ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ชดุ ท่ี 6 การลงมอื ทำโครงงานวิทยาศาสตร์ 1
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรูโ้ ครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 2 ชดุ ที่ 6 การลงมือทำโครงงานวิทยาศาสตร์ ก ชุดกิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ได้จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็น สื่อประกอบการเรียนการสอน โดยมีเนื้อหาและกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย สอดคล้องตามหลักสูตร การศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐานพทุ ธศักราช 2551 ทเ่ี นน้ ผู้เรยี นเป็นสำคญั โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์การสืบเสาะหา ความรู้ การสำรวจตรวจสอบการสืบค้นข้อมูลและการอภิปรายเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจสามารถส่ือสารส่ิงที่ เรียนรู้มีความสามารถในการตัดสินใจและมีจิตวิทยาศาสตร์ ซ่ึงจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดความรู้และพัฒนาทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยให้ครูผู้สอนสามารถนำไปใช้เป็นแบบอย่างหรือ แนวทางในการจดั การเรียนการสอนให้สอดคล้องกบั จดุ มงุ่ หมายสำคัญของหลักสตู รอกี ดว้ ย ชุดกิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 นี้จะต้องใช้ร่วมกับ แผนการจัดการเรยี นรู้ วิชา โครงงานวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว 22201 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และคู่มือ การใชช้ ดุ กิจกรรมการเรยี นรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรับนกั เรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 ท่ีผสู้ อนไดจ้ ัดทำขึน้ การจัดทำชุดกิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่มนี้ เสร็จ สมบูรณ์ได้เพราะได้รับความอนุเคราะห์จากผู้เช่ียวชาญหลายท่านที่ได้ให้คำแนะนำปรึกษา จึงขอขอบพระคุณไว้ ณ โอกาสน้ี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าชุดกิจกรรมเล่มน้ี จะช่วยพัฒนานักเรียนโรงเรียนพรมเทพพิทยาคมให้เป็น บุคคลแหง่ การเรียนรู้ สามารถเป็นผูเ้ รยี นร้ไู ด้ตลอดชวี ิตตามเจตนารมณท์ ต่ี ั้งไว้ วสินทรา ไพรสนิ ธุ์
ชุดกิจกรรมการเรยี นรูโ้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นักเรียนชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 ชดุ ที่ 6 การลงมอื ทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ข เรื่อง หน้า คำนำ ก สารบญั ข คำชแี้ จง ค คำแนะนำสำหรบั ครู ง คำแนะนำสำหรบั นักเรยี น จ ข้ันตอนการใชช้ ุดกจิ กรรมการเรยี นรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ ฉ สาระสำคัญ 1 จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 2 กระดาษคำตอบ 3 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 4 ใบกจิ กรรม 6.1 การจดั กระทำข้อมลู 6 ใบกิจกรรม 6.2 รายงานปัญหาและอปุ สรรคการทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 12 ใบกจิ กรรม 6.3 การวเิ คราะหข์ ้อมลู และสรปุ ผลการทำโครงงาน 13 ใบความรู้ เรียนรู้การจัดกระทำข้อมูล 16 คำถามชวนคิดชวนทำ 22 แบบทดสอบหลงั เรยี น 23 เกณฑ์การประเมนิ 25 บรรณานุกรม 39
ชุดกิจกรรมการเรยี นรโู้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรับนกั เรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ชุดท่ี 6 การลงมอื ทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ค ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 2 เนอื้ หาจัดแบ่งออกเป็น 7 ชุด ดงั นี้ ชดุ ที่ 1 วทิ ยาศาสตร์ขบั เคลื่อนโลก ชดุ ท่ี 2 นักวทิ ยาศาสตร์น้อย ชุดที่ 3 เรมิ่ ต้นทำโครงงานอยา่ งไร ชดุ ท่ี 4 การวางแผนและออกแบบโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ชดุ ที่ 5 การเขียนเคา้ โครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ ชดุ ท่ี 6 การลงมอื ทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ชดุ ที่ 7 การเขยี นรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์และการนำเสนอ ซ่งึ เล่มน้ีเป็นชุดกจิ กรรมการเรียนรโู้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ ชดุ ท่ี 6 การลงมือทำโครงงานวิทยาศาสตร์ ใช้เวลาในการเรียนการสอน 10 ช่ัวโมง ในการนำชุดกิจกรรมน้ีไปใช้ ผู้สอนควรมีการศึกษาคู่มือการใช้ชุด กิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2 โดยละเอียด เพื่อให้การจัด กิจกรรมการเรียนการสอนบรรลุตามจุดประสงค์ของหลักสูตร ซ่ึงกระบวนการจัดการเรียนรู้เน้นการปฏิบัติ กิจกรรมต่างๆด้วยตนเอง โดยครูผู้สอนเป็นผู้ให้การช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติกิจกรรม และประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรยี น หวังเป็นอย่างยิ่งว่าชุดกิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์เล่มนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการ พัฒนาการเรียนรขู้ องผู้เรยี น และครูสามารถนำมาใช้ในการพฒั นาการเรยี นการสอนไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ วสนิ ทรา ไพรสินธุ์
ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 ชดุ ท่ี 6 การลงมือทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ง การใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2 ชุดท่ี 6 เร่ือง การลงมือทำ โครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับกิจกรรมการเรียนการสอนรายวิชาโครงงานวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว 22201 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 ผู้สอนมีบทบาทสำคญั ดงั นี้ 1. เตรยี มเอกสารทร่ี ะบุไว้ในแผนการจดั การเรยี นรูต้ ามลำดบั 2. ศกึ ษารายละเอยี ดของชุดกจิ กรมการเรียนรู้ 3. ทดลองใช้สื่ออุปกรณ์การสอน เพื่อตรวจสอบว่าใช้งานได้จริง และแก้ไขเมื่อส่ืออุปกรณ์การสอน เกดิ การชำรุดเสยี หาย 4. ทำการวิเคราะห์นักเรียนโดยแบ่งเป็น เก่ง ปานกลาง ออ่ น แล้วแบง่ นักเรยี นออกเป็นกลุ่ม กลุ่ม ละ 4-5 คน และแบ่งหน้าท่ีดังน้ี 4.1 ประธาน ดแู ลและควบคมุ การทำงานของกลมุ่ ให้เป็นไปตามกำหนดเวลา 4.2 รองประธาน ทำหน้าทเี่ ป็นผ้ชู ่วยประธานและดูแลกลุ่มแทนเมือ่ ประธานไมอ่ ยู่ 4.3 เลขานุการ บนั ทกึ ข้อมลู ปญั หา ความคดิ เห็น ข้อเสนอแนะของสมาชกิ ภายในกลุ่ม 4.4 สมาชิก ให้ความร่วมมือทำกิจกรรมต่างๆ ของกลุ่ม ให้บรรลุจุดประสงค์ เสนอความคิดเห็น จากข้อมูลทไี่ ด้ทำการศึกษาทดลอง 5. ครชู แี้ จงการเรียนท่ีนักเรยี นตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามคำสงั่ ในชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ 6. ช้ีแจงกจิ กรรมการเรยี นใหน้ ักเรยี นทราบ 7. ดำเนินการสอนตามแผนการจดั การเรียนรู้ 8. ให้คำแนะนำและเป็นทป่ี รกึ ษาในขณะที่นักเรียนทำกิจกรรม 9. สังเกตการทำกจิ กรรมของนกั เรยี นและการสรปุ บทเรียน 10. ตรวจแบบทดสอบย่อยแต่ละชุด แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนและบนั ทึกผลการประเมิน พฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ และพฤติกรรมระหวา่ งเรยี นของนักเรยี น
ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรับนกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 ชดุ ที่ 6 การลงมอื ทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ จ 1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ชุดท่ี 6 การลงมือทำ โครงงานวิทยาศาสตร์ เล่มนี้ จัดทำขึ้นเพ่ือให้นักเรียนใช้ประกอบการเรียนรู้ในวิชาโครงงานวิทยาศาสตร์ รหัส ว 22201 ซง่ึ นักเรียนจะไดศ้ ึกษาเพิม่ เตมิ ด้วยตนเอง 2. ในแต่ละหน้าของแต่ละชุดกิจกรรมจะมีเนื้อหาสาระ คำแนะนำหรือคำอธิบาย พร้อมทั้งคำถาม ให้ นักเรยี นได้ศึกษาและฝกึ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ความรู้ความเขา้ ใจ ตลอดจนทักษะในการนำไปใช้ แก้ปญั หา 3. ให้นกั เรียนอา่ นคำชีแ้ จงการใชช้ ดุ กจิ กรรมการเรียนรใู้ ห้เขา้ ใจ 4. ก่อนศกึ ษา ทำแบบทดสอบก่อนเรยี น จำนวน 10 ขอ้ เพอ่ื วดั ความรู้พนื้ ฐาน 5. ศึกษาจดุ ประสงค์ สาระสำคญั เน้อื หาในชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ 6. เรียนรู้ตามกิจกรรมท่ีครูผู้สอนจัดให้ในชุดกิจกรรม มีส่ืออุปกรณ์ในการปฏิบัติ ให้นกั เรียนปฏิบัติให้ เรยี บร้อยและครบถว้ น 7. ทำแบบทดสอบหลงั เรยี น 8. ตรวจคำตอบจากเฉลย เพ่ือเปรยี บเทยี บพฒั นาการทางการเรยี นของตนเองและจะได้ทราบถงึ พัฒนาการทางด้านความคดิ ความร้คู วามเข้าใจจากเร่ืองที่ศึกษา
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรโู้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรับนักเรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 ชุดที่ 6 การลงมอื ทำโครงงานวิทยาศาสตร์ ฉ ข้นั ตอนการใช้ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ คาชี้แจงการใช้ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ ทดสอบก่อนเรียน นาเข้าส่บู ทเรียน กิจกรรมการเรยี นรู้ สรปุ ทดสอบหลังเรียน พบครู ผา่ น ไม่ผา่ น เสริม ซอ่ ม
ชุดกจิ กรรมการเรียนรูโ้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นักเรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 ชดุ ท่ี 6 การลงมือทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 1 ชุดกิจกรรมการเรยี นรโู้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ ชดุ ท่ี 6 การลงมือทำโครงงานวิทยาศาสตร์ สาระสำคัญ การลงมือทำโครงงานวิทยาศาสตรเ์ ป็นข้นั ตอนท่ีสำคัญเพ่ือใหไ้ ด้ข้อมูลในเรือ่ งท่ตี อ้ งการศึกษา โดยควรทำ ตามข้ันตอนที่ได้วางแผนและออกแบบไว้ เม่ือนักเรียนดำเนินงานแล้วอาจพบปัญหาและอุปสรรคที่คาดไม่ถึงได้ ขอใหค้ อยแก้ไขปญั หาดังกลา่ วทีละข้ันตอน ดว้ ยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และอาจขอคำปรกึ ษาเพ่ิมเติมจากผู้ มีความรู้เฉพาะในด้านน้นั ๆ ข้อมลู ท่นี กั เรียนบันทกึ จากการทำโครงงาน เรยี กว่า “ข้อมลู ดิบ” โดยขอ้ มูลดบิ ที่ได้มานั้น อาจยงั ไม่แสดง ลักษณะท่ีสำคัญของข้อมูลท่ีติดตามศึกษาได้ชัดเจน ทำให้ไม่สามารถหาความสัมพันธ์หรือส่ือความหมายตาม จุดประสงค์ของการศึกษาได้ในทันที จึงต้องมีการจัดกระทำข้อมูล เพ่ือให้สามารถแปลความหมาย หา ความสัมพันธ์ หรือวิเคราะห์ข้อมูลท่ีได้ตามจุดประสงค์ของการศึกษา ท้ังน้ีการจัดกระทำข้อมูลดังกล่าว ต้อง สอดคลอ้ งกับจุดประสงค์ของโครงงานดว้ ย การวิเคราะห์และสรุปผลการศึกษาของโครงงานวิทยาศาสตร์เป็นขั้นตอนสำคัญ การวิเคราะห์และ สรุปผลการศึกษาจะต้องคำนึงถึงจุดประสงค์ของโครงงานวิทยาศาสตร์เป็นข้ันตอนสำคัญ การวิเคราะห์และ สรุปผลการศึกษา จะต้องศึกษาคำนึงถึงจุดประสงค์ของการศึกษาและสมมติฐาน(ถ้าม)ี และท่ีสำคัญคือการอ้างอิง ถงึ การศกึ ษาที่สอดคล้อง
ชดุ กิจกรรมการเรยี นรโู้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ชุดท่ี 6 การลงมือทำโครงงานวิทยาศาสตร์ 2 จุดประสงค์การเรยี นรู้ เมอื่ ศึกษาบทเรียนนแ้ี ลว้ นกั เรยี นควรจะสามารถ 1. ด้านความรู้ (K) 1.1 เขา้ ใจความรูพ้ นื้ ฐานเกี่ยวกับสถิตทิ ใ่ี ช้ในการจดั กระทำข้อมลู 1.2 อธิบายขนั้ ตอน พร้อมบอกปญั หาและอุปสรรคในการทำโครงงานวิทยาศาสตรไ์ ด้ 1.3 บอกและอธิบายข้อมลู ในการทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ทเ่ี ลือกทำได้ 2. ด้านทกั ษะ (P) 2.1 เลอื กสถิติทใี่ ชใ้ นการจัดกระทำข้อมลู ได้เหมาะสมกบั ข้อมลู ท่ีไดจ้ ากการทำโครงงาน 2.2 ปฏิบัติตามขน้ั ตอนหรือแผนการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ที่กำหนดไวไ้ ด้ 2.3 วเิ คราะห์และสรุปผลการทำโครงงานวิทยาศาสตรท์ ี่เลือกทำได้ 3. ด้านคุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 3.1 เหน็ ความสำคญั ของการใชส้ ถิตใิ นการจัดกระทำข้อมลู 3.2 มีความรับผดิ ชอบและให้ความรว่ มมือในการทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 3.3 มคี ่านิยมการวเิ คราะหข์ ้อมลู อยา่ งมีเหตุผลจากขอ้ มลู และหลักฐานที่มีอยู่
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรโู้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ชุดท่ี 6 การลงมอื ทำโครงงานวิทยาศาสตร์ 3 กระดาษคำตอบ ชุดท่ี 6 การลงมือทำโครงงานวิทยาศาสตร์ แบบทดสอบกอ่ นเรียน แบบทดสอบหลังเรยี น ขอ้ ก ข ค ง ข้อ ก ข ค ง 1 1 2 2 3 3 4 4 5 5 6 6 7 7 8 8 9 9 10 10 คะแนน สรุปผลการทดสอบ หลังเรยี น คะแนนหลงั เต็ม กอ่ นเรียน คะแนน 10 เรยี นคดิ เป็น ได้ 10 เต็ม ร้อยละ ได้
ชุดกิจกรรมการเรียนร้โู ครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 ชดุ ที่ 6 การลงมือทำโครงงานวิทยาศาสตร์ 4 แบบทดสอบก่อนเรยี น ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ ชุดที่ 6 การลงมือทำโครงงานวิทยาศาสตร์ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2 ข้อสอบ 10 ข้อ ใชเ้ วลา 10 นาที คะแนนเต็ม 10 คะแนน คำช้ีแจง ให้นกั เรียนเลอื กคำตอบท่ีถูกตอ้ งท่ีสดุ แลว้ ทำเครอื่ งหมาย X ลงในกระดาษคำตอบ 1. ขอ้ ใดกลา่ วถึง “ขอ้ มูลดิบ” ไดถ้ ูกตอ้ ง 4. การนำขอ้ มลู ที่ไดจ้ ากการศกึ ษามาจำแนกประเภท ข. ข้อมลู ท่ผี ่านการวเิ คราะห์แล้ว ตามลักษณะทส่ี นใจศกึ ษา และแสดงจำนวน ค. ข้อมลู ท่ีไดจ้ ากการสำรวจตรวจสอบ ขอ้ มูลในแต่ละประเภท เป็นวธิ กี ารตามขอ้ ใด ง. ขอ้ มูลท่ีเปน็ องค์ความรู้ ก. การหาค่าร้อยละ จ. ขอ้ มลู ท่ีมกี ารแจกแจงความถ่ี ข. การหาค่าเฉล่ยี ค. การแจกแจงความถี่ 2. การจดั กระทำข้อมูล มจี ุดมงุ่ หมายตามข้อใด ง. การหาคา่ พสิ ยั ก. เพือ่ รวบรวมข้อมลู ท่ีไดจ้ ากการศกึ ษา 5. การหาค่ารอ้ ยละของขอ้ มูล มีประโยชน์อย่างไร ข. เพอื่ ใช้ในการอ้างอิงทม่ี าของข้อมูล ก. เปน็ การแสดงจำนวนข้อมูลในแตล่ ะ ค. เพอ่ื ส่ือความหมายตามจดุ ประสงค์ ประเภท ง. เพอ่ื ใช้ในการนำเสนอโครงงาน ข. สามารถใช้บอกความสัมพันธ์ของขอ้ มลู ได้ ค. เปน็ การแสดงการเปลยี่ นแปลงของขอ้ มลู 3. การจัดกระทำข้อมลู สามารถทำได้ด้วยวธิ ีใด ง. สามารถเปรียบเทียบขอ้ มูลได้ชดั เจน ก. หาความถ่ี ข. จดั ลำดบั ค. คำนวณใหม่ ง. ถกู ทุกข้อ
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรโู้ ครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ชุดท่ี 6 การลงมอื ทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 5 แบบทดสอบก่อนเรียน 6. การวดั การกระจายของข้อมูลที่ไดจ้ ากการสำรวจ 9. ข้อมูลในขอ้ ใด ไมไ่ ด้ มีการจัดกระทำข้อมูล ตรวจสอบ โดยการหาผลต่างของข้อมูลสงู สดุ และ ก. ความสงู เฉลีย่ ของนกั เรียนชั้น ม.1 คอื ตำ่ สุด เปน็ วธิ ีการตามข้อใด 158 เซนตเิ มตร ข. นกั เรียนชอบดอกไม้สแี ดงมากกว่าดอกไม้ ก. พิสยั สเี หลอื ง ข. ความถ่ี ค. ในสวนมีดอกไม้ 3 สี ได้แก่ สีเหลอื ง สี ค. ร้อยละ ขาว และสแี ดง ง. ค่าเฉลย่ี ง. มีดอกไม้สีชมพบู ริเวณสวนหน้าโรงเรียน 7. เมื่อรวบรวมข้อมูลมาได้แลว้ เหตใุ ดเราจึงต้องหา รอ้ ยละ 30 คา่ เฉล่ยี ของข้อมูล ก. เพอ่ื ทำการเปรียบเทียบข้อมลู 10. ในการประดิษฐเ์ ครื่องช่ัง มกี ารนำวตั ถุมาช่ัง ข. เพื่อแปลความหมายของข้อมูล จำนวน 3 ครัง้ เพือ่ ทดสอบว่าเครื่องชง่ั มีความ ค. เพอ่ื ใหท้ ราบจำนวนข้อมลู ในแตล่ ะ เที่ยงตรงหรือไม่ จากสถานการณ์ดงั กลา่ ว การ ทดสอบ ควรใชส้ ถิตติ ามข้อใด ประเภท ก. ค่าเฉลย่ี ง. เพือ่ หาตัวแทนของข้อมูลท่ีน่าเช่อื ถอื ข. คา่ พิสยั 8. หากต้องการศึกษาความสัมพนั ธร์ ะหวา่ ง ความ ค. ค่ารอ้ ยละ สงู ของตน้ ไม้ กับ ปริมาณนำ้ ท่ใี ช้รดต้นไม้ ควรใช้ ง. ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน การนำเสนอในรปู แบบใดทีท่ ำใหเ้ ห็นผลชัดเจน ทส่ี ดุ ก. ตาราง ข. กราฟ ค. แผนภาพ ง. สมการ
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรโู้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 ชดุ ท่ี 6 การลงมือทำโครงงานวิทยาศาสตร์ 6 การจดั กระทำข้อมลู ใบกจิ กรรม 6.1 จุดประสงค์ เมือ่ ทำกจิ กรรมนีแ้ ลว้ นกั เรียนควรจะสามารถจัดกระทำข้อมูลเบ้ืองต้นทีไ่ ดจ้ ากการทำโครงงาน วิทยาศาสตร์ ตอนท่ี 1 ขอ้ มูลดอกไม้บรเิ วณสวนหนา้ โรงเรยี น และสวนหลังโรงเรียนมดี ังนี้ บรเิ วณสวนหนา้ โรงเรยี น ดอกไมส้ ีแดง 15 ตน้ ดอกไม้สีขาว 8 ต้น ดอกไม้สเี หลอื ง 5 ต้น ดอกไมส้ ีชมพู 12 ต้น บริเวณสวนหลังโรงเรียน ดอกไมส้ เี หลือง 20 ตัน ดอกไม้สขี าว 18 ต้น ดอกไม้สชี มพู 12 ตน้ ดอกไม้สแี ดง 20 ตน้ จงตอบคำถามต่อไปนี้ - ดอกไมใ้ นบรเิ วณใดมจี ำนวนมากกว่า ………………………………………………………………………………………………………………………………………… - บริเวณสวนหลังโรงเรยี นมีจำนวนตน้ ของดอกไมส้ ใี ดมากทส่ี ดุ ............................................................................................................................. ................................ - ดอกไม้สแี ดงบรเิ วณสวนหนา้ โรงเรยี นและบริเวณสวนหลังโรงเรยี นมจี ำนวนแตกต่างกนั กต่ี น้ ............................................................................................................................. .................................
ชุดกจิ กรรมการเรียนรูโ้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 ชดุ ท่ี 6 การลงมือทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 7 ตอนที่ 2 ตาราง จำนวนต้นไม้จำแนกตามสีของดอกไม้ ในการสำรวจบรเิ วณสวนหน้าโรงเรยี นและสวนหลงั โรงเรยี น สขี องดอกไม้ จำนวนตน้ ทีพ่ บดอกไม้ (ต้น) สวนหน้าโรงเรียน สวนหลังโรงเรียน สีชมพู สเี หลอื ง 12 12 สแี ดง 5 20 สขี าว 15 20 8 18 รวม 40 70 1. จากตาราง บริเวณสวนหลังโรงเรยี นมีจำนวนตน้ ของดอกไมส้ ใี ดมากท่ีสดุ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. หากตอ้ งการใหบ้ ริเวณสวนหนา้ โรงเรยี นมจี ำนวนต้นของดอกไม้แตล่ ะสีเท่าๆกันควรทำอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ชุดกจิ กรรมการเรยี นร้โู ครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนกั เรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ชุดที่ 6 การลงมือทำโครงงานวิทยาศาสตร์ 8 ตาราง ร้อยละของจำนวนต้นท่ีพบดอกไม้จำแนกตามสี ในการสำรวจบริเวณสวนหน้าโรงเรียนและสวน หลังโรงเรยี น สขี องดอกไม้ จำนวนตน้ ทพ่ี บดอกไม้ (ต้น) สวนหน้าโรงเรียน สวนหลงั โรงเรยี น สชี มพู สเี หลือง 30.00 17.14 สีแดง 12.50 28.57 สขี าว 100.00 100.00 รวม 3. จำนวนต้นของดอกไม้สใี ด ในบริเวณสวนหนา้ โรงเรยี นมีสัดส่วนร้อยละมากท่ีสุด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ระหว่างสวนหน้าโรงเรียน และสวนหลังโรงเรียน บริเวณใดมีจำนวนต้นดอกไม้สีแดงมากกว่า กนั และบริเวณใดมสี ัดสว่ นร้อยละของดอกไม้สีแดงมากกวา่ กัน ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. ถ้าจากการสำรวจความพึงพอใจของเพื่อนนักเรียนในโรงเรียนพบว่า เพื่อนส่วนมากชอบ ภาพรวมของสีดอกไมบ้ รเิ วณสวนหน้าโรงเรียนมากกว่าสวนหลังโรงเรยี น นักเรยี นจะมีแนวทางใน การแนะนำการปลกู ดอกไม้บริเวณสวนหลงั โรงเรียนอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรับนกั เรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 ชดุ ท่ี 6 การลงมอื ทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 9 ตารางมวลทีอ่ า่ นไดจ้ ากเคร่ืองช่งั ประดษิ ฐ์ แต่ละคร้งั และคา่ เฉลยี่ มวล มวลของ มวลทอ่ี า่ นได้จากเคร่อื งช่งั ค่าเฉลยี่ มวล วัตถุ ประดิษฐ์ (กโิ ลกรัม) (กิโลกรมั ) (กิโลกรัม) คร้งั ท่ี 1 ครั้งที่ 2 ครงั้ ท3ี่ 0.90 1 0.8 1.0 0.9 2 1.8 1.8 2.0 3 2.7 2.9 3.0 4 3.6 3.6 3.9 5 4.9 4.7 4.5 6. ในการชั่งวัตถทุ ม่ี ีมวล 1 กโิ ลกรมั ทัง้ สามครั้งไดค้ า่ เท่ากันหรือไม่อยา่ งไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 7. จากข้อมลู ในข้อที่ผา่ นมา ถา้ ตอ้ งการหาตัวแทนของข้อมูลดงั กล่าวควรทำอย่างไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 8. การหาตัวแทนขอ้ มลู โดยใช้คา่ เฉลย่ี เพื่อให้ไดค้ า่ ทน่ี า่ เชอ่ื ถือมากทส่ี ุดควรทำอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ชดุ ท่ี 6 การลงมือทำโครงงานวิทยาศาสตร์ 10 ตารางมวลท่ีอ่านไดจ้ ากเคร่อื งชั่งประดิษฐ์และพสิ ยั ของมวล มวลของ มวลท่ีอา่ นได้จากเคร่อื งชั่ง พิสยั วัตถุ ประดิษฐ์ (กโิ ลกรัม) (กิโลกรัม) (กิโลกรัม) ครง้ั ที่ 1 คร้ังท่ี 2 ครั้งท3ี่ 0.2 1 0.8 1.0 0.9 2 1.8 1.8 2.0 3 2.7 2.9 3.0 4 3.6 3.6 3.9 5 4.9 4.7 4.5 9. ในการทดสอบเคร่ืองชง่ั ประดิษฐ์ มวลของวตั ถุเท่าไหร่ เม่อื นำมาชงั่ โดยใช้เครื่องชง่ั ประดษิ ฐ์พบการกระจายของข้อมูลมากท่สี ุด และมวลของวัตถุเทา่ ไหรพ่ บการกระจายของข้อมูล น้อยที่สดุ ตามลำดบั …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… 10. จากตารางขอ้ มลู พิสยั มีแนวโน้มเป็นอย่างไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรโู้ ครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ชดุ ท่ี 6 การลงมือทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 11 กราฟแสดงความสัมพันธร์ ะหว่างมวลของวตั ถุทีน่ ำมาช่ังและพสิ ัยของมวลที่ชง่ั ได้ พิสยั (กิโลกรัม) 1 0.9 0.8 0.7 0.6 0.5 0.4 0.3 0.2 0.1 0 0 2 4 6 8 10 12 มวลวตั ถ(ุ กิโลกรัม) 11. จากกราฟ นักเรยี นสามารถสรปุ ไดว้ ่าอย่างไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………............ …………………………………………………………………………………………………………………………………………… 12. ถ้าเปง้ นำมวล 8 กิโลกรัมมาชัง่ นกั เรียนทำนายวา่ พสิ ยั จะเปน็ อย่างไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 ชุดที่ 6 การลงมอื ทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 12 รายงานปญั หาและอุปสรรค ใบกจิ กรรม การทำโครงงานวิทยาศาสตร์ 6.2 ใหน้ ักเรยี นระบปุ ัญหาและอุปสรรคท่เี กดิ ข้นึ ระหว่างการทำโครงงาน แลว้ หาแนวทางแก้ไข ลำดบั ปัญหาและอปุ สรรค แนวทางการแก้ไข ผูร้ ับผิดชอบ
ชุดกิจกรรมการเรยี นรโู้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นักเรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2 ชุดท่ี 6 การลงมอื ทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 13 การวิเคราะหข์ ้อมลู ใบกจิ กรรม และสรุปผลการทำโครงงาน 6.3 1. จากการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ของนกั เรยี น ได้ผลการทดลอง/สำรวจ/ประดษิ ฐอ์ ย่างไร ............................................................................................................................. .......................................... ....................................................................................................................................................................... .............................................................................................................. ......................................................... 2. ผลการศึกษาตรงตามสมมติฐานที่ตั้งไว้หรือไม่อย่างไร และนักเรียนคิดว่าเพราะเหตุใดจึงเป็น เชน่ น้นั ............................................................................................................................. .......................................... ............................................................................................................................. .......................................... ....................................................................................................................................................................... 3. หากโครงงานของนักเรียนเป็นโครงงานประเภททดลอง ผลการทดลองในชุดทดลอง เม่ือเปรียบเทียบ กับชุดควบคมุ เปน็ อย่างไร ............................................................................................................................. ........................................ ........................................................................................... .......................................................................... ............................................................................................................... ...................................................... 4. หากโครงงานของนักเรียนเป็นโครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์ การทำงานของส่ิงประดิษฐ์ของ นกั เรียนเป็นอยา่ งไร ............................................................................................................................. .......................................... ............................................................................................................................. .......................................... .......................................................................................................................................................................
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนกั เรยี นช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 2 ชุดที่ 6 การลงมือทำโครงงานวิทยาศาสตร์ 14 5. หากโครงงานของนักเรียนเป็นโครงงานประเภทสำรวจ ผลการสำรวจของนักเรียนได้ข้อมูลท่ี น่าสนใจอย่างไรบา้ ง ............................................................................................................................. .......................................... ......................................................................................... .......................................................... .................... 6. มีการศึกษาท่ีสนับสนุนหรือคดั ค้านผลการศกึ ษาของนักเรียนหรือไม่ อย่างไร ........................................................................................................ ............................................................... ............................................................................................................................. .......................................... 7. จากการเกบ็ รวบรวมข้อมูลนักเรยี นพบข้อมูลทผี่ ิดปกติหรือไม่ อย่างไร นกั เรียนคดิ วา่ มาจากสาเหตใุ ด ............................................................................................................................. .......................................... ......................................................................................... .......................................................... .................. 8. ผลการศกึ ษาของนกั เรียนบรรลุตามจดุ ประสงคท์ ี่ได้ต้ังไว้หรอื ไม่ อยา่ งไร ............................................................................................................................. .......................................... ......................................................................................... .......................................................... .................... 9. นักเรยี นสามารถสรปุ ผลการศึกษาโครงงานของนักเรยี นได้วา่ อย่างไร ............................................................................................................................. .......................................... ......................................................................................... .............................................................................. .............................................................................................................. .........................................................
ชุดกิจกรรมการเรียนร้โู ครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 ชุดที่ 6 การลงมือทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 15 10. ผลจากการทำโครงงานวิทยาศาสตร์นำไปใช้ประโยชนไ์ ดอ้ ย่างไรบ้าง ............................................................................................................................. .......................................... ......................................................................................... .............................................................................. 11. จากการทำโครงงานของนักเรียน มีปัญหา อุปสรรค ข้อผิดพลาด หรือเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง อะไรบา้ ง และมีวธิ ีแก้ไขอยา่ งไร ............................................................................................................................. .......................................... ......................................................................................... .............................................................................. .............................................................................................................. ......................................................... 12. นักเรียนมขี อ้ เสนอแนะสำหรบั การศึกษาคร้ังตอ่ ไปอยา่ งไรบ้าง ............................................................................................................................. .......................................... ................................................................................................................................................................... .... .............................................................................................................. .........................................................
ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรบั นักเรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 ชุดที่ 6 การลงมือทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 16 ข้อมูลทบ่ี ันทกึ ได้จากการทำโครงงาน เรียกว่า “ขอ้ มูลดิบ” โดยท่ัวไปข้อมลู ดิบท่ไี ดม้ านั้น อาจยงั ไม่ แสดงลักษณะที่สำคัญของข้อมูลที่ติดตามศึกษาได้ชัดเจน ทำให้ไม่สามารถหาความสัมพันธ์หรือส่ือ ความหมายตามจุดประสงค์ของการศึกษาได้ในทันที จึงต้องมีการจัดกระทำข้อมูล เพื่อให้สามารถแปล ความหมาย หาความสัมพันธ์ หรือวิเคราะห์ข้อมูลท่ีได้ตามจุดประสงค์ของการศึกษา ท้ังนี้การจัดกระทำ ขอ้ มูลดงั กลา่ ว ตอ้ งสอดคล้องกบั จดุ ประสงค์ของโครงงานด้วย คำว่า ข้อมูลหรือ DATA หมายถึง ข้อความหรือสัญลักษณ์ที่ใช้แทนสิ่งใดสิ่งหน่ึงอย่างมีความหมาย อาทิ ตัวเลข รูปภาพ ตัวอักษรคำ แผนภูมิที่ใช้แทนความคิด ส่ิงของ เงื่อนไข หรือเหตุการณ์ต่างๆ เป็นต้น สามารถจำแนกข้อมูลตามลักษณะข้อมูลได้เป็น ข้อมูลเชิงปริมาณ (Quantitative data) และ ข้อมูลเชิง คุณภาพ (Qualitative data) การจัดกระทำ หรือ processing หมายถึง การดำเนินงานอย่างมีระบบ ตามลำดับข้ันท่ีมีความมุ่งหมาย ดังน้ัน การจัดกระทำข้อมูล หรือ data processing จึงเป็นวิธีดำเนินงาน อย่างมีระบบ ตามลำดับขนั้ กบั ขอ้ มูลต่างๆ เพ่อื ให้บรรลุผลสำเรจ็ ตามความมุ่งหมาย หรอื กล่าวอีกนัยหน่ึงว่า การจัดกระทำข้อมูล เป็นวิธีการรวบรวมหรือจัดกระทำกับข้อเท็จจริงต่างๆ ตามลำดับข้ัน ให้เกิดมี ความหมายมากยงิ่ ขึน้ เพือ่ นำผลไปใช้ในการตัดสินใจ หรือใชใ้ นการดำเนินงาน อาจกล่าวได้ว่า การจัดกระทำข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูล เป็นการเลือกสรรข้อมูล จัดประเภท ข้อมูลหรือจัดหมวดหมู่ของข้อมูล เพื่อให้สะดวกต่อการท่ีจะนำไปวิเคราะห์ในอันท่ีจะนำไปตรวจสอบ สมมติฐานตลอดจน พิจารณาเลือกใช้สถิติที่จะวิเคราะห์ให้เหมาะสมกับลักษณะของข้อมูล เม่ือวิเคราะห์ ข้อมูลแล้วก็คิดหาวิธีการนำเสนอค่าสถิติท่ีได้ว่าควรจัดเสนอ แบบใดจึงจะเหมาะสม และมีความหมายมาก ทส่ี ดุ เพอ่ื ประโยชน์ในการเขียนรายงานโครงงานวทิ ยาศาสตร์
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรับนกั เรยี นช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 2 ชดุ ที่ 6 การลงมอื ทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 17 ขั้นตอนการจัดกระทำและการสื่อความหมายของหมายข้อมูล 1. เลือกรปู แบบในการจดั ทำนำเสนอใหเ้ หมาะสมกับข้อมูล 2. จัดกระทำข้อมลู ตามรูปแบบท่ีได้เลอื กไว้ โดยอาจทำได้ดงั นี้ 2.1 จดั เรยี งลำดับใหม่ 2.2 หาความถีเ่ มื่อมีข้อมลู ซำ้ 2.3 แยกหมวดหมู่หรือประเภท 2.4 คำนวณหาคา่ ใหม่ 2.5 บรรยายลกั ษณะส่ิงใดสิ่งหนึง่ หรอื สถานท่ดี ้วยข้อความกะทัดรัดเหมาะสมจนส่ือความหมายให้ ผู้อน่ื เข้าใจได้ สถติ ิทใ่ี ช้ในการจดั กระทำข้อมลู 1. การแจกแจงความถี่ เป็นการนำข้อมูลท่ีได้จากการศึกษามาจำแนกประเภทตามลักษณะท่ีสนใจ ศกึ ษา และแสดงจำนวนขอ้ มลู ในแตล่ ะประเภท การแจกแจงความถีท่ ำใหท้ ราบจำนวนข้อมูลในแต่ละประเภท ทีส่ นใจศึกษา และสามารถเปรยี บเทียบจำนวนขอ้ มลู ในแต่ละประเภทได้ ตัวอย่าง การสำรวจสีของดอกไมภ้ ายในโรงเรยี น ไดข้ ้อมลู ดงั นี้ ตารางท่ี 6.1 จำนวนต้นไม้จำแนกตามสีของดอกไม้ในการสำรวจบรเิ วณสวนหนา้ โรงเรยี นและสวนหลังโรงเรียน สีของดอกไม้ จำนวนตน้ ทพ่ี บดอกไม้ สวนหน้าโรงเรียน สวนหลังโรงเรียน สีชมพู สีเหลอื ง (ตน้ ) (ต้น) สแี ดง 12 12 สขี าว 5 20 15 20 8 18
ชดุ กิจกรรมการเรียนรโู้ ครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนกั เรยี นช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 2 ชดุ ท่ี 6 การลงมือทำโครงงานวิทยาศาสตร์ 18 2. ค่าร้อยละ เปน็ การหาสดั ส่วนของข้อมลู ท่ีศกึ ษาในรูปร้อยละ การคำนวณหาค่าร้อยละของข้อมูล ทำไดโ้ ดย รอ้ ยละของขอ้ มูล = จำนวนขอ้ มูลทสี่ นใจ × 100 จำนวนขอ้ มูลทัง้ หมด การหาค่าร้อยละของข้อมูลทำให้ทราบสัดส่วนของข้อมูลที่ศึกษาได้และสามารถเปรียบเทียบข้อมูลได้ ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เน่ืองจากเป็นค่าท่ีได้จากการเปรยี บเทียบขอ้ มูลที่สนใจกับข้อมูลท้ังหมดออกมาในรูปร้อยละ จึงทำให้สามารถนำค่าร้อยละของข้อมูลท่ีศึกษาไปเปรียบเทียบกับค่าร้อยละของข้อมูลอื่น ๆ ได้ แม้จำนวน ข้อมลู ทั้งหมดทศ่ี กึ ษามจี ำนวนไม่เท่ากนั กต็ าม ตาราง 6.2 รอ้ ยละของจำนวนต้นท่ีพบดอกไมจ้ ำแนกตามสี ในการสำรวจบรเิ วณสวนหนา้ โรงเรียนและสวน หลังโรงเรียน สีของดอกไม้ รอ้ ยละของจำนวนต้นท่พี บดอกไม้ สวนหน้าโรงเรยี น สวนหลังโรงเรยี น สชี มพู สเี หลือง (ต้น) (ต้น) สีแดง 30.00 17.14 สีขาว ตวั อยา่ งการคำนวณ รอ้ ยละของดอกไม้สชี มพบู ริเวณสวนหนา้ โรงเรียน = 12×100 = 30 40 รอ้ ยละของดอกไม้สีชมพบู รเิ วณสวนหลังโรงเรียน = 12×100 = 17.14 70
ชดุ กิจกรรมการเรยี นร้โู ครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 ชุดท่ี 6 การลงมือทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 19 3. ค่าเฉล่ีย เป็นการหาตัวแทนของข้อมูลที่ได้จากการสำรวจตรวจสอบในรูปแบบของค่าเฉลี่ย การคำนวณหาค่าเฉล่ียของข้อมลู ทำได้โดยนำค่าของขอ้ มูลทุกตวั ท่ีต้องการหาค่าเฉลย่ี มาบวกกัน แล้วหารด้วย จำนวนข้อมลู ทง้ั หมด ���̅��� = ������1+������2+������3 +⋯ ������������ ������ เมือ่ ���̅��� แทน คา่ เฉลีย่ ของข้อมูล ������1 ������2 ������3….������������ แทน ค่าของข้อมลู แตล่ ะตวั ������ แทน จำนวนข้อมลู ท่นี ำมาหาค่าเฉล่ยี ในการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ อาจมกี ารทดลองซ้ำ หรือศึกษาดว้ ยกระบวนการเดียวกัน แต่บรเิ วณท่ี ศึกษาต่างกัน หรือมีข้อมูลหลายชุดท่ีได้จากการสำรวจตรวจสอบและต้องการตัวแทนของข้อมูลดังกล่าวเพื่อ นำไปสู่การวิเคราะห์ต่อไป การหาค่าเฉล่ียเป็นการหาตัวแทนของข้อมูลท่ีน่าเชื่อถือวิธีการหนึ่ง เนื่องจากเป็น ค่าท่ีไดม้ าจากข้อมูลทกุ ตวั มาหาค่าเฉล่ยี ตัวอย่าง ตาราง 6.3 มวลทอี่ ่านได้จากเครื่องชั่งประดิษฐ์ แต่ละครั้ง และค่าเฉลย่ี มวล มวลของวัตถุ มวลท่อี า่ นได้จากเครือ่ งชง่ั ประดิษฐ์ คา่ เฉลี่ยมวล (กิโลกรัม) (กิโลกรมั ) (กโิ ลกรมั ) 1 0.90 2 ครัง้ ที่ 1 คร้งั ที่ 2 คร้งั ท่ี 3 3 4 0.80 1.00 0.90 5 1.80 1.80 2.00 2.70 2.90 3.00 3.60 3.60 3.90 4.90 4.70 4.50 ตัวอย่างการคำนวณค่าเฉลีย่ คา่ เฉล่ียมวลท่ไี ดจ้ ากการชง่ั วัตถุมวล 1 กโิ ลกรัม = 0.80+1.00+0.90 = 0.90 กิโลกรัม 3
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรียนชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 2 ชดุ ที่ 6 การลงมือทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 20 4. ค่าพิสัย เป็นการวัดการกระจายของข้อมูลที่ได้จากการสำรวจตรวจสอบ ทำได้โดยหาผลต่าง ของค่าของข้อมูลสูงสุดและต่ำสุด พิสัยทำให้ทราบว่าข้อมูลที่ได้จากการสำรวจตรวจสอบมีการกระจายมาก น้อยอย่างไร หากข้อมูลมีพิสัยน้อย หรือมีการกระจายของข้อมูลน้อยจะทำให้ข้อมูลมีความน่าเชื่อถือมากข้ึน การหาพสิ ัยคำนวณไดด้ งั นี้ ตัวอยา่ ง ตาราง 6.4 มวลที่อา่ นไดจ้ ากเครอ่ื งช่ังประดษิ ฐ์และพสิ ยั มวล มวลของวตั ถุ มวลท่อี ่านได้จากเคร่อื งช่งั ประดษิ ฐ์ พสิ ยั (กิโลกรัม) (กิโลกรัม) (กโิ ลกรัม) 1 0.20 2 คร้ังท่ี 1 ครง้ั ท่ี 2 ครง้ั ท่ี 3 3 4 0.80 1.00 0.90 5 1.80 1.80 2.00 2.70 2.90 3.00 3.60 3.60 3.90 4.90 4.70 4.50 ตวั อยา่ งการคำนวณ พสิ ัยของมวลท่อี ่านได้จากเครื่องชั่งประดิษฐ์ โดยใชว้ ตั ถุมวล 1 กโิ ลกรมั = 1.00 – 0.80 = 0.20 กโิ ลกรัม
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรูโ้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 2 ชดุ ท่ี 6 การลงมือทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 21 5. กราฟเชิงเส้น เป็นการแสดงการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลที่สนใจ ทำได้โดย กำหนดให้ข้อมูลที่ เป็นตัวแปรต้นหรือส่ิงที่เป็นตัวกำหนดการเปล่ียนแปลง อยู่บนแกนนอน และข้อมูลที่เป็นตัวแปรตาม หรือส่ิง ที่เราสนใจศึกษา อย่บู นแกนตั้ง แล้วกำหนดจุดบนกราฟตามข้อมูลดังกล่าว เชน่ การศึกษาระดับความสูงของ นำ้ ทะเลในแต่ละวัน กำหนดให้ ข้อมูลวันท่ีศึกษาอยู่บนแกนนอน และข้อมูลความสูงของระดับน้ำทะเลอยู่บน แกนต้ัง หรือ การศึกษาความสูงของต้นไม้ เม่ือรดน้ำในปริมาณต่างๆ กำหนดให้ ปริมาณน้ำท่ีรดอยู่บนแกน นอน หรือความสูงของต้นไม้อยู่บนแกนต้ัง กราฟเชิงเส้น ทำให้เห็นแนวโน้ม และความสัมพันธ์ต่างๆที่มีอยู่ ระหว่างข้อมลู อีกทั้งสามารถนำไปใช้ในการพยากรณ์เก่ียวกับขอ้ มูลนัน้ ได้อกี ด้วย
ชุดกิจกรรมการเรียนรโู้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรับนกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ชุดที่ 6 การลงมือทำโครงงานวิทยาศาสตร์ 22 ตอนที่ 1 คำช้ีแจง จงระบวุ า่ ข้อมูลต่อไปนเี้ ปน็ ขอ้ มูลเชิงปรมิ าณหรือข้อมลู เชงิ คุณภาพ 1) หมายเลขโทรศัพท์ ………………………………………………….. 2) จำนวนนักท่องเที่ยวทเ่ี ดนิ ทางเข้ามาในประเทศไทย ………………………………………………….. 3) ราคาทองคำในช่วงเดอื นมีนาคม ………………………………………………….. 4) เบอรร์ องเท้าขนาดต่างๆ ………………………………………………….. 5) อณุ หภูมิสงู สุดแตล่ ะวันในเดือนเมษายน ………………………………………………….. ตอนท่ี 2 คำช้ีแจง จงระบุวา่ สถานการณด์ งั ต่อไปน้ีใช้สถติ ิใดในการจัดกระทำขอ้ มลู 1) ชว่ งคะแนนการสอบวชิ าคณิตศาสตร์ ซ่งึ มีคะแนนเตม็ 20 คะแนน โดยมีนักเรยี นเขา้ สอบทงั้ หมด 15 คน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 2) การเปรียบเทยี บรายรับรายจา่ ยของบริษทั ววิ ฒั นาการเกษตรไทย จำกัด ต้ังแต่ ปี พ.ศ. 2545 ถงึ พ.ศ. 2553 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3) การหาคะแนนทีเ่ ปน็ ตวั แทนของการสอบวิชาวทิ ยาศาสตร์ของนักเรียน 20 คน ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….... 4) คะแนนการทดสอบระดบั ชาติ ใน 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ เปรียบเทียบระหวา่ งปกี ารศึกษา 2558 และปกี ารศึกษา 2559 …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 5) การกระจายข้อมลู ของมวลทีอ่ า่ นไดจ้ ากเครอ่ื งชั่งประดิษฐ์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรับนักเรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 ชุดท่ี 6 การลงมอื ทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 23 แบบทดสอบหลังเรียน ชดุ กจิ กรรมการเรียนรูโ้ ครงงานวิทยาศาสตร์ ชุดท่ี 6 การลงมือทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 ขอ้ สอบ 10 ข้อ ใชเ้ วลา 10 นาที คะแนนเต็ม 10 คะแนน คำชี้แจง ใหน้ ักเรียนเลือกคำตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดแล้วทำเครือ่ งหมาย X ลงในกระดาษคำตอบ 1. การนำข้อมลู ท่ีไดจ้ ากการศกึ ษามาจำแนก 3. ในการประดิษฐ์เครือ่ งชั่ง มกี ารนำวัตถุมาชั่ง ประเภทตามลกั ษณะทส่ี นใจศกึ ษา และแสดง จำนวน 3 ครั้ง เพื่อทดสอบว่าเคร่ืองชง่ั มคี วาม จำนวนขอ้ มูลในแต่ละประเภท เปน็ วธิ ีการตาม เท่ียงตรงหรอื ไม่ จากสถานการณด์ งั กลา่ ว การ ขอ้ ใด ทดสอบ ควรใชส้ ถิตติ ามข้อใด ก. การหาคา่ ร้อยละ ข. การหาคา่ เฉลยี่ ก. คา่ เฉลีย่ ค. การแจกแจงความถี่ ข. ค่าพิสยั ง. การหาค่าพสิ ยั ค. ค่าร้อยละ ง. ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน 2. เมอื่ รวบรวมข้อมูลมาไดแ้ ล้ว เหตใุ ดเราจึงต้องหา คา่ เฉล่ียของข้อมูล 4. การจดั กระทำข้อมูล มจี ดุ มงุ่ หมายตามข้อใด ก. เพอื่ ทำการเปรยี บเทยี บข้อมลู ก. เพอ่ื รวบรวมข้อมลู ท่ีไดจ้ ากการศกึ ษา ข. เพื่อแปลความหมายของข้อมูล ข. เพื่อใช้ในการอ้างองิ ท่มี าของข้อมลู ค. เพ่อื ใหท้ ราบจำนวนข้อมลู ในแตล่ ะ ค. เพอื่ สื่อความหมายตามจุดประสงค์ ง. เพื่อใช้ในการนำเสนอโครงงาน ประเภท ง. เพอ่ื หาตวั แทนของข้อมูลที่น่าเช่อื ถอื
ชุดกจิ กรรมการเรียนรโู้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ชุดที่ 6 การลงมือทำโครงงานวิทยาศาสตร์ 24 แบบทดสอบหลังเรียน 5. การวดั การกระจายของข้อมลู ทีไ่ ด้จากการสำรวจ 8. การจัดกระทำขอ้ มูล สามารถทำได้ด้วยวธิ ีใด ตรวจสอบ โดยการหาผลต่างของข้อมูลสงู สดุ และ ก. หาความถ่ี ตำ่ สุด เปน็ วิธีการตามขอ้ ใด ข. จัดลำดบั ค. คำนวณใหม่ ก. พิสยั ง. ถูกทุกข้อ ข. ความถี่ ค. ร้อยละ 9. หากตอ้ งการศึกษาความสัมพนั ธร์ ะหว่าง ความ ง. คา่ เฉลี่ย สงู ของตน้ ไม้ กับ ปริมาณน้ำท่ีใช้รดตน้ ไม้ ควรใช้ การนำเสนอในรูปแบบใดทีท่ ำใหเ้ หน็ ผลชัดเจน 6. ข้อใดกลา่ วถงึ “ข้อมลู ดิบ” ได้ถูกต้อง ทสี่ ดุ ก. ตาราง ก. ข้อมูลที่ผา่ นการวเิ คราะหแ์ ล้ว ข. กราฟ ข. ข้อมูลท่ีได้จากการสำรวจตรวจสอบ ค. แผนภาพ ค. ข้อมลู ที่เป็นองค์ความรู้ ง. สมการ ง. ข้อมลู ท่ีมีการแจกแจงความถี่ 7. ข้อมูลในข้อใด ไม่ได้ มกี ารจัดกระทำข้อมูล 10. การหาคา่ รอ้ ยละของข้อมลู มปี ระโยชน์อย่างไร ก. ความสูงเฉลีย่ ของนักเรียนชนั้ ม.1 คือ ก. เปน็ การแสดงจำนวนข้อมลู ในแตล่ ะ 158 เซนตเิ มตร ประเภท ข. นกั เรยี นชอบดอกไมส้ ีแดงมากกว่า ข. สามารถใชบ้ อกความสัมพันธ์ของข้อมูลได้ ดอกไม้สีเหลือง ค. เป็นการแสดงการเปลีย่ นแปลงของขอ้ มลู ค. ในสวนมดี อกไม้ 3 สี ไดแ้ ก่ สีเหลือง สี ง. สามารถเปรียบเทยี บข้อมลู ได้ชัดเจน ขาว และสีแดง ง. มดี อกไม้สชี มพูบริเวณสวนหน้าโรงเรยี น รอ้ ยละ 30
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรโู้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรับนักเรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 2 ชุดท่ี 6 การลงมือทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 25 เกณฑก์ ารประเมิน
ชดุ กิจกรรมการเรียนร้โู ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 ชุดที่ 6 การลงมือทำโครงงานวิทยาศาสตร์ 26 เกณฑ์การประเมนิ ใบกิจกรรม 6.1 การจดั กระทำข้อมลู ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ ชุดท่ี 6 การลงมือทำโครงงานวิทยาศาสตร์ ใบกจิ กรรม 6.1 ชดุ ท่ี 6 การลงมือทำโครงงานวิทยาศาสตร์ ถกู ต้อง 1 คะแนน ไม่ถูกตอ้ ง 0 คะแนน เกณฑ์การผา่ นการประเมิน 12 คะแนนข้นึ ไป (ร้อยละ 80)
ชดุ กจิ กรรมการเรียนร้โู ครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรบั นักเรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 ชุดท่ี 6 การลงมือทำโครงงานวิทยาศาสตร์ 27 เกณฑก์ ารประเมนิ ใบกจิ กรรม 6.2 การวิเคราะหข์ ้อมลู และสรุปผลการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ ชอ่ื ……………………………………….. ช้ัน…………หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี………………กจิ กรรม………………………………. คำช้ีแจง : ใหผ้ ้ปู ระเมิน ขดี / ลงในชอ่ งทีต่ รงกับระดับคะแนน โดยให้ศึกษาเกณฑ์การให้คะแนนผลงาน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน สงิ่ ทีป่ ระเมนิ มี 1 รายการ รายการละ 3 คะแนน รวมคะแนนเต็ม 3 คะแนน สง่ิ ที่ประเมนิ 3 ระดบั คะแนน 1 เน้อื หาสาระทั้งหมด 2 เนอื้ หาสาระบางสว่ น การอธิบายปัญหา ถกู ต้องตามขอ้ เท็จจรงิ ถกู ต้องตามขอ้ เทจ็ จริง และอุปสรรคในการ และหลักวิชา เน้ือหาสาระเกือบ และหลักวชิ า ตอ้ งแกไ้ ข ทำโครงงาน ทั้งหมดถูกต้องตาม บางสว่ น วทิ ยาศาสตร์ ข้อเทจ็ จริงและหลักวชิ า เกณฑจ์ ดั ระดับคุณภาพ 3 คะแนน ระดบั ดี - คะแนน 2 คะแนน ระดบั พอใช้ - คะแนน 1 คะแนน ระดับ ตอ้ งปรับปรุง - คะแนนตำ่ กว่า เกณฑก์ ารผ่านการประเมนิ - ระดับ ดี
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 ชดุ ท่ี 6 การลงมอื ทำโครงงานวิทยาศาสตร์ 28 เกณฑ์การให้คะแนน แบบตดิ ตามความก้าวหน้าของการทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ส่ิงทีป่ ระเมนิ มี 4 รายการ รายการละ 3 คะแนน รวมคะแนนเต็ม 12 คะแนน สงิ่ ท่ปี ระเมิน 3 ระดับคะแนน 1 เนอื้ หาสาระท้ังหมด 2 เนื้อหาสาระบางส่วน 1. การสบื คน้ ขอ้ มูลและการ ถกู ต้องตามขอ้ เท็จจรงิ ถูกตอ้ งตามขอ้ เท็จจริง คน้ ควา้ เอกสารในเรือ่ งทเ่ี กย่ี วขอ้ ง และหลกั วิชา เนือ้ หาสาระเกือบ และหลกั วิชา ตอ้ งแก้ไข กับ โครงงาน ทงั้ หมดถกู ตอ้ งตาม บางส่วน ข้อเท็จจริงและหลกั วิชา 2. การปรับเปลีย่ นเคา้ โครง จากเค้าโครง สามารถ จากเคา้ โครงสามารถ จากเคา้ โครง ยังไม่ ดำเนินงานตามข้ันตอน ดำเนินงานตามขั้นตอน สามารถดำเนินงานตาม 3. การวางแผนการทดลองและทำ ได้ ไดบ้ างส่วน ขน้ั ตอนได้ การทดลองเบอื้ งตน้ เพอื่ ศึกษา แนวทางในการ แนวทางในการ แนวทางในการ ความเป็นไปได้ของโครงงาน ดำเนนิ การทีช่ ดั เจน ใช้ ดำเนินการยงั ไมช่ ัดเจน ดำเนินการไมส่ อดคล้อง สอ่ื อุปกรณก์ าร ใชส้ ่อื อปุ กรณก์ าร และไมม่ สี ือ่ อปุ กรณ์ ไมม่ ี 4. สรุปงานทที่ ำทง้ั หมดตลอด 1 อภิปรายไดอ้ ย่าง อภิปรายไมส่ อดคลอ้ ง การอภิปราย ภาคเรยี นและผลของการทดลอง เหมาะสมและนา่ สนใจ และไมน่ ่าสนใจ เบอื้ งตน้ และเตรยี มวางแผนการ ถกู ต้องและสอดคล้อง ถูกตอ้ งและสอดคลอ้ ง สามารถนำไปส่มู กี าร ทดลองทต่ี อ้ งการทำเพิม่ เตมิ การ กับวตั ถปุ ระสงค์ กบั วัตถปุ ระสงค์เปน็ ดำเนนิ การศึกษาและ วเิ คราะห์ แปลผล อภิปรายผล นำไปสูก่ ารดำเนินการ บางสว่ น นำไปสมู่ ีการ วเิ คราะหท์ เี่ ป็นไปตาม ศึกษาและวิเคราะห์ท่ี ดำเนินการศกึ ษาและ หลกั การทาง เปน็ ไปตามหลกั การ วิเคราะห์ทเ่ี ปน็ ไปตาม วทิ ยาศาสตรไ์ ด้เปน็ ทางวทิ ยาศาสตรไ์ ด้ หลักการทาง บางสว่ น วธิ กี ารทาง มีความเหมาะสมของ วทิ ยาศาสตร์ไดเ้ ป็น สถิตทิ ่ีใช้ในการวเิ คราะห์ วิธีการทางสถิตทิ ใ่ี ชใ้ น บางส่วน มีความ ยงั ไมเ่ หมาะสม การวิเคราะหข์ อ้ มลู เหมาะสมของวิธีการ ไมส่ ามารถนำไปสู่การ สามารถนำไปส่กู าร ทางสถิตทิ ีใ่ ช้ในการ สรุปเปน็ ประเด็น สรุปเป็นประเด็น วเิ คราะห์ สามารถ การศกึ ษาได้ การศึกษาได้ชดั เจน นำไปสูก่ ารสรปุ เป็น ประเดน็ การศกึ ษาได้ แต่ยงั ไม่ชดั เจน
ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 ชดุ ที่ 6 การลงมือทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 29 เกณฑ์จดั ระดับคณุ ภาพ ระดับ ดี ระดับ พอใช้ คะแนน 9 – 12 คะแนน ระดบั ต้องปรบั ปรุง คะแนน 5 – 8 คะแนน คะแนนต่ำกว่า 5 คะแนน เกณฑ์การผ่านการประเมิน - ระดบั ดี
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 ชุดท่ี 6 การลงมอื ทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 30 แบบประเมิน ใบกิจกรรม 6.3 การวิเคราะห์ข้อมูลและสรุปผลการทำโครงงาน ชื่อ……………………………………….. ชั้น…………หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี………………กจิ กรรม………………………………. คำชแี้ จง : ใหผ้ ปู้ ระเมิน ขดี / ลงในช่องทีต่ รงกับระดบั คะแนน โดยใหศ้ ึกษาเกณฑ์การใหค้ ะแนนผลงาน ประเดน็ ทป่ี ระเมิน ผ้ปู ระเมนิ 1. ตรงตามจุดประสงค์ท่ีกำหนด ตนเอง เพื่อน ครู 4 3 2 1 4 3214321 2. มีความถูกตอ้ งสมบรู ณ์และเป็น ปจั จุบัน 3. มีความคิดสรา้ งสรรค์ 4. มีความเปน็ ระเบยี บ 5. เสรจ็ เรยี บร้อยตามเวลาท่กี ำหนด รวม รวมทุกรายการ เฉล่ีย ผู้ประเมิน……………………………………………………….. (ตนเอง) ผปู้ ระเมิน……………………………………………………….. (เพือ่ น) ผู้ประเมิน……………………………………………………….. (คร)ู
ชุดกิจกรรมการเรยี นรโู้ ครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 ชุดที่ 6 การลงมอื ทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 31 เกณฑ์การประเมนิ ใบกิจกรรม 6.3 การวเิ คราะห์ขอ้ มลู และสรุปผลการทำโครงงาน ประเด็นท่ีประเมิน คะแนน 1.ผลงานตรงตาม 4 32 1 จดุ ประสงค์ที่กำหนด ผลงานสอดคลอ้ งกับ ผลงานไมส่ อดคล้อง จุดประสงคท์ ุก ผลงานสอดคลอ้ งกบั ผลงานสอดคลอ้ งกบั กับจุดประสงค์ 2.ผลงานมคี วาม ประเดน็ ถกู ต้องสมบูรณ์และ เน้อื หาสาระของ จุดประสงค์ จุดประสงคบ์ าง เนื้อหาสาระของ เป็นปัจจุบัน ผลงานถูกตอ้ ง ผลงานไม่ถกู ต้อง เปน็ ครบถ้วนเปน็ ปัจจุบนั เป็นส่วนใหญ่ ประเดน็ สว่ นใหญ่ 3.ผลงานมคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ ผลงานแสดงออกถงึ เนอ้ื หาสาระของ เนื้อหาสาระของ ผลงานไมแ่ สดงแนวคดิ ความคิดสรา้ งสรรค์ ใหม่ 4.ผลงานมคี วามเป็น แปลกใหม่และเปน็ ผลงานถกู ต้อง ผลงานถกู ต้อง ระเบยี บ ระบบ ผลงานส่วนใหญไ่ ม่เป็น ผลงานมีความเป็น ครบถ้วนเป็นส่วนใหญ่ ครบถ้วนเป็นบาง ระเบยี บและมี 5.ผลงานเสรจ็ ระเบยี บ แสดงออกถึง ข้อบกพรอ่ ง เรยี บรอ้ ยตามเวลาที่ ความประณีต ประเดน็ ส่งผลงานช้ากวา่ เวลา กำหนด ส่งผลงานตามเวลา ท่ีกำหนด 5 วนั ท่ีกำหนด ผลงานมแี นวคดิ แปลก ผลงานมคี วามน่าสนใจ ใหม่ แต่ยงั ไมเ่ ป็น แต่ยงั ไมม่ แี นวคิด ระบบ แปลกใหม่ ผลงานส่วนใหญ่มี ผลงานมคี วามเปน็ ความเป็นระเบียบแต่มี ระเบียบแต่มี ขอ้ บกพรอ่ งบางส่วน ขอ้ บกพร่องบางส่วน สง่ ผลงานชา้ กว่าเวลา สง่ ผลงานชา้ กว่าเวลา ที่กำหนด 1-2 วัน ท่กี ำหนด 3-5 วัน เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ระดับคุณภาพ คะแนน ดมี าก 17-20 ดี 13-16 9-12 ปานกลาง 5-8 ปรบั ปรุง เกณฑก์ ารผา่ นการประเมิน ระดบั ดี
ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรับนกั เรยี นชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 ชดุ ที่ 6 การลงมอื ทำโครงงานวิทยาศาสตร์ 32 เกณฑก์ ารประเมิน คำถามชวนคิดชวนทำและแบบทดสอบหลงั เรยี น ชุดกจิ กรรมการเรียนร้โู ครงงานวทิ ยาศาสตร์ ชุดที่ 6 การลงมือทำโครงงานวิทยาศาสตร์ คำถามชวนคดิ ชวนทำ ชดุ ที่ 6 การลงมือทำโครงงานวิทยาศาสตร์ ถูกตอ้ ง 1 คะแนน ไม่ถกู ตอ้ ง 0 คะแนน เกณฑ์การผ่านการประเมิน 8 คะแนนข้ึนไป (ร้อยละ 80) แบบทดสอบหลังเรียน ชุดท่ี 6 การลงมือทำโครงงานวิทยาศาสตร์ ถูกต้อง 1 คะแนน ไม่ถูกตอ้ ง 0 คะแนน เกณฑก์ ารผ่านการประเมนิ 8 คะแนนข้นึ ไป (ร้อยละ 80)
ชุดกิจกรรมการเรยี นรโู้ ครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรบั นักเรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 ชดุ ท่ี 6 การลงมอื ทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 33 แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล คำชีแ้ จง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน เลขที่ ช่อื -สกลุ ความตัง้ ใจใน ความ การตรงต่อ ความสะอาด ผลสำเร็จของ ของผู้รับการประเมิน การทำงาน รบั ผดิ ชอบ เวลา เรยี บร้อย งาน 321 321 321 321 321 ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมิน ............../.................../................
ชุดกิจกรรมการเรียนรโู้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นักเรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 ชดุ ท่ี 6 การลงมอื ทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 34 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน แบบประเมนิ พฤตกิ รรมรายบุคคล ประเด็นท่ีประเมนิ 3 คะแนน 1 ความตง้ั ใจในการทำงาน มีความต้งั ใจในการทำงานดี 2 ไมม่ ีความตั้งใจในการทำงาน ความรบั ผดิ ชอบ การตรงตอ่ เวลา ทำงานตามท่ีไดร้ ับมอบหมาย มีความตั้งใจในการทำงาน ไม่มที ำงานตามท่ไี ดร้ บั ครบถ้วน พอใช้ มอบหมาย ความสะอาดเรียบรอ้ ย ทำงานเสรจ็ ทนั เวลาท่ีกำหนด ทำงานตามท่ไี ดร้ ับมอบหมาย ทำงานไมเ่ สร็จตามเวลาที่ บางส่วน กำหนด ผลสำเรจ็ ของงาน เขยี นตวั อักษร ตวั สะกดและ ทำงานเสรจ็ ช้ากวา่ เวลาท่ี เขยี นตัวสะกดและไวยากรณ์ ไวยากรณถ์ ูกต้อง ชดั เจน อา่ น กำหนดไมเ่ กนิ 10 นาที ไมถ่ กู ตอ้ งเปน็ สว่ นมาก มี งา่ ย ไม่มรี ่องรอยการแกไ้ ข เขียนตวั อักษร ตัวสะกดและ ร่องรอยการแกไ้ ขมากกว่า 5 ไวยากรณถ์ กู ตอ้ งบางสว่ น จุด ผลงานมีความถูกต้องครบถ้วน ชดั เจน อา่ นง่าย มีร่องรอยการ ผลงานยงั ไม่ถกู ต้องและไม่ ตรงตามจุดประสงค์ แก้ไขไมเ่ กนิ 5 จุด ตรงตามจดุ ประสงค์ ผลงานมคี วามถกู ตอ้ งเป็น ส่วนมาก ตรงตามจดุ ประสงค์ เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 11 – 15 ดี 10 - 6 ตำ่ กว่า 6 พอใช้ ปรบั ปรงุ เกณฑก์ ารผา่ นการประเมนิ ระดับ ดี
ชุดกิจกรรมการเรียนร้โู ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรับนักเรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ชุดที่ 6 การลงมอื ทำโครงงานวิทยาศาสตร์ 35 แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ คำชีแ้ จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ลงในช่อง ทต่ี รงกับระดบั คะแนน ลำดับท่ี ช่อื -สกุล ความร่วมมือ การแสดง ความคิด การตั้งใจ การแกไ้ ข รวม ของผู้รบั การ กันทำกิจกรรม ความคิดเห็น สรา้ งสรรค์ ทำงาน ปญั หา/หรอื 20 ปรบั ปรุง คะแนน ประเมิน 4321 4321 ผลงานกลุ่ม 43214321 4321 ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................
ชดุ กิจกรรมการเรยี นร้โู ครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรบั นักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 ชุดที่ 6 การลงมือทำโครงงานวิทยาศาสตร์ 36 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม ประเด็นท่ปี ระเมิน คะแนน ความร่วมมือกันทำ กจิ กรรม 4 3 21 การแสดงความ ให้ความรว่ มมือในการ คิดเห็น ทำงานกลุม่ อย่างดีเยย่ี ม ใหค้ วามรว่ มมือในการ ใหค้ วามรว่ มมือในการ ไม่ใหค้ วามรว่ มมอื ใน รว่ มแสดงความคิดเหน็ ความคดิ สรา้ งสรรค์ และยอมรบั ฟงั ความ ทางานกล่มุ อย่างดี ทางานกลมุ่ พอใช้ การทางานกลมุ่ คิดเหน็ กับผอู้ ่นื อยา่ งดี การตัง้ ใจทำงาน มคี วามคิดรเิ รมิ่ ยอมรบั ฟังความ ยอมรบั ฟงั ความ ไมย่ อมรับฟังความ สรา้ งสรรคท์ ่แี ปลกใหม่ การแกไ้ ขปญั หา/ แตกตา่ งจาก คดิ เหน็ กบั ผอู้ ื่นบางครัง้ คดิ เหน็ กับผู้อน่ื น้อย คิดเห็นกบั ผอู้ ืน่ หรือปรบั ปรงุ ผลงาน แนวความคดิ เดมิ และ กลุ่ม เปน็ ประโยชน์ มีความคิดริเริม่ มคี วามคดิ รเิ ริม่ ขาดความคิดริเรมิ่ สร้างสรรค์ ทม่ี ี สร้างสรรคท์ ่ี สรา้ งสรรค์ ไม่มกี าร มีความตั้งใจในการ พน้ื ฐานจาก เปล่ยี นแปลงจาก เปล่ียนแปลงจาก ทำงานอยา่ งดีเย่ียม แนวความคดิ เดมิ และ แนวความคิดเดิม แต่ แนวความคิดเดมิ เป็นประโยชน์ ยังไม่เป็นประโยชน์ มกี ารวางแผนเพือ่ อย่างชดั เจน ไมม่ ีความตั้งใจในการ แกป้ ญั หาและปรบั ปรงุ มีความต้งั ใจในการ มีความตัง้ ใจในการ ทำงานขาดความ ผลงานใหด้ ขี น้ึ พร้อม ทำงานดี ทำงานพอใช้ รับผดิ ชอบ ตรวจสอบการแกป้ ัญหา ไมม่ ีการวางแผนเพ่อื มกี ารวางแผนเพือ่ มีการวางแผนเพ่อื แก้ปญั หาและ แกป้ ญั หา ปรบั ปรุง แกป้ ญั หา แตย่ งั ไม่ ปรับปรงุ ผลงาน ผลงานให้ดีขึน้ สามารถปรับปรงุ ผลงานใหด้ ขี ึน้ ได้ เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดมี าก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกว่า 10 ปรบั ปรงุ เกณฑก์ ารผา่ นการประเมนิ ระดับ ดี
ชุดกิจกรรมการเรียนรโู้ ครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 ชุดที่ 6 การลงมือทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 37 แบบสังเกตพฤตกิ รรมนักเรยี น ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ เลข ชื่อ – สกลุ ซ่ือสัตย์ มวี ินยั ใฝ่เรียนรู้ ม่งุ มน่ั ในการ ผลการ ท่ี ทำงาน ประเมนิ 3210321032103210 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21
ชดุ กิจกรรมการเรยี นร้โู ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 ชดุ ที่ 6 การลงมือทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 38 เกณฑ์การใหค้ ะแนนการสังเกตพฤติกรรมนักเรียน ดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ประเดน็ การสงั เกต เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 1. ซอ่ื สัตย์ 3 21 0 2. มวี ินยั ไมใ่ ห้ขอ้ มลู ท่ีถกู ต้อง ใหข้ อ้ มูลทถี่ ูกตอ้ งและเปน็ ใหข้ ้อมลู ที่ถูกต้องและเปน็ ใหข้ ้อมูลที่ถกู ต้องและ และเป็นจรงิ 3. ใฝเ่ รียนรู้ มีพฤตกิ รรมนำ จรงิ ไมน่ ำสงิ่ ของและ จรงิ ไม่นำส่งิ ของและ เปน็ จรงิ ไมน่ ำสงิ่ ของ ส่ิงของและผลงาน 4. ม่งุ ม่นั ของผู้อื่นมาเปน็ ของ ในการทำงาน ผลงานของผู้อ่ืนมาเปน็ ผลงานของผู้อื่นมาเปน็ และผลงานของผอู้ ่นื มา ตนเอง ของตนเอง ปฏบิ ัตติ นต่อ ของตนเอง ปฏิบตั ติ นตอ่ เปน็ ของตนเอง ไมป่ ฏิบตั ิตนตาม ผอู้ นื่ ด้วยความซ่ือตรง เป็น ผู้อน่ื ด้วยความซือ่ ตรง ขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับ แบบอย่างที่ดีด้านความ ของโรงเรยี น ซอื่ สัตย์ ไมต่ ้ังใจเรยี น ไม่ศกึ ษาคน้ ควา้ หา ปฏิบัติตนตามขอ้ ตกลง ปฏิบัติตนตามขอ้ ตกลง ปฏบิ ัตติ นตามขอ้ ตกลง ความรู้ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ไม่ตัง้ ใจปฏบิ ตั ิ หนา้ ท่ีการงาน ข้อบงั คบั ของโรงเรยี น ขอ้ บังคับของโรงเรยี น ข้อบงั คับของโรงเรียน และ ไมล่ ะเมดิ สทิ ธิของ ตรงตอ่ เวลาในการปฏิบตั ิ ตรงตอ่ เวลาในการ ผูอ้ ่ืน ตรงต่อเวลาในการ กจิ กรรมและรับผดิ ชอบใน ปฏบิ ตั ิกิจกรรม ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมและ การทำงาน รับผิดชอบในการทำงาน เข้าเรียนตรงเวลา ต้ังใจ เข้าเรยี นตรงเวลา ตั้งใจ เข้าเรยี นตรงเวลา ตงั้ ใจ เรียน เอาใจใสใ่ นการเรยี น เรียน เอาใจใสใ่ นการเรยี น เรียน เอาใจใสใ่ นการ และมสี ว่ นร่วมในการ และมสี ว่ นร่วมในการ เรยี น และมสี ว่ นร่วมใน เรียนรู้ และเข้ารว่ ม เรียนรู้ และเข้าร่วม การเรยี นรู้ และเข้ารว่ ม กจิ กรรมการเรียนรตู้ า่ งๆ กจิ กรรมการเรียนรตู้ า่ งๆ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ทั้งภายในและภายนอก บอ่ ยครง้ั ต่างๆ เป็นบางครง้ั โรงเรยี นเปน็ ประจำ ต้ังใจและรบั ผิดชอบในการ ต้งั ใจและรบั ผิดชอบใน ตงั้ ใจและรบั ผดิ ชอบใน ปฏบิ ัตหิ น้าท่ีท่ไี ด้รบั การปฏิบัตหิ นา้ ทีท่ ่ีไดร้ บั การปฏิบตั หิ น้าท่ที ไ่ี ดร้ บั มอบหมายใหส้ ำเร็จ มกี าร มอบหมายใหส้ ำเรจ็ มีการ มอบหมายใหส้ ำเรจ็ ปรบั ปรุงและพัฒนาการ ปรบั ปรุงและพัฒนาการ ทำงานให้ดขี ้นึ ภายในเวลา ทำงานใหด้ ขี นึ้ ท่ีกำหนด เกณฑ์การประเมิน คะแนนรวมตั้งแต่ 10 – 12 คะแนน มีคุณภาพระดบั 3 ดีมาก เกณฑ์การผ่าน คะแนนรวมต้ังแต่ 7 – 9 คะแนน มีคณุ ภาพระดับ 2 ปานกลาง คะแนนรวมตั้งแต่ 4 – 6 คะแนน มคี ุณภาพระดบั 1 พอใช้ ระดบั ปานกลาง ขนึ้ ไป
ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรบั นักเรียนชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 2 ชุดท่ี 6 การลงมอื ทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 39 บรรณานกุ รม นพพร แหยมแสง. 2557. หนังสอื เรยี นคณิตศาสตร์พน้ื ฐาน ม.3 ภาคเรยี นท่ี 2 . กรุงเทพฯ : แม็คเอ็ดดูเคชน่ั . สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ. 2546. คมู่ ือวดั ผลประเมนิ ผล วทิ ยาศาสตร.์ กรงุ เทพฯ : องค์การค้าครุ ุสภาลาดพร้าว. สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ. 2557. คูม่ ือครรู ายวชิ าเพม่ิ เตมิ วิทยาศาสตร์ สนุกกบั โครงงานวทิ ยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศกึ ษาตอนตน้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพร้าว. สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. 2557. หนังสือเรยี นรายวิชา เพิ่มเตมิ วิทยาศาสตร์ สนุกกบั โครงงานวทิ ยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาตอนต้น กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว. อนนั ต์ ศรีโสภา . 2527. หลกั การวจิ ยั เบ้ืองต้น . กรงุ เทพฯ : วฒั นาพานิช.
ชดุ กิจกรรมการเรยี นรโู้ ครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรบั นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 2 ชดุ ท่ี 6 การลงมอื ทำโครงงานวิทยาศาสตร์ 40
Search
Read the Text Version
- 1 - 47
Pages: