มะกล่าตาหนู สรรพคุณและประโยชน์ของมะกล่าตาหนูมะกล่าตาหนู
มะกลา่ ตาหนูมะกลํ่าตาหนู ช่ือสามัญ American pea, Buddhist rosary bean, Crab’s eye, Crab’s eyevine, Indian bead, Jequirity bean, Seminole bead, Prayer beads, Precatorybean, Rosary Pea, lucky bean, Weather plant, Wild licorice[1],[3],[8],[10]มะกลา่ ตาหนู ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Abrus precatorius L. จดั อยใู่ นวงศถ์ ว่ั(FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และอยใู่ นวงศย์ อ่ ยถว่ั FABOIDEAE (PAPILIONOIDEAE หรือ PAPILIONACEAE)[1],[4],[7]สมุนไพรมะกลา่ ตาหนู มีชื่อทอ้ งถิ่นอื่น ๆ วา่ กล่าตาไก่ กล่าเครือ มะกล่าแดง มะกลา่ เครือ มะแคก้ มะแคก๊ (เชียงใหม่), เกมกรอม (สุรินทร์), มะขามเถา ไมไ้ ฟ (ตรัง), กล่าเครือ ก่าเครือ กล่าตาไก่ ก่าตาไก่ ตากล่า มะกลา่ เครือ (ภาคเหนือ, ภาคอีสาน),หมากกล่าตาแดง (ภาคอีสาน), ชะเอมเทศ ตากล่า มะกล่าตาหนู (ภาคกลาง), เกรมกรอม (เขมร), โทวกาเช่า เซียงจือจ้ี (จีนแต่จิ๋ว), เซียงซือจ่ือ เซียงซวั โตว้ (จีนกลาง), มะกล่าดา ตาดาตาแดง เป็นตน้
ลกั ษณะของมะกลา่ ตาหนูต้นมะกลา่ ตาหนู มีเขตการกระจายพนั ธุ์ต้งั แต่อินเดียไปจนถึงเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ โดยจดั เป็นไมเ้ ถาเล้ือยมีอายไุ ดห้ ลายปี มีความสูงของตน้ ไดถ้ ึง 5 เมตรโดยจดั เป็นไมเ้ ถาเน้ืออ่อนสีเขียวขนาดเลก็ เถามีลกั ษณะกลมเลก็ เรียวและมีขนสีขาวข้ึนปกคลุม ที่โคนเถาช่วงล่างจะแขง็ และมีขนาดใหญ่ ขยายพนั ธุ์โดยการใช้เมลด็ เจริญเติบโตไดด้ ีในดินทุกประเภท เป็นพรรณไมท้ ่ีชอบข้ึนตามบริเวณที่มีความช้ืน มกั พบข้ึนทว่ั ไปตามป่ าเปิ ดหรือในท่ีโล่ง ท่ีรกร้าง ป่ าตามทุ่งนา หรือตามป่ าเตง็ รัง
ใบมะกลำ่ ตำหนู ใบเป็ นใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ออกเรียงสลับ ในกา้ นหนึ่งจะมีใบย่อประมาณ 8-20 คู่ ลักษณะของใบย่อยเป็ นรูปรีแกมรูปขอบขนาน ปลายใบมน มีหนามขนาดเล็กติดอยู่ โคนใบมน ส่วนขอบใบเรียบขนาน ใบมีขนาดกวา้ งประมาณ 3-8มิลลิเมตรและยาวประมาณ 5-20 มิลลิเมตร แผ่นใบเรียบ หลังใบมีขนปกคลุม ส่วนทอ้ งใบมีขนเล็กน้อย และมีหูใบ
ดอกมะกลำ่ ตำหนู ออกดอกเป็ นช่อแบบช่อกระจะ โดยจะออกตามซอกใบ ยาวประมาณ 2.5-12 เซนติเมตร กา้ นช่อดอกใหญ่ น่ิม และมีขนปกคลุม ยาวได้ประมาณ 9 มิลลิเมตร กลีบเล้ ียงดอกเป็ นสีเขียวหรือสีม่วงอ่อน เช่ือมติดกัน ส่วนปลายแยกเป็ นแฉก 5 แฉก ส่วนกลีบดอกมีรอยหยัก 4 รอย เป็ นสีเขียวอมเหลือง ผิวนอกมีขนปกคลุม กลีบดอกด้านล่างจะใหญ่กว่ากลีบดอกด้านบน และจะอัดกันแน่นติดอยู่ในช่อเดียวกัน ดอกเป็ นรูป ดอกถัว่ กลีบดอกเป็ นสีชมพูแกมสีม่วง ดอกมีขนาดเล็ก ยาวประมาณ 3 มิลลิเมตร กลีบกลางเป็ นรูปไข่กลับ ส่วนกลีบคู่ด้านข้างเป็ นรูปขอบขน าน และกลีบคู่ด้านล่างเป็ นรูปไข่แกมรูปขอบขนาน ดอกมีเกสรเพศผู้ 9 กา้ น เกสรเพศเมียมีรังไข่เป็ นรูปขอบขนาน มีขน ติดกันเป็ นกระจุก มีใ บประดับเป็ นรูปหอก ใบประดับย่อยเป็ นรูปแถบแกมรูปขอบขนาน ปลายแหลม โด ยจะออกดอกในช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนธันวาคม
ผลมะกลำ่ ตำหนู ออกผลเป็ นฝัก ลักษณะของฝักเป็ นรูปกระบอกแกมรูปไข่ โดยจะออกเป็ นพวง ๆ ฝักมีลักษณะแบนยาว ปลายฝักแหลม มีขนาดกวา้ งประมาณ 1.2-1.4 เซนติเมตรและยาวได้ประมาณ 2-4.5 เซนติเมตร ฝักมีขนสีน้าตาล เปลือกฝักเหนียวฝักอ่อนเป็ นสีเขียว ส่วนฝักแก่แตกไดต้ ามแนวยาว ภายในฝักมีเมล็ดประมาณ 3-6 เมล็ด ลักษณะของเมล็ดเป็ นรูปกลมรี มีขนาดเสน้ ผ่านศูนยก์ ลางประมาณ 3-5 มิลลิเมตร เมล็ดเป็ นสี
สรรพคณุ ของมะกลำ่ ตำหนูใบมรี สหวานใชช้ งกบั น้าด่ืมแทนน้าชา จะชว่ ยแกอ้ าการรอ้ นในกระหายน้าได้ (ใบ) ส่วนเถาและรากกเ็ ป็ นยาแกร้ อ้ นในกระหายน้าเช่นกนั (เถาและราก)เถาและรากมรี สจดื ชุม่ เป็ นยาสุขมุ ไมม่ ีพิษ เป็ นยาขบั พิษรอ้ น (เถาและราก) ใบใชต้ ม้ กบั น้าดื่มแกอ้ าการเจ็บคอ แกห้ ลอดลมอกั เสบ แกไ้ อ (ใบ) รากแกเ้ จบ็ คอ ไอแหง้ (บา้ งวา่ ใชแ้ กเ้ ผ่ือซางได้ดว้ ย) ดว้ ยการใชร้ ากแหง้ ประมาณ 10-15 กรมั นามาตม้ กบั น้ารบั ประทาน (ราก) ส่วนเถาและรากแกห้ ลอดลมอกั เสบ (เถาและราก) รากมรี สเปร้ ียวข่นื เป็ นยาแกไ้ อ แกห้ วดั แกไ้ อแหง้เสียงแหง้ กลอ่ งเสียอกั เสบ ตารายาไทยจะใชร้ ากนามาชงกบั น้าด่ืมเป็ นยาแกไ้ อและหวดั(ราก) สว่ นเถาและรากช่วยแกไ้ อหวดั ไอแหง้ แกค้ ออกั เสบ คอบวม คอเจบ็ แกเ้ สียงแหง้ ดว้ ยการใชเ้ ถาและรากแหง้ ประมาณ 10-15 กรมั นามาตม้ กบั น้าด่ืมเป็ นยา (เถาและราก)
ชว่ ยแกอ้ าเจียน (เถาและราก) เถาและรากนามาตม้ กบั น้าด่ืมเป็นยาแกห้ ืด (เถาและราก) ใบนามาตม้ กบั น้าด่ืมจะชว่ ยกระตุน้ น้าลาย (ใบ) ชว่ ยขบั เสมหะ กดั เสมหะ (ราก, เถาและราก) ชว่ ยแกส้ ะอึก (ราก) ชว่ ยหลอ่ ล่ืนปอด (เถาและราก) รากใชเ้ ป็นยาขบั ปัสสาวะ ดว้ ยการใชร้ ากแหง้ ประมาณ 10-15 กรัม นามาตม้ กบั น้าด่ืม (ราก, เถาและราก, ใบ) ชว่ ยแกต้ บั อกั เสบ (เถาและราก, ใบ) ชว่ ยแกด้ ีซา่ น (เถาและราก) เมล็ดมะกลํา่ ตาหนูมีพิษ ใชไ้ ดเ้ ฉพาะเป็นยาทาภายนอก โดยจะมีรสเผ็ดเมาเบ่ือ ใหใ้ ชเ้ มล็ดแหง้ นามาบดใหล้ ะเอียดผสมกบั น้ามนั พืช น้า น้ามนั มะพรา้ ว หรือเกลือ ใชพ้ อกหรือทาแกโ้ รคผิวหนัง ฆา่ เช้ือ บริเวณผิวหนัง กลากเกล้ือน หิด ฝีมีหนอง ฆา่ พยาธิผิวหนัง และแกอ้ าการบวมอกั เสบได้ (เมล็ด) ใบใชต้ าพอกแกป้ วดบวม แกอ้ กั เสบ หรือนามาตาใหล้ ะเอียดผสมกบั น้าผ้ึงหรือน้ามนั พืชกอ่ นนามาใชพ้ อก (ใบ) ใบใชต้ ม้ กบั น้าด่ืมเป็นยาแกอ้ าการปวดบวมตามขอ้ ปวดตามแนวประสาท (ใบ) หมายเหตุ : การใชต้ าม ในสว่ นของใบใชภ้ ายในใหน้ าใบสดประมาณ 20-30 กรัม มาตม้ กบั น้าด่ืม สว่ นการใชต้ าม ราก เถา ใบ ใหใ้ ชย้ าแหง้ ครั้งละ 10-18 กรัม นามาตม้ กบั น้ารับประทาน
ข้อควรระวงั ในการใช้สมุนไพรมะกลา่ ตาหนู เมลด็ มะกล่าตาหนูมีพษิ มาก หา้ มนามาเค้ียวรับประทานเดด็ ขาด หากนามาเค้ียวรับประทานเพียง 1-2 เมลด็ จะทาใหเ้ กิดอาการคลื่นไสอ้ าเจียน มีอาการปวดทอ้ งอยา่ งรุนแรง ตบั และไตถูกทาลาย ทาใหช้ กั และเสียชีวติ ได้ และควรปฐมพยาบาลโดยการทาใหอ้ าเจียนและรีบนาส่งโรงพยาบาล แต่ถา้ กลืนไปท้งั เมลด็ จะไม่เป็นพิษ เพราะเปลือกแขง็ ไม่ถูกยอ่ ยในทางเดินอาหาร แต่ถา้ ขบหรือเค้ียวเมลด็ ใหแ้ ตกและรับประทานเพียง 1-2 เมลด็ จะเป็นพษิ ถึงตาย ยงิ่ ถา้ เป็นเมลด็ อ่อนเปลือกจะยงิ่ บางและมีอนั ตรายมากกวา่ เมลด็ ในปริมาณเพยี ง 0.5 มิลลิกรัมกส็ ามารถทาใหเ้ กิดอาการเป็นพิษได้ หากไดร้ ับพิษในช่วงแรกจะมีอาการ คลื่นไสอ้ าเจียน ปวดทอ้ ง ทอ้ งเสีย ร่างกายมีอณุ หภูมิสูงข้ึนแลว้ จะลดลงอยา่ งรวดเร็ว และจะพบโปรตีนใน ปัสสาวะ หากไดร้ ับพษิ ในปริมาณมากจะมีอาการชกั จนเสียชีวติ การแกพ้ ิษเบ้ืองตน้ ใหใ้ ชช้ ะเอม 10-20 กรัมและดอกสายน้าผ้งึ 15 กรัม นามารวมกนั ตม้ กบั น้ารับประทานและรีบนาส่งโรงพยาบาล สารพิษ Abrin น้ีเม่ือถูกความร้อนจะสลายตวั ไดง้ ่าย แต่จะคงทนเมื่ออยใู่ นทางเดินอาหาร ในขนาดเพยี ง 0.01 มิลลิกรัมต่อน้าหนกั ตวั 1 กิโลกรัม หรือรับประทานเพียง 1 เมลด็ กส็ ามารถทาใหเ้ สียชีวติ ได้ หาก สารพิษถูกผิวหนงั อาจทาใหเ้ กิดผ่นื คนั และหากเขา้ ตาจะทาใหเ้ กิดอาการระคายเคืองและอาจถึงข้นั ตาบอดได้
อาการเป็ นพษิ จากเมล็ดมะกล่าตาหนู ใสหา้เรกเปิด็นผพลติษอ่ ครอื ะสบาบรแในลกะอลวมุ่ ยั tวoะตxา่aงlbๆuในmร่าiงnกา(ยabควrาinมร)ุนผแ้ปู ร่วงขยอทง่ีกพลษิ นื จเมะลมด็ากมนะ้กอลยาํ่แตตากหตนา่ จงู กะนัมไีชป่วงขภนึ ้ าอวยะกู่ทบั่ีอขากนาารดพทษิ ่ีรับยปงั ไรมะแ่ทสาดนงสในภชา่ววงะรระ่าหงกวา่างย 2แล-3ะอชาว่ัยโขุ มองงถผ้งึปู ่ว2ย-3หาวกนั ผ้จปู ่าวกยนไมนั้ ไ่ พดษิ้รับจกะทารา รักษาอยา่ งถกู ต้อง จะทาให้เสียชีวติ ได้ โดยผลของความเป็นพษิ ตอ่ ระบบตา่ ง ๆ จะเป็นดงั นี ้ รยะงั บอาบจกไรปะทเพาาละาอยาเยหื่อาบรแเุ มลือะกลขาไอสง้ ลสาาไรสพ้เลิษก็ Aทbาใrหin้อาจเจะียทนาเใปห็น้เกเลิดือกดารแอลกั ะเสมบีเลใอืนดกอรอะเกพทาาะงแอลจุ ะจลาารไะสไ้อดย้ า่ งรุนแรง ร่วมกบั มีอาการคลืน่ ไส้อาเจียน ท้องเสีย กลนื ลาบาก และปวดเกร็งท้อง และ รฤะทบธบิ์โดหยวั ตใจรงแตลอ่ะเหมล็ดอเลดอืเลดือแดดงพทิษาจใะหไ้เมมม่ ็ดีผเลลือตดอ่ ตหกวั ใตจะโกดอยนตแรลงะแแตตอ่ กาตจวัทจาในหอ้คาวจาทมาดใหนั ้เโกลิดหเิตลตอื า่ดอเกอิดกอใานกทาารงชเด็อกนิ อแาลหะาหรวัไใดจ้ เต้นเร็ว หลงั จากท่ีผ้ปู ่วยอาเจียนและท้องเสยี อยนู่ าน สารพษิ จะมี ระบบทางเดนิ หายใจ ผ้ปู ่วยจะเกิดการขาดเลอื ดหรือออกซิเจนจนทาให้ผิวหนงั เปลี่ยนเป็นสีเขียว ซง่ึ เป็นผลสืบเน่ืองมาจากที่ผ้ปู ่วยมีความดนั โลหิตตา่ และช็อก ระบบประสาทสว่ นกลาง อาจพบวา่ มีอาการเซื่องซมึ ประสาทหลอน มือสน่ั ชกั กระตกุ มีอาการคร่ึงหลบั คร่ึงต่นื เล่อื นลอย เพ้อ จนกระทง่ั ไม่รู้สกึ ตวั ระบบทางเดนิ ปัสสาวะ จะมีปัสสาวะน้อยลงหรือไมป่ ัสสาวะเลย ซงึ่ อาจเป็นผลมาจากความดนั โลหิตต่าท่ีเกิดขนึ ้ เป็นเวลานาน แตก่ ็อาจมีสาเหตมุ าจากภาวะไตล้มเหลวเฉียบพลนั การ อดุ ตนั ของทอ่ ปัสสาวะด้วยฮีโมโกลบนิ ท่ีมาจากเซลล์เม็ดเลอื ดแดงท่ีถกู ทาลาย ซงึ่ มีผลสง่ เสริมทาให้ไตวาย ทาให้มีเลือดออกมาพร้อมกบั ปัสสาวะ ปริมาณปัสสาวะน้อยเน่ืองจากเซลล์ ไตถกู ทาลาย ระบบกล้ามเนือ้ ทาให้กล้ามเนือ้ ออ่ นแรง กล้ามเนือ้ หดเกร็ง มือสน่ั และผิวหนงั แดง ผลตอ่ ตา หู คอ จมกู อาจมีอาการเลอื ดออกในเรตนิ า ซงึ่ เกิดขนึ ้ ในช่วงแรกที่ได้รับสารพษิ ทาให้การมองเห็นลดลง และหากตาโดนสารพิษจะทาให้เย่ือบตุ าบวมและแดงมาก นอกจากนี ้ การกลนื ลงไปอาจทาให้ระคายเคืองที่คอได้ ผลตอ่ ตบั สารพิษจะมีฤทธ์ิไปทาลายเซลล์หรือเนือ้ เย่ือของตบั ผแลละตกอ่ ลเม้าแมทเนบือ้อเลปซิ็นมึ ตะกคารริวอาโดเจยียผนลขทอ้องงกเสายีรอแาลเจะียมนีเลเปือ็ดนอเวอลกานจาะนนอาไาปจสทภู่าใาหว้เะกสิดญู ภเาสวยี ะนดาา้่ แงลในะรอ่าิเลงกก็ าโทยรเพไลิ่มตข์ซนึ ้ ง่ึ เแปต็นถ่ ส้าาผเ้ปูห่วตยทุ เากใิดหอ้ผา้ปู ก่วายรไชม็อร่กู้สแกึ ลตะวัไตกวลา้ายมอเนาือจ้ อทอ่ านใหเพ้เกลิดียภหาวัวใะจกเรกดิดเกพาิม่ รขเตนึ ้ ้นแผทดินปซกง่ึ ติ เป็นผลมาจากการรบกวนสมดลุ ของสภาวะกรดเบสในร่างกาย การท่ีร่างกายสญู เสียนา้ จะสง่ ผลโดยตรงตอ่ ไต ทาให้ผ้ปู ่วยปัสสาวะได้น้อยลง ซงึ่ อาจทาให้เสียชีวิตเน่ืองจากเกิดภาวะยรู ี เมียตามมาได้
ตวั อย่างผู้ได้รับพษิ จากเมลด็ มะกลา่ ตาหนู เดก็ เค้ียวเมลด็ มะกล่าตาหนูแลว้ เกิดพษิ มีอาการชกั รูม่านตาขยายกวา้ ง ประสาทหลอน และผวิ หนงั แดงเพราะเลือดสูบฉีด เดก็ หญิงอายุ 2 ปี รับประทานเมลด็ มะกล่าํ ตาหนู แลว้ ทาใหเ้ กิดอาการอกั เสบของระบบทางเดินอาหารนาน 4 วนั และภายหลงั ไดเ้ สียชีวติ ลง เน่ืองจาก acidosis เด็กชาย 9 ปี รับประทานเมลด็ มะกล่าตาหนู แลว้ มีอาการอาเจียนบ่อยคร้ัง ปวดทอ้ งอยา่ งรุนแรง มีอาการชกั และหมดสติ เดก็ ชายอายุ 9 และ 12 ปี รับประทานเมลด็ มะกล่าตาหนู 1 เมลด็ หรือมากกวา่ พบวา่ มีอาการอาเจียน ปวดทอ้ งอยา่ งรุนแรง และมีอาการถ่าย อุจจาระเป็นเลือดเกิดข้ึนตามมา 1 สปั ดาห์ ในขณะที่เดก็ อีกคนยงั คงมีเลือดออกทางทวารหนกั นานต่อเน่ืองไปอีก 2-3 เดือน ผใู้ หญ่เค้ียวเมลด็ มะกล่าตาหนูแลว้ เกิดอาการคลื่นไสภ้ ายใน 1 ชวั่ โมง และอาเจียนติดต่อกนั อีกหลายคร้ังภายใน 6 ชวั่ โมง หลงั จากน้นั มีอาการ ทอ้ งเสีย เสียดทอ้ ง เหง่ือออก ชีพจรเตน้ เร็ว มือสน่ั อ่อนเพลีย ไม่มีแรง และยนื ไม่ได้
วธิ ีแก้พษิ มะกลา่ ตาหนู• การช่วยเหลือเบ้ืองตน้ ในกรณีที่รับประทานไปไม่เกิน 30 นาที ใหร้ ีบทาใหผ้ ปู้ ่ วยอาเจียนเพ่อื เอาเมลด็ ออก โดยรับประทานน้าเชื่อม ipecac (แต่ผปู้ ่ วยจะตอ้ งไม่อยใู่ น สภาวะท่ีหา้ มทาใหอ้ าเจียนหรือมีอาการบวมของคอหอย) และใหเ้ กบ็ เมลด็ ท่ีผปู้ ่ วยรับประทานเขา้ ไป และหากเป็นไปไดใ้ หเ้ อาของเหลวที่ผปู้ ่ วยอาเจียนออกมาใส่ขวดสะอาด แลว้ นาไปตรวจสอบวา่ เป็นพชื พิษชนิดใด ถา้ ไม่สามารถทาใหผ้ ปู้ ่ วยอาเจียนได้ กใ็ หใ้ ชว้ ธิ ีการลา้ งทอ้ งแทน (แต่การลา้ งทอ้ งอาจใชไ้ ม่ไดผ้ ลหากผปู้ ่ วยกลืนเมลด็ ท่ีมีขนาดใหญ่ ลงไป) จากน้นั จึงใหท้ าการรักษาแบบประคบั ประคองไปตามอาการ โดยนาผลวเิ คราะห์ที่ไดจ้ ากหอ้ งปฏิบตั ิการ (เช่น ปริมาณเลือด ระดบั อิเลก็ โทรไลตใ์ นกระแสเลือด ปริมาณยเู รีย ควอี ะดินินในเลือด ขอ้ มูลตบั และผลวเิ คราะห์ปัสสาวะ) มาใชป้ ระกอบการรักษาดว้ ย[8]• ในกรณีท่ีผปู้ ่ วยไดร้ ับพษิ ทางการรับประทาน ใหล้ ดปริมาณของสารพิษในกระเพาะอาหารโดยการใช้ activated charcoal เพ่ือดูดซบั สารพิษ (ลา้ งกระเพาะ) แลว้ ตาม ดว้ ยการใหย้ าถ่ายจาพวก magnesium citrate และใหส้ ารอาหารน้าทางหลอดเลือดดา เพอ่ื รักษาสมดุลของเหลวในร่างกายแลว้ รักษาตามอาการ โดยระยะเวลาที่ผปู้ ่ วย มกั จะเสียชีวติ คือช่วงหลงั จากไดร้ ับพษิ ในช่วง 36-72 ชว่ั โมง ถา้ ผปู้ ่ วยไม่เสียชีวติ ในช่วงเวลาดงั กล่าว แสดงวา่ สามารถรอดชีวติ ได[้ 11]• ในกรณีท่ีคนไขเ้ สียน้ามาก อนั เน่ืองมาจากการอาเจียนและอาการถ่ายทอ้ ง ควรใหเ้ กลือแร่อิเลก็ โทรไลต์ และติดตามระดบั อิเลก็ โทรไลตใ์ นกระแสเลือด แกไ้ ขภาวะ metabolic acidosis ถา้ หากมีอาการเกิดข้ึน การสูญเสียน้าอาจทาใหเ้ กิดอาการชอ็ กท่ีมาจากการขาดเลือดร่วมกบั มีความดนั โลหิตต่า[8]• ในกรณีที่คนไขม้ ีอาการชกั กใ็ หย้ าตา้ นอาการชกั เช่น ไดอะซีแพม (diazepam) (แต่ในกรณีที่ผปู้ ่ วยเป็นเดก็ อาจใหไ้ ดอะซีแพมชนิดเหน็บทวาร) ใหย้ าบรรเทาอาการ ระคายคอ (เพอื่ ช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองของกระเพาะอาหารและคอหอย) ใหอ้ าหารแป้งกบั ผปู้ ่ วย (เพือ่ ช่วยป้องกนั การเกิดอาการพิษต่อตบั ) และใหค้ วามเยน็ กบั ผปู้ ่ วย ไม่ทาใหผ้ ปู้ ่ วยรู้สึกร้อน (เพราะอากาศร้อนจะยง่ิ ทาใหผ้ ปู้ ่ วยมีอาการพิษเพ่ิมข้ึน)[8]• ในกรณีที่ผปู้ ่ วยกลืนเมลด็ แก่โดยไม่เค้ียว เมลด็ จะผา่ นเขา้ ไปในลาไส้และออกมาโดยไม่เป็นอนั ตราย ดงั น้นั จึงอาจใหร้ ับประทานยาระบายเพ่ือเร่งการขบั ออกของลาไส้ แต่ หา้ มใชใ้ นกรณีท่ีผปู้ ่ วยมีอาการเป็นพิษเกิดข้ึน เพราะจะยงิ่ ทาใหค้ นไขท้ อ้ งเสียอยา่ งรุนแรงข้ึน และสูญเสียน้ามากยง่ิ ข้ึน[8]• ในกรณีผปู้ ่ วยไดร้ ับพิษสมั ผสั ทางผวิ หนงั ใหร้ ีบลดความเขม้ ขน้ ในการปนเป้ื อน ดว้ ยการลา้ งผวิ หนงั ท่ีสมั ผสั ดว้ ยน้าและน้าสบู่ในปริมาณมาก ๆ[11]• ในกรณีท่ีผปู้ ่ วยไดร้ ับพษิ โดยการหายใจ การช่วยเหลือคือ ใหก้ ารรักษาตามอาการของลกั ษณะผปู้ ่ วยท่ีมีอาการปอดบวมน้า และตอ้ งรับการช่วยเหลือเร่ืองการหายใจดว้ ย เคร่ืองช่วยหายใจ[11]
ประโยชน์ของมะกล่าตาหนู• ใบใช้ตาพอกเพื่อแก้จดุ ดา่ งดาบนใบหน้าได้• ในประเทศอินเดยี มีการนาสาร Glycyrrhizic มาใช้เป็นสารหวานแทนชะเอม• เมลด็ มีพิษใช้ทาเป็นยาฆา่ แมลงได้ ด้วยการใช้เมลด็ มะกล่าตาหนนู ามาบดให้ละเอียด แชใ่ นนา้ 1 ลติ รทิง้ ไว้ 1 คนื แล้วนามากรองเอากากออก แล้วนานา้ หมกั เข้มข้นที่กรองได้มาผสมกบั นา้ สะอาดอกี 20 ลิตร แล้วนาไปใช้ ฉีดพน่ กาจดั แมลงศตั รูพชื ในแปลงผกั ตอ่ ไป สว่ นอกี วิธีให้ใช้เมลด็ บดผง 1 กิโลกรัมผสมกบั แอลกอฮอล์ 95% ปริมาณ 5 ลติ ร ปิดฝาภาชนะแล้วหมกั ไว้นาน 24 ชว่ั โมง สว่ นอตั ราการนาไปใช้ ให้ใช้สารสกดั 1 ลติ รตอ่ นา้ 180 ลิตร นาไปฉีดพน่ ในนาข้าว จะสามารถปอ้ งกนั และกาจดั เพลยี ้ กระโดดสนี า้ ตาลได้ หากต้องการเพิ่ม ประสทิ ธิภาพของสารควรผสมหางไหลและหนอนตายหยากท่ีบดเป็นผงแล้ว เพ่ือทาให้ฤทธิ์ในการกาจดั แมลง ศตั รูพชื มีมากขนึ ้• เมลด็ สามารถนามาใช้ร้อยเป็นสร้อยสาหรับสวมคอและข้อมอื ได้
เอกสารอา้ งอิง หนงั สือพจนานกุ รมสมนุ ไพรไทย, ฉบบั พิมพค์ รงั้ ท่ี 5. “มะกลา่ํ ตาหน”ู . (ดร.วิทย์ เที่ยงบรู ณธรรม). หนา้ 590-591. หนงั สอื สมนุ ไพรในอทุ ยานแห่งชาตภิ าคกลาง. “มะกลา่ เครอื ”. (พญ.เพ็ญนภา ทรัพยเ์ จริญ, ดร.นจิ ศิริ เรืองรงั ษ,ี กญั จนา ดวี ิเศษ). หนา้ 117. หนงั สอื สมนุ ไพรไทย เลม่ 1. “มะกลาํ่ เครอื (Ma Klam Khruea)”. (ดร.นจิ ศิริ เรืองรงั ษ,ี ธวชั ชยั มงั คละคปุ ต)์ . หนา้ 209. หนงั สือสมนุ ไพรสวนสริ ีรกุ ขชาต.ิ (คณะเภสชั ศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหิดล). “มะกล่าตาหนู Crab’s Eye Vine/Amrerican Pea”. หนา้ 31. หนงั สือสารานกุ รมสมนุ ไพรไทย-จีน ที่ใชบ้ อ่ ยในประเทศไทย. “มะกล่าตาหน”ู . (วทิ ยา บญุ วรพฒั น)์ . หนา้ 420. ฐานขอ้ มลู สมนุ ไพร คณะเภสชั ศาสตร์ มหาวิทยาลยั อบุ ลราชธานี. “มะกลา่ํ ตาหน”ู . [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงไดจ้ าก: www.phargarden.com. [16 พ.ค. 2014]. หนงั สือพรรณไมส้ วนพฤกษศาสตรส์ มเด็จพระนางเจา้ สิริกิต์ิ เลม่ 2. “มะกลา่ ตาหน”ู . wระบwบwวิน.จิmฉยั eแdละpกาlaรรnกั tษ.mาอาaกhารidอนั oเนl.อ่ื aงcจา.กthพ/ชื พtpษิ ใeนxป/ระ.เท[ศ1ไท6ยพ, .สคา.น2กั 0งา1น4ข]อ้ .มลู สมนุ ไพร คณะเภสชั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหิดล. “มะกล่าตาหน”ู . [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงไดจ้ าก: พชื สมนุ ไพร โตนงาชา้ ง. “มะกลา่ํ ตาหน”ู . [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงไดจ้ าก: paro6.dnp.go.th/web_km/พชื สมนุ ไพรโตนงาชา้ ง/. [16 พ.ค. 2014]. ขwอ้ wมลู wพร.rรsณpไมg,้ .สoาrน.กัthงา/นpโคlรaงnกtาsร_อนdรุ aักtษaพ์ /นั .ธ[กุ 1ร6รมพพ.คชื อ. 2นั เ0น1อื่ ง4ม]า.จากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี. “มะกลา่ ตาหน”ู . [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงไดจ้ าก: wศนู eยbข์ อ้ dมbลู พ.dิษวmิทยsาc. .“mAobprhi.ngoใน.มthะก/ลif่าcต_าtหoนxู (iJce/qeuz.imrimty_bmeaainn.)a”sp[อ.อน[1ไล6น]์ .พ.เคข.า้ 2ถึง0ไ1ดจ้4า]ก.: kสาaนmกั งpานhเกaษeตnรอgาsเภaอeกาnแ.พnงaแสkนhจoงั nหpวดั aนtคhรoปmฐม.. d“oมaะกeล.g่าตoา.หthน/ู ฮมีโะรกใ่ ลหา่ มตข่ าอหงนช.ู pาวdนfา.ก[า1แ6พงพแ.สค.น2”0. 1[4อ]อ.นไลน]์ . เขา้ ถึงไดจ้ าก: ภาพประกอบ : www.flickr.com (by judymonkey17, Russell Cumming, 翁明毅, Kenneth Setzer, Matt Lai,Warren McCleland) เรียบเรียงขอ้ มลู โดยเว็บไซตเ์ มดไทย (MedThai)
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: