ชุดกจิ กรรมการเรียนรูโ้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สาหรบั นักเรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 ก เลม่ ที่ 1 วทิ ยาศาสตรข์ ับเคลื่อนโลก
ชุดกิจกรรมการเรยี นรโู้ ครงงานวิทยาศาสตร์ สาหรับนกั เรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ก เลม่ ที่ 1 วทิ ยาศาสตรข์ บั เคลอื่ นโลก ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ สาหรับนักเรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 2 ไดจ้ ดั ทาข้นึ เพ่ือใช้เป็น สือ่ ประกอบการเรียนการสอน โดยมเี นอื้ หาและกิจกรรมการเรยี นร้ทู หี่ ลากหลาย สอดคล้องตามหลักสตู ร แกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ท่เี นน้ ผ้เู รยี นเป็นสาคญั โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์การ สืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบการสบื ค้นข้อมลู และการอภปิ รายเพื่อใหเ้ กิดความรู้ความเข้าใจสามารถ สอ่ื สารส่ิงที่เรียนรูม้ คี วามสามารถในการตัดสนิ ใจและมีจิตวิทยาศาสตร์ ซง่ึ จะชว่ ยให้ผู้เรียนเกิดความรู้และพฒั นา ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรไ์ ด้เปน็ อยา่ งดี นอกจากนยี้ งั ชว่ ยให้ครูผสู้ อนสามารถนาไปใชเ้ ปน็ แบบอย่าง หรือแนวทางในการจดั การเรียนการสอนให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายสาคัญของหลักสตู รอีกดว้ ย ชุดกิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 นี้จะต้องใช้ร่วมกับ แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาโครงงานวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว 22201 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และคู่มือ การใช้ชดุ กิจกรรมการเรยี นรโู้ ครงงานวิทยาศาสตร์ สาหรบั นักเรียนช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 2 ที่ผู้สอนไดจ้ ดั ทาขึน้ การจัดทาชุดกิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 นี้ เสร็จสมบูรณไ์ ด้เพราะไดร้ ับความอนุเคราะหจ์ ากผู้เชยี่ วชาญหลายทา่ นที่ไดใ้ ห้คาแนะนาปรึกษา จึงขอขอบพระคุณ ไว้ ณ โอกาสนี้ และหวังเป็นอย่างย่ิงว่าชุดกิจกรรมเล่มนี้ จะช่วยพัฒนานักเรียนโรงเรียนพรมเทพพิทยาคม ให้เปน็ บุคคลแห่งการเรยี นรู้ สามารถเป็นผเู้ รียนรไู้ ดต้ ลอดชวี ติ ตามเจตนารมณ์ทีต่ ้งั ไว้ วสนิ ทรา ไพรสินธุ์
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรโู้ ครงงานวิทยาศาสตร์ สาหรบั นกั เรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 ข เลม่ ที่ 1 วิทยาศาสตรข์ ับเคล่ือนโลก เร่ือง หน้า คานา ก สารบญั ข คาช้แี จง ค คาแนะนาสาหรับครู ง คาแนะนาสาหรับนกั เรยี น จ ข้นั ตอนการใชช้ ดุ กิจกรรมการเรยี นรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ ฉ สาระสาคญั 1 จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 2 กระดาษคาตอบ 3 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 4 ใบกจิ กรรม 1.1 นกั วิทยาศาสตร์ในดวงใจ 6 ใบกิจกรรม 1.2 นกั พันธุศาสตร์ 10 ใบความรู้ วิทยาศาสตร์ขบั เคลอ่ื นโลก 14 คาถามชวนคดิ ชวนทา 19 แบบทดสอบหลังเรยี น 21 บรรณานกุ รม 23
ชุดกจิ กรรมการเรยี นร้โู ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สาหรบั นกั เรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 ค เลม่ ที่ 1 วทิ ยาศาสตรข์ บั เคลอื่ นโลก ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 เน้ือหาจัดแบง่ ออกเป็น 7 ชุด ดังน้ี ชุดที่ 1 วทิ ยาศาสตร์ขบั เคล่ือนโลก ชุดที่ 2 นักวทิ ยาศาสตร์น้อย ชดุ ที่ 3 เรมิ่ ตน้ ทาโครงงานวิทยาศาสตร์ ชุดที่ 4 การวางแผนและออกแบบโครงงานวิทยาศาสตร์ ชดุ ท่ี 5 การเขยี นเคา้ โครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ ชดุ ท่ี 6 การลงมือทาโครงงานวิทยาศาสตร์ ชุดที่ 7 การเขยี นรายงานโครงงานวิทยาศาสตรแ์ ละการนาเสนอ ซ่ึงเล่มน้ีเป็นชุดกิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ ชุดที่ 1 วิทยาศาสตร์ขับเคลื่อนโลก ใช้ เวลาในการเรยี นการสอน 2 ชั่วโมง ในการนาชุดกจิ กรรมนไ้ี ปใช้ ผู้สอนควรมีการศึกษาคมู่ ือการใชช้ ุดกิจกรรม การเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 ชุดที่ 1 วิทยาศาสตร์ขับเคล่ือนโลก โดยละเอียด เพื่อให้การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนบรรลุตามจุดประสงค์ของหลักสูตร ซ่ึงกระบวนการ จัดการเรียนรู้เน้นการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆด้วยตนเอง โดยครูผู้สอนเป็นผู้ให้การช่วยเหลือและอานวยความ สะดวกในการปฏิบัติกจิ กรรมและประเมนิ ผลการเรียนรขู้ องนักเรยี น หวังเป็นอย่างย่ิงว่าชุดกิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์เล่มน้ี จะเป็นประโยชน์ต่อการ พัฒนาการเรยี นรขู้ องผูเ้ รียน และครูสามารถนามาใช้ในการพฒั นาการเรยี นการสอนได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ วสนิ ทรา ไพรสนิ ธุ์
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ สาหรับนกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ง เลม่ ที่ 1 วิทยาศาสตรข์ ับเคลือ่ นโลก การใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 ชุดที่ 1 วิทยาศาสตร์ขับเคล่ือนโลก สาหรับกิจกรรมการเรียนการสอนรายวิชาโครงงานวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว 22201 ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ผู้สอนมบี ทบาทสาคัญ ดังนี้ 1. เตรียมเอกสารที่ระบไุ วใ้ นแผนการจดั การเรยี นรู้ตามลาดบั 2. ศึกษารายละเอยี ดของชุดกจิ กรมการเรยี นรู้ 3. ทดลองใชส้ ื่ออปุ กรณ์การสอน เพอ่ื ตรวจสอบวา่ ใชง้ านไดจ้ รงิ และแกไ้ ขเมื่อส่อื อุปกรณก์ ารสอน เกิดการชารดุ เสียหาย 4. ทาการวเิ คราะห์นักเรยี นโดยแบ่งเป็น เก่ง ปานกลาง ออ่ น แล้วแบง่ นักเรยี นออกเปน็ กลุ่ม กลมุ่ ละ 4-5 คน และแบ่งหน้าทด่ี ังนี้ 4.1 ประธาน ดูแลและควบคมุ การทางานของกล่มุ ให้เปน็ ไปตามกาหนดเวลา 4.2 รองประธาน ทาหน้าท่เี ป็นผ้ชู ว่ ยประธานและดูแลกลมุ่ แทนเมื่อประธานไม่อยู่ 4.3 เลขานกุ าร บนั ทึกข้อมูล ปญั หา ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะของสมาชิกภายในกลุม่ 4.4 สมาชิก ให้ความร่วมมอื ทากิจกรรมต่างๆ ของกลุ่ม ให้บรรลจุ ุดประสงค์ เสนอความคดิ เหน็ จากข้อมลู ท่ีได้ทาการศึกษาทดลอง 5. ครชู แ้ี จงการเรียนทน่ี กั เรยี นต้องปฏบิ ตั ติ ามคาสง่ั ในชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ 6. ชแ้ี จงกจิ กรรมการเรียนให้นักเรียนทราบ 7. ดาเนินการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ 8. ใหค้ าแนะนาและเป็นทีป่ รึกษาในขณะทีน่ ักเรียนทากจิ กรรม 9. สงั เกตการทากิจกรรมของนักเรยี นและการสรปุ บทเรียน 10. ตรวจแบบทดสอบย่อยแต่ละชุด แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนและบนั ทึกผลการ ประเมินพฤติกรรมการทางานกล่มุ และพฤติกรรมระหว่างเรียนของนักเรียน
ชดุ กิจกรรมการเรียนร้โู ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สาหรับนกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 2 จ เลม่ ที่ 1 วิทยาศาสตรข์ บั เคลอื่ นโลก 1. ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 ชุดท่ี 1 วิทยาศาสตร์ขับเคล่ือน โลก เล่มนี้ จัดทาขึ้นเพ่ือให้นักเรียนใช้ประกอบการเรียนรู้ในวิชาโครงงานวิทยาศาสตร์ รหัส ว22201 ซ่ึง นกั เรยี นจะไดศ้ ึกษาเพ่ิมเติมดว้ ยตนเอง 2. ในแต่ละหน้าของแต่ละชุดกิจกรรมจะมีเน้ือหาสาระ คาแนะนาหรือคาอธิบาย พร้อมท้ังคาถาม ให้ นกั เรยี นได้ศึกษาและฝึกทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ความรคู้ วามเข้าใจ ตลอดจนทักษะในการนาไปใช้ แก้ปัญหา 3. ใหน้ ักเรยี นอา่ นคาชี้แจงการใชช้ ุดกิจกรรมการเรยี นรู้ให้เขา้ ใจ 4. กอ่ นศึกษา ทาแบบทดสอบก่อนเรียน จานวน 10 ข้อ เพอ่ื วัดความรูพ้ ้นื ฐาน 5. ศึกษาจดุ ประสงค์ สาระสาคัญ เน้อื หาในชดุ กิจกรรมการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ 6. เรียนรตู้ ามกิจกรรมทคี่ รูผ้สู อนจดั ใหใ้ นชดุ กิจกรรม มสี ื่ออุปกรณใ์ นการปฏิบัติ ใหน้ กั เรียนปฏิบตั ใิ ห้ เรยี บรอ้ ยและครบถว้ น 7. ทาแบบทดสอบหลังเรยี น 8. ตรวจคาตอบจากเฉลย เพ่ือเปรียบเทียบพัฒนาการทางการเรียนของตนเองและจะได้ทราบถึง พัฒนาการทางด้านความคดิ ความรคู้ วามเขา้ ใจจากเรอ่ื งท่ศี กึ ษา
ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สาหรับนักเรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 ฉ เล่มที่ 1 วิทยาศาสตรข์ ับเคลื่อนโลก ขั้นตอนการใชช้ ุดกจิ กรรมการเรียนรโู้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ คาชี้แจงการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรโู้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ ทดสอบก่อนเรยี น นาเขา้ สบู่ ทเรยี น กิจกรรมการเรยี นรู้ สรปุ ทดสอบหลังเรียน พบครู ผา่ น ไม่ผา่ น เสรมิ ซอ่ ม
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ สาหรบั นกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 2 1 เล่มที่ 1 วทิ ยาศาสตรข์ บั เคลื่อนโลก ชดุ กจิ กรรมการเรียนรวู้ ิชาโครงงานวทิ ยาศาสตร์ เลม่ ท่ี 1 วทิ ยาศาสตรข์ ับเคล่อื นโลก โลกของเรามีความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งน้ีเป็นผล เน่ืองมาจากผลงานของนักวิทยาศาสตร์แขนงต่างๆ ท่ีทางานมาอย่างต่อเนื่อง และ ถ่ายทอดองค์ความรู้ต่อกันมา นักวิทยาศาสตร์เป็นบุคคลที่ทางานเกี่ยวข้องหรือมีส่วนร่วม ในงานด้านวิทยาศาสตร์ โดยการค้นคว้าวิจัย หาคาตอบเก่ียวกับส่ิงต่างๆ รอบตัว ตัวอย่าง คุณลักษณะเด่นท่ีทาให้นักวิทยาศาสตร์ประสบความสาเร็จ เช่น การเป็นคนช่างสังเกต มคี วามอดทน มีความซ่ือสตั ย์ มีความพยายาม มีความสนใจใฝ่รู้ และมีจินตนาการ เป็นต้น การทางานด้านวิทยาศาสตร์น้ัน ต้องอาศัยท้ังองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ ประกอบกบั แรงบนั ดาลใจ ซ่งึ แรงบันดาลใจนั้นอาจได้มาจากหลายปัจจัย เช่น ความสงสัย ใคร่รู้ อยากหาคาตอบเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ รอบตัว ปัญหาท่ีเกิดขึ้น หรือจินตนาการ เป็นต้น แรงบันดาลใจมีส่วนสาคัญอย่างมากในการพัฒนางานด้านวิทยาศาสตร์ เพราะทาให้เกิด ความคิด ความพยายามที่จะศึกษาสร้างองค์ความรู้ สิ่งของ และส่ิงประดิษฐ์ใหม่ๆ อยู่ ตลอดเวลา
ชุดกิจกรรมการเรยี นรโู้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สาหรบั นักเรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 2 2 เลม่ ท่ี 1 วทิ ยาศาสตรข์ บั เคลอ่ื นโลก จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ เม่อื ศึกษาบทเรยี นนีแ้ ลว้ นักเรยี นควรจะสามารถ 1. ด้านความรู้ (K) 1.1 บอกชอื่ นกั วทิ ยาศาสตรท์ งั้ ในอดีตและปัจจบุ นั ได้ 1.2 อธบิ ายประโยชนข์ องผลงานทางวทิ ยาศาสตรไ์ ด้ 1.3 ยกตวั อยา่ งการสร้างผลงานทางจนิ ตนาการของนักวทิ ยาศาสตร์ได้ 2. ดา้ นทกั ษะ (P) 2.1 สบื ค้นข้อมูลเกย่ี วกบั นกั วทิ ยาศาสตร์ทง้ั ในอดีตและปจั จบุ นั ได้ 2.2 บอกคุณลกั ษณะของนักวิทยาศาสตร์ได้ 2.3 สรา้ งผลงานจากจินตนาการ และอธิบายต่อยอดแนวทางในการทางานด้าน วิทยาศาสตรไ์ ด้ 3. ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม และคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) 3.1 ตระหนักในความสาคญั ของคุณลกั ษณะของนกั วิทยาศาสตร์ 3.2 มีทศั นคติที่ดตี ่อการสร้างผลงานจากจินตนาการ
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรโู้ ครงงานวิทยาศาสตร์ สาหรับนักเรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 3 เล่มที่ 1 วทิ ยาศาสตรข์ ับเคล่อื นโลก กระดาษคาตอบ เลม่ ที่ 1 วทิ ยาศาสตร์ขับเคลอ่ื นโลก ช่อื -สกลุ ……………………………………………………………………ชน้ั ……………………….เลขท่ี………………… แบบทดสอบก่อนเรยี น แบบทดสอบหลังเรียน ข้อ ก ข ค ง ข้อ ก ข ค ง 1 1 2 2 3 3 4 4 5 5 6 6 7 7 8 8 9 9 10 10 สรุปผลการทดสอบ คะแนนหลัง คะแนน ก่อนเรียน คะแนน หลงั เรยี น เรยี นคดิ เปน็ เต็ม 10 เต็ม 10 ร้อยละ ได้ ได้
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นร้โู ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สาหรบั นักเรยี นช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 4 เล่มท่ี 1 วิทยาศาสตรข์ บั เคล่อื นโลก แบบทดสอบก่อนเรยี น ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ เลม่ ที่ 1 วิทยาศาสตร์ขับเคล่อื นโลก ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 ข้อสอบ 10 ข้อ ใช้เวลา 10 นาที คะแนนเต็ม 10 คะแนน คาช้แี จง ให้นักเรยี นเลือกคาตอบท่ีถูกต้องท่สี ดุ แล้วทาเครือ่ งหมาย X ลงในกระดาษคาตอบ 1. เมือ่ กล่าวถึง “วิทยาศาสตร์” จะมีลักษณะตาม 4. นกั วทิ ยาศาสตรค์ นใดผลติ กล้องโทรทรรศน์ ขอ้ ใด ก. เซอร์ ไอแซก นิวตนั ก. ความรู้ของโลกธรรมชาติ ข. มาดาม มารี คูรี ข. ราหอู มจันทร์ ค. กาลิเลโอ ค. การสัมภาษณ์ ง. ทอมัส แอลวา เอดสิ ัน ง. การเลา่ ตอ่ กันมา 5. เคร่ืองมือที่ใชว้ ดั อณุ หภมู ิ มีชือ่ เรียกตามข้อใด 2. ข้อใดเปน็ ลักษณะสาคัญของนกั วิทยาศาสตร์ ก. เทอรม์ อมิเตอร์ ก. ชา่ งสังเกต ข. ไฮกรอมเิ ตอร์ ข. มีความเปน็ เหตผุ ล ค. อัลตมิ ิเตอร์ ค. มีความคดิ ริเริ่ม ง. บารอมิเตอร์ ง. ถูกทุกข้อ 6. เซอร์ ไอแซก นิวตนั ค้นพบส่ิงใด 3. พระมหากษตั ริย์พระองคใ์ ดได้ชื่อวา่ เป็นบดิ า แหง่ วทิ ยาศาสตรไ์ ทย ก. ธาตุเรเดียม ข. โทรศัพท์ ก. พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจ้าอย่หู ัว ค. แรงโนม้ ถว่ งของโลก ข. พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อย่หู วั ง. ถกู ทกุ ข้อ ค. พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลิศล้านภาลัย ง. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั
ชุดกิจกรรมการเรียนรโู้ ครงงานวิทยาศาสตร์ สาหรบั นักเรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 5 เล่มที่ 1 วทิ ยาศาสตรข์ ับเคลื่อนโลก แบบทดสอบกอ่ นเรียน 7. วนั วิทยาศาสตรไ์ ทยของทุกปตี รงกับวนั ใด 9. เม่อื ดวงจนั ทร์บังดวงอาทิตย์ ทาให้คนบนโลกเหน็ ดวงอาทิตย์มดื เปน็ ปรากฏการณ์ใด ก. 18 กนั ยายน ข. 18 สงิ หาคม ก. สุริยุปราคา ค. 18 ตุลาคม ข. จนั ทรุปราคา ง. 18 พฤศจกิ ายน ค. เรือนกระจก 8. กลอ้ งชนิดใดใชส้ ่องดดู วงดาวบนทอ้ งฟา้ ง. ผดิ ทุกขอ้ ที่กลา่ วมา 10. เพราะเหตใุ ดจึงควรตัดใบบางส่วนออกเม่อื ต้องการ ก. กล้องสอ่ งทางไกล ยา้ ยตน้ ไม้ไปปลกู ในที่ใหม่ ข. กล้องโทรทรรศน์ ก. เพื่อลดการคายนา้ ค. กล้องจุลทรรศน์ ข. เพอ่ื ลดนา้ หนักของต้นไม้ ง. ถูกท้ังข้อ ข และ ค ค. เพือ่ ลดการสงั เคราะหด์ ้วยแสง ง. เพ่ือกระตุน้ ให้พชื สร้างอาหารมากข้ึน
ชดุ กิจกรรมการเรียนรโู้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สาหรบั นกั เรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 6 เล่มที่ 1 วทิ ยาศาสตรข์ ับเคลอื่ นโลก 1.1ใบกิจกรรม นักวิทยาศาสตรใ์ นดวงใจ จุดประสงค์ของกจิ กรรม 1. นักเรยี นสามารถสืบค้นประวตั ิและผลงานของนักวิทยาศาสตร์ที่สนใจ วสั ดุอุปกรณ์ 2. นกั เรียนสามารถเลือกนักวิทยาศาสตร์ที่ช่นื ชอบ พร้อมอธบิ ายเหตุผล 1. รายชอื่ นักวิทยาศาสตร์ 2. บัตรกิจกรรมตามล่าหาขอ้ มลู 3. โปสเตอร์แผนทีโ่ ลก 1. วาดภาพนกั วทิ ยาศาสตร์ตามความคิดของนกั เรยี น พร้อมคาบรรยาย ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ชุดกิจกรรมการเรียนรูโ้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สาหรบั นักเรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 7 เลม่ ที่ 1 วทิ ยาศาสตรข์ บั เคลอื่ นโลก 2. ให้นกั เรียนสบื ค้นข้อมลู ของนักวิทยาศาสตร์ตามรายชื่อนักวิทยาศาสตรท์ ใ่ี หแ้ ละบันทึกลงในบตั รตามล่า หาข้อมูลให้สมบูรณ์ รูปที่ 1.1 ตวั อย่างรายช่ือนักวิทยาศาสตร์ (ทมี่ า : สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ , 2557)
ชดุ กิจกรรมการเรียนรโู้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สาหรับนกั เรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 8 เล่มที่ 1 วทิ ยาศาสตรข์ บั เคล่อื นโลก บัตรกิจกรรรมตามล่าหาขอ้ มลู ชื่อของนกั วทิ ยาศาสตร์................................................................................................................................................... ภูมลิ าเนา เมือง.............................................................. ประเทศ................................................................................ ผลงานหรือการค้นพบ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………........ ประโยชน์ของผลงาน ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………............ ปญั หาและอุปสรรคระหวา่ งการทางานของนักวทิ ยาศาสตร์ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ช่วงเวลาท่ใี ช้ในการศกึ ษา………………………………………………………………………………………………………………………………. ชว่ งชวี ิตของนกั วิทยาศาสตร์ (ระหวา่ งปี พ.ศ.) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกันทาเครอ่ื งหมายแสดงภูมลิ าเนาของนักวทิ ยาศาสตร์ที่ศกึ ษาลงบนแผนที่โลก รูปท่ี 1.2 แผนท่โี ลก (ทีม่ า : สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธกิ าร , 2557)
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ สาหรบั นักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 9 เลม่ ที่ 1 วิทยาศาสตรข์ บั เคลอ่ื นโลก เรยี งลาดบั ผลงานของนกั วทิ ยาศาสตร์ตามช่วงเวลา ......................................................................................................................................... ....................................... ............................................................................................ .................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................... ............................................................................................................................. ................................................... ................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ....................................... นกั วทิ ยาศาสตรท์ ่นี ักเรยี นสนใจท่สี ดุ คือ ............................................................................................................. เหตุผลทีเ่ ลือก เพราะ............................................................................................................................................ ชวี ประวัติ....................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ....................... ............................................................................................................ ................................................................ ผลงาน........................................................................................................................ .................................... ........................................................................................................................................................ ........................ ........................................................................................................... ................................................................. ประโยชน์ของงาน.......................................................................................................................................... ชว่ งเวลาในการทางาน เก็บรวบรวมขอ้ มูล/ทดลอง (ถ้ามี)............................................................................. ............................................................................................................................. ................................................... ............................................................................................................................. ...............................................
ชุดกิจกรรมการเรยี นร้โู ครงงานวิทยาศาสตร์ สาหรบั นักเรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 10 เล่มที่ 1 วทิ ยาศาสตรข์ บั เคล่ือนโลก ใบกจิ กรรม นกั พันธศุ าสตร์ 1.2 จดุ ประสงค์ของกิจกรรม นักเรียนสามารถสร้างส่งิ มีชีวติ ชนิดใหม่ท่เี กดิ จากการจินตนาการ ของตนเองพร้อมทงั้ อธบิ ายและเหตผุ ลประกอบ วสั ดุอุปกรณ์ 1. กระดาษ A4 2. ดินสอ สไี ม้ หรอื เมจกิ 3. ยางลบ 1. ให้นักเรียนยกตัวยา่ งสิ่งประดิษฐ์หรือแนวคิดทล่ี า้ สมัย ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. นักเรียนคิดวา่ แรงแรงบันดาลใจในการคดิ คน้ งานตา่ งๆ ของนักวิทยาศาสตรม์ าจากปจั จยั ใดบา้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สาหรบั นกั เรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 11 เล่มที่ 1 วิทยาศาสตรข์ บั เคล่ือนโลก 3. นักเรียนคิดวา่ นกั วทิ ยาศาสตร์ทส่ี ร้างเครอื่ งบิน เคร่อื งรับโทรทัศน์และโทรศัพท์ได้ หรือสิง่ ประดิษฐ์ ตา่ งๆ ได้แนวความคิดหรือแรงบันดาลใจมาจากสิง่ ใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ให้นกั เรียนสารวจและบันทกึ ลกั ษณะเด่นของผลไม้แต่ละชนิด แลว้ ตอบคาถามดังต่อไปนี้ รปู ท่ี 1.3 ตัวอยา่ งภาพผลไม้ 4.1 นกั เรยี นชอบผลไม้ชนิดใดมากท่ีสุด เพราะเหตใุ ด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4.2 บรรยายลกั ษณะของผลไม้ชนดิ ทนี่ ักเรยี นชอบ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สาหรบั นกั เรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 12 เล่มที่ 1 วทิ ยาศาสตรข์ บั เคล่อื นโลก 5. ใหน้ กั เรยี นจับคกู่ ับเพื่อนในชน้ั เรียนแลว้ ลองจนิ ตนาการสรา้ งผลไมช้ นิดใหม่ โดยผสมผสานผลไม้ทง้ั สอง ชนิดทแี่ ต่ละคนชอบมากที่สุดเขา้ ดว้ ยกนั แล้ววาดภาพและบรรยายลักษณะของผลไมช้ นดิ ใหมท่ ช่ี ่วยกัน สรา้ งขน้ึ พรอ้ มทั้งตง้ั ชื่อผลไมช้ นิดใหม่พร้อมบอกเหตุผล ……………………………………………………………… ……………………………………………………………… ……………………………………………………………… ……………………………………………………………… ……………………………………………………………… ……………………………………………………………… ……………………………………………………………… 6. ถา้ นกั เรียนจะสร้างส่งิ มีชีวติ ชนิดใหม่ ทผ่ี สมผสานระหว่างพืช ระหว่างสตั ว์ หรอื ระหว่างสตั ว์และพชื จะสร้าง สิง่ มีชีวิตอะไร จากนน้ั ใหน้ าเสนอความคดิ ของตนเอง พรอ้ มเหตผุ ลที่อยากสรา้ งส่งิ มีชีวิตใหม่นข้ี ึน้ มาดว้ ย ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ สาหรับนกั เรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 13 เล่มท่ี 1 วิทยาศาสตรข์ ับเคลือ่ นโลก 7. ถ้าจะสรา้ งสิ่งมีชวี ิตทน่ี ักเรียนจนิ ตนาการนน้ั ต้องใชค้ วามรูท้ างวิทยาศาสตรใ์ นด้านใดบา้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรโู้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สาหรบั นกั เรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 14 เล่มที่ 1 วิทยาศาสตรข์ บั เคลอื่ นโลก ใบความรู้ วิทยาศาสตร์ ขบั เคล่อื นโลก วิทยาศาสตร์ คือ ความรู้เกย่ี วกบั สง่ิ ต่างๆ รอบตวั เรา โดยมีจุดเร่ิมต้นจากความสงสัยและอยากรู้ แล้ว ลงมือค้นคว้าหาคาตอบด้วยตนเองโดยการทดลองอย่างเป็นระบบ นักวิทยาศาสตร์เป็นบุคคลสาคัญในการ ค้นคว้าหาคาตอบเก่ียวกับส่ิงต่างๆ เช่น โลกเป็นศูนย์กลางของเอกภพจริงหรือฟ้าแลบเกิดจากอะไร ส่ิงท่ีเล็ก ที่สุดของวัตถุคืออะไร ทาไมลูกจึงมีหน้าตาคล้ายพ่อแม่ เป็นต้น จนกระทั่งมีช่ือเสียงโด่งดังและเป็นที่ยอมรับ อีกท้ังยงั นาความรทู้ ไ่ี ด้ไปประยกุ ตใ์ ชแ้ ละประดษิ ฐ์คดิ คน้ สงิ่ ต่างๆ ซึง่ ทาใหโ้ ลกเกิดการเปลี่ยนแปลง ลกั ษณะสาคัญของนักวิทยาศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ต้องมีลักษณะสาคัญอย่างหน่ึง คือเป็นคนที่ต้องทางานเป็นกระบวนการอย่างมีระบบ ดงั ที่กลา่ วมาแล้วในข้ันต้น การท่ีนักวิทยาศาสตร์สามารถทางานเป็นกระบวนการได้น้ัน แสดงว่าต้องมีลักษณะ อืน่ ท่สี นบั สนนุ ลกั ษณะนิสยั ในการทางานดงั กล่าว ได้แกล่ กั ษณะต่างๆดังตอ่ ไปน้ี 1. ช่างสังเกต นักวิทยาศาสตร์มักเป็นคนช่างสังเกต เพราะการสังเกตทาให้พบส่ิงใหม่ๆ ซึ่งนาไปสู่การ คดิ ค้นหาคาอธิบาย ซ่งึ นาไปสูก่ ารคน้ พบกฎหรือทฤษฎีตา่ งๆมากมาย 2. อยากรู้อยากเหน็ นักวทิ ยาศาสตร์มักชา่ งคิดช่างสงสัย และอยากรู้อยากพบความจริงใหม่ๆ จึงมักต้ัง ปัญหาตา่ งๆ เพอื่ ค้นหาคาตอบเสมอ ลักษณะนสิ ยั นนี้ าไปสกู่ ารค้นพบขอ้ มลู และความรู้ใหม่ๆเสมอ 3. มคี วามเป็นเหตเุ ป็นผล เนื่องจากความร้ทู างวิทยาศาสตร์เป็นความรู้ที่ต้องอธิบายได้ด้วยเหตุด้วยผล ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์จึงต้องมีลักษณะนิสัยของความมีเหตุมีผล เมื่อได้ข้อมูลใหม่หรือพบปรากฏการณ์ใหม่ นกั วทิ ยาศาสตร์จะศึกษาวา่ เมอื่ ผลปรากฏการณ์เชน่ นี้ สาเหตุควรเป็นอยา่ งไร เมอื่ ทราบสาเหตุใดสาเหตุหน่ึง ก็ จะบอกได้ว่าผลเป็นอย่างไร นักวิทยาศาสตร์จะไม่เช่ือคากล่าวอ้างที่ไม่มีหลักฐาน แต่จะเช่ือในส่ิงท่ีมีปร ะจักษ์ พยาน หรอื หลักฐานสนบั สนุนเสมอ
ชุดกิจกรรมการเรียนรูโ้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สาหรับนักเรียนชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 2 15 เล่มที่ 1 วทิ ยาศาสตรข์ ับเคลอ่ื นโลก 4. มีความคดิ รเิ ร่มิ นักวิทยาศาสตร์มักเป็นคนมีความคิดริเริ่ม อยากคิดอยากทาสิ่งใหม่ๆเสมอ ผลงาน ทางวิทยาศาสตร์หรือสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นผลของวิทยาศาสตร์ท่ีเราได้นามาใช้กันมากมายทุกวันน้ีเป็นผลของ ความคิดริเริ่มของนักวิทยาศาสตร์แทบทั้งส้ิน เช่นหลอดไฟจากความคิดของทอมัส แอลวา เอดิสัน เคร่ืองบิน จากความคิดของพี่น้องตระกูลไรต์ 5. มีความมานะพยายามและความอดทน ผลงานทางวิทยาศาสตร์หรือส่ิงประดิษฐ์ต่างๆ ท่ีเป็นผล ของวิทยาศาสตร์มิใช่ว่าจะทาสาเรจ็ จากการทดลองเพียงครัง้ เดียว นักวิทยาศาสตร์เม่ือมีความคิดริเร่ิมแล้ว สิ่งที่ สาคัญต่อไปคอื ต้องทาให้สาเรจ็ ดงั นั้น นกั วิทยาศาสตร์จงึ ต้องมคี วามมานะพยายามที่จะทางานให้สาเร็จ และมี ความอดทนต่อความทุกขย์ ากและอุปสรรคนานาประการ ความสาคญั ของวิทยาศาสตร์ตอ่ การขบั เคลื่อนโลก วิทยาศาสตร์ เป็นองค์ความรู้เก่ียวกับความจริงและปรากฏการณ์ทั้งหลายของโลกที่มนุษย์ค้นพบด้วย วธิ ีการทางวิทยาศาสตร์ และรวบรวมไว้เปน็ หมวดหมู่อย่างมีระเบียบ วิทยาศาสตร์ถูกแบ่งออกเป็น 2 สาขาใหญ่ คือ วิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ (Pure Science) และ วิทยาศาสตร์ประยุกต์หรือเทคโนโลยี (Applied Science or Technology) วิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ (Pure Science) คือ ความรู้พ้ืนฐาน ได้แก่ ข้อเท็จจริง ความคิดรวบยอด หลักการ กฎ และทฤษฎีต่างๆ ทางวิทยาศาสตร์ เช่น ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา และคณิตศาสตร์ เป็นต้น นักวิทยาศาสตร์ท่ีทาการค้นคว้าหาความรู้เหล่านี้ เราเรียกว่า นักวิทยาศาสตร์บริสุทธ์ิ (Pure Scientist) เชน่ เซอร์ ไอแซค นิวตัน, อัลเบิรต์ ไอสไตน์ วิทยาศาสตรป์ ระยุกต์หรือเทคโนโลยี (Applied Science or Technology) คือ ความรู้ที่มุ่งนาไปใช้ ประโยชน์ต่อการดารงชีวิตในสังคม โดยนาความรู้ข้ันพ้ืนฐานหรือวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ไปคิดสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ นักวิทยาศาสตร์ผู้คิดประดิษฐ์สิ่งต่างๆ เราเรียกว่านักวิทยาศาสตร์ประยุกต์ (Applied Scientist) เช่น ทอมัส อลั วา เอดิสนั , ไมเคลิ ฟาราเดย์
ชุดกจิ กรรมการเรยี นร้โู ครงงานวิทยาศาสตร์ สาหรบั นักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 16 เลม่ ที่ 1 วิทยาศาสตรข์ ับเคลื่อนโลก วิทยาศาสตร์ ท้ังในความหมายขององค์ความรู้และกระบวนการแสวงหาข้อเท็จจริง ตลอดจน เทคโนโลยีทปี่ ระยุกต์จากความรู้ทางวิทยาศาสตร์ มคี วามสาคญั ตอ่ คุณภาพชวี ิตและการพัฒนาสังคม ดงั น้ี 1. วิทยาศาสตร์ทาให้มนุษย์ได้พัฒนาวิธีคิด รปู ที่ 1.4 กจิ กรรมพัฒนาการคดิ วิเคราะห์ ทั้งความคิดท่ีเป็นเหตุเป็นผล การคิดสร้างสรรค์ การคิด วิเคราะห์ รวมถึงมีทักษะในการแสวงหาข้อเท็จจริงและ ความรู้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อการพัฒนา ตนเอง พฒั นาครอบครวั และพัฒนาสังคม มีความสามารถใน การแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ และตัดสินใจด้วยข้อมูลและ สารสนเทศทม่ี ีหลักฐานเชงิ ประจักษ์ ไม่หลงเชื่องมงาย ซ่ึงเป็น วัฒนธรรมของโลกสมัยใหม่ที่เป็นโลกที่ใช้ความรู้เป็นฐาน (Knowledge base society) และนาความรู้หรือข้อมูล หรือ สารสนเทศไปใช้อย่างมีเหตุผล สร้างสรรค์ และมีคุณธรรม มี ความสมดุลระหว่างคนกับคน และระหว่างคนกับธรรมชาติ มนุษย์ก็จะเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าต่อการพัฒนาสังคมและ ประเทศอย่างยง่ั ยืน 2. เทคโนโลยีทางการศึกษา เช่น เทคโนโลยี การสอน เทคโนโลยีสื่อการสอน ช่วยให้เกิดเรียนรู้ได้ ง่ายและเร็วขึ้น ยิ่งเมื่อมีการนาเอาเทคโนโลยี คอมพิวเตอรแ์ ละการส่ือสารเข้ามาใช้ในการศึกษา ทา ให้มนุษย์สามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ และสามารถ เรียนรู้ได้โดยไม่จากัดเวลาและสถานท่ี และเรียนรู้ได้ ตลอดชีวิต ทาให้สามารถนาความรู้มาใช้ในการดารง ชีวิตอย่างมีคุณค่า พัฒนาอาชีพและรายได้ ซึ่งเป็น องค์ประกอบท่ีสาคัญของคุณภาพชีวติ รปู ที่ 1.5 เทคโนโลยีทางการศึกษา (ที่มา : http://palawat1881.blogspot.com/2015/08/blog-post.html)
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สาหรบั นักเรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 17 เลม่ ที่ 1 วทิ ยาศาสตรข์ บั เคลื่อนโลก 3. เทคโนโลยีทางการเกษตร ช่วยในการ รปู ที่ 1.6 การปลกู พชื แบบไรด้ นิ ขยายพันธ์ุพืช พันธ์ุสัตว์ ปรับปรุงพันธุ์พืชและสัตว์ ปรับปรุงสภาพดินเพาะปลูกพืช การกาจัดศัตรูและโรคพืช (ทม่ี า : http://agri.wu.ac.th/index.php/web/agrith/detail/10328) และสัตว์ ช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร รวมถึงอาหาร ปลอดภัย เม่ือมีเทคโนโลยีการขนส่งเข้ามาสนับสนุน ก็ทา รูปท่ี 1.7 การปรบั ปรงุ พนั ธสุ์ ตั ว์ ให้ผลผลิตทางการเกษตรเข้าสู่ระบบตลาดท้ังในประเทศ และต่างประเทศได้รวดเร็ว เทคโนโลยีอุตสาหกรรม (ทมี่ า : http://www.agr.rmutt.ac.th/?p=24495) กา ร เก ษ ตร ช่ ว ยใ ห้ สา ม าร ถ ถ นอ ม อา ห าร ใ ห้ มีบ ริ โ ภ ค ไ ด้ ตลอดปี พยุงราคาไม่ให้ตกต่าในช่วงฤดูการผลิต ทาให้ เกษตรกรมีรายได้และมีความสามารถในการสนองตอบ ความต้องการของชวี ติ และประชาชนท่ัวไปมีอาหารซ่ึงเป็น ความต้อง การพน้ื ฐานของร่างกายบริโภคอยา่ งเพียงพอ รูปที่ 1.8 รถไฟฟ้าบที เี อส 4. เทคโนโลยีช่วยให้มนุษย์มีมาตรฐานการดารงชีวิตท่ีดี โดยมีที่อยู่อาศัยท่ีม่ันคงแข็งแรงมีความปลอดภัย มี (ทม่ี า : http://www.springnews.co.th/th/2017/09/97769/) โครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยให้ดารงชีวิตได้ง่ายสะดวกสบาย และมีความปลอดภัย ได้แก่ ถนน ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ เป็นต้น รวมถึงสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ ท่ีใช้ในชีวิตประจาวัน เช่น โทรทัศน์ เคร่ืองใช้ไฟฟ้าในบ้าน ยานพาหนะประเภท ตา่ ง ๆ เป็นต้น รูปท่ี 1.9 ถนนใจกลางตวั เมอื งใหญ่ รปู ที่ 1.10 เคร่อื งอานวยความสะดวก (ทม่ี า : http://www.thaigoodview.com/node/25835?page=0,1)
ชดุ กิจกรรมการเรยี นรูโ้ ครงงานวิทยาศาสตร์ สาหรบั นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 2 18 เลม่ ที่ 1 วิทยาศาสตรข์ ับเคลือ่ นโลก 5. เทคโนโลยสี ารสนเทศ เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ ท่ีช่วยในการทางาน การติดต่อส่ือสาร และ การศึกษาง่ายข้ึน ประหยัดแรงงาน ประหยัด บุคลากร และประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ ช่วย การอนุรกั ษว์ ัฒนธรรม เช่น สานักงานไร้กระดาษ การใช้อิเล็กทรอนิกส์เมล์ เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ชุมชนและกลุม่ สนใจบนอนิ เทอรเ์ นต็ เป็นต้น รปู ที่ 1.11 เทคโนโลยีสารสนเทศ (ทีม่ า : http://60833assasiri.blogspot.com/2016/05/) 6. เทคโนโลยีทางการแพทย์ ช่วยให้มนุษย์มีอายุยืน ยาวขึ้น มีสถานะสุขภาพดีข้ึน มนุษย์จึงมีช่วงเวลาเป็น กาลังงานภาคการผลิตของครอบครัวและสังคมนานขึ้น ช่วยควบคุมการเพ่ิมของประชากรไม่ให้เกินกาลังของ ทรัพยากรธรรมชาติท่ีจะรองรับ และกระทบกับ มาตรฐานการดารงชีวติ รูปท่ี 1.12 เทคโนโลยีสารสนเทศ (ทีม่ า : http://www.catdumb.com/facts-about-pixar-119/) วทิ ยาศาสตร์จึงมีความเกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิตของปัจเจกบุคคลและสังคม ท้ังในแง่การพัฒนาคนให้ มีทักษะในการแสวงหาความจริงและความรู้ พัฒนาการคิด การศึกษา และอาชีพ และในแง่ของการใช้ วิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีท้ังในด้านสิ่งประดิษฐ์ และระบบหรือวิธีการเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของ มนุษย์ และเพอื่ ใชป้ ระโยชน์ในการพัฒนาการดารงชวี ิตทาใหม้ นุษย์มมี าตรฐานการดารงชวี ติ ทีด่ ี
ชุดกิจกรรมการเรยี นร้โู ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สาหรบั นักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 2 19 เล่มที่ 1 วทิ ยาศาสตรข์ บั เคลื่อนโลก คาถามชวนคดิ ชวนทา ตอนที่ 1 จงตอบคาถามตอ่ ไปนี้ 1. ความรู้ทางวทิ ยาศาสตรค์ ืออะไร ประกอบดว้ ยความรู้ประเภทใดบ้าง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยมี คี วามสมั พันธก์ นั หรือไม่ อยา่ งไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………... 3. ความรู้ทางวทิ ยาศาสตรใ์ นปจั จบุ ันและอนาคตจะแตกต่างกันหรือไม่ เพราะเหตใุ ด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………... 4. กษณะใดของนักวิทยาศาสตร์ ทเ่ี ปน็ สาเหตุสาคัญทาให้นวิ ตันค้นพบ \"กฎแรงดึงดดู ระหว่างมวลของนิวตัน\" …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………... 5. นักวทิ ยาศาสตร์ควรมลี ักษณะใดบ้างทช่ี ่วยให้การศึกษาหาความรปู้ ระสบความสาเร็จ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………...
ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ สาหรบั นกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 20 เลม่ ท่ี 1 วทิ ยาศาสตรข์ ับเคลื่อนโลก คาถามชวนคิดชวนทา ตอนท่ี 2 จงจบั คู่ข้อความทต่ี รงกัน ก. ประดิษฐเ์ ครื่องคานวณ ข. ประดิษฐ์รถจักรไอน้าคนั แรก ............ 1) อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ ค. ผ้ใู หก้ าเนดิ ไดนาโม ............ 2) เบนจามิน แฟลงคลนิ ง. พิสูจน์ทฤษฎีดวงอาทติ ยเ์ ปน็ ............ 3) กาลเิ ลโอ กาลเิ ลอี ............ 4) นโิ คลา เทสลา ศูนย์กลาง ............ 5) เอรา ไบรอน จ. โปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก ............ 6) เบลซ ปาสคาล ฉ. คดิ ค้นระบบไฟฟ้ากระแสสลบั ............ 7) จอรช์ สตเี ฟนสัน ช. โทรศัพทเ์ ครอ่ื งแรกของโลก ............ 8) ไมเคลิ ฟาราเดย์ ซ. คน้ พบทฤษฎีพันธกุ รรม ............ 9) เกรเกอร์ โจฮาน เมนเดล ฌ. ประดษิ ฐส์ ายลอ่ ฟา้ ............ 10) มารี กูวร์ ี ญ. ค้นพบรงั สเี รเดียม
ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สาหรับนกั เรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 21 เล่มที่ 1 วทิ ยาศาสตรข์ บั เคลอ่ื นโลก แบบทดสอบหลังเรียน ชดุ กิจกรรมการเรียนรโู้ ครงงานวิทยาศาสตร์ เลม่ ที่ 1 วิทยาศาสตรข์ ับเคล่อื นโลก ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 ข้อสอบ 10 ข้อ ใชเ้ วลา 10 นาที คะแนนเต็ม 10 คะแนน คาช้แี จง ใหน้ ักเรียนเลอื กคาตอบท่ีถูกตอ้ งที่สดุ แลว้ ทาเครื่องหมาย X ลงในกระดาษคาตอบ 1. พระมหากษตั ริย์พระองคใ์ ดได้ช่ือว่าเป็นบิดาแห่ง 4. เคร่อื งมือทใ่ี ช้วัดอณุ หภูมิ มีช่ือเรยี กตามข้อใด วทิ ยาศาสตร์ไทย ก. อัลติมิเตอร์ ก. พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจา้ อยหู่ วั ข. ไฮกรอมเิ ตอร์ ข. พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ค. บารอมเิ ตอร์ ค. พระบาทสมเด็จพระพุทธเลศิ ล้านภาลัย ง. เทอร์มอมิเตอร์ ง. พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ ัว 5. วันวิทยาศาสตรไ์ ทยของทุกปีตรงกับวนั ใด 2. ขอ้ ใดเปน็ ลักษณะสาคญั ของนกั วิทยาศาสตร์ ก. 18 กนั ยายน ก. ช่างสงั เกต ข. 18 สิงหาคม ข. มคี วามเป็นเหตุผล ค. 18 ตลุ าคม ค. มีความคดิ รเิ ร่มิ ง. 18 พฤศจิกายน ง. ถกู ทุกข้อ 6. เม่ือดวงจนั ทร์บังดวงอาทิตย์ ทาใหค้ นบนโลก 3. เมื่อกล่าวถึง “วทิ ยาศาสตร์” จะมีลกั ษณะตาม เห็นดวงอาทติ ย์มืด เปน็ ปรากฏการณ์ใด ข้อใด ก. สุรยิ ปุ ราคา ก. ความรู้ของโลกธรรมชาติ ข. จนั ทรปุ ราคา ข. ราหูอมจันทร์ ค. เรอื นกระจก ค. การสัมภาษณ์ ง. ผดิ ทุกข้อท่ีกล่าวมา ง. การเลา่ ต่อกนั มา
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สาหรบั นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 2 22 เล่มที่ 1 วทิ ยาศาสตรข์ บั เคลอ่ื นโลก แบบทดสอบหลงั เรียน 7. นักวทิ ยาศาสตรค์ นใดผลิตกล้องโทรทรรศน์ 9. กล้องชนดิ ใดใชส้ ่องดูดวงดาวบนท้องฟา้ ก. เซอร์ ไอแซก นวิ ตนั ก. กลอ้ งสอ่ งทางไกล ข. มาดาม มารี คูรี ข. กล้องโทรทรรศน์ ค. กาลเิ ลโอ ค. กลอ้ งจลุ ทรรศน์ ง. ทอมสั แอลวา เอดิสัน ง. ถกู ทั้งข้อ ข และ ค 8. เพราะเหตุใดจงึ ควรตัดใบบางส่วนออกเม่ือ 10. เซอร์ ไอแซก นิวตนั คน้ พบส่งิ ใด ต้องการย้ายตน้ ไม้ไปปลูกในที่ใหม่ ก. ธาตุเรเดียม ก. เพ่ือลดการคายน้า ข. โทรศพั ท์ ข. เพอื่ ลดนา้ หนักของต้นไม้ ค. แรงโนม้ ถ่วงของโลก ค. เพอ่ื ลดการสังเคราะห์ดว้ ยแสง ง. ถูกทุกข้อ ง. เพ่ือกระตุ้นให้พชื สรา้ งอาหารมากข้ึน
ชุดกิจกรรมการเรยี นรูโ้ ครงงานวิทยาศาสตร์ สาหรบั นักเรยี นช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 2 23 เลม่ ที่ 1 วิทยาศาสตรข์ ับเคลอื่ นโลก บรรณานุกรม กรมวิชาการ. (2545). ค่มู อื การจดั การเรียนรู้กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ องคก์ ารรบั ส่งสินค้าและพสั ด.ุ ชาตรี เกิดธรรม. (2547). เทคนิคการสอนแบบโครงงาน. กรุงเทพฯ : สวุ ีริยาสาสน์ . .( 2547). แนวคดิ โครงงานวิทยาศาสตร.์ กรุงเทพฯ : เบน็ พับลิชชิง. ประดษิ ฐ์ เหล่าเนตร์. (2552). คิดโครงงานวทิ ยาศาสตร์. กรงุ เทพฯ : เบ็นภาษาและศิลปะ. ภิญญดาอยูส่ าราญ. (2548). โครงงานวิทยาศาสตร์.กรุงเทพฯ : เจรญิ รงุ่ เรอื งการพิมพ.์ พรเทพ จันทราอุกฤษฎ์.(2547). โครงงานวทิ ยาศาสตร์.[ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก : http://pioneer.netserv.chula.ac.th/~cpornth1/Web_SciProject/index.html สมพงษ์ จนั ทรโ์ พธิศ์ รี. (2537). โครงงานวิทยาศาสตรร์ ะดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น. กรงุ เทพฯ : เจ้าพระยา ระบบการพมิ พ์จากัด. สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2546). คู่มือวัดผล ประเมินผลวิทยาศาสตร.์ กรงุ เทพฯ : องค์การคา้ ครุ สุ ภาลาดพรา้ ว. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2557). คู่มือครรู ายวิชาเพ่ิมเติม วทิ ยาศาสตร์ สนกุ กบั โครงงานวทิ ยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศึกษาตอนตน้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพรา้ ว. สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ. (2557). หนังสือเรยี นรายวิชา เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ สนุกกับโครงงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศกึ ษาตอนต้น กล่มุ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพรา้ ว.
ชดุ กิจกรรมการเรยี นรโู้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สาหรบั นักเรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 24 เลม่ ที่ 1 วทิ ยาศาสตรข์ ับเคลื่อนโลก
Search
Read the Text Version
- 1 - 31
Pages: