1
ศิลปนิยม 20300-1002 บทท่ี 1 หวั ขอ้ : ความร้พู น้ื ฐานเกี่ยวกบั ศลิ ปนยิ ม 2
บทที่ 1 ความรูพ้ ื้นฐานเก่ียวกับศิลปนิยม ศลิ ปนยิ ม (ART APPRECIATION ) เดมิ ใช้ ศิลปวิจารณ์ ความหมาย คือซาบซึ้งในศลิ ปะ เพราะศลิ ปะไดร้ บั การแบง่ แยกเป็นยคุ สมัยหลายกรณดี ว้ ยกนั เมอื่ ถูกพิจารณาในแงค่ วามเชอ่ื และสติปญั ญา ศลิ ปะจะบอกได้ถงึ สภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมอื ง ถา่ ยทอดความรจู้ ากยคุ หน่ึงสยู่ ุคหนง่ึ อย่างต่อเนื่อง แสดงให้เหน็ ถงึ พัฒนาการและเอกลักษณ์ อันเป็นคา่ นิยมของคนในยุคสมยั ต่างๆ ตอ่ ศิลปะจนกลายเป็นศลิ ปนิยม ศิลปะนยิ มจงึ ประกอบก้วยแบบแผนของความคิดสร้างสรรค์ท่ีแสดงออกชัดแจง้ หรือแฝงอยู่ ศิลปะนยิ มเป็นผลผลติ อันเกิดจากการอยู่ร่วมกนั ของมนษุ ย์ มีความคดิ ทีย่ ึดถือกันมาเป็นประเพณแี ละค่านิยม ทรี่ วมอยู่ในความสร้างสรรค์น้นั ๆ ศิลปะนยิ มน้นั มนษุ ย์สรา้ งขึ้นมาและผูกพนั อย่างมีอทิ ธิพลตอ่ความคดิ สรา้ งสรรค์ศิลปะของมนุษยเ์ อง ปจั จบุ นั การสร้างสรรค์งานศลิ ปะ จึงมีววิ ฒั นาการท่กี ้าวไกลออกไปยิง่ ขน้ึ ทกุ ขณะ เป็นวชิ าทีเ่ ก่ียวเนือ่ งด้วยวิชาที่ว่าดว้ ยการแสวงหาความหมาย ของข่ายความงามท่เี ป็นศลิ ปะ ในหลัก กการของสนุ ทรยี ศาสตร์ รวมถงึ การสร้างสรรคศ์ ลิ ปะในแขนงตา่ ง ๆเพอ่ื ความรู้ ความเข้าใจ และทัศนคตทิ ี่ ถูกต้องตอ่ งานศิลปะร่วมกัน โดยเฉพาะในงานทัศนศลิ ป์ จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 1. สรุปความหมายและขอบขา่ ยของศิลปะนิยมได้ 2. อธบิ ายปรชั ญา ความสาคัญ และประโยชนข์ องศิลปะนยิ มได้ 1. ความหมายของศิลปนิยม ศิลปนิยม หมายถึง การนยิ มศิลปะ อันเปน็ ผลงานทม่ี นุษยส์ ร้างขนึ้ ด้วยฝีมือ และเปน็ ส่ิงที่นิยมกันว่ามี คณุ ค่าทางศลิ ปะ ภายในขอบเขตของคตคิ วามเชือ่ แหง่ ยคุ สงิ่ ต่าง ๆมีการเปล่ยี นแปลงอยูเ่ สมอ มากบา้ งนอ้ ย บา้ งตามสภาพแวดล้อมทีต่ ่างกันไปตามยคุ สมัย ประกอบกบั ความคิดเหน็ ของมนุษย์ท่ีร้จู ักที่จะคิดสรา้ งสรรค์ สง่ิ ใหม่ ๆจึงส่งผลให้เกดิ การเปลี่ยนแปลง เล่ือนไหลขยายขอบขา่ ยของการตอบสนองใหก้ วา้ งขวาง ตามการ เปล่ยี นแปลงและขยายตัวของสังคมแตล่ ะยุค ศิลปนยิ ม เปน็ วิชาทวี่ ่าดว้ ยการสุนทรียศาสตร์ หลักการสรา้ งสรรค์ศลิ ปะ และความเปน็ มาของศลิ ปะแขนงตา่ ง ๆเพอ่ื ใหเ้ กดิ ความรคู้ วามเขา้ ใจที่ดี มีทศั นคตอิ ย่างถูกต้องตอ่ งานศลิ ปะร่วมกนั ตามทมี่ นุษย์ในสงั คมให้ค่านิยมวา่ ดหี รือไม่ดี เปน็ ส่งิ ทีป่ รารถนาหรอื ไมพ่ งึ ปรารถนา คา่ นิยมทม่ี ผี ลต่อการตดั สนิ ใจของมนุษย์ ในการเลอื กสง่ิ ท่มี องเหน็ และเขา้ ใจ คา่ นยิ ม จงึ เป็นกรอบแนวคิดทางสังคม เมื่องานศลิ ปะใดถกู สร้างขนึ้ มาอยา่ งเหมาะสมกบั หลกั เกณฑแ์ ละคา่ นิยมของสังคม งาน ศลิ ปะนัน้ ๆก็จะมีคา่ เป็นศิลปนิยม 3
2. ขอบข่ายของศลิ ปนยิ ม ในงานศิลปะชิ้นเดยี วทีม่ นษุ ยเ์ รามอง อารมณ์ ความรู้สกึ ทไี่ ด้รบั จะไมเ่ หมือนกนั ทง้ั นี้ข้นึ อยกู่ บั ประสบการณข์ องแตล่ ะคน เพราะทรรศนะต่อชีวติ ของแต่ละสังคมจะแตกต่างกันไป แนวคิด เรอ่ื งราว จดุ มงุ่ หมายของการผลิต การบรโิ ภคสาหรับชวี ิตไมได้คงรูปตายตวั และไมได้มีทรรศนะท่ีตกลงกันในทกุ กลุ่ม สังคม ด้วยการระทาการใดยอ่ มมคี วามตอ้ งการและพอใจเป็นตัวกาหนด ความตอ้ งการและความพิใจจึงเป็น กลไกอนั สาคญั ทีค่ วบคมุ การกระทา โดยจะขึ้นอยู่กับการกาหนดคุณค่าและความหมายจากมนุษยด์ ้วยกนั ต่อ สรรพสิง่ ต่าง ๆท่ีรวมงานศิลปะดว้ ย แม้ในทรรศนะของชวี ติ คนในแตล่ ะสงั คมจะแตกต่างกนั ออกไป ดว้ ย ความเป็นกลางหรือสากลของศลิ ปะทีม่ ีมานาน กระทั่งมนษุ ยม์ ปี ระสบการณว์ า่ อย่างไรดี แบบใดดี ไมด่ ี จน เกิดทรรศนะสง่ั สมทกี่ ลายเปฯ้ ระเบยี บกฎเกณฑ์ของการสร้างสรรคง์ านศลิ ปะ สอดคลอ้ งกบั ความเชื่อของ สังคมยุคน้ัน เรียกกนั ว่า ศลิ ปะนิยม ขอบข่ายของศลิ ปะนยิ มมิใช่ข้อบงั คบั แต่เป็นเรอื่ งราวที่ชน้ี าหลกั การ ทางดา้ นสุนทรยี ภาพและวัตถทุ างศลิ ปะสาหรบั การพจิ ารณาร่วมกนั เพือ่ ให้มีความรู้ ความเขา้ ใจ มีความ ซาบซงึ้ เกิดความคดิ มปี ระสบการณ์ มที ัศนคตทิ ด่ี ี มีความแม่นยาในการพจิ ารณาตัดสิน ให้รจู้ กั การนาไปใช้ ใหร้ จู้ ักการประเมินผล 3. ปรชั ญาของศลิ ปะนิยม ปรัชญา คอื หลักแห่งการรบั รแู้ ละความจริง ที่ถูกนาไปประยกุ ต์ใชแ้ ละหาเหตผุ ลในการวิเคราะห์ ความคิดหรือปญั หาทปี่ รชั ญาเขา้ ไปเกี่ยวขอ้ งของศิลปนยิ ม คือ การแสวงหาความหมายความงามของศลิ ปะ น้นั วา่ จรงิ เท็จอย่างไร เป็นการวเิ คราะห์หรือประเมินค่าต่องานศิลปะชนิ้ ใดชิน้ หนงึ่ เพอ่ื การนยิ มอย่างมี คุณค่าทางสนุ ทรยี ะ บนความเข้าใจ และนามาสัมพันธ์กับการดารงชวี ติ ในสังคมรว่ มกนั ปรัชญาศิลปนยิ มประยุกตม์ าจากปรัชญาบริสุทธ์ทิ ่สี ามรถนาไปใช้ได้กบั ทุกสาขาวิชา ปรชั ญา บริสทุ ธ์ิ ประกอบดว้ ย อภปิ รัชญา ญาณวิทยา คุณวิทยา และสุนทรียศาสตร์ มีขอบเขตแสวงหา ความหมายของความงามในศิลปะและวตั ถธุ รรมชาติ เป็นสาขาหน่งึ ของคุณวทิ ยา เช่นเดียวกับจรยิ ศาสตร์ ทีแ่ สวงหาความหมายของความดี คาถามหลกั ของคณุ วิทยาจึงได้แก่ อะไรคอื ความงาม อะไรคือ ความดี โดยลาดับ 4
สุนทรียศาสตร์ในส่วนทเี่ ก่ยี วกบั ความงามของศิลปะนัน้ มีคาถามคาตอบท่ถี กเถยี งกันเร่ืองหัวใจสาคญั ของศลิ ปะคืออะไรมากมาย ซงึ่ พอสรุปได้ 3 ประการดงั นี้ ทฤษฎีเลียนแบบ เชือ่ ว่าแกน่ สารของศลิ ปะ คือการเลียนแบบธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อมภายนอก รวมทั้งการกระทาและความรู้สึกของมนุษย์ เช่น ความรัก ความโกรธ เป็นทฤษฎีท่ีเก่าแก่ ซ่งึ ปัจจุบันไม ได้รบั ความนยิ มมากนกั เพราะทฤษฎไี ม่ครอบคลุมได้ทุกแขนงศิลปะ ภาพหม่บู ้านเลอมติ าจ ณ เมอื งป็องตัวส์ (THE HERMITAGE OF PONTOISE) เทคนคิ สนี ้ามันบนผา้ ใบ[3] ผลงานของ กามีย์ ปิซาโร )CAMILLE PISSARRO) แสดงความรู้สึกเลยี นแบบธรรมชาติ โดยวาดเสมอื นจริง ใกล้เคียงความจริงของวถิ ชี ีวิตในหม่บู ้าน ของชาวปารีส 5
ทฤษฎีรูปทรง เช่อื ว่า หัวใจสาคญั ของศลิ ปะกค็ ือ รูปทรง เนือ้ หาและส่งิ ที่ศิลปินเลียนแบบไม่ให้ คณุ คา่ ทางศลิ ปะ สิ่งที่ใหค้ ณุ คา่ ทางศลิ ปะต้องเปน็ ส่ิงใหม่ของชวี ติ เพราะการแยกอยา่ งเด็ดขาดจากเร่อื งราว หรือคุณค่าอืน่ ๆของชีวิตนี่เอง ทาใหท้ ฤษฎีรูปทรงไมไดร้ ับการยอมรบั เทา่ ทีค่ วร มลี ักษณะท่ีตอ้ งพจิ ารณาจากความสาคัญของการจัดวางองค์ประกอบศิลป์ และการประสาน กลมกลนื ของทัศนธาตทุ างศลิ ปะให้มีเอกภาพทางรูปทรง จดุ เด่นของศลิ ปะแนวนีไ้ มไ่ ด้อยทู่ ก่ี ารมีรูปแบบ เรขาคณติ หรือนามธรรมเท่านน้ั งานศลิ ปะรปู แบบตามธรรมชาติกเ็ ป็นได้ เทคนิค สีอะคริลกิ [4] ผลงานของ ปริญญา ตันตสิ ุข เปน็ ผลงานท่ถี ่ายทอดลกั ษณะนามธรรม สะท้อนศิลปะรูปทรงใหมใ่ หส้ วยงามด้วยการ จดั วางองคป์ ระกอบศลิ ป์ 6
ทฤษฎีการแสดงออกซ่งึ ความรสู้ ึก ไมเ่ ชอื่ วา่ ศิลปะคอื การเลยี นแบบสง่ิ ทอ่ี ยภู่ ายนอกตวั ศิลปนิ และไม่ เชือ่ วา่ ศิลปะคอื รูปทรงอนั ว่างเปล่า แต่ศลิ ปะคอื การแสดงออกทางความรู้สึกท่ีอยู่ภายในตัวมนษุ ย์ เช่น ความรัก ความกลัว ความเศร้า ความเออ้ื าทรทฤษฎีน้ถี กู วพิ ากษ์วจิ ารณ์อยู่บา้ งก็ยังไดร้ บั ความนยิ มมากกว่า 2 ทฤษฎีแรก ภาพเหมือนตวั เอง (SELF – PORTRAIT) เทคนคิ สีน้ามนั บนผา้ ใบ ผลงานของ ฟินเซนต์ ฟานกอ็ ก (VINCENT VAN GOGH) เป็นภาพท่ใี หค้ ณุ ค่าทางความรสู้ กึ สะทอ้ นผา่ นใบหน้าทบี่ ง่ บอกถึงความทกุ ข์ภายในจิตใจ และ กลวิธกี ารใช้รอยแปรงเปน็ รวิ้ รอยเสน้ มสี ่วนช่วยเสรมิ ให้เกดิ อารมณ์ความรู้สึกคล้อยตามมากขึ้น 7
วัตถุทางสนุ ทรยี ะ ได้รบั การแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆคอื ศิลปะ และวัตถทุ างธรรมชาติ ศลิ ปะ ไดร้ ับการนยิ ามวา่ เป็นสิง่ ทมี่ นษุ ย์สรา้ งขนึ้ เช่น ประตมิ ากรรม จติ รกรรม สถาปตั ยกรรม เพราะการท่ี มนุษย์สรา้ งข้ึนนีเ่ อง เปน็ เงือ่ นไขในการแยกศลิ ปะออกจากวตั ถุธรรมชาติ เชน่ ชนิ้ ส่วนของงาน สถาปตั ยกรรมไดก้ ลายมาเปน็ เศษไม้ดังเดมิ เศษไมน้ นั้ คอื วตั ถุสุนทรียะและมคี วามงาม แตเ่ ศษไมน้ นั้ จะ ไม่ไดร้ ับการพิจารณาว่าเปน็ ศลิ ปะ ศิลปะเป็นวตั ถทุ างสุนทรยี ะ อาจจดั ออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ดงั น้ี วจิ ติ รศิลป์ ( FINE ARTS ) เปน็ ผลงานศิลปะทจี่ ุดหมายของการสรา้ งสรรคม์ ีการรับร้อู ย่างสนุ ทรยี ะ ในตวั มนั เอง ประยกุ ต์ศลิ ป์ ( APPLIED ARTS ) มีจดุ ม่งุ หมายการสร้างเพอื่ ประโยชนใ์ นการดารงชีวติ ของมนุษย์ และอาจมีสนุ ทรียะเป็นเป้าหมายรอง 4. ความสาคัญและประโยชน์ของศลิ ปนิยม ศลิ ปนิยม จงึ เสนอปจั จยั แห่งการจัดระบบการรับรู้ ประสบการณท์ างศลิ ปะแกผ่ ู้ชน่ื ชม เพอื่ จะได้ ทราบวา่ ผู้ชนื่ ชมควรเห็นหรือได้ยนิ อยา่ งไร และปจั จยั ตา่ ง ๆของศลิ ปะได้เปลีย่ นสภาพส่วนรวมสคู้ วามโดด เด่นในประสบการณ์ของผู้ชื่นชมไดด้ ้วยประการใด ขณะเดียวกันศิลปนยิ มจะทาหนา้ ทชี่ ้ีนาแกศ่ ิลปนิ ในการ คิดอย่างมีจุดมุ่งหมายและทิศทาง ทงั้ การสร้างสรรค์ความหมายท่ตี ้องการแสดงออกทกุ ตวั ของรปู รา่ ง รูป ทาง เสน้ และสี เพื่อให้ส่ิงเหลา่ นไี้ ด้ทาหนา้ ทเ่ี ป็นสญั ลกั ษณส์ ู่ความหมายท่มี องเหน็ ศลิ ปะในอดตี และปัจจบุ นั มีการขยายตวั กวา้ งออกไปทกุ ทีอย่างไมม่ วี นั ท่จี ะยอมหยุดนวิ่ จนยากแก่ การคาดเดาได้ ศลิ ปะนิยมจึงทาหนา้ ท่ีเปน็ นิยาม ตลอดจนความหมายให้ทัง้ ศิลปินผู้ปผลติ และผูช้ นื่ ชมหรอื ผบู้ ริโภค ได้รู้จักเลอื ก ปรชั ญา ทฤษฎี และแนวคิดให้สัมพนั ธ์สอดคลอ้ งกับงานศลิ ปะทกี่ าลังพจิ าณา เพอ่ื ท่ี ความคิดระหว่างศิลปนิ ผ้ผู ลติ และผชู้ น่ื ชมจะเปิดไดแ้ ละปดิ ได้อยา่ งมปี ัญหาน้อยท่ีสุด แม้มใิ ชม่ าตรฐานในเชิง เหตผุ ลก็ตามที เพราะคุณคา่ ศิลปะอาจข้นึ อยกู่ ับ รสนิยม ชอบ ไมช่ อบ ก็ได้ และไม่วา่ เหตุผลใดก็ตาม ความสาคญั ของศลิ ปนิยมคอื เปน็ รากฐานการรับรรู้ ว่ มกนั 8
9
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: