Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 019 ระบบตรวจสุขภาพนักเรียน

019 ระบบตรวจสุขภาพนักเรียน

Published by Thitikan Phankarung, 2019-04-10 04:26:37

Description: 019 ระบบตรวจสุขภาพนักเรียน

Search

Read the Text Version

ระบบตรวจสุขภาพนักเรยี น Student Help Check UP System กรรณิการ์ ปัดไธสง Kannikar Padthaisong สารนพิ นธฉ์ บบั น้ีเป็นส่วนหนงึ่ ของการศกึ ษา ตามหลกั สตู รวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยมี หานคร ปีการศึกษา 2554

หัวข้อโครงงาน ระบบตรวจสุขภาพนกั เรียน นักศกึ ษา นางสาวกรรณิการ์ ปดั ไธสง รหัสนกั ศกึ ษา 5317670010 ปรญิ ญา วทิ ยาศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวชิ า เทคโนโลยีสารสนเทศ พ.ศ. 2554 อาจารยผ์ คู้ วบคุมโครงงาน ผศ.ดร.หมัดอามนี หมนั หลนิ บทคัดยอ่ โครงงานนี้เป็นการจดั ทาระบบบรหิ ารจดั การการตรวจสุขภาพนกั เรยี นแบบออนไลน์ ท่ีทกุ ภาคปีการศึกษานกั เรยี นจะไดร้ ับการตรวจสขุ ภาพ และการให้วคั ซนี ปอ้ งกนั โรคหดั โรคคางทมู โรค หดั เยอรมนั วคั ซนี ปอ้ งกนั โรคคอตีบ โรคบาดทะยัก และวัคซนี ป้องกันโรคโปลิโอ จากพยาบาล ฝ่ายอนามัยโรงเรยี นของศูนยบ์ รกิ ารสาธารณสขุ 34 โพธศ์ิ รี ซึ่งช่วยให้การปฏบิ ัติงานเปน็ ไปดว้ ย ความสะดวก รวดเรว็ และประหยดั ทรัพยากรกระดาษ ระบบบรหิ ารจดั การการตรวจสุขภาพนักเรียนน้ี สามารถจัดเก็บประวตั กิ ารตรวจสุขภาพ และการใหว้ ัคซนี ซึง่ นกั เรยี นจะมีการเลอ่ื นระดบั ชนั้ เรียน ขอ้ มลู ประวตั ิเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการ ตรวจสอบโรคท่ีตรวจพบและการให้วัคซีนครบโรคหรอื ไม่ เพ่อื สะดวกในการดูแลสขุ ภาพนักเรยี นและ การประเมินสขุ ภาพดว้ ยสถติ ริ ูปแบบกราฟหรอื สถิตแิ บบตวั เลข ซงึ่ ชว่ ยในการวางแผนการแก้ไข ปญั หาดา้ นสุขภาพให้แก่นกั เรยี น I

กติ ติกรรมประกาศ สารนิพนธ์ฉบับน้ี สาเรจ็ ลลุ ่วงลงได้ด้วยคาแนะนาและใหก้ ารสนบั สนนุ จาก ผศ.ดร. หมดั อามนี หมันหลนิ อาจารย์ทีป่ รึกษา ทไี่ ด้กรุณาสละเวลาให้คาปรึกษาคาชี้แนะ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการทา โครงงานและสารนพิ นธ์ฉบับนี้ ผู้จดั ทาโครงงานขอขอบพระคุณทา่ นไว้ ณ โอกาสน้ี ขอบคุณพระคุณ คุณณัฐปพนธ์ ที่เป็นท้ังพี่ท่ีเคารพและเพ่ือนท่ีคอยให้คาปรึกษาท้ังใน ห้องเรียนและนอกหอ้ งเรยี น ชว่ ยชแี้ นะวธิ แี ก้ไขในการทาโครงงานให้สาเร็จลุล่วงไปด้วยดี ขอบคุณ พระคุณ คุณไพลิน ไล้สุวรรณ เจ้าหน้าที่พยาบาลวิชาชีพชานาญการ ท่ีให้การช่วยเหลือทางด้าน ขอ้ มลู และให้การสนับสนนุ รวมถึงบดิ า มารดาและพ่ีๆ เพ่ือนๆ ทุกท่านท่ีคอยให้กาลังใจและให้การ สนับสนุนสารนพิ นธฉ์ บบั นี้ กรรณิการ์ ปดั ไธสง II

สารบญั หน้า บทคดั ยอ่ …………………………………………………………………………………….... I กติ ติกรรมประกาศ………………………………………………………………………….… II สารบัญ…………………………………………………………………………………….….. III สารบัญรปู …………………………………………………………………………………..… V สารบัญตาราง………………………………………………………………………………… VI บทที่ 1 บทนา 1.1 ปัญหาและอุปสรรค…………………………………………………………….. 1 1.2 แนวทางการแกไ้ ขปัญหา……………………………..………………………... 3 1.3 วตั ถุประสงค์……………………………………………………………………. 3 1.4 ขอบเขตของโครงงาน…………………………………………………………... 3 1.5 เคร่ืองมอื และอปุ กรณ…์ ………………………………………………………... 3 1.6 โครงสรา้ งระบบ……………………………………………………….………... 4 1.7 แผนการดาเนนิ งาน………………………………………………….…………. 5 บทท่ี 2 ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง 2.1 ระบบสารสนเทศ……………………………………………………………….. 7 2.2 การพฒั นาระบบสารสนเทศและวงจรการพัฒนาระบบงาน……………….….. 10 2.3 แบบจาลองข้อมูล……………………………………………………………….. 13 2.4 ฐานขอ้ มูลและระบบจัดการฐานขอ้ มูล………………………………………….. 17 2.5 ฐานข้อมูลบนเว็บ…………………………………………………...………….. 21 บทที่ 3 การออกแบบและระบบ 3.1 ความต้องการของระบบตรวจสขุ ภาพ…………………….…………………… 26 3.2 Context Diagram………………………………………………………….…… 27 3.2.1 DFD Level 0………………………………………………….….……… 28 3.2.2 DFD Process 2 level 1………………………………………………… 29 3.2.3 DFD Process 3 level 1………………………………………………… 30 3.3 Process Specification………………………………………………………… 31 3.4 ER-Diagram………………………………………………………….………… 36 3.5 Mapping-Relational Database Schema……………………………..……… 37 3.6 Data Dictionary…………………………………………...…………………… 38 III

สารบญั (ตอ่ ) หน้า บทท่ี 4 ผลการทดลอง 4.1 หนา้ เวบ็ เข้าสรู่ ะบบ………………………..……………….…………………… 45 4.2 หนา้ เวบ็ บันทึกขอ้ มูลนกั เรยี น…………………………………………….…… 46 4.3 หนา้ เวบ็ บันทกึ ขอ้ มลู คร/ู อาจารย…์ …………………………….……………… 47 4.4 หน้าเว็บตรวจสขุ ภาพ……………………………………….……….………… 48 4.5 หน้าเว็บใหว้ ัคซนี ………………………………...……………………..……… 49 4.6 หน้าเว็บสรปุ ผลตรวจสุขภาพ ระดับชนั้ …………………...…………………… 50 4.7 หน้าเวบ็ สรปุ การให้วคั ซีน……………………….………...…………………… 50 บทที่ 5 ขอ้ สรปุ และขอ้ เสนอแนะ 5.1 ผลการดาเนนิ งานโครงงาน….………...……………………………….……… 51 5.2 สรุปผลการดาเนนิ งานโครงงาน….………...……………………….………… 51 5.3 ข้อเสนอแนะในการพัฒนาในอนาคต….………...………………….………… 51 เอกสารอา้ งอิง….………...……………………………………………………………..…… 52 IV

สารบญั รปู หน้า รปู ท่ี 2.1 กระบวนการ System Development Life Cycle………………….…………… 10 รปู ท่ี 2.2 วธิ ีการพฒั นาระบบงานอยา่ งรวดเร็วแบบวอเตอร์ฟอล์…………….…………... 11 รปู ท่ี 2.3 แสดงสัญลกั ษณ์ท่ใี ชส้ าหรบั การเขยี นแผนภาพกระแสขอ้ มลู …………………... 14 รูปที่ 2.4 แสดงสญั ลกั ษณท์ ต่ี ่างๆ ในแผนภาพออี ารไ์ ดอะแกรม……………...…………... 15 รูปที่ 2.5 แสดงสัญลกั ษณ์แสดงความสมั พนั ธแ์ ละคารด์ ินาลติ …้ี …………...…..……….... 16 รปู ที่ 2.6 ตัวอย่างแอตตรบิ วิ ส…์ ………………………………………….....…..……….... 16 รปู ท่ี 2.7 การติดตอ่ ระหว่างไคลเอนต์ เซริ ฟ์ เวอร์และฐานขอ้ มลู ……………...…..…….... 23 รปู ที่ 2.8 ลดการตดิ ต่อระหว่างไคลเอนต์กบั ฐานขอ้ มูล………...……………...…..…….... 25 รปู ที่ 3.1 Context Diagram……………………………………..……………...…..…….... 27 รูปที่ 3.2 DFD level 0……………………………………..……………...………..…….... 28 รูปที่ 3.3 DFD Process 2 level 1……………………………………..…………..…….... 29 รูปที่ 3.4 DFD Process 3 level 1……………………………………..…………..…….... 30 รปู ท่ี 3.5 Entity Relation Diagram ……………………………..……..…………..…….... 36 รูปที่ 3.6 Mapping Relational Database Schema…..………..……..…………..…….... 37 รูปที่ 4.1 แสดงหนา้ เวบ็ หลกั …..………..……..…………..…………………………..….... 45 รูปท่ี 4.2 แสดงหนา้ เวบ็ บนั ทกึ ขอ้ มูลนกั เรยี น…..………..……..……..……………..….... 46 รูปที่ 4.3 แสดงหน้าเว็บบนั ทกึ ขอ้ มลู คร/ู อาจารย์…..………..……..……..…………..….... 47 รปู ที่ 4.4 แสดงหนา้ เว็บตรวจสขุ ภาพ………………………………………………………. 48 รปู ท่ี 4.5 แสดงหนา้ เวบ็ ใหว้ คั ซีน……………………………………………………………. 49 รูปท่ี 4.6 แสดงหนา้ เวบ็ สรปุ ผลตรวจสุขภาพ ระดับช้ัน……………………………………. 50 รูปที่ 4.7 แสดงหนา้ เว็บสรปุ การให้วัคซีน…………….……………………………………. 50 V

สารบญั ตาราง หน้า ตารางท่ี 1.1 ตารางการดาเนนิ งานโครงงาน 1………….……………..…………………. 5 ตารางที่ 1.2 ตารางการดาเนนิ งานโครงงาน 2………….……………..…………………. 6 ตารางที่ 3.1 คาอธบิ ายการประมวลผลของโปรเซสที่ 2.0 ……………..…………………. 31 ตารางท่ี 3.2 คาอธบิ ายการประมวลผลของโปรเซสท่ี 2.1……………..…………………. 32 ตารางที่ 3.3 คาอธิบายการประมวลผลของโปรเซสท่ี 2.2……………..…………………. 33 ตารางท่ี 3.4 คาอธิบายการประมวลผลของโปรเซสที่ 2.3……………..…………………. 34 ตารางท่ี 3.5 คาอธบิ ายการประมวลผลของโปรเซสท่ี 3.0……………..…………………. 35 ตารางที่ 3.6 ตารางสงั กดั โรงเรียน………………………….…………..…………………. 38 ตารางที่ 3.7 ตารางโรงเรยี น…………………………………………....…………………. 38 ตารางที่ 3.8 ตารางอาจารย…์ …………..…………………………………………………. 38 ตารางที่ 3.9 ตารางสิทธิประโยชน…์ …………..…………………………………………. 39 ตารางท่ี 3.10 ตารางหน่วยงาน……………..……………………………………..………. 39 ตารางท่ี 3.11 ตารางวัคซีน……………..……………………………………..…..………. 40 ตารางท่ี 3.12 ตารางโรค……………..…………………………………………....………. 40 ตารางท่ี 3.13 ตารางเจา้ หนา้ ทพี่ ยาบาล……………..…………………..………..………. 40 ตารางท่ี 3.14 ตารางนักเรยี น……………..…………………..…………………..………. 41 ตารางที่ 3.15 ตารางประวตั กิ ารตรวจสุขภาพ……………..……………….……..………. 42 ตารางท่ี 3.16 ตารางประวตั กิ ารให้วคั ซีน……………..……………….……..………...…. 43 ตารางท่ี 3.17 ตารางบันทึกโรคของนกั เรียน……………..……………….…..…..………. 44 ตารางที่ 3.18 ตารางบนั ทึกวคั ซนี ของนกั เรียน……………..……………….…....………. 44 VI

บทท่ี 1 บทนำ ศูนยบ์ ริการสาธารณสขุ มบี ทบาทหน้าทด่ี ูแลดา้ นสขุ ภาพแกป่ ระชาชน โดยใหบ้ รกิ ารแบบ องค์รวมท้ังเชิงรบั และเชงิ รุก ครอบคลมุ 4 มิติ คอื การรกั ษา บริการสง่ เสรมิ สขุ ภาพ ปอ้ งกนั และควบคมุ โรค และฟน้ื ฟสู ขุ ภาพแกป่ ระชาชนซ่ึงศนู ย์บริการสาธารณสุข 34 โพธ์ิศรี สานกั อนามัย กรุงเทพมหานคร มวี สิ ัยทัศน์ คือ บรกิ ารดี มีมาตรฐาน พฒั นางานเชิงรกุ สร้างสขุ ใหป้ ระชาชน และ พนั ธกจิ คือ มุ่งมนั่ ให้บริการทีด่ มี มี าตรฐาน สง่ เสรมิ พฒั นางานเชิงรกุ เพอ่ื เข้าถงึ ประชาชน ซ่งึ ศูนย์บริการสาธารณสขุ 34 โพธศิ์ รีนไี้ ด้กอ่ ตงั้ เม่ือปี 2516 รับผิดชอบงานบรกิ ารสาธารณสขุ ในพน้ื ท่ี เขตพระโขนง ซึ่งมเี นอ้ื ท่ี 13.980 ตารางกโิ ลเมตร มปี ระชากรจานวน 97,794 คน มีหน้าท่ี ความรับผดิ ชอบในการใหบ้ รกิ ารทั้งในและนอกศนู ย์บริการสาธารณสขุ ดูแลชุมชน 45 ชุมชน ซง่ึ มีศูนยส์ ุขภาพชมุ ชน 12 แหง่ อาสาสมคั รสาธารณสขุ จานวน 118 คน มีชมรมผู้สูงอายุ 3 ชมรม มโี รงเรียนในความรบั ผิดชอบ 21 โรงเรียน และแบง่ ออกเปน็ 3 สังกดั ไดแ้ ก่ สังกดั กรงุ เทพมหานคร สังกัดรฐั บาล และสงั กดั เอกชน ซงึ่ ฝา่ ยอนามยั โรงเรยี นของศนู ย์บริการสาธารณสุข 34 โพธิศ์ รี ไดใ้ ห้บริการการตรวจสขุ ภาพและการใหว้ คั ซีน จัดอบรมใหค้ วามรเู้ ร่อื งโรคภัยต่าง และการดแู ล สุขภาพด้วยตนเองของนกั เรยี นเพ่ือทส่ี ามารถดแู ลตนเองไดอ้ ยา่ งถกู วธิ ี 1.1 ปญั หำและอุปสรรค ฝา่ ยอนามัยในโรงเรียนของศูนย์บรกิ ารสาธารณสุข 34 โพธิ์ศรี ให้บริการตรวจสขุ ภาพและ การให้วัคซนี ป้องกันโรคแกน่ ักเรยี นในเขตพนื้ ทรี่ ับผดิ ชอบ และมกี ารตดิ ตามภาวะโภชนาการของ นักเรยี นทกุ ช้ันปใี นแตล่ ะภาคปีการศกึ ษา ฝา่ ยอนามยั โรงเรียนจะแจกแบบฟอร์มการตรวจสขุ ภาพ ซงึ่ เปน็ แบบฟอร์มตามมาตรฐานของศนู ย์บริการสาธารณสุขใหแ้ กโ่ รงเรยี น ครูประจาช้ันบางทา่ นสรา้ ง แบบฟอร์มตามทใี่ ห้แบบฟอรม์ ไปดว้ ย ไมโครซอฟท์ เอกซเ์ ซล ขนึ้ ใหม่และกรอกขอ้ มลู นักเรยี นลงไป และพมิ พอ์ อกมาในรปู แบบเอกสารกระดาษ ครปู ระจาช้นั บางทา่ นนาแบบฟอรม์ ไปถา่ ยเอกสารและ กรอกขอ้ มลู นกั เรียนดว้ ยลายมือ แล้วทางโรงเรียนจะรวบรวมเอกสารเหล่านนั้ ใหก้ ับฝา่ ยอนามยั โรงเรียนทต่ี ้องมกี ารประสานกนั กอ่ นท่จี ะออกไปรบั เอกสารเหลา่ น้นั เนือ่ งจากตอ้ งจัดลาดับการใชร้ ถตู้ ของศนู ยบ์ รกิ ารสาธารณสขุ เอกสารทร่ี วบรวมได้แล้วฝ่ายอนามยั โรงเรียนจะนามาพจิ ารณา และ วางแผนการเขา้ ตรวจสขุ ภาพนกั เรยี นในแตล่ ะโรงเรยี น รวมถงึ การวางแผนในการฉดี วคั ซนี ปอ้ งกนั โรค การตรวจสขุ ภาพและการฉดี วัคซนี จะถกู บันทกึ ลงในแบบฟอรม์ เดยี วกนั แตร่ ะยะเวลาของการ ตรวจสขุ ภาพและการฉดี วัคซีนปอ้ งกันโรคนัน้ จะไม่พรอ้ มกนั เม่อื ถงึ กาหนดส่งรายงานจะตอ้ งนา 1

เอกสารเหลา่ นน้ั มาประมวลผลด้วยมอื เช่น การนบั ยอดของโรคท่ีตรวจพบ การนบั จานวนภาวะ โภชนาการ จากทกี่ ลา่ วข้างต้น เกิดปญั หาการทางานเปน็ ไปอยา่ งล่าชา้ ข้อมูลไมม่ ปี ระสิทธภิ าพ เท่าท่คี วร เกิดความซา้ ซอ้ นในการเก็บขอ้ มูล ทาใหข้ า้ พเจา้ เกิดแรงจงู ใจในการแกป้ ัญหาเหลา่ น้ัน ในแบบฟอร์มการตรวจสุขภาพตามมาตรฐานประกอบดว้ ย เลขประจาตัวประชาชน ชอ่ื - นามสกลุ วนั เดือนปีเกดิ น้าหนัก สว่ นสูง ภาวะโภชนาการ โรคท่ีตรวจพบ วคั ซีนและสทิ ธิ ประโยชน์ในการรกั ษาต่างๆ ในส่วนของครูประจาช้ันจะกรอกเลขประจาตวั ประชาชน ชอ่ื และ นามสกลุ วันเดือนปเี กิด นา้ หนกั สว่ นสงู ลงในแบบฟอรม์ เมอ่ื เกดิ การเลอื่ นช้นั เรยี นและครูประจา ช้นั จะต้องกรอกขอ้ มูลนกั เรียนใหมท่ ุกคร้ัง เอกสารชุดเดิมจากช้นั ทีแ่ ลว้ ไมส่ ามารถนากลับมาใชไ้ ด้ ใหม่อกี เนอ่ื งจากการตรวจสขุ ภาพจะต้องมกี ารเชค็ ลงช่องทกี่ าหนด ถา้ จะนาเอกสารฉบบั เดิมมาใช้ ตอ้ งเปลีย่ นสีปากกาหรือทาสญั ลกั ษณท์ ี่แตกตา่ งจากเดมิ เพอ่ื ให้ประวตั ิการตรวจสขุ ภาพเดมิ ยังคงอยู่ การใชเ้ อกสารทเ่ี ปน็ กระดาษจะสะดวกในเรื่องสถานทีใ่ นการตรวจ แตก่ ารใช้กระดาษจะทาใหเ้ กดิ การทางานทลี่ ่าชา้ ในการสรปุ ผล มีปญั หาในการจดั เกบ็ เอกสาร และประวัตกิ ารตรวจสุขภาพของ นกั เรยี นอาจผดิ พลาดหรือเอกสารสูญหายได้ ในระบบใหม่แบบเวบ็ แอปพลิเคชนั จะทาใหก้ ารกรอก ประวตั ขิ องนักเรียน การตรวจสขุ ภาพตามรายการตา่ งๆ จะถูกบนั ทกึ ลงในฐานขอ้ มูล ชว่ ยให้การ ทางานมคี วามรวดเรว็ มากข้ึน ข้อมลู ถูกตอ้ งตรงกบั ความตอ้ งการและสามารถจัดเกบ็ ประวัตขิ อง นักเรียนตลอดจนจบการศกึ ษาจากโรงเรยี นนน้ั ๆ การใหว้ คั ซีนทางศูนยบ์ ริการสาธารณสุข 34 โพธศิ์ รี จะทาหนังสอื ราชการแจง้ การฉีดวคั ซนี ไปยงั โรงเรยี นเพื่อใหผ้ อู้ านวยการโรงเรียนทาเอกสารขออนญุ าตผู้ปกครองใหน้ ักเรียนไดร้ ับการฉดี วัคซนี จะอนญุ าตหรอื ไมอ่ นญุ าตใหร้ ับวคั ซนี ครูประจาชนั้ ของแตล่ ะช้ันเรยี นจะเป็นผู้แจ้งใหท้ ีมงาน อนามยั โรงเรยี นทราบวา่ นกั เรียนคนใดทผี่ ู้ปกครองอนญุ าตหรือไม่อนุญาต เพอื่ เก็บประวตั กิ ารให้ วัคซีนของนกั เรียนแต่ละคน วัคซีนทีใ่ หแ้ กน่ กั เรยี นไดแ้ ก่ วัคซนี ป้องกนั โรคหดั -คางทมู -หัดเยอรมัน (MMR) จะให้นกั เรยี นช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 1 วคั ซีนปอ้ งโรคคอตบี -บาดทะยกั (DT) และวคั ซีน ปอ้ งกันโรคโปลิโอ (OPV) ในชั้นอนุบาลและประถมศกึ ษาปีที่ 1 การใหว้ คั ซนี ไมไ่ ด้ใหเ้ พยี งคร้งั เดยี ว จะตอ้ งมกี ารใหซ้ า้ และการเชค็ กจ็ ะตอ้ งเชค็ ลงในชอ่ งเดิมจากคร้ังแรกทาให้การสรุปผลเปน็ ไป ค่อนข้างลาบาก อาจสับสนในเครอื่ งหมายการในเช็คแตล่ ะคร้ัง ในระบบใหมจ่ ะช่วยในการจัดเกบ็ ข้อมูลเปน็ ระบบ สะดวกในการตรวจสอบว่าวคั ซนี อะไรทนี่ ักเรียนไดร้ บั วคั ซีนหรือยงั ไมไ่ ด้รบั วคั ซีน การสรุปรายงานเป็นไปอย่างรวดเร็วและขอ้ มลู มีความถกู ต้อง ทาใหก้ ารทางานมีประสิทธภิ าพมาก ยง่ิ ขน้ึ การรายงานการตรวจสุขภาพนกั เรียนและสรปุ ผลสง่ เข้ากองสง่ เสรมิ สขุ ภาพในรปู แบบเอกสาร ตามแบบฟอรม์ ของกองสง่ เสริมสขุ ภาพเป็นสถติ ิแบบตัวเลข ซง่ึ ฝา่ ยอนามยั โรงเรยี นเองตอ้ งการ สถิติแบบตัวเลขและกราฟเพม่ิ เขา้ มาในระบบดว้ ย เพอ่ื สะดวกในการทาการวางแผนแก้ไขปัญหา สขุ ภาพ เพอ่ื จะได้ทราบถึงแนวโนม้ ด้านสขุ ภาพของนักเรียน 2

1.2 แนวทำงกำรแก้ไขปัญหำ 1.2.1 สร้างเวบ็ เพจสาหรับบันทกึ ขอ้ มลู นกั เรยี น และคร/ู อาจารย์ 1.2.2 สร้างเว็บเพจสาหรบั ตรวจสขุ ภาพนกั เรียน และการให้วคั ซีน 1.2.3 สรา้ งฐานขอ้ มลู จดั เก็บขอ้ มูลต่างๆ เพ่ือการสรปุ ผลการตรวจสขุ ภาพและใหก้ ารวคั ซนี 1.3 วตั ถปุ ระสงค์ 1.3.1 ลดเวลาในการทางานของเจ้าหนา้ ท่ี และลดปญั หาในการสรปุ ผลการตรวจสุขภาพ 1.3.2 เพือ่ เกบ็ ประวตั ิการตรวจสุขภาพของนกั เรียนตลอดจนนกั เรียนจบการศกึ ษา 1.3.3 ลดการจดั เกบ็ เอกสารในรูปแบบกระดาษ 1.4 ขอบเขตของโครงงำน 1.4.1 สามารถบนั ทึกโดยใช้เวบ็ เป็นหลกั โดยเจา้ หนา้ ท่ีพยาบาลจะต้องทาการลงทะเบียน เพ่ือใชง้ านระบบ 1.4.2 สามารถเลอื กดขู อ้ มูลนกั เรยี นตามทก่ี าหนดใหไ้ ว้ได้ 1.4.3 สามารถสรปุ รายงานแบบสถิติตัวเลข และสามารถพมิ พอ์ อกมาทางเครอ่ื งพมิ พไ์ ด้ 1.5. เคร่อื งมอื และอปุ กรณ์ 1.5.1 โปรแกรม Visual Studio .NET 2010 โดยใชภ้ าษา C#.NET และ ASP.NET ในการ พัฒนาเว็บแอปพลิเคชนั 1.5.2 ใชก้ ารนาออกในรปู แบบ Excel สรปุ รายงานตา่ งๆ 1.5.3 ระบบฐานขอ้ มูลใช้ SQL Server 2008 ในการทาฐานขอ้ มูล 1.5.4 อุปกรณฮ์ ารด์ แวร์ ได้แก่ คอมพวิ เตอรแ์ ละเครอื่ งพมิ พ์ 1.5.5 ระบบเครอื ข่ายอินเทอร์เนต็ 3

1.6 โครงสรำ้ งระบบ ผ้ใู ช้ โปรแกรมระบบจดั การตรวจ ออกรายงาน สขุ ภาพนักเรยี น ฐานข้อมูล รูปท่ี 1.1 โครงสร้างของระบบจัดการตรวจสขุ ภาพนกั เรยี น 4

1.7 แผนกำรดำเนินงำน ตำรำงที่ 1.1 ตารางการดาเนนิ งานโครงงาน 1 แผนการทางานแต่ละสัปดาห์ มิถนุ ายน กรกฎาคม สงิ หาคม กันยายน ตุลาคม 1234 1234 1234 1234 1234 1. เสนอหัวขอ้ โครงงาน 2. ศึกษาระบบงานเดมิ และวางแผนขน้ั ตอน ความเปน็ ไปไดข้ องระบบ 3. วิเคราะหร์ ะบบงาน 3.1 Context Diagram 3.2. Data Flow Diagram 3.3 Process Specification 3.4 Entity-Relationship Diagram 3.5 Mapping Entity- Relationship Diagram 5

ตำรำงที่ 1.2 ตารางการดาเนินงานโครงงาน 2 แผนการทางานแตล่ ะสปั ดาห์ ธนั วาคม มกราคม กมุ ภาพนั ธ์ มีนาคม เมษายน 1234 1234 1234 1234 1234 1. ลงโปรแกรมท่ี เกีย่ วข้องกบั การทา โครงงาน 2. ศกึ ษาเครื่องมอื (Tools) ทจี่ ะใชใ้ นการ เขียนโปรแกรม 3. ทาการสร้างฐานขอ้ มูล 4. เขยี นโปรแกรมทีใ่ ช้ ตดิ ต่อกับฐานข้อมูล 5. ทดสอบและแก้ไข ข้อผิดพลาดของ โปรแกรม 6. วดั ผลและสรปุ ผล 7. จัดทาเอกสารโครงการ 6

บทท่ี 2 ทฤษฎีที่เกย่ี วข้อง 2.1 ระบบสำรสนเทศ ระบบ (System)[1] คือ กลมุ่ ขององค์ประกอบตา่ งๆ ทมี่ ีความสัมพนั ธก์ นั โดยแต่ละ องค์ประกอบจะทางานรว่ มกนั เพ่ือจดุ ประสงคเ์ ดียวกนั เชน่ ระบบงานทางคอมพวิ เตอร์ ประกอบด้วย องค์ประกอบหลัก 3 สว่ นด้วยกันคอื ฮาร์ดแวร์ (Hardware), ซอฟตแ์ วร์ (Software) และบคุ ลากร (Peopleware) สว่ นประกอบทงั้ 3 สว่ นนี้จะตอ้ งประสานการทางานร่วมกนั เพือ่ จดุ ประสงคใ์ นการ ประมวลผล เพ่ือใหไ้ ดม้ าซึง่ ผลลพั ธท์ ตี่ รงตามความต้องการ ส่วนประกอบภายในระบบจาเป็นตอ้ ง ไดร้ บั การประสานการทางานทดี่ ี หากมีส่วนประกอบสว่ นใดส่วนหนง่ึ ไม่สามารถประสานการทางาน รว่ มกบั ส่วนอืน่ ๆ ไดต้ ามที่ควรจะเปน็ ยอ่ มสง่ ผลให้ระบบเกิดข้อขัดขอ้ ง ไมร่ าบร่ืน หรอื ท้ายสุดอาจ ก่อให้เกดิ ความลม้ เหลวในระบบได้ ระบบจะถกู กาหนดด้วยขอบเขต (System Boundary) จะประกอบดว้ ยองค์ประกอบต่างๆ ของระบบ ที่เรียกว่าระบบยอ่ ย (Sub System) ซึ่งระบบยอ่ ยเหลา่ นถี้ อื เป็นส่วนหนึ่งของระบบ และ สามารถเปล่ียนแปลงได้ในระหวา่ งขนั้ ตอนการออกแบบระบบ ระบบย่อยภายในจะถือเปน็ ตวั แทน ของระบบโดยรวมส่งิ ตา่ งๆ ท่อี ยภู่ ายนอกขอบเขตระบบ จะเรยี นกว่าสิ่งแวดล้อม (System Environment) ซึง่ ถือเป็นปัจจัยหนงึ่ ทมี่ ีอทิ ธพิ ลและส่งผลกระทบตอ่ ระบบได้ ระบบทดี่ คี วรมรี ะบบ ย่อยตา่ งๆ ทมี่ ีความสมบูรณ์ในตัว ซึง่ ระบบยอ่ ยเหล่านีม้ คี วามสาคัญมากทเี ดียว เนื่องจากเป็นสว่ น ทีจ่ ัดการส่อื สารการดาเนินงานตา่ งๆ ภายในระบบท่มี ีความซบั ซอ้ นใหส้ ามารถลลุ ่วงไปได้ดว้ ยดี แต่ ละระบบย่อยจะมกี ารสอ่ื สารดว้ ยการส่งข่าวสารและสง่ ผลยอ้ นกลบั (Feedback) ระหวา่ งกนั รวมถึง การตรวจสอบ (Monitoring) เพื่อใหร้ ะบบสามารถดาเนนิ การไปส่เู ป้าหมาย (Goal) ที่ต้องการ และที่ สาคญั ระบบทดี่ ีตอ้ งไดร้ ับการออกแบบระบบยอ่ ยต่างๆ ใหม้ คี วามเป็นอิสระตอ่ กนั มากทีส่ ดุ ด้วย การลดเสน้ ทางในการไหล (Flows) ระหว่างกนั เท่าทีจ่ ะเปน็ ไปได้ ซึ่งจะทาให้ระบบดูแลงา่ ยและช่วย ลดความซบั ซ้อนของระบบลงไดม้ าก ทาใหง้ า่ ยตอ่ การบารงุ รกั ษา ระบบสามารถแบ่งออกเปน็ 2 ประเภท คอื ระบบปดิ (Closed System) เปน็ ระบบทไ่ี มม่ ีปฏิสมั พันธก์ ับส่ิงแวดลอ้ ม มีจุดมงุ่ หมาย ในการทางานภายในตัวเอง โดยจะไม่ย่งุ เก่ียวหรอื ไม่รับขอ้ มลู จากส่งิ แวดล้อมใดๆ เขา้ มา และระบบ เปิด (Open system) เปน็ ระบบท่ีมีปฏสิ มั พนั ธก์ ับส่งิ แวดล้อมด้วยการแลกเปลีย่ น หรอื การรับส่ง ขอ้ มูลจากสภาพแวดลอ้ มเข้ามาในระบบเพ่ือนามาประมวลผลร่วม เม่อื มกี ารศกึ ษาระบบงานใด ควรพจิ ารณาจากมุมมองทั้ง 4 คือ 1.อะไร (What) วัตถปุ ระสงค์ ของระบบคืออะไร มีแผนงานขัน้ ตอนอะไรบ้าง ท่จี ะนาพาไปสคู่ วามเป้าหมาย 7

2. อย่างไร (How) มวี ธิ กี ารทางานอยา่ งไร ตอ้ งใชเ้ ครอ่ื งมอื ใดเพ่ือใหง้ านสาเร็จไดอ้ ยา่ ง รวดเร็ว 3. เม่อื ไร (When) เรม่ิ ดาเนินงานเมอื่ ไรและผลสาเรจ็ ของงานจะสาเร็จลลุ ว่ งไดเ้ มอ่ื ไร ควรมี การจัดการตารางการทางานอย่างมีระบบ การทางานโดยไม่มกี ารจัดตารางการทางานท่แี น่นอน อาจสง่ ผลให้ระบบงานยดื เยือ้ หรอื ไมส่ ามารถปิดงานไดต้ ามกาหนดเวลา กอ่ ใหเ้ กดิ ค่าใช้จา่ ยใน ระบบเพิ่มขนึ้ องคก์ ร (Organization) เปน็ โครงสรา้ งของสังคมทเ่ี ป็นทางการและอยตู่ วั มกี ารนาทรัพยากร จากสภาพแวดลอ้ มมาผ่านกระบวนการผลติ เพอื่ ใหไ้ ด้ผลผลิตออกมา ลกั ษณะขององค์ประกอบด้วย กลมุ่ คนตงั้ แตส่ องคนขน้ึ ไปทม่ี าทางานรว่ มกันเพอ่ื บรรลเุ ป้าหมายร่วมกนั องคก์ รจดั ได้วา่ เป็นระบบ หน่งึ ซงึ่ องคก์ รจะธารงอยู่และเกิดสมั ฤทธิผ์ ลตามเปา้ หมายทไ่ี ดก้ าหนดไวน้ นั้ จาเป็นอยา่ งยง่ิ ที่ จะตอ้ งอาศัยกระบวนการบรหิ ารที่มปี ระสทิ ธภิ าพ ตลอดจนการรู้จักใช้เทคนคิ วิธกี ารตา่ งๆ ทีจ่ ะ นาพาองคก์ รไปสเู่ ป้าหมาย การบริหารองคก์ รจึงเหน็ ความสาคญั ถงึ สารสนเทศ แทบทงั้ สนิ้ ระบบสารสนเทศ (Information System : IS) จะประกอบไปด้วยสว่ นประกอบตา่ งๆ ที่ สัมพนั ธก์ นั เพอ่ื ใหเ้ กิดการประมวลผลใหเ้ ปน็ สารสนเทศตามทตี่ ้องการ โดยจะมกี ารเตรยี มการดา้ น บุคคล ขอ้ มลู กระบวนการ รวมถงึ การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศสนบั สนนุ การปฏบิ ัตงิ านในแตล่ ะวนั การนาเสนอรายงานสารสนเทศแกผ่ ู้บริหาร เพอื่ นาไปใชป้ ระโยชน์ต่อการตดั สินใจ โดยเทคโนโลยี สารสนเทศจดั เป็นเครื่องมือสนับสนนุ อันสาคญั ในการปฏบิ ตั งิ าน ซ่ึงเทคโนโลยสี ารสนเทศ (Information Technology : IT) จะเปน็ การผสมผสานการทางานระหวา่ งเทคโนโลยคี อมพิวเตอร์ (ฮารด์ แวร์และซอฟต์แวร์) กบั เทคโนโลยกี ารสอ่ื สารโทรคมนาคม (ขอ้ มลู ภาพ เสียง และเครอื ข่าย) ระบบสารสนเทศมีสว่ นประกอบสาคัญ 5 สว่ น คอื ฮารด์ แวร์ ซอฟตแ์ วร์ ขอ้ มลู บคุ ลากรทาง คอมพิวเตอร์ และกระบวนการทางาน คณุ สมบัตขิ องสารสนเทศที่ดี ไดแ้ ก่ 1. ตรงกบั ความต้องการ (Relevance) สารสนเทศท่ีดจี ะต้องสอดคลอ้ งกับความตอ้ งการของ ผทู้ ่ีนาไปใชง้ าน ดังนัน้ หากสารสนเทศท่ีนาเสนอแม้จะมคี วามถกู ต้อง แตส่ าระสาคญั ของเน้ือหาไม่ ตรงกับส่ิงท่ีตอ้ งการเลย ถอื วา่ เปน็ สารสนเทศท่ีไม่มปี ระโยชน์ ไม่สามารถนามาใชเ้ พอ่ื ประกอบการ ตดั สินใจของผบู้ ริหารได้ 2. ทนั เวลาตอ่ การนาไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ (Timeliness) สารสนเทศตอ้ งทนั ตอ่ เหตุการณ์ และไม่ล้าสมยั ในช่วงเวลาท่ีตอ้ งการใช้งาน โดยผ้ใู ชจ้ ะต้องได้รบั ประโยชน์จากสารสนเทศท่ีนาเสนอ ไปในขณะนนั้ และหากสารสนเทศทนี่ าเสนอไปในขณะน้ัน ไม่ทันเวลาหรอื ไม่ทนั ตอ่ ความต้องการ ของผู้ใช้ รายงานสานสนเทศนนั้ กอ็ าจลา้ สมัยไดใ้ นทันที คุณประโยชน์ทค่ี วรไดร้ บั กอ็ าจลดนอ้ ยลงไป หรืออาจไมส่ ามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ได้เลยกเ็ ป็นไปได้ 8

3. มีความเทย่ี งตรง (Accurate) สารสนเทศทด่ี ีต้องมคี วามถกู ต้อง (Correctness) ความ สมบรู ณ์ (Completeness) ความปลอดภัย (Security) ประหยดั (Economy) และมีประสิทธิภาพ ผลลพั ธ์ของสารสนเทศทมี่ ีความเทย่ี งตรงข้นึ อยกู่ บั ข้อมลู ทป่ี ้อนเขา้ ไปในระบบดว้ ยเชน่ กัน การวิเคราะหร์ ะบบเปน็ การศกึ ษาถึงปัญหาทีเ่ กดิ ขนึ้ ในระบบงานปัจจุบัน (Current System) เพอื่ ออกแบบระบบการทางานใหม่ (New System) นอกเหนอื จากออกแบบสรา้ งระบบงานใหมแ่ ล้ว เป้าหมายในการวเิ คราะหร์ ะบบตอ้ งการปรับปรงุ และแก้ไขระบบงานเดมิ ใหม้ ที ิศทางทดี่ ขี น้ึ โดย ก่อนทมี่ ีระบบงานใหม่ ระบบงานทดี่ าเนนิ การอยูใ่ นปจั จบุ นั เรยี กวา่ ระบบปัจจบุ ัน แตห่ ากตอ่ มาได้ มกี ารพัฒนาระบบใหม่และมกี ารนามาใช้งานทดแทนระบบงานเดมิ จะเรียกระบบปัจจบุ ันทเี่ คยใช้น้นั วา่ ระบบเกา่ (Old System) วิธีการไดร้ ะบบสารสนเทศมาเพื่อใช้งานในองคก์ รและเทคโนโลยที ีใ่ ชเ้ พอื่ สรา้ งระบบงาน คอมพวิ เตอร์ แตห่ ลักการข้ึนพนื้ ฐานทส่ี ามารถปรับใช้ไดก้ บั ทกุ ยคุ ทกุ สมัยของการพัฒนาระบบ สารสนเทศในองคก์ รคือ การแบง่ แยกระหวา่ งข้อมลู (Data) กระแสขอ้ มลู (Data flow) และเงอ่ื นไข การประมวลผล (Processing logic) ข้อมูลเป็นขอ้ เทจ็ จรงิ (Raw facts)[2] ทอ่ี ธบิ ายถงึ คน วตั ถุ และเหตกุ ารณต์ า่ งๆ ขององคก์ ร สารสนเทศ (Information) คอื ข้อเทจ็ จรงิ ทถ่ี ูกประมวลผลให้มเี นอ้ื หาและรูปแบบที่เหมาะสมตามที่ ผใู้ ชต้ ้องการ นกั วเิ คราะหต์ อ้ งเขา้ ใจถึงชนดิ ของข้อมูลท่ีตอ้ งใชใ้ นระบบสารสนเทศ โดยต้อง วเิ คราะห์ว่าระบบสารสนเทศนน้ั ต้องใชข้ ้อมูลชนดิ ใดในการทางานบ้าง และขอ้ มูลเหลา่ นนั้ มี แหล่งกาเนดิ มาจากทใี่ ด รวมทง้ั ความสมั พนั ธร์ ะหว่างขอ้ มลู ตา่ งๆ ทมี่ ีอยู่ในระบบสารสนเทศน้นั ๆ ว่าเป็นอย่างไร การวเิ คราะหอ์ าจใชเ้ ทคนิคตา่ งๆ เพอื่ อธบิ ายถึงข้อมูลและความสมั พันธร์ ะหวา่ ง ข้อมลู เหล่าน้ี กระแสขอ้ มลู เป็นกลุม่ ของข้อมลู ท่ถี ูกเคล่ือนยา้ ยและไหลอย่ภู ายในระบบงาน รวมทั้ง คาอธบิ ายทแี่ สดงถงึ แหล่งกาเนิดและจุดปลายทางของกระแสขอ้ มูลแตล่ ะตวั เง่ือนไขการประมวลผล เปน็ การอธิบายถงึ ขน้ั ตอนการเปลี่ยนแปลงขอ้ มลู และเหตกุ ารณท์ ่ีกระตุน้ ใหเ้ กดิ การเปลี่ยนแปลง เหล่านนั้ วธิ ีการพัฒนาระบบทีใ่ ช้วิธกี ารออกแบบซง่ึ เนน้ ไปทก่ี ระแสขอ้ มูล การใชข้ อ้ มลู และการ ปรบั เปล่ยี นขอ้ มลู ท่เี กิดข้ึนภายในระบบงาน เรยี กวา่ วิธีการเชิงกรรมวธิ ี (Process-oriented approach) เป็นเทคนิคที่ใชเ้ พอ่ื ใหน้ กั วิเคราะห์สามารถติดตามการเคลอื่ นไหวของขอ้ มูลนับจาก แหลง่ ขอ้ มลู ผ่านกระบวนการทางานใดบา้ งในระบบไปจนกระทัง่ ถึงจดุ ปลายทางของขอ้ มลู ซึ่งอาจ เปน็ การจัดเก็บลงแฟม้ หรือเป็นการสง่ ผลลพั ธ์ทม่ี ีขอ้ มลู น้นั เป็นองคป์ ระกอบใหก้ บั ผู้ใช้งานระบบ วธิ กี ารพฒั นาระบบอกี วิธีเรียกว่า วธิ ีการเชงิ ขอ้ มูล (Data-oriented approach) เปน็ วธิ กี ารทีแ่ สดง ให้เห็นถึงการจดั ระเบยี บให้กับขอ้ มลู ทใี่ ช้ในการทางานขององคก์ ร โดยข้อมลู จะถกู จัดใหม้ ีโครงสร้าง แยกเปน็ อิสระจากการประมวลผลและวธิ กี ารทขี่ อ้ มลู เหลา่ น้ันจะถูกเรียกใช้ 9

2.2 กำรพัฒนำระบบสำรสนเทศและวงจรกำรพฒั นำระบบงำน องค์การส่วนใหญพ่ บวา่ การใชข้ ัน้ ตอนมาตรฐานท่ีเรียกวา่ “ระเบียบวิธีวงจรการพัฒนาระบบ” ใน การพฒั นาระบบสารสนเทศมีประโยชนต์ อ่ องคก์ ร เพราะกระบวนการพัฒนาระบบด้วยวิธีระเบียบวธิ กี าร นม้ี ักจะเปน็ ไปตามวงจรชวี ิตของระบบสารสนเทศ เช่นเดยี่ วกับการพฒั นาระบบอน่ื ๆ วิธีการนมี้ ี คุณสมบัตเิ ดน่ คอื การแบง่ กระบวนการทางานออกเปน็ ขั้นตอนตา่ งๆ หลายขน้ั ตอนทีช่ ีใ้ ห้เห็นถงึ ความกา้ วหนา้ ของความพยายามที่ใช้ในการวิเคราะหแ์ ละออกแบบระบบ วงจรการพัฒนาระบบจะมกี ารทางานท่ีเป็นลาดบั ข้ันตอนท่ตี อ่ เนอื่ ง แต่ในทางปฏิบัตแิ ลว้ ไม่ได้ เปน็ อยา่ งนน้ั เสมอไป เพราะอาจมบี างขน้ั ตอนทถี่ กู ปรับเปลี่ยนไปเพอื่ ให้เหมาะสมสาหรับแต่ละ โครงการ ในขนั้ ตอนการพฒั นาระบบตามวธิ ี SDLC (System Development Life Cycle)[2] ขน้ั ตอน การทาโครงการอาจยอ้ นกลับไปทข่ี น้ั ตอนเร่ิมแรกของวงจรการพัฒนาระบบได้ถา้ มีความจาเปน็ ใน วงจรการพฒั นาระบบสารสนเทศอาจเป็นไปได้ ท่จี ะทากิจกรรมบางอย่างในข้นั ตอนใดขัน้ ตอนหนง่ึ ให้ เสร็จโดยทากจิ กรรมบางอยา่ งของอกี ขนั้ ตอนหนง่ึ ของการพฒั นาระบบขนานกนั ไป บางคร้ังวงจรการ พัฒนาระบบอาจอยู่ในลกั ษณะของการวนซา้ นน่ั คอื ข้ันตอนหลายขน้ั ตอนอาจถกู วนทาซ้าเทา่ ท่ี ต้องการจนกระท่งั ได้ระบบซึ่งเปน็ ทย่ี อมรบั ของผใู้ ช้ วธิ ีการวนซ้าอย่างนเี้ ป็นคณุ ลักษณะเฉพาะของ วิธกี ารท่เี รียกวา่ วิธกี ารพัฒนาระบบอยา่ งรวดเร็ว (Rapid application development หรอื RAD) 2 Analysis Phase 1 3 Project Planning Design Phase Phase 5 4 Maintenance Implementation Phase Phase รปู ท่ี 2.1 กระบวนการ System Development Life Cycle หรือ SDLC 10

รปู ท่ี 2.2 วธิ กี ารพัฒนาระบบงานอย่างรวดเร็วแบบวอเตอรฟ์ อล์ (Waterfall model) วธิ ีการพฒั นาระบบงานอยา่ งรวดเรว็ แบบวอเตอร์ฟอล์ (Waterfall model) [2] ในภาพท2ี่ .2 การพฒั นา ระบบประกอบด้วยขน้ั ตอนการทางานตา่ งๆ ท่ีเป็นลาดบั เรียงกนั เปน็ ขึ้นบนั ได การทางานในขั้นตอน หนึง่ ต้องแลว้ เสร็จก่อนจงึ จะเริม่ ทางานในขน้ั ตอนถัดไปได้ วธิ ี SDLC การทางานในแต่ละข้นั ตอนจะ ใหผ้ ลล้พธ์ท่ีมลี กั ษณะของขนั้ ตอนน้นั และผลลพั ธ์ดงั กลา่ วก็จะถกู สง่ ตอ่ เปน็ ขอ้ มูลนาเขา้ ท่สี าคญั ของ การทางานในขน้ั ตอนถัดไป และเมอ่ื สิน้ สดุ การทางานในแตล่ ะข้นั ตอน (หรอื ในระหวา่ งกลางของการ ทางานในข้นั ตอนนนั้ ) จะกาหนดใหม้ ี จุดตรวจสอบ (Milestone หรอื Check point) เพื่อใหค้ นท่ี ไมไ่ ดอ้ ยูใ่ นทีมงานพัฒนาระบบสอบทานผลลัพธ์ตา่ งๆ ทไ่ี ด้ในแต่ละข้ันตอน ขนั้ ตอนแรกของ SDLC เรียกวา่ ขัน้ ตอนการเรม่ิ ต้นและวางแผนโครงการ (Project initiation and planning) ขน้ั ตอนนมี้ ีกิจกรรม 2 อย่างทต่ี ้องปฏบิ ตั ิคอื การสารวจอย่างเปน็ ทางการ เก่ยี วกับปญั หาในการทางานของระบบหรอื โอกาสในการปรับปรุงหรอื พัฒนาระบบ ณ ปจั จบุ ันว่าเป็น อยา่ งไร และหาเหตุผลที่อธิบายว่าโครงการพฒั นาระบบน้คี วรดาเนนิ ต่อไปหรือไม่ งานทส่ี าคัญ สาหรบั การทางานในขนั้ ตอนนค้ี ือการกาหนดขอบเขตของระบบที่จะนาเสนอ หัวหน้าโครงการและ ทีมนกั วิเคราะหเ์ บื้องต้นจะตอ้ งจดั ทาแผนงานแสดงถงึ ข้นึ ตอนการทางานถดั ๆ ไปท่ีของโครงการ พฒั นาระบบที่นาเสนอ ดังนนั้ ในแผนงานโครงการทีส่ ร้างขน้ึ นอกจากจะแสดงให้เหน็ ถงึ มาตรฐาน 11

การทางานของ SDLC ยังแสดงให้เหน็ ถึงเวลาและทรพั ยากรทต่ี อ้ งใชใ้ นการทางานของโครงการด้วย การกาหนดขอบเขตของโครงการจะพจิ ารณาจากความน่าจะเป็นทีห่ นว่ ยงานระบบสารสนเทศจะ สามารถพฒั นาระบบสารสนเทศระบบใดระบบหนึง่ เพอื่ ใช้สาหรับแกป้ ญั หาหรอื ปรบั โอกาสทางธรุ กจิ ท่ี มีอยู่ให้เปน็ ประโยชนก์ ับองคก์ ร รวมทงั้ การพิจารณาวา่ ตน้ ทุนของการพฒั นาระบบสารสนเทศ ดังกลา่ วนน้ั จะคมุ้ กับผลประโยชนท์ ีจ่ ะได้รบั จากระบบสารสนเทศนนั้ หรอื ไม่ ขน้ั ตอนการวเิ คราะห์ (Analysis) นกั วิเคราะห์ต้องศกึ ษาถึงขอ้ กาหนดความต้องการและ จัดทาเปน็ โครงสรา้ งขอ้ กาหนดความตอ้ งการโดยคานงึ ถงึ ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งข้อกาหนดความ ตอ้ งการเหลา่ นั้นและพยายามลดความซ้าซ้อนตา่ งๆ ทมี่ ีในระบบให้นอ้ ยลง นกั วเิ คราะห์สร้าง ทางเลือกของการออกแบบเบอื้ งต้นทีส่ อดคลอ้ งกบั ขอ้ กาหนดความตอ้ งการตา่ งๆ ทก่ี าหนดจากนน้ั เปรยี บเทียบทางเลือกเหล่าน้ัน เพ่ือพจิ ารณาเลอื กทางเลอื กทด่ี ที ส่ี ุดสาหรบั การออกแบบโดยคานงึ ถึง ปจั จัยตา่ งๆ ทงั้ ในดา้ นตน้ ทนุ แรงงาน และระดบั ของเทคโนโลยที ผี่ ู้บริหารขององค์กรเตม็ ใจท่จี ะ ให้กับกระบวนการพัฒนาระบบพรอ้ มทั้งทางเลอื กทเ่ี ป็นคาตอบซงึ่ นกั วิเคราะหใ์ หก้ ารแนะนา และเมอื่ ผทู้ ใ่ี นการสนบั สนนุ ด้านเงนิ ทนุ กบั โครงการพฒั นาระบบใหก้ ารยอมรบั ในทางเลอื กที่ทมี นกั วเิ คราะห์ นาเสนอ นักวิเคราะหจ์ ึงเรมิ่ ทาแผนการจัดหาฮารด์ แวร์และซอฟตแ์ วรร์ ะบบท่จี าเป็นต่อการสรา้ งระบบ หรือต่อการทางานของระบบท่พี ัฒนาได้ ขนั้ ตอนการออกแบบ (Design) นกั วเิ คราะหจ์ ะทางานแปลงคาอธบิ ายต่างๆ ของทางเลอื กที่ เปน็ คาตอบของการแกป้ ญั หาให้เป็นขอ้ กาหนดคุณลกั ษณะ (Specification) ทง้ั เชิงตรรกะ (Logical) และเชิงกายภาพ (Physical) ของระบบ การออกแบบจะพิจารณาเร่ิมจากขอ้ มูลนาเข้าระบบทาง จอภาพ และผลลัพธท์ ่จี ะได้จากระบบทงั้ ทางจอภาพและรายงานท่ีต้องการ ไปจนกระทั้งถึง ฐานข้อมูลและกรรมวธิ กี ารทางานที่ตอ้ งมใี นระบบ จากนัน้ จะตอ้ งกาหนดคณุ ลักษณะเฉพาะทาง กายภาพของระบบท่ีออกแบบใหอ้ ยใู่ นรปู ของระบบต้นแบบหรือในรปู ของเอกสารท่รี ะบุถงึ คุณลักษณะ เหล่านนั้ อย่างละเอยี ด เพอื่ ให้ผูท้ ่ีสร้างระบบสามารถใช้เปน็ แนวทางในการทางานได้ ส่วนหน่ึงของ กระบวนการออกแบบโดยที่ไมไ่ ดค้ าถงึ ฮาร์ดแวรห์ รือแพลตฟอรม์ ของระบบเรียกวา่ การออกแบบเชิง ตรรกะ จะเน้นที่ความสามารถของระบบในมมุ มองของธุรกจิ หรอื ผู้ใชเ้ พ่อื ใช่ถ่ายทอดคุณลกั ษณะของ ระบบในระดับบนกับผใู้ ช้ทไ่ี มม่ ีความรู้ความชานาญดา้ นเทคนิค นกั วิเคราะหเ์ ร่ิมแปลงขอ้ กาหนด คณุ ลักษณะเหลา่ นน้ั เป็นขอ้ กาหนดคณุ ลักษณะเชิงกายภาพ นกั วเิ คราะห์จะตอ้ งออกแบบสว่ นต่างๆ ของระบบท่ีสามารถทาใหร้ ะบบสามารถใช้ปฏบิ ตั ิงานไดจ้ รงิ ท้ังในดา้ นการบันทกึ ขอ้ มูลเขา้ สรู่ ะบบ การประมวลผลของระบบ และการใหส้ ารสนเทศแก่ผูใ้ ชร้ ะบบ ผลลัพธ์สดุ ท้ายของข้ันตอนน้คี อื ข้อกาหนดคุณลกั ษณะเชิงกายภาพของระบบ ทอี่ ยู่ในรปู แบบท่ีพรอ้ มจะให้โปรแกรมเมอร์และ บคุ ลากรด้านเทคนคิ อื่นๆ ทเี่ กี่ยวข้องในการสรา้ งระบบนาไปเปน็ ขอ้ มลู สาหรับการทางานในข้นั ตอน ต่อไป 12

ขัน้ ตอนการปรบั ใช้ (Implementation phase) เป็นขั้นตอนทเ่ี ปลีย่ นขอ้ กาหนดคุณลกั ษณะ ของระบบเปน็ ระบบงานทสี่ ามารถใชง้ านได้จรงิ ประกอบด้วย 3 ขนั้ ตอนยอ่ ยคือ ข้นั ตอนการลงรหสั ข้นั ตอนการทดสอบ และขนั้ ตอนการติดตง้ั ขัน้ ตอนสุดท้ายของการพฒั นาระบบคอื การบารุงรกั ษาระบบ (Maintenance) เม่ือระบบ ใหม่ถูกใชง้ านในองคก์ รไปไดส้ กั ระยะหนง่ึ ในบางครั้งผ้ใู ช้มักจะพบกับปัญหาในการทางานของระบบ และบอ่ ยครัง้ ทคี่ ดิ หาวธิ กี ารทด่ี กี วา่ เพอ่ื ทางานตามหนา้ ท่ที ่ไี ดร้ ับมอบหมาย จึงทาให้ความต้องการ ขององคก์ รมีการเปลย่ี นแปลงตลอดเวลา ในขนั้ ตอนการบารุงรักษาระบบโปรแกรมเมอรจ์ ะ เปลย่ี นแปลงแกไ้ ขโปรแกรมตามท่ผี ู้ใชร้ ้องขอรวมท้งั ปรับปรงุ ระบบเพ่ือให้สามารถตอบสนองเง่อื นไข การดาเนนิ ธุรกจิ ทเ่ี ปล่ียนแปลงไปได้ การเปลย่ี นแปลงเหลา่ นจ้ี าเป็นตอ้ งทาเพอ่ื ใหร้ ะบบงานสามารถ ทางานได้และยังคงเป็นประโยชนต์ ่อองคก์ ร ข้นั ตอนการบารงุ รกั ษาระบบเป็นขน้ั ตอนทตี่ อ้ งมีการ ทางานในข้นั ตอนอน่ื ๆ ซ้าแล้วซา้ อกี จงึ ทาใหก้ ารบารุงรักษาเป็นเสมือนวงจรการพฒั นาระบบอีกวงจร หนึง่ ที่ซอ้ นอยู่กบั วงจรการพฒั นาระบบแตล่ ะระบบ มากกว่าทจี่ ะเปน็ ขนั้ ตอนอกี ขั้นตอนหนง่ึ ทแ่ี ยก ออกมาต่างหาก 2.3 แบบจำลองขอ้ มลู (Data Model) แบบจาลองข้อมูล[1] จะใช้อธิบายเกยี่ วกบั ข้อมูลต่างๆ ทีส่ นบั สนนุ กระบวนการทางธุรกจิ ใน องค์กร โดยระยะเวลาการวิเคราะหน์ ั้น แบบจาลองขอ้ มูลจะนาเสนอในรูปแบบเชิงตรรกะเปน็ สาคญั ซึง่ ปราศจากความตอ้ งการว่าตอ้ งมกี ารจัดเก็บขอ้ มูลอยา่ งไร สร้างหรอื ปรบั ปรุงขอ้ มลู อยา่ งไร ตอ้ ง มองเพยี งว่ามขี ้อมูลอะไรบา้ งในกระบวนการทางธรุ กิจ โดยไม่ตอ้ งคานึงถึงรายละเอียดทางเทคนคิ และแบบจาลองขอ้ มูลเชิงตรรกะจะเปลี่ยนมานาเสนอใหอ้ ยใู่ นรูปแบบว่าขอ้ มูลเหลา่ น้นั จะมกี ารจดั เกบ็ ลงในฐานขอ้ มลู อย่างไร ซง่ึ เป็นไปในรูปแบบเชงิ กายภาพในระยะของการออกแบบ แบบจาลองกระบวนการ (Process model) จะอธบิ ายถงึ กระบวนการทางธุรกิจ ดว้ ยการ นาเสนอใหเ้ หน็ ภาพรวมถึงการปฏบิ ัตกิ ารอยา่ งไรในระบบธรุ กิจในลกั ษณะของแผนภาพ หรือ ไดอะแกรม การสรา้ งแบบจาลองกระบวนการเชงิ โครงสร้าง คอื แผนภาพกระแสข้อมูล (Data Flow Diagram : DFD )[1] จะแสดงถงึ กระบวนการหรอื กิจกรรมทป่ี ฏิบตั กิ าร รวมถึงการแสดงความ เคลอ่ื นไหวของขอ้ มูลในระบบ โดยแผนภาพกระแสขอ้ มูลสามารถนามาประยุกตใ์ ชก้ ับระบบงานเดมิ หรอื ระบบงานใหมก่ ไ็ ด้ แผนภาพกระแสขอ้ มูลเปน็ แบบจาลองกระบวนการท่ีนามาใช้กบั การวเิ คราะหแ์ ละออกแบบ ระบบเชิงโครงสร้าง โดยแผนภาพกระแสข้อมลู จะแสดงความสัมพนั ธร์ ะหวา่ ง โปรเซส กบั ข้อมลู ท่ี เกีย่ วขอ้ ง โดยขอ้ มูลในแผนภาพจะทาใหท้ ราบถึงข้อมลู มาจากไหน ไปทไ่ี หน เก็บไว้ทใ่ี ด เกิด เหตกุ ารณใ์ ดกบั ข้อมลู ในระหวา่ งทาง วตั ถปุ ระสงค์ของแผนภาพกระแสขอ้ มูล เพอ่ื เป็นแผนภาพท่ี 13

สรุปรวมขอ้ มลู ทง้ั หมดทไี่ ด้จากการวเิ คราะหใ์ นรปู แบบของการพฒั นาเชงิ โครงสรา้ ง เป็นขอ้ ตกลง รว่ มกันระหวา่ งนักวเิ คราะหร์ ะบบกับผูใ้ ชง้ าน เปน็ แผนภาพท่นี าไปใช้ประโยชนต์ ่อไปในขน้ั ตอนการ ออกแบบระบบ เป็นแผนภาพที่ใชใ้ นการอา้ งองิ หรือเพอื่ ใช้สาหรับการปรับปรงุ /พฒั นาตอ่ ในอนาคต และทราบทีม่ าและทีไ่ ปของขอ้ มลู ทไ่ี หลไปยังกระบวนการต่างๆ รูปท่ี 2.3 แสดงสัญลักษณท์ ใ่ี ช้สาหรบั การเขยี นแผนภาพกระแสขอ้ มูล 14

แบบจาลองข้อมลู ในรูปแบบแผนภาพอีอาร์ ไดอะแกรม (Entity Relationship Diagram)[1] รปู ท่ี 2.4 แสดงสัญลกั ษณต์ า่ งๆ ในแผนภาพออี ารไ์ ดอะแกรม พื้นฐานหลกั ๆ 3 ประการ คอื 2.3.1 เอ็นตติ ้ี (Entities) คือ บคุ คล สถานที่ วตั ถุ และรวมถงึ เหตุการณ์ท่ีทาใหเ้ กิดกลุ่มของ ข้อมลู ท่ตี อ้ งการจัดเกบ็ สามารถบง่ ชถี้ งึ ความเป็นเอกลกั ษณ์เฉพาะตวั ได้ (Uniquely Identifiable) โดยตัวอยา่ งของแต่ละเอน็ ตติ ้ปี ระกอบด้วย 2.3.1.1 บุคคล เช่น ลกู ค้า พนักงาน นกั ศีกษา รา้ นคา้ แผนกการเงนิ 2.3.1.2 สถานที่ เชน่ อาคาร หอ้ งเรยี น สาขา 2.3.1.3 วตั ถุ เชน่ หนงั สอื เครอื่ งจกั ร สินคา้ วตั ถุดบิ 2.3.1.4 เหตุการณ์ เช่น รายการลงทะเบยี น (เกดิ จากเหตกุ ารณท์ นี่ ักศกึ ษาไดท้ า การละทะเบียนวชิ าเรยี น 2.3.1.5 แนวความคดิ เช่น บญั ชี พนั ธบตั ร หุ้น 2.3.2 ความสมั พันธ์ (Relationships) หมายถงึ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเอน็ ติต้ี ความสัมพนั ธ์ ของแตล่ ะเอ็นติตจ้ี ะเกิดขนึ้ ตามธรรมชาติในกระบวนการทางธกุ ิจ ความสัมพนั ธ์จะนาเสนอด้วย เหตุการณ์เชอื่ มโยงระหว่างเอน็ ตติ ้ี เชน่ ลกู ค้ามคี วามสัมพนั ธ์กับสัญญาเชา่ เปน็ ตน้ 15

ขอ้ กาหนดในความสมั พันธ์ (Constraints) จะเป็นกฎเกณฑ์ที่ใชบ้ งั คับเงอ่ื นไขเพอื่ ให้ การจัดเก็บข้อมูลในฐานข้อมูลเป็นไปอย่างเหมาะสมและถกู ต้อง โดยขอ้ กาหนดความสัมพนั ธ์จะเปน็ เงอ่ื นไขทใี่ ชบ้ งั คบั ส่วนตา่ งๆ ในแบบจาลอง ซ่ึงโปรแกรมจะต้องรกั ษาให้ถูกตอ้ งตามความเปน็ จรงิ เสมอ 11 1m mn รูปท่ี 2.5 แสดงสญั ลักษณแ์ สดงความสมั พนั ธแ์ ละคารด์ ินาลิต้ี 2.3.3 แอตตรบิ วิ ต์ (Attributes) คือคณุ สมบัติของเอน็ ติตี้ เช่น เอ็นติต้ลี กู คา้ ประกอบดว้ ย แอตตริบิวส์ รหสั ลูกคา้ ชอ่ื นามสกลุ เพศ ท่อี ยู่ โดยสัญลักษณแ์ อตตรบิ ิวส์ในอีอารไ์ ดอะแกรมใช้ สัญลกั ษณ์รูปวงรี และแอตตรบิ วิ ส์ไดทเี่ ป็นคยี ห์ ลัก จะมกี ารขีดเสน้ ใต้กากับใตช้ ื่อแอตตริบิวส์ ดังรูป ที่ 2.6 ชื่อ รหสั ลูกคา้ นามสกุล ทีอ่ ยู่ เพศ ลกู คา้ รปู ท่ี 2.6 ตวั อยา่ งแอตตริบิวสข์ องลกู คา้ โดยมรี หสั ลกู คา้ เปน็ คยี ์หลกั 16

พจนานกุ รมขอ้ มลู (Data Dictionary) จะประกอบดว้ ยหนว่ ยขอ้ มูล หรือข้อมูลย่อย (Data Element) ตา่ งๆ ของระบบ โดยข้อมูลยอ่ ยคอื ขอ้ มลู ทไ่ี มส่ ามารถแตกยอ่ ยออกไปได้อีก เชน่ ขอ้ มลู ลูกค้า ประกอบดว้ ยรหัสลกู คา้ ช่อื และทอี่ ยู่ เปน็ ตน้ สาหรบั ขอ้ มูลยอ่ ยเหลา่ นีเ้ มอ่ื นามารวมกัน เรยี กว่าเรคอรด์ และในท่สี ดุ จะเปน็ โครงสรา้ งแฟ้มขอ้ มลู โดยพจนานกุ รม คือเอกสารทใ่ี ชอ้ ธบิ าย รายละเอียดโครงสร้างแฟม้ ขอ้ มลู และรวมถึงรายการข้อมูลประกอบต่างๆ ซึ่งประกอบดว้ ยชอื่ รีเลชั่น (Relation Name), แอตตริบิวส์ (Attribute), ช่ือแทน (Aliases name), รายละเอียดขอ้ มลู (Data Description), แอตตริบิวส์โดเมน (Attribute Domain), การเรยี งลาดบั ดชั นี (Index), คยี ์หลกั (Primary key), คียน์ อก (Foreign key), ชนดิ ขอ้ มลู (Data Type) 2.4 ฐำนข้อมลู และระบบจดั กำรฐำนข้อมลู (Database and Database Management System) ในปัจจุบนั การจดั โครงสรา้ งขอ้ มูลใหเ้ ปน็ แบบฐานขอ้ มลู กาลงั เปน็ ท่ีนยิ ม เกือบทกุ หน่วยงานท่ี มกี ารใช้ระบบสารสนเทศจะจดั ทาข้อมูลใหเ้ ป็นรปู แบบฐานข้อมลู เน่ืองจากปริมาณขอ้ มลู มีจานวนมาก ถา้ จัดขอ้ มลู เปน็ แบบแฟม้ ขอ้ มลู จะทาใหม้ แี ฟม้ ขอ้ มลู เป็นจานวนมาก ซง่ึ จะทาให้เกดิ ขอ้ มูลทีซ่ า้ ซ้อน กนั เกดิ ปัญหาในการจัดเก็บ และการค้นหาขอ้ มลู เปน็ อยา่ งมาก 2.4.1 ความหมายของระบบฐานขอ้ มูล ฐานขอ้ มลู (Database) หมายถงึ กล่มุ ของขอ้ มลู ท่ถี ูกเกบ็ รวบรวมไว้ โดยมีความสัมพันธ์ซงึ่ กนั และกัน โดยไมไ่ ดบ้ งั คับว่าข้อมูลทงั้ หมดนี้จะต้องเกบ็ ไวใ้ นแฟม้ ขอ้ มลู เดียวกนั หรือแยกเกบ็ หลายๆ แฟม้ ขอ้ มูล นัน่ กค็ อื การเกบ็ ขอ้ มลู ในฐานขอ้ มูลนั้นเราอาจจะเก็บทงั้ ฐานขอ้ มูล โดยใชแ้ ฟม้ ขอ้ มลู เพียง แฟม้ ขอ้ มูลเดยี วกนั ได้ หรือจะเก็บไวใ้ นหลายๆ แฟม้ ขอ้ มลู ท่สี าคัญคอื จะตอ้ งสร้างความสมั พนั ธ์ ระหวา่ งระเบยี นและเรยี กใชค้ วามสมั พนั ธ์นัน้ ได้ มีการกาจัดความซา้ ซอ้ นของขอ้ มลู ออกและเก็บ แฟม้ ขอ้ มลู เหล่านีไ้ ว้ทีศ่ นู ยก์ ลาง เพอ่ื ที่จะนาข้อมูลเหล่านมี้ าใชร้ ว่ มกนั ควบคุมดแู ลรักษาเมื่อผู้ ต้องการใชง้ านและผูม้ ีสิทธจิ์ ะใช้ข้อมูลนนั้ สามารถดึงขอ้ มูลทตี่ ้องการออกไปใช้ได้ ข้อมูลบางส่วนอาจ ใช้รว่ มกับผ้อู ่นื ได้ แตบ่ างส่วนผู้มสี ิทธเ์ิ ทา่ นน้ั จงึ จะสามารถใช้ได้ โดยทั่วไปองคก์ รต่างๆ จะสรา้ ง ฐานขอ้ มลู ไว้ เพื่อเกบ็ ขอ้ มูลตา่ งๆ ของตัวองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิง่ ขอ้ มลู ในเชงิ ธุรกิจ เชน่ ขอ้ มลู ของ ลูกคา้ ขอ้ มูลของสินคา้ ขอ้ มูลของลูกจา้ ง และการจ้างงาน เป็นต้น การควบคมุ ดูแลการใชฐ้ านข้อมูล นน้ั เป็นเรื่องทย่ี ุ่งยากกวา่ การใชแ้ ฟม้ ขอ้ มูลมาก เพราะเราจะตอ้ งตดั สนิ ใจว่าโครงสร้างในการจดั เก็บ ขอ้ มลู ควรจะเป็นเช่นไร การเขยี นโปรแกรมเพ่ือสรา้ งและเรยี กใชข้ อ้ มลู จากโครงสรา้ งเหล่านี้ ถ้า โปรแกรมเหล่าน้เี กดิ ทางานผิดพลาดขนึ้ มา ก็จะเกดิ ความเสียหายต่อโครงสร้างของข้อมูลทงั้ หมดได้ เพอ่ื เปน็ การลดสภาวะการทางานของผ้ใู ช้ จงึ ไดม้ สี ่วนของฮาร์ดแวร์และโปรแกรมต่างๆ ทส่ี ามารถ เข้าถึงและจัดการขอ้ มลู ในฐานขอ้ มูลนัน้ เรียกวา่ ระบบจัดการฐานขอ้ มลู หรอื DBMS (Database 17

Management System) ระบบจัดการฐานขอ้ มลู คอื ซอฟตแ์ วร์ทเ่ี ปรยี บเสมือนสอ่ื กลางระหวา่ งผใู้ ช้ และโปรแกรมต่างๆ ทเ่ี ก่ยี วข้องกับการใช้ฐานข้อมูล ซงึ่ มหี นา้ ท่ีช่วยใหผ้ ใู้ ชเ้ ข้าถึงข้อมลู ได้งา่ ยสะดวก และมปี ระสทิ ธภิ าพ การเขา้ ถงึ ข้อมลู ของผูใ้ ช้อาจเป็นการสรา้ งฐานขอ้ มูล การแกไ้ ขฐานขอ้ มลู หรอื การตั้งคาถามเพื่อใหข้ อ้ มลู มา โดยผู้ใช้ไมจ่ าเป็นตอ้ งรบั รู้เกยี่ วกบั รายละเอยี ดภายในโครงสรา้ งของ ฐานข้อมูล เปรยี บเสมือนเป็นสอ่ื กลางระหวา่ งผใู้ ช้และโปรแกรมตา่ งๆ ท่เี กย่ี วข้องกบั การใชฐ้ านขอ้ มูล 2.4.2. ความสาคัญของระบบฐานข้อมูล การจัดขอ้ มลู ใหเ้ ปน็ ระบบฐานขอ้ มลู ทาให้ขอ้ มูลมีส่วนดกี วา่ การเกบ็ ขอ้ มูลในรปู ของแฟม้ ข้อมูล เพราะ การจัดเก็บข้อมลู ในระบบฐานขอ้ มูล จะมสี ว่ นทส่ี าคญั กวา่ การจัดเก็บข้อมลู ในรูปของแฟ้มขอ้ มูลดงั นี้ 2.4.2.1 ลดการเกบ็ ข้อมลู ท่ซี า้ ซอ้ น ขอ้ มูลบางชุดที่อยู่ในรูปของแฟ้มขอ้ มูลอาจมี ปรากฏอยหู่ ลายๆ แหง่ เพราะมีผใู้ ช้ขอ้ มลู ชุดนห้ี ลายคน เมือ่ ใชร้ ะบบฐานข้อมลู แลว้ จะชว่ ยใหค้ วาม ซ้าซ้อนของข้อมูลลดนอ้ ยลง เชน่ ข้อมลู อยใู่ นแฟม้ ขอ้ มูลของผู้ใช้หลายคน ผ้ใู ช้แต่ละคนจะมี แฟ้มข้อมูลเป็นของตนเอง ระบบฐานขอ้ มูลจะลดการซา้ ซอ้ นของข้อมลู เหลา่ นใ้ี ห้มากทส่ี ุด โดยจดั เก็บ ในฐานข้อมูลไวท้ ่ีเดยี วกนั ผู้ใชท้ กุ คนทต่ี อ้ งการใชข้ ้อมูลชุดนจ้ี ะใชโ้ ดยผา่ นระบบฐานขอ้ มลู ทาใหไ้ ม่ เปลอื งเนอื้ ทใี่ นการเกบ็ ข้อมลู และลดความซา้ ซอ้ นลงได้ 2.4.2.2 รักษาความถกู ต้องของข้อมลู เน่ืองจากฐานข้อมูลมเี พยี งฐานข้อมูลเดยี ว ในกรณีทีม่ ขี อ้ มูลชุดเดยี วกนั ปรากฏอยหู่ ลายแห่งในฐานขอ้ มูล ขอ้ มลู เหลา่ น้ีจะตอ้ งตรงกัน ถ้ามกี าร แก้ไขขอ้ มูลนีท้ ุกๆ แหง่ ท่ีขอ้ มลู ปรากฏอยู่จะแก้ไขให้ถูกตอ้ งตามกันหมดโดยอตั โนมัติดว้ ยระบบ จดั การฐานขอ้ มูล 2.4.2.3 การป้องกันและรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูล ทาได้อย่างสะดวก การป้องกนั และรักษาความปลอดภยั กบั ข้อมลู ระบบฐานข้อมลู จะให้เฉพาะผ้ทู เ่ี ก่ยี วข้องเท่าน้นั จงึ จะมี สิทธเิ์ ขา้ ไปใชฐ้ านข้อมลู ได้เรียกว่ามีสิทธสิ ่วนบุคคล (privacy) ซึ่งก่อให้เกิดความปลอดภัย (security) ของขอ้ มูลด้วย ฉะนน้ั ผ้ใู ดจะมีสิทธท์ิ ่ีจะเขา้ ถึงขอ้ มูลไดจ้ ะตอ้ งมกี ารกาหนดสทิ ธ์กิ นั ไว้ก่อนและเม่ือเข้า ไปใช้ขอ้ มลู น้ันๆ ผู้ใช้จะเห็นข้อมูลทถี่ ูกเก็บไวใ้ นฐานขอ้ มูลในรูปแบบที่ผู้ใช้ออกแบบไว้ ดังน้ันถ้าผู้ใช้ เปลี่ยนแปลงลักษณะการเก็บข้อมลู เชน่ เปล่ยี นแปลงรปู แบบของตารางเสยี ใหม่ ผูใ้ ชก้ ไ็ มต่ ้องกงั วลว่า ข้อมูลของเขาจะถูกเก็บลงในแผ่นจานบันทึกแม่เหล็กในลักษณะใด ระบบการจัดการฐานข้อมูลจะ จัดการให้ท้ังหมด ในทานองเดียวกันถ้าผู้ออกแบบระบบฐานข้อมูลเปล่ียนวิธีการเก็บข้อมูลลงบน อปุ กรณ์จัดเกบ็ ข้อมูล ผใู้ ช้ก็ไมต่ อ้ งแก้ไขฐานข้อมูลที่เขาออกแบบไว้แล้ว ระบบการจัดการฐานข้อมูล จะจดั การให้ ลกั ษณะเชน่ นเ้ี รียกวา่ ความไมเ่ กี่ยวข้องกนั ของข้อมูล (data independent) 2.4.2.4 สามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้ เน่ืองจากในระบบฐานข้อมูลจะเป็นท่ีเก็บ รวบรวมข้อมลู ทุกอยา่ งไว้ ผ้ใู ชแ้ ตล่ ะคนจึงสามารถทจี่ ะใชข้ ้อมลู ในระบบไดท้ ุกขอ้ มลู ซึ่งถ้าข้อมลู ไมไ่ ด้ ถูกจัดให้เป็นระบบฐานขอ้ มูลแล้ว ผใู้ ชก้ ็จะใชไ้ ดเ้ พยี งขอ้ มูลของตนเองเท่านั้น 18

2.4.2.5 มคี วามเปน็ อิสระของข้อมูล เม่ือผู้ใช้ต้องการเปล่ียนแปลงข้อมูลหรือนา ข้อมูลมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับโปรแกรมท่ีเขียนขึ้นมา จะสามารถสร้างข้อมูลน้ันข้ึนมาใช้ใหม่ได้ โดยไม่มีผลกระทบต่อระบบฐานข้อมูล เพราะข้อมูลท่ีผู้ใช้นามาประยุกต์ใช้ใหม่นั้นจะไม่กระทบต่อ โครงสร้างที่แท้จริงของการจัดเก็บข้อมูล นั่นคือ การใช้ระบบฐานข้อมูลจะทาให้เกิดความเป็นอิสระ ระหว่างการจดั เกบ็ ข้อมลู และการประยกุ ตใ์ ช้ 2.4.2.6 สามารถขยายงานได้งา่ ย เม่ือตอ้ งการเพิ่มเติมข้อมูลที่เก่ียวข้องจะสามารถ เพิม่ ไดอ้ ย่างงา่ ยไม่ซบั ซอ้ น เนอื่ งจากมีความเป็นอิสระของข้อมูล จึงไม่มีผลกระทบต่อข้อมูลเดิมที่มี อยู่ 2.4.2.7 ทาใหข้ อ้ มูลบูรณะกลับส่สู ภาพปกตไิ ดเ้ รว็ และมีมาตรฐาน เนื่องจากการ จัดพิมพ์ข้อมูลในระบบท่ีไม่ได้ใชฐ้ านข้อมูล ผู้เขียนโปรแกรมแต่ละคนมีแฟ้มข้อมูลของตนเองเฉพาะ ฉะน้ันแต่ละคนจึงต่างก็สร้างระบบการบูรณะข้อมูลให้กลับสู่สภาพปกติในกรณีท่ีข้อมูลเสียหายด้วย ตนเองและด้วยวิธีการของตนเอง จึงขาดประสิทธิภาพและมาตรฐาน แต่เม่ือมาเป็นระบบฐานข้อมูล แล้ว การบูรณะข้อมูลให้กลบั คนื สู่สภาพปกติจะมโี ปรแกรมชุดเดยี วและมีผ้ดู แู ลเพียงคนเดยี วที่ดแู ลทง้ั ระบบ ซึ่งย่อมตอ้ งมีประสทิ ธภิ าพและเปน็ มาตรฐานเดยี วกันแน่นอน 2.4.3 ระบบการจดั การฐานขอ้ มูล (Database Management System หรอื DBMS) หนา้ ทขี่ องระบบการจดั การฐานขอ้ มลู 2.4.3.1 ระบบจดั การฐานขอ้ มูลเป็นซอฟต์แวร์ ท่ีทาหนา้ ที่ดงั ต่อไปนด้ี แู ลการใช้ งานใหก้ บั ผใู้ ช้ ในการตดิ ตอ่ กบั ตวั จดั การระบบแฟ้มขอ้ มูลได้ ในระบบฐานข้อมูลนข้ี ้อมูลจะมีขนาด ใหญ่ ซง่ึ จะถกู จดั เกบ็ ไว้ในหนว่ ยความจาสารองเมื่อผใู้ ช้ตอ้ งการจะใช้ฐานข้อมลู ระบบการจัดการ ฐานข้อมูลจะทาหนา้ ทต่ี ดิ ต่อกับระบบแฟม้ ข้อมลู ซ่ึงเสมอื นเป็นผู้จดั การแฟม้ ขอ้ มูล นาขอ้ มูลจาก หนว่ ยความจาสารองเขา้ สหู่ นว่ ยความจาหลักเฉพาะส่วนที่ตอ้ งการใช้งาน และทาหน้าท่ีประสานกับ ตวั จดั การระบบแฟม้ ขอ้ มูลในการจดั เกบ็ เรียกใช้ และแก้ไขขอ้ มูล 2.4.3.2 การควบคมุ ระบบความปลอดภยั ของขอ้ มลู โดยป้องกนั ไมใ่ ห้ผทู้ ่ไี มไ่ ดร้ บั อนญุ าตเขา้ มาเรียกใชห้ รอื แกไ้ ขขอ้ มลู ในสว่ นป้องกนั เอาไว้ พร้อมท้งั สรา้ งฟังก์ชันในการจัดทาขอ้ มลู สารอง โดยเม่ือเกิดมคี วามขัดขอ้ งของระบบแฟ้มข้อมลู หรอื ของเครือ่ งคอมพิวเตอร์เกดิ การเสยี หาย น้ัน ฟงั ก์ชนั น้จี ะสามารถทาการฟื้นสภาพของระบบข้อมลู กลับเข้าสู่สภาพทถี่ กู ตอ้ งสมบรู ณ์ได้ 2.4.3.3 การควบคุมการใช้ขอ้ มลู ในสภาพทมี่ ผี ้ใู ชพ้ รอ้ มกนั หลายคน โดยจดั การเมอ่ื มีขอ้ ผดิ พลาดของข้อมูลเกดิ ขึน้ 2.4.4 ส่วนประกอบของโปรแกรมระบบจัดการฐานขอ้ มูล ภายในโปรแกรมระบบจดั การฐานขอ้ มูล ทท่ี าหน้าที่แปลคาสง่ั ไปเปน็ การกระทาตา่ งๆ ทจ่ี ะ กระทากบั ขอ้ มลู น้นั จะประกอบด้วยสว่ นการทางานตา่ งๆ ดงั นี้ 19

2.4.4.1 Database Manager เป็นส่วนทที่ าหนา้ ทก่ี าหนดการกระทาตา่ งๆ ใหก้ บั ส่วน file manager เพ่อื ไปกระทากับขอ้ มูลทเี่ ก็บอยู่ในฐานขอ้ มูล ซ่งึ file manager เป็นสว่ นท่ีทา หนา้ ท่บี รหิ าร และจัดการกับขอ้ มูลท่ีเกบ็ อยใู่ นฐานข้อมลู ในระดับกายภาพ 2.4.4.2 Query process เป็นส่วนท่ีทาหนา้ ทแ่ี ปลงประโยคคาส่ังของภาษาสอบถาม (Query language) ใหอ้ ย่ใู นรปู แบบของคาส่ังที่ Database Manager เขา้ ใจ 2.4.4.3 Data Manipulation Language Precompiler เป็นส่วนทีท่ าหนา้ ทีแ่ ปล (Compile) ประโยคคาสั่งของกลมุ่ คาส่งั DML ให้อยู่ในรปู แบบทีส่ ่วน Application Program Object Code จะนาไปเขา้ รหัสเพอ่ื ส่งตอ่ ไปยงั สว่ น Database Manager ในการแปลประโยคคาส่งั ของกลมุ่ คาสงั่ DML ของสว่ น Data Manipulation Language Precompiler น้จี ะตอ้ งทางานร่วมกับสว่ น Query Processor 2.4.4.4 Data Definition Language Precompiler เปน็ สว่ นท่ีทาหน้าทแ่ี ปล (Compile) ประโยคคาสงั่ ของกลมุ่ คาส่ัง DDL ใหอ้ ยู่ในรูปแบบของ MetaData ทอี่ ยู่ในสว่ นของ Data Dictionary ของฐานข้อมลู 2.4.4.5 Application Program Object Code เปน็ ส่วนท่ที าหน้าทแ่ี ปลงคาสง่ั ต่างๆ ของโปรแกรม รวมท้งั คาสง่ั ในกลมุ่ คาสั่ง DML ทส่ี ง่ ตอ่ มาจากส่วน Data Manipulation Language Precompiler ใหอ้ ยูใ่ นรูปของ Object code ท่ีจะส่งต่อไปให้ Database Manager เพอ่ื กระทากบั ข้อมลู ในฐานขอ้ มลู 2.4.5 หนา้ ทขี่ องระบบจัดการฐานข้อมูล 2.4.5.1 ทาหนา้ ทแี่ ปลงคาส่งั ทีใ่ ชจ้ ดั การกบั ขอ้ มูลภายในฐานขอ้ มูล ให้อยู่ในรปู แบบ ทีฐ่ านขอ้ มูลเขา้ ใจ 2.4.5.2 ทาหน้าทใ่ี นการนาคาสงั่ ตา่ งๆ ซงึ่ ได้รับการแปลแลว้ ไปส่งั ให้ ฐานขอ้ มลู ทางาน เชน่ การเรยี กใชฐ้ านขอ้ มลู การจัดเกบ็ ฐานขอ้ มูล การลบ เพิ่มข้อมลู เปน็ ตน้ 2.4.5.3 ทาหน้าทปี่ อ้ งกนั ความเสยี หายทจี่ ะเกดิ ข้ึนกับขอ้ มูลภายในฐานข้อมลู โดย จะคอยตรวจสอบวา่ คาสงั่ ใดที่สามารถทางานได้ และคาสง่ั ใดท่ไี มส่ ามารถทางานได้ 2.4.5.4 ทาหน้าที่รักษาความสัมพนั ธข์ องขอ้ มลู ภายในฐานขอ้ มูลใหม้ ีความถกู ต้อง อยู่เสมอ 2.4.5.5 ทาหนา้ ท่เี ก็บรายละเอยี ดตา่ งๆ ทเี่ กีย่ วข้องกับขอ้ มลู ภายในฐานขอ้ มูลไวใ้ น data dictionary ซึ่งรายละเอียดเหลา่ น้ีจงึ มกั จะถูกเรยี กว่า “ข้อมลู ของข้อมูล” (Metadata) 2.4.6 ทาหน้าที่ควบคมุ ใหฐ้ านขอ้ มูลทางานไดอ้ ย่างถกู ตอ้ งและมปี ระสทิ ธภิ าพ 2.4.6.1 ประโยชนข์ องฐานขอ้ มูล 20

2.4.6.1.1 สามารถลดความซา้ ซอ้ นของข้อมูล (Data Redundancy) โดยไม่จาเปน็ ตอ้ งจดั เก็บข้อมลู ทซี่ ้าซ้อนไวใ้ นระบบแฟม้ ขอ้ มลู ของแต่ละหนว่ ยงานเหมอื นเชน่ เดิม แต่ สามารถนาข้อมลู มาใชร้ ว่ มกันในลักษณะ Integrated แทน 2.4.6.1.2 สามารถหลีกเล่ียงความขดั แย้งของข้อมูล (Data Inconsistency) เนอื่ งจากไมจ่ าเปน็ ตอ้ งจดั เกบ็ ขอ้ มูลทม่ี คี วามซา้ ซอ้ นกนั ในหลายแฟม้ ขอ้ มลู ดงั น้ันการแก้ไขข้อมูลใน แต่ละชดุ จึงไมก่ อ่ ให้เกดิ ค่าทแ่ี ตกตา่ งกนั ได้ 2.4.6.1.3 แตล่ ะหนว่ ยงานในองค์กรเดยี วกัน สามารถใช้ขอ้ มลู รว่ มกนั ได้ 2.4.6.1.4 สามารถกาหนดให้ขอ้ มลู มีรปู แบบท่เี ป็นมาตรฐานเดียวกนั ได้ เพอ่ื ใหผ้ ู้ใชข้ อ้ มูลใชฐ้ านขอ้ มลู ชุดเดียวกนั สามารถเข้าใจและสอ่ื สารถึงความหมายเดยี วกนั 2.4.6.1.5 สามารถกาหนดระบบความปลอดภยั ใหก้ ับขอ้ มูลได้ โดยกาหนด ระดับความสามารถในการเรียกใช้ข้อมูลของผใู้ ชแ้ ต่ละคน ให้แตกตา่ งกันตามความรบั ผิดชอบ 2.4.6.1.6 สามารถรักษาความถกู ตอ้ งของขอ้ มลู ได้ โดยระบุเกณฑ์ใน การควบคมุ ความผิดพลาดที่อาจเกดิ ขน้ึ จากการปอ้ นข้อมูลผิด 2.4.6.1.7 สามารถตอบสนองตอ่ ความตอ้ งการใช้ข้อมูลในหลายรปู แบบ 2.4.6.1.8 ทาให้ข้อมูลเปน็ อสิ ระจากโปรแกรม (Data Independence) ทใี่ ชง้ านขอ้ มลู นนั้ ซึ่งส่งผลให้ผู้พฒั นาโปรแกรมสามารถแก้ไขโครงสรา้ งข้อมลู โดยไมก่ ระทบต่อ โปรแกรมที่เรียกใชง้ านขอ้ มูลน้ัน 2.5 ฐำนข้อมลู บนเวบ็ (Web)[7] ในปัจจบุ ันเทคโนโลยีทางดา้ นอนิ เทอร์เน็ตไดก้ า้ วหน้าไปอย่างรวดเร็ว สง่ ผลให้มกี าร แลกเปลี่ยนขอ้ มูลขา่ วสารระหวา่ งองค์กรต่างๆ ทางระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ท่เี รียกวา่ เวบ็ กระทา ได้งา่ ย และแพรห่ ลายมากขึน้ เปน็ ผลใหก้ ารแลกเปลย่ี นขอ้ มูลขา่ วสารบนเว็บท่ีแตเ่ ดมิ เปน็ แบบสแตติก (Static) ไดถ้ กู พฒั นาให้เป็นแบบไดนามิก (Dynamic) ดงั นั้นระบบฐานขอ้ มูลจากเดมิ ทใี่ ชง้ านกนั อยู่ บนเครื่องคอมพิวเตอรส์ ว่ นบคุ คล หรอื ทีใ่ ช้งานกนั อยู่บนเครอื ข่ายคอมพวิ เตอรส์ ่วนบุคคล เช่น ระบบ แลน จงึ ถูกพฒั นาให้มคี วามสามารถนามาใชง้ านบนเครือข่ายคอมพิวเตอรส์ าธารณะหรอื ทีเ่ รยี กวา่ เวบ็ ตามไปด้วย สาหรับขอ้ มลู ข่าวสารทใ่ี ชง้ านบนเว็บเหลา่ น้ี จะอยู่ในรูปของเอกสารท่สี รา้ งขนึ้ ด้วยภาษา HTML (Hypertext Markup Language) 21

2.5.1 ส่วนประกอบของฐานขอ้ มลู บนเว็บ ประกอบด้วย 3 ส่วนหลกั ๆ ดงั นี้ 2.5.1.1 ส่วนของฐานข้อมูล 2.5.1.2 ส่วนของโปรแกรมที่ทางานอยู่บนเว็บทง้ั ท่เี ป็นเวบ็ เซิรฟ์ เวอร์ และเว็บ ไคลเอนต์ 2.5.1.3 สว่ นของโปรแกรม Middleware ซึง่ เปน็ โปรแกรมท่ที าหนา้ ท่ีเปน็ สอื่ กลางใน การติดตอ่ ระหวา่ งโปรแกรมระบบจัดการฐานขอ้ มลู ของฐานขอ้ มลู โปรแกรมเวบ็ เซริ ์ฟเวอร์และเว็บ ไคลเอนต์ โดยทาหนา้ ท่ีในการแปลงคาสง่ั หรอื รูปแบบของข้อมูลท่สี ่งไปมาระหว่าง 3 โปรแกรม ดงั กลา่ ว ใหอ้ ยูใ่ นรูปแบบทีแ่ ต่ละฝ่ายเข้าใจ 2.5.2 ฐานขอ้ มลู ท่ีใช้บนเว็บ โปรแกรมฐานข้อมลู สมัยใหม่โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ฐานข้อมูลทีม่ ขี นาดใหญ่ มกั จะมี โครงสร้างแบบสถาปัตยกรรมแบบ ไคลเอนต/์ เซริ ฟ์ เวอร์ เน่อื งจากประกอบดว้ ย 2 สว่ นคอื ส่วนของ โปรแกรมไคลเอนต์ ที่ทาหนา้ ทร่ี ้องขอ และสว่ นของเซิรฟ์ เวอร์ ทท่ี าหนา้ ทีร่ ับการร้องขอมาแปลและ ประมวลผล เพื่อสง่ ข้อมูลตามทก่ี าหนดในการรอ้ งขอ กลบั ไปยังเครือ่ งไคลเอนต์นน้ั สง่ิ ที่เป็นขอ้ แตกต่างระหวา่ งโปรแกรมฐานข้อมูล กับสถาปัตยกรรมแบบ ไคลเอนต/์ เซิรฟ์ เวอร์ ได้แกส่ ่วน เซิร์ฟเวอร์หรอื โปรแกรมระบบจดั การฐานขอ้ มลู จะถกู เรียกใชโ้ ดยไคลเอนต์เฉพาะของมนั เอง จงึ สง่ ผลให้การนาเอาข้อมูลจากฐานขอ้ มลู ทต่ี า่ งผลิตภัณฑ์กนั มาใช้รว่ มกนั กระทาได้ยาก ถึงแมว้ ่าจะมี การกาหนดใหแ้ ต่ละผลิตภณั ฑใ์ ชค้ าส่งั SQL ทม่ี มี าตรฐานเดยี วกนั ก็ตาม เนอื่ งจากในแงค่ วามเปน็ จรงิ แล้วแตล่ ะผลติ ภณั ฑ์ไม่ไดม้ ีแคเ่ พยี งคาสงั่ พ้นื ฐานเทา่ นั้น แต่จะมีการเพม่ิ เตมิ คาสง่ั SQL ทีเ่ ป็นของ ผลติ ภัณฑ์น้ันๆ เข้ามาดว้ ย จงึ ไมส่ ามารถแกป้ ญั หานไ้ี ด ODBC (Open Database Connectivity) เป็นมาตรฐานกาหนดรปู แบบท่ใี ชใ้ นการ ติดต่อฐานขอ้ มูล โดยซอ่ นความแตกตา่ งของรปู แบบในการตดิ ต่อกบั ฐานข้อมลู ของแตล่ ะผลติ ภณั ฑไ์ ว้ สง่ ผลใหก้ ารพัฒนาโปรแกรมไม่ขนึ้ กับผลติ ภัณฑ์อกตอ่ ไป การเขียนโปรแกรมเพ่อื เรยี กใชฐ้ านขอ้ มูล โดยใช้ ODBC จะต้องอาศยั ไดรเวอร์ (Driver) ของผลติ ภัณฑฐ์ านข้อมลู นนั้ มาประกอบกับเทคนิค ของ ODBC เพอ่ื แปลงคาสง่ั ในการเรยี กใชฐ้ านขอ้ มลู ต่างๆ ที่เขยี นขนึ้ ในโปรแกรมไคลเอนต์ ใหอ้ ยู่ใน รูปของคาสงั่ ทีผ่ ลติ ภัณฑ์ฐานข้อมลู น้ันเขา้ ใจ และด้วยการใชค้ าสงั่ SQL และเทคนคิ แบบ ODBC นี้ สง่ ผลให้การเขยี นโปรแกรมทาไดง้ า่ ย เนอ่ื งจากการพัฒนาโปรแกรมสามารถพัฒนาบนฐานข้อมลู ทม่ี ี ขนาดเลก็ เช่น ฐานข้อมลู ของคอมพวิ เตอรแ์ บบตง้ั โตะ๊ ท่ีราคาไม่แพง จากนน้ั จงึ ใชเ้ ทคนคิ ของ ODBC เพือ่ นาโปรแกรมดังกล่าวไปใช่งานกับฐานขอ้ มลู ทมี่ ีขนาดใหญข่ ้ึน เชน่ ฐานขอ้ มลู ทอ่ี ยู่บนเครือข่าย หรอื อยู่บนเวบ็ ในโอกาสต่อไป 22

2.5.3 การนาฐานขอ้ มลู มาใชง้ านบนเวบ็ ในการนาฐานขอ้ มลู มาใชง้ านบนเว็บ โปรแกรมเมอรจ์ ะตอ้ งพัฒนาโปรแกรมที่ทางาน อยูบ่ นเว็บไคลเอนต์ เพื่อเรียกใชข้ อ้ มูลจากฐานขอ้ มูล ในยุคแรกโปรแกรมทพี่ ฒั นาข้นึ จะใชภ้ าษา HTML ในการพฒั นา ต่อมาไดร้ ับการพฒั นาใหส้ ามารถใชร้ ่วมกับโปรแกรม CGI ในบางผลติ ภณั ฑไ์ ด้ มีการนาเอาเทคนคิ Cookies เข้ามาใช้งานภายในเวบ็ ไคลเอนต์ รว่ มกับ HTML เพื่อใชเ้ ก็บขอ้ มลู ตา่ งๆ ท่ีเกดิ ระหวา่ งการตดิ ต่อกับเวบ็ เซริ ฟ์ เวอร์ เพ่ือนาไปใช้ในการติดตอ่ ครั้งตอ่ ไป ยคุ ต่อมาบริษทั SUN ไดน้ าเอาภาษาทมี่ ีชอื่ ว่า Java เขา้ มาใช้งาน ส่งผลใหโ้ ปรแกรมทีพ่ ฒั นาขึน้ ใช้งานบนเวบ็ มีความ สมจรงิ มากยงิ่ ขน้ึ จนกลายเป็นภาษาที่คูก่ บั การพฒั นาโปรแกรมบนเว็บ แต่อย่างไรก็ตามไมว่ ่า โปรแกรมน้ันจะถกู พฒั นาด้วยภาษาใด โปรแกรมน้นั จะตอ้ งสามารถเปน็ ส่ือกลางในการตดิ ตอ่ ระหว่าง เวบ็ ไคลเอนต์ และเวบ็ เซิรฟ์ เวอรแ์ ละฐานขอ้ มูลได้ Web Client HTTP Middleware Web Server HTTP รูปที่ 2.7 การตดิ ต่อระหวา่ งเวบ็ ไคลเอนต์ เวบ็ เซิรฟ์ เวอร์และฐานขอ้ มูล 23

การทางานของโปรแกรมทีท่ าหน้าท่ีเรียกใชข้ อ้ มลู จากฐานขอ้ มูล จะมขี นั้ ตอนดังนี้ 1. เว็บไคลเอนต์ สรา้ งการร้องขอ 2. เว็บไคลเอนต์ ส่งการรอ้ งขอไปยัง เว็บเซิรฟ์ เวอร์ โดยใช้ Protocol แบบ HTTP 3. เวบ็ เซริ ์ฟเวอร์ รับการรอ้ งขอ แลว้ ผ่านไปยังโปรแกรม Middleware ซึ่งอาจจะอยู่ ในรูปของ CGI หรือ APIs 4. โปรแกรม Middleware ทาการประมวลผลตามการรอ้ งขอแล้วแปลงเป็นประโยค คาสง่ั SQL เพือ่ สง่ ไปยงั โปรแกรมฐานขอ้ มูล ซึง่ อาจตอ้ งใช้ ODBC ในกรณที ี่ โปรแกรมท่ีเปน็ เว็บเซริ ฟ์ เวอร์ และโปรแกรมฐานขอ้ มูลตา่ งผลิตภัณฑ์กนั 5. โปรแกรมฐานข้อมลู รับประโยคคาส่ัง SQL มาแปลงเป็นการดาเนินการต่างๆ 6. โปรแกรมฐานขอ้ มลู รบั ผลลพั ธ์ ซ่ึงได้แก่ ขอ้ มลู ตามท่กี าหนดในการรอ้ งขอจาก ฐานขอ้ มลู และส่งไปยังโปรแกรม Middleware 7. โปรแกรม Middleware แปลงฐานขอ้ มูลใหอ้ ยใู่ นรปู แบบท่ีเว็บไคลเอนตเ์ ข้าใจและ สง่ ไปยังเวบ็ เซริ ฟ์ เวอร์ 8. เวบ็ เซริ ์ฟเวอร์ สง่ ข้อมูลกลบั ไปยงั เว็บไคลเอนต์ เพอ่ื แสดงผลรบั ใหก้ ับผใู้ ช้ต่อไป ขอ้ ดขี องการทางานของโปรแกรมในลกั ษณะน้ี ไดแ้ ก่ การทโี่ ปรแกรมสามารถเรยี กใช้ ข้อมลู ในฐานขอ้ มูลท่ตี า่ งผลติ ภณั ฑก์ นั ได้ เนอื่ งจากมกี ารใช้ ODBC แตก่ ม็ ขี ้อเสยี เช่นกนั ซงึ่ ไดแ้ ก่ ความลา่ ช้า และปญั หาคอขวดในการสอ่ื สารข้อมลู เนอ่ื งจาก ข้นั ตอนการตดิ ตอ่ ระหว่างเว็บไคลเอนต์ กับฐานขอ้ มูลมขี ั้นตอนมากเกนิ ไป ดังนน้ั ในบางผลติ ภณั ฑจ์ งึ ไดม้ กี ารนาเวบ็ เซิร์ฟเวอรแ์ ละฐานข้อมูล มารวมกนั เป็น Integrate Server ซง่ึ เป็นเวบ็ เซริ ์ฟเวอรท์ ม่ี หี นา้ ท่ีเข้าถงึ ข้อมลู ในฐานขอ้ มูลโดยเฉพาะ เพื่อลดขั้นตอนในการตดิ ตอ่ ระหวา่ งเวบ็ ไคลเอนต์กบั ฐานขอ้ มลู นอ้ ยลง 24

รปู ที่ 2.8 ลดการติดตอ่ ระหวา่ งเว็บไคลเอนต์กบั ฐานข้อมลู การทางานของโปรแกรมทีท่ างานบน Integrated Server จะมขี น้ั ตอนดงั นี้ 1. เวบ็ ไคลเอนต์ สร้างการร้องขอ 2. เว็บไคลเอนต์ สง่ การรอ้ งขอไปยงั Integrate Server ผา่ นทาง Protocol HTTP 3. Integrated Server รับการรอ้ งขอ และแปลงเปน็ ในการดาเนนิ งานเพอ่ื เรียกใช้ ฐานข้อมูล 4. Integrated Server รบั ขอ้ มูลจากฐานขอ้ มลู แล้วส่งไปยงั เวบ็ ไคลเอนตใ์ นรปู ของ เอกสาร HTML 25

บทที่ 3 กำรออกแบบและระบบ 3.1 ควำมต้องกำรของระบบตรวจสขุ ภำพนักเรียน รายละเอียดและกฎเกณฑ์การตรวจสขุ ภาพของนักเรียน ของศนู ยบ์ รกิ ารสาธารณสขุ ฝ่ายอนามยั โรงเรียน ไดถ้ ูกรวบรวมมาในเบื้องต้น ซ่งึ ประกอบด้วยรายละเอียดตอ่ ไปนี้ 3.1.1 หนึ่งแบบฟอรม์ ประกอบไปด้วย เลขทบี่ ตั รประชาชน ช่ือ-นามสกลุ วันเดอื นปเี กดิ นา้ หนกั สว่ นสูง การตรวจสขุ ภาพตา่ งๆ วคั ซนี และสิทธปิ ระโยชนใ์ นการรกั ษา 3.1.2 นกั เรียนตอ้ งมีเลขทบี่ ตั รประชาชน ชอื่ -นามสกลุ และวนั เดอื นปีเกดิ ทถี่ ูกตอ้ ง กรณี ไมท่ ราบเลขทีบ่ ัตรประชาชน ตอ้ งระบุชือ่ -นามสกุล ให้ถกู ต้องตามใบสูตบิ ตั ร หรอื ทะเบยี นบา้ น 3.1.3 นักเรียนจะต้องไดร้ ับการชงั่ นา้ หนกั วดั ส่วนสงู มาแลว้ โดยอาจารย์/ครปู ระจาชัน้ หรือ อาจารย/์ ครหู อ้ งพยาบาลหรอื ผรู้ ับผดิ ชอบ (เจา้ หนา้ ทพ่ี ยาบาลจะประเมนิ เกณฑโ์ ภชนาการเอง) 3.1.4 การตรวจสุขภาพนักเรยี น เจ้าหน้าที่พยาบาลจะเขา้ ไปตรวจด้วยตวั เองตั้งแตช่ ้นั อนุบาล – ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 สว่ นชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 5 – 6 จะเข้าไปสอนให้ตรวจสุขภาพ ดว้ ยตัวเอง และใหน้ ักเรยี นบันทกึ ลงในสมุดการตรวจสขุ ภาพนกั เรยี น และนาสง่ ให้เจา้ หนา้ ทพี่ ยาบาล ทาการตรวจรวบรวม และบันทึกลงให้แบบฟอรม์ แบบบนั ทกึ การตรวจสขุ ภาพ อร.5 3.1.5 การให้วคั ซีน ทางศนู ยบ์ รกิ ารสาธารณสขุ จะทาหนังสอื แจง้ การฉีดวคั ซีนและทาง โรงเรียนทาการแจง้ ผปู้ กครอง อนุญาตหรือไมอ่ นญุ าตให้รับการฉดี วัคซนี อาจารย์/ครูประจาชั้น จะตอ้ งนารายช่ือทั้งหมดท่ีอนุญาตและไมอ่ นญุ าต และทาการแจ้งตอ่ เจ้าหนา้ ทพี่ ยาบาลหรือผู้ที่ รับผดิ ชอบ 3.1.6 การใหว้ ัคซนี รวมปอ้ งกนั โรคหดั -คางทูม-หดั เยอรมัน (วคั ซนี MMR) ในเดก็ นกั เรยี น ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 1 3.1.7 การให้วัคซีนรวมปอ้ งกันโรคคอตีบ-บาดทะยกั (วัคซนี DT)ในนกั เรยี นชัน้ ประถมศึกษา ปีท่ี 1 และนักเรยี นช้ันประถมศึกษาปที ่ี 6 3.1.8 การให้วคั ซนี ป้องกนั โรคโปลโิ อ(วัคซีน OPV) ในชั้นอนุบาลและชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 1 3.1.9 การตรวจสอบสทิ ธิ จะตรวจสอบโดยรหสั บตั รประชาชน หรือ ชอ่ื – นามสกลุ ท่ี ถูกต้อง และลงบันทกึ ในแบบบันทึกการตรวจสขุ ภาพนกั เรยี น รวบรวมยอดให้เจ้าหน้าที่รบั ผดิ ชอบใน การสง่ ยอดสทิ ธิต่อไป 3.1.10 การรายงานการตรวจสขุ ภาพจะสรปุ ผลและสง่ เขา้ กองส่งเสรมิ สขุ ภาพ 3.1.11 ข้อมูลนกั เรยี นจะตอ้ งถกู เก็บประวัติเกยี่ วกับระดับชน้ั นา้ หนัก ส่วนสงู และอายุ 26

3.2 Context Diagram / , , , .5 0 รปู ที่ 3.1 Context Diagram 27

/ D1 3.2.1 DFD Level 0 D2 1.0 D3 4.0 D4 รปู ที่ 3.2 DFD Level 0 D5 D6 D7 D8 D9 D9 D11 D10 D3 D4 2.0 D6 3.0 D7 .5 D8 D11 . .5 28

3.2.2 DFD Process 2 level 1 D11 2.3 .5 D4 2.1 D6 D11 D9 D6 .5 D7 2.4 D8 รปู ท่ี 3.3 DFD Process 2 level 1 29

3.2.3 DFD Process 3 level 1 3.1 D8 . D11 .5 D6 D10 .5 D10 3.3 3.2 D7 D11 D9 D3 รปู ท่ี 3.4 DFD Process 3 level 1 30

3.3 Process Specifications ตำรำงที่ 3.1 คาอธบิ ายการประมวลผลของโปรเซสที่ 2.0 : การตรวจสุขภาพ Process Specification System : ระบบตรวจสขุ ภาพนกั เรยี น DFD Number : 2.0 Process name : การตรวจสขุ ภาพ Input data หนงั สอื ตอบรับการตรวจสขุ ภาพนกั เรยี น, แบบฟอรม์ อร. 5, แจง้ การตรวจ flows : สขุ ภาพนักเรยี น, ผลการตรวจโรค Output data หนังสือแจง้ การตรวจสขุ ภาพนกั เรียน, รายงานผลการตรวจสุขภาพนกั เรียน, flows : สรปุ รายชอื่ โรงเรยี นที่ตอบรับการตรวจสขุ ภาพ, สรปุ รายชอื่ นกั เรียนท่ีเขา้ รบั การ ตรวจสขุ ภาพ Data stored ขอ้ มลู ประวตั ินกั เรยี น, ข้อมลู รายการตรวจสขุ ภาพ, ขอ้ มลู นักเรยี น, used: ขอ้ มลู โรงเรียน, ข้อมูลอาจารยป์ ระจาช้ัน, ขอ้ มลู ประวัตกิ ารตรวจพบโรค, ขอ้ มลู หนงั สือตอบรบั , ขอ้ มูลโรค Description : เป็นโปรเซสที่เกี่ยวกับการตรวจสุขภาพ ซง่ึ ประกอบด้วยโปรเซสยอ่ ยๆ ดงั น้ี 2.1 รบั เอกสารตรวจสขุ ภาพ 2.2 บันทึกรายการตรวจโรค 2.3 จัดทาเอกสารตรวจสขุ ภาพ 31

ตำรำงที่ 3.2 คาอธิบายการประมวลผลของโปรเซสท่ี 2.1 : รับเอกสารตรวจสขุ ภาพ Process Specification System : ระบบตรวจสุขภาพนักเรียน DFD Number : 2.1 Process name : รับเอกสารตรวจสขุ ภาพ Input data หนังสือตอบรบั การตรวจสขุ ภาพนกั เรยี น, แบบฟอรม์ อร. 5 flows : Output data แบบฟอร์ม อร. 5 flows: Data stored ขอ้ มูลหนังสอื ตอบรับ used : Description : เม่อื โรงเรียนได้รบั หนงั สือแจ้งการตรวจสขุ ภาพนกั เรยี นจากศูนยบ์ รกิ าร- สาธารณสขุ แลว้ จะส่งหนงั สอื ตอบรับการตรวจสขุ ภาพนกั เรียนกลบั มายงั ศูนยบ์ รกิ ารสาธารณสขุ และวันทีต่ รวจสขุ ภาพ เจา้ หนา้ ทีศ่ นู ย์บริการสาธารณสุข จะนาเอกสารแบบฟอรม์ อร.5 ท่ีอาจารย์ไดก้ รอกขอ้ มลู นักเรยี นแลว้ มาบนั ทึกการ ตรวจสขุ ภาพด้วย 32

ตำรำงที่ 3.3 คาอธิบายการประมวลผลของโปรเซสท่ี 2.2 : บนั ทกึ รายการตรวจโรค Process Specification System : ระบบตรวจสุขภาพนกั เรยี น DFD Number : 2.2 Process name : บันทึกรายการตรวจโรค Input data แบบฟอรม์ อร. 5, ผลการตรวจโรค flows : Output data - flows: Data stored ข้อมลู ประวัตินกั เรยี น, ข้อมูลรายการตรวจสขุ ภาพ, ขอ้ มลู นกั เรยี น, ขอ้ มูล used : โรงเรยี น, ข้อมูลโรค, ข้อมูลประวตั กิ ารตรวจพบโรค Description : เม่ือเจา้ หน้าทส่ี าธารณสขุ ทาการเปิดหน้าจอแบบฟอรม์ อร. 5 สาหรบั การตรวจ ตรวจโรค โดยเจ้าหนา้ ทสี่ าธารณสขุ จะปอ้ นรหสั ประจาตัวประชาชน หรอื ช่ือ- นามสกลุ หลงั จากนัน้ ระบบจะทาการดงึ ขอ้ มูลนักเรียนมาแสดงรายละเอยี ด เกีย่ วกบั นกั เรยี นดงั กลา่ วบนหนา้ จอ หลังจากทเี่ จา้ หนา้ ท่ีสาธารณสขุ ไดท้ าการ ตรวจตรวจโรคนักเรียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าหนา้ ทีส่ าธารณสขุ จะทาการบันทึก ผลการตรวจโรคเก็บไว้ในแฟม้ รายการตรวจสขุ ภาพ และแฟม้ ประวัตกิ ารตรวจ พบโรค 33

ตำรำงที่ 3.4 คาอธบิ ายการประมวลผลของโปรเซสที่ 2.3 : จดั ทาเอกสารตรวจสุขภาพ Process Specification System : ระบบตรวจสุขภาพนกั เรียน DFD Number : 2.3 Process name : จัดทาเอกสารตรวจสขุ ภาพ Input data แจ้งการตรวจสุขภาพนักเรยี น flows : Output data หนงั สือแจง้ การตรวจสขุ ภาพนกั เรียน, สรปุ รายช่อื โรงเรยี นท่ตี อบรบั การตรวจ flows: สขุ ภาพ, สรปุ รายช่ือนกั เรยี นทเ่ี ข้ารบั การตรวจสขุ ภาพ, รายงานผลการตรวจ สุขภาพนักเรยี น Data stored ขอ้ มูลรายการตรวจสขุ ภาพ, ขอ้ มลู นกั เรียน, ขอ้ มูลโรงเรียน, used : ข้อมลู อาจารยป์ ระจาช้นั , ขอ้ มลู หนงั สือตอบรับ Description : เมอื่ ถงึ กาหนดการตรวจสขุ ภาพประจาปีเจา้ หนา้ ที่สาธารณสขุ ปอ้ นขอ้ มลู แจง้ การ ตรวจสุขภาพนกั เรยี นเพอ่ื ทีจ่ ะทาการออกหนังสอื แจง้ การตรวจสขุ ภาพนกั เรียน ไปยงั โรงเรยี นในสังกดั และเม่ือโรงเรยี นได้รับหนงั สือแจ้งการตรวจสขุ ภาพ นกั เรยี นเรยี บร้อยแลว้ จะทาการออกหนังสอื ตอบรับการตรวจสุขภาพนกั เรียน กลับมายังศูนย์สาธารณสขุ โดยเจา้ หน้าที่สาธารณสขุ จะนาหนังสอื ตอบรับการ ตรวจสขุ ภาพมาทาการบนั ทกึ ลงแฟม้ หนังสอื ตอบรับ โดยทาการเปิดหนา้ จอ สาหรับทาการบนั ทกึ หนังสอื ตอบรับการตรวจสขุ ภาพนักเรยี น หลงั จากน้ันระบบ จะทาการจดั รายงานสรุปรายชอื่ โรงเรียนที่ตอบรับการตรวจสุขภาพและสรปุ รายช่ือนกั เรยี นทเ่ี ข้ารับการตรวจสขุ ภาพ เพอ่ื เปน็ สารสนเทศใหก้ ับเจ้าหนา้ ท่ี สาธารณสขุ 34

ตารางที่ 3.5 คาอธิบายการประมวลผลของโปรเซสที่ 3.0 : การฉดี วคั ซนี Process Specification System : ระบบตรวจสขุ ภาพนักเรยี น DFD Number : 3.0 Process name : การฉีดวัคซนี Input data แจ้งการฉดี วคั ซนี นกั เรยี น, หนังสอื ตอบรับการฉีดวัคซนี , แบบฟอรม์ อร. 5, flows : ผลการฉีดวคั ซนี Output data หนงั สอื แจง้ การฉดี วคั ซนี , สรปุ รายช่อื โรงเรยี นที่ตอบรับการฉีดวคั ซีน, รายงาน flows: นักเรียนทเี่ ข้ารับการฉีดวคั ซีน Data stored ขอ้ มูลประวัตินกั เรยี น, ขอ้ มูลรายการตรวจสขุ ภาพ, ขอ้ มูลนกั เรยี น, used : ข้อมลู โรงเรียน, ขอ้ มูลอาจารย์ประจาชนั้ , ขอ้ มลู ประวัติการฉดี วัคซนี , ขอ้ มลู หนงั สอื ตอบรบั , ข้อมลู วัคซนี Description : เปน็ โปรเซสที่เก่ียวกบั การฉดี วคั ซนี ซ่งึ ประกอบด้วยโปรเซสยอ่ ยๆ ดงั นี้ 3.1 รับเอกสารฉดี วคั ซีน 3.2 บันทึกรายการฉีดวคั ซนี 3.3 จัดทาเอกสารฉดี วัคซนี 35

3.4 ER-Diagram ของระบบตรวจสุขภำพนกั เรียน รปู ที่ 3.5 ER-Diagram ของระบบตรวจสุขภาพนกั เรยี น 36

3.5 Mapping-Relational Database Schema รปู ที่ 3.6 Mapping-Relational Database Schema 37

3.6 Data Dictionary ตำรำงท่ี 3.6 ตารางสงั กดั โรงเรยี น (SchoolAgencies Table) ลำดบั Attribute ควำมหมำย ชนดิ /ขนำด Key Constraint หมำยเหตุ PK NOT NULL 1 SchAgencyID รหัสสงั กัดโรงเรยี น varchar (5) 2 SchAgencyName ชอ่ื สังกดั โรงเรยี น varchar (50) ตำรำงท่ี 3.7 ตารางโรงเรยี น (Schools Table) ลำดับ Attribute ควำมหมำย ชนดิ /ขนำด Key Constraint หมำยเหตุ PK NOT NULL 1 SchId รหสั โรงเรยี น varchar (6) FK 2 SchName ชื่อโรงเรียน varchar (80) 3 SchAgencyID รหสั สังกดั โรงเรยี น varchar (5) ตำรำงท่ี 3.8 ตารางอาจารย์ (Teachers Table)(1) ลำดบั Attribute ควำมหมำย ชนดิ /ขนำด Key Constraint หมำยเหตุ PK NOT NULL 1 TeacherId รหัสอาจารย์ varchar (13) FK โรงเรยี น 2 TeacherPrefix คานาหนา้ ชอื่ varchar (10) 3 TeacherName ช่อื อาจารย์ varchar (15) 4 TeacherSurname นามสกลุ varchar (15) 5 SchId รหัสโรงเรียน varchar (6) 6 Classlevel ระดบั ช้ัน varchar (10) 38

ตารางอาจารย์ (Teachers Table) (2) ลำดบั Attribute ควำมหมำย ชนดิ /ขนำด Key Constraint หมำยเหตุ 7 Classroom หอ้ งที่ varchar (10) 8 TeacherEmail อีเมล์ varchar (30) 9 TeacherTelephone หมายเลขโทรศัพท์ varchar (15) 10 TeacherMobile หมายเลขมอื ถอื varchar (11) ตำรำงท่ี 3.9 ตารางสทิ ธปิ ระโยชน์ (Privilege Table) ลำดบั Attribute ควำมหมำย ชนดิ /ขนำด Key Constraint หมำยเหตุ 1 PrivilegeId รหัสสทิ ธิ varchar (3) PK NOT NULL 2 PrivilegeName ชอ่ื สทิ ธิประโยชน์ varchar (20) ตำรำงที่ 3.10 ตารางหน่วยงาน (HealthAgencies Table) ลำดบั Attribute ควำมหมำย ชนิด/ขนำด Key Constraint หมำยเหตุ 1 DeptId รหัสหน่วยงาน varchar (9) PK NOT NULL 2 DeptName ช่ือหนว่ ยงาน varchar (80) 39

ตำรำงที่ 3.11 ตารางวัคซีน (Vaccines Table) ลำดบั Attribute ควำมหมำย ชนิด/ขนำด Key Constraint หมำยเหตุ 1 VcId รหัสวัคซีน varchar (3) PK NOT NULL 2 VcNameTh ชื่อวคั ซนี ภาษาไทย varchar (50) 3 VcNameEn ชอ่ื วคั ซีน varchar (50) ภาษาองั กฤษ 4 Type ประเภทการรบั varchar (10) วัคซนี 5 Remark หมายเหตุ varchar (100) ตำรำงท่ี 3.12 ตารางโรค (Diseases Table) ลำดับ Attribute ควำมหมำย ชนิด/ขนำด Key Constraint หมำยเหตุ varchar (5) PK NOT NULL 1 DiseaseId รหสั โรค varchar (50) 2 DiseaseName ช่อื โรค ตำรำงท่ี 3.13 ตารางเจา้ หน้าท่ีพยาบาล (Nurses Table)(1) ลำดบั Attribute ควำมหมำย ชนิด/ขนำด Key Constraint หมำยเหตุ 1 NurseId รหสั เจา้ หนา้ ท่ี varchar (13) PK NOT NULL พยาบาล 2 NursePrefix คานาหน้าชอ่ื varchar (10) 3 NurseName ชือ่ เจ้าหน้าท่ี varchar (15) 40

ตารางเจา้ หนา้ ทพี่ ยาบาล (Nurses Table)(2) ลำดับ Attribute ควำมหมำย ชนิด/ขนำด Key Constraint หมำยเหตุ 4 NurseSurname นามสกลุ เจา้ หนา้ ที่ varchar (15) 4 DeptId รหสั หน่วยงาน varchar (9) FK หน่วยงาน 5 NurseEmail อีเมล์ varchar (30) 6 NurseTelephone หมายเลขโทรศพั ท์ varchar (15) 7 NurseMobile หมายเลขมือถอื varchar (11) 8 NurseUS ช่ือผู้ใช้ varchar (10) 9 NursePW รหัสผา่ น varchar (10) ตำรำงที่ 3.14 ตารางนกั เรยี น (Students Table)(1) ลำดับ Attribute ควำมหมำย ชนดิ /ขนำด Key Constraint หมำยเหตุ 1 IdCard เลขประจาตวั varchar (13) PK NOT NULL ประชาชน 2 Prefix คานาหน้าชื่อ varchar (10) 3 Name ชอ่ื นักเรยี น varchar (15) 4 Surname นามสกลุ varchar (15) 5 Sex เพศ varchar (2) 6 BirthDate วันเกดิ varchar (30) 7 SchId รหสั โรงเรียน varchar (6) FK NOT NULL โรงเรยี น 8 ClassLevel ระดบั ชั้น varchar (10) 41

ตารางนกั เรยี น (Students Table)(2) ลำดบั Attribute ควำมหมำย ชนิด/ขนำด Key Constraint หมำยเหตุ 9 Classroom หอ้ งที่ varchar (10) 10 Term เทอม varchar (10) 11 YearOfTerm ปกี ารศกึ ษา varchar (10) 12 TeacherId รหัสอาจารย์ varchar (13) FK NOT NULL อาจารย์ 13 PrivilegeId รหัสสทิ ธิ varchar (2) FK NOT NULL สทิ ธิ ประโยชน์ 14 DCheckNo ลาดบั รายการ varchar (10) PK NOT NULL ประวัติ ตรวจ สุขภาพ ตำรำงที่ 3.15 ตารางประวัตกิ ารตรวจสขุ ภาพ (HealthCheckListHistory Table)(1) ลำดับ Attribute ควำมหมำย ชนิด/ขนำด Key Constraint หมำยเหตุ 1 DCheckNo ลาดับรายการ varchar (10) PK NOT NULL 2 IdCard เลขบัตร varchar (13) FK NOT NULL นกั เรียน ประชาชน 3 CLevel ระดับชัน้ ที่ varchar (10) ตรวจ 4 CRoom หอ้ งทตี่ รวจ varchar (10) 5 TermCheckup เทอมทีต่ รวจ varchar (10) 42

ตารางประวัตกิ ารตรวจสขุ ภาพ (HealthCheckListHistory Table)(2) ลำดบั Attribute ควำมหมำย ชนดิ /ขนำด Key Constraint หมำยเหตุ 6 YearCheckup ปีการศกึ ษาท่ตี รวจ varchar (10) 7 DateDiseaseCheck วนั ที่ตรวจ date 11 Weight นา้ หนัก float 12 Height ส่วนสูง float 13 NurseId รหัสเจา้ หนา้ ที่ varchar (13) PK NOT NULL เจ้าหนา้ ที่ พยาบาล พยาบาล ตำรำงที่ 3.16 ตารางประวัตกิ ารให้วคั ซนี (ReceiveVaccineHistory Table) ลำดบั Attribute ควำมหมำย ชนิด/ขนำด Key Constraint หมำยเหตุ 1 RVacNo ลาดับรายการ int PK NOT NULL 2 IdCard เลขประจาตวั varchar (13) FK NOT NULL นกั เรียน ประชาชน 3 ClassLevel ระดับชัน้ varchar (10) 4 Classroom ห้องท่ี varchar (10) 5 ReceiveDate วันท่ไี ดร้ ับวคั ซีน date 43


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook