Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการจัดการอาชีพ

เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการจัดการอาชีพ

Published by poppy2711544, 2020-09-21 03:05:15

Description: เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการจัดการอาชีพ

Search

Read the Text Version

เทคโนโลยีดิจทิ ลั เพ่ือการจัดการอาชีพ เสนอ อาจารย์เกสร เทยี นใต้ จดั ทาโดย นางสาวจฑุ าทิพย์ สุนนั ทา รหสั นักศึกษา 63322001 นกั ศกึ ษาพาณชิ ยกรรม ปวส.106 สาขาธุรกจิ คา้ ปลีกรา้ นสะดวกซ้ือ รายงานเลม่ นี้เปน็ ส่วนหน่งึ ของวชิ า เทคโนโลยดี ิจทิ ลั เพอ่ื การจัดการอาชพี รหัสวชิ า 3001 – 2001 ภาคเรียนที่ 1/2563 วิทยาลยั อาชีวศกึ ษาเถนิ เทคโนโลยี อาเภอเถนิ จงั หวดั ลาปาง

ก คานา รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนงึ่ ของวิชา เทคโนโลยีดจิ ิทัลเพ่ือการจดั การอาชีพ รหัสวิชา 3001-2001 ผู้จัดทา ไดไ้ ปศกึ ษาค้นคว้า หาข้อมลู จากเวบ็ ไซตต์ ่าง ๆ แล้วนามาเรยี บเรียงใจความสาคัญ เพื่อให้ผูท้ ี่ได้อา่ นเกิดความเช้าใจ งา่ ย ศึกษาจากรายงานเล่มน้ีได้อย่างเข้าใจ ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งวา่ รายงานเป็นอาจมีประโยชน์ต่อผู้ท่ีอ่าน ไม่ มากก็นอ้ ย หากผดิ พลาดประการใดขออภัยมา ณ ทนี่ ้ีดว้ ยครับ จัดทาโดย นางสาวจุฑาทพิ ย์ สนุ ันทา

ข หนา้ 1 สารบญั 2 2 เร่อื ง 4 เทคโนโลยีดิจิทัล คอื อะไร 4 ความหมายของ Big Data 6 องคป์ ระกอบทีส่ าคญั ของขอ้ มูล 8 ลักษณะท่ีสาคญั ของ Big Data 10 วิวฒั นาการของ Big Data 13 รูปแบบของข้อมูล Big Data 20 ความหมายของ Internet Of Things 21 วิวฒั นาการของ Internet Of Things 22 ความสมั พนั ธ์ระหว่าง Internet Of Things และ Big data หลักการทางานของเทคโนโลยี Blockchain องค์ประกอบของเทคโนโลยี Blockchain ประเภทของ Blockchain

1 เทคโนโลยดี ิจทิ ลั (Digital literacy) คอื อะไร ทกั ษะความเขา้ ใจและใช้เทคโนโลยีดิจทิ ัล หรือ Digital literacy หมายถึง ทักษะในการนาเครอ่ื งมือ อปุ กรณ์ และเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ แทปเลต โปรแกรมคอมพิวเตอร์ และสื่อ ออนไลน์ มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในการส่ือสาร การปฏิบัติงาน และการทางานร่วมกัน หรือใช้เพื่อพัฒนา กระบวนการทางาน หรือระบบงานในองค์กรใหม้ ีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพ ทกั ษะดังกล่าวครอบคลุมความสามารถ ๔ มิติ ๑. การใช้ (Use) ๒. เข้าใจ (Understand) ๓.การสรา้ ง (create) ๔.เขา้ ถงึ (Access) เทคโนโลยีดิจิทัล ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ ความหมายของเทคโนโลยดี จิ ิทลั

2 ความหมายของ Big Data Big Data หมายถึง ปริมาณข้อมูลท่ีมหาศาล ทั้งแบบข้อมูลทมี่ ีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้าง ซ่ึงปะปนอยู่ มากมายในการทาธุรกิจในแต่ละวัน หากแต่ไม่ใช่ปริมาณของข้อมูลที่เป็นสิ่งสาคัญ สิ่งสาคัญก็คือการที่องค์กร จดั การกับข้อมูลต่างหากการวเิ คราะห์ Big Data นาไปสู่ข้อมูลเชิงลึกเพอ่ื การตดั สินใจทีด่ ีกวา่ และการเคลอ่ื นไหวใน กลยุทธ์ธุรกิจ องค์ประกอบทส่ี าคัญของขอ้ มลู จากภาพ จะเห็นไดว้ ่า องค์ประกอบของระบบ Data แบง่ ออกเป็น 5 ส่วนด้วยกนั ได้แก่

3 1. Data Source แหลง่ ทม่ี าของขอ้ มูล ซึ่งถือได้ว่า เป็นต้นน้า เป็นแหล่งกาเนิดของข้อมูล อาจจะเป็นระบบ โปรแกรม หรือจะเป็นมนุษย์เรา ที่ สร้างให้เกิดข้อมลู ข้ึนมา ท้ังน้ี เม่อื ได้ชื่อว่าเปน็ Big Data แล้ว ข้อมูลต่างๆ มักจะมาจากแหล่งข้อมูลท่ีหลากหลาย นาพามาซึ่งความยากลาบากในการจัดการโครงสร้าง หรือจัดเตรียมให้ข้อมูลท่ีนามารวมกันนั้น มีความพร้อมใช้ ตอ่ ไป 2. Gateway ชอ่ งทางการเชอ่ื มโยงขอ้ มลู การเช่ือมโยงข้อมูล เป็นส่วนท่ีสาคัญมาก และเป็นปัญหาใหญ่ในการทา Big Data Project ต้องอาศัย ทักษะของ Data Engineer ท้ังการเขียนโปรแกรมเอง และใช้เคร่ืองมือท่ีมีอยู่มากมาย ทั้งน้ีการจะออกแบบช่อง ทางการเช่ือมโยงข้อมูลได้อย่างสมบูรณ์แบบ จาเป็นต้องทราบก่อนว่า จะนาข้อมูลใดไปทาอะไรต่อบา้ ง มิเช่นนั้น การสร้างช่องทางการเช่ือมท่ไี ม่มเี ปา้ หมาย กอ็ าจเปน็ การเสียเวลาโดยเปลา่ ประโยชน์ 3. Storage แหล่งเกบ็ ข้อมูล แหล่งเก็บนี้ ไม่ใช่แค่การเก็บข้อมูลจากแหล่งข้อมูล แต่เป็นการเก็บข้อมูลจากแหล่งข้อมูลหลายๆ แหล่ง เอามาไวเ้ พ่ือรอการใชง้ าน ซึ่งอาจจะเป็นทีพ่ กั ข้อมลู ให้พรอ้ มใช้ หรือจะเป็นแหลง่ เก็บขอ้ มลู ในอดตี ก็เปน็ ได้ 4. Analytics การวเิ คราะห์ขอ้ มูล ส่วนนี้เปน็ หนา้ ทห่ี ลักของ Data Scientist ซงึ่ แบง่ งานออกเปน็ 2 ลักษณะ คอื การวิเคราะห์เบ้ืองตน้ โดย การใช้วิธีทางสถิติ หรือจะเป็นการวิเคราะห์เชิงลึกโดยการสร้าง Model แบบต่างๆ รวมไปถึงการใช้ Machine Learning เพอื่ ให้ได้ผลลัพธเ์ ฉพาะจงเจาะในแต่ละปญั หา และแต่ละชดุ ขอ้ มูล 5. Result/Action การใช้ผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู ผลลัพธ์ท่ีได้จากการวิเคราะห์สามารถนาไปใช้งานได้ 2 รูปแบบ คือ ออกเป็นรายงาน เพ่ือให้ Data Analyst นาผลลพั ธท์ ี่ได้ไปใช้กับงานทางธุรกิจตอ่ ไป หรือจะเป็นการนาไปกระทาเลยโดยทีไ่ ม่ต้องมี “มนุษย์” คอย ตรวจสอบ ซึ่งจาเป็นต้องมีการเขียนโปรแกรมเพิ่ม เพื่อให้มีการกระทาออกไป ท่ีเรียกว่า Artificial Intelligence (AI)

4 ลักษณะทสี่ าคญั ของ Big Data Big data ที่มคี ุณภาพสงู ควรมลี กั ษณะพน้ื ฐานอยู่ 6 ประการหลกั ๆ (6 Vs) ดังนี้ 1. ปริมาณ (Volume) หมายถึง ปริมาณของขอ้ มูลควรมีจานวนมากพอ ทาให้เมื่อนามาวิเคราะห์แล้วจะ ได้ insights ท่ีตรงกับความเป็นจริง เช่น การท่ีเรามีข้อมูลอายุ เพศ ของลูกค้าส่วนใหญ่ ทาให้เราสามารถหา demographic profile ทัว่ ไปของลกู ค้าท่ีถูกต้องได้ ถ้าเรามีข้อมลู ลูกค้าแคส่ ่วนน้อย คา่ ที่ประมาณออกมาอาจจะ ไม่ตรงกับความเป็นจริง 2. ความหลากหลาย (Variety) หมายถึง รูปแบบของข้อมูลควรหลากหลายแตกต่างกันออกไป ทั้งแบบ โครงสรา้ ง, กง่ึ โครงสร้าง, ไม่มีโครงสร้าง ทาให้เราสามารถนามาวเิ คราะห์ประกอบกนั จนไดไ้ ด้ insights ครบถว้ น 3. ความเร็ว (Velocity) หมายถึง คุณลกั ษณะข้อมูลท่ีถูกสร้างข้ึนอย่างรวดเร็วต่อเน่ืองและทันเหตุการณ์ ทาให้เราสามารถวิเคราะห์ข้อมูลแบบ real-time นาผลลัพธ์มาทาการตัดสินใจและตอบสนองได้อย่างทันท่วงที เช่น ข้อมูล GPS ที่ใชต้ ิดตามตาแหน่งของรถ อาจจะนามาวเิ คราะห์โอกาสทีท่ าให้เกดิ อุบตั เิ หตุ และออกแบบระบบ ปอ้ งกนั อบุ ตั เิ หตไุ ด้ 4. ความถูกต้อง (Veracity) หมายถึง มีความนา่ เชอ่ื ถือของแหล่งทมี่ าข้อมลู และความถกู ตอ้ งของชุดขอ้ มูล มีกระบวนการในการตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของข้อมูล ซึ่งมีความเก่ียวเน่ืองโดยตรงกับผลลัพท์การ วเิ คราะห์ข้อมูล

5 5. คณุ ค่า (Value) หมายถึง ข้อมูลมีประโยชน์และมีความสัมพันธ์ในเชิงธุรกิจ ซ่ึงต้องเข้าใจก่อนว่าไม่ใช่ ทกุ ข้อมูลจะมปี ระโยชนใ์ นการเกบ็ และวิเคราะห์ ข้อมูลทม่ี ีประโยชนจ์ ะตอ้ งเกี่ยวขอ้ งกับวัตถปุ ระสงค์ทางธุรกิจ เช่น ถ้าต้องการเพ่ิมขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดของผลิตภัณฑ์ท่ีขาย ข้อมูลท่ีมีประโยชน์ท่ีสุดน่าจะเป็น ขอ้ มลู ผลิตภณั ฑข์ องคแู่ ข่ง 6. ความแปรผันได้ (Variability) หมายถึง ข้อมูลสามารถในการเปล่ียนแปลงรูปแบบไปตามการใช้งาน หรอื สามารถคิดวเิ คราะห์ได้จากหลายแงม่ ุม และรูปแบบในการจัดเก็บข้อมลู ก็อาจจะต่างกันออกไปในแตล่ ะแหล่ง ของขอ้ มูล คุณลักษณะเหล่านี้ทาให้การจัดการ Big Data เป็นเรื่องยาก แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสให้องค์กร สร้างความได้เปรียบเหนอื คู่แขง่ ด้วยการพฒั นาขีดความสามารถในการวิเคราะหข์ ้อมูล ววิ ฒั นาการของ Big Data ถึงแม้ว่าแนวคิดเร่ืองข้อมูลขนาดใหญ่หรอื Big Data จะเปน็ ของใหม่และมกี ารเริม่ ทากันในไม่ก่ีปมี านี้เอง แต่ต้นกาเนิดของชุดข้อมูลขนาดใหญ่ได้มีการริเริ่มสร้างมาต้ังแต่ยุค 60 และในยุค 70 โลกของข้อมูลก็ได้เริ่มต้น และไดพ้ ฒั นาศนู ย์ข้อมลู แห่งแรกข้นึ และทาการพฒั นาฐานขอ้ มูลเชงิ สัมพนั ธ์ขึ้นมา ประมาณปี 2005 เร่ิมได้มีการตะหนักถึงข้อมูลปริมาณมากที่ผู้คนได้สร้างข้นมาผ่านส่ืออนไลน์ เช่น เฟสบุ๊ค ยทู ปู และส่ืออนไลน์แบบอืน่ ๆ Hadoop เป็นโอเพ่นซอรส์ เฟรมเวิร์คทถ่ี ูกสรา้ งขน้ึ มาในช่วงเวลาเดยี วกนั ให้ เป็นที่เก็บและวิเคราะหข์ อ้ มูลขนาดใหญ่ และในช่วงเวลาเดยี วกัน NoSQL ได้กเ็ รมิ่ ข้นึ และไดร้ ับความนิยมมากข้นึ การพฒั นาโอเพนซอร์สเฟรมเวิรค์ เชน่ Hadoop (และเมือ่ เร็ว ๆ นก้ี ็มี Spark) มคี วามสาคญั ต่อการเติบโต ของข้อมูลขนาดใหญ่ เน่ืองจากทาให้ข้อมูลขนาดใหญ่ทางานได้ง่าย และประหยัดกว่า ในช่วงหลายปีท่ีผ่านมา ปริมาณขอ้ มูลขนาดใหญไ่ ดเ้ พ่ิมขนึ้ อยา่ งรวดเร็ว ผู้คนยังคงสร้างขอ้ มูลจานวนมาก ซ่ึงไมใ่ ช่แค่มนษุ ย์ท่ีทามนั ขน้ึ มา การพัฒนาการของ IOT (Internet of Thing) ซ่ึงเป็นเครื่องมอื อุปกรณ์ท่เี ช่อื มต่อกับอินเตอร์เนตก็ทาการ เกบ็ และรวบรวมขอ้ มลู ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่เก่ียวกับพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้า ประสิทธภิ าพของสนิ ค้า หรอื การ เรียนรู้ของเครือ่ งจักรพวกน้ีล้วนทาให้มขี ้อมลู ขนาดใหญ่

6 แม้ว่ายุคของข้อมูลขนาดใหญ่ Big Data มาถึงและได้เริ่มต้นแล้ว แต่มันก็ยังเป็นเพียงแต่ช่วงแรกๆ และ ระบบระบบคลาวด์คอมพวิ ต้ิงก็ได้ขยายความเป็นไปได้มากข้ึน คลาวด์มีความสามารถในการในการใช้งานได้อย่าง ยดื หยุน่ ได้ รูปแบบของขอ้ มูล Big Data 1. Behavioral data: ข้อมูลเชิงพฤติกรรมการใช้งาน ต่างๆ เช่น server log, พฤติกรรมการคลิกดูข้อมูล, ข้อมูล การ ใช้ ATM เปน็ ต้น 2. Image & sounds: ภาพถ่าย, วิดีโอ, รูปจาก google street view, ภาพถ่ายทางการแพทย์, ลายมือ, ข้อมูล เสยี งท่ีถกู บนั ทกึ ไว้ เป็นต้น 3. Languages: text message, ข้อความท่ถี ูก tweet, เนื้อหาตา่ งๆในเวบ็ ไซต์ เปน็ ต้น 4. Records: ข้อมูลทางการแพทย์, ข้อมลู ผลสารวจ ทีม่ ขี นาดใหญ่, ข้อมูลทางภาษี เป็นต้น 5. Sensors: ขอ้ มลู อณุ หภมู ,ิ accelerometer, ข้อมลู ทางภมู ศิ าสตร์ เป็นต้น การจดั การข้อมูลขนาดใหญ่ Big Data กอ่ นทีธ่ ุรกิจจะสามารถนา Big Data มาใช้งานได้ พวกเขาควรพจิ ารณาวา่ ข้อมูลจะไหลเวียนไปยังสถานท่ี แหล่งท่ีมา ระบบ เจ้าของ และผู้ใช้จานวนมากได้อย่างไร มีห้าขั้นตอนสาคัญในการจัดการ “โครงสร้างข้อมูล” ขนาดใหญน่ ี้ ซ่ึงรวมถงึ ข้อมูลแบบดง้ั เดมิ ข้อมูลท่ีมีโครงสรา้ ง และข้อมลู ทีไ่ ม่มีโครงสร้างและกงึ่ มโี ครงสร้าง: 1) กาหนดกลยทุ ธเ์ ก่ียวกับข้อมลู ขนาดใหญ่ ในระดับสงู กลยุทธ์ข้อมูลขนาดใหญ่เป็นแผนท่ีออกแบบมาเพ่ือชว่ ยคุณในการกากับดแู ลและปรบั ปรุงวธิ ีที่ คุณได้รบั จัดเกบ็ จัดการ แบ่งปัน และใชข้ ้อมูลภายในและภายนอกองคก์ รของคณุ กลยุทธข์ ้อมูลขนาดใหญ่ชว่ ยปู ทางไปสู่ความสาเร็จทางธุรกิจท่ามกลางขอ้ มูลจานวนมาก เมอื่ พัฒนากลยุทธ์ สิ่งสาคัญคือต้องพิจารณาเปา้ หมาย

7 ทางธุรกิจและเทคโนโลยี –ในปัจจุบันและอนาคต – และโครงการริเริ่ม การปฏิบัติกับข้อมูลขนาดใหญ่มีความ จาเปน็ เชน่ ทรพั ย์สินทางธุรกจิ ทม่ี คี า่ อ่ืนๆ แทนทีจ่ ะเป็นเพียงผลพลอยไดข้ องแอปพลิเคชนั 2) รู้แหล่งทม่ี าของข้อมลู ขนาดใหญ่ กระแสข้อมูลมาจาก Internet of Things (IoT) และอุปกรณ์ท่ีเชื่อมต่ออ่ืนๆ ท่ีไหลเข้าสู่ระบบไอทีจาก อุปกรณ์สวมใส่ รถยนต์อัจฉริยะ อุปกรณ์ทางการแพทย์ อุปกรณ์อุตสาหกรรม และอื่นๆ คุณสามารถวิเคราะห์ ขอ้ มูลขนาดใหญ่น้ีได้เม่ือมาถึง รวมถึงตัดสินใจเลือกข้อมูลที่จะเก็บหรือไม่เก็บ และข้อมูลใดที่ต้องมีการวิเคราะห์ เพิ่มเตมิ โซเชียลมีเดีย ข้อมูลเกิดจากการโต้ตอบบน Facebook, YouTube, Instagram ฯลฯ ซ่ึงรวมถึงข้อมูล ขนาดใหญ่จานวนมหาศาลในรูปแบบของภาพ วิดีโอ คาพูด ข้อความ และเสียง - มีประโยชน์สาหรับฟังก์ชั่น การตลาด การขาย และการสนับสนุน ข้อมูลนี้มักจะอยู่ในรูปแบบท่ีไม่มีโครงสร้างหรือก่ึงโครงสร้าง ดงั นน้ั จึงเป็นความท้าทายในแบบเฉพาะ สาหรับการบรโิ ภค และการวิเคราะห์ ข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณชน มาจากแหล่งข้อมูลแบบเปิดขนาดใหญ่เช่น data.gov ของรัฐบาลสหรัฐ, CIA World Factbook หรือพอรท์ ัลข้อมูลแบบเปิดของสหภาพยโุ รป ขอ้ มูลขนาดใหญ่อนื่ ๆ อาจมาจากพ้ืนท่ีเก็บข้อมลู สว่ นกลาง แหล่งข้อมูลบนระบบคลาวด์ ซพั พลายเออร์ และลกู ค้า 3) การเขา้ ถึง จัดการ และจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ ระบบคอมพิวเตอร์สมัยใหมม่ ีความเร็ว พลัง และความยืดหยนุ่ ที่จาเปน็ ในการเข้าถึงข้อมูลจานวนมหาศาล และประเภทของขอ้ มูลขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว นอกเหนือจากการเข้าถึงทเี่ ชื่อถือไดแ้ ล้ว บรษิ ัทต่างๆยังต้องมวี ิธี ในการรวมข้อมูล รับประกนั คุณภาพของข้อมลู การจัดระเบยี บขอ้ มูลและการจดั เกบ็ และการเตรยี มขอ้ มลู 4) การวิเคราะหข์ ้อมลู ขนาดใหญ่ ด้วยเทคโนโลยีที่มีประสิทธภิ าพสูง เช่น Grid Computing (การประมวลผลแบบกริด) หรือการวิเคราะห์ ในหนว่ ยความจา องค์กรต่างๆ จึงสามารถเลือกที่จะใช้ข้อมูลขนาดใหญท่ ้ังหมดของพวกเขามาทาการวิเคราะห์ได้ แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีใด การวิเคราห์ะข้อมูลขนาดใหญ่เป็นวิธีท่ีบริษัทต่างๆ ได้รับมูลค่าและข้อมูลเชิงลึกจากข้อมูล ปจั จุบนั ข้อมูลขนาดใหญป่ อ้ นขอ้ มูลเข้าสรู่ ะบบการวเิ คราะหท์ ม่ี ีความก้าวหน้าที่สงู ขนึ้ เช่น ปญั ญาประดิษฐ์ 5) ตดั สินใจอย่างชาญฉลาดและใช้ขอ้ มูลชว่ ย ข้อมลู ท่ีไดร้ ับการจัดการและมคี วามน่าเชอ่ื ถอื นาไปสู่การวิเคราะห์ทนี่ า่ เช่ือถือและการตัดสินใจทนี่ ่าเชอื่ ถือ เพ่ือให้สามารถแข่งขันได้ ธุรกจิ ต่างๆ จาเป็นตอ้ งได้รับประโยชน์สูงสุดจากขอ้ มูลขนาดใหญ่และดาเนินงานบนพื้น ฐานข้อมูล – ทาการตัดสินใจบนพนื้ ฐานหลกั ฐานท่ีนาเสนอโดยข้อมูลขนาดใหญ่ไมใ่ ช่ตามสัญชาตญาณของผบู้ ริหาร การขบั เคลอื่ นดว้ ยข้อมูลมปี ระโยชนท์ ่ชี ดั เจน องค์กรที่ขบั เคล่อื นดว้ ยข้อมูลจะทางานไดด้ ขี ้นึ สามารถคาดการณ์ไดม้ ากขน้ึ และมีผลกาไรเพ่มิ ข้ึน

8 อินเทอรเ์ น็ตทุกสรรพส่งิ (Internet Of Things) ความหมายของ Internet Of Things Internet of Things (IoT) คือ \"อินเตอร์เน็ตในทุกสิ่ง\" หมายถึง การที่อุปกรณ์ต่างๆ ส่ิงต่างๆ ได้ถูก เชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่างสู่โลกอินเตอร์เน็ต ทาให้มนุษย์สามารถสั่งการควบคุมการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านทาง เครือข่ายอินเตอร์เนต็ เช่น การเปิด-ปิด อุปกรณ์เครื่องใชไ้ ฟฟ้า (การสงั่ การเปดิ ไฟฟา้ ภายในบ้านด้วยการเชื่อมต่อ อุปกรณ์ควบคุม เช่น มือถือ ผ่านทางอินเตอร์เน็ต) รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ เคร่ืองมือสื่อสาร เคร่ื องมือทาง การเกษตร อาคาร บ้านเรอื น เครือ่ งใชใ้ นชีวิตประจาวันต่างๆ ผ่านเครือข่ายอนิ เตอร์เนต็ เป็นตน้

9 IoT มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า M2M ย่อมาจาก Machine to Machine คือเทคโนโลยีอินเตอรเ์ น็ตท่ีเช่ือมต่อ อปุ กรณก์ บั เครื่องมอื ตา่ งๆ เขา้ ไวด้ ้วยกนั เทคโนโลยี IoT มีความจาเป็นต้องทางานร่วมกับอุปกรณ์ประเภท RFID และ Sensors ซ่ึงเปรียบเสมือน การเติมสมองให้กับอุปกรณ์ตา่ งๆ ท่ีขาดไมค่ อื การเชื่อมตอ่ อนิ เตอรเ์ น็ต เพ่ือให้อุปกรณ์สามารถรบั ส่งข้อมลู ถึงกนั ได้ เทคโนโลยี IoT มีประโยชน์ในหลายด้าน แต่ก็มาพร้อมกับความเส่ียง เพราะหากระบบรักษาความปลอดภัยของ อุปกรณ์ และเครือข่ายอินเตอร์เน็ตไม่ดีพอ ก็อาจทาให้มีผู้ไม่ประสงค์ดีเข้ามาขโมยข้อมูลหรือละเมิดความเป็น สว่ นตัวของเราได้ ดังน้ันการพัฒนา IoT จึงจาเป็นตอ้ งพัฒนามาตรการ และระบบรักษาความปลอดภัยไอทีควบคู่ กนั ไปดว้ ย

10 Google Glass เป็นแว่นตาที่คอมพิวเตอร์และหน้าจอติดตั้งอยู่กับตัวแว่น และมีกล้องติดอยู่ ขาแว่น รองรับการใช้งานระบบสัมผัส และรองรับการส่ังงานด้วยเสียง ปัญหาคือด้วยพ้ืนที่การแสดงผลที่มีจากัด มนั จะทา อะไรไดบ้ ้าง คงเป็นเรื่องที่หลายคนสงสัย เพราะราคาของมนั ในตอนน้ีวางจาหน่ายอยู่ที่ $1,500 คิดเป็นเงินไทยก็ ประมาณ 49,000 บาท เราคงไม่เสยี เงินครงึ่ แสนกบั แวน่ ตาที่ทาไดแ้ ค่ถา่ ยรปู แนๆ่ ใชไ่ หมละ่ ครับ คาตอบกค็ ือ Google Glass ถ้าพดู ไปมนั ก็ทาให้เราเหมือนมี Google ตดิ ตัวเราตลอดเวลา มนั สามารถแสดง ข้อมลู จากสมาร์ท โฟนหรอื Google accounts บนหน้าจอของ Google Glass, รับสายท่ีโทรเข้ามา, ส่งขอ้ ความ, ถา่ ยรปู และวิดโี อ, แสดงแผนที่, แสดงผลการคน้ หา และทีเดด็ ท่สี ุด คือ รองรบั Google Now ด้วย วิวัฒนาการของ Internet Of Things จากเทคโนโลยี RFID สู่โลกของ Internet of Things ย้อนไปเม่ือปี 1999 นาย Kevin Ashton ที่ทางานวิจัยอยู่ที่มหาวิทยาลัย Massachusetts Institute of Technology หรือ MIT เขาได้ถูกเชิญให้ไปบรรยายเร่ืองน้ีให้กับบริษัท Procter & Gamble หรือ P&G ที่เรา คุ้นเคย ซึ่งการบรรยายในคร้ังน้ันเขาได้นาเสนอโครงการที่ช่ือว่า Auto-ID Center ซึ่งต่อยอดมาจากเทคโนโลยี RFID ที่ในขณะน้ันถือเป็นมาตรฐานโลกสาหรับการจับสัญญาณเซ็นเซอร์ต่างๆ( RFID Sensors) ว่าตัวเซ็นเซอร์ เหล่าน้ันสามารถทาใหม้ ันพูดคุยเชอ่ื มต่อกนั ไดผ้ ่านระบบ Auto-ID ของเขา โดยการบรรยายใหก้ ับ P&G ในคร้ังน้ัน นาย Kevin Ashton กไ็ ด้ใช้คาว่า Internet of Things ในสไลดก์ ารบรรยายของเขาเปน็ คร้ังแรก โดย Kevin นยิ าม เอาไว้ตอนนั้นวา่ อปุ กรณอ์ ิเลก็ ทรอนกิ สใ์ ดกต็ ามทสี่ ามารถส่อื สารกันไดไ้ ดก้ ถ็ ือเปน็ “internet-like” หรือพูดงา่ ยๆก็

11 คอื อุปกรณ์อเิ ล็กทรอนิกส์ที่สื่อสารแบบเดยี วกับกับระบบอินเตอรเ์ น็ตน้ันเอง โดยคาว่า “Things” ก็คอื คาใช้แทน อปุ กรณอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ สต์ ่างๆเหล่านัน้ ตู้ ATM ถอื เปน็ อุปกรณ์ Internet of Things ชิน้ แรก จากคานิยามที่นาย Kevin Ashton ได้บรรยายไว้ ก็ได้มีการยกตัวอย่างเจ้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ท่ีเข้า ข่ายถือเป็น Internet of Things ได้น้ันก็พบว่าเจ้าตู้ ATM ท่ีเราใช้กดเงินกันอยู่ทุกวันน้ีน่ีแหละถือเป็น Internet of Things ชิ้นแรกของโลก เพราะมนั สามารถเชื่อมตอ่ สอ่ื สารหากันได้ผ่านเครือข่ายของธนาคารและสาขาตา่ งๆ ซ่ึง เจา้ ATM นนั้ ถอื กาเนดิ ขนึ้ มาตั้งแตป่ ี 1974 กอ่ นทจ่ี ะมกี ารนิยามคาวา่ Internet of Things เสยี ด้วยซ้า นน้ั เองก็เลยมาเป็นแนวคดิ ที่ว่าอปุ กรณเ์ หลา่ น้ันก็ย่อมสามารถส่อื สารกนั ไดด้ ้วยเช่นกนั โดยอาศยั ตัว Sensor ในการสื่อสารถึงกัน น่ันแปลว่านอกจาก Smart devices ต่างๆจะเช่ือมต่ออินเตอร์เน็ตได้แล้วมันยัง สามารถเชื่อมตอ่ ไปยงั อุปกรณ์ ตวั อืน่ ได้ด้วย ในปี 2020 จะมรี ถยนตท์ ีเ่ ช่ือมต่ออนิ เตอรเ์ น็ตถงึ 250,000 คัน และเมื่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชิ้นเล็กๆที่เป็น Internet of Things สามารถเช่ือมต่ออินเตอร์เน็ตได้แล้ว ทาไม Things อย่างรถยนต์ทั้งหลาย จะเชอื่ มตอ่ อนิ เตอร์เน็ตกับเขาบ้างไมไ่ ด้ ตัวอย่างรถยนตท์ ี่ว่านั้นก็คอื รถยนตไ์ ฟฟ้าของ Tesla ที่เช่ือมต่อข้อมูลของ ตัวรถเข้ากบั เครอื ขา่ ยอินเตอรเ์ น็ต และศูนย์ข้อมลู ของ Tesla motor ในการอัพเดทข้อมลู สาคัญๆต่างๆใหก้ ับตวั รถยนตแ์ ละผู้ขับข่ี หรอื อยา่ งโครงการ Google’s Self-Driving

12 Car รถยนต์ไร้คนขับของกเู กิลท่ีนาระบบอินเตอร์เนต็ เขา้ มาร่วมประมวลผลในการคานวนเส้นทางตา่ ง (คล้ายกบั ท่ี เราเปิด Google Maps เพ่ือค้นหาเส้นทาง) โดยกูเกลิ ได้นาข้อมูลของรถยนต์กว่า 10,000คันไปประมวลผลในแต่ ละสัปดาห์เพ่อื หาวิธกี ารขับขีท่ ่ีปลอดภัยท่สี ุดใหก้ บั รถยนต์ไรค้ นขับของกูเกิล และในปจั จบุ ันกม็ ีหลายค่ายรถยนต์ก็ เรมิ่ พัฒนารถยนต์ให้มคี วามสามารถในลักษณะน้ีเพมิ่ ข้ึน และอาจจะมีการต่อยอดแนวคิดนี้ขึ้นไปอีก โดยอาจจะไป ถงึ ขั้นท่ีในอนาคตเราจะไดเ้ หน็ รถยนต์แต่ละคันตามท้องถนนสามารถส่ือสารกนั แลกเปลย่ี นข้อมลู ระหวา่ งกันได้เพื่อ นาไปประมวลผลการเรอื่ งขับขท่ี ี่ปลอดภัยเพื่อลดอุบัติเหตทุ ่ีอาจจะเกิดข้นึ นน่ั เอง ลักษณะการทางานของ Internet Of Things ประเภทของ Internet Of Things ปจั จบุ นั IoT แบ่งออกเปน็ 2 ประเภทไดแ้ ก่ Industrial IoTs: แบ่งจาก Local Network มีหลายเทคโนโลยีท่ีแตกต่างกันในโครงข่าย Sensor Nodes โดยตัว อุปกรณ์ IoT Device ในกลุม่ นี้ จะเชือ่ มตอ่ แบบ IP Network เพื่อเข้าส่อู ินเตอร์เนต็ Commercial IoTs: แบง่ จาก Local Communication ทเ่ี ปน็ Bluetooth หรือ Ethernet (Wired Or Wireless) โดยตัวอุปกรณ์ IoT Device ในกลุ่มน้ีจะสื่อสารภายในกลุ่ม Sensor Nodes เดยี วกันเท่าน้ันหรือเป็นแบบ Local devices เพยี งอย่างเดยี วอาจไมไ่ ดเ้ ชือ่ มสอู่ ินเตอรเ์ น็ต สว่ นประกอบของ Internet Of Things ประโยชนข์ อง Internet Of Things การท่ีเทคโนโลยีเป็นท่ีแพร่หลายนั้นไม่ได้อยู่ท่ีปัจจัยด้านราคาอย่างเดียว แต่เทคโนโลยีน้ันต้องส่งมอบ ประโยชน์ตอ่ ชีวติ ของผู้ใชด้ ว้ ย ซึ่ง IoTs กอ่ ใหเ้ กิดประโยชน์ในดา้ นตา่ งๆ มากมาย

13 รับส่งข้อมูลในรูปแบบดจิ ทิ ัล IoTs มีคุณสมบัติด้านการเก็บข้อมูลทางภายภาพให้อยู่ในรูปดิจิทัลได้อย่างสะดวกรวดเร็ว จึงนับเป็น ประโยชน์อย่างมากในยคุ Digital Transformation ทางานตรวจสอบในจุดทค่ี นเขา้ ไมถ่ งึ เราสามารถออกแบบ Smart Device ใหม้ ีขนาดเล็กและทนทาน เพ่ือติดต้ังตามจุดท่ีคนเข้าถึงยากหรือใน จดุ ที่มีอันตรายระหว่างดาเนินการได้ เช่น ภายในท่อส่งน้ามัน บ่อบาบัดน้าเสีย เป็นต้น เพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อ ชีวติ และทรัพยส์ นิ จากการเข้าพน้ื ท่ีอนั ตรายเปน็ ประจาได้ ลดภาระงานใหก้ ับบคุ ลากร ในอดีตการเก็บข้อมูลต้องใช้คนในการสอดส่องท่ีเครื่องมือเพ่ือหาความผิดปกติ แต่ปัจจุบัน IoTs ไม่ เพียงแต่สอดสอ่ งใหเ้ ราผ่าน Dashboard เท่านั้น แต่ยังสามารถเรยี นรู้และหาความผิดปกติด้วยเทคโนโลยีอ่นื ๆ ได้ อย่าง Artificial Intelligence เปน็ ตน้ แม่นยา! และสง่ ข้อมลู ได้แบบ Real-Time ขอ้ มูลจาก IoT ไม่เพียงแต่เป็นดิจิทัลเท่านั้น ยังสามารถแลกเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วระดับ Real-Time มี ความแม่นยา และสามารถใชง้ านไดต้ ลอดเวลา ทาให้มีข้อมูลในการตัดสนิ ใจได้ทนั ที จะเห็นได้ว่า IoTs มีส่วนช่วยเปล่ียนแปลงการใช้ชีวิตของเราและสังคมรอบข้างในทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะ ความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการใชช้ วี ิตประจาวนั รวมถงึ ยังเข้าไปมีความเก่ียวข้องกับแวดวงตา่ งๆ ทั้ง ภาคธุรกิจและสงั คมมากข้ึน เพ่ือเตรียมพร้อมทจ่ี ะกา้ วสยู่ ุคดิจทิ ัลอยา่ งแท้จริง ความสัมพันธร์ ะหวา่ ง Internet Of Things และ Big data การนา Internet Of Things ไปใชง้ านต่างๆ ตัวอยา่ งการใช้ IoT ในดา้ นต่างๆ

14 ดา้ นพลงั งาน มีการนา IoT มาใช้จะเพิ่มความฉลาดของระบบพลังงานและระบบโครงสรา้ งพ้ืนฐานด้านพลงั งาน ซ่งึ ชว่ ย เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการพลังงานจากท่อส่งอัจฉริยะ (Smart Pipelines) ถึงมิเตอร์อัจฉริยะ (Smart Meters) และโครงขา่ ยไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) ทกุ แง่มุมของการสรา้ งและสง่ ตอ่ พลงั งานลว้ นถูกทาให้มีความ ปลอดภัยย่ิงข้ึน พึ่งพาอาศัยกันได้มากขึ้น และมปี ระสิทธภิ าพยิ่งข้ึนด้วย เพื่อตอบสนองความกระหายพลงั งานของ โลก หรือทีเ่ รยี กว่า พลังงานอจั รยิ ะ หรอื Smart Energy ดา้ นการดแู ลสุขภาพ ตวั เลขคา่ ใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพโดยเฉลย่ี สูงกว่า 10% ของ GDP ในระดบั ชาติของทัว่ โลก IoT จึงเป็น หวั ใจหลกั ในการปรับปรุงการนาเสนอบริการสาคญั ดา้ นการดแู ลสุขภาพผ่านการเช่อื มต่อและการแบง่ ปนั ขอ้ มลู ซึ่ง เป็นเหตุผลของการสร้างศูนย์ทดลอง Connected Care ของ IIC โดยสมาชิกของศนู ย์ดังกล่าวต่างมุ่งเน้นในการ สร้างระบบนิเวศด้านการดูแลสุขภาพผ่าน IoT ในระบบเปิดไว้สาหรับสอดส่องดูแลผู้ป่วยที่อยู่ท่ีบ้านหรือที่อยู่ ระยะไกล โดยมีระบบบริหารจัดการจากระยะไกลที่มีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างดีไว้สาหรับคอยติดตามดู อาการของผูป้ ่วยเร้ือรัง สิ่งนี้มอบศกั ยภาพในการสรา้ งโซลูชันในราคาเหมาะสมสาหรบั ผ้ปู ่วยและครอบครัว อีกท้ัง ยังช่วยใหผ้ ู้ดูแลมีโอกาสดแู ลผปู้ ่วยได้อย่างต่อเนื่องและมีประสทิ ธิภาพ การลดความสญู เสยี ในการขนส่ง IoT สามารถสรา้ งระบบขนส่งที่สามารถรับรู้การเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดขึ้นและดาเนินการตอบสนองได้อย่าง รวดเร็วในแบบเรียลไทม์ ท้ังเพิ่มประสิทธิภาพในการดาเนินงานและความปลอดภัยของสาธารณะ ลดช่วงเวลา ดาวน์ไทม์ และดแู ลเร่ืองของการบารุงรกั ษาระบบหรอื อปุ กรณ์ต่าง ๆ ได้ในเชงิ ปอ้ งกนั ก่อนทจี่ ะเกดิ ความขดั ข้องกับ ช้ินส่วนเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ด้วยการวิเคราะห์และดาเนินการแก้ไขตามขอ้ มูลท่ีได้จากตรวจสอบเซนเซอร์และ เครื่องจักรที่อยู่แวดล้อม อาทิ สภาพภูมิอากาศ ทั้งสามารถระบุเส้นทางได้อย่างมีประสิทธิภาพมากข้ึน พร้อมกับ การปรบั ปรุงประสิทธิภาพการใชพ้ ลงั งานจากการวิเคราะหค์ วามสามารถ ภาคการผลติ และระบบซัพพลายเชน นวัตกรรมด้าน IoT ในภาคการผลิตซ่ึงปัจจุบันพฒั นาไปสู่โรงงานอัจฉริยะแห่งอนาคต (Smart Factory) IoT ให้ความสามารถในการปรับปรุงประสิทธิภาพและผลลัพธ์ได้อย่างมากมายมหาศาล ทั้งในเร่ืองของ กระบวนการผลิตไปตลอดทั่วทั้งซัพพลายเชนด้วย IoT กระบวนการผลิตจะควบคุมการทางานได้ด้วยตัวเองจาก เครื่องจักรและอุปกรณ์ท่ีมีความชาญฉลาด สามารถดาเนินการแกไ้ ขเพ่อื หลีกเล่ียงการเกิดเหตขุ ัดข้องแบบท่ีไม่ได้ คาดการณ์ล่วงหน้า โดยจะมีการเปล่ียนชิ้นส่วนต่าง ๆ ได้เองโดยอัตโนมัติจากการนาข้อมูลเรียลไทม์มาใช้ และ อปุ กรณด์ จิ ิทัลแบบพกพาทุกชน้ิ ในโรงงานจะต้องรายงานสถานะของอปุ กรณท์ ุกช้ินทซ่ี ่อมอยู่ และสามารถใช้มือถือ ของเจ้าหน้าทีเ่ ข้าถึงข้อมูลการดาเนินงานได้แบบเรียลไทม์ โดยตัวเซนเซอร์ของอุปกรณ์สวมใสจ่ ะตดิ ตามตาแหน่ง ของพนักงานในโรงงานแต่ละคนได้ ในกรณที เี่ กิดเหตฉุ กุ เฉนิ ขนึ้

15 ที่เรียบเรียงมาทั้งหมดยังเป็นเพยี งแค่บางสว่ นเทา่ นน้ั IoT ยงั มอี ีกหลายด้าน หลายแง่มุมท่เี ป็นประโยชนต์ อบสนอง ความง่าย แตม่ ีประสิทธิภาพสงู ในปัจจบุ นั ได้เป็นอย่างดี ซึ่งผู้ประกอบการ SMEs ควรมีการเรียนรู้อย่างจริงจงั แนะ สามารถนามาปรับใชง้ านในภาคของธรุ กิจได้ เพราะเชื่อเถอะว่า มันจะเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตเรามากย่ิงข้ึนทุกขณะ ตอนนี้เราไม่ปรับเปล่ียน ในอนาคต เทคโนโลยีเหลา่ น้ีจะมาปรบั เปล่ียนเรา ไมว่ ่าเราจะพรอ้ มหรอื ไม่ ผลกระทบทอ่ี าจจะเกิดขน้ึ Internet of Thing น้ันหากถูกพัฒนาอย่างสมบูรณ์แบบ จะมีประโยชน์ต่อผู้ใช้เป็นอย่างมาก ในแง่ของ ความสะดวกสบาย และรวดเร็ว ช่วยลดข้ันตอนความยุ่งยากในการทากิจกรรมประจาวันต่างๆ แต่ถึงอย่างน้ัน ก็ ยังคงมขี ้อบกพรอ่ ง ซึ่งสามารถจาแนกได้ดงั น้ี ปญั หาด้านการส่งข้อมูล : หัวใจหลักของแนวคิด Internet of Thing คอื ระบบเครือข่ายท่ีเป็นตัวกลางใน การรับส่งข้อมูลของอุปกรณ์ต่างๆ และเครือข่ายที่สาคัญท่ีสุดคือ เครือข่ายอินเทอร์เน็ต หมายความว่าแนวคิดนี้ จะต้องพึ่งพาเครือข่ายอินเทอร์เนต็ เป็นหลกั ซึ่งถ้าหากเครือข่ายดังกล่าวไม่สามารถใช้งานได้ชั่วคราว หรือเกิดการ ผดิ พลาดทางการส่งข้อมลู ก็จะส่งผลใหอ้ ุปกรณต์ า่ งๆ ไมส่ ามารถทางานได้ ปัญหาด้านความปลอดภัย : เมื่อทกุ ส่ิงถูกเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน การรักษาความปลอดภัยยิ่งสามารถทาได้ ยากย่ิงข้ึน เน่ืองจากหากสามารถเจาะเข้าอุปกรณ์ชิ้นหนง่ึ ในเครือข่ายน้ันได้ ก็จะสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ชิ้นอื่นได้ ง่ายข้ึน เน่ืองจากแนวความคิด Internet of Thing นั้นคือการเช่ือมต่อทุกสิ่งเข้าด้วยกัน ดังน้ันอุปกรณ์ทุกชิ้นจึง เปรียบเสมือนอยู่ในเครือข่ายข้อมูลเดียวกัน เท่ากับว่าข้อมูลทุกชนิดท่ีอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งได้รับ อุปกรณ์ชิ้นอื่นก็จะ ได้รับด้วย เนื่องจากต้องนาไปประมวลผลเพ่ือทางานร่วมกัน ซึ่งก่อนท่ีแนวคิดน้ีจะถูกพัฒนาข้ึนอย่างสมบูรณ์คง ตอ้ งมกี ารพัฒนาด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมลู เสยี ก่อน ปัญหาการประมวลผลผิดพลาด : ถึงแม้แนวคิด Internet of Thing คือต้องการให้อุปกรณ์ต่างๆ ติดต่อสื่อสารกันเอง และกระทาส่ิงต่างๆ อัตโนมัติโดยไม่ต้องรอคาส่ังของผู้ใช้ แต่อย่างไรก็ต้องป้อนข้อมูล และ เขียนโปรแกรมคาสั่งเพื่อให้อุปกรณ์น้ันๆ สามารถทางานได้ ซึ่งบางคร้ังอาจจะเกิดความผิดพลาดจากการเขียน คาส่งั ไม่รัดกมุ หรือครอบคลมุ พอแนวความคิด Internet of Thing นนั้ คือการเชื่อมต่อทกุ ส่ิงเข้าด้วยกัน ดังน้นั หาก อุปกรณ์ช้ินหนึ่งประมวลผลผิดพลาด ก็มีแนวโน้มว่าอุปกรณ์ช้ินอื่นจะทางานผิดพลาดตามไปด้วย และหากเกิด ข้อผิดพลาดขึ้นมาคร้ังหนึ่ง ก็จะส่งผลให้หมดความน่าเชื่อถือไปทันที เพราะเก่ียวข้องกับชวี ิตประจาวัน ที่ต้องทา เปน็ ประจาทกุ วนั ปัญหาเกี่ยวกบั ผู้ใชง้ าน : การทีม่ ีสิ่งอานวยความสะดวกมากไปจะส่งผลเสียต่อการดาเนนิ ชีวิต ซ่ึงจะทาให้ ผ้ใู ช้ติดความสบาย จนไม่สามารถทาเร่ืองพ้ืนฐานได้ด้วยตนเอง รวมถึงการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ เพื่อให้ใช้งานได้ อย่างมีประสทิ ธภิ าพก็เป็นเรือ่ งสาคญั ทีก่ ารรบั รูข้ องแตล่ ะบุคคลไม่เทา่ เทียมกัน เทคโนโลยีทีใ่ ชใ้ นการทาธุรกรรมโดยไมต่ อ้ งผา่ นบุคคลท่ีสาม (Blockchain)

16 Blockchain เป็นเทคโนโลยีทม่ี ีคนพูดถึงมากวา่ จะเป็นตัวเปล่ียนโลกเหมือนท่อี ินเทอร์เนต็ เปลี่ยนโลกในยุค 1990 ซึ่งมกี ารเปรียบเทียบวา่ Blockchain ตอนนีส้ ภาพเหมอื นอินเทอรเ์ น็ตตอนเริม่ ตน้ ซึ่งภาคการเงินจะปล่อยผ่านไปไม่ได้ ต้องมคี นศึกษาเรือ่ ง นี้ เพ่ือเปน็ การลองทาดวู า่ เอา Blockchain มาใช้กับเร่ืองตา่ งๆ ได้อย่างไร แมว้ ่าวันน้ีอาจจะยังไม่มีการประยกุ ต์ใช้ในลกั ษณะทีเ่ หน็ เป็นรปู ธรรมก็ ตาม ความหมายของ Blockchain Blockchain คือ ระบบโครงข่ายในการเก็บบัญชีธุรกรรมออนไลน์ ซึ่งมีลกั ษณะเป็นเครือข่ายใยแมงมมุ ท่ี เกบ็ สถิตกิ ารทาธรุ กรรมทางการเงนิ และสินทรพั ยช์ นดิ อื่นๆ อีกในอนาคต โดยไม่มตี ัวกลาง คือสถาบันการเงิน หรือ สานกั ชาระบญั ชี ระบบ Blockchain จะไมม่ ตี ัวกลางอย่างทเ่ี คยเป็นมา ยกตัวอย่างการทาธุรกรรมดว้ ย Bitcoin จะ มีรหัส Token สร้างข้ึนมาเพื่อส่ือสารกับ Blockchain และทาการตรวจสอบว่า Bitcoin นั้นๆ มีความน่าเช่ือถือ หรอื ไม่ก่อนที่จะทาธรุ กรรมใหส้ าเรจ็ ตอ่ ไป เท่ากบั วา่ Blockchain เปน็ ระบบโครงข่ายในการทาธรุ กรรมต่างๆ ซ่ึงตัดตวั กลางอยา่ งสถาบนั การเงินที่มีอยูใ่ นโลก ปัจจุบันออกไป ซึ่งทาให้ต้นทนุ การทาธุรกรรมถูกลง และอาจจะส่งผลให้สถาบันการเงินที่เป็นตัวกลาง รวมไปถึง สานกั ชาระบัญชตี ่างๆ ไมจ่ าเปน็ ต้องมีอกี ในอนาคตไดเ้ ลย หากเทคโนโลยีนเี้ ขา้ มาแทนทีไ่ ดอ้ ย่างสมบูรณ์ ขณะที่ Blockchain ไม่เพียงมีบทบาทอยู่แค่การทาธุรกรรมทางการเงินเท่านั้น หากแต่ยังอาจถูกนาไปใช้ในงาน อ่นื ๆ เช่น การเกบ็ สถติ ิการเลอื กตัง้ ใหม้ ีความโปร่งใสมากข้นึ การให้ยืม Cloud Storage ระหว่างกัน, บริการ co- location, ระบบ Peer to Peer Lending และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งแม้แต่เหลา่ ธนาคารเองกต็ ัดสินใจเข้าลงทุนใน การทา Blockchain มากขึ้นเร่ือยๆ โดยล่าสุด เหล่าสถาบันการเงินอย่างธนาคาร Citibank ตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ รวมไปถึงบริษัท VISA ก็ได้เข้าลงทุนในบริษัทบล็อกเชนช้ันนาอย่าง Chain.com เพ่ือแนวทางรักษา ตลาดเทคโนโลยีนเี้ ชน่ กัน

17 แนวคิด Blockchain เริ่มกลับมาเป็นกระแสที่ต้องจับตามมองอีกคร้ัง พร้อมมีการพัฒนาใหม่ๆ ไปสู่การใช้งานที่ มากกวา่ การทาธุรกรรม Bitcoin ในอดีตทีไ่ ม่ไดร้ บั การยอมรับมากนกั ผนวกรวมกับกระแสการเพิ่มขึน้ ของอุปกรณ์ ท่ีใช้แนวคิด อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (Internet of Things) จาเป็นต้องมีการจัดการ ดูแลอย่างการรักษาความ ปลอดภัยระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ และความจาเป็นที่จะต้องบันทึกฐานข้อมูลของการติดต่อต่างๆ เหล่านั้น ทาให้ เทคโนโลยีอย่าง Blockchain ทใี่ หค้ วามสาคญั กับความเป็นส่วนบุคคลจะกลายมาเปน็ ตวั ช่วยสาคัญของการใช้งาน ดงั กล่าว โดยลดขน้ั ตอนระบบการทางานให้เรยี บงา่ ยข้ึน มีการยืดหยุ่นทีส่ งู ข้ึน รวมท้ังการตอบสนองความต้องการ ของลูกคา้ ไดอ้ ย่างรวดเรว็ แต่กระนั้นความสาเร็จของ Blockchain จะสามารถพลกิ สถานะการใหบ้ รกิ ารด้านการเงินโลกดจิ ิทัลได้หรอื ไม่ การ หาพารต์ เนอร์ทม่ี ีประสบการณ์ในการทางานกับระบบความซบั ซอ้ น และความหลากหลาย ในทกุ ระดับการใชง้ าน ไม่ว่าเล็ก หรอื ใหญ่ เป็นหัวใจสาคญั ของการจัดการกับปัญหานีไ้ ด้อย่างดีที่สุด ซึ่งถา้ ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีทผ่ี ่านมา ไอเดียทางธุรกิจเหล่าน้ี ต่างเคยถูกมองว่าเป็นเรื่องท่ีไม่น่าจะเกิดขึ้นได้จริง หากแต่ปัจจุบันเรื่องเช่นน้ีได้กลายเป็น ตัวกาหนดผู้ชนะในอนาคต ซ่ึงท้ังหมดน้ีสามารถเกิดข้ึนได้ด้วยการมองว่าซอฟต์แวร์คือตัวแปรสาคัญของการ เปลยี่ นแปลงของโลกยคุ ใหม่นน่ั เอง ววิ ฒั นาการของ Blockchain ดว้ ยการ Fork การ Fork เป็นส่วนท่ีสาคัญในการเกิดวิวัฒนาการของบล็อกเชน เหมือนอย่างท่ีการกลายพันธ์สาคัญต่อ DNA ในสิ่งมีชีวิต ซึ่งก่อให้เกิดการวิวัฒนาการผ่านการคัดเลือกของธรรมชาติ การ Fork ทาให้เราสามารถทดลอง บล็อกเชนหลายเวอรช์ ่ันขนานกนั ได้ โดยจะมเี พยี งเวอร์ชั่นท่ีแข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นทจ่ี ะอยรู่ อด การ Fork ของบล็อกเชน เกิดขึ้นได้เพราะโค้ดปัจจุบันและสถานะของบล็อกเชนสามารถถูก คัดลอกไดอ้ ย่างเปดิ เผย เปรียบกับการที่โปรแกรมเมอร์อนุญาตให้สามารถคัดลอกโค้ดของ Facebook และเปิดอีก เวอร์ช่ันหน่ึงแข่งกันเมื่อไหร่ก็ได้ แต่การ Fork ที่ผ่านมามักพบปัญหาในเรื่องผลตอบแทน กลุ่มคนที่ทาการ Fork ใหม่จะมีแรงจูงใจด้านผลตอบแทนที่ค่อนข้างน้อยที่จะทาให้ Fork ของตัวเองประสบความสาเร็จ เป็นเพราะ

18 รปู แบบการ Fork ที่ผา่ นมาจนถึงปจั จบุ ันเป็นเพียงการคัดลอกการเป็นเจ้าของจากกลมุ่ คนที่ถอื Token เดิม แทนท่ี จะเป็นการปรับเพอ่ื ให้ผลประโยชน์แกก่ ล่มุ แกนหลกั ของบลอ็ กเชนหว่ งใหม่ ผมขอยกตวั อยา่ ง ถ้าหากมกี ลุ่มนักพฒั นาท่ีคิดว่าเขาสามารถสร้างเวอร์ช่ันท่ีดีกว่าของเหรียญท่ีช่อื ว่า TokenA ได้ เดิมทีเขาอาจถือ TokenA อยู่จานวนเล็กน้อย เช่นประมาณ 0.10% เมอ่ื ทาการ Fork ตัว TokenA เขาก็จะยังถือ เพียง 0.10% ของ TokenA ที่ถูก Fork แล้ว (หรือเราอาจจะเรียกมันว่า ForkedTokenA) เพราะเหตุนี้ แม้ ForkedTokenA จะประสบความสาเร็จ ผพู้ ฒั นากจ็ ะไดผ้ ลตอบแทนจานวนน้อยมาก เทียบเทา่ กับการถือ TokenA เดิม เม่ือมองในมุมของสตารท์ อัพ คุณก็คงอยากให้ “founders” หรือผู้ก่อตั้ง ForkedTokenA ได้รับผลประโยชนท์ าง เศรษฐกิจท่ีงดงาม แต่กลับกลายเป็นว่า ผู้ก่อตั้งน่าจะได้รับผลตอบแทนในการพัฒนา TokenA มากกว่า ForkedTokenA เพราะ TokenA น่าจะมีมูลค่าที่มากกว่าอยู่แล้วตั้งแต่ต้น ถ้าหาก TokenA มีมูลค่า $10 และ ForkedTokenA มีมูลค่า $1 ภายหลังจากการ Fork การเปลี่ยนแปลงที่ทาให้ TokenA โตขึ้น 20% จะทากาไร ใหก้ ับผู้พฒั นา $2 ตอ่ coin ส่วนถา้ หาก ForkedTokenA โตขน้ึ 20% ผู้พฒั นาจะทากาไรได้เพยี งแค่ $0.20 แม้จะ มีจานวน coin ที่เท่ากัน ผลประโยชน์ของเขากลับไม่สมเหตุสมผล นักพัฒนาควรได้รับเหรียญมากข้ึนเพ่ือแก้ไข ปญั หาเร่อื งผลตอบแทนน้ี แล้วเรื่องราวก็ย่ิงดูตลกถ้ามองในฝั่งของผู้ถือบล็อกเชน (Blockchain) เดิม ถ้าหาก TokenA Foundation ถือ 20% ของ coin ใน TokenA ตอนนี้เขาจะมี 20% ของ coin ใน ForkedTokenA ด้วยเช่นกัน โดยที่ทีมพัฒนา ForkedTokenA จะไมไ่ ด้เลยสกั เหรยี ญ เหตกุ ารณ์นเี้ กดิ ขน้ึ เม่อื Ethereum Classic ทาการ Fork จาก Ethereum ทันใดน้ันเอง Ethereum Foundation ก็กลายเป็นผู้ถอื Ethereum Classic ด้วยเช่นกัน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มี ความสนใจที่จะมสี ่วนร่วมเลยก็ตาม ท้ายที่สดุ แล้ว หากมองเรอ่ื งของการกากับดแู ล การ Fork มักเกิดจากความคิดเห็นที่แตกต่างกนั ในทิศทางของโปร เจค็ และ Token กไ็ ด้กลายเป็นกระบวนการในการโหวตเร่ืองการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เนอ่ื งจากจุดประสงค์ของการ

19 Fork คือการทดลองแนวทางใหม่ การ Fork ที่เกิดขึ้นมาใหม่ก็อาจไม่อยากมีผู้ถือเดิมท่ีไม่ได้เห็นด้วยกับแนว ทางการ Fork นี้ตั้งแต่ต้น ทาให้เริ่มที่จะเห็นได้ชัดว่าการแบ่ง Token กันใหม่นั้นกลายเป็นส่ิงท่ีจาเป็นและมี ประโยชน์มากสาหรบั การ Fork ใหม่ทต่ี ้องการจะอยู่รอด ถึงแม้การแบ่ง Token ใหมอ่ าจเป็นเร่ืองทีเ่ กดิ ข้ึนไม่ค่อย บอ่ ย แต่ก็เร่ิมมีแนวโน้มว่าจะกลายเปน็ เรือ่ งปกติในอนาคต การแบง่ Token ใหมอ่ กี ครั้งเป็นวิธีการสร้างสมดุล โดยส่วนมากแล้ว Fork ที่เกิดขนึ้ ใหม่จะต้องการให้ผถู้ อื Token เดมิ รู้สกึ ตอ้ งการถือ Token ใหม่นี้ดว้ ย อยา่ งน้อยกเ็ พื่อให้ผู้ใช้เดมิ รสู้ ึกวา่ จะได้รับผลตอบแทนเทียบเทา่ กับของเดิม แต่เป้าหมายหลักท่ีสาคัญคือการให้ผลตอบแทนแกก่ ลุ่มท่ีมีส่วนร่วมในการพัฒนาการ Fork ซึ่งสว่ นมากควรจะให้ ผลตอบแทนโดยการย้ายการถือครองของ Token (foundation-like) และลดสัดส่วนของผู้ถือ Token เดิม เพื่อ นาไปให้แก่กลมุ่ ผพู้ ัฒนา กรณีน้ีจะคล้ายคลึงกับการออกห้นุ ใหม่ในบริษทั ที่มีอายุเก่าแก่ เพ่อื มอบให้พนักงานท่ีเข้า มาทีหลงั เร่ืองสาคัญอีกเร่ืองก็คือ ต้องไม่ลืมว่าการ Fork ไม่ได้หมายความว่าจะสร้างการแข่งขันกันโดยตรงเสมอไป เหมือนกับการกลายพันธ์ของ DNA ที่สร้างสิ่งมีชีวิตมากมายท่ีเริ่มต้นจาก genetic tree เดียวกัน เราอาจเห็น โปรโตคอล (Protocol) หนึ่ง ขยายออกเป็น 3 โปรโตคอล เพ่ือบรรลุจดุ ประสงคท์ ีต่ ่างกัน มีความเปน็ ไปได้สูงว่าจะ นาโปรโตคอลไปแยกส่วนและนากลับมาประกอบฟังค์ชั่นต่างๆ ใหม่ เพื่อให้ได้จุดสมดุลตามที่ต้องการ และ เนอ่ื งจากระบบนเิ วศมกี ารเปล่ียนแปลงอยา่ งต่อเนือ่ ง จุดสมดลุ ก็จะเปลย่ี นไปตามกาลเวลา การ Fork ก็มีจุดอ่อนในบางเร่ือง เช่นเดียวกันกับการกลายพัน์ธ์ของส่ิงมีชีวิต การ Fork ไม่ได้หมายความว่าจะ สาเรจ็ เสมอไป เพราะมโี อกาสท่จี ะสญู เสีย Network Effect และอาจเกิดการแบ่งแยง่ ทรัพยากรในการพฒั นาตั้งแต่ แรกเริม่ แม้ทั้งสองโปรเจค็ จะสามารถดึงทรพั ยากรใหมเ่ ข้ามาได้ในอนาคต ในภาพรวม เราควรเห็นความสาคัญท่ีว่า การพัฒนาโดยไร้ซึ่งศูนย์กลางเป็นเรื่องท่ียุ่งยากมากกว่าการสร้าง บางอย่างในสภาพแวดล้อมที่มีศูนย์กลาง แต่ผมคาดว่าตอ่ ไปในอนาคตจะเกิดการพัฒนาโดยปราศจากศูนย์กลาง มากข้ึน เมือ่ มีเทคนิคการพัฒนาและโครงสร้างผลตอบแทนทีผ่ ่านการขัดเกลาแล้ว ผมขอสรปุ ดังน้ี การ Fork เปน็ กลไกทีก่ ่อให้เกิดววิ ัฒนาการทย่ี ิ่งใหญ่มาก ซงึ่ การที่จะทาให้การ Fork มปี ระสิทธิผล นั้น การให้ผลตอบแทนแก่กลุ่มต่างๆ สาหรับการทดลองเส้นทางใหม่เป็นเรื่องที่จาเป็น นั่นหมายถึง การแบ่ง Token ใหม่ในการ Fork เพื่อมอบผลตอบแทนแก่ผู้สร้าง Fork หากปราศจากสิ่งนี้ ผมคิดว่าเราจะยิง่ เห็นปัญหาที่ ทาให้นักพัฒนาต้องลาบากใจ อย่างที่เราเห็นกับบิทคอยน์ โปรเจ็คต่างๆ เร่ิมเปล่ียนแปลงช้าลงเพราะเกรงว่าจะ ทาลายมูลค่าในปัจจุบนั ด้วยการ Fork นวตั กรรมบล็อกเชนจะสามารถเกดิ ข้ึนไดอ้ ย่างรวดเรว็ กวา่ ในปจั จบุ ันและมากกวา่ ที่เคยมีมา

20 หลกั การทางานของเทคโนโลยี Blockchain การทางานของ Blockchain บล็อกเชน เป็นรูปแบบการเก็บข้อมูล (Data structure) แบบหนึ่ง ที่ทาให้ข้อมูล Digital transaction ของแต่ละคนสามารถแชร์ไปยังทุกๆ คนได้ เปน็ เสมือนห่วงโซ่ (Chain) ที่ทาให้ block ของข้อมูลลง้ิ ก์ตอ่ ไปยังทุกๆ คนเปน็ โดยทท่ี ราบว่าใครที่เป็นเจ้าของและมีสิทธิในขอ้ มลู นนั้ จรงิ ๆ เมื่อบล็อกของข้อมูลได้ถูกบันทึกไว้ในบล็อกเชน มันจะเป็นเร่ืองยากมากๆ ท่ีจะเข้าไปเปล่ียนแปลง เวลาท่ีมีใคร ตอ้ งการจะเพิ่มข้อมูล ทกุ ๆ คนในเครอื ขา่ ยซึ่งล้วนแตม่ ีสาเนาของบล็อกเชน สามารถรัน Algorithm เพ่อื ตรวจสอบ Transaction โดย Transaction ใหม่น้ีจะได้รบั อนุญาต ต่อเม่ือในเครอื ขา่ ยสว่ นใหญ่เหน็ ด้วยวา่ มนั ถกู ตอ้ ง Bitcoin (บิทคอยน์) กับ Blockchain (บลอ็ กเชน) เกี่ยวข้องกันอย่างไร บลอ็ กเชน เป็นเทคโนโลยี ด้านความปลอดภยั ของข้อมูล บทิ คอยน์ วา่ ดว้ ยเรือ่ งสกุลเงนิ บนโลกดิจติ อล จะเห็นได้ว่า บล็อกเชน ไม่ใช่ บิทคอยน์ และบิทคอยน์ ก็ไม่ใช่บล็อกเชน แต่โมเดลบิทคอยน์ มีความ ตอ้ งการนาเทคโนโลยบี ลอ็ กเชนมาใช้ เพ่อื ให้การซือ้ ขายสกลุ เงินดิจิตอลน้ี มีความปลอดภยั และเพราะว่า บล็อกเชน ว่าด้วยเร่ืองความปลอดภัยของข้อมูล ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องได้กับทุก อุตสาหกรรม ไม่เจาะจงเฉพาะบิทคอยน์ หรือ FinTech เพียงแต่เทคโนโลยีนี้เรียกได้ว่าส่งผลกระทบต่อวงการ FinTech คอ่ นขา้ งเห็นไดช้ ัดเจน และการบูมของเทคโนโลยีตัวนี้ มาจากความพยายามในการทาบทิ คอยน์ ยกตัวอยา่ งการประยุกต์ใช้ เช่น วงการอสังหาริมทรัพย์ สามารถประยุกต์ใช้ทา Smart contract โดยถ้าสัญญาอยู่ในบล็อกเชน ทุก คนจะเห็นข้อมูลตรงกัน เราจึงสามารถไว้ใจให้ระบบ Automate ปฏิบัติงานใดๆ ตามท่ีระบุไว้ในสัญญาได้ นอกจากนี้ยงั มีการประยุกตใ์ ชไ้ ดอ้ ีกมากมาย ดงั ท่ีมีการสรปุ ไว้ในแผนภาพนี้

21 องค์ประกอบของเทคโนโลยี Blockchain Blockchain เป็น technology ท่ีเกี่ยวกับความเช่ือใจ (Trust) ในการทาธุรกรรมท่ีมีมูลค่า (Value) โดย มอี งคป์ ระกอบ 4 ข้อ ดังนี้ 1. Block เป็นการเก็บ Data Transaction/Fact โดยบรรจุในกล่อง(Block) และเม่ือปิดกล่องแล้ว ข้อมูลภายใน กลอ่ งห้ามเปล่ียนแปลง โดยจะมี Hash ปะหน้ากลอ่ ง (Hash function คอื การนา input ขนาดยาวเทา่ ไหร่ก็ได้มา แปลงเป็นค่าขนาดคงท่ี ซ่ึง input จะให้ค่า output เดิมเสมอ) โดยสรุปคือ .. เป็น Block ที่ใช้เก็บ data ท่ีไม่ สามารถเปลีย่ นแปลงได้ 2. Chain การเอา header (hash) ของ block มาเรียงต่อกันเปน็ chain มแี ค่ header (hash) ลา่ สดุ สามารถตรวจสอบได้ตลอดท้งั chain ว่าไมถ่ ูกเปลยี่ นแปลง การทาธุรกรรมกแ็ ค่เอา hash ลา่ สุด 2 คนมาเทยี บกนั ถ้าตรงกนั คือเช่อื ถอื ได้ ทาธุรกรรมได้ เราสามารถเก็บแค่ hash ล่าสดุ ไวก้ ไ็ ด้ ไมต่ ้องเกบ็ ทง้ั blockchain ในการทาธรุ กรรม ข้อมูลกล่องปัจจุบันจะเก็บ hash ของกล่องก่อนหน้า ทาให้เปล่ียน data transaction ที่เกิดขึ้นมาแล้วไม่ได้ เนื่องจากมี Hash กากบั ไวท้ ่กี ล่องและถ้าจะแกข้ ้อมูลบางกล่อง ตอ้ งตามแกท้ ั้ง chain ทกุ block โดยสรุป Chain คอื เอา Block มาตอ่ กนั โดยเก็บคา่ Hash ไวใ้ นกล่องถัดไป 3. Consensus วธิ กี ารตกลงกันวา่ block ถดั ไปจะเก็บอย่างไร สามารถทาได้หลายวิธเี ช่น วิธีใดก็ได้ท่ีตกลงกันแล้วทุกคนยอมรับ”ธุรกรรม” ที่เกิดข้ึน เช่น เป่ายิงชุบ / แบบประชาธิปไตย/ หัวหน้าฟันธง etc. แต่วธิ กี ารที่ใชอ้ ยใู่ นปัจจบุ ันเชน่ Prove of Work : คือให้คนท่ีโชคดีและขยันที่สุดชนะ ซ่ึงยิ่งจานวน peer มาก ความน่าเชื่อถือยิ่งเยอะและย่ิง ปลอดภัยจากการถูกทาลายระบบ Prove of Stake : ให้สิทธ์ิกับคนท่ีถือมูล (value) ที่มีค่าสูงสุด ในการตัดสิน แต่วิธีน้ีอาจจะใส่กฎอื่นเพ่ิมเช่น อาจจะใชไ้ ด้แล้วตอ้ งหยุดสักพัก ให้สทิ ธ์คิ นอืน่ บา้ ง ไม่ง้ันคนอืน่ อาจจะไมใ่ ช้ระบบเพราะไมม่ ีสิทธิม์ ีเสียง เพ่ิมเติม : Forking = การแตกออกจาก chain หลัก ซึ่ง chain ท่ีแตกออกไปจะคุยกับคนอ่ืนไม่รู้เรื่องและจะเป็น โมฆะในที่สดุ ปรกติมปี ระมาณ 4–5 Block 4. Validation การตรวจสอบธุรกรรม ใช้ digital signature (private key) เพื่อประกันว่าธุรกรรมเกิดจากเจ้าของเงิน จรงิ ๆ - Bitcoin มีมา 9 ปี ยังไม่มีใครโดน Hack ระบบ

22 แต่ท่ีโดน hack คือ web ท่ีเก็บ wallet (private key) คือใครถือ private key คนน้ันมีสิทธท์ิ าธุรกรรมได้เปรียบ เสมอื นเจา้ ของ 5. Wallet (optional) กระเปา๋ เงินทที่ าใหเ้ ราทราบมลู คา่ ของเงินทเ่ี รามีอยู่ ประเภทของ Blockchain ปจั จบุ นั มกี ารแบง่ เทคโนโลยี Blockchain ออกเป็น 3 ประเภท นั้นคอื Public, Private, Consortium ซึ่ง แต่ละประเภทก็มีเหมาะสมกับการใช้งานแตกต่างกันไป เน้ือหาต่อจากนี้จะพาทุกท่านไปรู้จักเทคโนโลยี Blockchain กนั มากขน้ึ ครับ 1. Public Blockchain (Blockchain แบบเปดิ สาธารณะ )

23 Blockchain ประเภทนี้ เรามักรู้จักกันดีในช่ือ Bitcoin กับ Ethereum ซ่ึงเป็น Blockchain ที่ใช้งานจริง กบั คนท่ัวโลก ข้อดีของ Public Blockchain ประเภทน้ีคือ ทางองค์กรไม่จาเป็นต้องลงทุนตอนเร่ิมต้นในราคาสูง เช่น การนาเอา Ethereum มาใช้เป็นแพลตฟอร์มสาหรับการรับและส่งข้อมูล ท่านสามารถใช้เพ่ือเก็บข้อมูลและ เรียกข้ึนมาดไู ด้แบบออนไลน์ โดยท่ที ่านไม่ต้องลงทุนซ้ือเคร่ือง Server มาติดตั้งระบบเอง ท่านเพียงแค่จา่ ยคา่ การ รบั ส่งและเก็บรกั ษาข้อมลู ตามการใช้งานจริงเท่านัน้ คล้ายๆ จ่ายคา่ บรกิ ารแบบคา่ มือถือชนิดเตมิ เงิน ใชเ้ ทา่ ไรกจ็ า่ ย เทา่ นั้น สาหรับข้อดขี อง Public Blockchain ยงั มอี ีกมากมาย เช่น การส่งขอ้ มลู ไปให้หน่วยงานผู้รับปลายทางเรา ก็ไมต่ ้องมาสรา้ งช่องทางส่งขอ้ มูลกัน หรอื ท่นี ยิ มทา Web Service API เพอื่ ให้ App คยุ กัน องค์กรผูส้ ง่ ขอ้ มูลเพยี ง แค่ใสข่ อ้ มูลลงไปใน Blockchain และจ่าหน้าซองถงึ องคก์ รผู้รับเทา่ น้ันผรู้ ับก็ไดร้ บั ข้อมูลไปโดยทันที แต่ขอ้ เสยี ของ Public Blockchain กม็ ีเช่นกัน ข้อมูลท่ีเราใส่เข้าไปใน Public Blockchain นั้นจะกลายเปน็ ว่าข้อมูลเหล่าน้ันจะ ถกู เปดิ เผยแก่ทุกคนแบบสาธารณะ แปลว่าไม่มีอะไรเป็นความลับ หากต้องการความเป็นส่วนตวั องค์กรก็ต้องหา วธิ ีการใน การเข้ารหัสขอ้ มลู กอ่ นที่จะสง่ ซง่ึ เป็นข้นั ตอนท่ีทาให้เกดิ ความย่งุ ยากในการใชง้ านครับ Private Blockchain (Blockchain แบบปิด) Blockchain ประเภทนีเ้ ปน็ การสรา้ งระบบ Blockchain เพ่ือมาใช้กันภายในองค์กร หรอื เป็นระบบปิด บล็อกเชนประเภทนจี้ ะมีการจากัดการเข้าถึงข้อมลู ทาให้จะมีเพียงคนบางกลุ่มเท่านั้นซึ่งเป็นคนที่ได้ยืนยนั ตัวตน และตรวจสอบข้อมูลในระบบบล็อกเชนแล้วเท่านั้น จึงจะสามารถใช้งานระบบได้ สาหรับองค์กรที่ต้องการรักษา ความปลอดภัยข้อมูลในระดับสูง อาจจะเป็นการเช่ือมโยงข้อมูลระหว่างบริษัทในเครือด้วยกันเอง หรือระหว่าง สานักงานใหญ่กับสาขาเท่าน้ันท่ีมีสิทธ์ิเข้าถึงข้อมูลในระบบ Blockchain ประเภทน้ีได้ จึงเป็นอะไรที่ตรงข้ามกับ Public Blockchain อย่างสิ้นเชิง Blockchain ประเภทน้ีถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาการเปิดเผยขอ้ มูลที่องค์กร

24 ต้องประสบใน Public Blockchain ได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการที่องค์กรต้องลงทุนในการสร้างระบบ Infrastructure เพื่อรองรับการใช้งานภายในองค์กรเอง ซึ่งก็มีความท้าทายในการดูแลรักษา และจานวนเงินไม่ น้อยท่ีองคก์ รจะต้องลงทุนอกี เชน่ กันครับ ข้อดีอีกข้อของ Private Blockchain คือการท่ีเราสามารถกาหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ภายใน Blockchain Network ของเราให้ทางานได้ตามที่เราต้องการนั่นเอง เราไม่จาเป็นต้องออกแบบระบบให้เปน็ ไปตามกฎของโลก เหมือน Public Blockchain เช่น ถ้าออกแบบระบบโดยอ้างอิงอยู่บน Public Blockchain – Bitcoin เวลามีการ ส่งเงินนั้นเราก็ต้องออกแบบระบบให้มีการรอ Confirm ธุรกรรม 10-15 นาทีตามกฎของ Bitcoin แต่ในทาง กลับกันหากองค์กรใช้ระบบประเภท Private Blockchain เราจะสามารถออกแบบให้การ Confirm ธุรกรรมแล้ว เสร็จภายใน 1-2 วินาทีก็เป็นไปได้ หรือสามารถสร้างเง่ือนไขของสัญญาอัจฉริยะ (Smart contract) เพ่ือการ กาหนดกฎการทาธุรกรรมของกลุ่มกันเองและดาเนินการด้วยความเป็นอิสระ ในรูปแบบธุรกรรมอัตโนมัติ ซ่ึงถือ เปน็ การเปิดประตไู ปสูก่ ารเชื่อมโยงกบั ขอ้ มลู อื่นๆ อกี มากมาย Consortium Blockchain (Blockchain แบบ เฉพาะกลุ่ม) Blockchain ประเภทคือการรวมเอา 2 แนวคิดแรกเข้าด้วยกัน เป็นการผสมผสานระหว่างข้อดีของ Public Blockchain และ Private Blockchain เข้าด้วยกนั ซ่งึ แนวคิด Consortium Blockchain น้กี าลังเป็นท่นี ิยมอย่าง สูงสาหรบั การนามาประยกุ ต์ใชก้ ับองค์กรด้านการเงินในปจั จุบนั เนอ่ื งจากองค์กรเหล่าน้ีมกี ารทาธรุ กจิ ทเี่ หมือนกัน โดยปกติจะต้องเชื่อมโยงเพ่ือแลกเปล่ียนข้อมูลระหว่างกันอยู่แล้ว จึงสร้างเป็นเครือข่ายความร่วมมือและพัฒนา ระบบขอ้ มลู เพื่อใชง้ านร่วมกัน เช่น Consortium Blockchain สาหรับธนาคาร ใช้ในการแลกเปล่ยี นข้อมลู การโอน

25 เงินระหว่างกันภายในสมาคมธนาคารด้วยกันเอง และธนาคารที่จะเข้ามาร่วมในเครือข่ายได้จะต้องได้รับอนุญาต จากตัวแทนของสมาคมเสยี กอ่ นจงึ จะมีสทิ ธ์ิใช้งานระบบร่วมกบั ธนาคารอืน่ ๆ ได้ ข้อดีของ Blockchain ประเภทน้ีคือธนาคารไม่ต้องกลัวว่าข้อมูลสาคัญขององค์กรและลูกค้าจะร่ัวไหลกลายเป็น ข้อมูล Public และในเรื่องการลงทุนระบบ Infrastructure ก็ลดลงไม่เหมือนการสร้าง Private Blockchain ขนึ้ มาใชเ้ ฉพาะภายในองคก์ รของตนเอง ซ่งึ จะไมต่ า่ งอะไรกบั การลงทุนทาระบบใหญๆ่ ท่ตี อ้ งใช้งบประมาณสูงและ เสียเวลามาก แต่ก็จาเป็นต้องแลกด้วยความไม่คล่องตัวในการปรับเปลี่ยนแก้ไขเง่ือนไขการใช้งานต่างๆ เพราะ อาจจะตอ้ งรอให้ผ่านมติความเหน็ ชอบจากสมาชิกส่วนใหญใ่ นสมาคมเสียก่อน

ค อา้ งอิง https://sftc.rtaf.mi.th/index.php/2018-10-22-07-41-38/120-2018-10-22-03-44-24 https://sites.google.com/site/eportorra/home/tdformanagework


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook