Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อารยธรรมเมโสโปรเตเมีย

อารยธรรมเมโสโปรเตเมีย

Published by warakorn1786, 2021-04-20 03:26:38

Description: อารยธรรมเมโสโปรเตเมีย

Search

Read the Text Version

ก การจดั การเรยี นรใู้ นรายวิชาของกลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนา และ วัฒนธรรม สามารถเรยี นรไู้ ดท้ ้งั ในหอ้ งเรียนและนอกห้องเรยี น ทงั้ ทเี่ ปน็ แหลง่ เรยี นรู้ อื่น และท่เี กดิ ข้นึ เองตามธรรมชาตหิ รอื มนษุ ยไ์ ด้สร้างขนึ้ สาํ หรับ หนังสือ อ่านเพิ่มเตมิ สาระท่ี 4 ประวัติศาสตร์ เรอื่ ง อารยธรรมโลกยคุ โบราณ เลม่ ที่ 2 อารยธรรมเมโสโปเตเมยี จดั ทําข้นึ โดยมเี ปา้ หมายเพอ่ื พฒั นาให้ผ้เู รยี นมีการเรยี นรู้ ด้วยตนเองตลอดชวี ิต การจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนต้องเนน้ ผเู้ รียนเปน็ สําคญั โดยใหผ้ ู้เรียนเป็นผูค้ น้ พบองค์ความรูเ้ อง ซ่ึงครูเปน็ ผ้มู ีหน้าทอี่ าํ นวยความสะดวก ทําใหผ้ ูเ้ รียนมคี วามรู้ประสบผลสําเร็จได้ ซึ่งสอื่ การสอนที่จะตอบสนองหลกั การ ดงั กลา่ วมหี ลายประเภท หนังสอื อ่านเพิ่มเตมิ เลม่ นี้เป็นส่ือการสอนอยา่ งหน่งึ ทีผ่ ้เู รียนสามารถเรยี นรไู้ ด้ด้วยตนเอง และครสู ามารถใชห้ นงั สอื อ่านเพม่ิ เติมนีใ้ น การสอนซ่อมเสริมหรอื ใช้ในการสอนแทนครทู ่ีไมม่ าหรือใช้ประกอบการสอนของครูใน ชนั้ เรยี น และสามารถใหน้ ักเรียนใช้ศกึ ษานอกเวลาเรียนไดอ้ ีกด้วย ผจู้ ดั ทําได้จัดทําหนงั สอื อ่านเพ่มิ เตมิ เลม่ น้ีข้นึ เพ่อื ใชใ้ นการจัดการเรยี น การสอน สาระท่ี 4 ประวตั ิศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 เพื่อให้นกั เรยี นบรรลุ เปา้ หมายตามหลกั สตู รการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน มาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ชีว้ ดั จดุ ประสงค์การเรียนรพู้ ร้อมทัง้ สามารถนาํ ไปใช้ประโยชนใ์ นชวี ิตประจาํ วนั ได้ ผู้จดั ทําหวงั อย่างย่งิ วา่ หนังสืออ่านเพิม่ เตมิ เลม่ นี้ คงจะเปน็ ประโยชนส์ าํ หรบั ครู และนักเรยี น ผ้ทู ่สี นใจต่อไป จงเพยี ร ศกั ดส์ิ เี ทา่

ข เรือ่ ง หน้า คาํ ชแ้ี จง ....................................................................................................................1 ขน้ั ตอนการศกึ ษาหนงั สืออา่ นเพ่ิมเตมิ ...................................................................... 2 มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชว้ี ดั /จุดประสงค์การเรียนรู้ .................................................. 3 แบบทดสอบกอ่ นเรียน............................................................................................... 5 อารยธรรมเมโสโปเตเมยี ..........................................................................................10 ปจั จัยทท่ี าํ ใหเ้ กดิ อารยธรรมเมโสโปเตเมีย ..........................................................11 พัฒนาการอารยธรรมเมโสโปเตเมยี ....................................................................15 มรดกของอารยธรรมเมโสโปเตเมยี ทมี่ อี ิทธพิ ลตอ่ มนษุ ยชาติ ...............................18 กิจกรรมเสรมิ การเรยี นรู้ กิจกรรมที่ 1.....................................................................21 กิจกรรมเสรมิ การเรยี นรู้ กจิ กรรมท่ี 2.....................................................................22 เฉลยกจิ กรรมเสรมิ การเรียนรู้ กิจกรรมที่ 2.............................................................23 แบบทดสอบหลังเรียน …………………………………………………………………………..…..… 24 เฉลยแบบทดสอบก่อน – หลงั เรยี น ………………………………………………………….....… 27 อภธิ านศัพท์ ........................................................................................................... 28 บรรณานกุ รม …………………………………………………………………………………………...… 29

ค เร่ือง หน้า 1 แผนทอี่ ารยธรรมเมโสโปเตเมีย ............................................................................10 2 แผนท่อี ารยธรรมเมโสโปเตเมยี ............................................................................10 3 ทตี่ ัง้ อารยธรรมเมโสโปเตเมยี ...............................................................................12 4 พ้ืนทเี่ พาะปลูกบริเวณแม่นํา้ ยเู ฟรทสี ....................................................................13 5 ทอี่ ย่อู าศยั ที่สรา้ งจากโคลนและต้นออ้ ในเมโสโปเตเมีย..........................................14 6 ซกิ กแู รตแห่งเมืองอรู ์ ...........................................................................................14 7 ซกิ กูแรต..............................................................................................................18 8 สวนลอยบาบิโลน ................................................................................................18 9 พระราชวังซาร์กอน .............................................................................................19 10 จําลองระบบชลประทานในสมัยโบราณ..............................................................19 11 อกั ษรคนู ิฟอร์ม..................................................................................................20 12 อกั ษรคนู ิฟอร์ม..................................................................................................20

1 หนงั สืออ่านเพมิ่ เตมิ เรอื่ ง อารยธรรมโลกยุคโบราณ รายวชิ าสังคมศึกษา สาระท่ี 4 ประวัติศาสตร์ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ได้จดั สรา้ งขนึ้ โดยกําหนดตามมาตรฐานการเรียนร้แู ละตวั ช้วี ดั ซึง่ ผู้เรียนสามารถศกึ ษาเนอื้ หาและประเมนิ ผลการเรยี นไดด้ ้วยตนเองตามขนั้ ตอนที่ กาํ หนดไว้ โดยมีแบบทดสอบกอ่ นเรยี นและหลังเรยี น กิจกรรมเสรมิ การเรียนรู้ พร้อมทง้ั มกี ารเฉลยคาํ ตอบ โดยกาํ หนดเนอื้ หาเป็น 8 เลม่ ประกอบดว้ ย เล่มที่ 1 อารยธรรมและปจั จยั ทสี่ ่งผลตอ่ การสรา้ งสรรคอ์ ารยธรรมยุคโบราณ เล่มที่ 2 อารยธรรมเมโสโปเตเมีย เลม่ ท่ี 3 อารยธรรมอยี ปิ ต์ เล่มท่ี 4 อารยธรรมกรกี เล่มที่ 5 อารยธรรมโรมนั เลม่ ท่ี 6 อารยธรรมจนี เลม่ ท่ี 7 อารยธรรมอนิ เดีย เลม่ ที่ 8 การตดิ ตอ่ ระหวา่ งโลกตะวนั ออกกบั โลกตะวันตก ถ้าเพ่อื นๆอยากร้วู า่ อารยธรรมโลก ยคุ โบราณที่เกิดข้ึนบนโลกของเรา มีแหลง่ กาเนิดสาคญั อยู่ที่ไหนบ้าง เรามา ศกึ ษาเน้ือหาในแตล่ ะเลม่ กันเลยนะครับ

2 หนงั สอื อา่ นเพม่ิ เตมิ สรา้ งขน้ึ สําหรบั ใหน้ กั เรยี นได้เรยี นร้ดู ้วยตนเอง นกั เรยี น จะไดป้ ระโยชน์ถา้ ทาํ ตามคาํ แนะนาํ อย่างเครง่ ครดั ดงั นี้ 1. อา่ นสาระสําคัญ มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วดั และจดุ ประสงค์การเรียนรู้ก่อนลงมอื ศกึ ษา ห้ามขีดเขียนขอ้ ความใดๆ ลงในหนงั สอื 2. ทาํ แบบทดสอบกอ่ นเรยี นในกระดาษคาํ ตอบทีเ่ ตรียมให้ พรอ้ มตรวจคําตอบเพอ่ื เป็น การทดสอบความรูพ้ น้ื ฐานนกั เรียน 3. ศึกษารายละเอียดของเนอื้ หาให้เขา้ ใจตามลําดับโดยไมต่ อ้ งรบี รอ้ น 4. ทํากจิ กรรมเสรมิ การเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง โดยเขียนลงในกระดาษคาํ ตอบ และตรวจ คําตอบจากเฉลยแตล่ ะกิจกรรมด้วยตนเอง 5. ถา้ ตอบผดิ ไมต่ ้องหมดกาํ ลงั ใจให้กลบั ไปศกึ ษาใหม่อีกครัง้ 6. นกั เรยี นจะตอ้ งตั้งใจใฝ่เรียนรู้ ซ่ือสัตย์ และมีวนิ ยั ไม่ควรเปิดเฉลยคําตอบเพ่อื จะ ตอบคาํ ถาม เพราะจะไมช่ ่วยให้ได้รบั ความรแู้ ละความเขา้ ใจ 7. ไมจ่ าํ เปน็ ตอ้ งศึกษาใหเ้ สรจ็ ในทันทที ันใด ควรศึกษาไปตามความสามารถของตนเอง 8. เม่อื ศึกษาจบแลว้ ใหท้ ําแบบทดสอบหลงั เรียนวดั ความร้คู วามเขา้ ใจทีไ่ ด้รับลงใน กระดาษคาํ ตอบ พร้อมตรวจคําตอบเปรยี บเทยี บกบั การทําแบบทดสอบก่อนเรียนใหท้ ราบ ความก้าวหน้าในการเรียนรู้ พร้อมสง่ หนงั สอื อา่ นเพิ่มเตมิ ตามกําหนดเวลาและใหอ้ ยู่ในสภาพท่ี เรียบรอ้ ย เมอ่ื นกั เรยี นเขา้ ใจขั้นตอนแลว้ ครขู อเป็นกาลงั ใจให้นักเรียนทกุ คนนะคะ

3 มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ช้วี ดั มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ส 4.2 เข้าใจพฒั นาการของมนุษยชาติจากอดีตถึงปจั จบุ ันในด้าน ความสมั พันธแ์ ละการเปล่ียนแปลงของเหตุการณอ์ ยา่ งตอ่ เน่อื ง ตระหนักถงึ ความสําคัญและ สามารถวิเคราะห์ผลกระทบทเ่ี กดิ ขน้ึ ตวั ชวี้ ดั ส 4.2 ม. 4-6/1 วเิ คราะหอ์ ทิ ธิพลของอารยธรรมโบราณ และการติดต่อระหว่างโลก ตะวนั ออกกบั ตะวันตกทมี่ ผี ลต่อพัฒนาการและการเปลยี่ นแปลงของโลก สาระสาํ คัญ อารยธรรมเมโสโปเตเมยี เปน็ แหล่งอารยธรรมระหว่างแมน่ ํา้ สองสายคอื แมน่ ํ้าไทกรสิ และยเู ฟรทิส มผี ูค้ นหลายเช้อื ชาติไดส้ ร้างสรรค์อารยธรรมให้เจรญิ รุง่ เรอื งต่อเนอ่ื ง และดนิ แดน อน่ื ๆ ได้นําไปพฒั นาสืบตอ่ มาถงึ ปจั จุบัน สาระการเรยี นรู้ อารยธรรมลมุ่ แม่นํา้ ไทกริสและยเู ฟรทิส  1. อธบิ ายลกั ษณะทางภมู ศิ าสตรท์ ม่ี ีอิทธพิ ลตอ่ การสรา้ งสรรคอ์ ารยธรรมเมโสโปเตเมยี ได้ 2. สรุปพฒั นาการของอารยธรรมเมโสโปเตเมียได้ 3. วเิ คราะห์อิทธิพลของอารยธรรมเมโสโปเตเมียที่มตี อ่ โลกปจั จบุ ันได้

4 ถา้ นักเรยี นพร้อมแล้ว เขา้ สูบ่ ทเรียนกนั เลยนะคะ ปจั จยั ท่ที าให้เกิด อารยธรรมเมโสโปเตเมยี พัฒนาการอารยธรรม เมโสโปเตเมีย มรดกมของอารยธรรม เมโสโปเตเมียทมี่ อี ิทธพิ ล ต่อมนุษยชาติ

5 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น คาํ ส่ัง จงเลือกคาตอบทถ่ี กู ทสี่ ดุ เพียงข้อเดยี ว 1. เหตุผลขอ้ ใดสนบั สนนุ คากล่าวทวี่ ่า “สมัยประวตั ิศาสตร์ตะวนั ตกเริ่มขึ้นทอี่ าณาจักรซเู มอร์” ก. ชาวอสั ซีเรียประดษิ ฐต์ วั อักษรเฮียราตกิ ไดเ้ ป็นชนกลุ่มแรก ข. ชาวอัสซเี รียประดิษฐต์ วั อกั ษรรปู ลม่ิ หรืออักษรคนู ิฟอรม์ ไดเ้ ปน็ ชนกลมุ่ แรก ค. ชาวสุเมเรียนประดิษฐ์ตวั อกั ษรรปู ลิ่มหรืออักษรคนู ิฟอร์มไดเ้ ป็นชนกลมุ่ แรก ง. ชาวสเุ มเรียนประดษิ ฐ์ตัวอักษรไฮโรกลิฟิกไดเ้ ปน็ ชนกลุม่ แรก 2. มรดกทางวฒั นธรรมข้อใดทมี่ นษุ ย์ยังคงใช้ประโยชน์สบื เนอ่ื งมาจนถงึ ปัจจบุ ัน ก. การชลประทานและการระบายนา้ ไปยังพน้ื ที่เพาะปลกู ข. การสร้างวหิ ารขนาดใหญ่เพ่อื บชู าเทพเจ้า ค. การแบ่งชนช้นั วรรณะในสังคมโดยผูช้ ายมีอานาจเหนือผูห้ ญิง ง. การท่ีพระนกั บวช เปน็ ผู้นาในการปกครองอาณาจกั ร 3. ข้อใดแสดงถงึ อารยธรรมลมุ่ แม่นา้ ไทกริสและยูเฟรทิส ก. ประมวลกฎหมายฮัมมรู าบี ข. กฎหมายสิบสองโตะ๊ ค. โคลอสเซยี ม ง. วิหารพาร์เธนอน 4. ชนชาตใิ ดท่เี ข้าส่สู มยั ประวัติศาสตร์ในโลกตะวนั ตกเป็นกลมุ่ แรก ก. ชาวอียิปต์ ข. ชาวบาบิโลเนียน ค. ชาวสุเมเรียน ง. ชาวเปอร์เซยี น 5. ขอ้ ใดเปน็ ลกั ษณะสาคัญทางวฒั นธรรมของชาวสุเมเรยี น ก. พระราชวัง ข. อักษรเฮยี โรกลิฟกิ ค. การปกครองแบบนครรฐั ง. ภาพแกะสลักนูน 6. “เจ้าแห่งดินแดนพระจนั ทรเ์ สี้ยวอันอดุ มสมบูรณ์” หมายถงึ ชนชาติใด ก. สุเมเรียน ข. อกั คดั ค. อสั ซีเรีย ง. คาลเดยี น

6 7. ขอ้ ใดคอื ผลงานการสร้างสรรคอ์ ารยธรรมของชาวอมอไรต์ ก. อกั ษรคนู ฟิ อรม์ ข. ประมวลกฎหมายฮมั มูราบี ค. พระราชวงั ซาร์กอน ง. สวนลอยแหง่ บาบิโลน 8. มรดกทางวฒั นธรรมของอารยธรรมเมโสโปเตเมียทแ่ี สดงถงึ ความสามารถและวทิ ยาการสูง ทางดา้ นการชลประทานคือขอ้ ใด ก. ห้องสมดุ ที่เมอื งนเิ นเวห์ ข. ซิกกูแรต ค. พระราชวังซารก์ อนทคี่ อรซ์ าแบด ง. สวนลอยแหง่ บาบโิ ลน 9. ขอ้ ใดคอื ผลงานทางด้านวรรณกรรมท่มี ชี ่อื เสยี งของชาวสเุ มเรียน ก. มหากาพยอ์ ีเลียด ข. มหากาพย์กิลกาเมช ค. มหากาพยโ์ อดสิ ซีย์ ง. มหากาพย์อีเนียด 10. ขอ้ ใดไม่ใช่วตั ถุประสงคข์ องการสรา้ งซิกกูแรตของชาวสุเมเรียน ก. เปน็ เทวสถานในการบูชาพระเจ้า ข. เป็นทีส่ อนหนงั สือให้กับนักบวชรุน่ เยาว์ ค. ใช้ประกอบพิธกี รรมทางศาสนา ง. เปน็ ท่ีพักอาศยั ของพระมหากษัตรยิ ์ 11. ข้อใดเปน็ ผลมาจากการประดิษฐต์ วั อักษรของอารยธรรมโบราณ ก. ระบบโทรศัพท์ระหวา่ งประเทศ ข. การสอื่ สารกันด้วยอเี มล์ ค. การแข่งขนั กฬี าโอลิมปกิ ง. ระบบทีวีวงจรปิด 12. แหล่งอารยธรรมสาคัญของโลกมักจะก่อตวั ขึ้นในบริเวณท่มี ีสภาพภูมศิ าสตรเ์ ชน่ ไร ก. ทีร่ าบล่มุ แม่น้า ข. หุบเขาและเทอื กเขาสงู ค. ชายฝ่ังทะเลและหุบเขา ง. บรเิ วณปลอ่ งภูเขาไฟ 13. ขอ้ ใดคือปัจจัยทีท่ าใหเ้ กิดอารยธรรมเมโสโปเตเมยี ก. สภาพแวดลอ้ มทางภูมิศาสตร์ตง้ั อยู่บรเิ วณลมุ่ แม่นา้ สองสายคือแมน่ ้าไทกรสิ และยูเฟรทิส ข. สภาพภมู ศิ าสตรต์ ง้ั อยูบ่ นพื้นทีแ่ มน่ า้ ไนล์ ซึง่ เป็นแม่นา้ สายท่ียาวทส่ี ุดในโลก ค. สภาพภูมิศาสตร์ลอ้ มรอบไปดว้ ยแมน่ า้ ฮวงโหและแมน่ า้ สนิ ธุ ง. สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยเทือกเขาและหบุ เขาสาคัญ

7 14. ข้อใดคอื มรดกชน้ิ สาคญั ทช่ี าวฮิบรมู อบใหก้ บั โลกมนษุ ย์ ก. ศาสนาอสิ ลาม ข. ศาสนาพุทธ ค. ศาสนายดู าย ง. ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู 15. เพราะเหตุใดจึงถอื วา่ ประมวลกฎหมายของพระเจา้ ฮมั มูราบเี ปน็ มรดกทางอารยธรรมชิน้ สาคญั ของโลก ก. เป็นประมวลกฎหมายฉบับแรกของโลก ข. มีบทลงโทษทร่ี นุ แรงซึ่งช่วยลดจานวนผเู้ ปน็ ภัยตอ่ สงั คม ค. เป็นเครอ่ื งแสดงถึงอานาจรัฐเข้มแข็งพอท่ีจะบังคบั พลเมืองได้ ง. เป็นแบบอยา่ งของความพยายามที่จะให้เกิดความยตุ ธิ รรมในการปกครอง เปน็ อยา่ งไรบ้างครับเพอ่ื นๆ ทําขอ้ สอบไดไ้ หมเอย่ ถ้าทาํ ไม่ได้ ไมต่ อ้ งหมดกาํ ลงั ใจนะครบั เด๋ียวเรามาศึกษาเนอ้ื หาเรอื่ ง อารยธรรม เมโสโปเตเมยี แลว้ ค่อยทาํ แบบทดสอบหลังเรยี นกนั ใหมอ่ ีกรอบ นะครับ สู้ๆ ครับ

8 ชอ่ื -นามสกลุ .........................................................ชน้ั .............เลขท.ี่ ......... ทดสอบกอ่ นเรยี น ทดสอบหลงั เรียน ขอ้ ก ข ค ง ข้อ ก ข ค ง 1 1 2 2 3 3 4 4 5 5 6 6 7 7 8 8 9 9 10 10 11 11 12 12 13 13 14 14 15 15 สรปุ การประเมนิ ให้นักเรียนกรอกคะแนนกอ่ นและหลงั เรียนลงในชอ่ งผลการประเมิน ผลการประเมิน คะแนนก่อนเรียน คะแนนหลงั เรยี น

9 นกั เรียนบอกครูได้ไหมคะวา่ อารยธรรมสาคัญของ โลกตะวันตกอยู่ทวปี ใดบ้าง และมกั จะกอ่ ตัวขน้ึ ในบรเิ วณทมี่ ี สภาพภมู ิศาสตรแ์ บบใด สม้ โอทราบคะ่ มีแหลง่ กาเนิดอยูใ่ นทวปี เอเชีย ทวปี แอฟรกิ า และอยใู่ นทวปี ยุโรป สว่ นใหญจ่ ะเกิดขนึ้ บริเวณลมุ่ แม่น้าค่ะ ถกู ต้องค่ะ ส้มโอเก่งมาก ต่อไปนกั เรยี นมาเรยี นรูเ้ น้อื หา เรอื่ งอารยธรรมเมโสโปเตเมีย กนั เลยนะคะ

10 ความเจรญิ และวิทยาการท้ังหลายที่เกิดข้ึนในโลกปัจจบุ นั ล้วนมรี ากฐานมาจากอารยธรรม ในสมยั โบราณแทบทั้งสิน้ ทั้งน้ไี ดม้ กี ารผสมผสานกันและเชอ่ื มโยงกันระหวา่ งอารยธรรมเก่าและใหม่ และมีการสบื ทอดกันตอ่ ๆ มา แหล่งอารยธรรมเก่าแก่ของโลกสมัยโบราณเกิดข้นึ ทบี่ ริเวณราบลุม่ แมน่ า้ ทีส่ าคญั โดยเริ่มจากอารยธรรมเมโสโปเตเมีย อารยธรรมอยี ปิ ต์ อารยธรรมอินเดีย และ อารยธรรมจนี ตอ่ จากนนั้ เปน็ อารยธรรมท่ีเกดิ ข้นึ บรเิ วณรมิ ฝ่งั ทะเล คือ อารยธรรมกรกี โบราณ และ มาสิ้นสดุ สมยั ที่อารยธรรมโรมันโบราณ อารยธรรมเหลา่ นถ้ี อื ว่าเป็นแหลง่ เช่ือมสมั พันธแ์ ละตดิ ตอ่ กนั และเป็นรากฐานของความเจรญิ ให้แก่ดินแดนทั้งในโลกตะวนั ตกและตะวนั ออกในปจั จุบัน คาว่า เมโสโปเตเมยี เปน็ ภาษากรีกมาจากคาว่า Mesos เท่ากับภาษาอังกฤษวา่ Middle และคาวา่ Potamos เท่ากับภาษาอังกฤษวา่ River รวมความแลว้ หมายถึง “ดนิ แดนระหว่างแมน่ า้ 2 สาย” (land between the rivers) คอื แม่นา้ ไทกรสี (Tigris) และแมน่ า้ ยเู ฟรทิส (Euphrates) ปัจจุบันอยูใ่ นประเทศอิรกั เปน็ แหล่งอารยธรรมแห่งแรกของโลก ซ่งึ เริม่ ขน้ึ เมอื่ 3,500 ปกี ่อน ครสิ ต์ศกั ราช โดยมีผู้คนหลายเชอื้ ชาตผิ ลัดเปล่ียนกันเข้ามาปกครองดนิ แดนนี้ พรอ้ มทง้ั ได้สร้างสม อารยธรรมให้เจริญรุ่งเรอื งต่อเนอื่ ง และเปน็ รากฐานความเจรญิ ทด่ี ินแดนอน่ื ๆ ไดน้ าไปพัฒนา สืบตอ่ มาถงึ ปัจจบุ นั 2 12 ภาพประกอบ 1 และ 2 แผนท่ีอารยธรรมเมโสโปเตเมยี ท่ีมา หอ้ งสมดุ บา้ นจอมยุทธ.//2543.//อารยธรรมเมโสโปเตเมยี .//สืบค้นเมื่อ 20 เมษายน 2557,/ จาก/ http://www.baanjomyut.com/library_2/origin_of_civilization/01.html

11 ปัจจัยทท่ี าใหเ้ กดิ อารยธรรมเมโสโปเตเมีย พื้นท่ีอารยธรรมเมโสโปเตเมียอยูท่ างทิศตะวันตกเฉยี งใต้ของเอเชียในบรเิ วณท่ีเชอื่ มตอ่ ระหวา่ งทวีปเอเชยี ยุโรป และแอฟริกา โดยเฉพาะทางตะวนั ตกเฉียงเหนอื ซึ่งหันออกสทู่ ะเล เมดเิ ตอร์เรเนยี น เป็นจุดเช่ือมโยงตดิ ตอ่ กับอารยธรรมอยี ปิ ตโ์ บราณ พ้ืนท่ีของแหล่งอารยธรรม ทัง้ หมดจะกนิ อาณาบรเิ วณจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปสู่อา่ วเปอรเ์ ซยี มีลกั ษณะเปน็ รูปเสี้ยวจงึ เรียกอีกชอ่ื หน่ึงว่า “ดินแดนพระจันทรเ์ สี้ยวอนั อดุ มสมบรู ณ์” ครอบคลมุ ดนิ แดนบางส่วนในประเทศ อริ ักและซีเรยี ในปัจจบุ นั จากลักษณะทางภมู ิศาสตรข์ องเมโสโปเตเมีย เปน็ ท่ีราบลุ่มแมน่ ้ามีการทบั ถมของดนิ ตะกอนตามชายฝ่ังแมน่ ้าท้ังสอง ทาให้บริเวณแถบน้ีอุดมสมบูรณแ์ ละมีสภาพเหมาะสมแก่ การเพาะปลูก แมว้ า่ สภาพอากาศในดนิ แดนแถบนีจ้ ะแปรปรวน เกดิ ความแห้งแล้ง น้าท่วมเป็น ประจา อนั เป็นเหตุให้การควบคมุ นา้ หรอื การชลประทานมคี วามจาเป็นต่อการทากสิกรรมของ ผ้คู นแถบน้ี นอกจากน้นั แล้ว ทางบกยังตดิ กับทะเลเมดเิ ตอรเ์ รเนียน เชอื่ มตอ่ อียิปต์และอารยธรรมท่ี กาลังก่อตัวในยโุ รปทางตอนใต้ก็ยังเปดิ สูอ่ า่ วเปอร์เซีย ซ่ึงเอื้ออานวยต่อการขนส่งคา้ ขายทางทะเล กบั อารยธรรมท่ีห่างไกล เชน่ สนิ ธุ ลกั ษณะเช่นน้ีเอง ทาให้ดินแดนเมโสโปเตเมยี แห่งน้ี เปน็ ท่ี หมายปองของชนกล่มุ ต่างๆ ซง่ึ ปัจจัยท่ีทาให้เกิดอารยธรรมเมโสโปเตเมยี มีดังน้ี หนูดีทราบค่ะ มีปัจจัย ทางด้านภูมศิ าสตร์ ดา้ น ความเชื่อทางศาสนา ค่ะ ปัจจัยที่ทาํ ให้เกิดอารยธรรม เมโสโปเตเมยี มีอะไรบ้าง เพอื่ นๆ พอจะทราบกันบ้างหรือไมค่ ะ

12 1. ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ สภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์เปน็ ปัจจัยสาคญั โดยตรงปจั จัยหน่ึงท่กี ่อให้เกิด การสร้างสรรคอ์ ารยธรรมของมนุษย์ ซงึ่ อารยธรรมเมโสโปเตเมียเป็นออู่ ารยธรรมที่เก่าแกท่ ่ีสดุ แห่งหนงึ่ ของโลกสมัยโบราณ โดยตั้งอยู่ระหวา่ งแม่น้า 2 สายคือ แมน่ า้ ไทกริส (Tigris) และ แมน่ ้ายูเฟรทสิ (Euphrates) ซ่งึ มีตน้ น้าอยูใ่ นอาร์มีเนียและเอเชยี ไมเนอรม์ าบรรจบกนั เป็น แมน่ ้าชัตตอ์ ัลอาหรบั แล้วไหลลงสทู่ ะเลที่อา่ วเปอร์เซีย บริเวณท่ีราบลมุ่ แมน่ ้าไทกรสิ และยูเฟรทิส ตอนล่างเรียกว่า บาบิโลเนีย (Babylonia) เปน็ เขตซ่ึงอยู่ติดกับอ่าวเปอรเ์ ซีย มีช่ือเรียกในสมัยหน่งึ วา่ ชีนา (Shina) เกิดจากการทบั ถมของดนิ ท่แี ม่น้าพัดพามา กล่าวคอื ในฤดูรอ้ นหมิ ะบนภูเขา ในอารม์ ีเนียละลายไหลบ่าลงมาทางใต้พดั พาเอาโคลนตมมาทบั ถมไวย้ งั บริเวณปากนา้ ทาให้พ้นื ดนิ ตรงปากแม่น้างอกออกทกุ ปี อาณาบริเวณท่ีเรียกว่า เมโสโปเตเมีย มีทิศเหนอื จรดทะเลดาและ ทะเลแคสเปยี น ทศิ ตะวนั ตกเฉยี งใต้จรดคาบสมุทรอาหรับซ่ึงลอ้ มรอบด้วยทะเลแดงและ มหาสมทุ รอนิ เดีย ทิศตะวันตกจรดท่รี าบซีเรียและปาเลสไตน์ สว่ นทิศตะวนั ออกจรดทร่ี าบสูงอหิ ร่าน เมโสโปเตเมียแบง่ ออกเป็นสองส่วน ส่วนล่างใกล้กบั อ่าวเปอร์เซยี แหง้ แล้งเรยี กว่าบาบโิ ลเนยี สว่ นบนซ่งึ ค่อนอุดมสมบูรณเ์ รียกว่าอสั ซเี รยี (Assyria) บรเิ วณทงั้ หมดมชี นชาติหลายเผ่าพนั ธุ์ อาศยั อยู่ มีการรบพุง่ กันอยเู่ สมอ เมื่อชาติใดมอี านาจกเ็ ข้าไปยดึ ครองและกลายเป็นชนชาติเดยี วกนั ซ่งึ ปัจจัยดังกลา่ วทาให้ชนชาติต่างๆทผ่ี ลดั เปลี่ยนกนั เข้ามามอี านาจสร้างสมอารยธรรมให้ เจริญรงุ่ เรอื งตอ่ เนื่องสืบตอ่ มาถึงปจั จุบัน 3 ภาพประกอบ 3 ทีต่ ัง้ อารยธรรมเมโสโปเตเมยี ทม่ี า สรุปอารยธรรมตะวันตก(เมโสโปเตเมยี -อยี ปิ ต.์ //สืบค้นเม่ือ 20 เมษายน 2557,/ จาก/ http://social- ave.blogspot.com/210/03/ blog-post_07.html

13 2. ความเจรญิ ทางเทคโนโลยี เทคโนโลยเี ปน็ ปัจจัย สาคัญที่กอ่ ให้เกดิ อารยธรรมของมนุษย์ กล่าวคอื ในยุคก่อนประวตั ิศาสตร์ เทคโนโลยขี องมนษุ ย์ยังคง 4 เปน็ แบบง่ายๆ แต่ภายหลังเมือ่ มกี ารพัฒนา เทคโนโลยใี หม่ๆ ข้นึ ซึง่ เทคโนโลยแี บบใหมน่ ีม้ ัก ภาพประกอบ 4 พื้นท่ีเพาะปลกู บริเวณแมน่ า้ ยูเฟรทสี เกิดข้ึนจากการท่ีมนุษย์พยายามที่จะเอาชนะ ทมี่ า ประวตั ิศาสตร์โลก.//สืบคน้ เมื่อ 20 เมษายน 2558,/ ธรรมชาติ เพอ่ื สามารถท่ีจะดารงชวี ติ อย่ไู ด้อย่าง จาก/http://worldrecordhistory.blogspot สมบรู ณ์ ดงั น้นั มนุษย์จึงพยายามขวนขวายหาวิธีท่ีจะ .com/p/blog-page.html อยูร่ ว่ มกับธรรมชาตหิ รือบางแหง่ ตอ้ งหาวธิ ีเอาชนะ blog-post_07.html ธรรมชาตใิ นทกุ ดา้ น ความพยายามทง้ั สองประการนีก้ ่อให้เกิดการแสวงหาความรู้เกี่ยวกับ ธรรมชาติ เช่น เทคโนโลยใี นด้านเกษตร ซงึ่ ในบางทอ้ งท่ีเกิดนา้ ท่วม เกดิ ความแหง้ แล้ง กต็ อ้ งมี การพฒั นาระบบชลประทานเพ่ือประโยชน์ในการเกษตรและการประมง ทาใหช้ าวสุเมเรยี นต้อง คดิ ค้นการชลประทานการระบายนา้ ไปยงั พ้นื ท่เี พาะปลูก ในเวลาไม่ชา้ ชาวนาก็เร่ิมขุดคคู ลองส่งน้า ขนาดเลก็ ต่อจากแมน่ ้าเพื่อระบายไปยงั ไร่นาของพวกเขา ท้งั ยังมกี ารประดษิ ฐ์คันไถทาดว้ ยโลหะ สารดิ ซง่ึ เกดิ จากการนาแรด่ บี กุ ผสมกบั ทองแดงทาใหค้ นั นาแขง็ แกร่ง นาววั คู่มาเทียมคนั ไถ นบั วา่ มคี วามสาคญั และเป็นครั้งแรกที่มีการนาแรงงานสัตวม์ าใช้ทุ่นแรงมนษุ ย์ เป็นตน้ 3. การเจริญเติบโตของสังคมและการเปลยี่ นแปลงทางวัฒนธรรม มนษุ ย์เมื่อมีการ รวมตวั เป็นชมุ ชน โดยการรวมตวั ขนั้ แรกอาจเป็นเพียงหม่บู ้านหรือเมอื งขนาดเล็ก ภายหลังจึง ขยายเปน็ ชุมชนขนาดใหญ่ ซึ่งการรวมตวั กนั ของมนุษย์น้ันนอกจากเพ่อื ใหม้ นุษย์สามารถดารงชีวิต อยูไ่ ดแ้ ล้ว ยังทาให้มนษุ ย์สามารถประดษิ ฐ์ส่งิ ต่างๆ ขึ้นได้อกี ด้วย ซึ่งอารยธรรมเมโสโปเตเมยี ก็ เช่นเดียวกัน ผลจากการขยายพ้นื ทก่ี ารเพาะปลูกและการขดุ คูคลองสง่ นา้ เพิม่ ข้ึนด้วย กอ่ ให้เกดิ การเพ่ิมของผลผลิตทางเกษตรกรรม จานวนประชากร การขยายตัวของชมุ ชน และการสร้าง สงั คมเมือง (Urban society) อยา่ งต่อเน่ือง ทาให้ต่อมามีการจดั ตง้ั เป็นนครรฐั จานวน 12 นครรัฐ นอกกาแพงเมอื งเป็นท่ีต้งั ของไรน่ าซ่งึ เป็นแหล่งอาหารของชาวเมือง ที่ดนิ สว่ นใหญเ่ ปน็ ของกษตั รยิ ์ นกั บวช และชาวเมอื งทีม่ งั่ คัง่ มชี นชั้นแรงงานหรอื ชาวนาเปน็ แรงงานเพาะปลูก ดงั นน้ั จึงตอ้ งมี การบริหารจัดการทีด่ นิ เกิดขึน้ การรวมตัวกันของมนษุ ยย์ งั ก่อใหเ้ กิดความสมั พนั ธ์ทางสังคม

14 กลา่ วคอื ช่วยทาให้มนุษย์เกิดความรบั ผิดชอบรว่ มกนั ในดา้ นสาธารณประโยชน์ เชน่ การช่วยกัน ดูแลระบบชลประทาน การชว่ ยปอ้ งกนั ตนเอง กอ่ ให้เกดิ การแบง่ แยกแรงงานและเกิดกลมุ่ อาชีพ เฉพาะขน้ึ ในสงั คม 56 ภาพประกอบ 5 ทีอ่ ยูอ่ าศยั ท่ีสรา้ งจากโคลนและต้นออ้ ภาพประกอบ 6 ภาพซกิ กูแรตแหง่ เมืองอรู ์ ท่มี า ประวัตศิ าสตร์โลก.//สบื คน้ เมอ่ื 20 เมษายน 2557,/ ทมี่ า ประวัตศิ าสตร์โลก.//สบื คน้ เมือ่ 20 เมษายน 2557,/ จาก/http://worldrecordhistory.blogspot. com/p/blog- จาก/http://worldrecordhistory.blogspot. com/p/blog- page.html page.html blog-post_07.html blog-post_07.html 4. ความเชอ่ื และศาสนา ศาสนาและความเชื่อเป็นส่ิงทสี่ นองความต้องการท่ีมนุษย์ จะขาดเสยี มไิ ด้ เช่นเดียวกับสงั คมของพวกสเุ มเรยี น ภัยจากธรรมชาติเป็นสงิ่ ทคี่ วบคมุ ไม่ได้ เช่น ภาวะน้าท่วม แม้จะสร้างเขอ่ื นแตก่ ็ไมส่ ามารถป้องกนั ชีวติ ของผ้คู นนบั พนั ได้ รวมทัง้ การไรป้ ราการธรรมชาติท่ีจะขวางกัน้ ศตั รไู ดส้ รา้ งความรูส้ ึกส้ินหวงั ใหพ้ วกเขาและยอมตกอย่ใู น อานาจล้ลี ับของพระเจา้ พวกสุเมเรยี นมองว่ามนุษย์เกดิ มาเพื่อรับใชพ้ ระเจ้าเท่านัน้ ดงั นนั้ พวกเขาจึง ทุ่มเทให้กับการสร้างสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่ เรยี กว่า ซกิ กูแรต เพื่อเปน็ เทวสถานในการบูชา พระเจา้ และเกิดงานศลิ ปะทเี่ กีย่ วกับเทพเจา้ ทนี่ ับถือเพ่อื เปน็ การบูชาและแสดงความเคารพในสิ่งที่ มนุษย์จติ นาการขึ้น โดยแสดงวามรู้สกึ นกึ คิดของตนออกมาในลักษณะรปู ธรรมตา่ งๆ เชน่ ศิลปกรรม สถาปัตยกรรม วรรณคดี และดนตรี นอกจากนย้ี งั เปน็ เคร่ืองยึดเหน่ียวจิตใจของ มนษุ ย์ให้หลุดพ้นจากความกลวั

15 พฒั นาการอารยธรรมเมโสโปเตเมีย 1. สมัยอาณาจกั รสุเมเรีย ชนชาตสิ ุเมเรียน (Sumerian) เป็นชนชาตแิ รกท่ีสรา้ งความเจรญิ ขึน้ ในบรเิ วณเมโสโปเตเมีย ซึ่งเชอื่ กันว่า ชาวสุเมเรียนได้อพยพมาจากท่ีราบสูงอิหรา่ น และไดม้ า ตงั้ ถิน่ ฐานอยู่ในบริเวณตอนลา่ งสุดของลมุ่ แม่นา้ ไทกริสและยูเฟรทสิ ตรงส่วนท่ีตดิ กับ อา่ วเปอร์เซีย โดยเรยี กบริเวณนี้ว่า ซเู มอร์ (Sumer) นักประวตั ิศาสตรถ์ ือว่า ซูเมอร์ คอื แหลง่ กาเนดิ ของนครรฐั (city-state) แห่งแรกของโลก การตั้งถิ่นฐานเรม่ิ แรกของชาวสเุ มเรียนน้ัน เปน็ เพียงหมบู่ า้ นกสกิ รรม รจู้ กั เลี้ยงสตั วแ์ ละเพาะปลูก จนเกดิ เปน็ “การปฏวิ ัตเิ กษตรกรรม” ดว้ ยสภาพภมู ปิ ระเทศของเมโสโปเตเมยี ไมเ่ ออ้ื อานวยตอ่ การตัง้ ถน่ิ ฐาน คือ มปี รมิ าณน้าฝนนอ้ ย อากาศรอ้ นจัด สง่ ผลต่อการทาเกษตรกรรม ทาใหช้ าวสเุ มเรยี นตอ้ งคดิ ค้นการชลประทานและ การระบายน้าไปยงั พน้ื ที่เพาะปลกู ทาใหห้ มู่บ้านได้รวมเป็นศนู ยก์ ลางการปกครองในลกั ษณะ ของเมอื ง ท่ดี ินส่วนใหญ่เปน็ ของกษตั ริย์ นกั บวช และชาวเมอื งทม่ี ัง่ คง่ั เพือ่ ใหก้ ารบริหารจัดการ ท่ีดนิ มีประสทิ ธิภาพ จึงจาเป็นต้องมีการทาบัญชที ี่เป็นลายลักษณ์อกั ษรเพอ่ื บันทกึ รายละเอยี ดต่างๆ จึงทาให้ชาวสุเมเรียนคิดประดิษฐต์ ัวอักษรขึ้นเปน็ ครั้งแรกของโลก เรียกว่า อักษรคนู ิฟอร์ม (Cuneiform) หรืออักษรรปู ลม่ิ สังคมของพวกสเุ มเรียน ภัยธรรมชาติเปน็ สง่ิ ทค่ี วบคุมไม่ได้ พวกสุเมเรียนมองวา่ มนุษย์เกดิ มาเพอื่ รับใชพ้ ระเจ้าเท่านั้น ดงั นัน้ พวกเขาจงึ ท่มุ เทใหก้ บั การสร้างสถาปตั ยกรรมขนาดใหญ่ เรยี กว่า ซกิ กแู รต เพอื่ เป็นเทวสถานในการบูชาพระเจ้าหรอื เทพประจาเมอื ง วรรณกรรมทส่ี าคญั ไดแ้ ก่ มหากาพย์กิลกาเมช เป็นเรื่องราวการผจญภัยของกลิ กาเมช ประมุขและวีรบุรุษแหง่ อรู กุ มรดกทางวฒั นธรรมที่สาคัญของชาวสเุ มเรียนมหี ลายประการ คือ การประดษิ ฐจ์ านหมุน เพ่อื ใชใ้ นการปน้ั ภาชนะดินเผา มีความสามารถทางคณติ ศาสตร์ รจู้ ักระบบเลขฐาน 60 ในการแบง่ เวลาและมุม การคานวณพน้ื ท่ขี องวงกลม พวกสุเมเรยี นถูกชนเผา่ อลี าไมต์ จากดนิ แดนซงึ่ เป็นทีต่ งั้ ของประเทศอหิ ร่านในปัจจุบนั บกุ เขา้ ทาลายเมอื ง พวกสุเมเรียนก็สูญส้ินอานาจอย่างถาวร 2. สมยั อาณาจักรบาบิโลนเกา่ พวกอะมอไรตห์ รอื บาบโิ ลน เปน็ ชนเผ่าเซมิตกิ ซึ่งมีถ่ินกาเนิด ในแถบตะวันออกกลาง ไดข้ ยายอิทธิพลในดินแดนเมโสโปเตเมียและสรา้ งอาณาจกั รบาบโิ ลนท่ี เจรญิ รุ่งเรอื งในช่วงประมาณปี 1800-1600 ก่อนคริสตศ์ ักราช ผนู้ าสาคญั คอื กษัตริย์ฮมั มูราบี ผยู้ ิ่งใหญ่ โดยการทาสงครามขยายดนิ แดนและ จดั ทาประมวลกฎหมายฮัมมูราบี โดยมีวัตถปุ ระสงค์ เพื่อแก้ไขความอยตุ ิธรรมต่างๆ ของกฎหมายชนเผา่ เปน็ การสร้างความยุตธิ รรมใหแ้ ก่สงั คม

16 ได้ช่อื ว่าเป็นกฎหมาย “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” ลกั ษณะของอาณาจกั รบาบิโลนเกา่ มีลักษณะเป็น “รฐั สวสั ดกิ าร” รฐั ดูแลพลเมืองอย่างใกลช้ ิด ฝา่ ยปกครองมอี านาจได้ไม่นาน เพราะนกั บวชกลับมีอิทธพิ ลเชน่ เดมิ อาณาจกั รบาบิโลนจงึ คอ่ ยๆ เส่อื มอานาจลง เมื่อมีชนชาตอิ นื่ ขยายอิทธิพลเข้ามาในดินแดนเมโสโปเตเมยี และสลายลงไป โดยถูกพวกอสั ซเี รียโจมตี 3. สมยั จกั รวรรดอิ ัสซีเรยี พวกอสั ซีเรียมถี ่นิ ฐานอยู่ทางตอนเหนือของเมโสโปเตเมีย เปน็ ชนชาตินักรบทีม่ ีความสามารถและโหดร้าย จงึ เป็นที่เกรงขามของชนชาติอนื่ พวกอสั ซเี รีย ได้ขยายอานาจครอบครองดินแดนของพวกบาบโิ ลเนยี น ซเี รีย และดนิ แดนบางสว่ นของจกั รววรดิ อยี ิปต์ ทาใหอ้ ัสซีเรยี กลายเปน็ เจ้าแห่งดนิ แดนวงพระจันทร์เสีย้ วไพบลู ย์ มีความเจรญิ รุ่งเรอื ง ในชว่ งปี 900-612 ก่อนครสิ ต์ศกั ราช จักรวรรดิอสั ซเี รยี มีศูนย์กลางในการปกครองทเ่ี มืองนเิ นเวห์ ชาวอัสซเี รยี นิยมสร้างวงั แทนวัด มรดกทางศลิ ปกรรมเจริญถึงขีดสุดในสมยั พระเจ้าอัสซรู ์บานิปาล ทส่ี าคญั ไดแ้ ก่ ภาพสลักนูนต่า แสดงภาพชวี ิตประจาวนั ของชาวอสั ซีเรีย ความย่ิงใหญ่ของ จักรวรรดิอสั ซีเรียเกดิ จากการรุกรานดนิ แดนของชนชาติอน่ื ดงั นั้นจึงมีศัตรูมากและถกู ศตั รทู าลาย 4. สมยั จักรวรรดิบาบโิ ลนใหม่ พวกคาลเดียนเปน็ พวกเร่รอ่ นเผา่ เซมติ กิ ตงั้ ถ่ินฐานบริเวณ ทะเลทรายซีเรียและทะเลทรายอาหรบั ไดเ้ ข้ายึดครองดนิ แดนทางตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ของดินแดน เมโสโปเตเมยี และไดร้ ว่ มกับชนชาติอื่นทาลายอานาจของอสั ซีเรยี เมื่อปี 612 ก่อนครสิ ตศ์ ักราช หลงั จากนนั้ ก็ได้ครอบครองดนิ แดนสว่ นใหญ่ของจกั รวรรดิอสั ซีเรีย ผ้นู าทย่ี ่ิงใหญ่ของคาลเดยี นคอื กษตั รยิ ์เนบคู ดั เนซซาร์ ซ่ึงสถาปนาจกั รวรรดิบาบโิ ลนข้นึ ใหมแ่ ละรอื้ ฟืน้ ความเจริญตา่ งๆ ในอดตี เชน่ การกอ่ สร้างอาคารที่สวยงามโดยเฉพาะการสร้าง “สวนลอยแหง่ บาบโิ ลน” ซง่ึ ไดร้ บั การยกย่อง วา่ เปน็ 1 ใน 7 สงิ่ มหัศจรรย์ของโลก เพราะสามารถใช้ความร้ใู นการชลประทานทาใหส้ วนลอย แหง่ นีเ้ ขยี วขจีไดต้ ลอดทงั้ ปี นอกจากนีพ้ วกคาลเดียนยงั รจู้ ักการแบ่งสปั ดาห์ออกเป็น 7 วัน แบ่งวัน ออกเป็น 12 คาบ คาบละ 120 นาที นักประวัติศาสตร์ เรียกจกั รวรรดิของพวกคาลเดียน ว่า “จักรวรรดบิ าบโิ ลนใหม่” จักรวรรดิคาลเดยี นมีอานาจในชว่ งส้ันๆ เพราะถกู กองทัพเปอร์เซีย โดยการนาของพระเจา้ ไซรัสมหาราช เข้ายึดครองและผนวกเป็นส่วนหน่ึงของจักรวรรดิเปอรเ์ ซยี และส้ินสลายเมอื่ ปี 534 กอ่ นคริสต์ศกั ราช นบั เปน็ การสน้ิ สดุ ประวตั ศิ าสตร์ของดินแดน เมโสโปเตเมียในยคุ โบราณ 5. สมัยอาณาจกั รขนาดเลก็ พวกฟีนิเชยี น อาศัยอย่ใู นดนิ แดนฟินิเชยี ซึง่ เป็นท่ีต้ังของประเทศเลบานอนปัจจุบนั และ มีการปกครองแบบนครรฐั ลักษณะทตี่ ั้งมีเทอื กเขาสลับซับซอ้ นกั้นระหวา่ งที่ราบแคบๆ ซ่งึ ขนานกับ ชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกับดนิ แดนอ่ืนๆ ทาให้พวกฟนี เิ ชยี นไมส่ ามารถขยายดนิ แดนของตน ออกไปได้ จึงดารงชวี ติ ดว้ ยการเดนิ เรือและคา้ ขายทางทะเล ฟนี ิเซยี นได้รบั การยกยอ่ งว่าเป็น

17 พอ่ คา้ ทางเรือผู้ย่งิ ใหญใ่ นทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของตะวนั ออกกลางสมยั โบราณ นอกจากมชี อื่ เสียง ในดา้ นการค้าแลว้ ชาวฟนี ิเชียนยังมีชื่อเสยี งในด้านอุตสาหกรรมตอ่ เรือซงึ่ ทาจากไม้ซีดารท์ ีม่ อี ยมู่ าก บนเทือกเขาในเลบานอนและการทาอตุ สาหกรรมเครื่องใช้จากแรโ่ ลหะตา่ งๆ ชาวฟนี ิเชียนจาเป็น ตอ้ งใชเ้ อกสารและหลักฐานในการติดต่อค้าขายจึงไดพ้ ฒั นาตัวอักษรขึ้นจากโบราณของอียิปต์ จานวนรวม 22 ตัว อกั ษรฟีนเิ ชยี นเปน็ มรดกทางอารยธรรมท่สี าคญั ของโลกตะวนั ตก เนอ่ื งจาก ชาวกรีกและโรมันไดน้ าไปใช้และสืบทอดตอ่ มาจนถงึ ปจั จบุ ัน พวกฮิบรู ชาวฮิบรูหรือชาวยิว เป็นชนเผา่ เซมิตกิ ทเ่ี ร่ร่อนอย่ใู นดนิ แดนต่างๆ เคยอาศัยอยู่ ในเขตซูเมอรก์ อ่ นทีจ่ ะอพยพเข้าไปอยู่ดินแดนคานาอัน (Canaan) หรือ ปาเลสไตน์ (Palestine) ในปัจจุบนั ชาวฮบิ รูเป็นชนชาติท่ีเฉลยี วฉลาดและบันทกึ เรื่องราวของพวกตนในคมั ภีร์ศาสนา (Old Testament) ทาให้มีข้อมลู เกีย่ วกบั บรรพบุรษุ ของชาวยวิ อย่างละเอยี ด บันทึกชาวฮิบรู กลา่ ววา่ เดมิ บรรพบรุ ษุ เคยอยทู่ างตอนเหนอื ของเมโสโปเตเมียต่อมาได้ตกเปน็ ทาสของอยี ิปต์ เม่อื อยี ิปตเ์ ส่ือมอานาจชาวฮิบรจู ึงพ้นจากความเป็นทาสโดยผู้นาคอื โมเสส (Moses) ได้นาชาวฮบิ รู เดนิ ทางเรร่ อ่ นมาถึงดนิ แดนคานาอนั หรือภายหลังเรียกวา่ “ปาเลสไตน์” และ สร้างอาณาจกั ร อิสราเอล มีกษตั รยิ ผ์ ู้ยิ่งใหญค่ อื กษตั ริย์เดวิด (David) ซงึ่ สถาปนานครเยรซู าเลมเปน็ เมืองหลวง ชาวยิวมกี ฎหมาย วรรณกรรม และศาสนาของตนเอง วรรณกรรมทส่ี าคญั คือ คมั ภีร์ไบเบลิ ความเจรญิ ร่งุ เรอื งทีช่ นชาติต่างๆ ในดนิ แดนเมโสโปเตเมยี คิดค้น หลอ่ หลอม และสบื ทอด ต่อกนั มา สว่ นใหญก่ ลายเปน็ รากฐานของอารยธรรมตะวันตกท่ีชาวยุโรป รับและพฒั นาตอ่ เนือ่ ง เปน็ อารยธรรมของมนษุ ยชาติในปจั จุบัน ชนชาตติ ่างๆ เหล่านชี้ ่วยสรา้ งสรรค์ อารยธรรมเมโสโปเตเมียใหเ้ จรญิ รุ่งเรือง และไดม้ อบมรดกของอารยธรรม เมโสเมโปเตเมยี ไวห้ ลายอยา่ งเลยนะคะ ใชค่ ะ่ เช่นสวนลอยแหง่ บาบิโลน เป็นตัวอยา่ งแสดงถงึ ความสามารถและ วทิ ยาการสงู ทางดา้ นการชลประทาน อกั ษรคนู ฟิ อร์ม เปน็ ตัวอักษรชนิดแรก ของโลกด้วยนะคะ

18 มรดกของอารยธรรมเมโสโปเตเมยี ทม่ี ีอทิ ธิพลต่อมนุษยชาติ 1. ผลงานด้านสถาปตั ยกรรม ซิกกแู รต (Ziggurat) เป็นสิ่งก่อสร้าง ของอารยธรรมสเุ มเรียน (Sumerians) ในบรเิ วณ เมโสโปเตเมีย มีลกั ษณะคล้ายพรี ะมดิ แบบขน้ั บนั ได แต่ไมก่ ่อสรา้ งสงู จนเปน็ ยอดแหลม ดา้ นบนของ ซิกกแู รตซงึ่ เป็นพ้ืนท่รี าบกวา้ งจะสร้างเป็นวิหาร ในระยะแรกการสรา้ งซิกแู รตมวี ตั ถุประสงค์เพ่อื ใช้ 7 ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา แต่ตอ่ มาซกิ กูแรตนี้ ได้กลายเปน็ ส่วนหนึ่งของพระราชวงั กษตั ริย์ ภาพประกอบ 7 ซกิ กแู รต เช่น ซิกกแู รตท่ีเมอื งอรู ์ (Ur) ทีม่ า ซิกกแู รต //สบื ค้นเมือ่ 20 เมษายน 2557,/ จาก/http://www.thaigoodview.com/node/40867 สวนลอยแห่งบาบิโลน สวนลอยบาบโิ ลน จดั เปน็ หน่ึงในเจด็ สิง่ มหัศจรรย์ของโลก ต้ังอยบู่ น แมน่ ้ายเู ฟรทสิ ประเทศอิรักในปจั จุบนั สร้างโดย กษัตรยิ เ์ นบูคัดเนซซาร์ แหง่ กรุงบาบโิ ลเนีย 16 สร้างให้แกม่ เหสีของพระองค์ชอ่ื พระนางเซมรี ามีส สรา้ งขน้ึ เมอ่ื 600 ปีกอ่ นคริสต์ศกั ราช สูงประมาณ 75 ฟตุ กนิ พื้นที่ 400 ตารางฟตุ ระเบยี งทุกชั้นไดร้ ับ การตกแต่งดว้ ยไม้ดอก ไมป้ ระดับ ไมย้ ืนพุ่ม 8 ชนิดต่างๆ มรี ะบบชลประทานชักน้าจากแมน่ า้ ไทกรสิ ไปทาเปน็ นา้ ตกและนาไปเลย้ี งต้นไม้ตลอดปี ภาพประกอบ 8 สวนลอยบาบิโลน ทีม่ า สวนลอยบาบโิ ลน //สบื คน้ เมือ่ 20 เมษายน พระราชวงั ซารก์ อน เปน็ สถาปัตยกรรม 2557,/จาก/https://fangnuttarika.wordpress.com ท่ีแสดงถงึ อานาจอนั ย่งิ ใหญข่ องอาณาจักร อัสซีเรยี และมคี วามสาคญั ที่สุด พระราชวงั นส้ี ร้างเมื่อประมาณ 2,340 – 2,180 B.C. มีลักษณะ เป็นกาแพงสูงทึบเปน็ ชั้น ๆ ขึ้นไป นกั โบราณคดสี ันนษิ ฐานวา่ การก่อสรา้ งตกึ สูงเป็นชน้ั ๆ โดยมี พระราชวังอยูช่ ้นั บนสุดน้นั เพอ่ื ให้พ้นจากอุทกภยั ตัวตึกสามารถเดนิ ขนึ้ ไปทางบนั ไดหรอื

19 ขีร่ ถม้า (Chariot) เพอ่ื ไปถงึ ชนั้ บนสุดได้ โดยรถม้าจะอาศัยทางลาด ตวั พระราชวงั กอ่ ด้วยอฐิ เคลือบ ทาใหพ้ น้ื ผิวมลี ักษณะเป็นมนั งดงามมาก ประตูทางเข้า ตัวกาแพงหรอื ป้อมค่ายต่าง ๆ ล้วนมีรูปทรง เรขาคณิตท้ังน้ันโดยเฉพาะส่วนโคง้ นับวา่ เป็นรปู แบบ ท่ีสาคญั ท่ีสุดในการสร้างพระราชวังของพวกอสั ซเี รยี น ประติมากรรม รูปววั แกะสลักมีปกี แตห่ ัวเปน็ คน เป็นสัญลักษณ์ คอื ววั หมายถงึ แผ่นดนิ ศีรษะคน หมายถึง กษตั ริย์ ปีก หมายถงึ ท้องฟ้าเปน็ ภาพนูนสูง สรา้ งเป็นรปู วัวมี 5 ขา ที่ทาเช่นนนั้ เพราะหวังผลใน การมองดูแต่ละจดุ ยืน สิงโตสลักไดส้ วยงามมชี ีวติ 9 สมจรงิ ภาพสงิ โตบาดเจ็บ ( wounded lion) ภาพประกอบ 9 พระราชวังซารก์ อน 2. ดา้ นวรรณกรรม ดว้ ยความสาเรจ็ ในระบบ ทมี่ า พระราชวงั ของพระเจา้ ซาร์กอน //สบื ค้นเม่อื 21 การเขยี นทาให้ชาวสุเมเรียนสามารถสร้างวรรณกรรม เมษายกน 2557,/จาก/https://pattraporn093. สาคญั เรือ่ งแรกของโลก ซ่ึงรจู้ กั อยา่ งกว้างขวางและ ทwี่ordpress.com/2014/01/06/ มีขนาดยาวทชี่ ือ่ ว่า มหากาพย์กิลกาเมช เขยี นบน แผ่นดินเผาขนาดใหญ่ 12 แผ่น รวมด้วยกันทัง้ สนิ้ 3,000 บรรทัด 3. ดา้ นคณติ ศาสตร์ ชาวสุเมเรียนเปน็ พวกแรกทีค่ ดิ ค้นวธิ ีการคิดเลข ทง้ั การลบ การบวก และการคณู ชาวสเุ มเรียนนิยมใช้หลัก 60 และหลกั นเี้ องถูกนามาใช้ในเร่อื งการนบั เวลา ต่อมาจนถึงปัจจบุ นั รวมทั้งการแบ่งวงกลมออกเป็น 360 องศา (6 x 60) ด้วย 4. ดา้ นชลประทาน ชาวสุเมเรียนเปน็ 10 ชนชาติแรกทไ่ี ด้สรา้ งระบบชลประทานทีม่ ปี ระสิทธิภาพ สูง เนอื่ งจากถน่ิ ฐานที่ชาวสเุ มเรียนรนุ่ แรกไดส้ รา้ ง บา้ นเรือนนนั้ ทว่ั ทั้งแผน่ ดินปกคลุมด้วยบริเวณพื้นดนิ ทอ่ี ดุ มสมบูรณ์ ที่เกิดจากการทบั ถมของโคลนตมทแ่ี มน่ า้ พดั มา ดนิ ดงั กลา่ วเหมาะแกก่ ารเพาะปลูกพืชผล ทางเกษตรแตท่ ่ยี ากลาบากคือ ปญั หาเรอื่ งน้า เพราะ บริเวณเมโสโปเตเมียเกอื บจะเรยี กไดว้ า่ ฝนไมต่ กเลย ภาพประกอบ 10 จาลองระบบชลประทานในสมยั โบราณ ทาให้พืน้ ท่ีทอี่ ยหู่ ่างจากแมน่ ้า เปน็ ทแ่ี หง้ แล้งไม่เหมาะสม ท่มี า ประวตั ศิ าสตรโ์ ลก //สบื คน้ เมื่อ 21 เมษายน แก่การทาการเพาะปลูก ในขณะเดียวกนั น้าจะเอ่อขึ้น 2557,/จาก/http://worldrecordhistory.blogspot. com/p/blog-page.html

20 ทว่ มฝง่ั ทกุ ปที าให้บริเวณท่ีอยู่ใกลร้ ิมฝ่ังแม่นา้ ชมุ่ ชื้นแฉะ น้าขงั เป็นเหมอื นบึง ปัญหาจึงอยู่ท่ีวา่ พื้นท่ี บางแห่งชน้ื แฉะเกนิ ไป บางแหง่ แห้งแล้งเกนิ ไป ซ่งึ ชาวสเุ มเรยี นที่เข้ามาในระยะแรกไดเ้ ห็นปญั หา ดังกล่าว เมื่อพวกเขาได้ตดั สนิ ใจตั้งรกรากในบริเวณนกี้ จ็ ะตอ้ งหาทางเอาชนะธรรมชาติ ด้วย การเปล่ียนแปลงธรรมชาติเพ่ือให้ประโยชน์ในการดารงชีวติ ของตนมากทีส่ ุด 5. ประดิษฐ์ตัวอักษร เรียกวา่ อกั ษรรูปล่ิมหรือตัวอักษรคนู ฟิ อรม์ อักษรลม่ิ เป็นส่งิ ประดิษฐท์ ช่ี าวสุเมเรียนนาเอาไม้สลักลงบนแผ่นดนิ เหนยี วเปยี กเป็นสญั ลกั ษณ์ การประดิษฐ์ ตัวอักษรเป็นประโยชนต์ ่อศาสนกิจ การบันทึกของพวกพระ เช่น บญั ชีรบั จ่าย ชาวสเุ มเรยี น เป็นชนชาตแิ รกในดนิ แดนเมโสโปเตเมยี ที่รจู้ กั การเขียนหนงั สอื การเขยี นตวั หนงั สือของ ชาวสุเมเรยี นจะใชไ้ มเ้ ส้ียนน้ี เรยี กว่าตวั อักษรคนู ิฟอร์ม หรือตวั อักษรรูปล่มิ และใชต้ ัวอกั ษรนเ้ี ขียน ขอ้ ความตา่ งๆ ซึง่ มีอทิ ธิพลตอ่ การเขยี นตัวอกั ษรของกรีกและโรมันในสมยั ตอ่ มา 11 12 ภาพประกอบ 11 และ ภาพประกอบ 12 อักษรคนู ฟิ อรม์ ทีม่ า ประวตั ศิ าสตรโ์ ลก //สบื ค้นเมือ่ 21 เมษายน 2557,/จาก/https://yuttapoomsose.wordpress.com/

21 คําชแ้ี จงขั้นตอนในการทาํ กิจกรรม 1. แบ่งกลมุ่ ผู้เรยี นออกเปน็ 6 กล่มุ กล่มุ ละ 8 คน โดยแบ่งเปน็ เก่ง 3 คน ปานกลาง 3 คน และอ่อน 2 คน ใหค้ ละกัน โดยดจู ากคะแนน ปพ.5 หรอื คะแนนสอบก่อนเรียน 2. ใหแ้ ต่ละกลมุ่ สง่ ตัวแทนกลุ่มละ 1 คน แลว้ ใหต้ วั แทนแต่ละกลมุ่ ไปอยู่นอกห้องเรยี น 3. สมาชิกทเ่ี หลือในแต่ละกลุ่มสง่ ตวั แทนมาจบั สลากหัวข้อในการทากิจกรรมโมเดลอารยธรรม มีทัง้ หมด 6 หวั ข้อ คอื อารยธรรมเมโสโปเตเมยี อารยธรรมอียิปต์ อารยธรรมกรีก อารยธรรมโรมัน อารยธรรมจีน อารยธรรมอนิ เดยี 4. อุปกรณใ์ นการทากจิ กรรมประกอบดว้ ย กระดาษ A4 และกระดาษกาว 5. ผู้สอนแจกกระดาษให้กล่มุ ละ 3 แผน่ และกระดาษกาวกลุ่มละ 1 ม้วน 6. ให้แตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกันออกแบบโมเดลท่เี ก่ยี วกบั หัวข้อท่ีจับสลากได้ 1 อย่าง โดยมขี ้อยกเวน้ คือ หา้ มฉกี หรอื ตัดกระดาษ แตใ่ ห้พับหรอื ขยาได้ หรอื ใชก้ ระดาษกาวในการตดิ หรือทาเปน็ รปู โมเดลร่วมกนั กับกระดาษได้ จะได้ทัง้ หมด 6 โมเดลอารยธรรม 7. ใหเ้ วลาในการทาโมเดลอารยธรรม กลุม่ ละ 10 นาที 8. ระหวา่ งการทากจิ กรรมใหป้ ดิ ห้องเรียน เพือ่ ไม่ให้ตวั แทนท่ีแตล่ ะกลุม่ ส่งออกมาทราบวา่ สมาชิกทเี่ หลอื ในหอ้ งเรียนกาลงั ทาอะไรอยู่ พรอ้ มทง้ั กาชบั สมาชิกผูเ้ รียนแต่ละกลุ่มทเี่ หลือในห้องเรยี นหา้ มเสียงดงั และทา ท่าทางใบ้คาใหต้ ัวแทนแตล่ ะกล่มุ ทราบเดด็ ขาด 9. ให้ตัวแทนแต่ละกล่มุ ที่อย่ขู ้างนอกห้องเรยี นเข้ามาในหอ้ งเรยี นได้ 10. แจกกระดาษใหต้ วั แทนกล่มุ คนละ 6 แผน่ 11. ให้ตัวแทนผูเ้ รียนของแต่ละกลุ่มทายชื่อโมเดลอารยธรรมท่เี พื่อนๆในแตล่ ะกลุม่ สรา้ งข้นึ และตอบ คาถามว่ามีความเกยี่ วข้องกบั อารยธรรมอะไรและอย่างไรบ้าง โดยให้ทายให้ครบทั้ง 6 อย่าง โดยเขยี นลงบน กระดาษทแี่ จกให้ ให้เวลาในการทาย 5 นาที 12. สมาชกิ แต่ละกลมุ่ รว่ มกันเฉลยโมเดลอายธรรมทส่ี ร้างขึ้น 13. ผู้เรียนและผู้สอนรว่ มกนั สรปุ เนือ้ หาที่ไดจ้ ากการทากจิ กรรมโมเดลอารยธรรม

22 กิจกรรมท่ี 2 คาํ ชแี้ จง : ให้นกั เรยี นจับคู่คาท่กี าหนดให้และข้อความต่อไปนใ้ี ห้สมั พนั ธก์ นั แล้วนาหมายเลข คาท่ีกาหนดใหไ้ ปเตมิ ลงในช่องวา่ งให้ถูกตอ้ ง  1. อะมอไรต์ 2. ซกิ กแู รต 3. สุเมเรียน 4. อัสซเี รีย 5. มหากาพยก์ ิลกาเมช 6. กฎหมายฮัมมรู าบี 7. คูนิฟอร์ม 8. สวนลอยบาบิโลน 9. เมโสโปเตเมีย 10. ยูดาห์ 11. ฟนิ เี ชยี 12. นิเนเวห์ 13. บาบิโลนใหม่ 14. ดนิ แดนพระจนั ทรเ์ สีย้ ว 15. เปอร์เซยี ……… 1. ตวั อักษรชนิดแรกท่ีชาวสเุ มเรยี นเป็นผูป้ ระดษิ ฐ์ข้ึน ……… 2. ดนิ แดนระหว่างแม่น้า 2 สาย คอื แม่นา้ ไทกรสิ และยเู ฟรทิส ……… 3. 1 ใน 7 ส่งิ มหศั จรรย์ของโลก มรี ะบบชลประทานจากแม่นา้ ไทกริสไปทาเป็นน้าตกและเล้ียงต้นไม้ ……… 4. สถาปัตยกรรมขนาดใหญ่ สรา้ งขึ้นเพื่อใช้เปน็ สถานท่ีในการบชู าเทพเจ้า ……… 5. มรดกสาคญั ของชาวฮิบรูทที่ งิ้ ไว้ให้ ……… 6. แหล่งอารยธรรมโบราณท่ีมีความเก่าแก่ทีส่ ุดในโลก ……… 7. กลุ่มชนท่รี บั และสืบทอดอารยธรรมของพวกสุเมเรียนและอัคคดั ……… 8. ชนกลมุ่ แรกทเ่ี ข้ามาตง้ั ถิน่ ฐานบรเิ วณลมุ่ แมน่ ้าไทกรสิ และยูเฟรทิส ……… 9. ไดร้ บั ยกย่องว่าเปน็ พ่อคา้ ทางเรือผยู้ ่ิงใหญ่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนยี นของตะวันออกกลางสมยั โบราณ ……… 10. เจา้ แหง่ ดินแดนวงพระจันทรเ์ สย้ี วไพบลู ย์ ……… 11. ศนู ย์กลางการปกครองสมยั จักรวรรดอิ ัสซเี รยี ……… 12. เรอื่ งราวการผจญภัยของวีรบุรุษแห่งเมอื งอูรุก ……… 13. ประมวลกฎหมายท่ยี ดึ ถอื หลัก “ตาต่อตา ฟนั ต่อฟนั ” ……… 14. ชนเผ่าอินโด-ยูโรเปียน ……… 15. สมัยอาณาจักรคาลเดีย

23 กิจกรรมที่ 2 คาํ ชี้แจง : ให้นกั เรียนจับคคู่ าทีก่ าหนดใหแ้ ละขอ้ ความตอ่ ไปนใ้ี ห้สัมพนั ธก์ ัน แล้วนาคาที่ กาหนดให้ไปเตมิ ลงในช่องว่างใหถ้ กู ต้อง  1. อะมอไรต์ 2. ซกิ กูแรต 3. สเุ มเรียน 4. อัสซเี รีย 5. มหากาพยก์ ลิ กาเมช 6. กฎหมายฮมั มูราบี 7. คนู ฟิ อร์ม 8. สวนลอยบาบโิ ลน 9. เมโสโปเตเมยี 10. ยดู าห์ 11. ฟินีเชีย 12. นิเนเวห์ 13.บาบโิ ลนใหม่ 14. ดนิ แดนพระจนั ทร์เส้ียว 15. เปอรเ์ ซยี คนู ิฟอรม์ 1. ตวั อักษรชนดิ แรกทีช่ าวสเุ มเรียนเปน็ ผ้ปู ระดิษฐข์ ึ้น ดินแดนพระจนั ทรเ์ ส้ียว 2. ดนิ แดนระหวา่ งแม่น้า 2 สาย คอื แม่น้าไทกรสิ และยูเฟรทิส สวนลอยบาบิโลน 3. 1 ใน 7 สิ่งมหศั จรรย์ของโลก มีระบบชลประทานจากแม่นา้ ไทกริสไปทาเปน็ นา้ ตกและเล้ยี งต้นไม้ ซิกกแู รต 4. สถาปัตยกรรมขนาดใหญ่ สรา้ งข้นึ เพื่อใชเ้ ป็นสถานที่ในการบูชาเทพเจา้ ยดู าห์ 5. มรดกสาคัญของชาวฮิบรูทท่ี งิ้ ไวใ้ ห้ เมโสโปเตเมีย 6. แหลง่ อารยธรรมโบราณทมี่ ีความเกา่ แกท่ ่สี ุดในโลก อะมอไรต์ 7. กลมุ่ ชนทีร่ ับและสืบทอดอารยธรรมของพวกสุเมเรยี และอัคคดั สุเมเรยี น 8. ชนกลุ่มแรกท่ีเขา้ มาต้งั ถน่ิ ฐานบรเิ วณลุ่มแมน่ ้าไทกรสิ และยเู ฟรทิส ฟินีเชยี 9. ได้รับยกย่องวา่ เปน็ พ่อคา้ ทางเรือผูย้ ง่ิ ใหญ่ในทะเลเมดเิ ตอร์เรเนียนของตะวันออก กลางสมยั โบราณ อัสซีเรีย 10. เจา้ แหง่ ดนิ แดนวงพระจันทรเ์ ส้ียวไพบลู ย์ นเิ นเวห์ 11. ศนู ย์กลางการปกครองสมัยจักรวรรดิอัสซีเรยี มหากาพยก์ ิลกาเมช 12. เรื่องราวการผจญภัยของวีรบุรษุ แห่งเมืองอรู กุ กฎหมายฮมั มูราบี 13. ประมวลกฎหมายที่ยึดถือหลัก “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” เปอรเ์ ซีย 14. ชนเผ่าอนิ โด-ยโู รเปยี น บาบโิ ลนใหม่ 15. สมัยอาณาจกั รคาลเดยี

24 คาํ สงั่ จงเลือกคาตอบที่ถูกทสี่ ุดเพียงขอ้ เดยี ว 1. เหตุผลขอ้ ใดสนับสนุนคากล่าวท่วี ่า “สมัยประวตั ิศาสตร์ตะวันตกเร่มิ ข้ึนท่อี าณาจกั รซเู มอร์” ก. ชาวอัสซีเรยี ประดษิ ฐ์ตัวอกั ษรเฮียราตกิ ได้เป็นชนกลุ่มแรก ข. ชาวอัสซเี รยี ประดิษฐต์ วั อักษรรปู ลิ่มหรอื อักษรคนู ิฟอรม์ ไดเ้ ป็นชนกล่มุ แรก ค. ชาวสุเมเรยี นประดิษฐ์ตวั อักษรรูปลิม่ หรอื อกั ษรคนู ิฟอร์มได้เป็นชนกลมุ่ แรก ง. ชาวสุเมเรยี นประดิษฐ์ตวั อักษรไฮโรกลฟิ กิ ได้เป็นชนกลุ่มแรก 2. มรดกทางวัฒนธรรมข้อใดที่มนุษย์ยังคงใชป้ ระโยชน์สบื เน่ืองมาจนถึงปัจจุบัน ก. การชลประทานและการระบายน้าไปยังพน้ื ทเ่ี พาะปลกู ข. การสร้างวหิ ารขนาดใหญ่เพื่อบชู าเทพเจา้ ค. การแบ่งชนชั้นวรรณะในสงั คมโดยผู้ชายมีอานาจเหนือผู้หญงิ ง. การทพี่ ระนกั บวช เป็นผนู้ าในการปกครองอาณาจกั ร 3. ข้อใดแสดงถึงอารยธรรมลุ่มแมน่ ้าไทกริสและยูเฟรทิส ก. ประมวลกฎหมายฮัมมรู าบี ข. กฎหมายสิบสองโต๊ะ ค. โคลอสเซียม ง. วิหารพารเ์ ธนอน 4. ชนชาติใดทีเ่ ข้าสู่สมยั ประวตั ิศาสตร์ในโลกตะวนั ตกเปน็ กลุ่มแรก ก. ชาวอียิปต์ ข. ชาวบาบโิ ลเนียน ค. ชาวสุเมเรยี น ง. ชาวเปอรเ์ ซียน 5. ขอ้ ใดเปน็ ลกั ษณะสาคัญทางวฒั นธรรมของชาวสุเมเรียน ก. พระราชวัง ข. อกั ษรเฮยี โรกลฟิ ิก ค. การปกครองแบบนครรัฐ ง. ภาพแกะสลกั นูน 6. “เจ้าแห่งดินแดนพระจนั ทรเ์ ส้ียวอันอุดมสมบูรณ์” หมายถึงชนชาติใด ก. สุเมเรียน ข. อักคัด ค. อสั ซีเรีย ง. คาลเดียน 7. ขอ้ ใดคือผลงานการสร้างสรรค์อารยธรรมของชาวอมอไรต์ ก. อกั ษรคนู ิฟอร์ม ข. ประมวลกฎหมายฮมั มูราบี ค. พระราชวังซารก์ อน ง. สวนลอยแห่งบาบิโลน

25 8. มรดกทางวัฒนธรรมของอารยธรรมเมโสโปเตเมียที่แสดงถงึ ความสามารถและวิทยาการสูง ทางด้านการชลประทานคือขอ้ ใด ก. ห้องสมุดท่ีเมอื งนิเนเวห์ ข. ซกิ กูแรต ค. พระราชวงั ซารก์ อนที่คอรซ์ าแบด ง. สวนลอยแห่งบาบโิ ลน 9. ข้อใดคือผลงานทางดา้ นวรรณกรรมท่ีมีชอื่ เสียงของชาวสเุ มเรียน ก. มหากาพยอ์ เี ลียด ข. มหากาพยก์ ิลกาเมช ค. มหากาพย์โอดสิ ซีย์ ง. มหากาพย์อีเนียด 10. ข้อใดไม่ใช่วตั ถุประสงคข์ องการสร้างซกิ กูแรตของชาวสุเมเรยี น ก. เป็นเทวสถานในการบูชาพระเจ้า ข. เปน็ ทส่ี อนหนงั สือให้กับนกั บวชรุ่นเยาว์ ค. ใชป้ ระกอบพธิ กี รรมทางศาสนา ง. เปน็ ทพี่ กั อาศัยของพระมหากษัตริย์ 11. ขอ้ ใดเป็นผลมาจากการประดิษฐต์ วั อักษรของอารยธรรมโบราณ ก. ระบบโทรศัพทร์ ะหวา่ งประเทศ ข. การส่ือสารกันดว้ ยอเี มล์ ค. การแข่งขนั กีฬาโอลมิ ปกิ ง. ระบบทวี วี งจรปดิ 12. แหลง่ อารยธรรมสาคัญของโลกมกั จะกอ่ ตวั ขึน้ ในบรเิ วณทมี่ สี ภาพภูมศิ าสตรเ์ ช่นไร ก. ท่รี าบลมุ่ แมน่ ้า ข. หบุ เขาและเทอื กเขาสูง ค. ชายฝั่งทะเลและหุบเขา ง. บริเวณปล่องภูเขาไฟ 13. ข้อใดคือปัจจัยที่ทาให้เกดิ อารยธรรมเมโสโปเตเมีย ก. สภาพแวดลอ้ มทางภูมศิ าสตร์ตงั้ อยู่บริเวณลมุ่ แมน่ า้ สองสายคือแมน่ ้าไทกริสและยูเฟรทิส ข. สภาพภมู ศิ าสตร์ตั้งอยบู่ นพื้นที่แมน่ า้ ไนล์ ซึ่งเปน็ แม่นา้ สายท่ียาวทีส่ ุดในโลก ค. สภาพภูมศิ าสตรล์ ้อมรอบไปดว้ ยแม่นา้ ฮวงโหและแมน่ ้าสินธุ ง. สภาพแวดลอ้ มเตม็ ไปด้วยเทือกเขาและหบุ เขาสาคัญ 14. ขอ้ ใดคือมรดกชนิ้ สาคญั ทีช่ าวฮิบรูมอบให้กบั โลกมนุษย์ ก. ศาสนาอิสลาม ข. ศาสนาพุทธ ค. ศาสนายดู าย ง. ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู

26 15. เพราะเหตุใดจึงถือว่าประมวลกฎหมายของพระเจ้าฮัมมูราบีเป็นมรดกทางอารยธรรมชนิ้ สาคัญ ของโลก ก. เป็นประมวลกฎหมายฉบับแรกของโลก ข. มีบทลงโทษที่รนุ แรงซง่ึ ชว่ ยลดจานวนผู้เปน็ ภัยต่อสังคม ค. เป็นเคร่ืองแสดงถงึ อานาจรัฐเข้มแข็งพอท่ีจะบังคบั พลเมืองได้ ง. เปน็ แบบอย่างของความพยายามที่จะใหเ้ กิดความยุติธรรมในการปกครอง หลงั จากศึกษาเน้ือหาเรอ่ื ง อารยธรรมเมโสโปเตเมีย แตงไทยม่นั ใจว่าเพอ่ื นๆ ทุกคนต้องทาํ ข้อสอบไดแ้ นๆ่ เลยค่ะ

27 เฉลยแบบทดสอบกอ่ นและหลงั เรียน เรอ่ื ง อารยธรรมเมโสโปเตเมยี 1. ค 2. ก 3. ก 4. ค 5. ค 6. ค 7. ข 8. ง 9. ข 10. ง 11. ข 12. ก 13. ก 14. ค 15. ง ตอบถูก 12 ขอ้ ขนึ้ ไป ถอื วา่ ผ่านเกณฑน์ ะครบั

28 อภธิ านศัพท์ คนู ิฟอร์ม (cuneiform)หรอื อกั ษรรูปลิ่ม คอื ระบบการเขยี นที่หลากหลาย เปน็ ไดท้ ั้ง อักษร พยางค์ อักษรคา และอักษรทีม่ รี ะบบสระ – พยัญชนะ คาว่า “cuneiform” มาจากภาษา ละติน “cuneus” แปลวา่ ลิ่ม ดงั นน้ั อกั ษรรูปลิ่มจึงรวมอกั ษรท่มี ีรปู ร่างคล้ายลิ่มทัง้ หมด ซูเมอร์ (Sumer) คอื อารยธรรมโบราณและเขตบรเิ วณเมโสโปเตเมียตอนใต้ ตดิ กบั อ่าวเปอรเ์ ซีย มีลักษณะ เป็นนครรัฐ แต่ละนครรัฐมีอสิ ระไม่ข้นึ ต่อกนั เช่น ลากาซ บาบโิ ลน อูร์ อูรุก นปิ เปอร์ ประมวลกฎหมายฮมั มูราบี คอื บทบัญญัติทีร่ วบรวมกฎหมายต่าง ๆ และพระราชกฤษฎีกาของ พระเจ้าฮัมมรู าบี ราชาแหง่ บาบโิ ลเนยี และเป็นประมวลกฎหมายท่เี กา่ แกท่ ี่สุด ประมวลกฎหมายน้ี คดั ลอกไว้โดยการแกะสลักลงบนหนิ บะซอลต์สดี าสงู 2.25 เมตร กฎหมายดงั กล่าวเปน็ กฎหมาย อาญา โดยยดึ หลักท่ีปัจจุบนั เรยี กว่า \"ตาต่อตา ฟันตอ่ ฟนั \" อนั หมายถึงทาผดิ อย่างไรไดโ้ ทษอยา่ งนั้น นบั เป็นหลักการสาคัญทนี่ ับเป็นวิวฒั นาการทางอารยธรรมของมนุษย์ ฟนิ เี ชยี น (Phoenicia) คอื เซเมติกสาขาหน่ึง อพยพมาจากทะเลทรายอาราเบยี เมื่อประมาณ 3,000 ปี กอ่ นคริสตกาล เขา้ มาตง้ั หลกั แหล่งในบริเวณตะวันตกของทวปี เอเชยี บริเวณทะเลเมดเิ ตอร์เรเนียน ได้ชอ่ื วา่ เป็นกล่มุ ปญั ญาชนของเอเชยี ตะวันตก สร้างเมืองสาคัญ ๆ เช่น ไทรน์ ไซดอน ไบบลอส เปน็ พวกท่ี รา่ รวย มชี ือ่ เสียงทางด้านการเดนิ เรือและคา้ ขาย มรดกชนิ้ สาคญั ของชาวฟนิ ิเชียคือ ตัวอักษร ซงึ่ กรีกและ ลาตินใชเ้ ป็นแบบในการสรา้ งตัวอกั ษรของตนในสมัยต่อมา ตัวอักษรในยุโรปปัจจบุ นั กม็ าจากตัวอกั ษร เหล่านี้ มหากาพย์กิลกาเมช (Gilgamesh) คือ ตานานน้าท่วมโลกทเี่ ก่าแก่ของเมโสโปเตเมียโบราณ เปน็ หนง่ึ ในงาน วรรณกรรมประเภทนิยายทีเ่ ก่าแกท่ ่สี ุดในโลก นักวิชาการเชอื่ วา่ มหากาพย์เร่ืองน้มี ีกาเนดิ มาจากตานาน กษตั รยิ ์สเุ มเรยี นและบทกวีเกี่ยวกับวรี บุรษุ ในตานานที่ช่ือวา่ กิลกาเมช ซ่งึ ถกู รวบรวมเอาไว้ในแผน่ ดนิ เหนยี ว 12 แท่ง เมโสโปเตเมีย (Mesopotemia) คือ ดนิ แดนระหว่างแมน่ า้ 2 สาย” (land between the rivers) คือ แมน่ า้ ไทกรีส (Tigris) และแม่น้ายูเฟรทสิ (Euphrates) ปัจจุบนั อยใู่ นประเทศอริ ัก เป็นแหลง่ อารยธรรม แหง่ แรกของโลก

บรรณานกุ รม 29 ชมพนู ชุ นาคีรกั ษ์ และวงเดอื น นาราสจั จฺ. คมู่ อื ครู เล่ม 2 ประวัตศิ าสตรส์ ากล : พฒั นาการทาง ประวตั ศิ าสตร์ของมนุษยชาติ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4-6. กรุงเทพฯ : สานักพมิ พบ์ ริษทั พัฒนาคุณภาพวิชาการ, 2554. ชัย ลาภเพิม่ ทวี. หัวใจสงั คม O-NET. กรุงเทพฯ : บรษิ ทั ธนเชษฐ์ จากดั , 2555. ชาตชิ าย พณานานนท์. หนังสือเรียนสงั คมศกึ ษา ม.4-6 ประวัติศาสตร์โลก. กรุงเทพฯ : แม็ค, 2551. ณทั ธนัท เลีย่ วไพโรจน์. คัมภรี พ์ ิชิต Entrance สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พท์ รพั ย์การพิมพ,์ มปป. ธิติมา พิทักษ์ไพรวัน. ประวตั ศิ าสตร์ทว่ั ไป. กรุงเทพฯ : ไทยวฒั นาพานิช, 2527. ธติ ิมา พิทกั ษ์ไพรวนั . ประวตั ศิ าสตร์ยคุ โบราณ. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช, 2526. นนั ทนา กปิลกาญจน์. ประวตั ศิ าสตร์และอารยธรรมโลก. กรงุ เทพฯ : สานักพมิ พ์โอเดียนสโตร์, 2530. สญั ชัย สุวังบตุ ร และคณะ. หนงั สือเรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน ประวัตศิ าสตร์สากล ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 4-6. กรงุ เทพฯ : อักษรเจรญิ ทัศน์ , 2557. สปุ ราณี มขุ วิชิต. ประวัตศิ าสตร์ยุโรป เลม่ 2 ฉบับปรับปรุง. กรงุ เทพมหานคร : สานกั พิมพโ์ อ เดยี นสโตร,์ 2541. แหล่งกาํ เนดิ อารยธรรมโบราณของโลก.// สืบคน้ เม่ือ 20 เมษายน 2557,/ จาก/ http://arayatum007.blogspot.com/2012/09/blog-post.html อารยธรรมดนิ แดนเมโสโปเตเมยี . (ม.ป.ป.). สบื คน้ เมือ่ 20 เมษายน 2557. จาก/http://civilizationwe.blogspot.com/2012/06/blog-post_20.html อารยธรรมโลกยคุ โบราณ. (ม.ป.ป.). สืบค้นเมอ่ื 20 เมษายน 2557./ จาก/https://panupong088.wordpress.com/ อุทิศ จงึ นิพนธ์สกุล. คมู่ ือเตรียมสอบ O-NET ม.6 และสอบเขา้ มหาวิทยาลัย สงั คมศึกษาฯ. กรงุ เทพ :ไฮเอด็ พบั ลชิ ชิ่ง, 2555.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook