Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อารยธรรมอินเดีย

อารยธรรมอินเดีย

Published by warakorn1786, 2021-09-17 18:39:47

Description: อารยธรรมอินเดีย

Search

Read the Text Version

อารยธรรมอนิ เดยี โดย..นายวรากร นิลคุณ

ปัจจยั ทางภูมศิ าสตร์กบั การต้งั ถนิ่ ฐาน • ก่อกำเนิดขึน้ ในบริเวณลุ่มแม่นำ้ สินธุ ทำงตะวันตกเฉียงเหนือ ของอินเดีย (หรืออยู่ระหว่ำงแม่นำ้ สินธุและคงคำ/อนุทวปี ) • ปัจจุบนั บริเวณส่วนใหญ่อยู่ในประเทศปำกีสถำน • แม่นำ้ สนิ ธุมีต้นกำเนิดมำจำกเทอื กเขำในทเิ บต เป็ นแม่นำ้ ท่มี ี สำขำจำนวนมำก ไหลลงสู่ทะเลอำหรับ เป็ นบริเวณท่มี ีควำม อุดมสมบรู ณ์ สำมำรถตดิ ต่อกับดนิ แดนเมโสโปเตเมีย









สภาพภูมศิ าสตร์ • มีลักษณะภมู ิประเทศหลำกหลำย • ดนิ แดนตอนเหนือตอนใต้ถกู แบ่งแยกด้วยท่รี ำบสูงเดคคำน – ตอนเหนือและตะวนั ตกเฉียงเหนือ = มเี ทอื กเขำหมิ ำลัย(แปลว่ำท่อี ยู่ ของหมิ ะ) กนั้ กำรตดิ ต่อกับดนิ แดนอ่นื ได้สะดวก (แต่ก็ยงั มชี ่องแคบไค เบอร์ ทำงตะวนั ตกเฉียงเหนืออย่)ู แห้งแล้งมที ะเลทรำยธำร์ – ตะวันตกและตะวนั ออก = เป็ นท่รี ำบลุ่มแม่นำ้ สินธุ คงคำ อันอุดม สมบรู ณ์ – ตอนกลำง = เป็ นเขตท่รี ำบสูงเดคคำนท่แี ห้งแล้งและทรุ กันดำร เพรำะ โอบล้อมด้วยเทอื กเขำสูงกัน้ กำรตดิ ต่อกบั อนิ เดยี เหนือ ใต้ (แต่ก็เป็ น เขตเศรษฐกจิ ) เป็ นท่อี ย่ขู องพวกดรำวเิ ดยี นท่อี ำรยนั เข้ำรุกรำนไม่ได้ – ตอนใต้ = ไม่สำมำรถตดิ ต่อกับดนิ แดนทำงตอนเหนือได้สะดวก ติด ทะเลจงึ สำมำรถตดิ ต่อกับดนิ แดนอ่นื ได้ง่ำย



• ทะเลทรายธาร์

• ท่ีราบสงู เดกกนั ถกู ขนาบด้วยเทือกเขาฆาต

• ชอ่ งเขาไคเบอร์และชอ่ งเขาโบลนั

การพฒั นาอารยธรรมอนิ เดยี • สมัยก่อนประวตั ศิ ำสตร์ – ชนชำตทิ ่มี บี ทบำทสำคญั คือ พวกดรำวเิ ดียน/ทรำวิฑ และอำรยนั • พวกดรำวเิ ดียน ผลติ อุตสำหกรรมและตดิ ต่อค้ำขำยกับเมโสโปเต เมีย –นับถอื ส่งิ ศกั ด์สิ ทิ ธ์ิ ในธรรมชำติ ทงั้ คน สัตว์ ต้นไม้ ส่งิ ของ –พบหลักฐำนเป็ นซำกเมอื งโบรำณ 2 แห่งในบริเวณลุ่มแม่นำ้ สินธุ คือ »เมอื งโมเฮนโจดำโร ทำงตอนใต้ของประเทศปำกีสถำน »เมอื งฮำรับปำ ในแคว้นปันจำป ประเทศปำกสี ถำนใน ปัจจุบัน





– อำรยนั (อนิ โด-ยโู รเปี ยน) เป็ นนักรบและเลีย้ งสัตว์เร่ร่อน รุกรำนจน พวกดรำวเิ ดยี นต้องถอยหนีไปทำงใต้ (เมอื งมทั รำส/เชนไน ปัจจุบัน) • คัมภรี ์พระเวท • ระบบวรรณะ (ไม่ต้องกำรให้มกี ำรผสมเชือ้ ชำตกิ บั ชำวพนื้ เมือง เดมิ ) – พรำหมณ์ – กษัตริย์ –แพศย์ (สำมญั ชน) –ศทู ร (ชำวพนื้ เมอื ง) – จัณฑำล พระศิวะ • ศำสนำพรำหมณ์-ฮนิ ดู นับถือ พระพรหม พระวษิ ณุ พระศวิ ะ (เทพสูงสุด) สอนให้ยอมรับชะตำกรรมของตน แล้วมุ่งทำควำมดี เพ่อื หลุดพ้นจำกสังสำรวัฏ(เวียนว่ำยตำยเกิด)/บรรลุโมกษะ

พระนำงสรัสวดี พระนำงลักษมี พระนำงอุมำ • มเหสีของจอมเทพ 3 องค์ คอื พระนำงสรัสวดี มเหสีของพระ พรหม พระนำงลกั ษมี มเหสีของพระวษิ ณุ(พระนำรำยณ์) และ พระนำงอุมำ มเหสีของพระศวิ ะ (นิกำยศักต)ิ



อารยธรรมอนิ เดยี สมยั ประวตั ศิ าสตร์ 1. พฒั นำกำรทำงด้ำนกำรเมอื งกำรปกครองของอินเดีย 1. สมัยพระเวทย์และมหำกำพย์ (แบบชนเผ่ำของพวกอำรยนั ) • แต่ละเผ่ำมีหวั หน้ำ/รำชำ แต่ไม่มีสทิ ธ์ิขำด ขึน้ อย่กู ับท่ี ประชุมเผ่ำ ประกอบด้วย – สภำ (ท่ปี ระชุมบุคคลสำคญั ) – สมิติ (ท่ปี ระชุมใหญ่รำษฎร) • ปลำยสมัยได้เกดิ กำรสร้ำงเมอื ง ขยำยดนิ แดน เกดิ ระบบกษตั ริย์ (สภำสมติ หิ มดควำมสำคญั ) • มีเสนำบดี /รัตนิน ช่วยปกครอง

2. สมัยจกั รวรรดิ • จักรวรรดมิ คธ (พระเจ้ำพมิ พสำร พระเจ้ำอชำตศัตรู) • จักรวรรดริ ำชวงศเมำรยะ/โมริยะ (พระเจ้ำอโศกมหำรำช) • สมัยแบ่งแยกและกำรรุกรำนจำกภำยนอก – ควำมเส่อื ม เพรำะแบ่งแยกดนิ แดน ทำสงครำมแย่งอำนำจ และ กำรรุรำนจำกภำยนอก( ชำวกรีก อหิ ร่ำน เปอร์เซยี ศกะ กุษำณะ) • สมัยจกั รวรรดคิ ุปตะ (กษัตริย์มีอำนำจเตม็ ในเมอื งหลวงและเขตรอบๆ ส่วนเมอื งท่ไี กลปกครองเป็ นอสิ ระ) • สมัยหลังจกั รวรรดคิ ุปตะ (เส่อื มลง ต่ำงชำตริ ุกรำนอนิ เดยี ) 3. สมัยมุสลมิ (พวกเตริ ์ก มุ่งเผยแผ่ศำสนำอสิ ลำม โดยทำลำยศำสน สถำนศำสนนำอ่นื เกบ็ ภำษีจซิ ยำ) • กษัตริย์ท่มี ีช่อื เสยี ง ของรำชวงศ์โมกุล คอื พระเจ้ำอกั บำร์มหำรำช (เป็ นธรรม) • พระเจ้ำออรังเซบ (กดข่ี ถดถอย หลังสมัยนีถ้ กู องั กฤษยดึ ครอง)

คานธี คร้ังรณรงค์ให้ชาวอนิ เดยี ทอผ้าใช้เอง ต่อต้านสินค้าองั กฤษ มหำตมะ คำนธี • ในปี ค.ศ. 1930 ได้นำประชำชนเดนิ ขบวนประท้วงเพ่อื ให้ยกเลิกกฏหมำยท่ี ไม่เป็ นธรรมกับชำวอนิ เดยี ก่อนหน้ำนัน้ ได้เรียกร้องให้ชำวอนิ เดียใช้แต่สินค้ำ ของชำวอนิ เดีย ไม่ซือ้ สินค้ำของชำตติ ะวันตก และขอให้ชำวมุสลมิ กับชำว ฮนิ ดสู ำมัคคีปรองดองกัน • อนิ เดยี ได้รับเอกรำชในปี ค.ศ. 1947 ภำยหลังสงครำมโลกครัง้ ท่ี 2 รัฐบำล พรรคแรงงำนของอังกฤษมีนโยบำยให้เอกรำชแก่อนิ เดีย กำรเจรจำประสบ ผลสำเร็จและอนิ เดียได้รับเอกรำชโดยสมบรู ณ์เม่ือวันท่ี 15 สิงหำคม ค.ศ.1947

2. พฒั นำกำรทำงด้ำนเศรษฐกจิ ของอินเดีย 1. กำรเกษตรกรรม (ก่งึ เลีย้ งสัตว์ก่งึ เพำะปลูก) • สมยั อำรยัน - ววั เป็ นเคร่ืองแสดงควำมม่งั มี (วัวเป็ นว่ิงศักด์สิ ิทธ์ิ) • มเี กษตรกรรมและกำรค้ำเป็ นอำชีพหลัก รำยได้สำคญั ของรัฐคอื ภำษี กำรค้ำ • สมัยจักรวรรดมิ คธ(ดูแลชลประทำน บำรุงท่ดี นิ ), รำชวงศ์เมำรยะ(บุกเบกิ ท่ดี นิ แต่ไม่มีกรรมสทิ ธ์ิ), รำชวงศคุปตะ(แจกจ่ำยท่ดี นิ ให้มกี รรสทิ ธ์ิของ ประชำชนในแต่ละครัวเรือน = ขัน้ แรกของระบบศักดนิ ำ) 2. กำรค้ำ • สมัยพระเวทตอนปลำย กำรค้ำรุ่งเรือง (เคร่ืองเทศ นำ้ หอม เพชรพลอย) ใช้เหรียญ และต๋ัวเงนิ ซือ้ ขำย • สมัยโมกุล (ผ้ำฝ้ำย) • ภำยหลังองั กฤษยดึ ครอง อนิ เดยี เข้ำสู่ระบบทุนนิยม และเป็ นแหล่งป้อน วัตถุดบิ แก่อังกฤษ



3. พฒั นำกำรทำงด้ำนสงั คมและวัฒธรรมอนิ เดยี 1. ระบบวรรณะ (คำสอนศำสนำฮนิ ดู วำงแนวคดิ เร่ืองกรรม = ยอมรับสภำพ) • พรำหมณ์ • กษัตริย์ • แพศย์ (สำมัญชน) • ศูทร (ชำวพนื้ เมอื ง,ทำส,กรรมกร) • จณั ฑำล (เรียกช่ือใหม่ว่ำ ดำลติ = อนั เป็ นท่รี ักของพระเจ้ำ ) 2. ครอบครัว (ครอบครัวร่วม) • หวั หน้ำครอบครัวคือชำยท่มี ีอำยุมำกสุด • ชำย จะศกึ ษำเร็วหรือช้ำ ขนึ้ อย่กู บั วรรณะ และเดก็ หญิงต้องเตรียม ตวั เป็ นแม่บ้ำน 3. ปรัชญำและลทั ธิศำสนำของสงั คมอนิ เดยี (เป็ นแหล่งกำเนิดศำสนำฮินดู (เช่ือพระเจ้ำ) พุทธ และ เชน (ไตร่ตรองเพ่อื แสวงหำสจั จะ กำรหลุดพ้น) 4. เทพเจ้ำของอินเดีย

ครอบครัวท่ใี หญ่ท่สี ุดในโลก อำคำรท่อี ย่ขู องครอบครัว \"ครอบครัวใหญ่ท่สี ุดในโลก\" ชำยชำวอนิ เดยี มีภรรยำ มำกถงึ 39 คน ลูก 94 คน และหลำนอีก 33 คน 181 คน (นำยไซออนำ ชนำ เขำนับถอื ลัทธิท่สี นับสนุนกำรขยำย ครอบครัว และจะยังไม่หยุดมองหำภรรยำคนต่อไป และ เพ่อื ขยำยครอบครัวตำมลัทธิ ทงั้ นี้ งำนบ้ำนทัง้ หมด จะ มภี รรยำคนท่ี 1 เป็ นคนคอยดแู ลส่ังกำร เช่น กำร ทำอำหำรมอื้ เยน็ ต้องใช้ไก่ 30 ตวั มีกำรแบ่งทมี ปอกมัน ฝร่ัง หุงข้ำว เป็ นต้น

พระอนิ ทร์ ท่ถี อื ว่ำมฤี ทธ์ิอำนำจมำก

• พฒั นำกำรทำงด้ำนศลิ ปกรรมอนิ เดีย – ใกล้ชดิ กบั ควำมเช่อื ทำงศำสนำ 1. สถำปัตยกรรม • เมืองโมเฮนโจดำโรและเมืองฮำรัปปำ • ศำสนสถำน • สุสำนทชั มำฮำล (พระเจ้ำชำห์ เจฮนั เพ่อื ระลกึ ถงึ พระนำงมุมทชั มำฮำล) • วทิ ยำกำรในอนิ เดีย..........................มีอะไรบ้ำง



• สถำนท่ปี ระสูติ สังเวชนียสถำนแห่งท่ี ๑ คือ สถำนท่ปี ระสูตแิ ห่งองค์ สมเดจ็ พระสัมมำสัมพุทธ เจ้ำของเรำนัน้ ปัจจุบนั นีอ้ ยู่ ในเขตประเทศเนปำล ซ่งึ ตัง้ อย่ทู ำงทศิ เหนือของ ประเทศอนิ เดยี และสถำนท่ี ประสูตนิ ีต้ งั้ อยู่ห่ำงจำก ชำยแดนอนิ เดยี -เนปำล ประมำณ ๓๒ กโิ ลเมตร ปั จจุบันสังเวชนียสถำนแห่ งนี ้ ภำษำทำงรำชกำรเรียกว่ำ \"ลุ มมนิ เด\" แต่ชำวบ้ำนท่วั ไปก็ ยังเรียกว่ำ \"ลุมพนิ ี\"

• สถำนท่ตี รัสรู้ สังเวชนียสถำนแห่งท่ี ๒ คือ สถำนท่ตี รัสรู้นี้ แต่เดมิ ทเี ดยี วใน สมยั พุทธกำลนัน้ คือตำบลอุรุ เวลำเสนำนิคม เมอื งคยำ แคว้น มคธ ซ่งึ มเี มืองรำชคฤห์ เป็ น เมอื งหลวง ปัจจุบันสถำนท่ตี รัสรู้ นีเ้ รียก ตำบลพุทธคยำ ขนึ้ อย่กู ับ จังหวดั คยำ (ห่ำงจำกจงั หวัดคยำ ๑๒ กิโลเมตร) รัฐพหิ ำร มีเมอื ง หลวงช่ือ ปัฎนะ หรือ ปัฎนำ (หรือช่ือเดมิ ว่ำ ปำฎลีบุตร)

• สถำนท่แี สดงปฐมเทศนำ สังเวชนียสถำนแห่งท่ี ๓ คอื สถำนท่แี สดงปฐมเทศนำ หรือสถำนท่พี ระตถำคตเจ้ำ ทรงยงั พระอนุตรธัมจักให้ เป็ นไป สถำนท่นี ีอ้ ยู่ในป่ ำ อสิ ปิ ตนมฤคทำยวัน ใกล้ เมืองพำรำณสี ปัจจุบัน เรียกสำรนำถ ห่ำงจำกเมือง ประมำณ ๘ กิโลเมตร ซ่งึ เมอื งพำรำณสีนีอ้ ย่หู ่ำงจำก เมืองพุทธคยำ สถำนท่พี ระ พุทธองค์ตรัสรู้ไปทำงทศิ ตะวนั ตกเฉียงใต้ประมำณ ๒๐๐ กิโลเมตร

• สถำนท่ดี บั ขันธปรินิพพำน สังเวชนียสถำนแห่งท่ี ๔ คือ สถำนท่ดี ับขันธป รินิพพำน ด้วยอนุำทเิ สสนิพพำนธำตุดบั ไม่มี ส่วนเหลือ คือทงั้ กเิ ลส ทงั้ เบญจขันธ์ดบั หมด ตำมปกตพิ ระอรหนั ต์ท่วั ไปๆไปจะนิพพำน ๒ ครัง้ คอื ครัง้ แรกนัน้ เป็ นกำรดบั กเิ ลส ส่วน เบญจขันธ์ยงั อยู่ เรียกว่ำ สอุปำทเิ สสนิพพำน หรือนิพพำน เม่ือยงั มีชีวติ อยู่ เพยี งแต่จติ เข้ำสู่ แดนพระนิพพำนเท่ำนัน้ เป็ นจติ ท่สี ะอำด ไม่มี กเิ ลส ไม่มีทุกข์แล้ว ดงั เช่นพระพุทธเจ้ำ นิพพำนครัง้ แรกนีเ้ ม่อื วนั เพญ็ เดือนวสิ ำขะ ก่อนพุทธศักรำช ๔๕ ปี ส่วนนิพพำนครัง้ ท่ี ๒ กค็ ือ อนุปำทเิ สสนิพำน ดังได้กล่ำวแล้วนัน้ เอง • สถำนท่นี ิพพำนท่พี ุทธประวตั ริ ะบุว่ำ สำลวโน ทยำน เมืองกุสินำรำ ปัจจุบันมีสถปู และวิหำร เป็ นสัญลักษณ์ เป็ นอุทยำนท่ไี ด้รับกำรรักษำ จำกทำงกำรอนิ เดียเป็ นอย่ำงดี มีต้นสำละและ ไม้อ่ืนปลูกอย่ทู ่วั ไป ให้ควำมร่มร่ืนพอสมควร

• ข้อใดคือหลักฐำนทำงโบรำณคดที ่สี ะท้อนถงึ ควำมเจริญรุ่งเรืองของอำรยธรรม อินเดยี โบรำณ ก) พีระมิด ข) กำแพงเมืองจนี ค) ประมวลกฎหมำยฮมั มูรำบี ง) เมืองโมเฮนโจดำโรและเมืองฮำรัปปำ • “สภำ” และ “สมิต”ิ เก่ยี วข้องกับกำรเมอื งกำรปกครองของอินเดียสมัยพระเวทย์ และมหำกำพย์อย่ำงไร ก) เป็ นแหล่งโบรำณสถำนท่สี ำคัญ ข) เป็ นท่ปี ระทบั ของหวั หน้ำหรือรำชำ ค) เป็ นสถำนท่ปี ระกอบพธิ ีกรรมทำงศำสนำ ง) เป็ นท่ปี ระชุมของบุคคลสำคญั และของประชำชน • ข้อใดคือลักษณะกำรปกครองท่โี ดดเด่นในสมัยของพระเจ้ำอโศกมหำรำช ก) กดข่ขี ่มเหงประชำชน ข) ดำเนินนโยบำยกำรปกครองแบบตำต่อตำฟันต่อฟัน ค) ปรำบปรำมและบบี บงั คับให้ชำวอนิ เดียนับถอื พระพุทธศำสนำ ง) กำรใช้หลักธรรมเข้ำมำปกครองโดยเน้นควำมสำคญั ทำงมนุษยธรรมและกำรใช้ ศีลธรรม

• ข้อใดไม่ใช่วธิ ีกำรเผยแผ่ศำสนำอสิ ลำมของชำวมุสลิมเชือ้ สำยเตอร์ก ก) ทำลำยวัดในพระพทุ ธศำสนำและเทวสถำนของพวกฮนิ ดู ข) จดั เกบ็ ภำษีจำกรำษฎรท่ไี ม่นับถอื ศำสนำอสิ ลำมในอัตรำสูง ค) ฆ่ำและกกั ขังรำษฎรท่ไี ม่นับถอื ศำสนำอสิ ลำมอย่ำงโหดเหยี้ ม ง) ปรำบปรำมและบีบบงั คบั ให้ชำวอนิ เดยี เปล่ียนมำนับถอื ศำสนำอสิ ลำม • “ภำษีท่เี รียกเกบ็ จำกประชำชนท่ไี ม่ใช่มุสลิมในอัตรำสูงจนกว่ำจะยอมรับนับ ถือศำสนำอสิ ลำมแล้วจงึ จะได้รับกำรยกเว้นภำษีนี”้ ข้อควำมดงั กล่ำว หมำยถงึ ข้อใด ก) ภำษีคู่ ข) ภำษีท่ดี นิ ค) ภำษีจซิ ยำ ง) ภำษีกำรค้ำ • ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของครอบครัวในอนิ เดีย ก) ชำยท่มี ีอำยุมำกท่สี ุดเป็ นหวั หน้ำครอบครัว ข) หญงิ ม่ำยท่สี ำมีตำยจะอย่ใู นควำมดแู ลของศำสนำ ค) หญิงเม่อื แต่งงำนแล้วจะต้องไปอย่กู ับครอบครัวของสำมี ง) ควำมสัมพนั ธ์ระหว่ำงสมำชกิ ในครอบครัวเป็ นแบบปฐมภมู ิ

แบบฝึ กหัด เรื่อง อารยธรรมอนิ เดยี • ให้นักเรียนตอบคำถำมต่อไปนี้ 1) อำรยธรรมอินเดียก่อกำเนิดขนึ้ บริเวณใด 2) ปัจจุบนั อำณำบริเวณส่วนใหญ่ของอำรยธรรมอนิ เดียอยู่ในประเทศใด 3) เมอื งฮำรัปปำ และเมืองโมเฮนโจดำโร มีควำมสำคญั ต่อกำรศึกษำอำรยธรรม อนิ เดยี อย่ำงไร 4) อำรยธรรมอินเดยี มีชนเผ่ำท่สี ำคัญอะไรบ้ำง 5) กำรปกครองของพระเจ้ำอโศกมหำรำชแห่งรำชวงศ์เมำรยะ มีหลกั กำรปกครองท่ี ส่งเสริมควำมเจริญและควำมม่ันคงของอำณำจักรอย่ำงไร 6) อำรยธรรมอนิ เดียสมัยมุสลมิ มีลักษณะสำคัญอย่ำงไร 7) กำรเกษตรและกำรค้ำในอำรยธรรมอนิ เดียมีลักษณะสำคัญอย่ำงไร 8) ระบบวรรณะในประเทศอนิ เดียส่งผลต่อกำรดำรงชีวติ ของมนุษย์ในสังคมอินเดยี อย่ำงไรบ้ำง 9) ทชั มำฮำลคืออะไร 10) พัฒนำกำรด้ำนศิลปกรรมของอินเดียมีควำมเก่ียวข้องกับเร่ืองใดมำกท่สี ดุ อย่ำงไร 11) ยกตัวอย่ำงเกร็ดควำมรู้ท่เี ก่ยี วข้องกับอำรยธรรมอนิ เดยี อย่ำงน้อยจำนวน 1 เร่ือง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook