ชือ่ โครงงาน ขนึ้ ลงชิดขวารกั ษาวนิ ัย ผู้จดั ทา นกั เรียนชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๖/๑ ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย อาจารยท์ ีป่ รกึ ษา 1. นางวรัญญา นนั ทา 2. นายวรากร นลิ คุณ โรงเรยี น โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๕๐ ปีการศกึ ษา 256๕ บทคัดย่อ จากปัญหาที่นกั เรียนในระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๖/๑ เดินขนึ้ ลงอาคารเรยี น ในช่วงท่ีนกั เรียนเปลยี่ น คาบเรยี นหรือ เดินสวนทางกนั ขึ้นลงอาคารเรยี น นกั เรียน เดนิ สวนทางไมเ่ ป็นระเบียบตอ้ งคอยหลบหลีกกันและ กนั ทาให้เกดิ ความไมเ่ ป็นระเบยี บ ลา่ ชา้ คณะผูจ้ ดั ทาจึงคดิ หาวิธกี ารแกป้ ัญหาดงั กลา่ ว โดยมวี ัตถุประสงค์ เพื่อ ฝกึ การเดินขึ้นลงอาคารชดิ ขวา เพ่ือสร้างระเบยี บวินัยในการเดนิ ชดิ ขวา ดาเนนิ การโดย ประชมุ เพื่อระดม ความคดิ ในการทาโครงงาน นาเสนอสภานกั เรียนเพือ่ มสี ่วนรว่ มดาเนินการ นาเสนอต่อผู้บริหารเพอ่ื ดาเนนิ โครงงาน กาหนดระยะเวลา และปฏิทนิ การดาเนนิ งาน สร้างความตระหนกั ใหค้ วามร้ฝู ึกปฏบิ ตั ิ แก่ นกั เรยี น และนกั เรยี นปฏิบตั กิ ารเดินชดิ ขวา สอบถามความพงึ พอใจในการปฏิบตั ิการเดนิ ชิดขวา สรุปรายงานโครงงาน และเผยแพร่ประชาสัมพนั ธ์ ผลการดาเนนิ งาน นักเรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖/๑ ปฏบิ ัตกิ ารเดนิ ชดิ ขวา ได้ถูกต้องตามขอ้ ตกลงที่วาง ไว้ ทาใหก้ ารขึ้นลงอาคารเรียนสะดวกรวดเรว็ และเปน็ ระเบยี บมากยิ่งข้ึน เพราะทกุ คนได้น้อมนาหลักการปฏิบตั ิ ตามพระราชดารัส เรอ่ื งของระเบยี บวินัยมาใชใ้ นการทางาน จึงทาใหโ้ ครงงานสาเรจ็ ลลุ ่วงตามวตั ถปุ ระสงค์
คำนำ ในการทาโครงงานคุณธรรม เร่ือง ข้ึนลงชดิ ขวารักษาวนิ ัย ในคร้ังนไ้ี ด้รบั คาปรึกษา คาแนะนาและการ สนับสนุนจาก ฝา่ ยบรหิ ารโรงเรียน นางสวุ ชิ ญา ชินธนาชกู ิจ ผู้อานวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๕๐ นางจริ ชั ยา ศิลปชัย รองผู้อานวยการกลุม่ งานวชิ าการโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๕๐ เป็นอยา่ งดี ขอขอบคุณ คุณครนู ริ มล หิตายะโส หัวหนา้ ระดบั สายชั้นมัธยมศกึ ษาตอนปลายท่ใี ห้คาปรึกษาในเรื่อง ขน้ั ตอนและการเขยี นโครงงานทีถ่ ูกตอ้ ง ขอขอบคณุ คณุ ครูวรัญญา นนั ทา และคุณครูวรากร นลิ คุณ ครูท่ปี รกึ ษาโครงงานทใี่ หค้ าปรกึ ษาใน เรอื่ งการเขยี นรายงาน แนะนาการนาเสนอโครงงานจนสาเร็จลุลว่ ง ขอขอบคณุ เพือ่ นๆ พี่ ๆ นอ้ ง ๆ ในโรงเรยี นทุกคนที่ใหค้ วามรว่ มมือปฏิบัตติ ามข้อตกลงการเดินข้ึนลง อาคารเรียนชิดขวาทกุ ครง้ั คณะผู้จดั ทาขอชืน่ ชมและขอให้นกั เรียนทุกคนปฏิบัติต่อเน่ืองเป็นวัฒนธรรมของ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๕๐ และนาไปเผยแพร่สู่สังคมสว่ นรวมใหย้ ึดถอื ปฏิบตั ติ อ่ ไปเพือ่ ความเปน็ ระเบยี บ ในสังคมในอนาคตตอ่ ไป จงึ ขอขอบพระคณุ เปน็ อยา่ งสูงมา ณ ทน่ี ้ี นกั เรียนมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖/๑ ผจู้ ัดทา
สำรบญั บทท่ี หนา้ บทท่ี ๑ บทนา ๑ บทที่ ๒ เอกสารทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ๓ บทท่ี ๓ วธิ กี ารดาเนนิ งาน ๗ บทที่ ๔ ผลการศกึ ษาค้นควา้ ๘ บทที่ ๕ สรปุ ผล ๑๑ ภาคผนวก - รูปภาพ
๑ บทท่ี ๑ บทนำ ๑. ทม่ี ำและควำมสำคญั อาคาร 1 เปน็ อาคารประจาที่นกั เรียนในระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖/๑ ใชใ้ นการจดั การเรียนการสอน ในช่วงท่ีนักเรยี นเปล่ียนคาบเรียนหรอื เดนิ สวนทางกนั ข้ึนลงอาคารเรียน นักเรยี น เดนิ สวนทางไมเ่ ป็นระเบียบ ต้องคอยหลบหลีกกันและกัน ทาใหเ้ กดิ ความไม่เป็นระเบียบ ล่าชา้ หากมกี ารกาหนดทศิ ทางการเดนิ ที่ชัดเจนจะ ทาให้การเดินขึน้ ลงอาคารมคี วามสะดวกและรวดเร็วยิ่งข้นึ อกี ทั้งประเทศไทยน้ันการขบั ขี่ยานพาหนะจะขับขใี่ น ช่องจราจรดา้ นซ้าย คนเดินถนนจงึ ควรเดนิ ชดิ ขวาเพือ่ จะไดม้ องเห็นรถท่วี ง่ิ สวนทางมาเพอ่ื ความปลอดภยั คณะผ้ทู าโครงงานจึงเห็นควรกาหนดทิศทางเดินใหช้ ดิ ด้านขวาเพ่อื เปน็ กจิ นิสัยในการเดินในพ้นื ที่ สาธารณะอืน่ ๆ ต่อไป ทางคณะผจู้ ัดทาจึงไดค้ ิดหาวิธกี ารท่ีจะแกป้ ญั หาการเดินข้นึ ลงอาคารทไ่ี ม่เปน็ ระเบียบให้ หมดไปโดยคิดรวมกล่มุ กนั เขา้ พบคณุ ครเู พ่ือปรึกษาถึงแนวทางแก้ปญั หาจึงทาใหเ้ กิดโครงงานคุณธรรม “ขนึ้ ลง ชดิ ขวารกั ษาวินยั ” ขน้ึ ในคร้ังนี้ ๒. วตั ถุประสงค์ ๒.๑ เพ่ือสรา้ งระเบียบวินยั ให้กบั นกั เรยี นในการเดินขึน้ ลงอาคารเรยี นชดิ ขวา ๒.๒ เพ่ือปลกู ฝังใหน้ กั เรยี นมนี สิ ัยในการเดนิ ในพน้ื ที่สาธารณะเพอื่ ความปลอดภัยของตนเอง ๓. ขอบเขตของโครงงำน ๑. ระยะเวลาในการดาเนินงาน คือ ภาคเรียนที่ ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ ระหวา่ งวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ถึง ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ๒. แหล่งคน้ ควา้ ข้อมูล คอื ครูผรู้ ู้ ปราชญช์ าวบา้ น หอ้ งสมุด อินเทอร์เนต็ ๔. กลุ่มเปำ้ หมำย เชงิ ปริมำณ นกั เรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๖/๑ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 50 จานวน ๒๓ คน เชงิ คุณภำพ นักเรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖/๑ ทกุ คนเดินสวนทางข้ึนลงอาคารเรียนชดิ ขวาอย่างเป็นระเบียบ ระเบยี บวนิ ัยมากข้ึน ๕. หลักธรรมท่ีนำมำใช้ พระรำชดำรสั วินยั น้ัน เมือ่ นามาฝึกหัดปฏิบัติจะเป็นดงั ขอ้ บังคับท่คี วบคุมบุคคลให้ประพฤตปิ ฏบิ ตั ิเป็นระเบยี บ จึงอาจ ทาให้เกิดความอดึ อดั ลาบากใจ เพราะตอ้ งฝืนกระทา แต่เมอ่ื ปฏบิ ัติไปให้ชนิ จนรู้สึกว่าเปน็ ไปโดยอัตโนมัตแิ ลว้ ก็ จะสาเร็จผล ทาให้เปน็ คนมีระเบยี บและเป็นระเบียบ คอื คดิ กเ็ ปน็ ระเบยี บ ทากเ็ ป็นระเบียบ ตามลาดบั ข้นั ตอน ตามกาลเทศะ ตามความพอเหมาะพอควร หายสบั สน หายลงั เล และหายขดั แย้ง ทง้ั ในความคดิ ทง้ั ในการ ทางาน สามารถนาวชิ าความรแู้ ละความชานาญทกุ ๆ ประการไปใชไ้ ด้อยา่ งถกู ต้องคล่องแคล่ว สาเร็จผลเตม็ เม็ด เตม็ หนว่ ย ช่วยใหเ้ กิดประโยชน์สมบูรณบ์ ริบรู ณ์ตามจดุ หมาย ทงั้ จะเกอื้ กลู รักษาผู้มวี ินยั ให้เจริญสวัสดที ุกเมอ่ื
๒ พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพติ ร ในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบตั รแก่บัณฑติ มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช ประจาปกี ารศึกษา ๒๕๒๕ ณ อาคารใหม่ สวนอมั พร วันเสาร์ท่ี ๓๑ มีนาคม ๒๕๒๗ ควำมเชื่อมโยงสคู่ ุณธรรมอัตลักษณ์ ความมีวินยั ๖. พฤตกิ รรมเชิงบวก นักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๖/๑ เดนิ ชดิ ขวาขนึ้ ลงอาคารเรียนมรี ะเบยี บมากยิ่งขึ้น ๗. ประโยชน์ทค่ี ำดว่ำจะได้รบั ๑. นกั เรียนทกุ คนเดนิ ขึ้นลงอาคารเรียนชดิ ขวาอยา่ งเป็นระเบยี บ ๒. นกั เรียนสามารถนาไปประยกุ ต์ใช้ในการดาเนนิ ชวี ิตประจาวนั
๓ บทท่ี ๒ เอกสำรที่เก่ียวขอ้ ง ระเบียบวนิ ัย 1. ความหมายของระเบียบวินยั จากการสารวจความคิดเห็นของครูโดยสมาคมการศกึ ษาแหงชาตขิ อง สหรัฐอเมริกา (National Education Association) ไดรายงานไว้ว่า ส่งิ ทท่ี ้าทายครูมากท่ีสุดและยงั เป็นการบบี ค้นั ครู มากที่สุดคอื “การจดั การกับระเบียบวินัยของห้องเรียน” (Managing Classroom Discipline) DiGiulio (2545 : 25-26) หรอื จากการท่ีมคี าวา่ ระเบยี บวินยั หรอื วนิ ยั ไปปรากฏอยู่ในคาขวญั วนั เด็กแหงชาตขิ องไทยใน หลายๆ ปดังนี้ พ.ศ. 2504 “ขอใหเดก็ ในสมัยปฏิวัตขิ องขาพเจา้ จงเปน็ เด็กท่อี ยูในระเบยี บวนิ ัย” พ.ศ. 2511 “ความเจรญิ และความมน่ั คงของชาตไิ ทยในอนาคต ขน้ึ อยู่กบั เดก็ ท่ีมวินัย เฉลียวฉลาดและ รักชาตยิ ่ิง” พ.ศ. 2519 “เดก็ ท่ีตองการเห็นอนาคตของชาตริ ุงเรอื งจะตองทาตวั ใหดีมวี นิ ัยเสียแต่บัดน”ี้ พ.ศ. 2524 “มีวินัยใจซ่อื สตั ยรูประหยดั เครงครดั คุณธรรม” พ.ศ. 2526 “รหู นาท่ขี ยันซอ่ื สตั ยประหยดั มีวนิ ยั และคณุ ธรรม” พ.ศ. 2528 “สามคั คีมีวนิ ยั ใฝคุณธรรม” พ.ศ. 2530 “นิยมไทย มวี ินัย ใชประหยัดใจสตั ยซอ่ื ถือคุณธรรม” พ.ศ. 2534 “รหู นาทม่ี ีวันิยใฝคณุ ธรรม นาชาตพิ ัฒนา” พ.ศ. 2535 “สามัคคมี วี นิ ัยใฝศกึ ษาจรรยางาม” พ.ศ. 2539 “มวี ินัยใฝเรียนรคู คู ณุ ธรรม นาประชาธิปไตย” พ.ศ. 2541 “ขยัน ประหยดั ซ่อื สัตยมีวินยั ” พ.ศ. 2543 “มวี ินัยใฝเรยี นรคู คู ณุ ธรรม นาประชาธปิ ไตย” เปนตน (สรวงธร นาวาผล, 2547 : ออนไลน์) ยงิ่ ทาใหทราบอยางชดั เจนวาระเบยี บวินัย นั้นเปนส่ิงซ่ึงมคี วามสาคญั ยงิ่ โดยเฉพาะกับนักเรยี นหรือ เยาวชน อันจะเปนกาลังอยางมากในการพัฒนา เพือ่ ทีจ่ ะนาพาประเทศชาติไปสูความรงุ เรอื งได้ คาวา “ระเบียบวนิ ัย” น้ันแม้นปรากฏอยู่ในส่งิ ตางๆ ทัง้ ทีเ่ ปนหนงั สือ ตารา เอกสารอืน่ ใด กระทง่ั คา ขวัญวนั เด็กท่ีไดกล่าวไวข้ างต้น หากแตสวนนอยนกั ที่จะลว่ งรวู้ ่าความหมายของคาวา ระเบียบวนิ ัยท่ีแทน้ันวาอยู่ อย่างไร การศกึ ษาถึงความหมายของระเบียบวนิ ัยจึงมคี วามจาเปน เพ่อื ให สามารถทราบในเบ้อื งตนไดอันจะ นาไปสูการศึกษาในสวนอ่นื ๆ ท่เี กีย่ วข้องกบั ระเบยี บวนิ ัยต่อไป พจนานกุ รมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน (2547 : ออนไลน อางถงึ ใน วีระศักด์ิ ไชยเสน ,2548 : 33) ได แยกกลาวถงึ ความหมายระหวางคาว่าระเบยี บกับวินัยออกจากกนั กลาวคอื ระเบียบ หมายถงึ ถกู ลาดบั ถกู ทเี่ ป็น แถวเปนแนว มลี ักษณะเรียบรอย สวนคาวาวินยั หมายถึงระเบียบ สาหรับกากบั ความประพฤติใหเปนแบบแผน อนั หนึง่ อันเดียวกัน ระเบยี บวนิ ัย คือคณุ สมบตั ทิ ส่ี าคญั ในการดาเนินชวี ิต (พระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หวั รชั กาลท่ี 9, 2547 : ออนไลน,อางถงึ ใน วีระศักดิ์ ไชยเสน, 2548 : 33)
๔ ระเบียบวินัย หมายถึงความสามารถของบุคคลในการควบคมุ อารมณและพฤตกิ รรมของ ตนเอง ให้ เป็นไปตามทม่ี ุงหวงั โดยเกดิ จากการสานกึ ซึ่งต้องไม่กระทาการใดๆ อันเปนผลทาใหเกิด ความยงุ ยากแกตนเอง ในอนาคต หากแตตอ้ งเปนสิ่งที่กอใหเกดิ ความเจรญิ รุงเรืองแกตนเองและผอู ืน่ โดยไมขดั ตอระเบยี บของสงั คม และไมขดั ตอสทิ ธิของผอู ่นื (อาพร กาทอง, 2529 : 7) ระเบยี บวนิ ยั หมายถึงความมีวินยั ในตนเอง สามารถควบคมุ ตนเองให้ปฏบิ ัตติ นตาม ระเบียบขอตกลง ของสังคมสวนรวมดวยความสมคั รใจของผปู ฏิบตั ิเอง เพือ่ ความสงบสขุ ในชีวิต และความเป็นระเบียบเรียบรอ้ ย ของสงั คม (หทั ยา สารสทิ ธ,์ิ 2541 : 9) ระเบยี บวินัย หมายถึงการเคารพในขอตกลงการเชื่อฟังและปฏิบัตติ ามระเบยี บแบบแผน ขององคการ โดยตองมีขอตกลงทีช่ ดั เจนและมีความยตุ ิธรรม มีการลงโทษอยางยุตธิ รรมเสมอกนั 12 ซ่ึงปรากฏอยูในเว็บไซต http://www.ripb.ac.th/~intanin/eleam/EJUDKAN (2547 : ออนไลน,์ อางถงึ ใน ลัดดา บญุ ทรง, 2548 : 35) ระเบียบวนิ ัย หมายถึงแบบแผน กฎเกณฑที่กาหนดไว้เปน็ แนวปฏิบัติคนที่มรี ะเบียบวนิ ยั เปนคนท่ี สามารถควบคมุ ตนเองใหประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นได้ตามแบบแผนกฎเกณฑและขอบังคบั ของ สังคมนัน้ ไดโดยอาจจะ ใช้กฎเกณฑ์ ขอบงั คับเปนเคร่ืองกาหนดใหทาตาม ซึ่งเรยี กวาระเบียบวินัย ภายนอกหรอื อาจจะปฏบิ ัตเิ พราะ ตระหนักถึงความถูกต้องเหมาะสมดีงามด้วยตัวของตัวเองแมบาง อยางจะไมได้มีการกาหนดไวเปนกฎเกณฑข อบังคบั กต็ าม ซง่ึ เรยี กวามรี ะเบียบวนิ ัยในตนเอง (สพุ ัตรา เทยี นอุดม, 2536 : 5) ระเบียบวินัย หมายถึงการฝึกฝนในลักษณะนสิ ยั รวมท้งั จิตนิสยั ใหมีทั้งความถกู ตองและ สมบูรณ (Fortosis, 2004 : Online,อางถึงใน ลดั ดา บญุ ทรง, 2548 : 35) นอกจากนย้ี ังมผี ใู หความหมายของคาวาระเบียบวินัย หากแตใชคาวาวินยั เพียงคาเดยี วใน การให ความหมายดงั น้ี วนิ ัย หมายถึงการปฏบิ ัตติ ามระเบยี บ แบบแผน ขอบังคับ ธรรมเนียม ประเพณขี องสถาบนั ตลอดจน คาสั่งของครอู าจารยและผมู อี านาจทเี่ กี่ยวของ (มาลนิ ี จฑุ ะรพ, 2539 : 281) วนิ ยั หมายถึงระเบียบ กฎเกณฑขอบังคบั สาหรับควบคุมความประพฤตทิ างกายของคน ในสงั คมให เรียบรอยดีงาม เปนแบบอยางอันหนง่ึ อันเดียวกัน จะไดอยรู วมกันด้วยความสุขความ สบายไมกระทบซ่ึงกนั และ กนั ใหหางไกลจากความชั่วท้ังหลายการอยรู วมกนั เปนหมเู หลาถาขาด ระเบียบวนิ ัย ต่างคนตางทาตามอาเภอ ใจความขดั แยงกเ็ กดิ มีขนึ้ ไดความสงบสขุ การงานทีท่ าก็จะ เสยี ผลซ่ึงปรากฏอยูในเว็บไซต http://www1.freehostingguru.com (2547: ออนไลน,์ อางถงึ ใน ลัดดา บญุ ทรง, 2548 : 36) วนิ ยั หมายถงึ การอยใู่ นระเบยี บแบบแผน ขอปฏิบตั ิซ่ึงวนิ ยั น้นั ใชเฉพาะกบั คนเทาน้นั วินัยจงึ เปนแบบ ของคน ถาทุกคนปรบั ตวั อยูในวินัยแลว้ ถอื วาเปนคนดีทั้งสน้ิ ซง่ึ ปรากฏอยใู น เวบ็ ไซต http://montri95.tripod.com/hbdisp/hbdisp1.htm. (2547 : ออนไลน) วินยั หมายถงึ การควบคมุ ตนเองโดยมุงท่ีการพัฒนาตนเอง เพือ่ ปรับตัวใหสอดคลองกับ ความจาเป็น และความตองการ ซง่ึ ตองอาศยั การวางเงือ่ นไขเพื่อทาให้พฤติกรรมนั้นมีความเปน ระเบยี บภายใตกระบวนการ ทางนติ ิธรรม ซ่ึงปรากฏอยูในเวบ็ ไซต http://montri95.tripod.com/Displess/Vnpe.htm. (2547 : ออน ไลน อางถึงใน สจุ ิตตรา แกวตะรตั น์, 2548 : 45)
๕ วนิ ัย หมายถึงระเบยี บหรอื ขอปฏบิ ัติตาง ๆ ทเ่ี กิดข้นึ จากความสมคั รใจของผูปฏบิ ัติ (หวน พินธพนั , 2528 : 95, อางถึงใน หทั ยา สารสทิ ธ,ิ์ 2541 : 25) วนิ ยั หมายถึงระเบยี บแบบแผน กฎเกณฑ์ข้อบังคับทก่ี าหนดข้ึนในสังคมหนึ่ง ๆ อันเปนที่ ยอมรบั ของ สมาชกิ ในสังคม เพอ่ื ใชเปนหลกั หรือแนวทางในการปฏิบตั ขิ องบุคคลในสงั คมใหเกดิ ความสงบสุข (หัทยา สารส ทธิ ิ์, 2541 : 25) วนิ ยั หมายถึงการรจู ักปองกันตนเอง การกระทาตามขอบังคับตาง ๆ อนั เกดิ จากความสมัคร ใจของผู ปฏบิ ัติท่ไี ดมองเห็นคณุ คาของการปฏิบตั ิตามกฎ ขอบังคับวาเป็นสง่ิ ท่ีดารงไว้ซงึ่ ความสงบ เรยี บรอย นามาซ่ึง ความสขุ และความเสมอภาคแกสมาชิกทกุ คน (พนัส หันนาคินทร อางถงึ ใน หทั ยา สารสทิ ธ,ิ์ 2541 : 25) วนิ ยั หมายถงึ ระเบียบขอบังคบั ตางๆ ทส่ี ถานศึกษากาหนดขึ้น เพอื่ ให้นักเรียน นักศึกษา ปฏบิ ตั ติ าม แมระเบียบบางประการจะมิได้ กาหนดไวอยางเปนลายลักษณอกั ษร หากแตเปนความคาดหวงั ของครทู ี่จะทาให นกั เรียน นกั ศึกษาวางตวั หรือประพฤตติ นทั้งในสถานศึกษาหรือนอกสถานศกึ ษา ซึ่งถานักเรยี นนักศึกษา ประพฤตติ นผดิ ไปจากระเบียบและความคาดหวงั ของครูกถ็ อื วาทาผดิ วัินยิ และครอู าจจะใชวธิ ีลงโทษท่ีแตกตาง กันตามความเหมาะสมกบั ความผดิ นนั้ (ภญิ โญ สาธร, 2523 : 402) วินยั หมายถงึ มาตรการทส่ี รางข้ึนเพือ่ ใหสมาชิกในสงั คมตองปฏิบตั ิตามขอบังคบั และ สังคมไดกาหนด ไวมาตรการเช่นนอี้ าจจะเปนท้ังการสงเสรมิ ใหกระทาความดีหรือใหปฏิบัติตาม ขอบังคับ หรือเปนการลงโทษเพ่อื ใหหักห้ามการกระทาท่ฝี าฝนระเบียบขอบังคบั หรอื การกระทาไมดีก็ได (พนัส หันนาคนิ ทร,์ 2529 : 292, อ้าง ถงึ ใน สนุ ันท พรมด,ี 2540 : 43) วนิ ัย หมายถึงการเช่ือฟงครูบาอาจารยตลอดจนประกาศและคาส่ังของโรงเรยี น การกระทา ตาม ระเบียบวินัยท่กี าหนดไวปฏิบัตติ ามสิง่ ท่ีสมควรจะกระทาถงึ แมวาจะไม่กาหนดไวเปนระเบียบ หรอื กฎเกณฑ์ก็ ตาม เชน ไม่มีกฎหามใสหมวกในหองเรียน แตผูมวี นิ ัยย่อมไมกระทาเชนนน้ั (ปน มาลากุล,2506 : 60,อางถงึ ใน ชูชพี ออนโคกสูง, 2522 :130) จากความหมายซึง่ มีผกู ลาวไวขางตน พอจะกลาวสรปุ ได้วา่ ระเบยี บวนิ ยั หมายถึงความ สามารถของ บคุ คลในการควบคมุ อารมณและพฤตกิ รรมของตนเอง ให้อยใู นแบบแผนตามที่มงุ หวัง เพือ่ ใหสามารถอยรู วม กนั ไดดวยความสงบสขุ อนั เปนคณุ สมบตั ทิ ีส่ าคญั ในการดาเนินชีวติ การที่นักเรียนขาดระเบียบวินัยหรือมีพฤติกรรมทไี่ มเหมาะสม อาจมีสาเหตทุ ี่เก่ียวเนือ่ งกัน หลาย ประการดังทส่ี มพร สทุ ัศนีย (2541, อางถึงใน อทุ ุมพร พรายอินทร, 2542 : 23-25) ไดทาการวเิ คราะห สถานการณ์ในโรงเรยี นทที่ าใหเกดิ พฤตกิ รรมทเี่ ปนปญหาโดยไดระบถุ ึงสาเหตุท่ีนักเรียน ขาดระเบียบวินยั หรอื มี พฤติกรรมที่ไมเหมาะสมวา มสี าเหตมุ าจากตัวนักเรียนซงึ่ เปน็ คนทม่ี ปี ญหา จากตัวครจู ากรปู แบบการปกครอง ในหองเรียนหรอื ในโรงเรยี น และจากกฎและระเบียบตาง ๆ ของ หองเรยี นซ่ึงส่วนใหญ่ ผบู ริหารหรือครูเปนผู กาหนดโดยนักเรยี นไมได้มสี วนรวมในการรบั รู้ วลัย อารณุ ี (2528 : 35) ไดกลาวถงึ สาเหตุของการท่นี ักเรียนขาดระเบยี บวนิ ัยวาสามารถ แยกไดเป็น ๓ ดาน คอื ดานแรกคอื ดานทเี่ ก่ียวกับสภาพการณในโรงเรยี น ได้แก่ เปนชัว่ โมงสดุ ทาย ของการเรยี น เปนชัว่ โมงกอนพกั กลางวัน เปนชัว่ โมงเรียนสดุ ทายในวันศุกรวันกอนที่จะมงี านรน่ื เรงิ วนั กอนทีจ่ ะมีกจิ กรรมพิเศษ วัน ก่อนทีจ่ ะเปน็ วันหยุด อยูใ่ นช่วงของการเปิดเรียนใหมหรือ เกิดจากสภาพอากาศในหองเรียน ดานทีส่ องดานท่ี
๖ เกี่ยวกับตัวครเู กดิ จากการที่ครขู าดความสภุ าพ มอี ารมณไมแนน่ อน การที่ครูมีนกั เรยี นคนโปรดการนินทา นักเรยี นในที่สาธารณะ การที่ครูไม สามารถอธบิ ายให้นกั เรียนเขา้ ใจไดการใชเทคนคิ การสอนทซ่ี า้ ๆ การขาด ความเขาใจถงึ ความแตก ตางระหวางบุคคล และการสัง่ การบานโดยไมมีเปาหมายทแี่ น่นอน ส่วนในด้านทส่ี าม เก่ยี วกับตัวนกั เรยี น ได้แกการทน่ี ักเรียนใชสภาพการณตางๆ ท่ีเกดิ ขน้ึ ในหองเรียน เปนประโยชนตอตนเอง โดยมี เหตผุ ลท่ีแทจ้ รงิ คือไม่ชอบโรงเรียนหรือครู
๗ บทที่ ๓ วิธีกำรดำเนนิ งำน จากการศึกษาโครงงานคณุ ธรรมในครงั้ นที้ างคณะผู้จดั ทาได้กาหนดระยะเวลาดาเนินงาน ปฏทิ นิ การ ดาเนินงาน และข้นั ตอนการดาเนนิ งานดงั ตอ่ ไปนี้ 1. ระยะเวลำในกำรดำเนินงำน ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 256๕ 2. ตำรำงปฏิทินกำรดำเนนิ งำน ตารางท่ี 1 แสดงปฏทิ นิ การดาเนินงาน กิจกรรม/กำรดำเนนิ งำน ภาคเรยี นที่ 1/256๕ พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. 1. เตรยี มความพรอ้ มเปิดเทอม 2. กจิ กรรมยามเช้าหนา้ เสาธง 3. กิจกรรมการอบรมใหค้ วามรู้ 5 นาที 4. ประชาสมั พนั ธก์ ารเดนิ ชิดขวา ใหแ้ ก่ครู และนกั เรียน ๕. ประเมินผล 3. ขัน้ ตอนกำรดำเนนิ งำน 1. ประชุมเพื่อระดมความคดิ ในการทาโครงงาน 2. นาเสนอสภานักเรยี นเพ่อื มีสว่ นรว่ มดาเนินการ 3. นาเสนอต่อผบู้ รหิ ารเพ่ือดาเนินโครงงาน 4. กาหนดระยะเวลา และปฏทิ นิ การดาเนนิ งาน 5. สรา้ งความตระหนักใหค้ วามรู้ฝึกปฏิบตั ิ แก่ครู นกั เรยี น และผูป้ กครอง 6. ครู และนกั เรยี น ปฏิบัตกิ ารเดินชดิ ขวา 7. สอบถามความพึงพอใจในการปฏบิ ตั ิการเดินชดิ ขวา 8. สรุปรายงานโครงงาน/เผยแพร่ ๔. ตัวช้ีวัด นักเรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6/1 เดนิ ขึ้นลงอาคารเรียนชดิ ขวาเป็นระเบยี บทกุ วัน 5. วิธกี ำรวดั และประเมินผล ๑. สังเกต และจดบันทกึ จานวนผู้ที่ไมป่ ฏบิ ัติตามกฎเกณฑท์ ก่ี าหนดไว้ ๖. เคร่อื งมอื ท่ใี ชป้ ระเมนิ แบบสงั เกต และบนั ทกึ ข้อมูล ๗. ชว่ งระยะเวลำกำรประเมิน วันท่ี มิถนุ ายน – กนั ยาย ๒๕๖๔ ต้ังแตเ่ วลา ๐๘.๓๐ น. – ๑๖.๓๐ น.
๘ บทที่ ๔ ผลกำรศกึ ษำคน้ คว้ำ จากการทาโครงงานคุณธรรม เร่อื ง ขนึ้ ลงชดิ ขวารกั ษาวินัย ทางคณะผู้จดั ทาขอนาเสนอผลการ ดาเนนิ งานตามลาดบั ดงั น้ี 1. ป้ายสัญลกั ษณก์ ารเดนิ ชิดขวาของโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๕๐ (Keep Right)
๙ 2. การเดนิ ขึ้นลงอาคารเรยี นชิดขวาของนกั เรยี นโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๕๐ ดงั ภาพตอ่ ไปน้ี
๑๐ ผลจำกกำรศึกษำพบวำ่ ปญั หำ นกั เรยี นช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 6/1 ขาดระเบียบวินยั ในการเดนิ แถวขึ้นลงอาคารเรียน สำเหตุ ๑. นกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 6/1 เดินขนึ้ ลงอาคารเรียน สวนทางกนั ไมเ่ ปน็ ระเบียบตอ้ งคอยหลบหลีก กัน ๒. นกั เรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๖/๑ ชอบเดินกันเป็นกลุ่ม พระรำชดำรสั ท่นี ำมำใช้ วินยั นั้น เม่ือนามาฝึกหัดปฏบิ ตั ิจะเป็นดังข้อบงั คับทีค่ วบคมุ บคุ คลใหป้ ระพฤตปิ ฏบิ ตั เิ ปน็ ระเบียบ จึงอาจ ทาให้เกดิ ความอึดอดั ลาบากใจ เพราะตอ้ งฝืนกระทา แตเ่ ม่ือปฏบิ ตั ิไปใหช้ นิ จนร้สู ึกว่าเป็นไปโดยอตั โนมัตแิ ลว้ ก็ จะสาเร็จผล ทาใหเ้ ปน็ คนมรี ะเบยี บและเป็นระเบยี บ คอื คิดกเ็ ป็นระเบยี บ ทากเ็ ปน็ ระเบียบ ตามลาดบั ขน้ั ตอน ตามกาลเทศะ ตามความพอเหมาะพอควร หายสบั สน หายลงั เล และหายขัดแยง้ ทงั้ ในความคดิ ทง้ั ในการ ทางาน สามารถนาวชิ าความร้แู ละความชานาญทกุ ๆ ประการไปใชไ้ ด้อยา่ งถูกต้องคล่องแคล่ว สาเรจ็ ผลเตม็ เม็ด เตม็ หนว่ ย ชว่ ยใหเ้ กดิ ประโยชน์สมบูรณ์บริบรู ณ์ตามจุดหมาย ทั้งจะเกอื้ กลู รักษาผมู้ วี นิ ัยให้เจริญสวสั ดีทุกเมอ่ื พระบรมราโชวาท พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพติ ร ในพิธพี ระราชทานปริญญาบัตรแกบ่ ัณฑติ มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช ประจาปีการศกึ ษา ๒๕๒๕ณ อาคาร ใหม่ สวนอมั พร วนั เสารท์ ่ี ๓๑ มีนาคม ๒๕๒๗
๑๑ บทที่ ๕ สรุปผล สรุปผลกำรดำเนนิ งำน นักเรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๖/๑ สามารถปฏิบัตกิ ารเดนิ ข้ึนลงอาคารเรียนชิดขวาไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งถกู ตอ้ ง รอ้ ยละ ๑๐๐ และมีเจตคติทด่ี ใี นการอยูร่ ่วมกันอยา่ งมคี วามสขุ ปฏิบัติสืบสานประเพณีวัฒนธรรมอนั ดีงามเป็นท่ี น่ายกย่อง จากการสอบถามความพงึ พอใจตอ่ นักเรียน และครใู นการดาเนนิ โครงงานคุณธรรม เรื่อง ขนึ้ ลงชดิ ขวา รักษาวนิ ัย ระดบั ความพงึ พอใจมากทสี่ ดุ ขอ้ เสนอแนะ 1. นกั เรียนปฏิบัตกิ ารเดนิ ชิดขวาท้ังทบ่ี ้าน และทโ่ี รงเรยี นอยา่ งสมา่ เสมอ 2. การประชาสมั พนั ธเ์ ผยแพรข่ อ้ มูลทดี่ ใี นการเดนิ ชิดขวาใหแ้ พรห่ ลาย ในเวบ็ ไซต์อนิ เทอรเ์ นต็ และ นาไปใชจ้ ริงในชวี ติ ประจาวัน
ภาคผนวก
รูปภำพกิจกรรม นกั เรยี นร่วมกันคดิ หาวิธกี ารแก้ปัญหา ครใู หค้ าปรึกษาและวิธีการดาเนนิ การ
นกั เรยี นทาสญั ลักษณข์ ้นึ ลงชดิ ขวา
นกั เรยี นข้นึ ลงอาคารอยา่ งเป็นระเบยี บ
Search
Read the Text Version
- 1 - 19
Pages: