Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงงานคุณธรรมหอนอนราชาวดี

โครงงานคุณธรรมหอนอนราชาวดี

Published by warakorn1786, 2021-09-12 14:00:35

Description: โครงงานคุณธรรมหอนอนราชาวดี

Search

Read the Text Version

คำนำ โครงงานเร่ือง “หอนอนสะอาดดีเพราะมคี วามรบั ผดิ ชอบ” น้ีเป็นสว่ นหนงึ่ ของการจดั กจิ กรรมตาม โครงการโรงเรยี นคุณธรรม สพฐ หอนอนของขา้ พเจา้ จัดทาขึ้นเพ่อื นาเสนอวิธกี ารที่จะทาให้หอนอนสะอาดนนั่ ก็ คอื การนาหลกั ธรรมคาสอนมาใชเ้ กย่ี วกับอิทธิบาท ๔ ความรบั ผดิ ชอบ ความขยันหม่นั เพยี ร โครงงานนี้ได้ รวบรวมเนื้อหามาจากอินเทอรเ์ นต็ คณะผจู้ ัดทาต้องขอขอบคุณครูที่ปรกึ ษาทุกท่านที่ให้ความรูเ้ กยี่ วกบั การทาโครงงาน คณะผ้จู ัดทาหวัง เปน็ อย่างยิง่ วา่ ผูท้ ่ีอ่านโครงงานนี้จะไดร้ ับความรจู้ ากโครงงาน และคงจะเปน็ ประโยชน์กับท่านผูอ้ า่ นทุกๆ ทา่ น โครงงานเล่มน้อี าจมสี ิง่ ใดผิดพลาดก็ขออภยั มา ณ โอกาสนี้ นักเรียนหอนอนราชาวดี ผู้จัดทา

สำรบญั บทท่ี หน้า บทท่ี ๑ บทนา ๑ บทที่ ๒ เอกสารท่ีเก่ยี วขอ้ ง ๓ บทท่ี ๓ วิธกี ารดาเนินงาน ๑๐ บทท่ี ๔ ผลการศึกษาคน้ คว้า ๑๑ บทที่ ๕ สรปุ ผล ๑๒ ภาคผนวก - รปู ภาพ

๑ บทที่ ๑ บทนำ ๑. ท่มี ำและควำมสำคญั จากการสงั เกตพฤตกิ รรมนักเรียนหอนอนราชาวดี พบปัญหาอย่างหนึง่ คอื นักเรยี นไม่ ทาความสะอาดหอนอน ซึ่งเกดิ จากหลายสาเหตุ เช่น นักเรยี นมคี วามเห็นแกต่ ัว ตื่นสาย ทาให้ทาความสะอาด หอนอนไมส่ ะอาด และอีกหลายๆอย่าง เน่อื งจากปัญหาน้ี พวกเราจึงไดห้ าวธิ กี ารแก้ไขปญั หา โดยการจดั ทา โครงงาน เรอ่ื ง หอนอนสะอาดดีเพราะมีความรบั ผิดชอบ เพื่อกระต้นุ ให้นกั เรยี นมคี วามรับผิดชอบและเห็น ความสาคญั ๒. วัตถุประสงค์ ๑ เพ่ือใหน้ ักเรียนหอนอนราชาวดีมีความรบั ผดิ ชอบในหน้าทท่ี ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย ๒. เพอ่ื ใหน้ กั เรียนหอนอนราชาวดีมีระเบียบวินยั และตรงตอ่ เวลา ๓. ขอบเขตของโครงงำน ๑. ระยะเวลาในการดาเนินงาน คือ ภาคเรยี นท่ี ๒ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓ ระหว่างวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ ถึง ๒๘ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖๔ ๒. แหลง่ คน้ ควา้ ข้อมูล คือ ครผู ู้รู้ ปราชญช์ าวบ้าน ห้องสมุด อินเทอร์เนต็ ๔. กลุม่ เปำ้ หมำย เชิงปรมิ ำณ นกั เรียนหอนอนราชาวดี จานวน ๕๖ คน เชิงคุณภำพ นกั เรียนหอนอนราชาวดรี ้อยละ ๑๐๐ มีความรับผดิ ชอบรจู้ กั ทาความสะอาดหอนอน และมี ระเบยี บวนิ ัยมากขนึ้ ๕. หลกั ธรรมทน่ี ำมำใช้ อทิ ธิบำท ๔ ไดแ้ ก่ ฉนั ทะ (ควำมพอใจ) คือ ความตอ้ งการทีจ่ ะทา ใฝ่ใจรกั จะทาสง่ิ น้ันอยู่เสมอ และปรารถนาจะทาให้ ได้ผลดียิง่ ๆขึ้นไป วริ ิยะ (ควำมเพียร) คอื ขยันหมน่ั ประกอบสงิ่ น้นั ดว้ ยความพยายาม เขม้ แข็ง อดทน เอาธุระ ไมท่ อ้ ถอย จิตตะ (ควำมคดิ ) คอื ตง้ั จติ รับรู้ในสง่ิ ท่ีทา และทาสิ่งน้นั ดว้ ยความคิด เอาจิตฝักใฝ่ ไมป่ ล่อยใจให้ ฟุง้ ซา่ นเล่ือนลอยไป วิมังสำ (ควำมไตร่ตรอง หรือ ทดลอง) คือ หม่ันใชป้ ญั ญา พิจารณาใคร่ครวญ ตรวจหาเหตุผล และ ตรวจสอบข้อยงิ่ หย่อนในส่งิ ทที่ านน้ั มกี ารวางแผน วัดผล คิดคน้ วิธแี กไ้ ขปรบั ปรุง

๒ พระรำชดำรสั การทาความดีน้ันทายากและเหน็ ผลช้า แต่จาเป็นตอ้ งทา เพราะหาไมแ่ ลว้ ความช่ัวซ่งึ ทาง่ายจะเข้ามา แทนทีแ่ ละพอกพนู อย่างรวดเรว็ พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช พระราชทานแก่ผู้สาเร็จการศึกษาท่ี โรงเรยี นนายร้อยตารวจ สวนอมั พร วันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๒๕ ควำมเชอ่ื มโยงสคู่ ณุ ธรรมอตั ลักษณ์ ความรบั ผิดชอบ ๖. พฤตกิ รรมเชงิ บวก ๑. นักเรียนทางานทไี่ ด้รบั มอบหมายให้สาเรจ็ ลุล่วงไปไดด้ ว้ ยดี ๒. นักเรียนรจู้ กั บทบาทหนา้ ทข่ี องตนเองและมคี วามรบั ผดิ ชอบในการทาความสะอาดหอนอนของ ตนเองมากข้นึ ๗. ประโยชนท์ ่ีคำดว่ำจะไดร้ บั ๑. นักเรียนเป็นผูท้ ีม่ คี วามรับผิดชอบมากในตนเองมากข้ึน ๒. นกั เรยี นรู้จกั คาวา่ เสียสละ เอ้อื เฟ้อื เผ่ือแผ่ ๓. นกั เรียนรจู้ ักความสามัคคี เห็นคุณค่าของการทางานรว่ มกัน ๔. นกั เรียนทุกคนสามารถมองเหน็ คุณค่าในตนเอง

๓ บทท่ี ๒ เอกสำรทเี่ กย่ี วข้อง อทิ ธบิ ำท 4\" เป็นแนวทำงกำรเรยี น กำรทำงำน ให้ประสบควำมสำเรจ็ อทิ ธิบาท 4\" เป็นแนวทางการเรยี น การทางาน ใหป้ ระสบความสาเร็จทพี่ ระพทุ ธองคไ์ ด้ทรงสดับไว้ อย่างแยบคลาย อนั ประกอบดว้ ยแนวปฏบิ ัติ 4 ข้อ คือ ฉนั ทะ วริ ิยะ จิตตะ วิมงั สา ซงึ่ ใครๆกท็ ่องได้ จาไดแ้ ต่จะ มสี ักก่ีคนที่ปฏิบตั ไิ ด้ครบกระบวนความทงั้ 4 ข้อ อนั เป็น 4 ข้นั ตอนที่ตอ่ เน่ืองหนนุ เสริมกัน จะขาดข้อใด ขอ้ หนงึ่ ไม่ได้ ด้วยวา่ มนั เปน็ กระบวนการท่ีเชอ่ื มโยงกนั ทั้ง 4 ข้อ จึงจะทาให้เราประสบผลสาเร็จในชีวิตและการงานได้ ตามความมงุ่ หวัง ขออธบิ ายดังตอ่ ไปนี้ 1) ฉันทะ คือ การมีใจรักในส่งิ ที่ทา ใจท่ีรักอันเกิดจากความศรัทธาและเช่ือมัน่ ตอ่ สิ่งท่ีทา จงึ จะเกิดผล จริงตามควร เราคงเคยได้ยนิ คาว่า \"ขอฉนั ทามติจากประชมุ \" บอ่ ยๆ หรือ \"มฉี นั ทะร่วมกนั \" กอ่ นเลิกการประชมุ บางอันเป็นเสมอื นสญั ญาระหวา่ งกนั วา่ เราจะทาส่ิงนัน้ สิ่งนี้ร่วมกนั หรือละเวน้ บางสง่ิ ร่วมกนั ซง่ึ ความเขา้ ใจในขอ้ น้คี ดิ วา่ ถูกเพียงคร่งึ เดียว เพราะความหมายของ \"ฉนั ทะ\" นน้ั ไมใ่ ชแ่ ปลว่าเปน็ สัญญาภาษากระดาษหรือสัญญา ที่ใหไ้ ว้กบั มวลหมูส่ มาชิกเท่านน้ั หากแต่เป็นสัญญาใจและเปน็ ใจที่ผกู พัน เป็นใจท่ศี รทั ธาและเชื่อมั่นตอ่ สง่ิ น้นั อยู่ เตม็ เปยี่ ม จงึ จะเกดิ ความเพยี รตามมา เปรยี บได้กับนกั วิจยั ทศี่ รัทธาและเชอ่ื มั่นในแนวคดิ แนวปฏิบัตขิ องงานวิจัย เพอื่ ทอ้ งถ่นิ ซ่ึงอาจมมี ากน้อยตา่ งกนั คงไม่มใี ครบอกไดน้ อกจากตวั นกั วจิ ยั เองและผลของงานทีเ่ กิดข้นึ จริงเป็นท่ี ประจักษ์ต่อสาธารณะชน หลายคนคงเคยไดย้ นิ ประโยคทวี่ า่ Where there is the will, there is the way. ทใี่ ด มคี วามปรารถนาอนั แรงกลา้ ทน่ี ่นั ยอ่ มมีหนทางเสมอ ขอเพยี งแตใ่ ห้มีความตง้ั ใจแนว่ แน่ ท่จี ะประสบ ความสาเรจ็ ในเรอ่ื งน้ันๆใหไ้ ด้ ดว้ ยความมุ่งมั่น ไมท่ ้อถอย ย่อมมีหนทางนาเราไปสู่ความสาเรจ็ ได้เสมอการ มใี จรกั ถือว่าสาคัญมาก ไม่ใช่ทาใจใหร้ กั เพือ่ อะไรสักอย่าง หรือ หา้ มใจไม่ใหร้ กั มันก็ยากยง่ิ พอๆกัน เพราะ รักดงั กลา่ วไม่ไดเ้ กิดจากความรกั ความศรทั ธาของเราจรงิ ๆ ขนื ทาไปกม็ ีแต่จะทุกข์ทรมานแมจ้ ะได้บางสิ่งทม่ี ่งุ หวัง แล้วก็ตาม ประการสาคญั เปน็ การแอบแฝงมาจากความคิดอ่ืนศรทั ธาอน่ื หรือความเป็นอ่ืนทีเ่ ราพยายามหาเหตุ และผลมาอธิบายวา่ มันคอื สิ่งเดียวกันเพื่อใหส้ ามารถดาเนินไปได้หรือเพ่ือให้ตวั เองสบายใจท่ีสุด แต่ถ้าเรามใี จ ศรัทธาอันแรงกล้าแลว้ พลังสรา้ งสรรค์ก็จะบงั เกดิ ขึ้นกับเราอย่างมหัศจรรยท์ เี ดยี ว ทีนม้ี าพดู ถงึ วา่ \"เราจะสร้างฉันทะให้เกิดข้ึนได้อยา่ งไร\" พระพทุ ธองคเ์ คยสอนไวว้ ่า มนุษย์เราตอ้ ง เลอื กทจี่ ะศรทั ธาบางอยา่ งและหม่นั ตรวจสอบศรทั ธาของตวั เองว่าดีตอ่ ตัวเองและดตี อ่ ผูอ้ ่ืนอนั รวมถึงสังคม โดยรวมหรือไม่ เมอื่ ดีท้ังสองอยา่ งก็จงม่งุ มนั่ ทจี่ ะทาดว้ ยความตัง้ ใจ และหากไมด่ ีกจ็ งเปลย่ี นแปลงศรัทธาเสียใหม่ ซ่ึงเรา ตอ้ งเลอื ก ไม่เชน่ นั้นเราจะกลายเป็นคนทส่ี ับสนไมม่ แี ก่นสารและเป็นคนไร้รากในทีส่ ุด เมอื่ เป็นคนไม่มี แก่นสารก็ จะถูกชกั ชวนไปในทางท่ไี มด่ ีได้งา่ ยน่ันเอง หากจะฝกึ ฝนตนเอง อาจเร่ิมจากการต้งั คาถามกบั ตวั เองวา่ เราศรทั ธาอะไรอยู่ เพราะคนเราเม่ือศรทั ธา อะไรกจ็ ะได้พบกับส่งิ น้ันเข้าถงึ สงิ่ นนั้ ศรัทธาในเทคโนโลยเี ราก็จะเข้าถึงเทคโนโลยี ศรทั ธาต่อชาวบ้านเรากจ็ ะ เขา้ ถึงชาวบ้าน ศรทั ธาต่อวัตถกุ ็จะเข้าถึงวัตถุ ศรัทธาต่อลาภยศสรรเสรญิ กจ็ ะเข้าถึงลาภถงึ ยศเข้าถึงตาแหนง่ ศรัทธาต่อความรูก้ จ็ ะเข้าถงึ ความรู้ หรือศรัทธาตอ่ หลักธรรมกจ็ ะเข้าถึงธรรม หรอื ไม่ศรทั ธาอะไรเลยก็ไมเ่ ขา้ ถงึ ก็ ไมเ่ ขา้ ถงึ อะไรเลย เพราะความศรทั ธานามาซึง่ มุ่งม่นั ทมุ่ เทเพ่อื ทาทกุ อย่างใหไ้ ดม้ าซึ่งสง่ิ ที่เราศรัทธานั่นเอง

๔ ขณะเดยี วกันก็ลองตรวจสอบตวั เองดวู า่ สิง่ ที่เราศรัทธากบั สิง่ ทอี่ งค์กรของเราศรทั ธานน้ั ตรงกนั หรือไม่ หาก ตรงกนั กเ็ รยี นรูท้ ี่จะเปล่ยี นแปลงตนหรอื หากไมต่ รงกันก็เรยี นร้ทู ่ีจะให้โอกาสตวั เองไปสแู่ ห่งท่ที ่ีเหมาะสมกวา่ 2) วริ ิยะ คือ ความม่งุ มน่ั ทุ่มเท เป็นความมงุ่ มัน่ ทุ่มเททงั้ กายและใจ ท่ีจะเรียนรแู้ ละทาใหเ้ ข้าถงึ แก่น แทข้ องสงิ่ น้ันเรอ่ื งนน้ั ถา้ หากกระทาก็จะทาจนเช่ียวชาญจนเปน็ ผู้รู้ ถา้ หากศึกษากจ็ ะศกึ ษาให้ร้จู นถงึ รากเหง้า ของเร่ืองราวนนั้ ๆ ดงั นน้ั คาวา่ \"วิริยะ\" จงึ หมายถึงความเพียรพยายามอย่างสงู ทจ่ี ะทาตามฉันทะหรอื ศรทั ธา ของตัวเอง หากเราไม่มคี วามเพียรแล้วก็อนมุ านไดว้ า่ เรามีฉันทะหลอกๆ หรอื ศรัทธาหลอกๆ ท้งั โกหกตวั เองและ หลอกผูอ้ ่ืน เพ่ืออะไรนนั้ ผลงานทเ่ี ขาทาจะช้ีชดั ออกมาเองวา่ ทาเพ่ืออะไร ดงั นั้น นกั วจิ ัยทอ้ งถิน่ จงึ ต้องมใี จที่ รัก ตอ่ คนทอ้ งถิ่นและรักต่อการทางานวจิ ยั เพื่อแกป้ ญั หาคนทอ้ งถ่นิ อันเปน็ ศรทั ธาสงู สุด หากไม่เปน็ เช่นน้นั กไ็ ด้ แต่ เพยี งศรทั ธาปากเปลา่ ทไ่ี ร้แม้เงาของความมุง่ มั่นและทุ่มเท หากแตม่ ีศรัทธาอ่ืนให้ครนุ่ คิดและกระทาอยู่ วิรยิ ะนี้ มาคกู่ ับความอดทนอดกล้ัน เปน็ ความรูส้ กึ ไมย่ อ่ ท้อตอ่ ปญั หาและมคี วามหวงั ทีจ่ ะเอาชนะอปุ สรรค ทัง้ ปวง โดยมี ศรัทธาเปน็ เคร่อื งยึดเหน่ยี วจิตใจ นาใจ และเตือนใจ ความอดทนเป็นเครอื่ งมอื สาหรบั คนใจเยน็ และใจงามด้วย ไม่ใชม่ ุทะลุดดุ ันรบเร้าและรุม่ รอ้ น เพราะมนั จะทาให้มโี อกาสผิดพลาดไดง้ า่ ย หรอื สูญเสยี ความ อดทนในท่สี ุด ดังนั้น ความวริ ิยะอสุ าหะ จงึ เปน็ วิถีทางของบคุ คลทหี่ าญกล้าและทายท้าตอ่ อปุ สรรคใดๆทัง้ มวล ถามวา่ \"ความ วริ ยิ ะมันเกดิ จากอะไร\" ค าตอบกค็ ือ \"เกดิ จากศรัทธาหรือฉนั ทะน่นั เอง\" และเปน็ ศรทั ธาที่ มน่ั คงด้วยไมว่ ่าจะมี อปุ สรรค์ใดๆมากระทบกต็ ามกจ็ ะไม่เปล่ียนแปลง แตอ่ าจปลอ่ ยวางหรือวางเฉยในบางเวลา บางสถานการณ์บ้าง เพอ่ื รอสภาวะทเ่ี หมาะสมกวา่ ความวิรยิ ะไม่ใชค่ วามดดุ ันอยา่ งเอาเปน็ เอาตายหรอื ตอ้ งให้ ไดเ้ สมอ แตม่ นั คอื ความแยบยลและเลือกท่จี ะทาบางอยา่ งเพ่ือรักษาศรัทธาไว้หรือเพือ่ รอวาระทเ่ี หมาะสมอัน หมายถงึ การบรรลุผล แหง่ ศรทั ธา ถา้ จะฝึกฝนเร่ืองความวิริยะแลว้ คงตอ้ งเริ่มจากความคิดทวี่ า่ ตอ้ งหมั่นฝึกฝนตนเองบอ่ ยๆ หมั่นทา หมน่ั คิดหมั่นเขียนหมั่นนาเสนอและอย่าขี้เกียจ อยา่ กลวั ความผิดพลาดและจงกล้าแสดงออกซึ่งความรบั ผิดชอบ ต่อความ ล้มเหลวของตัวเอง อย่าท้อต่องานหนักและงานมากให้คดิ วา่ ทามากรมู้ ากเก่งมากข้นึ อยา่ บ่นวา่ ไมม่ ี เวลาเพราะ เวลามีเท่าเดิม ฯลฯ 3) จติ ตะ คอื ใจท่ีจดจ่อและรับผิดชอบ เมื่อมีใจท่ีจดจอ่ แลว้ กจ็ ะเกดิ ความรอบคอบตาม คาน้ียง่ิ ใหญ่ มาก ปัจจุบนั สงั คมซบั ซ้อน มสี ่งิ ใหมๆ่ เกิดขนึ้ มากมาย แตล่ ะคนมภี าระหนา้ ท่ี ทตี่ ้องทามากมาย ไมร่ จู้ ะทาอะไร ก่อน เวลาอ่านหนังสอื กค็ ิดถึงงานท่ีรบั ผิดชอบ เวลาอา่ นทางานก็คดิ วา่ ต้องอา่ นหนังสือเพอื่ เตรยี มตวั สอบ ไม่ สามารถ มจี ิตจดจอ่ อยกู่ ับสง่ิ ใดสิ่งหนึ่งไดน้ าน ผลคอื ทาอะไรกไ็ ม่ดสี กั อยา่ งทาผิดๆถูกๆอยู่อย่างนั้น แตถ่ า้ เรามีใจท่ีจดจ่อตอ่ สิง่ ทเี่ ราคดิ เราทาและรับผิดชอบแล้ว ไมว่ า่ จะเป็นการเรียนหรือการงานก็ตาม ทุกอยา่ งกจ็ ะดีข้ึนไปเอง เรากจ็ ะมีความรอบรมู้ ากขน้ึ เรอ่ื ยๆด้วยใจที่จดจอ่ ตง้ั มนั่ และใฝ่เรียนรู้ของเรา เมือ่ มีความ รอบรู้มากขึน้ กจ็ ะเกิดความรอบคอบตามมา เม่ือมีความรอบคอบแล้วการตดั สินใจทาอะไรก็จะเกิดความผิดพลาด น้อยตามไปดว้ ย ความรอบคอบจะเกดิ ขนึ้ ไมไ่ ด้เลยหากไมร่ อบรู้ ดังนน้ั การทค่ี นจะรอบรไู้ ด้นนั้ ต้องหมน่ั ศกึ ษาเรียนรอู้ ยู่ เป็นเน่ืองนจิ ติดตามข่าวสารบ้านเมอื งสม่าเสมอ ต้องอา่ นหนงั สอื อย่าให้ขาดและหลากหลายโดยไม่ยดึ ตดิ กับเรื่อง ใดเร่อื งหนึ่ง ประการสาคัญตอ้ งฝกึ ตั้งคาถามกับตัวเองกบั เรอื่ งราวตา่ งๆทเ่ี กดิ ขึ้นรอบตัวเราพร้อมกบั ค้นหา คาตอบใหไ้ ด้ การฝึกสนทนากับผรู้ บู้ ่อยๆกเ็ ป็นส่งิ จาเป็น ซง่ึ เมือ่ เราทาไดอ้ ย่างนีแ้ ลว้ เรากจ็ ะเป็นผทู้ ี่เข้าใกล้ความ รอบรู้ไปโดยปริยาย

๕ เม่ือเราเข้าใกลค้ วามรอบรแู้ ล้ว กไ็ ม่ใช่เรอ่ื งยากทจ่ี ะวิเคราะหส์ งั เคราะหเ์ น้ือแท้ของเรื่องราวนน้ั ๆ ออกมา สูก่ ารตัดสินใจของหม่คู ณะหรือแมแ้ ต่เรื่องสว่ นตัวของเราเอง ดงั นน้ั ความรอบคอบจึงแฝงไปดว้ ยความรอบรตู้ าม สภาพจรงิ ของมัน อนั เป็นแนวปฏบิ ัติที่คนรนุ่ ใหม่ตอ้ งสรา้ งใหเ้ กิดเป็นนสิ ยั แก่ตนเอง ความรอบคอบนอกจากจะดารงอยู่คูก่ บั ความรอบรู้แลว้ ยังต้องอาศัยความดีงามเป็นเครือ่ งเตอื นสติด้วย ถึงจะสามารถใช้จติ ของเราพินิจพิจารณาและตรกึ ตรองในเนอื้ แท้ของสิ่งตา่ งๆนนั้ ไดอ้ ย่างเหมาะสม เพราะความดี งามตามแบบอยา่ งของคณุ ธรรมตามหลกั ศาสนาและจริยธรรมของสังคมนัน้ เปน็ สิ่งเดียวทจี่ ะทาให้มนุษย์อยู่ รว่ มกนั อย่างปรกตสิ ขุ 4) วิมงั สำ คอื การทบทวนในส่งิ ทไี่ ด้คิดได้ทามา อนั เกิดจาก การมีใจรกั (ฉันทะ) แลว้ ทาดว้ ยความ มงุ่ มัน่ (วิรยิ ะ) อยา่ งใจจดใจจ่อและรับผดิ ชอบ (จิตตะ) โดยใช้วจิ ารณญาณอย่างรอบรแู้ ละรอบคอบ จึงนาไปสู่ การทบทวนตวั เอง และทบทวนองคก์ รหรือทบทวนขบวนการ ทบทวนในส่ิงทไ่ี ด้คดิ สงิ่ ได้ทาผา่ นมาว่าเกิดผลดี ผลเสยี อยา่ งไร ทั้งที่เป็นเร่ืองส่วนตัวของเราเองและเปน็ เรื่องท่ีร่วมคิดรว่ มทากับคนอนื่ เพ่ือปรับปรุงปรับแกไ้ ขให้ ดยี ่ิงขนึ้ การทบทวนเรอื่ งราวจากภายในของตวั เองเป็นสงิ่ สาคัญมากในยุคปจั จุบนั ที่ผู้คนเรมิ่ สับสนวนุ่ วายอยา่ ง เข้มข้น ทบทวนความคดิ เพอ่ื ตรวจสอบความคดิ และการกระทาของเราวา่ เราคดิ หรอื ทาจากความคิดอะไร? พรอ้ ม กับถามตวั เองว่าเราคดิ อย่างน้นั เพอ่ื อะไร? เราทาสง่ิ นี้เพือ่ อะไร? เพอื่ ความสุขของตวั เองหรือเพ่ือความ สงบสขุ ของสงั คม? ฯลฯ ซึง่ จะทาให้เราร้วู ่าเราควรจะอยู่ ณ จุดไหนของสังคมหรอื เปลี่ยนแปลงตนอย่างไรไปสู่ การ สรา้ งสรรคต์ นเองและสังคมทีง่ ดงาม ดงั นัน้ \"อิทธบิ าท 4\" จึงมีความหมายกับคนรุ่นใหม่ท่ีตอ้ งการจะเดนิ ทางไปในส่คู วามสาเร็จในชวี ิตและ การงาน เพราะหากทาได้ตามกระบวนความแลว้ สงั คมความรู้ ชุมชนความรู้ และปจั เจกชนความรู้ คงอยู่ไม่ไกล เกนิ ฝัน ประการสาคัญ \"อทิ ธิบาท 4\" ไม่ได้เกิดขนึ้ อย่างโดดเดย่ี วจากหลักธรรมขอ้ อ่ืนๆอนั เป็นองคร์ วมและ เช่ือมโยงถึงกนั เพียงแตอ่ ธบิ ายคนละบทบาทเท่านนั้ ส่งิ สาคัญ เราได้ใคร่ครวญในเรอื่ งเหลา่ น้มี ากนอ้ ยเพียงใด เพราะ ในโลกปัจจุบนั โลกท่ีสง่ั สม อวิชชามามากจนเกนิ ล้น จึงกลายเปน็ โลกท่ีฉาบฉวยและวุ่นวายสงู สดุ นัน่ แปลว่าเราต้องฝกึ ฝนตนเองหลายเทา่ ตัวเพือ่ จะเข้าใจและเข้าถึงหลักธรรมท่กี อ่ กาเกดิ การพฒั นาท่ีจุดเริ่มตน้ ของ ตนเองอยา่ งแท้จริง ภำระหนำ้ ที่และควำมรบั ผดิ ชอบของบคุ คล การกระทาหรอื การแสดงพฤติกรรมของบุคคลที่เป็นไปตามความคาดหวงั ตามตาแหนง่ ในอาชีพหรอื ตาแหนง่ ท่สี ังคมกาหนดข้นึ ซึง่ โครงสรา้ งของบทบาทประกอบด้วย ลกั ษณะท่ีเฉพาะของแตล่ ะบคุ คล การแสดง พฤติกรรมและตาแหนง่ ทคี่ รองอยู่ หรอื พฤติกรรมทคี่ นในสงั คมตอ้ งทาตามสถานภาพในกล่มุ หรือสังคมโดย บทบาท (Role) สามารถแยกได้ 4 ประเภทหลกั ดังน้ี 1. บทบาทที่คาดหวัง (Role expectation) ทกุ สังคมจะมบี ทบาทใหท้ ุกคนปฏิบตั ติ ามแต่ละ สถานภาพ 2. บทบาททก่ี ระทาจรงิ (Role performance) ในชีวิตจริงทกุ คนอาจไม่ไดป้ ฏบิ ตั ิตามบทบาทที่ สังคมกาหนดไว้ เพราะตอ้ งปรบั ตัวใหส้ อดคลอ้ งกบั สถานการณ์

๖ 3. บทบาทท่ีขดั แยง้ (Role conflict) การอยู่ในสังคมทกุ คนจะมีบทบาททต่ี อ้ งกระทาแตกต่างกัน หลายบทบาท การแสดงบทบาทหลายบทบาทในเวลาเดยี วกัน 4. บทบาทที่ถูกบงั คบั (Role strain) หากในการกระทาตามบทบาทนั้นเกดิ ความไมเ่ ตม็ ใจท่ีจะทา ตามบทบาทที่กาหนดไว้ การท่บี คุ คลมีบทบาทตอ่ สงั คม และปฏิบัติตามหน้าที่ที่สังคมยอมรับ มีความสาคญั เปน็ อนั มาก เพราะ ทาให้การจัดระเบียบสังคมดีข้นึ เปน็ การควบคมุ สังคมให้เป็นระเบียบ ถ้าคนไมป่ ฏิบตั ติ ามหนา้ ที่ ตามบทบาทของ ตนในสงั คมใหส้ มกับสถานภาพทไี่ ด้รับ ก็จะทาให้สังคมเสยี ระเบยี บ ทาใหเ้ กิดปัญหาและความยงุ่ ยากใหแ้ กส่ ังคม แนวคดิ เกยี่ วกบั บทบาทซ่งึ สรุปได้วา่ บทบาทจะตอ้ งประกอบดว้ ยลักษณะ 4 ประการ ดังต่อไปน้ี 1. รู้สภาพของตนในสังคม 2. คานึงถงึ พฤติกรรมท่ีเกยี่ วข้องกับผู้อน่ื 3. คานึงถงึ พฤติกรรมท่ีเกย่ี วกับผอู้ ืน่ และ 4. ประเมินผลการแสดงบทบาทของตนเอง หนา้ ท่ี (DUTY) หมายถงึ ภาระรับผิดชอบของบุคคลท่ีจะต้องปฏบิ ัติ เชน่ หน้าท่ีของบิดาทีม่ ตี อ่ บุตร เป็น ตน้ ความสอดคลอ้ งของสถานภาพและบทบาทของบคุ คลทม่ี าของหน้าที่ 1. ผลจากการทคี่ ุณเป็นมนษุ ย์ 2. ผลจากการที่เปน็ ส่วนหนึง่ ของชีวติ คนอื่น 3. เปน็ หลกั ในการในความประพฤตหิ นึ่งของบคุ คล 4. เปน็ สงิ่ คาดหวงั ของตนในการท าหนา้ ท่ีตามคุณธรรม ความรับผิดชอบ RESPONSIBILITY หมายถงึ ลักษณะของบุคคลที่แสดงออกถึงความเอาใจใส่ จดจอ่ ตัง้ ใจ มงุ่ ม่ันต่อหนา้ ที่การงาน การศึกษาเล่าเรยี น และการเปน็ อยู่ของตนเอง และ ผ้อู ยู่ในความดูแล ตลอดจน สังคม อย่างเต็มความสามารถ เพ่ือให้บรรลุผลสาเรจ็ ตามความมงุ่ หมายในเวลาที่กาหนด ยอมรับผล การกระทา ทง้ั ผลดแี ละผลเสยี ที่เกิดขนึ้ รวมทั้งปรับปรุงการปฏิบตั งิ านใหด้ ีขนึ้ เปน็ ความผกู พนั ในการทีจ่ ะปฏบิ ัติ หนา้ ทีใ่ ห้ สาเรจ็ ลลุ ่วงไปได้ และความสาเรจ็ น้เี ก่ียวข้องกับปัจจัย 3 ประการ คอื พนั ธะผกู พนั หน้าท่ีการงาน และ วตั ถปุ ระสงค์แบ่งประเภทความรบั ผิดชอบไวด้ ังนี้ 1. ความรับผดิ ชอบตอ่ ตนเอง หมายถงึ การรับรฐู้ านนะและบทบาทของตนทเ่ี ปน็ ส่วนหน่ึงของ สงั คมจะต้องดารงตนให้อย่ใู นฐานนะทีช่ ่วยเหลือตัวเองได้ รจู้ ักว่าส่งิ ใดถกู สง่ิ ใดผิด ยอมรบั ผลการกระทาของ ตนเองท้งั ท่ีเปน็ ผลดแี ละผลเสีย เพราะฉะนน้ั บคุ คลท่ีมคี วามรบั ผดิ ชอบในตนเองย่อมจะไตรต่ รองดใู ห้รอบคอบ กอ่ นวา่ ส่งิ ทีต่ นเองทาลงไปนน้ั จะมีผลดีผลเสยี หรือไมแ่ ละจะเลอื กปฏบิ ตั แิ ต่สิ่งท่ีจะก่อใหเ้ กิดผลดีเท่านั้น 2. ความรับผดิ ชอบต่อสงั คม หมายถึง ภาระหน้าทข่ี องบคุ คลที่จะตอ้ งเกยี่ วขอ้ ง และมีส่วนร่วม ต่อสวัสดภิ าพของสงั คมทต่ี นเองดารงอยู่ ซ่งึ เป็นเร่ืองท่ีเกย่ี วข้องกับหลายสิ่งหลายอย่าง ตง้ั แตส่ งั คมขนาดเลก็ ๆ จนถงึ สังคมขนาดใหญ่ การกระทาของบุคคลใดบุคคลหน่ึงยอ่ มมผี ลกระทบต่อสงั คมไมม่ ากกน็ ้อย บคุ คลทุกคนจงึ ตอ้ งมีภาระหนา้ ท่แี ละความรับผดิ ชอบที่จะตอ้ งปฏิบตั ติ ่อสังคม ดงั ตอ่ ไปน้ี 2.1 ความรับผิดชอบต่อหนา้ ทพ่ี ลเมือง ได้แก่ การปฏิบตั ติ ามกฎระเบียบของสงั คม การรกั ษา ทรพั ย์สนิ ของสงั คม การช่วยเหลอื ผ้อู ่นื และการให้ความร่วมมือกบั ผู้อื่น

๗ 2.2 ความรบั ผิดชอบตอ่ ครอบครัว ไดแ้ ก่ การเคารพเชอื่ ฟังผูป้ กครอง การช่วยเหลืองานบา้ น และการรักษาชอื่ เสยี งของครอบครัว 2.3 ความรบั ผิดชอบต่อโรงเรียน ได้แก่ ความต้ังใจเรยี น การเชือ่ ฟงั ครู – อาจารย์ การปฏิบัติ ตามกฎของโรงเรยี นและการรักษาสมบตั ิของโรงเรยี น 2.4 ความรับผิดชอบตอ่ เพ่ือน ไดแ้ ก่ การชว่ ยตกั เตอื นแนะนาเมื่อเพอื่ นกระทาผดิ การ ช่วยเหลือเพื่อนอย่างเหมาะสม การให้อภยั เมือ่ เพื่อนทาผดิ การไม่ทะเลาะและ เอาเปรียบเพอ่ื น และการเคารพ สิทธซิ งึ่ กนั และกัน บทบำท หน้ำท่ี และควำมรับผดิ ชอบตำมหลกั ศำสนำศำสนำพุทธ ทศิ 6 : บุคคลประเภทต่างๆ ที่เราต้องเก่ยี วขอ้ งสมั พนั ธ์ทางสังคม ดจุ ทิศทอ่ี ยู่รอบตัว 1. ปรุ ตั ถมิ ทิศ (ทิศเบ้อื งหนา้ คือ ทิศตะวันออก ไดแ้ ก่ มารดาบิดา เพราะเปน็ ผูม้ อี ุปการะแก่เรามากอ่ น ก. บุตรธิดาพึงบารงุ มารดาบดิ า ผู้เปน็ ทิศเบือ้ งหน้า ดงั น้ี 1) ท่านเล้ยี งเรามาแล้ว เลย้ี งทา่ นตอบ 2) ช่วยทาการงานของท่าน 3) ดารงวงศส์ กุล 4) ประพฤตติ นใหเ้ หมาะสมกับความเป็นทายาท 5) เมือ่ ทา่ นล่วงลับไปแล้ว ทาบญุ อุทิศให้ทา่ น ข. บิดามารดายอ่ มอนเุ คราะห์บตุ รธิดา ดังน้ี 1) หา้ มปรามจากความชั่ว 2) ให้ตัง้ อยใู่ นความดี 3) ใหศ้ ึกษาศลิ ปวทิ ยา 4) หาคู่ครองทสี่ มควรให้ 5) มอบทรัพยส์ มบัตใิ ห้ในโอกาสอันสมควร 2. ทกั ขิณทิศ (ทิศเบือ้ งขวา คือ ทิศใต้ ไดแ้ ก่ ครูอาจารย์ เพราะเปน็ ทักขไิ ณยบุคคล ควรแก่การบูชาคุณ ก. ศิษยพ์ งึ บารุงครอู าจารย์ ผู้เปน็ ทศิ เบอ้ื งขวา ดังนี้ 1) ลุกตอ้ นรบั 2) เข้าไปหา (เพ่ือบารงุ คอยรบั ใช้ ปรกึ ษา และรับคาแนะนา เป็นตน้ ) 3) ใฝ่ใจเรียน (คือ มีใจรกั เรยี นดว้ ยศรัทธา และรูจ้ กั ฟงั ให้เกิดปัญญา) 4) ปรนนิบตั ิ ช่วยบริการ 5) เรียนศิลปวิทยาโดยเคารพ (คอื เอาจริงเอาจัง ถอื เปน็ กจิ สาคัญ) ข. ครอู าจารยย์ อ่ มอนุเคราะห์ศิษย์ ดงั นี้ 1) ฝกึ ฝนแนะนาใหเ้ ป็นคนดี 2) สอนใหเ้ ข้าใจแจม่ แจง้ 3) สอนศลิ ปวทิ ยาให้สน้ิ เชงิ 4) ยกย่องให้ปรากฏในหม่คู ณะ

๘ 5) สรา้ งเครอื่ งคมุ้ ภยั ในสารทศิ (สอนฝกึ ให้รู้จกั เล้ียงตัวรักษาตนในอนั ท่จี ะดาเนนิ ชีวติ ตอ่ ไปด้วยด)ี 3. ปจั ฉิมทศิ (ทิศเบ้ืองหลัง ทิศตะวันตก ไดแ้ ก่ บุตรภรรยาเพราะตดิ ตามเป็นกาลังสนบั สนุนอย่ขู า้ งหลัง ก. สามีบารุงภรรยา ผ้เู ป็นทิศเบือ้ งหลัง ดังน้ี 1) ยกยอ่ งให้เกยี รติสมกบั ฐานะทีเ่ ปน็ ภรรยา 2) ไมด่ หู มิน่ 3) ไม่นอกใจ 4) มอบความเป็นใหญใ่ นงานบ้านให้ 5) หาเครือ่ งประดับมาให้เป็นของขวัญตามโอกาส ข. ภรรยายอ่ มอนุเคราะหส์ ามี ดงั นี้ 1) จัดงานบ้านใหเ้ รยี บร้อย 2) สงเคราะห์ญาติมติ รท้งั สองฝ่ายดว้ ยดี 3) ไมน่ อกใจ 4) รกั ษาทรัพย์สมบตั ิที่หามาได้ 5) ขยันไมเ่ กียจครา้ นในงานทง้ั ปวง 4. อุตตรทิศ (ทิศเบ้ืองซ้าย ทิศเหนอื ได้แก่ มติ รสหาย เพราะเปน็ ผูช้ ว่ ยใหข้ ้ามพ้นอปุ สรรคภัยอนั ตราย และเปน็ กาลังสนับสนุนให้บรรลุความสาเร็จ ก. บคุ คลพงึ บารุงมติ รสหาย ผูเ้ ป็นทศิ เบ้ืองซา้ ย ดงั นี้ 1) เผือ่ แผ่แบ่งปนั 2) พดู จามีน้าใจ 3) ช่วยเหลือเกอื้ กลู กัน 4) มตี นเสมอ ร่วมสุขรว่ มทกุ ขก์ นั 5) ซ่ือสัตย์จริงใจตอ่ กัน ข. มิตรสหายยอ่ มอนุเคราะหต์ อบ ดงั นี้ 1) เมอื่ เพ่อื นประมาท ช่วยรักษาป้องกัน 2) เม่อื เพ่อื นประมาทชว่ ยรกั ษาทรัพยส์ มบตั ิของเพื่อน 3) ในคราวมภี ัย เป็นทพี่ งึ่ ได้ 4) ไม่ละท้งิ ในยามทุกข์ยาก 5) นบั ถอื ตลอดถงึ วงศ์ญาติของมติ ร 5. เหฏฐิมทิศ (ทิศเบอ้ื งลา่ ง ได้แก่ คนรับใช้และคนงาน เพราะเป็นผูช้ ว่ ยทาการงานตา่ งๆ เป็นฐานกาลัง ให้ ก. นายพงึ บารุงคนรับใชแ้ ละคนงาน ผูเ้ ปน็ ทิศเบื้องลา่ ง ดงั น้ี 1) จัดการงานใหท้ าตามความเหมาะสมกบั กาลังความสามารถ 2) ใหค้ ่าจา้ งรางวัลสมควรแกง่ านและความเปน็ อยู่ 3) จดั สวัสดกิ ารดี มีชว่ ยรักษาพยาบาลให้ยามเจบ็ ไข้ เปน็ ตน้

๙ 4) ไดข้ องแปลกๆ พิเศษมา กแ็ บ่งปนั ให้ 5) ใหม้ วี ันหยดุ และพักผอ่ นหยอ่ นใจตามโอกาสอันควร ข. คนรับใช้และคนงานยอ่ มอนเุ คราะห์นาย ดงั น้ี 1) เรมิ่ ทาการงานก่อนนาย 2) เลกิ งานทีหลงั นาย 3) ถอื เอาแต่ของท่นี ายให้ 4) ทาการงานให้เรียบร้อยและดียิ่งข้นึ 5) นาเกยี รติคุณของนายไปเผยแพร่ 6. อุปรมิ ทิศ (ทิศเบ้ืองบน ไดแ้ ก่ สมณพราหมณ์ คอื พระสงฆ์ เพราะเป็นผ้สู งู ดว้ ยคณุ ธรรม และเป็น ผู้นาทางจติ ใจ ก. คฤหสั ถ์ยอ่ มบารุงพระสงฆ์ ผเู้ ป็นทิศเบ้ืองบน ดังนี้ 1) จะทาสิ่งใด ก็ทาดว้ ยเมตตา 2) จะพูดสิ่งใดกพ็ ูดด้วยเมตตา 3) จะคดิ สิง่ ใด กค็ ิดด้วยเมตตา 4) ตอ้ นรบั ดว้ ยความเตม็ ใจ 5) อปุ ถัมภ์ดว้ ยปัจจัย 4 ข. พระสงฆ์ยอ่ มอนเุ คราะหค์ ฤหสั ถ์ ดงั น้ี 1) หา้ มปรามจากความชว่ั 2) ใหต้ ้ังอยู่ในความดี 3) อนุเคราะห์ดว้ ยความปรารถนาดี 4) ใหไ้ ดฟ้ ังสิ่งที่ยังไมเ่ คยฟงั 5) ทาสง่ิ ทเี่ คยฟังแล้วให้แจม่ แจ้ง 6) บอกทางสวรรค์ คือทางชีวิตท่มี ีความสุขความเจริญเห็นวา่ บุคคลแต่ละคนยอ่ มจะ มคี วามสมั พนั ธต์ ่อกันไมโ่ ดยฐานะใดกฐ็ านะหน่งึ และความสัมพนั ธ์ข้นั มูลฐานในสงั คมท่ีควรจะ ไดร้ ับการปรบั ปรงุ

๑๐ บทท่ี ๓ วธิ ีกำรดำเนนิ งำน ๑. ข้นั ตอนกำรดำเนนิ งำน ๑. นักเรยี นและครูหอนอนราชาวดี ร่วมประชุมปรกึ ษาหารือเกยี่ วกบั การดาเนินงานภายในหอ นอนราชาวดี เช่น การแต่งต้งั หัวหน้าหอนอนราชาวดี การแต่งตัง้ เวรประจาวัน ฯลฯ ๒. เลอื กหวั หนา้ เวรประจาวันและให้สมาชิกแต่ละคนเลือกเวรประจาวันตามความสมคั รใจ ๓. จัดทาแนวปฏบิ ตั แิ ละขอ้ ตกลงในการปฏบิ ัตหิ น้าท่เี วรแต่ละวัน ๔. ทกุ คนปฏบิ ัตหิ น้าทีต่ ามท่ไี ดร้ บั มอบหมาย ๕. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบตั ิงาน ๖. สรุปและประเมนิ ผล โดยใช้เครอ่ื งมอื ประเมิน คอื แบบบนั ทึกการตรวจเวรประจาวนั ๗. เสนอแนะ ปรบั ปรงุ แกไ้ ข ๘. จัดทารูปเลม่ ๙. จดั ทาบอร์ดโครงงาน ๑๐. นาเสนอโครงงาน ๒. ตวั ชี้วดั ๑. นักเรยี นมพี ฤติกรรมที่พึงประสงค์ รูจ้ กั ความรบั ผิดชอบและมวี ินยั ในตนเองมากข้ึน ๒. ผลการตรวจความสะอาดหอนอนในแตล่ ะเดือนไดผ้ ลลพั ธ์ในระดบั ร้อยละ ๙๕ ๓. วธิ กี ำรวัดและประเมินผล ๑. สังเกตพฤติกรรม ๒. แบบบันทกึ การตรวจเวรประจาวนั ๔. ชว่ งระยะเวลำกำรประเมนิ วนั ท่ี ๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ – ๓๑ มกราคม ๒๕๖๔ ตงั้ แตเ่ วลา ๐๕.๓๐ น. – ๐๖.๓๐ น.

๑๑ บทท่ี ๔ ผลกำรศกึ ษำคน้ ควำ้ จากการทาโครงงาน “หอนอนสะอาดดีเพราะมคี วามรบั ผิดชอบ” ของนักเรยี น หอนอนราชาวดี ภาค เรยี นที่ ๒ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓ โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์โดยเริ่มจากการประชุมปรกึ ษาหารอื เกี่ยวกับการ ดาเนนิ งานภายในหอนอนราชาวดี เชน่ การแตง่ ตั้งหวั หน้าหอนอน การแตง่ ตง้ั เวรประจาวนั ฯล การเลือก หวั หนา้ เวรประจาวนั และให้สมาชกิ แตล่ ะคนเลอื กเวรประจาวันตามความสมัครใจ จัดทาแนวปฏิบตั ิและข้อตกลง ในการปฏิบัติหนา้ ทีเ่ วรแต่ละวนั ทุกคนปฏบิ ัติหนา้ ทต่ี ามท่ีได้รับมอบหมาย และสังเกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ัตงิ าน สามารถสรปุ ผลการดาเนนิ งาน ดังน้ี จำกกำรศกึ ษำพบว่ำ ๑. นักเรียนที่เข้าร่วมกจิ กรรมโครงงาน “หอนอนสะอาดดเี พราะมคี วามรับผิดชอบ” มีความรบั ผิดชอบ และมวี นิ ยั ในตนเองมากขึ้น ๒. ผลการตรวจหอนอนราชาวดี รอ้ ยละ ๙๕ มีความสะอาด เปน็ ระเบียบเรียบรอ้ ยมากขน้ึ

๑๒ บทที่ ๕ สรปุ ผล สรุปผลกำรดำเนนิ งำน จากการดาเนินงานโครงงาน “หอนอนสะอาดดีเพราะมีความรับผดิ ชอบ” ของนกั เรยี นหอนอนราชาวดี ภาคเรียนท่ี ๒ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ เพ่อื แกป้ ญั หานักเรียนหอนอนราชาวดีทาความสะอาดหอนอนไมส่ ะอาด โดย สรุปผลการดาเนินงาน ดังน้ี ๑. นกั เรียนทเี่ ขา้ ร่วมกจิ กรรมโครงงาน “หอนอนสะอาดดเี พราะมีความรบั ผิดชอบ” มีความรับผิดชอบ และมวี ินยั ในตนเองมากขึน้ ๒. ผลการตรวจหอนอนราชาวดี ร้อยละ ๙๕ มีความสะอาด เปน็ ระเบียบเรียบรอ้ ยมากขน้ึ ขอ้ เสนอแนะ ๑. ควรขยายผลไปยงั นกั เรยี นทกุ หอนอนในโรงเรยี น ๒. ควรจดั ทาโครงงานน้อี ย่างต่อเนื่องเพอื่ ใหน้ กั เรยี นมีความรับผิดชอบและมีวินัยในตนเองอยา่ งยงั่ ยนื ของลกั ษณะนิสยั ๓. ควรมกี ารพัฒนาสือ่ คณุ ธรรมในรูปแบบตา่ ง ๆ เพ่อื กระตุ้นคุณลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ไดด้ ยี ่งิ ขึ้น

ภาคผนวก

รปู ภำพกจิ กรรม






Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook