บทที่ 1 ความสาคญั ของการประมง 1. ความหมายของการประมงและสัตว์นา้ การประมง หมายถึง การทาการประมง การเพาะเล้ียงสัตวน์ ้า การดูแลรักษาสัตวน์ ้า การแปรรูปสตั วน์ ้าและหมายรวมถึงการกระทาใดๆท่ีเป็นการสนบั สนุนการทาการประมง ทาการประมง หมายถึง คน้ หา ล่อ จบั ไดม้ า หรือเกบ็ สตั วน์ ้าหรือการกระทาใดๆท่ีมีจุดมุ่งหมายเพ่ือล่อ จบั ไดม้ า หรือเกบ็ สัตวน์ ้าในที่จบั สตั วน์ ้า การทากิจกรรมที่เกี่ยวขอ้ งกบั สตั วน์ ้าแบ่งตามลกั ษณะแหล่งที่อยขู่ องสัตวน์ ้าได้ 3 แบบคือ 1. การประมงน้าจืด หมายถึง การทาการประมงในแหล่งน้าจืดท้งั ในดา้ นการจบั และการเพาะเล้ียงสัตวน์ ้าจืด ซ่ึงส่วนใหญ่เป็นการทาการประมงแบบยงั ชีพ คือ มุ่งเนน้ จบั สัตวน์ ้าตามแม่น้า ลาคลอง หนองบึง เพ่ือนามาบริโภคในครัวเรือน หรือบางคร้ังไดม้ ากเกินบริโภคจึงจะมีการนาไปจาหน่าย หรือนาไปแปรรูปเป็นผลิตภณั ฑอ์ ยา่ งอ่ืน เช่น ปลาร้า ปลาเคม็ ปลารมควนัปลาส้ม เป็นตน้ 2. การประมงชายฝ่ัง หมายถึง การทาการประมงในแหล่งน้ากร่อยตามบริเวณชายฝ่ังทะเลหรือปากแม่น้าท่ีติดต่อกบั ทะเล รวมท้งั พ้นื ที่ชายทะเลท่ีน้าท่วมถึง ป่ าชายเลน และบริเวณเขตน้าต้ืนชายฝั่ง โดยใชเ้ รือ หรือเคร่ืองมือประมงขนาดเลก็ เพ่อื การเพาะเล้ียงสัตวน์ ้า เช่น การทานากงุ้การเล้ียงปลาทะเล การเล้ียงหอยทะเล การเล้ียงปทู ะเล และการเล้ียงสาหร่ายทะเล ซ่ึงในปัจจุบนัสตั วน์ ้าชายฝ่ังทารายไดใ้ หก้ บั ประเทศจานวนมาก การส่งจาหน่ายผลผลิตมีท้งั รูปสัตวน์ ้าสดและแปรรูปเป็นผลิตภณั ฑอ์ ่ืนๆ 3. การประมงทะเล หมายถึง การทาการประมงในทะเลบริเวณเขตไหล่ทวีปท่ีห่างจากฝ่ังออกไปท้งั ในเขตน่านน้าของไทยหรือเขตเศรษฐกิจาเพาะทางทะเลของไทย และนอกเขตน่านน้าของไทย( น่านน้าสากล หรือในเขตเศรษฐกิจจาเพาะของประเทศอื่นๆ) โดยการใชเ้ รือและ
เคร่ืองมือประมงขนาดใหญ่ที่มีอุปกรณ์ที่ทนั สมยั เพ่ิมประสิทธิภาพในการจบั สตั วน์ ้าในทะเลและจะใชเ้ วลาทาการประมงหลายวนัสตั วน์ ้า ตามพระราชกาหนด การประมง พ.ศ.๒๕๕๘ หมายความวา่ สัตวท์ ่ีอาศยั อยใู่ นน้าเป็นปกติ สตั วจ์ าพวกสะเทินน้าสะเทินบก สัตวท์ ี่อาศยั อยใู่ นบริเวณน้าท่วมถึง สตั วท์ ี่มีการดารงชีวติส่วนหน่ึงอยใู่ นน้า สตั วท์ ่ีมีวงจรชีวติ ช่วงหน่ึงที่อาศยั อยใู่ นน้าเฉพาะช่วงชีวติ ที่อาศยั อยใู่ นน้ารวมท้งั ไข่และน้าเช้ือของสัตวน์ ้าและสาหร่ายทะเล ซาก หรือส่วนหน่ึงส่วนใดของสัตวน์ ้าเหล่าน้นั และใหห้ มายความรวมถึงพนั ธุไ์ มน้ ้าตามที่รัฐมนตรีประกาศกาหนดและซากหรือส่วนหน่ึงส่วนใดของพนั ธุ์ไมน้ ้าน้นั ดว้ ย2. ความสาคญั ของการประมง การทาประมงมีความสาคญั เป็นแหล่งผลิตอาหารโปรตีนที่สาคญั ของมนุษย์ เป็นแหล่งสร้างงาน ก่อใหเ้ กิดอาชีพต่างๆและสร้างรายไดใ้ หก้ บั ประชากร นอกจากน้ี ทรัพยากรประมงเป็นอาหารโปรตีนท่ีมีคุณภาพและสาคญั สาหรับเล้ียงประชากรท้งั โลก ซ่ึงปัจจุบนั ประชากรโลกมีการเพ่มิ จานวนสูงข้ึน ทาใหเ้ กิดการขาดแคลนอาหาร ประเทศไทยต้งั อยใู่ นคาบสมุทรอินโดจีน มีชายฝ่ังทะเลยาวประมาณ 2,670 กิโลเมตรแบ่งเป็นทะเลชายฝั่งทะเลอนั ดามนั 800 กิโลเมตร และชายฝั่งทะเลฝั่งอ่าวไทย 1,870 กิโลเมตรมีพ้ืนท่ีทอ้ งทะเลกวา้ งใหญ่เหมาะแก่การทาประมงอยา่ งยงิ่ และมีการทาการประมงจบั สัตวน์ ้าไดม้ ากเป็นอนั หน่ึงในแถบภูมิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ และสาหรับแหล่งน้าจืดในประเทศไทย มีแม่น้าสายสาคญั ๆ 66 สาย แม่น้าสายท่ียาวที่สุดในประเทศคือแม่น้าชี ยาว 765 กิโลเมตรและมีเข่ือนเกบ็ กกั น้าจานวนมาก เข่ือนที่สาคญั ไดแ้ ก่เขื่อนเจา้ พระยา เข่ือนภมู ิพล เขื่อนสิริกิตเขื่อนศรีนครินทร์ เข่ือนอุบลรัตน์ เขื่อนรัชชประภา เข่ือนสิรินทร นอกจากน้ียงั มี บึง หนองน้าแหล่งน้าสาธารณะ และบ่อเล้ียงปลากระจายอยทู่ วั่ ประเทศ ถึงแมว้ า่ ประเทศไทยจะมีแหล่งทาการประมง แหล่งเล้ียงสตั วน์ ้ามากมาย แต่ในปัจจุบนั ผลผลิตสัตวน์ ้าท่ีจบั ไดย้ งั ไม่เพยี งพอต่อความตอ้ งการของประชากรท่ีเพมิ่ สูงข้ึนมากใน
ปัจจุบนั ท้งั น้ีเกิดจากสาเหตุหลายประการ เช่น แหล่งท่ีอยอู่ าศยั ของสัตวน์ ้าเส่ือมโทรม มีการจบัสตั วน์ ้ามากเกินควร การจบั สตั วน์ ้าไม่ถกู วธิ ี การใชเ้ ครื่องมือจบั สตั วน์ ้าไม่เหมาะสม การเกิดมลภาวะในแหล่งน้า การต้ืนเขินของแหล่งน้าตามธรรมชาติ และการต้ืนเขินจากการกระทาของมนุษย์ นอกจากน้ีประเทศเพ่อื นบา้ นยงั ขยายเขตน่านน้าประกาศเขตเศรษฐกิจจาเพาะทางทะเลเป็น 200 ไมลท์ ะเล ทาใหแ้ หล่งทาประมงทะเลของไทยลดนอ้ ยลง แต่อยา่ งไรกต็ ามกรมประมงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไดห้ ามาตรการส่งเสริมและพฒั นาการเพาะเล้ียงสตั วน์ ้าของไทยท้งั การเพาะเล้ียงสตั วน์ ้าชายฝ่ัง และการเพาะเล้ียงสตั วน์ ้าจืดใหม้ ีการเพาะเล้ียงมากข้ึน เพอ่ื เพิ่มกาลงั ผลิตสัตวน์ ้าใหเ้ พยี งพอต่อการบริโภค การเพาะเล้ียงสัตวน์ ้าในประเทศของไทยมีปริมาณการผลิตอยใู่ นอนั ดบั ท่ี 5 ของโลก คิดรวมท้งั การเพาะเล้ียงสตั วน์ ้าจืด สตั วน์ ้าชายฝ่ัง และสัตวน์ ้าทะเล ซ่ึงผลผลิตสัตวน์ ้าจากการเพาะเล้ียงของไทยมีแนวโนม้ ท่ีจะพฒั นาไดม้ ากข้ึน ซ่ึงสตั วน์ ้าจืดที่มีการพฒั นาการเพาะเล้ียงไดด้ ีไดแ้ ก่ ปลานิล ปลายสี่ กเทศ ปลาจีน และปลาไน ส่วนปลาน้ากร่อยที่ไดร้ ับความนิยมเพาะเล้ียงกนั มากไดแ้ ก่ ปลากะพงขาว ปลากะพงแดง และปลากะรัง(ปลาเก๋า) นอกจากน้ีปลาสวยงามของไทยยงั มีการพฒั นาเพาะเล้ียงและส่งออกไดแ้ ก่ปลากดั ปลาหางนกยงู เป็นตน้
Search
Read the Text Version
- 1 - 3
Pages: