ศิ าสตรไ์ ปใช้ศึกษา เร่ืองราวในท้องถิ่น เช่น ความเปน็ มาของ ภูมนิ ามของสถานที่ในท้องถน่ิ 2. น าเสนอขอ้ มลู จากหลกั ฐานทหี่ ลากหลาย  ตวั อยา่ งหลกั ฐานทเ่ี หมาะสมกับนักเรยี นท่ี ในการทำความเขา้ ใจเร่ืองราวสำคญั ในอดตี น ามาใชใ้ นการศกึ ษาเหตุการณส์ ำคัญใน ประวตั ิศาสตรไ์ ทย สมยั รตั นโกสินทร์ เชน่ พระราชหตั ถเลขาของรัชกาลท่ี 4 หรอื รัชกาลที่ 5 กฎหมายสำคญั ฯลฯ ( เชื่อมโยงกับ มฐ. ส 4.3 ) ➢ สรปุ ขอ้ มลู ท่ีได้จากหลักฐานท้ังความจรงิ และข้อเทจ็ จรงิ ➢ การนำเสนอขอ้ มูลที่ไดจ้ ากหลักฐาน ทางประวัตศิ าสตร์ด้วยวธิ ีการตา่ ง ๆ เช่น การเล่าเร่ือง การจัดนทิ รรศการ การเขียน รายงาน

สาระท่ี 4 ประวัติศาสตร์ มาตรฐาน ส 4.2 เขา้ ใจพัฒนาการของมนุษยชาตจิ ากอดีตจนถึงปจั จุบัน ในดา้ นความสัมพันธ์และ การ เปล่ียนแปลงของเหตุการณ์อย่างต่อเน่ือง ตระหนักถงึ ความสำคัญและสามารถ วิเคราะหผ์ ลกระทบท่เี กิดข้ึน ช้นั ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ป.6 1. อธบิ ายสภาพสงั คม เศรษฐกิจและ ใช้แผนทแี่ สดงทต่ี ั้งและอาณาเขตของ การเมืองของประเทศเพ่ือนบ้านในปัจจุบนั  2. บอกความสัมพันธ์ของกลุ่มอาเซยี น โดยสงั เขป ประเทศเพ่ือนบา้ น  พฒั นาการทางประวตั ศิ าสตร์ของประเทศ เพ่อื นบ้าน โดยสงั เขปเพ่ือใหเ้ ขา้ ใจสภาพ ปจั จบุ นั ของประเทศเหล่านนั้  สภาพสงั คม เศรษฐกจิ และการเมือง ของประเทศเพ่ือนบ้านของไทยในปัจจบุ นั โดยสังเขป  ตวั อยา่ งความเหมือนและความต่าง ระหว่างไทยกับประเทศเพ่ือนบา้ น เช่น ภาษา ศาสนา การปกครอง  ความเป็นมาของกลุม่ อาเซียนโดยสงั เขป  สมาชกิ ของอาเซยี นในปจั จบุ ัน  ความสัมพนั ธ์ของกล่มุ อาเซียนทาง เศรษฐกิจ และสงั คมในปัจจบุ นั โดยสังเขป

สาระท่ี 4 ประวัตศิ าสตร์ มาตรฐาน ส 4.3 เข้าใจความเป็นมาของชาติไทย วฒั นธรรม ภูมิปญั ญาไทย มีความรัก ความภูมิใจและ ธำรง ความเป็นไทย ป.6 1.อธิบายพัฒนาการของไทยสมัย ➢ การสถาปนาอาณาจักรรตั นโกสินทร์ โดยสงั เขป รตั นโกสินทร์ โดยสงั เขป ➢ ปจั จยั ท่สี ่งเสรมิ ความเจรญิ รุ่งเรืองทาง 3. ยกตวั อย่างผลงานของบุคคลสำคัญ เศรษฐกิจและการปกครองของไทย ในสมัย ดา้ นตา่ งๆสมัยรตั นโกสินทร์ รัตนโกสินทร์ ➢ พัฒนาการของไทยสมยั รัตนโกสินทร์ 4. อธบิ ายภูมปิ ัญญาไทยที่สำคัญสมยั รัตนโกสินทร์ท่ีนา่ ภาคภูมใิ จ และควรค่า โดยสังเขป ตามช่วงเวลาตา่ งๆ เชน่ สมัยรตั นโกสนิ ทร์ ตอนตน้ สมยั ปฏริ ปู ประเทศ และสมยั ประชาธปิ ไตย แกก่ ารอนรุ กั ษไ์ ว้ ➢ ผลงานของบุคคลสำคญั ทางด้านต่างๆ ใน สมัยรตั นโกสินทร์ เช่น

สาระที่ 5 ภูมิศาสตร์ มาตรฐาน ส 5.1 เข้าใจลักษณะทางกายภาพของโลกและความสัมพันธ์ของสรรพสิ่งซ่ึงมีผลต่อกันและกัน ใช้ แผนที่และเคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ในการค้นหา วิเคราะห์ และสรุปข้อมูลตาม กระบวนการทางภูมศิ าสตร์ ตลอดจน ใช้ข้อมลู ภูมิสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ  สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ช้ัน ตวั ชว้ี ัด ป.6 1. สืบคน้ และอธบิ ายข้อมูลลักษณะทาง  เครือ่ งมอื ทางภูมศิ าสตร์ (แผนที่ รปู ถา่ ย  กายภาพ ของประเทศไทย ดว้ ยแผนที่ ทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม) ที่แสดง รูปถ่ายทางอากาศ และภาพจาก ลกั ษณะทางกายภาพของประเทศไทย ดาวเทียม 2. อธบิ ายความสมั พันธร์ ะหวา่ งลักษณะ  ความสมั พันธ์ระหว่างลักษณะทางกายภาพ ทางกายภาพกับภยั พิบตั ิในประเทศไทย กบั ภยั พิบัตขิ องประเทศไทย เชน่ อุทกภยั เพ่ือเตรียมพร้อมรบั มอื ภัยพิบัติ แผ่นดินไหว วาตภัย สนึ ามิ ภยั แลง้ ดินถลม่ และโคลนถลม่  การเตรียมพร้อมรับมอื ภยั พบิ ัติ

สาระท่ี 5 ภูมิศาสตร์ มาตรฐาน ส 5.2 เข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสภาพแวดล้อมทางกายภาพท่ีก่อให้เกิดการ สร้างสรรคว์ ิถีการ ดำเนินชีวิต มีจิตสำนึกและมสี ่วนรว่ มในการจัดการทรัพยากรและ สิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาท่ยี ั่งยนื ชน้ั ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ป.6 1. วิเคราะห์ปฏสิ ัมพนั ธร์ ะหว่างสิง่ แวด สง่ิ แวดลอ้ มทางกายภาพกับลักษณะ ล้อมทางกายภาพกบั ลักษณะกจิ กรรม  ทางเศรษฐกิจ และสงั คมในประเทศไทย กจิ กรรม ทางเศรษฐกิจและสังคม (ประชากร เศรษฐกิจ สังคม และ วัฒนธรรม) ในประเทศไทย  ปฏิสัมพันธ์ระหวา่ งมนุษย์กบั สง่ิ แวดลอ้ ม 2. วเิ คราะหก์ ารเปลีย่ นแปลงทางกายภาพของ ประเทศไทยในอดีตกับปัจจบุ ัน และผลที่เกดิ ขึน้ จาก ➢ การเปล่ยี นแปลงทางกายภาพของ การเปลยี่ นแปลง ประเทศไทย ➢ ผลจากการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ที่มี ต่อกจิ กรรมทางเศรษฐกิจและสังคม (ประชากร เศรษฐกิจ สังคม และ วัฒนธรรม) ของประเทศไทยในอดตี กับ ปัจจุบนั 3.นำเสนอตัวอยา่ งทส่ี ะท้อนใหเ้ ห็นผลจากการรักษา ➢ ผลจากการรกั ษาและทำลายทรพั ยากร และทำลายทรัพยากรและส่งิ แวดลอ้ ม และเสนอ และสง่ิ แวดล้อมในประเทศไทย แนวทางในการจัดการทยี่ ่ังยืนในประเทศไทย ➢ แนวทางในการจัดการทรัพยากรและ สิง่ แวดล้อมทย่ี ง่ั ยนื โดยมจี ิตสำนึกรูคณุ ค่า

โครงสรา้ งรายวิชาพนื้ ฐานของกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ระดับช้ันประถมศึกษา รายช่ือวชิ า (รหัสรายวชิ า/ชื่อรายวิชา) เวลาเรียน ชัว่ โมง รายวชิ าพ้นื ฐาน ส 11101 สังคมศึกษา 80 ส 11102 ประวัติศาสตร์ 40 ส 12101 สังคมศึกษา 80 ส 12102 ประวัติศาสตร์ 40 ส 13101 สังคมศึกษา 80 ส 13102 ประวตั ิศาสตร์ 40 ส 14101 สังคมศึกษา 80 ส 14102 ประวตั ิศาสตร์ 40 ส 15101 สังคมศึกษา 80 ส 15102 ประวตั ิศาสตร์ 40 ส 16101 สังคมศกึ ษา 80 ส 16102 ประวตั ิศาสตร์ 40

โครงสรา้ งรายวชิ า สงั คมศกึ ษา รหัสวชิ า ส 16101 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 6 เวลา 80 ชวั่ โมง อัตราสัดส่วนคะแนน 70 : 30 มาตรฐาน เวลา นำ้ หนัก (ชวั่ โมง) คะแนน ลำดับ ชอ่ื หน่วยการ การเรียนร/ู้ สาระสำคัญ ท่ี เรยี น 3 1 ศาสนาตา่ งๆ ตวั ช้ีวัด 2 หลักธรรมนำ ส 1.1 ป.6/1 ศาสนาทกุ ศาสนามีความสำคัญต่อผู้นบั ความสขุ ป.6/2 ถือ การศึกษาประวัติของศาสดา และ 3 เรียนรสู้ ง่ิ ทีด่ ี หลักธรรม คำสอนของศาสนาจะทำให้ 4 ศาสนิกชนทด่ี ี และ ศาสนพิธี เกดิ ความศรัทธา และสามารถนำไป นา่ รู้ ประยุกตใ์ ช้ในชีวิตจรงิ ได้ ส 1.1 ป.6/4 พระรัตนตรัยมคี วามสำคัญซึง่ ทุกคนพงึ 9 ป.4/7 แสดง ความเคารพพระรตั นตรัย ปฏบิ ัติ ป.6/8 ตาม หลกั ไตรสิกขาและหลกั ธรรมโอวาท 4 3 ในพระพทุ ธศาสนา ซ่งึ จะส่งผลตอ่ ผู้ 9 ส 1.1 ป.6/3 ปฏบิ ัติ ดำเนนิ ชีวิตอย่างถกู ตอ้ ง และ ป.6/5 สามารถแก้ปญั หาตา่ งๆ ได้อย่างถูกต้อง ป.6/6 พทุ ธศาสนิกชนทุกคนควรนำคุณธรรมอนั ส 1.1 ป.6/9 เป็นแบบอยา่ งของพุทธสาวก ชาดก ศา ส 1.2 ป.6/1 สนกิ ชนตัวอย่างไปประยุกต์ปฏิบัติ และ พัฒนาจิตตาม ป.6/2 ป.6/3 ศาสนพิธี พิธีกรรมของศาสนาต่างก็มี ป.6/4 ลกั ษณะสำคัญ ศาสนกิ ชนพงึ ปฏบิ ตั ติ น อยา่ งเหมาะสมเมอื่ ต้องเขา้ ร่วมพิธีอย่างมี มรรยาท ชาวพทุ ธ ทุกคนต้องแสดงตน เปน็ พทุ ธมามกะ เข้ารว่ มในศาสนพิธี พธิ ีกรรมและกิจกรรมในวนั สำคัญทาง ศาสนาตามท่ีกำหนด และปฏิบัตติ นได้ ถูกต้อง

มาตรฐาน เวลา น้ำหนกั (ช่วั โมง) คะแนน ลำดับ ชือ่ หน่วยการ การเรยี นรู/้ สาระสำคัญ 3 ที่ เรยี น ตวั ชวี้ ดั 5 กฎหมาย ส 2.1 ป.6/1 กฎหมายเปน็ ขอ้ บงั คบั เพ่ือควบคุมให้ พ้ืนฐานที่ สมาชิกในสังคมปฏบิ ัติตาม เพ่ือให้เกิด เก่ียวข้องกับการ ความเปน็ ระเบยี บเรยี บร้อยและความ ดำเนนิ ชีวิต สงบในสังคม 6 ข้อมูลข่าวสารใน ส 2.1 ป.6/5 การตดิ ตามข้อมลู ขา่ วสาร เหตกุ ารณ์ใน 2 5 ชวี ิตประจำวัน ชวี ติ ประจำวนั จากแหล่งข้อมูลขา่ วสาร 5 ตา่ ง ๆ การเลอื กรับและใชข้ ้อมูลข่าวสาร ในการเรยี นรู้ได้เหมาะสม ทำให้เกดิ การ พฒั นาตนเองและสังคม 7 การเมืองการ ส 2.2 ป.6/1 ประเทศไทยมีการปกครองระบอบ ปกครองไทย ป.6/2 ประชาธปิ ไตยโดยมีพระมหากษัตริยท์ รง ป.6/3 เปน็ ประมุข ประชาชนสามารถมสี ว่ นร่วม ในการเมืองการปกครองไดต้ ามระบอบ ประชาธปิ ไตย โดยการใชส้ ทิ ธิเลือกตั้ง 8 วฒั นธรรมและ ส 2.1 ป.6/2 วฒั นธรรมเปน็ สง่ิ ท่แี สดงถงึ ความเจริญ มรรยาทไทย ป.6/3 งอกงามท่ีมนษุ ยส์ ร้างสรรค์ขน้ึ เพื่อเป็น ป.6/4 แบบแผนในการดำเนินชีวติ นอกจากน้ี ยงั มมี ารยาทไทยเป็นกริ ิยา วาจาทส่ี ุภาพ เรยี บรอ้ ย ทีพ่ ึงปฏิบตั ใิ ห้ถูกต้องเหมาะสม

ลำดับ ช่อื หน่วยการ มาตรฐาน สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนกั ที่ เรยี น การเรยี นรู/้ (ชวั่ โมง) คะแนน 9 ผ้ผู ลิตและ ตวั ชีว้ ัด ผูผ้ ลิต เปน็ ผทู้ เ่ี ปล่ยี นแปลงทรัพยากรให้ 4 ผู้บรโิ ภค เปน็ สินค้าและบริการ ผผู้ ลิตทมี่ คี ุณภาพ ส 3.1 ป.6/1 ควรคำนึงถึงผลกระทบต่อสงั คมและ ป.6/2 สง่ิ แวดล้อม ผู้บรโิ ภค เป็นผู้ท่ีใชส้ นิ คา้ และบริการตามความตอ้ งการของตนเอง ผบู้ ริโภคทดี่ คี วรคำนงึ ถงึ ประโยชน์ใช้สอย ความคุ้มค่าของสนิ ค้าและบริการ และ ผลกระทบต่อสงั คมและสิ่งแวดลอ้ ม 10 การใช้ทรัพยากร ส 3.1 ป.6/3 ทรัพยากร เป็นสิง่ จำเป็นตอ่ การ 5 7 อยา่ งย่งั ยืน ดำรงชีวิต ทรพั ยากรบางชนดิ มอี ยู่อยา่ ง จำกดั เมอ่ื นำมาใช้อยา่ งฟ่มุ เฟือยก็จะ หมดไป การสร้างจิตสำนกึ ให้คนรคู้ ณุ คา่ ของทรพั ยากรทมี่ ีอยู่อยา่ งจำกัดจะทำให้ มที รพั ยากรใช้ไดย้ าวนานขึน้ 11 ความสมั พนั ธ์ ส 3.2 ป.6/1 ระบบเศรษฐกิจเปน็ ระบบท่มี ี ทางเศรษฐกจิ ความสัมพันธก์ ับผผู้ ลติ ผบู้ ริโภค และ ภาครัฐ ซ่ึงเปน็ ตวั ขบั เคลื่อนใหป้ ระเทศ เกดิ การพัฒนา 12 การรวมกลุม่ ส 3.2 ป.6/2 การรวมกลุม่ ทางเศรษฐกจิ ภายในทอ้ งถ่ิน 4 ทางเศรษฐกิจ เป็นการพ่ึงพาอาศัยกนั เพื่อใหเ้ ศรษฐกิจ ภายในท้องถน่ิ ของทอ้ งถนิ่ เจรญิ ก้าวหนา้ ซ่งึ เปน็ รากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศ ต่อไป

มาตรฐาน เวลา น้ำหนกั ลำดบั ชอ่ื หน่วยการเรยี น การเรียนรู้/ สาระสำคญั (ชวั่ โมง) คะแนน ที่ ตัวชว้ี ัด 13 เครอื่ งมอื ทาง ส 5.1 ป.6/1 แผนท่ี รปู ถา่ ยทางอากาศ ภาพจาก 5 ภมู ศิ าสตร์ ดาวเทียมเปน็ เครื่องมือทางภูมิศาสตรท์ ี่ ใช้ในการศึกษาลักษณะทางกายภาพ และสังคมของพน้ื ทตี่ ่าง ๆ ทำให้ทราบ ตำแหน่ง ระยะ ทศิ และระบบ ความสัมพันธข์ องส่งิ ตา่ ง ๆ 14 ธรรมชาตกิ ับ ส 5.2 ป.6/1 สิ่งแวดลอ้ มทางกายภาพเป็นสิ่งท่ี 5 สังคมไทย ป.6/2 เกดิ ขน้ึ เองตามธรรมชาติ ซ่ึงมนษุ ย์ตอ้ ง พึง่ พาอาศยั เพื่อการดำรงชีวิต นอกจากน้สี ิ่งแวดลอ้ มทางกายภาพยงั มี การเปลยี่ นแปลงอยู่ตลอดเวลาต้งั แต่ อดตี จนถึงปจั จุบัน โดยมสี าเหตมุ าจาก กระบวนการทางธรรมชาตแิ ละการ กระทำของมนษุ ย์ 15 ภัยพบิ ัตใิ นประเทศ ส 5.1 ป.6/2 ลักษณะทางกายภาพของพน้ื ท่ีมีความ 7 ไทย เกยี่ วขอ้ งและสัมพนั ธ์กับการเกดิ ภัย พิบตั ซิ งึ่ ภยั พิบตั ิสง่ ผลกระทบต่อ ส่งิ แวดลอ้ มและการดำเนินชีวิตของ มนุษย์ ดังนั้นจึงจำเปน็ ท่เี ราจะตอ้ ง ศกึ ษา และทำความเข้าใจปรากฏการณ์ ท่ีเกดิ ขึ้น เพอ่ื เตรยี มพร้อมรับมอื กับภยั พบิ ตั ิ 16 การจัดการ ส 5.2 ป.6/3 มนษุ ยต์ อ้ งพึง่ พาอาศยั 3 ทรพั ยากรธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมใน และสง่ิ แวดล้อม การดำรงชวี ติ ปจั จุบันทรัพยากรและ สิง่ แวดล้อมเกิดความเส่ือมโทรม ดังนน้ั จงึ จำเป็นที่ทุกคนควรมีสว่ นร่วมในการ ใช้ทรพั ยากรอย่างประหยัดและคุม้ ค่า มากที่สดุ เพื่อใหท้ รพั ยากรและ สิ่งแวดล้อมคงอยู่อย่างยั่งยนื รวม 80

โครงสรา้ งรายวชิ า รายวชิ าประวตั ศิ าสตร์ รหัสวิชา ส 16102 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สังคมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 เวลา 40 ชั่วโมง อัตราสดั ส่วนคะแนน 70 : 30 มาตรฐาน เวลา นำ้ หนกั ลำดบั ชอ่ื หน่วยการ การเรียนร/ู้ สาระสำคญั (ช่ัวโมง) คะแนน ท่ี เรียน ตัวชีว้ ดั 1 วิธีการศกึ ษาทาง ส 4.1 ป.6/1 การศกึ ษาเหตุการณ์สำคัญใน 9 ประวตั ศิ าสตร์ ป.6/2 ประวตั ศิ าสตรโ์ ดยใช้วธิ ีการทาง ประวัติศาสตร์ ชว่ ยใหเ้ ข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ ไดอ้ ย่างชัดเจนยง่ิ ขนึ้ และสามารถ นำมาใช้ศึกษาเรื่องราวในท้องถ่นิ ได้ ทำ ใหเ้ กิดความภาคภมู ิใจในท้องถ่นิ ของ ตนเอง และเกดิ ความเข้าใจในทอ้ งถ่นิ ได้ ดยี ิง่ ขึ้น การศึกษาเหตุการณ์ในอดีต จำเป็นตอ้ งใช้หลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ จากแหลง่ ข้อมลู ต่าง ๆ เพอื่ ให้ข้อมูลท่ีได้ มีความถูกต้อง และตรงตามความเปน็ จริงมากทสี่ ดุ 2 เพอื่ นบา้ นของ ส 4.2 ป.6/1 ประเทศเพื่อนบ้านของไทยประกอบด้วย 17 เรา ป.6/2 เมียนมา ลาว กมั พชู า และมาเลเซยี และมีกลุ่มประเทศในสมาคมอาเซยี นอกี 5 ประเทศ ไดแ้ ก่ อินโดนเี ซีย ฟลิ ิปปนิ ส์ สิงคโปร์ บรไู น และเวยี ดนาม ซงึ่ มี ข้อตกลงร่วมกันเพื่อการพฒั นาดา้ น เศรษฐกจิ สังคม และวัฒนธรรม 3 ความเปน็ มาของ ส 4.3 ป.6/1 การศึกษาพฒั นาการของไทยสมยั 14 ชาตไิ ทย ป.6/2 รตั นโกสนิ ทร์แบง่ ออกเปน็ 3 ยุค คอื ป.6/3 ยคุ รตั นโกสนิ ทร์ ยุคปฏิรูปประเทศให้ ป.6/ เปน็ แบบสมัยใหม่ และยคุ ปฏิรูปการ ปกครองเป็นระบอบประชาธปิ ไตย ใน สมัยรตั นโกสินทร์มบี ุคคลสำคัญทท่ี ำ ประโยชน์ให้แกป่ ระเทศชาติมากมาย ควรค่าแก่

การยกย่องและนำไปเป็นแบบอย่างทด่ี ี 40 นอกจากนภี้ ูมปิ ัญญาไทยในสมัย รัตนโกสนิ ทร์ยังเป็นความรู้ ท่บี รรพบุรุษไทยไดส้ ร้างสรรค์ขึ้นเพื่อใช้ ในการดำเนินชีวิตและพฒั นาความเจรญิ รวม

คำอธิบายรายวิชาพน้ื ฐาน รหัสวิชา ส 16101 วิชาสังคมศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 40 ช่ัวโมง จำนวน 1.0 หน่วยกติ ศึกษาข้อมลู ความสำคัญหลักธรรมพระรัตนตรัย ไตรสิกขา หลกั ธรรมโอวาท 3 ประวัตศิ าสดา ข้อคิดจาก ประวัติ สาวก ชาดก เร่ืองเล่า ศาสนิกชนตัวอย่าง ศาสนพธิ ี สถานทใี่ นศาสนสถาน ศาสนิกชนที่ดี ประโยชน์ของการ เขา้ ร่วมใน ศาสนพิธี พิธีกรรม กิจกรรมในวนั สำคญั ทางศาสนา การบริหารจิตและเจริญปัญญาวันสำคัญทางศาสนา การ กระทำทแี่ สดงถึงคณุ ลักษณะของการเป็นพลเมืองดีในสังคมประชาธิปไตย สทิ ธิเด็กที่พึงได้รับ การคุ้มครองตามสิทธิ มนุษยชนบทบาทหนา้ ท่ีความรบั ผิดชอบของตนเอง บรรทัดฐานทางสังคมและวัฒนธรรม สญั ลักษณ์เอกลักษณ์ ค่านิยม ประเพณี วัฒนธรรมในท้องถิ่นอำนาจอธิปไตยและการมีสว่ นร่วมในการ ปกครองระบอบประชาธิปไตย กฎหมายในชวี ติ ประจำวนั การเลือกใช้ทรัพยากรที่มีผลกระทบ ต่อสงิ่ แวดล้อม การเพ่ิมรายได้เงินออม จากการ ลงทุน สิทธิและ การคุ้มครองผบู้ ริโภค เศรษฐกจิ พอเพียงระบบสหกรณ์ การบรหิ าร ด้านการผลิต และการพ่ึงพาทาง เศรษฐกิจ บทบาทการใช้เงินและการบริการด้านการเงินต่างประเทศ การจัดเกบ็ ภาษีการกู้ยืมเงนิ จากต่างประเทศ โดยใช้ทักษะ สังเกต ศึกษาค้นคว้า วิเคราะห์ อภิปราย อธิบาย สนทนาซักถาม แสดงความคิดเห็น รวบรวมข้อมูลสบื ค้น นำเสนอข้อมลู และกระบวนการกล่มุ มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด ส 1.1 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4, ป.6/5, ป.6/6, ป.6/7, ป.6/8, ป.6/9 ส 1.2 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป. 6/4 ส 2.1 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4, ป.6/5 ส 2.2 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3 ส 3.1 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3 ส 3.2 ป.6/1, ป.6/2 ส 5.1 ป.6/1, ป.6/2 ส 5.2 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3 รวมทั้งหมด 31 ตัวชี้วัด

รายวิชาพ้ืนฐาน ส 16102 คำอธิบายรายวิชาประวัติศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม เวลาเรียน 40 ชั่วโมง จำนวน 1.0 หน่วยกิต ศึกษาความหมายและความสำคญั ของวิธีการทางประวตั ิศาสตร์อยา่ งง่าย ๆ และใช้วธิ ีการ ทาง ประวัติศาสตรใ์ นการศึกษาเรื่องราว หรือเหตุการณ์สำคัญตามล าดบั ขนั้ ตอนอย่างเปน็ ระบบ ได้แก่ การตั้งประเด็น ศึกษาเร่ืองราวท่ีตนสนใจ การสำรวจแหล่งข้อมลู ที่เกย่ี วข้อง การรวบรวมข้อมูล จากหลักฐานที่หลากหลาย การ จัดทำโครงงานและการจัดนิทรรศการ เพื่อฝึกทักษะการสืบค้นเหตุการณ์ สำคัญดว้ ยวิธีการทางประวัติศาสตร์ ศึกษาสภาพสังคม เศรษฐกิจ การเมืองของประเทศเพ่ือนบ้านในปจั จุบันโดยสังเขป เชื่อมโยง และเปรยี บเทยี บ กับประเทศไทย ศึกษาความเปน็ มา และความสัมพันธ์ของกลุ่มอาเซียนโดยสังเขป เพื่อให้ เข้าใจพัฒนาการของ ประเทศเพ่ือนบ้านท่ีมีความสัมพันธ์กับประเทศไทย เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างประเทศ ยอมรับความแตกต่างทาง วัฒนธรรม และอยูร่ ่วมกันได้อย่างสันติสุข ศึกษาประวตั ิศาสตร์ความเป็นมาของชาติไทยในสมยั รตั นโกสินทร์ ใน เรื่องเก่ยี วกับการสถาปนา อาณาจักร ปัจจยั ทสี่ ่งเสริมความเจรญิ รุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและการปกครอง พัฒนาการ ทางด้านต่าง ๆ โดยสังเขป ผลงานของบุคคลสำคัญ เพ่ือให้เกิดความรักและภาคภูมใิ จในความเป็นชาตไิ ทย ตระหนักถึงความ พากเพยี รพยายามของ บรรพบุรุษทไ่ี ด้ปกป้อง และสร้างสรรค์ความเจรญิ ให้บ้านเมืองตกทอด เป็นมรดกทาง วัฒนธรรมสืบต่อถึงปัจจบุ ัน โดยใช้ทักษะ สืบคน้ การอธิบาย การวิเคราะห์ กระบวนการสำรวจ การวิเคราะห์ การตรวจสอบข้อมลู การจำแนก การตีความ เพ่ือฝึกทักษะการสบื ค้นข้อมูลด้วยวิธีการทางประวตั ิศาสตร์การสรปุ ความ การนำเสนอ ข้อมลู เพ่ือเข้าใจความเป็นมาของชาตไิ ทยในอดตี รวมทั้งวัฒนธรรม ไทย ภูมิปัญญาไทย และบุคคลสำคัญใน ประวัติศาสตรไ์ ทย มีความรักและความภมู ใิ จในความเปน็ ไทย ตระหนัก ถึงความพากเพียรพยายามของบรรพบุรุษ ไทยทีไ่ ดป้ กป้อง และสร้างสรรค์ความเจรญิ ให้บา้ นเมืองตกทอด เป็นมรดกทางวัฒนธรรมสืบต่อถึงปัจจุบัน มาตรฐาน/ตัวช้ีวดั ส 4.1 ป 6/1, ป 6/2 ส 4.2 ป 6/1, ป 6/2 ส 4.3 ป 6/1, ป 6/2, ป 6/3, ป 6/4 รวมท้ังหมด 8 ตัวช้ีวัด

การจดั การเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการสำคัญในการนำหลักสูตรสู่การปฏิบัติ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนเป็นเป้าหมาย สำหรบั พัฒนาเด็กและเยาวชน ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณสมบัติตามเป้าหมายหลักสูตร ผู้สอนพยายามคัดสรรกระบวนการเรียนรู้ จดั การเรยี นรูโ้ ดยช่วยให้ผู้เรียนเรียนร้ผู ่านสาระท่ีกำหนดไว้ในหลกั สูตร 8 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ รวมท้ังปลูกฝังเสริม เสริมสร้างคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ พฒั นาทกั ษะต่างๆ อนั เปน็ สมรรถนะสำคญั ใหผ้ เู้ รยี นบรรลุตามเป้าหมาย 1. หลักการจดั การเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญและ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยยึดหลักว่า ผู้เรียนมี ความสำคัญที่สุด เชื่อว่าทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ยึดประโยชน์ที่เกิดกับผู้เรียน กระบวนการจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผูเ้ รียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ คำนึงถึงความ แตกตา่ งระหวา่ งบุคคลและพฒั นาการทางสมอง เน้นใหค้ วามสำคัญทัง้ ความรู้ และคุณธรรม 2. กระบวนการเรยี นรู้ การจัดการเรียนรูท้ เี่ นน้ ผูเ้ รยี นเปน็ สำคญั ผู้เรยี นตอ้ งอาศยั กระบวนการเรียนรทู้ ห่ี ลากหลายเป็นเคร่ืองมือที่ จะนำพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ที่จำเป็นสำหรับผู้เรียน อาทิ กระบวนการเรียนรู้ แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชิญสถานการณ์ และแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้ จากประสบการณ์จริง กระบวนการปฏิบัติลงมือทำจริง กระบวนการจัดการ กระบวนการวิจัย กระบวนการเรยี นรขู้ องตนเอง กระบวนการพัฒนาลักษณะนสิ ัย กระบวนการเหล่านี้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝน พัฒนา เพราะจะ สามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี บรรลุเป้าหมายของหลักสูตร ดังนั้น ผู้สอนจึงจำเป็นต้องศึกษาทำความ เขา้ ใจในกระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ เพือ่ ให้สามารถเลือกใช้ในการจดั กระบวนการเรยี นรไู้ ด้อย่างมปี ระสิทธิภาพ 3. การออกแบบการจัดการเรียนรู้ ผสู้ อนต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาใหเ้ ข้าใจถงึ มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชว้ี ดั สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียน แล้วจึงพิจารณาออกแบบการจัดการเรียนรู้ โดยเลือกใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอน สื่อ/แหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผล เพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตาม ศักยภาพและบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนด

4. บทบาทของผู้สอนและผเู้ รียน การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตร ทั้งผู้สอนและผู้เรียนควรมีบทบาท ดงั น้ี 4.1 บทบาทของผสู้ อน 1) ศึกษาวเิ คราะหผ์ ู้เรียนเป็นรายบคุ คล แล้วนำข้อมลู มาใชใ้ นการวางแผนการจดั การเรียนรู้ ที่ท้า ทายความสามารถของผเู้ รยี น 2) กำหนดเป้าหมายทตี่ ้องการให้เกิดข้นึ กับผ้เู รียน ดา้ นความรู้และทักษะกระบวนการ ท่ีเป็นการ คดิ รวบยอด หลกั การ และความสมั พนั ธ์ รวมทั้งคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 3) ออกแบบการเรยี นรู้และจดั การเรียนรู้ท่ีตอบสนองความแตกต่างระหวา่ งบุคคลและพัฒนาการ ทางสมอง เพอ่ื นำผเู้ รยี นไปสูเ่ ปา้ หมาย 4) จดั บรรยายเพ่อื เอ้ือต่อการเรยี นรู้ และดแู ลชว่ ยเหลือผูเ้ รยี นให้เกดิ การเรยี นรู้ 5) จัดเตรยี มและเลือกใชส้ ่ือใหเ้ หมาะสมกับกจิ กรรม นำภูมปิ ัญญาท้องถ่ิน เทคโนโลยีท่ีเหมาะสม มาประยกุ ต์ใชใ้ นการจัดการเรียนการสอน 6) ประเมนิ ความกา้ วหน้าของผ้เู รยี นดว้ ยวธิ ีการทห่ี ลากหลาย เหมาะสมกบั ธรรมชาติของวิชาและ ระดับพัฒนาการของผเู้ รยี น 7) วิเคราะห์ผลการประเมินมาใช้ในการซ่อมเสริมและพัฒนาผู้เรียน รวมทั้งปรับปรุงการจัดการ เรียนการสอนของตนเอง 4.2 บทบาทของผเู้ รียน 1) กำหนดเป้าหมาย วางแผน และรบั ผิดชอบการเรยี นรู้ของตนเอง 2) เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถึงแหล่งเรียนรู้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อความรู้ ตั้งคำถาม คิดหา คำตอบหรอื แนวทางแก้ปัญหาดว้ ยวธิ กี ารตา่ งๆ 3) ลงมอื ปฏบิ ตั จิ รงิ สรปุ สง่ิ ทีไ่ ด้เรยี นรดู้ ้วยตนเอง และนำความรู้ไปประยุกตใ์ ช้ในสถานการณต์ า่ งๆ 4) มปี ฏิสัมพนั ธ์ ทำงาน ทำกิจกรรมร่วมกับกลุ่มและครู 5) ประเมนิ และพฒั นากระบวนการเรยี นรขู้ องตนเองอย่างตอ่ เนื่อง

ส่ือการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้เป็นเครื่องมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึงทักษะ กระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ สื่อการเรียนรู้มีหลากหลาย ประเภท ทั้งสื่อธรรมชาติ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยี และเครือข่าย การเรียนรู้ต่าง ๆ ที่มีในท้องถิ่น การเลือกใช้สือ่ ควรเลือกให้มีความเหมาะสมกบั ชระดบั พัฒนาการ และลลี าการเรียนรทู้ ่หี ลากหลายของผ้เู รียน การจัดหาสื่อการเรียนรู้ ผู้เรียนและผู้สอนสามารถจัดทำและพัฒนาขึ้นเอง หรือปรับปรุงเลือกใช้อย่างมี คุณภาพจากสื่อต่างๆ ที่มีอยู่รอบตัวเพื่อนำมาใช้ประกอบในการจัดการเรียนรู้ที่สามารถส่งเสริมและสื่อสารให้ ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยสถานศึกษาควรจัดให้มีอย่างพอเพียง เพื่อพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริง สถานศกึ ษา เขตพืน้ ท่กี ารศกึ ษา หน่วยงานทีเ่ กี่ยวขอ้ งและผ้มู ีหน้าท่ีจัดการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน ควรดำเนินการดงั นี้ 1. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์สื่อการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้ และเครือข่ายการเรียนรู้ที่มี ประสิทธิภาพทั้งในสถานศึกษาและในชุมชน เพื่อการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้ ระหว่างสถานศกึ ษา ท้องถิ่น ชมุ ชน สังคมโลก 2. จัดทำและจัดหาสื่อการเรียนรู้สำหรับการศึกษาค้นคว้าของผู้เรียน เสริมความรู้ให้ผู้สอน รวมทั้งจัดหา ส่งิ ที่มีอยใู่ นทอ้ งถน่ิ มาประยกุ ต์ใช้เปน็ ส่ือการเรียนรู้ 3. เลือกและใช้สือ่ การเรียนรู้ที่มีคณุ ภาพ มคี วามเหมาะสม มคี วามหลากหลาย สอดคลอ้ งกับวิธีการเรียนรู้ ธรรมชาติขงิ สาระการเรียนรู้ และความแตกต่างระหวา่ งบุคคลของผ้เู รยี น 4. ประเมนิ คณุ ภาพของสอ่ื การเรียนรทู้ ่ีเลอื กใช้อย่างเปน็ ระบบ 5. ศกึ ษาค้นคว้า วิจัย เพือ่ พัฒนาส่ือการเรยี นรใู้ ห้สอดคลอ้ งกับกระบวนการเรยี นร้ขู องผูเ้ รยี น 6. จัดให้มีการกำกับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเกี่ยวกับสื่อและการใช้สื่อการเรียนรู้เป็น ระยะ ๆ และสมำ่ เสมอ ในการจดั ทำ การเลอื กใช้ และการประเมินคุณภาพส่ือการเรียนรู้ทใ่ี ช้ในสถานศกึ ษา ควรคำนึงถึงหลักการ สำคัญของสื่อการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้ การออกแบบกิจกรรมการ เรียนรู้ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เนื้อหามีความถูกต้องและทันสมัย ไม่กระทบความมั่นคงของชาติ ไม่ขัดต่อ ศลี ธรรม มกี ารใชภ้ าษาทถี่ กู ตอ้ ง รปู แบบการนำเสนอทเ่ี ข้าใจง่ายและนา่ สนใจ

การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ของผู้เรยี นต้องอยูบ่ นหลักการพื้นฐานสองประการ คือ การประเมินเพ่อื พัฒนาผู้เรียนและเพื่อตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพของการเรียนรู้ของผู้เรียนให้ประสบผลสำเร็จนั้น ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพื่อให้บรรลุจามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะ สำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในทุก ระดับไม่ว่าจะเป็นระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพื้นที่การศึกษา และระดับชาติ การวัดและ ประเมินผลการเรียนรู้เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนโดยใช้ผลการประเมินเป็นข้อมูลและสารสนเทศท่ี แสดงพัฒนาความก้าวหนา้ และความสำเรจ็ ทางการเรยี นของผ้เู รียน ตลอดจนขอ้ มูลทเี่ ปน็ ประโยชนต์ ่อการส่งเสริม ให้ผูเ้ รียนเกดิ การพฒั นาและเรยี นรอู้ ย่างเต็มตามศกั ยภาพ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับ เขตพน้ื ที่การศึกษา และระดับชาติ มรี ายละเอยี ด ดงั นี้ 1. การประเมินระดับชั้นเรียน เป็นการวัดและประเมินผลที่อยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ ผู้สอน ดำเนินการเป็นปกติและสม่ำเสมอ ในการจัดการเรียนการสอนใช้เทคนิคการประเมินอย่างหลากหลาย เช่น การ ซกั ถาม การสงั เกต การตรวจการบ้าน การประเมนิ โครงงาน การประเมนิ ชิ้นงาน/ภาระงาน แฟ้มสะสมงาน การใช้ แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนประเมินตนเอง เพื่อนประเมินเพื่อน ผูป้ กครองร่วมประเมิน ในกรณที ี่ไม่ผ่านตัวช้วี ดั ใหม้ ีการสอนซอ่ มเสรมิ การประเมนิ ระดับช้ันเรียนเป็นการตรวจสอบวา่ ผเู้ รียนมีพฒั นาการความกา้ วหนา้ ในการเรยี นรู้ อนั เป็นผล มาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มีสิ่งที่จะต้องได้รับการพัฒนาปรับปรุงและ ส่งเสริมในดา้ นใด นอกจากน้ยี งั เป็นข้อมลู ใหผ้ ู้สอนใช้ปรับปรุงการเรียนการสอนของตนด้วย ทง้ั น้ีโดยสอดคล้องกับ มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวชวี้ ดั 2. การประเมินระดับสถานศึกษา เป็นการประเมินที่สถานศึกษาดำเนินการเพื่อตัดสินผลการเรียนของ ผู้เรยี นเป็นรายป/ี รายภาค ผลการประเมินการอา่ น คิดวเิ คราะหแ์ ละเขียน คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ และกจิ กรรม พัฒนาผเู้ รียน นอกจากนเี้ พ่อื ใหไ้ ดข้ ้อมลู เก่ยี วกบั การจัดการศึกษาของสถานศึกษา ว่าส่งผลตอ่ การเรียนรขู้ องผูเ้ รียน ตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมทั้งสามารถนำผลการเรียนของผู้เรียนในสถานศึกษา เปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและสารสนเทศเพื่อการปรับปรุง นโยบาย หลักสตู ร โครงการ หรอื วิธกี ารจดั การเรยี นการสอน ตลอดจนเพ่อื การจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา ของสถานศึกษา ตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและรายงานผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการ สถานศึกษา สำนกั งานเขตพนื้ ที่การศกึ ษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน ผู้ปกครองและชมุ ชน 3. การประเมินระดับเขตพื้นทีก่ ารศึกษา เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพื้นที่การศึกษาตา มาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาคุณภาพ การศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษาตามภาระการรับผิดชอบ สามารถดำเนินการโดยประเมินคุณภาพผลสัมฤทธิ์ของ ผู้เรียนด้วยข้อสอบมาตรฐานที่จัดทำและดำเนินการโยเขตพื้นที่การศึกษาหรือด้วยความร่วมมือกับหน่วยงานต้น

สังกัดในการดำเนินการจัดสอบ นอกจากนยี้ ังได้จากการตรวจสอบทบทวนข้อมูลจากการประเมนิ ระดบั สถานศึกษา ในเขตพื้นทก่ี ารศึกษา 4. การประเมินระดับชาติ เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับชาติตามมาตรฐานการเรียนรู้ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน สถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียนทุกคนที่เรียนในชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3 ช้ัน ประถมศึกษาปีท่ี 6 ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 3 และชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 6 เข้ารับการประเมินผล จากการประเมินใช้เป็น ข้อมูลในการเทียบเคียงคุณภาพการศึกษาในระดับต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ ในการวางแผนยกระดับคุณภาพการจัด การศกึ ษา ตลอดจนเป็นข้อมลู สนับสนุนการตัดสินใจในระดับนโยบายของประเทศ ข้อมูลการประเมินในระดับต่าง ๆ ข้างต้น เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาในการตรวจสอบทบทวนพัฒนา คุณภาพผู้เรียน ถือเป็นภาระความรับผิดชอบของสถานศึกษาที่จะต้องจัดระบบดุแลช่วยเหลือ ปรับปรุง แก้ไข ส่งเสริมสนับสนุนเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพื้นฐานความแตกต่างระหว่างบุคคลที่จำแนกตาม สภาพปัญหาและความต้องการ ได้แก่ กลุ่มผู้เรียนทั่วไป กลุ่มผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ กลุ่มผู้เรียนที่มี ผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นต่ำ กลมุ่ ผเู้ รียนทมี่ ีปัญหาดา้ นวินัยและพฤติกรรม กลุ่มผเู้ รยี นท่ปี ฏิเสธโรงเรียน กลุ่มผู้เรียน ที่มีปัญหาเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มพิการทางร่างกายและสติปัญญา เป็นต้น ข้อมูลจากการประเมินจึงเป็นหัวใจ ของสถานศึกษาในการดำเนินการช่วยเหลือผู้เรียนได้ทันท่วงที เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาและประสบ ความสำเร็จในการเรียน สถานศึกษาในฐานะผู้รับผิดชอบจัดการศึกษา จะต้องจัดทำระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผลการ เรียนของสถานศึกษาโดยเน้นความสอดคล้องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติที่เป็นข้อกำหนดของ หลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน เพ่ือใหบ้ คุ ลากรทเี่ กยี่ วขอ้ งทกุ ฝ่ายถอื ปฏิบัตริ ว่ มกนั เกณฑก์ ารวัดและประเมินผลการเรียน 1. การตดั สิน การให้ระดับและการายงานผลการเรียน 1.1 การตัดสนิ ผลการเรียน ในการตัดสินผลการเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียนนั้น ผู้สอนต้องคำนงึ ถงึ การพัฒนาผูเ้ รียนแต่ละคนเปน็ หลัก และต้องเกบ็ ข้อมูลของผู้เรียนทุกด้านอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องในแต่ละภาคเรียน รวมทั้งสอนซ่อมเสริมผู้เรียนให้พัฒนาจน เตม็ ตามศักยภาพ ระดบั ประถมศกึ ษา (1) ผู้เรยี นต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียนทัง้ หมด (2) ผู้เรียนต้องไดร้ บั การประเมินทกุ ตวั ชีว้ ัด และผ่านตามเกณฑ์ทสี่ ถานศกึ ษากำหนด (3) ผูเ้ รียนต้องไดร้ ับการตดั สินผลการเรียนทกุ รายวิชา (4) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมิน และมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษา กำหนดในการอา่ น คิดวเิ คราะหแ์ ละเขยี น คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ และกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น

ระดบั มธั ยมศกึ ษา (1) ตัดสินผลการเรียนเป็นรายวิชา ผู้เรียนต้องมีเวลาเรียนตลอดภาคเรียนไม่น้อยกว่า รอ้ ยละ 80 จองเวลาเรียนทัง้ หมดในรายวิชานนั้ ๆ (2) ผเู้ รียนต้องไดร้ บั การประเมนิ ทุกตัวช้วี ดั และผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศกึ ษากำหนด (3) ผู้เรียนตอ้ งไดร้ บั การตดั สินผลการเรยี นทุกรายวิชา (4) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมิน และมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษา กำหนดในการอ่าน คิดวเิ คราะห์และเขยี น คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การพิจารณาเลื่อนชั้นทั้งระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ถ้าผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียง เล็กนอ้ ยและสถานศึกษาพจิ ารณาเห็นว่าสามารถพัฒนาและซ่อมเสริมได้ ใหอ้ ยใู่ นดลุ พินจิ ของสถานศึกษาที่จะผ่อน ผันใหเ้ ลื่อนช้นั ได้ แต่หากผเู้ รียนไม่ผ่านรายวชิ าจำนวนมากและมีแนวโน้มว่าจะเปน็ ปญั หาต่อการเรยี นในระดับช้ันท่ี สูงขึ้น สถานศึกษาอาจตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้ำชั้นได้ ทั้งนี้ให้คำนึงถึงวุฒิภาวะและความรู้ ความสามารถของผเู้ รียนเปน็ สำคัญ 1.2 การให้ระดบั ผลการเรียน ระดับประถมศกึ ษา ในการตดั สนิ เพ่อื ใหร้ ะดบั ผลการเรยี นรายวิชา สถานศึกษาสามารถให้ระดับ ผลการเรียนหรือระดบั คุณภาพการปฏิบตั ิของผู้เรยี นเป็นระบบตวั เลข ระบบตัวอกั ษร ระบบรอ้ ยละ และระบบที่ใช้ คำสำคัญสะทอ้ นมาตรฐาน การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์นั้น ให้ระดับผลการ ประเมินเป็น ดีเย่ยี ม ดี และผ่าน การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนจะต้องพิจารณาทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติ กิจกรรมและผลงานของผูเ้ รียน ตามเกณฑท์ ี่สถานศึกษากำหนด และใหผ้ ลการเข้ารว่ มกิจกรรมเป็นผา่ นและไมผ่ ่าน ระดับมัธยมศกึ ษา ในการตดั สินเพื่อให้ระดบั ผลการเรยี นรายวชิ า ให้ใชต้ ัวเลขแสดงระดบั ผลการ เรียนเปน็ 8 ระดบั การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์นั้น ให้ระดับผลการ ประเมินเป็น ดเี ยี่ยม ดี และผ่าน การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนจะต้องพิจารณาทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติ กจิ กรรมและผลงานของผ้เู รยี น ตามเกณฑท์ ส่ี ถานศึกษากำหนด และใหผ้ ลการเขา้ ร่วมกจิ กรรมเป็นผ่านและไม่ผา่ น 1.3 การรายงานผลการเรียน การรายงานผลการเรยี นเปน็ การส่ือสารให้ผู้ปกครองและผเู้ รยี นทราบความกา้ วหนา้ ในการเรียนรู้ ของผู้เรียน ซึ่งสถานศึกษาต้องสรุปผลการประเมินและจัดทำเอกสารรายงานให้ผู้ปกครองทราบเป็นระยะ ๆ หรือ อยา่ งนอ้ ยภาคเรียนละ 1 ครงั้ การรายงานผลการเรียนสามารถรายงานเป็นระดับคุณภาพการปฏิบัติของผู้เรียนที่สะท้อน มาตรฐานการเรียนรกู้ ลุม่ สาระการเรยี นรู้

2. เกณฑก์ ารจบการศกึ ษา หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน กำหนดเกณฑ์กลางสำหรับการจบการศึกษาเป็น 3 ระดับ คือ ระดับประถมศกึ ษา ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ และระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 2.1 เกณฑก์ ารจบระดับประถมศกึ ษา (1) ผเู้ รยี นเรยี นรายวชิ าพื้นฐานและรายวชิ า/กิจกรรมเพิ่มเติมตามโครงสร้างเวลาเรียนที่หลักสูตร แกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐานกำหนด (2) ผเู้ รยี นตอ้ งมผี ลการประเมินรายวชิ าพื้นฐานผ่านเกณฑ์การประเมนิ ตามท่ีสถานศึกษากำหนด (3) ผเู้ รียนมีผลการประเมินการอา่ น คิดวเิ คราะห์และเขียน ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมนิ ตามที่ สถานศึกษากำหนด (4) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ี สถานศึกษากำหนด (5) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ี สถานศกึ ษากำหนด 2.2 เกณฑ์การจบระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ (1) ผู้เรียนเรยี นรายวิชาพ้นื ฐานและรายวิชาเพิ่มเตมิ ไม่เกนิ 81 หน่วยกิต โดยเปน็ รายวิชาพ้ืนฐาน 63 หน่วยกติ และรายวชิ าเพมิ่ เติมตามที่สถานศึกษากำหนด (2) ผู้เรียนต้องได้หน่วยกิตตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า 77 หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชาพื้นฐาน 63 หน่วยกติ และรายวชิ าเพ่ิมเติมไมน่ ้อยกวา่ 14 หน่วยกิต (3) ผ้เู รียนมผี ลการประเมินการอ่าน คิดวเิ คราะหแ์ ละเขียน ในระดับผ่านเกณฑก์ ารประเมินตามที่ สถานศึกษากำหนด (4) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ี สถานศึกษากำหนด (5) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ี สถานศึกษากำหนด 2.3 เกณฑก์ ารจบระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย (1) ผเู้ รียนเรียนรายวิชาพืน้ ฐานและรายวชิ าเพ่มิ เติมไม่เกิน 81 หนว่ ยกิต โดยเป็นรายวิชาพ้ืนฐาน 39 หนว่ ยกิต และรายวิชาเพิม่ เตมิ ตามทส่ี ถานศึกษากำหนด (2) ผู้เรียนต้องได้หน่วยกิตตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า 77 หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชาพื้นฐาน 39 หน่วยกิต และรายวิชาเพมิ่ เตมิ ไมน่ ้อยกว่า 38 หนว่ ยกิต (3) ผู้เรียนมผี ลการประเมินการอา่ น คดิ วิเคราะห์และเขยี น ในระดับผ่านเกณฑก์ ารประเมินตามท่ี สถานศกึ ษากำหนด

(4) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่ สถานศึกษากำหนด (5) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ี สถานศึกษากำหนด สำหรับการจบการศึกษาสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น การศึกษาเฉพาะทาง การศึกษาสำหรับผู้มี ความสามารถพิเศษ การศึกษาทางเลือก การศึกษาสำหรับผู้ดอ้ ยโอกาส การศึกษาตามอัธยาศัย ให้คณะกรรมการ สถานศึกษา เขตพื้นที่การศึกษา และผู้ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักเกณฑ์ในแนว ปฏิบัติการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรูข้ องหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐานสำหรับกลุม่ เปา้ หมายเฉพาะ