Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสืออิเล็กทรอนิกส์

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์

Published by เอ็กซ์, 2021-03-23 01:25:34

Description: หนังสืออิเล็กทรอนิกส์
E-Book(สัตว์ป่าสงวน)

Search

Read the Text Version

000000000015555015 วทิ ยาลยั การอาชีพหัวไทร จดั ทาโดย : สิทธิชัย ทองนอก : ธนาธิป โมปลอด

คานา “สตั วส์ งวน”ผเู้ ขียนจดั ทำข้ึนเพื่อสะทอ้ นใหเ้ ห็นสตั วท์ ่ีใกลจ้ ะสูญพนั ธ์เช่น แมวลำยหิน อ่อน,พะยนู , เกง้ หมอ้ , นกกระเรียน, เลียงผำ, กวำงผำ ,ละอง ฯลฯ ซ่ึงนับวนั ใกลจ้ ะสูญพนั ธ์เป็น อยำ่ งมำกกำรศึกษำเร่ืองนี่จึงเลง็ เห็นวำ่ เรำควรที่จะปกป้องและไม่ออกล่ำสตั วท์ ่ีหำยำกเพรำะเป็น สตั วท์ ่ีใกลจ้ ะสูญพนั ธจ์ ึงไม่ควรที่จะล่ำมนั เรำควรท่ีจะปกป้องมนั มำกกวำ่ ผจู้ ดั ทำจึงเลง็ เห็นวำ่ กำรศึกษำ เรื่องน้ีจะเป็นประโยชน์อยำ่ งยงิ่ ต่อผทู้ ่ีสนในในดำ้ นน้ี

สารบญั เร่ือง หน้า สัตว์สงวน 1-2 ข้อกฎหมายและบทลงโทษ 3-6 ทม่ี าและความสาคญั 6 นกเจ้าฟ้าหญงิ สิรินธร 7 กระซู่ 8 กปู รีหรือโคไพร 9 แรดชวา 10 ควายป่ า 11 ละอง หรือละมั่ง 12 สมนั หรือเนื้อสมนั 13 เลยี งผา 14 กวางผาจนี 15 นกแต้วแร้วท้องดา 16 นกกระเรียนไทย 17 แมวลายหินอ่อน 18 สมเสร็จมลายู 19 เก้งหม้อ 20 พะยูน 21 วาฬบรูด้า 22

เรื่อง หน้า วาฬโอมูระ 23 เต่ามะเฟื อง 24 ปลาฉลามวาฬ 25 อ้างองิ 26

สัตว์สงวน สัตว์สงวนหมายถึง หมำยถึง สตั วป์ ่ ำที่หำยำก กำหนดตำมบญั ชีทำ้ ยพระรำชบญั ญตั ิ สงวนและคุม้ ครองสตั วป์ ่ ำ พ.ศ. 2503 จำนวน 9 ชนิด เป็นสตั วป์ ่ ำเล้ียงลูกดว้ ยนมท้งั หมด ไดแ้ ก่ แรด กระซู่ กปู รี ควำยป่ ำ ละองหรือละมง่ั สมนั เน้ือทรำย เลียงผำ และกวำงผำ สัตว์ป่ ำสงวนเป็ นสัตว์หำยำก ใกล้จะสูญพนั ธุ์ หรืออำจจะสูญพันธุ์ไปแล้ว จึง จำเป็ นตอ้ งมีบทบญั ญตั ิเขม้ งวดกวดขนั เพื่อป้องกนั ไม่ให้เกิดอนั ตรำยแก่สัตวป์ ่ ำท่ียงั มีชีวิตอยู่ หรือซำกสัตวป์ ่ ำ ซ่ึงอำจจะตกไปอยู่ยงั ต่ำงประเทศดว้ ยกำรซ้ือขำย ต่อมำเมื่อสถำนกำรณ์ของ สตั วป์ ่ ำในประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไป สตั วป์ ่ ำหลำยชนิดมีแนวโนม้ ถูกคุกคำมเสี่ยงต่อกำรสูญ พนั ธุ์มำกยงิ่ ข้ึน ประกอบกบั เพ่ือใหเ้ กิดควำมสอดคลอ้ งกบั ควำมร่วมมือระหวำ่ งประเทศในกำร ควบคุมดูแลกำรคำ้ หรือกำรลกั ลอบคำ้ สัตวป์ ่ ำในรูปแบบต่ำง ๆ ตำมอนุสัญญำว่ำดว้ ยกำรคำ้ ระหวำ่ งประเทศวำ่ ดว้ ยชนิดสตั วป์ ่ ำและพืชป่ ำหรือ CITES ซ่ึงประเทศไทยไดร้ ่วมลงนำมรับรอง อนุสญั ญำในปี พ.ศ. 2518 และไดใ้ ห้สตั ยำบนั เมื่อวนั ที่ 21 มกรำคม พ.ศ. 2526 นบั เป็นสมำชิก ลำดบั ท่ี 80 จึงไดม้ ีกำรพิจำรณำแกไ้ ขปรับปรุงพระรำชบญั ญตั ิฉบบั เดิมและตรำพระรำชบญั ญตั ิ สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่ ำ พ.ศ. 2535 ข้ึนใหม่เม่ือวันที่ 19 กุมภำพันธ์ พ.ศ. 2535 สัตว์ป่ ำสงวนตำมในพระรำชบัญญัติฉบับใหม่ หมำยถึง สัตว์ป่ ำที่หำยำกตำมบัญชีท้ำย พระรำชบัญญัติฉบับน้ีและตำมที่กำหนดโดยตรำเป็ นพระรำชกฤษฎีกำ ทำให้สำมำรถ เปล่ียนแปลงชนิดสตั วป์ ่ ำสงวนไดโ้ ดยสะดวกโดยออกเป็นพระรำชกฤษฎีกำแกไ้ ขหรือเพ่ิมเติม เท่ำน้นั ไม่ตอ้ งถึงกบั ตอ้ งแกไ้ ขพระรำชบญั ญตั ิอยำ่ งของเดิม ท้งั น้ีไดม้ ีกำรเพ่ิมเติมชนิดสตั วป์ ่ ำท่ี มีสภำพล่อแหลมต่อกำรสูญพนั ธุ์อย่ำงย่ิง 7 ชนิด และตดั สัตวป์ ่ ำที่ไม่อยู่ในสถำนะใกลจ้ ะสูญ พนั ธุ์ เน่ืองจำกกำรท่ีสำมำรถเพำะเล้ียงขยำยพนั ธุไ์ ดม้ ำก 1 ชนิด คือ เน้ือทรำย ต่อมำในวนั ตุลำคม 2558 ที่ประชุมสงวนคุม้ ครองสตั วป์ ่ ำมีมติเห็นชอบใหเ้ พิ่มสตั ว์ 4 ชนิด เป็นสตั วส์ งวน รวมสตั ว์ ป่ ำสงวนมีท้งั สิ้น 19 ชนิด ~1~

นกเจำ้ ฟ้ำหญิงสิรินธร (Pseudochelidon sirintarae) แรดชวำ (Rhinoceros sondaicus) กระซู่ (Dicerorhinus sumatrensis) กูปรีหรือโคไพร (Bos sauveli) ควำยป่ ำ (Bubalus arnee) ละอง หรือละมง่ั (Rucervus eldi) สมนั หรือเน้ือสมนั (Rucervus schomburki) เลียงผำ หรือเยอื ง หรือกูรำ หรือโครำ (Capricornis sumatraensis) กวำงผำจีน (Naemorhedus griseus) นกแตว้ แร้วทอ้ งดำ (Pitta gurneyi) นกกระเรียนไทย (Grus antigone) แมวลำยหินอ่อน (Pardofelis marmorata) สมเสร็จ (Tapirus indicus) เกง้ หมอ้ (Muntiacus feae) พะยนู หรือหมูน้ำ (Dugong dugon) วำฬบรูดำ้ (Balaenoptera edeni) วำฬโอมูระ (Balaenoptera omurai) เต่ำมะเฟื อง (Dermochelys coriacea) ฉลำมวำฬ (Rhincodon typus) ~2~

ข้อกฎหมาย จำกพระรำชบญั ญตั ิสงวนและคุม้ ครองสตั วป์ ่ ำ พ.ศ. ๒๕๓๕ ไดก้ ำหนดเกี่ยวกบั กำร ล่ำสตั วแ์ ละกำรมีสตั วป์ ่ ำไวค้ รอบครอง ดงั น้ี ๑)ห้ำมมิให้ผใู้ ดล่ำ หรือพยำมยำมล่ำสตั วป์ ่ ำสงวนหรือสตั วป์ ่ ำคุม้ ครองสตั วป์ ่ ำ สงวน หรือสตั วป์ ่ ำคุม้ ครองเวน้ แต่เป็นกำรกระทำโดยทำงรำชกำรที่ไดร้ ับกำรยกเวน้ ซ่ึงเป็นกำรกระทำ เพื่อประโยชน์ในกำรสำรวจ กำรศึกษำ และวิจยั ทำงวิชำกำร กำรคุม้ ครองสตั วป์ ่ ำ กำรเพำะพนั ธุ์ หรือเพ่ือกิจกำรสวนสัตวส์ ำธำรณะ ซ่ึงกระทำโดยทำงรำชกำร และต้องได้รับอนุญำตเป็ น หนังสือจำกอธิบดีกรมป่ ำไม้ หรือถำ้ เกี่ยวกบั สัตวน์ ้ำตอ้ งไดร้ ับอนุญำตจำกอธิบดีกรมประมง และตอ้ งปฏิบตั ิตำมระเบียบท่ีรัฐมนตรีกำหนด โดยควำมเห็นชอบของคณะกรรมกำรสงวนและ คุม้ ครองสตั วป์ ่ ำแห่งชำติ ๒) หำ้ มมิใหผ้ ใู้ ดยงิ สตั วป์ ่ ำในระยะเวลำระหวำ่ งพระอำทิตยต์ ก และพระอำทิตยข์ ้ึน ๓) ห้ำมมิให้ผูใ้ ดเก็บ ทำอนั ตรำย หรือมีไวใ้ นครอบครอง ซ่ึงรังของสัตวป์ ่ ำสงวน หรือสตั วป์ ่ ำคุม้ ครอง ๔) หำ้ มมิใหผ้ ใู้ ดมีไวใ้ นครอบครองซ่ึงสตั วป์ ่ ำสงวน สตั วป์ ่ ำคุม้ ครองซำกของสตั วป์ ่ ำ สงวน หรือซำกของสัตว์ป่ ำคุ้มครอง เวน้ แต่จะเป็ นสัตว์ป่ ำคุม้ ครองชนิดที่รัฐมนตรีว่ำกำร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนดไวต้ ำมหลกั เกณฑข์ องกฎหมำย ~3~

บทกาหนดโทษตามลกั ษณะของความผดิ 1.โทษจำคุกไม่เกินสี่ปี หรือปรับไม่เกินสี่หม่ืนบำท หรือท้งั จำท้งั ปรับ สำหรับควำมผดิ ดงั ต่อไปน้ี 1.1 ล่ำ หรือพยำยำมล่ำสตั วป์ ่ ำสงวนหรือสตั วป์ ่ ำคุม้ ครอง โดยที่ไม่เป็นขอ้ ยกเวน้ 1.2 มีสตั วป์ ่ ำสงวน สตั วป์ ่ ำคุม้ ครอง ซำกของสตั วป์ ่ ำสงวน หรือสตั วป์ ่ ำคุม้ ครองไวใ้ น ครอบครอง ยกเวน้ เป็นสตั วป์ ่ ำชนิดท่ีไดร้ ับอนุญำตใหเ้ พำะพนั ธุ์ไดต้ ำมกฎหมำย 1.3 คำ้ สัตวป์ ่ ำสงวน สัตวป์ ่ ำคุม้ ครอง ซำกของสัตวป์ ่ ำสงวน หรือสัตวป์ ่ ำคุม้ ครอง หรือผลิตภณั ฑ์ที่ทำจำกซำกของสัตวป์ ่ ำดงั กล่ำว ยกเวน้ เป็ นสัตวป์ ่ ำชนิดที่ไดร้ ับอนุญำตให้ เพำะพนั ธุ์ไดต้ ำมกฎหมำยนำเขำ้ หรือส่งออกสตั วป์ ่ ำ หรือซำกของสตั วป์ ่ ำ หรือนำผำ่ นสัตวป์ ่ ำ สงวน สตั วป์ ่ ำคุม้ ครอง หรือซำกของสตั วป์ ่ ำดงั กล่ำว โดยไม่ไดร้ ับอนุญำตจำกอธิบดี 2.โทษจำคุกไม่เกินสำมปี หรือปรับไม่เกินสำมหมื่นบำท หรือท้งั จำท้งั ปรับ สำหรับควำมผิด ดงั ต่อไปน้ี 2.1 เพำะพนั ธุส์ ตั วป์ ่ ำสงวนหรือสตั วป์ ่ ำคุม้ ครองโดยไม่ไดร้ ับอนุญำต 2.2 นำเขำ้ หรือส่งออกสัตวป์ ่ ำสงวน สัตวป์ ่ ำคุม้ ครอง หรือซำกของสัตวป์ ่ ำดงั กล่ำว โดยมิใช่กรณีกำรนำเขำ้ หรือส่งออกสตั วป์ ่ ำคุม้ ครองท่ีไดม้ ำจำกกำรเพำะพนั ธุ์ และไดร้ ับอนุญำต จำกอธิบดี 2.3 จดั ต้งั และดำเนินกิจกำรสวนสตั วส์ ำธำรณะโดยไม่ไดร้ ับใบอนุญำตจำกอธิบดี 3. โทษจำคุกไม่เกินหน่ึงปี หรือปรับไม่เกินหน่ึงหม่ืนบำท สำหรับควำมผิดดงั ต่อไปน้ี มีไวใ้ น ครอบครอง สัตวป์ ่ ำคุม้ ครองท่ีได้มำจำกกำรเพำะพนั ธุ์ หรือซำกของสัตวป์ ่ ำท่ีได้มำจำกกำร เพำะพนั ธุ์ โดยไม่ไดร้ ับอนุญำต ~4~

4. โทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองหม่ืนบำท หรือท้งั จำท้งั ปรับ สำหรับควำมผิด ดงั ต่อไปน้ี ทำกำรคำ้ สตั วป์ ่ ำคุม้ ครองท่ีไดม้ ำจำกกำรเพำะพนั ธุ์ ซำกของสัตวป์ ่ ำที่ไดม้ ำจำกกำร เพำะพนั ธุ์ หรือผลิตภณั ฑท์ ี่ทำจำกซำกสตั วด์ งั กล่ำวโดยมิไดร้ ับอนุญำต 5. โทษจำคุกไม่เกินหน่ึงปี หรือปรับไม่เกินหน่ึงหม่ืนบำท หรือท้งั จำท้งั ปรับ สำหรับควำมผิด ดงั ต่อไปน้ี 5.1 เกบ็ ทำอนั ตรำย มีรังของสตั วป์ ่ ำสงวนหรือสตั วป์ ่ ำคุม้ ครองไวใ้ นครอบครอง 5.2 ยงิ สตั วน์ อกเวลำอำทิตยต์ กและพระอำทิตยข์ ้ึน 5.3 ล่ำสัตว์ป่ ำสัตว์ป่ ำสงวนหรือสัตว์ป่ ำคุ้มครองหรือสัตว์ป่ ำอื่นๆ หรือเก็บ หรือทำ อนั ตรำยแก่รังของสตั วป์ ่ ำ ในบริเวณวดั หรือในบริเวณสถำนท่ีประกอบพิธีกรรมทำงศำสนำ 6. โทษปรับไม่เกินห้ำพนั บำท สำหรับควำมผิดดงั ต่อไปน้ี นำสตั วป์ ่ ำคุม้ ครอง หรือซำกของสตั ว์ ป่ ำคุม้ ครองเคลื่อนที่เพื่อกำรคำ้ โดยไม่ไดร้ ับใบอนุญำตจำกอธิบดี นำสัตวป์ ่ ำสงวน สัตวป์ ่ ำ คุ้มครอง หรือซำกสัตว์ป่ ำดังกล่ำวเคล่ือนที่ผ่ำนด่ำนตรวจสัตว์ป่ ำ โดยไม่แจ้งหรือแสดง ใบอนุญำตต่อเจำ้ หนำ้ ที่ประจำด่ำนตรวจสตั วป์ ่ ำ 7. โทษจำคุกไม่เกินห้ำปี หรือปรับไม่เกินห้ำหมื่นบำท หรือท้งั จำท้งั ปรับ สำหรับควำมผิด ดงั ต่อไปน้ี ล่ำสตั วป์ ่ ำใดๆ เกบ็ หรือทำอนั ตรำยแก่รังของสตั วป์ ่ ำ ในเขตรักษำพนั ธุส์ ตั วป์ ่ ำ 8. โทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่เกินหน่ึงแสนบำท หรือท้งั จำท้งั ปรับ สำหรับควำมผิด ดงั ต่อไปน้ี 8.1 ยึดถือ ครอบครองท่ีดิน ปลูกสร้ำงส่ิงใด แผว้ ถำง ทำลำยตน้ ไม้ พรรณพืช ฯลฯ ในเขตรักษำ พนั ธุส์ ตั วป์ ่ ำ ~5~

8.2 ล่ำสตั ว์ เกบ็ รัง ยดึ ถือครอบครองที่ดิน ทำลำยตน้ ไม้ พนั ธุพ์ ืช ฯลฯ ในเขตกำหนดหำ้ มล่ำสตั ว์ ป่ ำ 9.โทษจำคุกไม่เกินหน่ึงปี หรือปรับไม่เกินหน่ึงหม่ืนบำท หรือท้งั จำท้งั ปรับ สำหรับควำมผิด ดงั ต่อไปน้ี \"ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่ำย ช่วยพำเอำไปเสีย ซ้ือ รับจำนำ หรือรับสัตวป์ ่ ำหรือซำก ของสตั วป์ ่ ำที่ไดม้ ำจำกกำรกระทำควำมผดิ ตำมกฎหมำยน้ี\" 10. กรณีนิติบุคคลเป็นผกู้ ระทำควำมผิดตำมพระรำชบญั ญตั ิน้ี กรรมกำรผจู้ ดั กำร หรือผแู้ ทนนิติ บุคคลน้นั ตอ้ งรับโทษตำมควำมผดิ น้นั ๆ ดว้ ย เวน้ แต่จะพิสูจน์ไดว้ ำ่ กำรกระทำน้นั ตน มิไดม้ ีส่วน รู้เห็นหรือยนิ ยอมดว้ ย ทมี่ าเเละความสาคญั ในอดีตที่ผ่ำนมำทรัพยำกรธรรมชำติของประเทศไทยอุดมสมบูรณ์พ้ืนท่ีป่ ำ ยงั คงปกคลุมทว่ั สตั วป์ ่ ำมีอยู่อยำ่ งชุกชุม มีกำรใชท้ รัพยำกรอยำ่ งฟ่ ุมเฟื อยไม่รู้คุณค่ำ โดยเฉพำะสตั วป์ ่ ำ มีกำรล่ำ เป็ นอำหำรล่ำเพื่อเป็ นกีฬำและ ล่ำเพ่ือกำรคำ้ ท้งั ใน ประเทศ และ ส่งออกต่ำงประเทศ โดย ปรำศจำกกฎหมำยใดๆคุม้ ครอง ต่อมำเม่ือประชำกรเพิ่มข้ึน กำรบุกรุกป่ ำเพื่อทำกินมีมำกข้ึนสตั ว์ ป่ ำถูกคุกคำมและ ลดจำนวนลงอยำ่ งรวดเร็วกว่ำท่ีเคยเป็นมำ ในรอบหลำยสิบปี จนบำงชนิด ได้ สูญพนั ธุไ์ ปจำกเมืองไทยสูญพนั ธุ์ไปจำกโลก ~6~

นกเจ้าฟ้าหญงิ สิรินธร (Pseudochelidon sirintarae) นกเจ้าฟ้าหญงิ สิรินธร หรือ นกนำงแอ่นตำพอง (องั กฤษ: White-eyed River-Martin , ช่ือวิทยำศำสตร์ : Pseudochelidon sirintarae หรือ Eurochelidon sirintarae) เป็นนกจบั คอน หน่ึงในสองชนิดของสกลุ นกนำงแอ่นแม่น้ำในวงศน์ กนำงแอ่น พบบริเวณบึงบอระเพด็ ในช่วง ฤดูหนำวเพียงแห่งเดียวในโลก แต่อำจสูญพนั ธุ์ไปแลว้ ต้งั แต่ปี พ.ศ. 2523 นกเจำ้ ฟ้ำหญิงสิรินธรเป็นนกนำงแอ่นขนำดกลำง มีสีดำออกเขียวเหลือบ ตะโพกขำว หำงมีขนคู่กลำงมีแกนยน่ื ออกมำเป็นเสน้ เรียวแผต่ รงปลำย วงรอบตำสีขำวหนำ ปำกสีเหลืองสด ออกเขียว ท้งั สองเพศมีลกั ษณะคลำ้ ยกนั แต่นกวยั อ่อนไม่ขนหำงคู่กลำงมีแกนย่ืนออกมำ สีขน ออกสีน้ำตำลมำกกวำ่ นกโตเตม็ วยั พฤติกรรมเป็นท่ีทรำบนอ้ ยมำกรวมถึงแหล่งผสมพนั ธุ์วำงไข่ คำดว่ำเหมือนนกนำงแอ่นชนิดอ่ืนท่ีบินจบั แมลงกินกลำงอำกำศ และเกำะคอนนอนตำมพืชน้ำ ในฤดูหนำว ~7~

กระซู่ (Dicerorhinus sumatrensis) กระซู่ , แรดสุมำตรำ หรือ แรดขน (องั กฤษ: Sumatran Rhinoceros ; ชื่อวิทยำศำสตร์: Dicerorhinus sumatrensis) เป็ นสัตวเ์ ล้ียงลูกดว้ ยนมในอนั ดบั สัตวก์ ีบค่ีจำพวกแรด กระซู่เป็ น แรดท่ีมีขนำดเลก็ ที่สุดในโลก และเป็นแรดเพียงชนิดเดียวท่ีอยใู่ นสกุล Dicerorhinus มีลกั ษณะ เด่นคือมี นอ 2 นอ เหมือนแรดแอฟริกำ โดยนอจะไม่ต้งั ยำวข้ึนมำเหมือนแรดชวำ นอหนำ้ ใหญ่ กวำ่ นอหลงั โดยทวั่ ไปยำว 15-25 ซม. ลำตวั มีขนหยำบและยำวปกคลุม เม่ือโตเตม็ ท่ีสูง 120–145 ซม. จรดหวั ไหล่ ยำว 250 ซม. และมีน้ำหนกั 500-800 กก. กระซู่อำศยั อยู่ในป่ ำดิบช้ืน ป่ ำพรุ และ ป่ ำเมฆในประเทศอินเดีย ภูฏำน บงั กลำเทศ พม่ำ ลำว ไทย มำเลเซีย อินโดนีเซีย และจีน โดยเฉพำะอยำ่ งยงิ่ ในมณฑลเสฉวน ~8~

กปู รีหรือโคไพร (Bos sauveli) กูปรี หรือ โคไพร (เขมร: គោព្រៃ ถอดรูปได้ โคไพร แต่อ่ำนว่ำ กูปรี แปลว่ำ ววั ป่ ำ) มี ชื่อวิทยำศำสตร์ว่ำ Bos sauveli เป็ นสัตวจ์ ำพวกกระทิงและววั ป่ ำ เป็ นสัตวก์ ีบคู่ ตวั โต โคนขำ ใหญ่ ปลำยหำงเป็นพขู่ น ตวั ผู้ มีขนสีดำ ขนำดควำมสูง 1.71 - 1.90 เมตร ขนำดลำตวั 2.10 - 2.22 เมตร น้ำหนกั ตวั ประมำณ 700 - 900 กิโลกรัม เขำตวั ผูจ้ ะโคง้ เป็ นวงกวำ้ ง แลว้ ตีวงโคง้ ไปขำ้ งหนำ้ ปลำยเขำ แตกออกเป็นพู่คลำ้ ยเส้นไมก้ วำดแขง็ ขำท้งั 4 มีถุงเทำ้ สีขำวเช่นเดียวกบั กระทิง (B. gaurus) ใน ตวั ผทู้ ี่มีอำยมุ ำก จะมีเหนียงใตค้ อยำวห้อยลงมำจนเกือบจะถึงดิน เช่ือว่ำใชใ้ นกำรระบำยควำม ร้อน ตวั เมีย มีขนสีเทำ มีเขำตีวงแคบแลว้ มว้ นข้ึนดำ้ นบน ไม่มีพทู่ ่ีปลำยเขำ มีเขำกลวงแบบ Horns ขนำดเท่ำกนั โคนเขำใหญ่ ปลำยเขำแหลม ไม่มีกำรแตกกิ่ง ยำวประมำณ 1 เมตร ~9~

แรดชวา ( Javan Rhinoceros) แรดชวา หรือ ระมำด หรือ แรดซุนดำ (องั กฤษ: Javan Rhinoceros) เป็นสตั วเ์ ล้ียงลูก ดว้ ยนมขนำดใหญ่ในอนั ดบั สตั วก์ ีบคี่ในวงศแ์ รด อยใู่ นสกลุ เดียวกนั กบั แรดอินเดีย เป็นหน่ึงใน ห้ำชนิดของแรดที่ยงั เหลืออยู่ ลำตวั ยำว 3.1–3.2 ม.สูง 1.4–1.7 ม.มีขนำดใกลเ้ คียงกบั แรดดำ เหนือจมูกมีนอส้นั ๆ หน่ึงนอมีขนำดเลก็ กวำ่ แรดทุกชนิด จึงไดอ้ ีกชื่อวำ่ แรดนอเดียว แรดชวำเป็ นแรดเอเชียท่ีมีกำรกระจำยพนั ธุ์กวำ้ งท่ีสุดต้งั แต่เกำะในอินโดนีเซีย ตลอดเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ อินเดีย และจีน ~ 10 ~

ควายป่ า (Bubalus bubalis) ควายป่ า (องั กฤษ: Wild water buffalo; มรำฐี: पाणम्हैस) มีลกั ษณะคลำ้ ยควำย บ้ำน (B. bubalis) ที่อยู่ในสกุลเดียวกัน มีนิสัยว่องไวและดุร้ำยกว่ำควำยบ้ำนมำก สีลำตวั โดยทวั่ ไปเป็นสีเทำหรือสีน้ำตำลดำ ขำท้งั 4 สีขำวแก่หรือสีเทำคลำ้ ยใส่ถุงเทำ้ สีขำว ดำ้ นล่ำงของ ลำตวั เป็นลำยสีขำวรูปตวั วี (V) ควำยป่ ำมีเขำท้งั 2 เพศ เขำมีขนำดใหญ่กวำ่ ควำยบำ้ นมำก ตวั โตเต็มวยั มีควำมสูงที่ไหล่เกือบ 2 เมตร ควำมยำวหวั และลำตวั 2.40 เมตร - 2.80 เมตร ควำมยำวหำง 60 - 85 เซนติเมตร น้ำหนกั มำกกวำ่ 1,000 กิโลกรัม มีกำรกระจำยพนั ธุ์จำกประเทศเนปำลและอินเดีย ไปสิ้นสุดทำงดำ้ นทิศตะวนั ออกท่ี ประเทศเวียดนำม ในประเทศไทยปัจจุบนั เหลืออยู่บริเวณเขตรักษำพนั ธุ์สัตวป์ ่ ำห้วยขำแขง้ จงั หวดั อุทยั ธำนีเท่ำน้นั โดยจำนวนประชำกรท่ีมีมำกที่สุดในธรรมชำติในปัจจุบนั คือ ที่อุทยำน แห่งชำติกำจิรังคำ ในรัฐอสั สมั ของอินเดีย ประมำณ 1,700 ตวั หำกินในเวลำเชำ้ และเวลำเยน็ อำหำรไดแ้ ก่ พวกใบไม้ หญำ้ และหน่อไม้ หลงั จำกกิน อำหำรอ่ิมแลว้ ควำยป่ ำจะนอนเค้ียวเอ้ืองตำมพุ่มไม้ หรือนอนแช่ปลกั โคลนตอนช่วงกลำงวนั ควำยป่ ำจะอยรู่ ่วมกนั เป็นฝงู ฤดูผสมพนั ธุอ์ ยรู่ ำว ๆ เดือนตุลำคมและพฤศจิกำยน ตกลูกคร้ังละ 1 ตวั ต้งั ทอ้ งนำน 10 เดือน ~ 11 ~

ละอง หรือละมง่ั (Rucervus eldi) ละองหรือละมัง่ (องั กฤษ: Eld's deer, Thamin, Brow-antlered deer; ชื่อ วทิ ยำศำสตร์: Panolia eldii) เป็นสตั วเ์ ล้ียงลูกดว้ ยนมในอนั ดบั สตั วก์ ีบคูช่ นิดหน่ึง เป็นกวำง ขนำดกลำง ขนตำมลำตวั สีน้ำตำลแดง แต่สีขนจะอ่อนลงเม่ือเขำ้ สู่ฤดูร้อน ขนหยำบและยำว ใน ฤดูหนำวขนจะยำวมำก แต่จะร่วงหล่นจนดูส้นั ลงมำกในช่วงฤดูร้อน ในตวั ผูจ้ ะเรียกว่ำ ละอง ตวั เมียซ่ึงไม่มีเขำจะเรียกว่ำ ละมง่ั แต่จะนิยมเรียกคู่กัน สนั นิษฐำนวำ่ เพ้ียนมำจำกภำษำเขมรคำวำ่ \"ลำเมียง\" (គេបីស) ละองตวั ที่ยงั โตไม่เตม็ วยั จะมีขนแผง คอท่ียำว ลูกแรกเกิดจะมีจุดสีขำวกระจำยอยรู่ อบตวั และจุดน้ีจะจำงหำยเมื่ออำยมุ ำกข้ึน ขอบตำ และริมฝี ปำกล่ำงมีสีขำว มีควำมยำวลำตวั และหวั 150-170 เซนติเมตร ควำมยำวหำง 220-250 เซนติเมตร น้ำหนกั 95-150 กิโลกรัม ~ 12 ~

สมนั หรือเนื้อสมนั (Rucervus schomburki) สมนั หรือ ฉมนั หรือ เน้ือสมนั หรือ กวำงเขำสุ่ม (องั กฤษ: Schomburgk's deer) เป็น สตั วเ์ ล้ียงลูกดว้ ยนมจำพวกสตั วก์ ีบคูช่ นิดหน่ึง มีช่ือวิทยำศำสตร์วำ่ Rucervus schomburgki เป็ นกวำงขนำดกลำง ขนตำมลำตวั สีน้ำตำลเขม้ ทอ้ งมีสีอ่อนกว่ำ ริมฝี ปำกล่ำงและ ดำ้ นล่ำงของหำงเป็นสีขำว มีลกั ษณะเด่นคือ ตวั ผจู้ ะมีเขำแตกแขนงออกไปมำกมำยเหมือนก่ิงไม้ แลดูสวยงำม จึงไดช้ ื่อว่ำเป็ นกวำงที่มีเขำสวยท่ีสุดในโลก มีก่ิงรับหมำหรือกิ่งเขำท่ีย่ืนออกไป ขำ้ งหนำ้ ยำวกวำ่ ก่ิงรับหมำของกวำงชนิดอื่น ๆ สมนั มีควำมยำวลำตวั 180 เซนติเมตร ควำมยำว หำง 10 เซนติเมตร มีควำมสูงจำกพ้ืนดินถึงหวั ไหล่ 100-110 เซนติเมตร น้ำหนกั ประมำณ 100- 120 กิโลกรัมสมนั น้นั วิ่งเร็วประมำณ 100 กิโลเมตร ต่อชว่ั โมง ปัจจุบนั สมนั สูญพนั ธุ์แลว้ สมนั ในธรรมชำติตวั สุดทำ้ ยถูกนำยตำรวจคนหน่ึงยงิ ตำย เมื่อ พ.ศ. 2475 ท่ีจงั หวดั กำญจนบุรี สมนั ตวั สุดทำ้ ยในที่เล้ียงถูกครูพละตีตำยที่วดั แห่งหน่ึงใน ตำบลมหำชยั จงั หวดั สมุทรสำคร เมื่อ พ.ศ. 2481 ~ 13 ~

เลยี งผา (Capricornis sumatraensis) เลยี งผา หรือ เยยี งผำ หรือ โครำ (องั กฤษ: Serow; อีสำน: เยอื ง) เป็นสกุลของสตั วก์ ีบ คู่สกลุ หน่ึง ในวงศ์ Bovidae วงศย์ อ่ ย Caprinae คือ วงศเ์ ดียวกบั แพะและแกะ ใชช้ ื่อวทิ ยำศำสตร์ วำ่ Capricornis (/แคป/-ปริ-คอร์-นิส/) เลียงผำมีลกั ษณะคลำ้ ยกบั กวำงผำ ซ่ึงเดิมก็เคยถูกจดั ให้อย่สู กุลเดียวกนั มำ (ซ่ึงบำง ขอ้ มูลยงั จดั ให้อยสู่ กลุ เดียวกนั ) แต่เลียงผำมีขนำดใหญ่กว่ำ มีลกั ษณะคลำ้ ยแพะแต่มีรูปหนำ้ ยำว กวำ่ มีลำตวั ส้นั แต่ขอยำว ตวั เมียมีขนำดเลก็ กว่ำตวั ผู้ มีเขำท้งั ตวั ผแู้ ละตวั เมีย เขำงอกยำวต่อเน่ือง ทุกปี ลกั ษณะของกะโหลกเม่ือเปรียบเทียบกบั กวำงผำที่มีกะโหลกโคง้ เวำ้ แลว้ เลียงผำมีกะโหลก แบน ขนตำมลำตวั จะแปรเปล่ียนไปตำมอำยุ, สภำพแวดลอ้ มท่ีอยู่อำศยั และชนิดพนั ธุ์ มีขน หยำบและไม่เป็น 2 ช้นั เหมือนกวำงผำ ใตต้ ำมีต่อมน้ำมนั ใชส้ ำหรับถูตำมตน้ ไมห้ รือโขดหินเพ่ือ ประกำศอำณำเขต พบกระจำยพนั ธุ์อย่ำงกวำ้ งขวำงต้งั แต่เอเชียใต,้ เอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้, อินโดนีเซีย จนถึงเอเชียตะวนั ออก เช่น จีน, ไตห้ วนั , ญ่ีป่ ุน โดยมกั อย่ตู ำมหน้ำผำหรือภูเขำสูง หรือตำมเกำะต่ำง ๆ กลำงทะเล มีควำมสำมำรถในกำรปี นป่ ำยท่ีสูงชนั ไดอ้ ยำ่ งคล่องแคล่ว โดย สำมำรถทำควำมเร็วในกำรข้ึนท่ีสูงไดถ้ ึง 1,000 เมตร ดว้ ยเวลำเพียง 15 นำที เลียงผำ ถือเป็นสตั วท์ ี่มีควำมเก่ำแก่ท่ีสุดในวงศย์ อ่ ยน้ี โดยปรำกฏมำต้งั แต่ยคุ ไพลโอ ซีนรำว 2-7 ลำ้ นปี มำแลว้ ~ 14 ~

กวางผาจนี (Naemorhedus griseus) กวางผาจีน หรือ กวำงผำจีนถ่ินใต้ (องั กฤษ: Chinese goral, South China goral) เป็นสตั วเ์ ล้ียงลูกดว้ ยนมจำพวกสตั วก์ ีบคูช่ นิดหน่ึง มีช่ือวทิ ยำศำสตร์วำ่ Naemorhaedus griseus อยใู่ นวงศ์ Bovidae มีรูปร่ำงหนำ้ ตำคลำ้ ยแพะ มีหูยำว ขนตำมลำตวั หยำบและหนำมีสีเทำหรือน้ำตำลเทำ มีแถบสีดำพำดอยู่กลำงหลงั ตวั เมียจะมีสีขนอ่อนกว่ำตวั ผู้ บริเวณลำคอดำ้ นในมีขนสีอ่อน ริม ฝี ปำกและรอบ ๆ ตำสีขำว เขำส้ันมีสีดำ ตวั ผจู้ ะมีเขำท่ีหนำและยำวกวำ่ ตวั เมีย มีควำมยำวลำตวั และหวั 82-120 เซนติเมตร ควำมยำวหำง 7.5-20 เซนติเมตร ควำมสูงจำกพ้ืนดินถึงหวั ไหล่ 50-60 เซนติเมตร น้ำหนัก 22-32 กิโลกรัม ผสมพนั ธุ์ในเดือนตุลำคม-ธันวำคมใชเ้ วลำต้งั ทอ้ งนำน 6 เดือน ออกลูกคร้ังละ 1-2 ตวั เป็ นสัตวท์ ่ีตื่นตกใจง่ำย เม่ือตกใจจะส่งเสียงร้องส้ันและสูงเป็ น สญั ญำนเตือนภยั ถึงตวั อื่น ๆ ในฝงู มกั ออกหำกินตำมทุ่งหญำ้ โล่งในเวลำก่อนพระอำทิตยต์ กดิน จนถึงเวลำเชำ้ ตรู่ กินอำหำรไดแ้ ก่ หญำ้ , ยอดอ่อนของใบไม,้ รำกไม้ และลูกไมเ้ ปลือกแขง็ จำพวก ก่อเป็ นอำหำรหลกั สำมำรถว่ำยน้ำไดด้ ีเหมือนเลียงผำ และเคยมีรำยงำนวำ่ เคยลงมำกินน้ำและ วำ่ ยขำ้ มแม่น้ำ มีอำยเุ ตม็ ท่ี 11 ปี ~ 15 ~

นกแต้วแร้วท้องดา(Pitta gurneyi) นกแต้ วแร้ วท้ องดา หรื อ นกแต้วแล้วท้องดำ (อังกฤษ: Gurney's Pitta, ช่ือ วิทยำศำสตร์: Pitta gurneyi) เป็นนกที่พบในพม่ำและไทย ปัจจุบนั พบไดท้ ี่ เขำนอจูจ้ ้ี เขตรักษำ พนั ธุ์สตั วป์ ่ ำเขำประ-บำงครำม อำเภอคลองท่อม จงั หวดั กระบี่ และบำงส่วนในประเทศพม่ำ นกแตว้ แร้วทอ้ งดำ เป็ นหน่ึงในนกแตว้ แร้ว (Pitta sp) 12 ชนิดที่พบไดใ้ นประเทศ ไทย รูปร่ำงอว้ นป้อม คอส้ัน หัวโต หำงส้ัน ลำตวั ยำว 22เซนติเมตร ตวั ผูห้ ัวมีสีดำ กระหม่อม และทำ้ ยทอยสีน้ำเงินเหลือบฟ้ำ หำงสีน้ำเงินอมเขียว ทอ้ งสีเหลืองสดมีริ้วสีดำบำง ๆ พำดสลบั ตลอดช่วงทอ้ ง ใตท้ อ้ งมีแตม้ สีดำ อนั เป็ นท่ีมำของช่ือ ตวั เมียกระหม่อมสีเหลืองอ่อน มีแถบดำ ผำ่ นใตต้ ำลงไปถึงแกม้ ทอ้ งสีขำว มีแถบสีน้ำตำลขวำงจำกอกลงไปถึงกน้ อำศยั อยใู่ นป่ ำดิบที่รำบต่ำ ซ่ึงมีระดบั ควำมสูงไม่เกิน 200 เมตรจำกระดบั น้ำทะเล มกั พบตำมท่ีรำบ ใกลร้ ่องน้ำหรือลำธำรที่ช้ืนแฉะ ไม่ชอบอยบู่ ริเวณท่ีมีไมพ้ ้ืนล่ำงข้ึนรกทึบ หำกิ นด้วยกำรกระโดดหำแมลงบนพ้ืนดิ นกิ นหรื ออำจขุดไส้เดื อนดิ นข้ึนมำกิ น บำงคร้ังอำจจบั กบ และสตั วเ์ ล้ือยคลำนขนำดเลก็ ดว้ ย โดยเฉพำะในช่วงมีลูกอ่อน นกตวั ผจู้ ะร้องหำคู่ดว้ ยเสียง 2 พยำงค์ เร็ว ๆ ว่ำ \"ท-รับ\" แต่ถำ้ ตกใจจะร้องเสียงว่ำ \"แตว้ แตว้ \" เวน้ ช่วงแต่ละพยำงคป์ ระมำณ 7-8 วินำที และอำจร้องนำนเป็นชวั่ โมง ส่วนเสียงท่ีใช้ ในกำรส่ือสำรกนั ระยะใกลจ้ ะใชเ้ สียงนุ่มดงั วำ่ \"ฮุ ฮุ\" มีฤดูผสมพนั ธุอ์ ยใู่ นช่วงเดือนมีนำคม-มิถุนำยน ออกไข่ครำวละ 3-4 ฟอง ~ 16 ~

นกกระเรียนไทย (Grus antigone) นกกระเรียน หรือ นกกระเรียน (องั กฤษ: Sarus crane) เป็นนกขนำดใหญ่ที่ไม่ใช่นก อพยพ พบในบำงพ้ืนท่ีของอนุทวีปอินเดีย เอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ และ ประเทศออสเตรเลีย เป็ นนกบินไดท้ ี่สูงที่สุดในโลก เมื่อยืนจะสูงถึง 1.8 ม. สังเกตเห็นไดง้ ่ำย ในพ้ืนที่ชุ่มน้ำเปิ ดโล่ง นกกระเรียนไทยแตกต่ำงจำกนกกระเรียนอ่ืนในพ้ืนท่ีเพรำะมีสีเทำท้งั ตวั และมีสีแดงท่ีหัวและ บริเวณคอดำ้ นบน หำกินในที่ลุ่มมีน้ำขงั บริเวณน้ำต้ืน กินรำก หัว แมลง สัตวน์ ้ำ และ สัตวม์ ี กระดูกสนั หลงั ขนำดเลก็ เป็นอำหำร นกกระเรียนไทยเหมือนกบั นกกระเรียนอ่ืนท่ีมกั มีคูต่ วั เดียว ตลอดชีวิต นกกระเรียนจะปกป้องอำณำเขตและเก้ียวพำรำสีโดยกำรกำงปี ก ส่งเสียงร้อง กระโดดซ่ึงดูคลำ้ ยกบั กำรเตน้ รำ ในประเทศอินเดียนกกระเรียนเป็นสญั ลกั ษณ์ของควำมซื่อสตั ย์ ในชีวิตแต่งงำน เช่ือกนั ว่ำเม่ือคู่ตำยนกอีกตวั จะเศร้ำโศกจนตรอมใจตำยตำม ฤดูผสมพนั ธุ์หลกั อยู่ในฤดูฝน คู่นกจะสร้ำงรังเป็ น\"เกำะ\"รูปวงกลมจำกกก ออ้ และ พงหญำ้ มีเส้นผ่ำศูนยก์ ลำง เกือบสองเมตรและสูงเพียงพอท่ีจะอยู่เหนือจำกน้ำรอบรัง นกกระเรียนไทยกำลงั ลดลงอย่ำง รวดเร็วในคริสตศ์ ตวรรษท่ีผำ่ นมำ คำดกนั วำ่ ประชำกรมีเพียง 10 หรือนอ้ ยกวำ่ (ประมำณ 2.5%) ของจำนวนท่ีมีอยูใ่ นคริสตท์ ศวรรษ 1850 ประเทศอินเดียคือแหล่งที่มน่ั ของนกชนิดน้ี ท่ีซ่ึงนก เป็นท่ีเคำรพและอำศยั อยใู่ นพ้ืนท่ีกำรเกษตรใกลก้ บั มนุษย์ นกกระเรียนน้นั สูญหำยไปจำกพ้ืนท่ี กำรกระจำยพนั ธุ์ในหลำยๆพ้ืนท่ีในอดีต ~ 17 ~

แมวลายหินอ่อน (Pardofelis marmorata) แมวลายหินอ่อน (องั กฤษ: Marbled cat; ช่ือวิทยำศำสตร์: Pardofelis marmorata) เป็ นสัตวเ์ ล้ียงลูกดว้ ยนมในวงศเ์ สือ (Felidae) ที่มีขนำดเท่ำกบั แมวบำ้ น (Felis catus) แต่มีหำง ยำวกว่ำและมีขนที่หำงมำกกว่ำ หัวมีขนำดเล็ก กลมมน สีขนมีลวดลำยเป็ นแถบหรือเป็ นดวง คลำ้ ยลวดลำยของเสือลำยเมฆ(Neofelis nebulosa) หรือลวดลำยบนหินอ่อน ปัจจุบันนักวิชำกำรแบ่งแมวลำยหิ นอ่อนออกเป็ น 2 ชนิดย่อย ได้แก่ P. m. marmorata และ P. m. charltoni ถิ่นอำศยั ของแมวลำยหินอ่อนอยู่ในรัฐอสั สัมทำงตะวนั ออกเฉียงเหนือของอินเดีย เนปำล (P. m. chartoni) เอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ เกำะบอร์เนียว และเกำะสุมำตรำ เม่ืออยใู่ นป่ ำ ทึบตำมธรรมชำติจะพบเห็นไดน้ ้อย ปัจจุบนั ยงั มีกำรศึกษำคน้ ควำ้ เกี่ยวกบั แมวชนิดน้ีอยู่น้อย และยงั ไม่ทรำบจำนวนประชำกรท่ีแน่นอน ขณะเดียวกนั ป่ ำท่ีเป็นถ่ินอำศยั กม็ ีพ้ืนที่ลดลง ทำให้ ปัจจุบนั แมวชนิดน้ีอยใู่ นสถำนะที่เส่ียงต่อกำรสูญพนั ธุ์ พฤติกรรมของแมวลำยหินอ่อน เมื่ออยใู่ นท่ีเล้ียงค่อนขำ้ งดุร้ำยกว่ำเสือหรือแมวป่ ำ ชนิดอ่ืน ๆ มีอำยใุ นสถำนท่ีเล้ียงยนื สุด 12 ปี ~ 18 ~

สมเสร็จมลายู (Tapirus indicus) สมเสร็จมลายู หรือ สมเสร็จเอเชีย (องั กฤษ: Malayan tapir, Asian tapir) บำ้ งเรียก ผสมเสร็จ สมเสร็จมลำยูเป็ นสัตวเ์ ล้ียงลูกดว้ ยนมในอนั ดบั สัตวก์ ีบค่ี นบั เป็ นสมเสร็จชนิดท่ีมี ขนำดใหญ่ท่ีสุดและเป็นชนิดเดียวที่พบในทวีปเอเชีย มีช่ือวิทยำศำสตร์วำ่ Tapirus indicus เป็นสตั วม์ ีหนำ้ ตำประหลำด คือ มีลกั ษณะของสตั วห์ ลำยชนิดผสมอยใู่ นตวั เดียวกนั มี จมูกที่ยื่นยำวออกมำคลำ้ ยงวงของชำ้ ง รูปร่ำงหนำ้ ตำคลำ้ ยหมูท่ีมีขำยำว หำงส้นั คลำ้ ยหมีและมี กีบเทำ้ คลำ้ ยแรด ลกั ษณะเด่น คือ บริเวณส่วนหวั ไหล่และขำท้งั สี่ขำ้ งมีสีดำ ส่วนกลำงลำตวั เป็น สีขำว ใบหูกลม ขนปลำยหูและริมฝี ปำกมีสีขำว มีแผ่นหนงั หนำบริเวณสันกำ้ นคอเพื่อป้องกนั กำรโจมตีของเสือโคร่ง ที่จะตะปบกดั บริเวณกำ้ นคอ ลูกท่ีเกิดใหม่จะมีลวดลำยคลำ้ ยแตงไทย และขนยำว และลำยน้ีจะค่อย ๆ จำงลงเมื่ออำยุได้ 6-8 เดือน ตวั ผูจ้ ะมีขนำดเล็กกว่ำตวั เมีย โต เต็มท่ีควำมยำวลำตวั และหัว 220-240 เซนติเมตร ควำมยำวหำง 5-10 เซนติเมตร ควำมสูงจำก พ้ืนดินถึงหวั ไหล่ 100 เซนติเมตร มีน้ำหนกั 250-300 กิโลกรัม ~ 19 ~

เก้งหม้อ (Muntiacus feai) เก้งหม้อ หรื อ กวำงเขำจุก หรื อ เก้งดำ หรื อ เก้งดง (อังกฤษ: Fea's muntjac, Tenasserim muntjac; ชื่อวิทยำศำสตร์: Muntiacus feae) เป็ นสัตวเ์ ล้ียงลูกด้วยนมในอนั ดบั สัตวก์ ีบคู่จำพวกกวำง มีลกั ษณะคลำ้ ยเกง้ ธรรมดำ (M. muntjac) แต่ต่ำงกนั เก้งหมอ้ จะมีขน บริเวณลำตวั ที่เขม้ กวำ่ ใบหนำ้ มีสีน้ำตำลเขม้ บริเวณกระหม่อมและโคนขำมีสีเหลืองสด ดำ้ นล่ำง ของลำตวั มีสีน้ำตำลอ่อน ขำท้งั 4 ข้ำงมีสีดำ จึงเป็ นที่มำของอีกชื่อสำมญั ท่ีเรียก ด้ำนหน้ำ ดำ้ นหลงั มีสีขำวเห็นไดช้ ดั เจน หำงส้นั หำงดำ้ นบนมีสีเขม้ แต่ดำ้ นล่ำงมีสีขำว มีเขำเฉพำะตวั ผู้ เขำของเกง้ หมอ้ ส้ันกวำ่ เกง้ ธรรมดำ ผลดั เขำปี ละ 1 คร้ัง มีควำมยำวลำตวั และหวั 88 เซนติเมตร ควำมยำวหำง 10 เซนติเมตร น้ำหนกั 22 กิโลกรัม มีกำรกระจำยพนั ธุใ์ นภำคใตข้ องพม่ำ, มำเลเซีย, ภำคตะวนั ตกและภำคใตข้ องไทย เป็นเกง้ ท่ีหำยำกที่สุดชนิดหน่ึงของโลก คร้ังหน่ึงเคยเชื่อวำ่ เหลือเพียงตวั เดียวในโลก ที่สวนสัตว์ดุสิต แต่ปัจจุบัน ยงั พอหำได้ตำมป่ ำธรรมชำติและวดั ในพรมแดนไทยพม่ำ ที่ พระสงฆ์เล้ียงอยู่ เกง้ หมอ้ อำศยั อยู่ในป่ ำที่มีควำมช้ืนสูง เช่น บริเวณหุบเขำหรือป่ ำดิบช้ืนใกล้ แหล่งน้ำ อดน้ำไดไ้ ม่เก่งเท่ำเกง้ ธรรมดำ ออกหำอำหำรตำมลำพงั ในช่วงเยน็ หรือพลบค่ำ แต่ใน บำงคร้ังอำจพบอยเู่ ป็นคู่หรือเป็นฝงู เลก็ ๆ ในฤดูผสมพนั ธุ์ จะผสมพนั ธุ์ในช่วงฤดูหนำว ต้งั ทอ้ ง นำน 6 เดือน ออกลูกคร้ังละ 1 ตวั ปัจจุบนั เป็ นสัตวป์ ่ ำสงวนตำมพระรำชบญั ญตั ิสงวนและ คุม้ ครองสตั วป์ ่ ำแห่งชำติ พ.ศ. 2535 ~ 20 ~

พะยูน (Dugong dugon) พะยูน (องั กฤษ: Dugong, Sea cow) เป็นสตั วป์ ่ ำสงวนชนิดหน่ึง ตำมพระรำชบญั ญตั ิ สงวนและคุม้ ครองสตั วป์ ่ ำ พ.ศ. 2535 เป็นสตั วป์ ่ ำสงวนชนิดเดียวท่ีเป็นสตั วน์ ้ำ เป็นสตั วเ์ ล้ียงลูก ดว้ ยนมท่ีอำศยั อยู่ในทะเลเขตอบอุ่น มีชื่อวิทยำศำสตร์ว่ำ Dugong dugon อยู่ในอนั ดบั พะยูน (Sirenia) พะยนู มีรูปร่ำงคลำ้ ยแมวน้ำขนำดใหญ่ท่ีอว้ นกลมเทอะทะ ครีบมีลกั ษะคลำ้ ยใบพำย ซ่ึงวิวฒั นำกำรมำจำกขำหน้ำใชส้ ำหรับพยุงตวั และขุดหำอำหำร ไม่มีครีบหลงั ไม่มีใบหู ตำมี ขนำดเลก็ ริมฝี ปำกมีเส้นขนอยโู่ ดยรอบ ตวั ผบู้ ำงตวั เม่ือเขำ้ สู่วยั รุ่นจะมีฟันคู่หน่ึงงอกออกจำก ปำกคลำ้ ยงำชำ้ ง ใชส้ ำหรับต่อสู้เพื่อแยง่ คู่กบั ใชข้ ดุ หำอำหำร ในตวั เมียมีนมอยู่ 2 เตำ้ ขนำดเท่ำ นิ้วกอ้ ย ยำวประมำณ 2 เซนติเมตร อยถู่ ดั ลงมำจำกขำ คู่หนำ้ สำหรับเล้ียงลูกอ่อน มีลำตวั และ หำงคลำ้ ยโลมำ สีสนั ของลำตวั ดำ้ นหลงั เป็นสีเทำดำ หำยใจทำงปอด จึงตอ้ งหำยใจบริเวณผิวน้ำ 1-2 นำที อำยุ 9-10 ปี สำมำรถสืบพนั ธุไ์ ด้ เวลำทอ้ ง 9-14 เดือน ปกติมีลูกได้ 1 ตวั ไม่เกิน 2 ตวั ~ 21 ~

วาฬบรูด้า (Balaenoptera edeni) วาฬบรูด้า หรือ วำฬแกลบ (องั กฤษ: Bryde's whale, Eden's whale; ช่ือวทิ ยำศำสตร์: Balaenoptera edeni) เ ป็ น ว ำ ฬ ขน ำ ด ให ญ่ เ ป็ น สัต ว์เ ล้ี ย ง ลู ก ด้ว ย น ม จัด อ ยู่ใ นวงศ์ Balaenopteridae โดยช่ือ วำฬบรูด้ำ เป็ นกำรต้งั เพ่ือให้เป็ นเกียรติ แก่กงสุลชำวนอร์เวย์ ใน ประเทศแอฟริกำใต้ ท่ีช่ือโยฮนั บรูดำ้ มีจุดเด่นที่ครีบหลงั ท่ีมีรูปโคง้ อยู่ค่อนไปทำงด้ำนปลำยหำง แพนหำงวำงตวั ตำม แนวรำบ และมีรอยเวำ้ เขำ้ ตรงก่ึงกลำง ครีบคู่หนำ้ มีปลำยแหลม ซี่บนแผ่นกรองค่อนขำ้ งหยำบ และเป็นสตั วท์ ่ีใกลส้ ูญพนั ธุ์ จึงไดร้ ับกำรคุม้ ครองเป็นสตั วป์ ่ ำคุม้ ครองตำมพระรำช วำฬบรูดำ้ พบแพร่กระจำยอยู่ทวั่ โลก โดยเฉพำะในเขตร้อนและเขตก่ึงร้อน ในเขต ละติจูด 40 องศำเหนือถึงใต้ ไม่พบกำรอพยพยำ้ ยถิ่นฐำนเป็ นระยะทำงไกล โดยมำกมกั พบคร้ัง ละ 1-2 ตวั วยั เจริญพนั ธุ์ ในช่วงอำยุ 9-13 ปี วำฬบรูดำ้ จะใหล้ ูกคร้ังละ 1 ตวั ทุก 2 ปี ต้งั ทอ้ งนำน 10-12 เดือน ระยะให้นมน้อยกว่ำ 12 เดือน ลูกวำฬแรกเกิดจะมีควำมยำวประมำณ 3-4 เมตร มี อำยยุ นื ไดถ้ ึง 50 ปี เวลำจมตวั ดำน้ำจะโผล่หวั เลก็ นอ้ ยแลว้ ทิ้งตวั จมหำยไปไม่โผล่ส่วนหำงข้ึนมำ เหนือน้ำ ~ 22 ~

วาฬโอมูระ (Balaenoptera omurai) วาฬโอมูระ น้นั ถือเป็นหน่ึงในสตั วท์ ี่มีควำมลึกลบั และหำยำกท่ีสุดในโลก วำฬโอมูระรูปร่ำงคลำ้ ยกบั วำฬบรูดำ้ ทำใหผ้ คู้ นน้นั สบั สนวำ่ มนั เป็นวำฬบรูดำ้ มำโดย ตลอด ท่ีผำ่ นมำน้นั ยงั มีกำรคำดกนั ว่ำมนั สูญพนั ธุ์ แต่ก็พบว่ำมีมำตำยเกยต้ืนอยบู่ นชำยฝั่ง ล่ำสุด น้นั พบท่ีออสเตรเลีย วำฬโอมูระน้นั ถือวำ่ เป็นสตั วใ์ กลส้ ูญพนั ธุ์ พบเห็นไดย้ ำก นกั ชีววิทยำจึงไม่สำมำรถรู้ ไดว้ ำ่ มนั มีอยใู่ นธรรมชำติเท่ำไหร่ ~ 23 ~

เต่ามะเฟื อง (Dermochelys coriacea) เต่ามะเฟื อง หรื อ เต่ำเหล่ียม (อังกฤษ: Leatherback turtle; ชื่อวิทยำศำสตร์: Dermochelys coriacea) เป็ นเต่ำทะเล จดั เป็ นเต่ำชนิดท่ีมีขนำดใหญ่ท่ีสุดในโลก และใหญ่เป็น อนั ดบั ท่ี 4 ในบรรดำสัตวเ์ ล้ือยคลำนท้งั หมดท่ียงั ดำรงเผ่ำพนั ธุ์อยจู่ นถึงปัจจุบนั จึงเป็ นเต่ำเพียง ชนิดเดียวในวงศD์ ermochelyidae และสกลุ Dermochelys เต่ำมะเฟื องสำมำรถแยกออกจำกเต่ำประเภทอ่ืนได้โดยกำรสังเกตที่กระดองจะมี ขนำดคลำ้ ยผลมะเฟื อง และครีบคู่หนำ้ ไม่มีเลบ็ ต้งั แต่ออกจำกไข่ ควำมลึกที่เต่ำมะเฟื องสำมำรถ ดำน้ำไดถ้ ึง 1,280 เมตร เต่ำมะเฟื องเพศเมียจะข้ึนมำวำงบนชำยหำด ประมำณ 50-150 ฟอง/รัง ท้งั น้ีข้ึนอยู่ ปัจจยั ในกำรวำงไข่ เช่น อำยุ สภำพอำกำศ สภำพแวดลอ้ มของสถำนท่ีวำงไข่ เต่ำมะเฟื องจะใช้เวลำในกำรฟักตวั ประมำณ 60-70 วนั ข้ึนอยู่กับอุณหภูมิ ของ สภำพแวดลอ้ ม ~ 24 ~

ปลาฉลามวาฬ (Rhincodon typus) ปลาฉลามวาฬ (องั กฤษ: Whale shark) เป็ นปลำฉลำมเคล่ือนที่ชำ้ ท่ีกินอำหำรแบบ กรองกิน เป็นปลำขนำดใหญ่ที่สุด ยำวถึง 12.65 ม. หนกั 21.5 ตนั แต่มีรำยงำนท่ีไม่ไดร้ ับยืนยนั ว่ำยังมีปลำฉลำมวำฬท่ีใหญ่กว่ำน้ี เป็ นปลำชนิ ดเดียวในสกุล Rhincodon และวงศ์ Rhincodontidae (ก่อนปี ค.ศ. 1984 ถูกเรี ยกว่ำ Rhinodontes) ซ่ึงเป็ นสมำชิกในช้ันย่อย Elasmobranchii ในช้นั ปลำกระดูกอ่อน ปลำฉลำมวำฬพบไดใ้ นทะเลเขตร้อนและอบอุ่น อำศยั อยู่ในทะเลเปิ ด มีช่วงอำยปุ ระมำณ 70 ปี ปลำฉลำมชนิดน้ีกำเนิดเม่ือประมำณ 60 ลำ้ นปี มำแลว้ อำหำรหลกั ของปลำฉลำมวำฬคือแพลงก์ตอน ถึงแมว้ ่ำรำยกำรแพลนเน็ตเอิร์ธของบีบีซีจะถ่ำย ภำพยนตร์ขณะท่ีปลำฉลำมวำฬกำลงั กินฝงู ปลำขนำดเลก็ ไวไ้ ด้ ~ 25 ~

อ้างองิ https://sites.google.com/site/satwpasngwnkhxngprathesthiy/satw-pa- sngwn-khxng-prathesthiy http://www.thailaws.com/aboutthailaw/knowledge_63.htm https://boypi12345.wordpress.com/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8% A7%E0%B9%8C%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8% A7%E0%B8%99/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B8%B3/ ~ 26 ~

~ 27 ~


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook