คำ�นำ� พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 มาตรา 22 (5) กำ�หนดใหค้ ณะกรรมการการเลือกต้งั มหี น้าท่แี ละ อ�ำ นาจในการสง่ เสรมิ สนบั สนนุ หนว่ ยงานของรฐั สถาบนั การศกึ ษา และองคก์ ร เอกชน ในการสรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจทถ่ี กู ตอ้ งใหแ้ กป่ ระชาชนเกย่ี วกบั การปกครอง ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมขุ การมีส่วนร่วมทาง การเมอื งของประชาชน หรอื ใหป้ ระชาชนมสี ว่ นรว่ มในการตรวจสอบการเลอื กตง้ั และความรทู้ ถ่ี กู ตอ้ งเกย่ี วกบั รฐั ธรรมนญู ประกอบกบั รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย ฉบบั ปจั จบุ นั มผี ลใชบ้ งั คบั แลว้ เมอ่ื วนั ท่ี 6 เมษายน 2560 ดงั นน้ั เพอ่ื ด�ำ เนนิ การ ให้เป็นไปตามหน้าที่ดังกล่าว สำ�นักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจึงได้จัดทำ� เอกสารความรเู้ ก่ียวกับรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย โดยมีวตั ถุประสงค์ เพอ่ื เผยแพรค่ วามรเู้ กย่ี วกบั รฐั ธรรมนญู และภารกจิ ของส�ำ นกั งานคณะกรรมการ การเลอื กตง้ั จ�ำ นวน 13 ชดุ ประกอบด้วย 1. ความรเู้ ก่ยี วกับรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย 2. 108 ความรเู้ กีย่ วกบั รัฐธรรมนญู 3. สทิ ธิ เสรีภาพ และหน้าทข่ี องปวงชนชาวไทย 4. คณะรัฐมนตรี ศาล 5. การเลือกตัง้ ส.ส. 6. การได้มาซ่งึ ส.ว. 7. การมสี ว่ นร่วม และการตรวจสอบการเลอื กตง้ั 8. องคก์ รอสิ ระและการตรวจสอบอำ�นาจรัฐ 9. การปฏิรูปประเทศและการปกครองท้องถ่นิ 10. พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยคณะกรรมการการเลอื กตง้ั 11. พระราชบัญญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วยพรรคการเมือง 12. ศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตย 13. หมูบ่ ้านรณรงคไ์ มข่ ายเสยี ง
เพื่อให้องค์กรเครือข่ายต่างๆ ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้แก่ องคก์ รเอกชนตรวจสอบการเลอื กตง้ั กรรมการศนู ยส์ ง่ เสรมิ พฒั นาประชาธปิ ไตย ทุกระดับ ดีเจประชาธิปไตยชุมชน และกรรมการประจำ�หน่วยเลือกตั้ง มอื อาชีพ เป็นต้น ได้นำ�ไปศึกษาและเผยแพรแ่ กป่ ระชาชนทางหอกระจายข่าว เสยี งตามสาย และสถานวี ทิ ยตุ า่ งๆ หรอื ชอ่ งทางอน่ื ๆ ตอ่ ไป โดยเอกสารเผยแพร่ ฉบบั นเ้ี ปน็ เอกสารล�ำ ดบั ท่ี 8 เรอ่ื งองคก์ รอสิ ระและการตรวจสอบอ�ำ นาจรฐั เขยี นโดย นายสรุ พงษ์ ทพิ ยโ์ อสถ ผอู้ �ำ นวยการศนู ยส์ ง่ เสรมิ การศกึ ษาและการมสี ว่ นรว่ ม ของพลเมอื ง รกั ษาการ ผอู้ �ำ นวยฝา่ ยสง่ เสรมิ การศกึ ษาและกจิ กรรมภาคพลเมอื ง สำ�นักงานคณะกรรมการการเลือกต้ัง ใคร่ขอขอบคณุ เครอื ขา่ ยต่างๆ ท่ี ให้ความร่วมมือในการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยและการสร้างพลเมืองดีวิถีประชาธิปไตยที่ได้ดำ�เนินการมาก่อน หนา้ นจ้ี นประสบความส�ำ เรจ็ ในระดบั หนง่ึ และใครข่ อความรว่ มมอื ในการเผยแพร่ ความรู้เกี่ยวกับรฐั ธรรมนญู ใหแ้ ก่ประชาชนผา่ นทางช่องทางตา่ งๆ อยา่ งทั่วถงึ และตอ่ เน่อื งตอ่ ไปด้วย สำ�นกั งานคณะกรรมการการเลอื กตัง้ พฤศจกิ ายน 2560
1 ตอนท่ี 1 “ทำ�ไมตอ้ งมอี งคก์ รอิสระ” รัฐธรรมนูญได้บัญญัติให้มีองค์กรอิสระซ่ึงเป็นองค์กรของรัฐท่ีได้รับ มอบหมาย ให้ดำ�เนินการเกี่ยวกับภารกิจของรัฐ และคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ของประชาชน หากจะถามว่าทำ�ไมจะต้องมีองค์กรอสิ ระ เหตุผลก็เพราะ ประการแรก ความจำ�เป็นต้องมีกลไกคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของ ประชาชนไม่ให้ถูกละเมิด จากการกระทำ�ของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือ บุคคลในกระบวนการยุติธรรม จำ�เป็นต้องมีกลไกที่ไม่ใช่องค์กรฝ่ายตุลาการ ซึ่งก็คือองค์กรอิสระเพื่อเยียวยาปัญหาของประชาชนจากการใช้อำ�นาจรัฐ หรือการกระทำ�ของบุคคล และการคุ้มครองด้านสิทธิมนุษยชน เนื่องจาก การใช้กลไกทางศาลอาจมีข้อจำ�กัดบางประการเพราะจะต้องใช้ระยะเวลา พอสมควรในการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล รวมไปถึงการที่จะต้องเสีย ค่าใชจ้ ่ายทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั การฟ้องและการด�ำ เนินคดีในศาลด้วย ประการที่ 2 ความจำ�เป็นต้องมีกลไกตรวจสอบเกี่ยวกับความสุจริต ในการใช้อ�ำ นาจรัฐและตรวจสอบเก่ยี วกับการใช้จา่ ยเงินภาครัฐ ประการท่ี 3 ความจำ�เป็นตอ้ งมีกลไกในการควบคุมตรวจสอบทจี่ ะลด และขจัดการซื้อเสียง และเปิดโอกาสให้คนดี มีคุณภาพ คุณธรรม เข้าสู่ระบบ การเมือง ประการสุดท้ายคือประการที่ 4 ความจำ�เป็นต้องมีกลไกที่มีความ เป็นอิสระและเป็นกลาง สามารถดำ�รงความยุติธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ ปราศจากการแทรกแซง ขององค์กรของรัฐอื่นหรือสถาบันการเมืองอื่น รวมทั้งอยู่เหนือกระแสและการกดดันใด ๆ ที่เกิดขึ้นภายในสังคมในช่วงเวลา ใดเวลาหนง่ึ ร่วมเรียนรรู้ ฐั ธรรมนูญใหม่ ร่วมสร้างประชาธิปไตย ก้าวไปกบั กกต. และ ศส.ปชต.
2 ตอนท่ี 2 “องคก์ รอิสระตามรัฐธรรมนูญ 5 องคก์ ร ” องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรที่จัดตั้งข้ึนให้มีความอิสระ ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อดำ�เนินการหรือตรวจสอบการใช้อำ�นาจรัฐให้เป็นไป ตามรฐั ธรรมนูญและกฎหมาย เพ่อื ให้การบรหิ ารราชการแผ่นดนิ ของประเทศ เดินไปข้างหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ สุจริต โปร่งใส เที่ยงธรรม กล้าหาญ ปราศจากอคตใิ นการใช้ดลุ ยพินิจ และปราศจากการแทรกแซงขององคก์ รอน่ื ของรัฐหรือสถาบันการเมืองอื่น รวมทั้งอยู่เหนือกระแสและการกดดันใดๆ ที่เกิดขึ้นภายในสังคมในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งซ่ึงองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ มี 5 องคก์ ร ประกอบดว้ ย องคก์ รที่ 1 “คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)” ทำ�หน้าทีด่ ูแลและ จัดให้มีการเลือกตั้งรวมถึงการออกเสียงประชามติให้เป็นไปโดยสุจริต และ เทีย่ งธรรม องคก์ รที่ 2 “ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ ” ท�ำ หนา้ ทด่ี แู ลแกไ้ ขปญั หา และหาทาง เยยี วยาความเดือดร้อนของประชาชน องค์กรที่ 3 “คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ (ป.ป.ช.)” มีหน้าท่คี วบคุมดูแล ตรวจสอบพฤตกิ รรมการทุจริตหรอื ประพฤติ ไม่ชอบในหน่วยงานของรฐั องค์กรท่ี 4 “คณะกรรมการตรวจเงนิ แผน่ ดนิ (คตง.)” มหี นา้ ทต่ี รวจสอบ การใช้เงินงบประมาณของ หน่วยงานรัฐ องค์กรสดุ ท้ายองค์กรที่ 5 คอื “คณะกรรมการสทิ ธมิ นษุ ยชนแหง่ ชาติ (กสม.)” มหี นา้ ทด่ี แู ล ตรวจสอบไมใ่ ห้มีการละเมดิ สิทธมิ นุษยชน การเลือกตั้งคุณภาพ โดยพลเมอื งคณุ ภาพ คือ การเลือกตั้งท่พี ลเมอื งมีส่วนรว่ ม
3 ตอนที่ 3 “ การสรรหาผูด้ ำ�รงต�ำ แหนง่ ในองคก์ รอิสระตามรฐั ธรรมนูญ” การสรรหาผดู้ �ำ รงต�ำ แหนง่ ในองคก์ รอสิ ระตามรฐั ธรรมนญู เพอ่ื ใหไ้ ดค้ น ทม่ี คี วามอสิ ระอยา่ งแทจ้ รงิ ไมใ่ ชค่ นของพรรคการเมอื งหรอื กลมุ่ ผลประโยชนใ์ ด จึงมีมาตรการในการสรรหาผู้ดำ�รงตำ�แหน่งในองค์กรอิสระ รัฐธรรมนูญจึงได้ ก�ำ หนดใหม้ คี ณะกรรมการสรรหา ประกอบดว้ ยประธานศาลฎกี าเปน็ ประธาน กรรมการ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้นำ�ฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (ในระหว่างท่ียังไม่มีสภาผู้แทนราษฎรให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติทำ�หน้าท่ีสภา ผู้แทนราษฎร) ประธานศาลปกครองสูงสุด และบุคคลซึ่งแต่งตั้งโดยศาล รัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระท่ีไม่ใช่องค์กรอิสระท่ีต้องเข้ารับการสรรหาเป็น กรรมการ กรรมการสรรหามีหน้าที่คัดเลือกบุคคลท่ีมีความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์ มีความรับผิดชอบสูง มีความกล้าหาญในการปฏิบัติหน้าที่ (กล้าตัดสินใจ) มีพฤติกรรมทางจริยธรรมเป็นตัวอย่างที่ดีของสังคมและ มคี ุณสมบัติตามที่กฎหมายก�ำ หนด เพอ่ื ด�ำ รงต�ำ แหน่งในองค์กรอิสระ รว่ มเรียนรู้รัฐธรรมนูญใหม่ ร่วมสรา้ งประชาธิปไตย ก้าวไปกบั กกต. และ ศส.ปชต.
4 ตอนที่ 4 “คุณสมบัติและลักษณะของผ้ดู �ำ รงต�ำ แหนง่ ในองคก์ รอสิ ระ ตามรัฐธรรมนูญ” บุคคลท่ีจะต้องตำ�แหน่งในองค์กรอิสระนอกจากคุณสมบัติและลักษณะ ตอ้ งหา้ มตามทบ่ี ญั ญตั ไิ วเ้ ปน็ การเฉพาะในสว่ นทว่ี า่ ดว้ ยองคก์ รอสิ ระแตล่ ะองคก์ รแลว้ จะตอ้ งมคี ณุ สมบตั ดิ งั น้ี มีอายุไม่ต�่ำ กวา่ สีส่ ิบหา้ ปี แต่ไมเ่ กนิ เจ็ดสิบปี มีสัญชาตไิ ทย โดยการเกิด สำ�เร็จการศึกษาไม่ต่ำ�กว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า มีความซื่อสัตย์ สุจริตเป็นที่ประจกั ษ์ และมสี ขุ ภาพท่สี ามารถปฏิบตั หิ นา้ ท่ีไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ นอกจากนี้ รฐั ธรรมนูญไดก้ ำ�หนดลักษณะตอ้ งหา้ มของบคุ คลท่ีจะด�ำ รง ต�ำ แหน่งในองค์กรอิสระไวห้ ลายประการ สรปุ ได้ดงั นี้ 1. ไมเ่ ป็นหรอื เคยเป็น ตุลาการศาลรฐั ธรรมนูญหรือผดู้ ำ�รงตำ�แหน่งใน องคก์ รอิสระใด 2. ไม่เป็นหรอื เคยเป็น ส.ส. ส.ว. ขา้ ราชการเมือง หรือสมาชกิ สภาท้องถ่ิน หรือผู้บริหารท้องถิน่ ในระยะ 10 ปี ก่อนเขา้ รบั การคดั เลือกหรอื สรรหา 3. ไมเ่ ปน็ หรอื เคยเป็นสมาชิกหรอื ผดู้ �ำ รงตำ�แหน่งอน่ื ของพรรคการเมอื ง ในระยะ 10 ปีกอ่ นเขา้ รบั การคัดเลือกหรอื สรรหา 4. ไมเ่ ปน็ ข้าราชการซึง่ มีตำ�หนง่ หรือเงินเดอื นประจำ� 5. ไม่เปน็ พนักงาน หรือลูกจา้ งของหนว่ ยงานของรัฐ รัฐวสิ าหกิจ หรือ ราชการส่วนท้องถน่ิ หรอื กรรมการหรอื ทปี่ รกึ ษาของหน่วยงานของรฐั วสิ าหกจิ 6. ไมเ่ ปน็ ผู้ดำ�รงตำ�แหนง่ ใดในหา้ งหนุ้ ส่วนบรษิ ัท หรอื องคก์ รท่ดี ำ�เนนิ ธุรกิจ โดยมงุ่ หาผลก�ำ ไรหรอื รายได้มาแบ่งปนั กนั หรอื เป็นลูกจ้างของบคุ คลใด 7. ไม่เป็นผู้ประกอบวิชาชพี อสิ ระ 8. ไม่มพี ฤติการณ์อนั เป็นการฝกึ ฝนหรือไม่ปฏบิ ัตติ ามมาตรฐานทาง จรยิ ธรรมอยา่ งรา้ ยแรง การเลือกตั้งคณุ ภาพ โดยพลเมอื งคณุ ภาพ คอื การเลอื กตง้ั ทีพ่ ลเมอื งมสี ว่ นรว่ ม
5 ตอนที่ 5 “คณะกรรมการการเลือกตง้ั (กกต.) ตอนที่ 1” องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ องค์กรแรกที่เราจะมารู้จักในวันนี้ คือ คณะกรรมการการเลือกต้ัง หรือทีเ่ รียกตดิ ปากวา่ “กกต.” กกต. ประกอบด้วย กรรมการจำ�นวน 7 คน มีวาระการดำ�รงตำ�แหน่ง 7 ปี และดำ�รงตำ�แหน่งได้เพียงวาระเดียว ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง ตามคำ�แนะนำ�ของวุฒสิ ภา กกต. จ�ำ นวน 7 คน มาจากการสรรหา 2 ชอ่ งทาง ดงั น้ี ช่องทางที่ 1 คณะกรรมการสรรหา สรรหาจากบุคคลผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาการต่างๆ ที่จะยังประโยชน์แก่การบริหารและ จัดการการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต เปน็ ท่ปี ระจกั ษ์ จำ�นวน 5 คน ช่องทางที่2 คัดเลือกจากทีป่ ระชมุ ใหญข่ องศาลฎีกาจากผมู้ คี วามรู้ คปวราะมจกัเชษีย่ ์ วเคชยาญด�ำ รแงตล�ำะแปหรนะสง่ ไบมกต่ า�ำ่ รกณวา่์ดอ้าธนบิ กดฎผี หพู้ มพิ าายกษมาคี หวารมอื ซต�ำ่อื แสหตั นยง่์สทจุ ไ่ีรมิตต่ เ�ำ่ปก็นวทา่ ่ี อธบิ ดีและอัยการมาแล้วเป็นเวลาไมน่ อ้ ยกว่า 5 ปี จ�ำ นวน 2 คน ร่วมเรยี นรรู้ ัฐธรรมนูญใหม่ ร่วมสรา้ งประชาธปิ ไตย กา้ วไปกับ กกต. และ ศส.ปชต.
6 ตอนที่ 6 “คณะกรรมการการเลือกตง้ั (กกต.) ตอนที่ 2” กกต. มหี นา้ ทแ่ี ละอาํ นาจ ดงั ต่อไปนี้ ขอ้ ท่ี 1 จดั หรอื ดาํ เนนิ การใหม้ กี ารจดั การเลอื กตง้ั ส.ส. การเลอื กสมาชกิ ส.ว. การเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาทอ้ งถน่ิ และผบู้ รหิ ารทอ้ งถน่ิ และการออกเสยี งประชามติ ขอ้ ที่ 2 ควบคุมดแู ลการเลือกตง้ั และการเลือกตาม ข้อ 1 ให้เป็นไป โดยสุจริตและเที่ยงธรรม และควบคุมดูแลการออกเสียงประชามติให้เป็นไป โดยชอบด้วยกฎหมาย และ ให้มีอํานาจสืบสวน หรือไต่สวนได้ตามที่จาํ เปน็ หรอื ทเี่ หน็ สมควร ขอ้ ท่ี 3 เมือ่ ผลการสบื สวนหรือไตส่ วนตาม ตามข้อ 2 หรอื เม่อื พบเหน็ การกระทําท่ีมีเหตุอันควรสงสยั วา่ การเลือกต้งั หรอื การเลอื กตาม ตามข้อ 1 ไม่ไดเ้ ป็นไปโดยสุจริตหรือเทีย่ งธรรม หรือการออกเสยี งประชามติ เป็นไปโดย มชิ อบดว้ ยกฎหมาย ใหม้ ีอํานาจสั่งระงับ ยบั ย้งั แก้ไขเปล่ียนแปลงหรอื ยกเลกิ การเลอื กตั้ง หรือการเลอื ก หรอื การออกเสยี งประชามติ และส่ังใหด้ าํ เนินการ เลอื กต้ัง เลือก หรอื ออกเสยี งประชามตใิ หม่ บางหนว่ ย หรือทุกหนว่ ย ข้อที่ 4 สั่งระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้ง หรือผู้สมคั รรับเลือกตาม ขอ้ 1 ไว้เป็นการชว่ั คราวเป็นระยะเวลาไมเ่ กนิ หน่ึงปี เม่อื มีหลักฐานอนั ควรเชอื่ ไดว้ ่าผนู้ นั้ กระทําการหรือรู้เห็น กับการกระทาํ ของ บคุ คลอน่ื ทม่ี ลี ักษณะเปน็ การทจุ รติ หรือทาํ ให้การเลือกตัง้ หรือการเลอื กมไิ ด้ เป็นไปโดยสุจรติ หรอื เทยี่ งธรรม ข้อที่ 5 ดแู ลการดาํ เนนิ งานของพรรคการเมอื งใหเ้ ปน็ ไปตามกฎหมาย และมหี น้าที่และอาํ นาจอนื่ ตามรัฐธรรมนญู หรอื กฎหมาย การเลอื กต้ังคณุ ภาพ โดยพลเมืองคุณภาพ คอื การเลอื กต้งั ทีพ่ ลเมอื งมสี ่วนรว่ ม
7 ตอนท่ี 7 “ คณะกรรมการการเลอื กตัง้ (กกต.) ตอนท่ี 3 ” ใหร้ ฐั ธรรมนญู ฉบบั ปจั จบุ นั อ้ �ำ นาจ กกต. ในการจดั การเลอื กตง้ั ทส่ี �ำ คญั 4 เรอื่ ง ซงึ่ เดมิ กกต.มอี �ำ นาจให้ “ใบเหลอื ง” “ใบแดง” แก่ผูส้ มคั รและ พรรคการเมอื งน้นั แตป่ ัจจบุ ัน กกต. มอี ำ�นาจเพ่มิ ข้นึ 2 เรื่อง คือการให้ “ใบส้ม” และ “ใบดำ�” “ใบเหลือง” ก็คือ ก่อนประกาศผลการเลือกตั้งหรือ การเลือก ถ้ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าการเลือกต้ังหรือการเลือกไม่ได้เป็นไป โดยสจุ รติ หรอื เทย่ี งธรรม กกต. มอี �ำ นาจสง่ั ใหม้ กี ารเลอื กตง้ั หรอื การเลือกใหม่ สำ�หรับ “ใบสม้ ” ก็คือ ถา้ ผูส้ มัครรบั เลือกตง้ั หรือผู้สมัครรบั เลือกกระท�ำ การ ทจุ รติ ในการเลอื กตง้ั หรอื รเู้ หน็ กบั การกระท�ำ ทจุ รติ ในการเลอื กตง้ั ของบคุ คลอน่ื กกต. มีอำ�นาจสั่งระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้นไว้เป็นการชั่วคราว เปน็ ระยะเวลาไม่เกนิ 1 ปี ส่วน “ใบแดง” และ “ใบดำ�” นน้ั กกต. มีอ�ำ นาจในระหว่าง ก่อนประกาศผล หรือภายหลังการประกาศผลการเลือกตั้งหรือ การเลือกแล้ว แต่มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือผู้สมัคร รับเลอื กกระทำ�การทจุ ริตในการเลือกตงั้ หรอื การเลอื ก หรอื รู้เหน็ กับการกระทำ� ทุจริตในการเลือกตั้งหรือการเลือกของบุคคลอื่น ให้ กกต. ยนื่ คำ�รอ้ งตอ่ ศาลฎกี าเพอ่ื ส่งั เพิกถอนสทิ ธิสมคั รรับเลอื กตัง้ หรือสิทธิเลือกต้งั ของ ผนู้ น้ั กรณี ศาลฎีกาเห็นว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือผู้สมัครรับเลือกกระทำ� ความผิดตามที่ถูกร้อง ให้สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นเป็นเวลา 10 ปี หรือทเ่ี รยี กวา่ “ใบแดง” หรือส่งั เพกิ ถอนสทิ ธสิ มคั รรับเลอื กตงั้ ผู้น้นั หมดสิทธิ สมัครรับเลือกตง้ั ตลอดชวี ิต หรอื เรียกว่า “ใบดำ�” ร่วมเรียนรู้รฐั ธรรมนญู ใหม่ ร่วมสร้างประชาธปิ ไตย ก้าวไปกบั กกต. และ ศส.ปชต.
8 ตอนที่ 8 “ผู้ตรวจการแผ่นดนิ ” องค์กรกรอิสระตามรัฐธรรมนูญองคก์ รท่ี 2 คือ ผู้ตรวจการแผน่ ดนิ ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ มจี �ำ นวน 3 คน มวี าระการด�ำ รงต�ำ แหนง่ 7 ปี และ ด�ำ รงต�ำ แหนง่ ไดเ้ พียงวาระเดียว ซง่ึ พระมหากษตั ริยท์ รงแต่งตั้งตามค�ำ แนะน�ำ ของวุฒิสภา โดยสรรหาจากบุคคลที่ผู้มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มคี วามรู้ ความเชย่ี วชาญ และประสบการณเ์ กย่ี วกบั การบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ ไมต่ �่ำ กวา่ อธบิ ดหี รือหัวหน้าสว่ นราชการทเี่ ทียบเทา่ หรอื หัวหน้าหนว่ ยงานของรฐั ที่เทียบได้ไม่ต่ำ�กว่าระดับกรม และต้องดำ�รงตำ�แหน่งดังกล่าวไม่น้อยกว่า 5 ปี จ�ำ นวน 2 คน และสรรหาจากบคุ คลผมู้ ปี ระสบการณใ์ นการด�ำ เนนิ กจิ การ อนั เป็นสารธารณะมาแล้วไมน่ ้อยกวา่ 20 ปี จำ�นวน 1 คน ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ มอี ำ�นาจหนา้ ที่ ดังนี้ ขอ้ ท่ี 1 เสนอแนะตอ่ หนว่ ยงานของรฐั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งเพอ่ื ใหม้ กี ารปรบั ปรงุ กฎหมาย กฎ ขอ้ บงั คับ ระเบียบ หรือคาํ สงั่ หรอื ขั้นตอนการปฏิบัตงิ านใดๆ บรรดาที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรม แก่ประชาชน หรือ เปน็ ภาระแกป่ ระชาชนโดยไมจ่ ําเป็นหรือเกนิ สมควรแก่เหตุ ขอ้ 2 แสวงหาข้อเท็จจริงเมื่อเห็นว่ามีผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือ ความไมเ่ ปน็ ธรรมอนั เนอ่ื งมาจาก การไมป่ ฏบิ ตั ติ ามกฎหมายหรอื ปฏบิ ตั นิ อกเหนอื หน้าที่และอํานาจตามกฎหมายของหน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพอ่ื เสนอแนะใหข้ จดั หรอื ระงบั ความเดอื ดรอ้ น หรือความไม่เป็นธรรมนน้ั ขอ้ 3 เสนอตอ่ คณะรฐั มนตรใี หท้ ราบถงึ การทห่ี นว่ ยงานของรฐั ยงั มไิ ด้ ปฏบิ ัตใิ ห้ถกู ต้องครบถว้ น ตามหมวด 5 หน้าที่ของรฐั การเลอื กตงั้ คุณภาพ โดยพลเมอื งคุณภาพ คอื การเลอื กตัง้ ท่ีพลเมอื งมสี ่วนร่วม
9 ตอนที่ 9 “คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ (ป.ป.ช.) ตอนที่ 1 ” องค์กรกรอิสระตามรัฐธรรมนูญองค์กรที่ 3 คอื คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ หรอื ป.ป.ช. คณะกรรมการ ป.ป.ช. ประกอบด้วย กรรมการ 9 คน สรรหาจาก บุคคลท่มี ีความซ่ือสตั ยส์ ุจริตเป็นท่ปี ระจกั ษ์ มคี วามรู้ ความเชีย่ วชาญ และ ประสบการณด์ า้ นกฎหมาย บญั ชี เศรษฐศาสตร์ การบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ หรือการอื่นใดอันเป็นประโยชน์ต่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มีวาระการดำ�รงตำ�แหน่ง 7 ปี และดำ�รงตำ�แหน่งได้เพียงวาระเดียว ซง่ึ พระมหากษตั รยิ ท์ รงแตง่ ต้ังตามค�ำ แนะน�ำ ของวุฒสิ ภา มอี �ำ นาจหนา้ ท่ี ดังน้ี ขอ้ ท่ี 1 ไต่สวนและมีความเห็นกรณีมีการกล่าวหาว่าผู้ดํารงตําแหน่ง ทางการเมอื ง ตลุ าการศาลรฐั ธรรมนญู ผู้ดาํ รงตาํ แหนง่ ในองคก์ รอิสระ หรือ ผวู้ ่าการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้ใดมีพฤติการณ์ร่ำ�รวย ผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าท่ี หรือจงใจปฏิบัติหน้าท่ีหรือใช้อํานาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือ กฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ขอ้ ท่ี 2 ไตส่ วนและวนิ จิ ฉยั วา่ เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ร�ำ่ รวยผดิ ปกติ กระทาํ ความผดิ ฐานทจุ ริตตอ่ หน้าที่ หรอื กระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าทรี่ าชการ หรือความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ข้อท่ี3กาํ หนดใหผ้ ดู้ าํ รงตาํ แหนง่ ทางการเมอื งตลุ าการศาลรฐั ธรรมนญู ผดู้ าํ รงตาํ แหนง่ ในองคก์ รอสิ ระ ผวู้ า่ การตรวจเงนิ แผน่ ดนิ และเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ย่ืนบัญชที รพั ยส์ ินและหน้สี ินของตน คสู่ มรส และบตุ รทยี่ ังไม่บรรลุนติ ิภาวะ รวมทง้ั ตรวจสอบและเปดิ เผยผลการตรวจสอบทรพั ยส์ นิ และหนส้ี นิ ของบคุ คล ดังกลา่ ว รว่ มเรียนรรู้ ัฐธรรมนูญใหม่ รว่ มสร้างประชาธปิ ไตย ก้าวไปกับ กกต. และ ศส.ปชต.
10 ตอนที่ 10 “คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตอนท่ี 2” รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ได้ให้อำ�นาจหน้าที่ ป.ป.ช. ตรวจสอบพบว่า ผู้ดำ�รงตำ�แหน่งทางการเมืองตามที่กฎหมายกำ�หนด ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ด�ำ รงตำ�แหน่งในองคก์ รอสิ ระ หรอื ผวู้ า่ การตรวจเงนิ แผน่ ดนิ ฝา่ ฝนื หรอื ประพฤติ ผดิ จริยธรรมอย่างร้ายแรง ป.ป.ช. มีอำ�นาจเสนอเรื่องให้ศาลฎีกาวินิจฉัยได้ โดยตรงกรณีดังกล่าว โดยไมต่ อ้ งสง่ ส�ำ นวนการไตส่ วนไปยงั อยั การสงู สดุ ใหด้ �ำ เนนิ การฟอ้ งคดี แตห่ าก เมปพี ็นฤกตรกิ ณารีทณี่ ร์ป�ำ่ .รปว.ยชผ.ดิ ไปตก่สตวิ นทแจุ ลรติะตมอ่ีมหตนิวา้่าทบ่ี ุคหครอืลจทงี่ถใจูกปกฏลบิ่าตัวหิหนาดา้ ทังห่กี รลอื่าใวชขอ้ ้า�ำ งนตา้นจ ขดั ตอ่ รฐั ธรรมนญู หรอื กฎหมาย จะตอ้ งสง่ ส�ำ นวนการไตส่ วนไปยงั อยั การสงู สดุ เพือ่ ฟ้องคดตี ่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผูด้ ำ�รงต�ำ แหน่งทางการเมือง หรือ ดำ�เนินการอ่ืนตามที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทจุ รติ กำ�หนด การเลอื กต้ังคณุ ภาพ โดยพลเมอื งคณุ ภาพ คือ การเลือกตั้งทพี่ ลเมืองมีสว่ นร่วม
11 ตอนที่ 11 “คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ (ป.ป.ช.) ตอนท่ี 3” อ�ำ นาจหนา้ ท่ี ของ ป.ป.ช. ในกรณที ม่ี กี ารฟอ้ งผถู้ กู กลา่ วหาตอ่ ศาลฎกี า หรอื ศาลฎกี าแผนกคดอี าญา ผดู้ �ำ รงต�ำ แหนง่ ทางการเมอื งแลว้ แตก่ รณี หากศาลรบั ฟอ้ งผถู้ กู กลา่ วหาตอ้ งหยดุ ปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลจะมีคำ�พิพากษา เว้นแต่ศาลจะมีค�ำ สง่ั เป็นอย่างอื่น และหากศาลมีคำ�พิพากษาว่าผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์หรือกระทำ�ความผิด ตามทถ่ี กู กล่าวหา ผู้ต้องค�ำ พพิ ากษาตอ้ งพ้นจากตำ�แหน่งนบั แตว่ ันหยุดปฏิบตั หิ นา้ ที่ และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้น้ันและให้อำ�นาจศาลท่ีจะ เพกิ ถอนสทิ ธเิ ลอื กตง้ั มกี �ำ หนดไมเ่ กนิ 10 ปี ดว้ ยหรอื ไมก่ ไ็ ด้ และผทู้ ถ่ี กู เพกิ ถอนสทิ ธิ สมคั รรบั เลอื กตง้ั ไมม่ สี ทิ ธสิ มคั รรบั เลอื กตง้ั หรอื สมคั รรบั เลอื กเปน็ ส.ส. ส.ว. สมาชิกสภาท้องถ่ินหรือผู้บริหารท้องถ่ินตลอดไปและไม่มีสิทธิดำ�รงตำ�แหน่ง ทางการเมืองใด ๆ ด้วย และในกรณีที่ศาลพิพากษาว่า ผู้ถูกกล่าวหาว่ามี พฤตกิ ารณร์ �ำ่ รวยผดิ ปกติ หรอื ทจุ รติ ตอ่ หนา้ ท่ี ใหร้ บิ ทรพั ยส์ นิ ทผ่ี นู้ น้ั ไดม้ าจากการ กระท�ำ ความผดิ รวมทง้ั ทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชนอ์ น่ื ใดทไ่ี ดม้ าแทนทรพั ยส์ นิ ใหต้ กเปน็ ของแผน่ ดนิ ซงึ่ บทลงโทษเดิมอย่างมาก ร่วมเรยี นรู้รัฐธรรมนูญใหม่ รว่ มสรา้ งประชาธปิ ไตย ก้าวไปกับ กกต. และ ศส.ปชต.
12 ตอนที่ 12 “คณะกรรมการตรวจเงนิ แผ่นดิน (คตง.) ตอนท่ี 1 ” องค์กรกรอิสระตามรัฐธรรมนญู องคก์ รที่ 4 คอื คณะกรรมการตรวจเงนิ แผน่ ดนิ หรอื คตง. คตง. ประกอบดว้ ยกรรมการจ�ำ นวน 7 คน มวี าระการด�ำ รงต�ำ แหนง่ 7 ปี และด�ำ รงต�ำ แหนง่ ไดเ้ พยี งวาระเดยี ว ซง่ึ พระมหากษตั รยิ ท์ รงแตง่ ตง้ั ตามค�ำ แนะน�ำ ของวฒุ ิสภา คตง.ได้รับการสรรหาจากบุคคลท่ีมีความซ่ือสัตย์สุจริตเป็นท่ีประจักษ์ มคี วามรู้ ความเชย่ี วชาญ และประสบการณเ์ กย่ี วกบั การตรวจเงนิ แผน่ ดนิ กฎหมาย การบญั ชี การตรวจสอบภายใน การเงนิ การคลงั และดา้ นอน่ื ทเ่ี ปน็ ประโยชนต์ อ่ การตรวจเงนิ แผน่ ดนิ นอกจาก คตง.แลว้ ยงั มผี วู้ า่ การตรวจเงนิ แผน่ ดนิ จ�ำ นวน 1 คน มอี �ำ นาจ และหนา้ ทต่ี รวจการใชจ้ า่ ยเงนิ แผน่ ดนิ ตามนโยบายการตรวจเงนิ แผน่ ดนิ และ หลกั เกณฑม์ าตรฐานเกย่ี วกบั การตรวจเงนิ แผน่ ดนิ ท่ี คตง.ก�ำ หนด และตามกฎหมาย ว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐรวมถึงตรวจผลสัมฤทธ์แิ ละประสิทธิภาพใน การใชจ้ า่ ยเงนิ ของหนว่ ยงานของรฐั การเลอื กต้งั คณุ ภาพ โดยพลเมืองคณุ ภาพ คอื การเลอื กต้ังที่พลเมืองมีสว่ นร่วม
13 ตอนที่ 13 “คณะกรรมการตรวจเงนิ แผ่นดนิ (คตง.) ตอนที่ 2 ” หนา้ ทแ่ี ละอ�ำ นาจของ คณะกรรมการตรวจเงนิ แผน่ ดนิ หรือ คตง. ขอ้ ท่ี 1. วางนโยบายการตรวจเงินแผน่ ดิน ขอ้ ที่ 2. กําหนดหลักเกณฑม์ าตรฐานเกยี่ วกบั การตรวจเงินแผน่ ดิน ขอ้ ท่ี 3. กาํ กบั การตรวจเงินแผน่ ดินให้เป็นไปตามข้อ 1 และขอ้ 2 และ กฎหมายวา่ ด้วยวนิ ยั การเงิน การคลังของรฐั ข้อที่ 4. ให้คาํ ปรกึ ษา แนะนาํ หรือเสนอแนะเกย่ี วกับการใชจ้ า่ ยเงิน แผ่นดินให้เป็นไปตามกฎหมาย ว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ รวมทั้ง การให้คาํ แนะนาํ แกห่ น่วยงานของรฐั ในการแกไ้ ขขอ้ บกพร่อง เกยี่ วกบั การใช้ จา่ ยเงินแผ่นดนิ ข้อท่ี 5. สั่งลงโทษทางปกครองกรณีมีการกระทําผิดกฎหมายว่าด้วย วินัยการเงินการคลงั ของรัฐ ร่วมเรยี นรรู้ ฐั ธรรมนญู ใหม่ ร่วมสรา้ งประชาธปิ ไตย ก้าวไปกบั กกต. และ ศส.ปชต.
14 ตอนที่ 14 “คณะกรรมการสทิ ธิมนษุ ยชนแหง่ ชาติ (กสม.)” องคก์ รกรอสิ ระตามรฐั ธรรมนญู องคก์ รท่ี 5 คอื คณะกรรมการสทิ ธมิ นษุ ยชน แหง่ ชาติ หรอื กสม. กสม. ประกอบด้วยกรรมการจำ�นวน 7 คน สรรหาจากบุคคลท่ีมีความรู้ และประสบการณ์ด้านการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนเป็นกลาง ทางการเมอื ง และมคี วามซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ เปน็ ทป่ี ระจกั ษ์มวี าระการด�ำ รงต�ำ แหนง่ 7ปี และด�ำ รงต�ำ แหนง่ ไดเ้ พยี งวาระเดยี ว ซง่ึ พระมหากษตั รยิ ท์ รงแตง่ ตง้ั ตามค�ำ แนะน�ำ ของวฒุ สิ ภา มีหน้าท่ีและอ�ำ นาจ ดังน้ี ขอ้ ท่ี 1. ตรวจสอบและรายงานขอ้ เทจ็ จรงิ ทถ่ี กู ตอ้ งเกย่ี วกับการละเมดิ สิทธิมนุษยชนทุกกรณีโดยไม่ล่าช้า และเสนอแนะมาตรการหรือแนวทาง ในการป้องกนั หรอื แกไ้ ขการละเมดิ สิทธิมนษุ ยชน รวมท้ัง การเยียวยา ผูไ้ ด้รับ ความเสียหายจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนท่ี เกี่ยวข้อง ขอ้ ท่ี 2. จดั ทาํ รายงานผลการประเมนิ สถานการณด์ ้านสิทธมิ นุษยชน ของประเทศเสนอต่อรฐั สภา และคณะรฐั มนตรี และเผยแพร่ตอ่ ประชาชน ขอ้ ท่ี 3. เสนอแนะมาตรการหรอื แนวทางสง่ เสรมิ และคมุ้ ครองสทิ ธมิ นษุ ยชน ต่อรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการแกไ้ ขปรบั ปรงุ กฎหมาย กฎ ระเบยี บ หรือคาํ สัง่ ใดๆ เพ่ือใหส้ อดคล้องกบั หลักสิทธิมนุษยชน ข้อท่ี 4. ชแ้ี จงและรายงานขอ้ เท็จจริงท่ถี กู ต้องโดยไม่ชกั ช้าในกรณที ม่ี ี การรายงานสถานการณ์ เกย่ี วกบั สทิ ธมิ นษุ ยชนโดยไมถ่ กู ตอ้ งหรอื ไมเ่ ปน็ ธรรม ขอ้ ที่ 5. สร้างเสริมทุกภาคส่วนของสังคมให้ตระหนักถึงความสําคัญ ของสิทธิมนุษยชน การเลอื กตั้งคณุ ภาพ โดยพลเมอื งคณุ ภาพ คอื การเลอื กต้งั ท่ีพลเมืองมสี ว่ นรว่ ม
15 ตอนที่ 15 กลไกการตรวจสอบการใชอ้ �ำ นาจรฐั การปกครองประเทศทผ่ี า่ นมาไมไ่ ดม้ เี สถยี รภาพหรอื ราบรน่ื เรยี บรอ้ ย เพราะยงั คงประสบปญั หาตา่ ง ๆ สว่ นหนง่ึ เกดิ จากการไมเ่ คารพย�ำ เกรงกฎเกณฑ์ การปกครองบา้ นเมอื ง ทจุ รติ ฉอ้ ฉล หรอื ขาดความตระหนกั ส�ำ นกึ รบั ผดิ ชอบ ตอ่ ประเทศชาตแิ ละสงั คมสว่ นรวม รฐั ธรรมนญู ฉบบั ปจั จบุ นั ไดว้ างกลไกปอ้ งกนั ตรวจสอบ ขจดั การทุจรติ และประพฤตมิ ิชอบทเ่ี ขม้ งวด เดด็ ขาด เพือ่ ไมใ่ ห้ ผดู้ �ำ รงต�ำ แหนง่ ทางการเมอื ง ผบู้ รหิ ารประเทศหรอื ทอ้ งถน่ิ ทป่ี ราศจากคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และธรรมาภบิ าล เข้ามามอี ำ�นาจในการปกครองบา้ นเมืองหรอื ใชอ้ ำ�นาจตามอำ�เภอใจ ตลอดจนกำ�หนดกลไกอื่นๆ เพื่อใช้เป็นกรอบในการ พฒั นาประเทศ การจะด�ำ เนนิ การในเรอ่ื งดงั กลา่ วใหส้ �ำ เรจ็ ลลุ ว่ งไปได้ คอื การใช้ กลไกการมสี ว่ นรว่ มภาคประชาชน ผซู้ ง่ึ เปน็ เจา้ ของอ�ำ นาจอธปิ ไตยเขา้ มามสี ว่ นรว่ ม ในการตรวจสอบการใชอ้ �ำ นาจรฐั ไดโ้ ดยตรง และตดิ ตามตรวจสอบการใชอ้ �ำ นาจ อธิปไตยผ่านตัวแทนท่ีประชาชนเลือกต้ังเข้าไปใช้อำ�นาจแทนในทางรัฐสภา ดว้ ยการออกกฎหมาย การตง้ั กระทถู้ าม การเปดิ อภปิ รายไมไ่ วว้ างใจ รวมถงึ การพจิ ารณางบประมาณ ตลอดจนการน�ำ เสนอปญั หาของประชาชนตอ่ รฐั เพอ่ื หาทางแกไ้ ขตอ่ ไป ร่วมเรยี นรรู้ ัฐธรรมนูญใหม่ ร่วมสรา้ งประชาธิปไตย ก้าวไปกับ กกต. และ ศส.ปชต.
16 ตอนท่ี 16 “กลไกการตรวจสอบการใชอ้ ำ�นาจรฐั มีอะไรบ้าง” รฐั ธรรมนญู ฉบบั ปจั จบุ นั ไดก้ �ำ หนดกลไกในการตรวจสอบการใชอ้ �ำ นาจรฐั ใหส้ ามารถปฏบิ ตั หิ นา้ ทไ่ี ดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ สจุ รติ เทย่ี งธรรม และมสี ว่ นรว่ ม ในการปอ้ งกันหรอื แก้ไขวกิ ฤตของประเทศ โดยกลไกที่กลา่ วมามดี งั น้ี กลไกท่ี 1 คดั กรองคณุ สมบตั ขิ องบคุ คลกอ่ นเขา้ สตู่ �ำ แหนง่ ทางการเมอื ง อยา่ งเขม้ งวด เชน่ ไมเ่ คยทุจริต ไมเ่ คยถูกไลอ่ อกจากหน่วยงานรฐั ไม่เคยทำ�ผดิ คดีรา้ ยแรง เชน่ ค้ายาเสพติด คา้ มนษุ ย์ ฟอกเงนิ เปน็ ต้น กลไกท่ี 2 ถอดถอนคนไมด่ ี ทท่ี �ำ การทจุ รติ และประพฤตมิ ชิ อบ ใชอ้ �ำ นาจ โดยมิชอบ ฝ่าฝืนจรยิ ธรรมอย่างรา้ ยแรง ออกจากตำ�แหนง่ กลไกท่ี 3 มรี ฐั สภา ศาลรฐั ธรรมนญู และองคก์ รอสิ ระ ประกอบดว้ ย คณะกรรมการการเลอื กตง้ั (กกต.) ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการตรวจเงินแผน่ ดนิ (คตง.) และคณะกรรมการสทิ ธมิ นษุ ยชนแหง่ ชาติ (กสม.) คอยตรวจสอบ กลไกสดุ ทา้ ยคอื กลไกท่ี 4 ประชาชนมสี ว่ นรว่ มในการแจง้ เบาะแสขอ้ มลู และหนว่ ยงานรฐั ทำ�งานอย่างโปรง่ ใส การเลอื กต้งั คณุ ภาพ โดยพลเมืองคุณภาพ คอื การเลือกตัง้ ทพี่ ลเมอื งมสี ่วนรว่ ม
17 ตอนท่ี 17 “องคก์ รและผเู้ กย่ี วขอ้ งในการตรวจสอบการใชอ้ �ำ นาจรฐั ตอนท่ี 1 ” องคก์ รและผเู้ กย่ี วขอ้ งในการตรวจสอบการใชอ้ �ำ นาจรฐั หน่วยงานของรัฐ และองค์กรอิสระ ที่ทำ�หน้าที่ในการดำ�เนินการหรือ ตรวจสอบการใช้อำ�นาจรัฐให้เป็นไปโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย เพอ่ื ใหก้ ารบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ ของประเทศเดนิ ไปขา้ งหนา้ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ สุจริตและโปร่งใส ได้แก่ รัฐสภา ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลทหาร ศาลรฐั ธรรมนญู และองคก์ รอสิ ระตามรฐั ธรรมนญู ประกอบดว้ ยคณะกรรมการ การเลอื กตง้ั หรอื กกต. ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปราม การทจุ รติ แห่งชาติหรือป.ป.ช.คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินหรือคตง.และ คณะกรรมการสทิ ธิมนุษยชนแห่งชาติ หรือ กสม. รว่ มเรยี นรู้รฐั ธรรมนูญใหม่ รว่ มสร้างประชาธปิ ไตย ก้าวไปกับ กกต. และ ศส.ปชต.
18 ตอนท่ี 18 “องคก์ รและผเู้ กย่ี วขอ้ งในการตรวจสอบการใชอ้ �ำ นาจรฐั ตอนท่ี 2 ” บคุ คลและชุมชน เก่ียวขอ้ งกับการตรวจสอบการใชอ้ ำ�นาจรฐั ได้อย่างไร รัฐธรรมนญู ได้เปดิ โอกาสให้บุคคลและชุมชน สามารถเข้าถงึ ข้อมูลข่าวสาร ของทางราชการ การเสนอเรื่องราวร้องทุกข์ การฟ้องร้องหน่วยงานของรัฐ ใหร้ บั ผดิ เนอ่ื งจากการกระท�ำ หรอื การละเวน้ การกระท�ำ ของขา้ ราชการพนกั งาน หรอื ลกู จา้ งของหนว่ ยงานรฐั การรว่ มกนั เขา้ ชอ่ื กลา่ วหาผดู้ �ำ รงต�ำ แหนง่ ในองคก์ ร อิสระว่ามีพฤตกิ ารณ์รำ�่ รวยผิดปกติ ทุจริตต่อหนา้ ที่ จงใจปฏบิ ัตหิ น้าทห่ี รือใช้ อำ�นาจขัดต่อบทบญั ญตั แิ หง่ รฐั ธรรมนูญหรอื กฎหมาย ฝ่าฝนื หรือไม่ปฏบิ ัตติ าม มาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง นอกจากนี้บุคคลยังสามารถเข้าชื่อกัน เพื่อเสนอข้อบัญญัติหรือถอดถอนสมาชิกสภาท้องถ่ินหรือผู้บริหารท้องถ่ินตาม หลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารทก่ี ฎหมายก�ำ หนด การเลือกต้ังคณุ ภาพ โดยพลเมอื งคุณภาพ คอื การเลอื กต้ังทีพ่ ลเมืองมสี ว่ นรว่ ม
19 ตอนที่ 19 “ประชาชนผเู้ ป็นเจ้าของอำ�นาจอธิปไตย” หลกั การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยท่ีส�ำ คญั หลกั หนึง่ คอื อำ�นาจ สงู สดุ หรอื อ�ำ นาจอธปิ ไตยเปน็ ของปวงชน โดยประชาชนท�ำ หนา้ ทป่ี กครองตนเอง แตเ่ นอ่ื งดว้ ยประชาชนมจี �ำ นวนมาก ดงั นน้ั การเขา้ ไปใชอ้ �ำ นาจอธปิ ไตย โดยตรง เชน่ ออกกฎหมาย บรหิ ารประเทศ การตดั สนิ คดคี วามและการตรวจสอบอ�ำ นาจรฐั จึงเปน็ เร่ืองท่เี ป็นไปไมไ่ ด้ ด้วยขอ้ จ�ำ กดั ดงั กลา่ วจงึ เกิดรูปแบบการปกครอง ระบอบประชาธปิ ไตยแบบผ้แู ทน โดยประชาชนเลือกผู้แทนข้ึนท�ำ หนา้ ทแี่ ทน ในเรอ่ื งทก่ี ลา่ วขา้ งตน้ ทง้ั น้ี บทบาทของประชาชนไมไ่ ดส้ น้ิ สดุ ลงเมอ่ื มกี ารเลอื กตง้ั หรือหย่อนบัตรเลือกตั้งลงในหีบบัตรแต่เพียงเท่านั้น แท้จริงแล้วการเลือกตั้ง เป็นเพียงกลไกเบ้ืองต้นหรือกิจกรรมทางการเมืองอย่างหน่ึงของการปกครอง ในระบอบประชาธปิ ไตย ดงั นน้ั กลไกส�ำ คญั ของการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย จึงขึ้นอยู่กับประชาชนในฐานะเจ้าของอำ�นาจอธิปไตย ที่จะเข้ามามีส่วนร่วม ในการตดิ ตามและตรวจสอบการใชอ้ �ำ นาจรฐั รว่ มเรียนร้รู ัฐธรรมนญู ใหม่ รว่ มสร้างประชาธปิ ไตย ก้าวไปกับ กกต. และ ศส.ปชต.
20 ตอนท่ี 20 “ท�ำ ไมประชาชนจงึ มคี วามส�ำ คญั กบั กลไกการตรวจสอบอ�ำ นาจรฐั ” แม้ว่าประชาชนจะได้มอบอำ�นาจอธิปไตยของตนบางส่วนให้แก่ผู้แทน ที่ตนเลือก เพือ่ ให้ผูแ้ ทนเขา้ ไปใช้อ�ำ นาจแทนตนใน “สภา” แตผ่ ูใ้ ช้อ�ำ นาจแทน ประชาชนก็อาจไม่สามารถสนองตอบและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของ ประชาชนไดท้ กุ ดา้ น ไมว่ า่ จะเปน็ ดา้ นชวี ติ ความเปน็ อยู่ ดา้ นสงั คม ดา้ นเศรษฐกจิ ดา้ นการสาธารณสขุ เพอ่ื ใหป้ ระชาชนมคี ณุ ภาพชวี ติ ทด่ี ี ดงั นน้ั ประชาชนในฐานะ ทเ่ี ปน็ ผรู้ บั ผลประโยชน์ จงึ ตอ้ งใหค้ วามส�ำ คญั และสนใจ “การเมอื ง” โดยการตดิ ตาม สอดสอ่ ง ตรวจสอบการด�ำ เนนิ งานของหนว่ ยงานรฐั องคก์ รทางการเมอื งตา่ ง ๆ ทง้ั การท�ำ งานของรฐั บาล รฐั สภา และนกั การเมอื งซง่ึ เปน็ ผแู้ ทนของตน ตลอดจน การสนบั สนนุ ขอ้ มลู ตา่ ง ๆ ทง้ั ขอ้ มลู ในลกั ษณะทเ่ี ปน็ ขอ้ เทจ็ จรงิ ปญั หา ความตอ้ งการ และผลกระทบตา่ ง ๆ ทเ่ี กดิ จากการด�ำ เนนิ การหรอื ไมด่ �ำ เนนิ การตา่ ง ๆ จากภาครฐั เพอ่ื ใหข้ อ้ มลู เหลา่ นเ้ี ขา้ สกู่ ระบวนการทางการเมอื ง แลว้ แปลงเปน็ นโยบายน�ำ ไปสู่ การปฏิบัติเพ่ือตอบสนองความต้องการของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำ�นาจ อธปิ ไตยตอ่ ไป การเลอื กต้ังคณุ ภาพ โดยพลเมอื งคณุ ภาพ คือ การเลือกตง้ั ท่ีพลเมืองมีสว่ นรว่ ม
21 ตอนที่ 21 “ใครบ้างทจี่ ะได้รบั การตรวจสอบ” การตรวจสอบการใชอ้ ำ�นาจรัฐ มบี ุคคลหรอื กลุ่มอยใู่ นข่ายท่ีจะต้องถกู ตปร.ปว.จชส.อคบือตบาคุมคกลระทบีม่ วพี นฤกตาิกราทรี่รณัฐร์ธำ่�รรรวมยนผูญิดกปำ�กหตนิ ดทไุจวร้ทติ ่ีอตยอ่ ู่ในหอนำ�า้ นทา่ี จจหงในจ้าปทฏ่ีขิบอตั งิ หนา้ ท่หี รอื ใช้อ�ำ นาจขัดตอ่ บทบัญญตั ิแหง่ รัฐธรรมนญู หรอื กฎหมาย ฝา่ ฝืนหรอื ไม่ปฏบิ ัติตามมาตรฐานทางจรยิ ธรรมอยา่ งร้ายแรง หรือไม่ยื่นบัญชที รพั ยส์ ิน และหนส้ี นิ ของตน คสู่ มรส และบตุ รทย่ี งั ไมบ่ รรลนุ ติ ภิ าวะ ซง่ึ สามารแบง่ บคุ คล และกลมุ่ บคุ คลทีอ่ ยใู่ นข่ายท่จี ะตอ้ งถกู ตรวจสอบมไี ด้ดงั นี้ กลมุ่ ที่ 1 คอื ผู้ด�ำ รงตำ�แหน่งทางการเมอื ง ซึ่งได้แก่ นายกรฐั มนตรี รฐั มนตรี สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร สมาชกิ วฒุ สภา ขา้ ราชการการเมอื งผบู้ รหิ าร ท้องถิ่นและสมาชกิ สภาทอ้ งถิ่น ตามท่ีกฎหมายก�ำ หนด กลุ่มที่ 2 คือ ศาลและผดู้ �ำ รงต�ำ แหน่งในองค์กรอสิ ระ ซง่ึ ไดแ้ ก่ ศาล ยตุ ธิ รรม ศาลปกครอง ศาลทหาร ศาลรฐั ธรรมนญู คณะกรรมการการเลอื กตง้ั (กกต.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการตรวจเงนิ แผน่ ดนิ (คตง.) คณะกรรมการสทิ ธมิ นษุ ยชนแหง่ ชาติ (กสม.) ผตู้ รวจการแผน่ ดิน ผ้วู า่ การตรวจเงนิ แผ่นดนิ กลุ่มสดุ ท้ายคอื กลมุ่ ท่ี 3 เจ้าหน้าทีข่ องรฐั หรอื ข้าราชการระดับสงู ท่ีมี ตำ�แหนง่ ระดับผูอ้ �ำ นวยการกอง หรือซี 8 ขน้ึ ไป รว่ มเรยี นรู้รัฐธรรมนูญใหม่ ร่วมสร้างประชาธปิ ไตย ก้าวไปกับ กกต. และ ศส.ปชต.
22 ตอนท่ี 22 “เปา้ หมายในการตรวจสอบการใชอ้ �ำ นาจรัฐ” เป้าหมายในการตรวจสอบการใชอ้ �ำ นาจรฐั ของรัฐสภา ศาล และองค์กร อสิ ระแตล่ ะประเภท มีดังน้ี เปา้ หมายแรก เพอ่ื คมุ้ ครองประโยชนข์ องรฐั หรอื ประโยชนข์ องแผน่ ดนิ รวมทง้ั การปกปอ้ งดูแลและคมุ้ ครองสทิ ธิ เสรีภาพของบุคคลหรอื ประชาชน องคก์ รทท่ี �ำ หน้าท่คี ือ รัฐสภา และศาลยุติธรรม เป้าหมายที่ 2 เพื่อปกป้องดูแล และคุ้มครองประโยชน์ ศักดิ์ศรี ความเปน็ มนษุ ย์ สทิ ธแิ ละเสรภี าพของบคุ คล หรอื ของประชาชน องคก์ รทท่ี �ำ หนา้ ท่ี มี 4 องคก์ ร คอื รฐั สภา ศาลปกครอง ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ และคณะกรรมการสทิ ธิ มนษุ ยชน เปา้ หมายสดุ ทา้ ย เพอ่ื คมุ้ ครองประโยชนข์ องรฐั หรอื ประโยชนข์ องแผ่น ดินโดยเฉพาะ องค์กรที่ทำ�หน้าที่ได้แก่ รัฐสภา ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะ กรรมการตรวจเงินแผ่นดนิ (คตง.) การเลือกตัง้ คณุ ภาพ โดยพลเมืองคณุ ภาพ คือ การเลือกตัง้ ทีพ่ ลเมืองมีสว่ นร่วม
23 ตอนท่ี 23 “การย่ืนบัญชที รพั ย์สินและหนสี้ ิน” การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน เป็นมาตรการหนึ่งในการ ตรวจสอบปอ้ งกนั การฉอ้ ราษฎร์บังหลวง โดยรัฐธรรมนญู ไดก้ �ำ หนดใหผ้ ู้ด�ำ รง ต�ำ แหนง่ ทางการเมอื ง ตลุ าการศาลรฐั ธรรมนญู ผดู้ �ำ รงต�ำ แหนง่ ในองคก์ รอสิ ระ ผ้วู ่าการตรวจเงนิ แผ่นดิน และเจา้ หน้าทข่ี องรัฐยนื่ บัญชที รัพยส์ ินและหน้ีสนิ ของตนค่สู มรส และบุตรท่ยี งั ไมบ่ รรลุนติ ิภาวะ รวมทั้งตรวจสอบและเปิดเผย ผลการตรวจสอบทรพั ยส์ ินและหนสี้ นิ ของบคุ คลดังกลา่ ว ในกรณที บ่ี คุ คลดงั กลา่ ว จงใจไมย่ น่ื บญั ชแี สดงรายการทรพั ยส์ นิ และหนส้ี นิ หรือจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินหรือหน้ีสินอันเป็นเท็จหรือปกปิด ข้อเทจ็ จริงท่ีควรแจง้ ให้ทราบ และมพี ฤติการณ์อนั ควรเชื่อไดว้ ่ามีเจตนาไมแ่ สดง ที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนข้อเท็จจริง หากเหน็ วา่ เปน็ มพี ฤตกิ ารณห์ รอื กระท�ำ ความผดิ ตามขา้ งตน้ ใหส้ ง่ ส�ำ นวนไตส่ วน ไปยังอัยการสูงสุดเพ่ือฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำ�รงตำ�แหน่ง ทางการเมอื งต่อไป รว่ มเรียนรู้รฐั ธรรมนูญใหม่ ร่วมสรา้ งประชาธิปไตย กา้ วไปกับ กกต. และ ศส.ปชต.
24 ตอนท่ี 24 “กรณไี มย่ ืน่ หรอื ยนื่ บัญชีทรพั ยส์ ินและหน้สี นิ อันเปน็ เท็จ” ผมู้ หี นา้ ทต่ี อ้ งยน่ื บญั ชแี สดงรายการทรพั ยส์ นิ และหนส้ี นิ หากไมย่ น่ื บญั ชี แสดงรายการทรพั ยส์ นิ และหนส้ี นิ จะมบี ทลงโทษอยา่ งไร กรณี บคุ คลผมู้ หี นา้ ทย่ี น่ื บญั ชที รพั ยส์ นิ และหนส้ี นิ จงใจไมย่ น่ื บญั ชแี สดง รายการทรพั ย์สนิ และหน้สี ิน หรือจงใจยืน่ บญั ชีแสดงรายการทรัพยส์ นิ หรอื หนส้ี นิ อันเป็นเทจ็ หรอื ปกปดิ ขอ้ เทจ็ จริงท่ีควรแจ้งใหท้ ราบ และมีพฤติการณ์อันควร เชอ่ื ไดว้ า่ มเี จตนาไมแ่ สดงทม่ี าแหง่ ทรพั ยส์ นิ หรอื หนส้ี นิ ใหค้ ณะกรรมการ ป.ป.ช. ไตส่ วนขอ้ เทจ็ จรงิ หากเหน็ วา่ เปน็ มพี ฤตกิ ารณห์ รอื กระท�ำ ความผดิ ตามข้างตน้ ให้ส่งสำ�นวนไต่สวนไปยังอัยการสูงสุดเพ่ือฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ด�ำ รงตำ�แหนง่ ทางการเมือง เมือ่ ศาลได้ประทับรับฟ้องแลว้ ให้ผถู้ ูกกล่าวหาหยุดปฏิบตั หิ นา้ ที่จนกว่า จะมีคําพิพากษา เวน้ แตจ่ ะศาลมีคําส่ังเป็นอย่างอ่นื การเลอื กตั้งคณุ ภาพ โดยพลเมืองคุณภาพ คอื การเลอื กต้งั ทพี่ ลเมอื งมสี ว่ นรว่ ม
25 ตอนท่ี 25“โทษของการไมย่ ่ืนหรอื ยืน่ บญั ชที รัพย์สินและหนสี้ นิ อันเปน็ เทจ็ ” บทลงโทษของผ้มู ีหนา้ ท่ตี อ้ งยืน่ บัญชแี สดงรายการทรัพย์สิน และหนสี้ นิ แตไ่ มย่ น่ื บญั ชแี สดงรายการทรพั ยส์ นิ และหนส้ี นิ มบี ทลงโทษอยา่ งไร กรณที ศ่ี าลมคี าํ พพิ ากษาวา่ ผถู้ กู กลา่ วหามพี ฤตกิ ารณห์ รอื กระทาํ ความผดิ ให้ผตู้ ้องคาํ พิพากษานัน้ พน้ จากตําแหน่งนบั แต่วนั หยดุ ปฏิบตั ิหน้าท่ี และให้ เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกต้ังของผู้น้ันและจะเพิกถอนสิทธิเลือกต้ังมีกําหนด เวลาไม่เกิน 10 ปีดว้ ยหรือไมก่ ็ได้ ผใู้ ดถูกเพกิ ถอนสทิ ธิสมคั รรับเลือกตง้ั ไม่ วา่ ในกรณใี ดผนู้ ้ันไมม่ ีสิทธิสมคั รรับเลือกตั้งหรอื สมัครรับเลอื กเปน็ ส.ส. ส.ว. สมาชกิ สภาท้องถ่นิ หรือผู้บริหารท้องถนิ่ ตลอดไป และไม่มีสิทธดิ าํ รงตาํ แหนง่ ทางการเมืองใดๆ กรณีที่ศาลพิพากษาว่าผู้ถูกกล่าวหามีความผิดฐานร่ำ�รวยผิดปกติหรือ ทุจริตต่อหนา้ ที่ ใหร้ บิ ทรพั ยส์ นิ ทีผ่ ู้น้ันไดม้ าจากการกระทําความผดิ รวมทั้ง บรรดาทรัพย์สินหรือประโยชน์อ่ืนใดที่ได้มาแทนทรัพย์สินน้ันตกเป็นของ แผน่ ดนิ รว่ มเรยี นรรู้ ฐั ธรรมนญู ใหม่ ร่วมสรา้ งประชาธิปไตย ก้าวไปกบั กกต. และ ศส.ปชต.
26 ตอนท่ี 26 “วิธีการตรวจสอบอ�ำ นาจรฐั โดยรัฐสภา” การตรวจสอบการใช้อ�ำ นาจของฝา่ ยนติ ิบญั ญัติ โดยสมาชิกสภาผแู้ ทน ราษฎร (ส.ส.) หรือสมาชิกวุฒสิ ภา (ส.ว.) ซ่ึงสามารถเสนอญตั ติขอเปดิ อภิปราย ทว่ั ไปเพอ่ื ลงมตไิ มไ่ วว้ างใจ หรอื ซกั ถามขอ้ เทจ็ จรงิ หรอื ตง้ั กระทถู้ าม หรอื เสนอแนะ ปัญหาตอ่ คณะรฐั มนตรี ด้วยวธิ ีการดงั น้ี วธิ ที ่ี 1 สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร (ส.ส.) จ�ำ นวนไมน่ อ้ ยกวา่ 1 ใน 5 ของ จ�ำ นวนสมาชกิ ทง้ั หมดเทา่ ทม่ี อี ยขู่ องสภาผแู้ ทนราษฎร มสี ทิ ธเิ ขา้ ชอ่ื เสนอญตั ติ ขอเปดิ อภปิ รายทว่ั ไปเพอ่ื ลงมตไิ มไ่ วว้ างใจรฐั มนตรเี ปน็ รายบคุ คลหรอื ทง้ั คณะ วธิ ีท่ี 2 สมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎร (ส.ส.) จ�ำ นวนไมน่ อ้ ยกวา่ 1 ใน 10 ของ จำ�นวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร จะเข้าชื่อกันเสนอ ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อ คณะรฐั มนตรี โดยไม่มีการลงมตกิ ไ็ ด้ วธิ ที ่ี 3 สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จำ�นวนไมน่ อ้ ยกวา่ 1 ใน 3 ของจำ�นวน สมาชกิ ทั้งหมดเทา่ ทม่ี ีอยขู่ องวฒุ สิ ภา เข้าช่ือเสนอญตั ติขอเปิดอภปิ รายทวั่ ไป ในวฒุ สิ ภาเพอ่ื ใหค้ ณะรฐั มนตรแี ถลงขอ้ เทจ็ จรงิ หรอื ชแ้ี จงปญั หาส�ำ คญั เกย่ี วกบั การบริหารราชการแผ่นดนิ โดยไม่มกี ารลงมตไิ ด้ วิธีที่ 4 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) หรือ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรีในเรื่องเกี่ยวกับงานในหน้าที่ โดยจะถามเป็นหนังสือหรือ ดว้ ยวาจาก็ได้ การเลอื กต้ังคุณภาพ โดยพลเมอื งคุณภาพ คอื การเลอื กต้งั ทีพ่ ลเมอื งมีสว่ นรว่ ม
27 ตอนที่ 27 “วธิ ีการตรวจสอบอ�ำ นาจของฝา่ ยนิติบัญญัติ โดยศาลรฐั ธรรมนญู ” วิธีการตรวจสอบอำ�นาจของฝ่ายนิติบัญญัติ โดยศาลรัฐธรรมนูญ มกี ระบวนการเรม่ิ ตน้ ท่ี สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร (ส.ส.) หรอื สมาชกิ วฒุ สิ ภา (ส.ว.) จ�ำ นวนไมน่ อ้ ยกว่า 1 ใน 10 ของจ�ำ นวนสมาชกิ ทัง้ หมดเท่าทมี่ ีอยู่ของ แตล่ ะสภา เขา้ ชอ่ื รอ้ งตอ่ ประธานของสภาทต่ี นเปน็ สมาชกิ วา่ สมาชิกภาพของ สมาชิกคนใดคนหนึ่งแห่งสภานั้นสิ้นสุดลง และให้ประธานของสภาที่ได้รับ ค�ำ รอ้ ง ส่งคําร้องนั้นไปยงั ศาลรฐั ธรรมนญู เพื่อวินจิ ฉยั ว่าสมาชกิ ภาพของสมาชกิ ผู้นน้ั สนิ้ สุดลงหรอื ไม่ หากปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่าสมาชิกผู้ถูกร้องมีเหตุตามที่ถูกร้อง ให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคําส่ังให้สมาชิกผู้ถูกร้องนั้นหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่า ศาลรฐั ธรรมนญู จะมคี าํ วนิ จิ ฉยั และเมอ่ื ศาลรฐั ธรรมนญู มคี าํ วนิ จิ ฉยั แลว้ ให้ แจง้ คาํ วนิ จิ ฉัยนัน้ ไปยังประธานของสภาทีไ่ ดร้ ับคาํ ร้อง กรณที ศ่ี าลรฐั ธรรมนญู วนิ จิ ฉยั วา่ สมาชกิ ภาพของสมาชกิ ผถู้ กู รอ้ งสน้ิ สดุ ลง ให้ผู้นั้นพ้นจากตําแหน่งนับแต่วันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ไม่กระทบต่อกิจการ ท่ผี ู้นนั้ ไดก้ ระทําไปกอ่ นพน้ จากตําแหนง่ และไมใ่ ห้นบั สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภาซ่ึงหยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ ของสภาผู้แทนราษฎรหรือวฒุ สิ ภา ในกรณที ่ี กกต. เห็นว่าสมาชกิ ภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรอื สมาชิกวุฒิสภาคนใดคนหนึ่งมีเหตุสิ้นสุดลงตามวรรคหนึ่ง ให้ส่งเรื่องไปยัง ศาลรัฐธรรมนญู เพ่ือวินจิ ฉยั ไดด้ ้วย ร่วมเรียนรรู้ ัฐธรรมนูญใหม่ ร่วมสรา้ งประชาธิปไตย กา้ วไปกบั กกต. และ ศส.ปชต.
28 ตอนที่ 28 “วธิ กี ารตรวจสอบอ�ำ นาจของฝ่ายนิติบญั ญตั ิ และฝา่ ยบริหาร โดยศาลรัฐธรรมนูญ ตอนท่ี 1 ” วิธกี ารตรวจสอบอ�ำ นาจของฝา่ ยนิตบิ ัญญตั ิ และฝา่ ยบริหาร โดยศาล รัฐธรรมนูญ มีกระบวนการเร่มิ ตน้ ท่ี สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) หรือ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) มจี าํ นวนไมน่ ้อยกว่า1 ใน 10 ของจาํ นวนสมาชกิ ท้ังหมดเทา่ ท่ีมอี ยู่ของแต่ละสภา เหน็ วา่ ในการพิจารณาของสภาผูแ้ ทนราษฎร วฒุ ิสภา หรอื คณะกรรมาธิการ การเสนอ การแปรญตั ติเปลีย่ นแปลงหรอื แกไ้ ข เพ่ิมเติมรายการหรือในการพิจารณากฎหมายท่ีเก่ียวกับการเงินหรืองบประมาณ ประจ�ำ ปี ทม่ี ีผลให้สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎร สมาชกิ วุฒิสภาหรือกรรมาธิการ มีส่วนได้รับประโยชน์ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณนั้น ใหเ้ สนอความเหน็ ตอ่ ศาลรฐั ธรรมนญู เพอ่ื พจิ ารณา และศาลรฐั ธรรมนญู ตอ้ งพจิ ารณา วินจิ ฉัยให้แลว้ เสร็จภายใน 15 วนั นับแต่วันที่ไดร้ บั ความเห็นดังกล่าว การเลอื กต้ังคณุ ภาพ โดยพลเมอื งคณุ ภาพ คือ การเลอื กตง้ั ท่ีพลเมอื งมีสว่ นร่วม
29 ตอนท่ี 29 “วิธกี ารตรวจสอบอำ�นาจของฝ่ายนติ บิ ญั ญตั ิ และฝ่ายบรหิ าร โดยศาลรัฐธรรมนูญ ตอนท่ี 2 ” วิธีการตรวจสอบอำ�นาจของฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหารโดย ศาลรัฐธรรมนูญ ต่อจากต่อที่แล้ว กรณที ศ่ี าลรฐั ธรรมนญู วนิ จิ ฉยั วา่ มกี ารกระทาํ ฝา่ ฝนื ขอ้ หา้ มในการเสนอหรอื แปรญตั ตงิ บประมาณรายจา่ ยจรงิ รฐั ธรรมนญู ก�ำ หนดใหก้ ารเสนอการแปรญตั ติ หรอื การกระทาํ ดงั กลา่ วเปน็ อนั สน้ิ ผล และถ้าผู้กระทําการดังกล่าวเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชกิ วฒุ ิสภา ให้ผู้กระทําการนั้นสิ้นสุดสมาชิภาพนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคาํ วนิ จิ ฉัย กับให้เพกิ ถอนสทิ ธิสมคั รรบั เลอื กตงั้ ของผูน้ ้นั ยง่ิ ไปกว่าน้นั หากเป็น กรณีที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้กระทําการหรืออนุมัติให้กระทําการหรือรู้ว่ามี การกระทาํ ดงั กลา่ วแลว้ แตม่ ไิ ดส้ ง่ั ยบั ยง้ั ใหค้ ณะรฐั มนตรพี น้ จากตาํ แหนง่ ทง้ั คณะ นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคําวินิจฉัย และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตง้ั ของรฐั มนตรที พ่ี น้ จากตาํ แหนง่ นน้ั เวน้ แตจ่ ะพสิ จู นไ์ ดว้ า่ ตนไมไ่ ดอ้ ยใู่ นทป่ี ระชมุ ในขณะที่มีมติ และให้ผู้กระทําการดังกล่าวต้องรับผิดชดใช้เงินนั้นคืนพร้อม ดว้ ยดอกเบย้ี ดว้ ย สำ�หรับเจ้าหน้าท่ีของรัฐผู้ใดจัดทําโครงการหรืออนุมัติหรือจัดสรรเงิน งบประมาณโดยรวู้ า่ มกี ารดาํ เนนิ การอนั เปน็ การฝา่ ฝนื ดงั กลา่ ว ถา้ ไดบ้ นั ทกึ ขอ้ โตแ้ ยง้ ไวเ้ ปน็ หนงั สอื หรอื มหี นงั สอื แจง้ ใหค้ ณะกรรมการป.ป.ช.ทราบใหพ้ น้ จาก ความรบั ผดิ รว่ มเรียนรู้รัฐธรรมนูญใหม่ ร่วมสร้างประชาธิปไตย กา้ วไปกับ กกต. และ ศส.ปชต.
30 ตอนท่ี 30 “รัฐสภาตรวจสอบองคก์ รอิสระ” การตรวจสอบอำ�นาจรัฐ ในส่วนของการตรวจสอบองค์กรอสิ ระ องค์กรอิสระนอกจากจะทำ�หน้าท่ีตรวจสอบผู้ดำ�รงตำ�แหน่งทางการเมือง หรอื องคก์ ร หรอื หนว่ ยงานของรฐั แลว้ องคก์ รอสิ ระยงั ถกู ตรวจสอบโดยผอู้ ื่นได้ ดว้ ยวธิ ีการดังนี้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร (ส.ส.) สมาชกิ วฒุ สิ ภา (ส.ว.) หรอื สมาชกิ ของ ทง้ั 2 สภา จ�ำ นวนไมน่ อ้ ยกวา่ 1 ใน 5 ของจ�ำ นวนสมาชกิ ทง้ั หมดเทา่ ทม่ี อี ยขู่ อง มทงีส้ั ิท2ธิเขส้าภชาื่อกหลร่าือวปหราะวช่าากชรนรผมู้มกีสาริทธปเิ ล.ปอื .กชต.ม้งั ีพจ�ำฤนตวิกนาไรมณ่น์ร้อ่ำ�ยรกววยา่ ผิด2ป0ก,0ต0ิ 0ทุจครนิต ต่อหน้าที่ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำ�นาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยย่ืนเร่ืองพร้อมด้วยหลักฐานต่อประธานรัฐสภาเพ่ือเสนอเร่ืองไปยัง ศาลฎกี าเพอื่ ไตส่ วนหาขอ้ เท็จจรงิ หากศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่าข้อกล่าวหาไม่มีมูลให้ศาลส่ังยุติเร่ือง แต่ถ้าศาลเห็นว่ากรรมการ ป.ป.ช. ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทาง จริยธรรมอยา่ งร้ายแรงใหพ้ ิพากษาใหก้ รรมการ ป.ป.ช. ผู้น้นั พ้นจากตำ�แหน่ง หากเหน็ วา่ มพี ฤตกิ ารณร์ �ำ่ รวยผดิ ปกติ ทจุ รติ ตอ่ หนา้ ท่ี จงใจปฏบิ ตั หิ นา้ ทห่ี รอื ใชอ้ �ำ นาจขดั ตอ่ บทบญั ญตั แิ หง่ รฐั ธรรมนญู หรอื กฎหมาย ใหส้ ง่ ส�ำ นวนการไตส่ วน ไปยังอัยการสูงสุดเพ่ือฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำ�รงตำ�แหน่ง ทางการเมอื งตอ่ ไป การเลือกตงั้ คุณภาพ โดยพลเมอื งคณุ ภาพ คือ การเลอื กตั้งที่พลเมืองมีส่วนร่วม
31 ตอนท่ี 31 “ประชาชนคอื หวั ใจสำ�คญั ในการตรวจสอบ” วนั นข้ี อนอ้ มน�ำ พระราชด�ำ รสั ของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ล อดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ตอนหนง่ึ ทว่ี า่ “ในบา้ นเมอื งนน้ั มที ง้ั คนดแี ละคนไมด่ ี ไมม่ ใี ครจะท�ำ ใหท้ กุ คนเป็นคนดไี ด้ทั้งหมด การท�ำ ให้บา้ นเมืองมีความปกติสขุ เรยี บร้อยดี จึงมิใช่การทำ�ให้คนทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ทกี่ ารสง่ เสริมคนดี ให้คนดไี ด้ปกครองบ้านเมือง และควบคมุ คนไมด่ ีไมใ่ หม้ อี ำ�นาจ ไมใ่ หก้ อ่ ความ เดือดรอ้ นว่นุ วายได้” นอกเหนือจากท่ีรัฐธรรมนูญได้มีกลไกหรือมาตรการในการป้องกัน หรอื สกัดก้นั ไม่ใหค้ นไม่ดเี ขา้ มาด�ำ รงต�ำ แหน่งทางการเมืองแล้ว ยงั มีรัฐสภา ศาล และมอี งคก์ รอสิ ระ ทท่ี �ำ หนา้ ทใ่ี นการตรวจสอบผดู้ �ำ รงต�ำ แหนง่ ทางการเมอื ง ตลอดจนหน่วยงานของรัฐและท่ีถือว่าเป็นหัวใจในการตรวจสอบการใช้ อ�ำ นาจรฐั ส�ำ คญั ทส่ี ดุ คอื ประชาชน เพราะการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย ประชาชนเปน็ เจา้ ของอำ�นาจอธปิ ไตย เป็นการปกครองของประชาชน เพอื่ ประชาชน และโดยประชาชน ดังนั้น ประชาชนจึงเป็นผู้รับผลประโยชน์ จากการปกครองน้นั นนั่ เองครับ/คะ รว่ มเรยี นรรู้ ฐั ธรรมนญู ใหม่ ร่วมสร้างประชาธิปไตย ก้าวไปกับ กกต. และ ศส.ปชต.
Search
Read the Text Version
- 1 - 37
Pages: