Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผน 2-1 การเขียนโปรแกรมสสั่งให้ตัวละครทำงาน

แผน 2-1 การเขียนโปรแกรมสสั่งให้ตัวละครทำงาน

Published by baifernchaiin2505, 2020-09-09 00:27:39

Description: แผน 2-1 การเขียนโปรแกรมสสั่งให้ตัวละครทำงาน

Keywords: แผนการสอน

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 1 เวลา 8 ช่ัวโมง หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 การเขียนโปรแกรมอยา่ งงา่ ย เวลา 4 ช่ัวโมง ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 3 เรือ่ ง การเขยี นโปรแกรมส่งั ใหต้ ัวละครทางาน รายวิชา วิทยาการคานวณ กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปญั หาท่ีพบในชวี ิตจริงอย่างเป็นขนั้ ตอน และเปน็ ระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการเรียนรู้ การทางาน และการแกป้ ัญหา ได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ รู้เท่าทนั และมจี ริยธรรม ตัวช้ีวดั ป.3/2 เขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ซอฟตแ์ วรห์ รือสอ่ื และตรวจหาข้อผดิ พลาดของ โปรแกรม 2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธบิ ายขั้นตอนการเขยี นโปรแกรมและการเขยี นโปรแกรมแบบวนซ้าส่งั ให้ตวั ละครทางานใน สถานการณ์ทกี่ าหนดได้ (K) 2. แสดงขัน้ ตอนการเขยี นโปรแกรมสั่งใหต้ ัวละครทางานซ้าไม่สิ้นสุดได้ (P) 3. เหน็ ประโยชน์ของการใช้คาสง่ั ลปู ในการทางานแบบวนซา้ ได้ (A) 3. สาระสาคญั การเขียนโปรแกรม หมายถึง การเขียนชุดคาสัง่ ด้วยภาษาทางคอมพิวเตอร์ เพ่ือแสดงลาดับข้ันตอนให้ คอมพิวเตอร์ โดยการเขียนโปรแกรม ควรมีลาดับการเขียนที่เรียงลาดับชัดเจน เพ่ือให้คอมพิวเตอร์ทางาน ตามท่ีส่ัง และตามเง่ือนไขท่ีกาหนดได้อย่างถูกต้อง โดยเรามักเรียกขั้นตอนการเขียนโปรแกรมว่า การโค้ดด้ิง (Coding) การเขียนโปรแกรมส่ังให้ตัวละครทางานซ้าไม่สิ้นสุด โดยทั่วไปการทางานของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ จะทางานเรยี งตามลาดับ ตง้ั แตค่ าส่ังแรกไปถึงคาสงั่ สดุ ท้าย แตเ่ ราสามารถใหค้ อมพวิ เตอร์ ทางานซ้า ๆ ที่ชุดคาสั่งใดก็ได้ โดยใช้คาสงั่ ควบคมุ ใหท้ างานซา้ เรยี กว่าคาสง่ั ลูป (Loop) 4. สาระการเรยี นรู้ 1) การเขยี นโปรแกรม 2) การเขียนโปรแกรมส่ังให้ตัวละครทางานซ้าไมส่ ้นิ สดุ 5. รปู แบบการสอน/วิธีการสอน 1) วิธีการสอนแบบสาธติ 2) วธิ ีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) 6. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น

ความสามารถในการสื่อสาร  ซื่อสัตย์ สุจริต  ความสามารถในการคิด  ใฝเ่ รยี นรู้  ความสามารถในการแก้ปัญหา  มงุ่ มน่ั ในการทางาน  ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต  มจี ิตสาธารณะ  ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 7. ทักษะ 4 Cs ทกั ษะการคดิ วจิ ารณญาณ (Critical Thinking) ทักษะการทางานร่วมกัน (Collaboration Skill) ทกั ษะการสื่อสาร (Communication Skill) ทักษะความคิดสรา้ งสรรค์ (Creative Thinking) 8. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์  รักชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์  มวี นิ ัย  อยูอ่ ย่างพอเพียง  รักความเปน็ ไทย 9. การจดั กระบวนการเรยี นรู้ ชวั่ โมงท่ี 1 1. นักเรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี น เรอื่ ง การเขียนโปรแกรมอย่างง่าย เพือ่ เป็นการวัดพนื้ ฐานความรู้ กอ่ นเรียน ข้ันนา กระตนุ้ ความสนใจ (20 นาที) 1. นักเรียนทากจิ กรรมลองทาดู ในแบบฝกึ หดั รายวิชาพน้ื ฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.3 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 หน้า 18 เพื่อเป็นการทบทวนความรเู้ ดิมก่อนเขา้ สูบ่ ทเรยี น 2. ครูนานกั เรียนสนทนาทบทวนความรูเ้ รอ่ื ง การเขยี นคาสง่ั ให้โปรแกรมทางานอยา่ งเป็นลาดับขั้นตอน (Algorithm) โดยเปิดวดี ิทัศน์ https://www.youtube.com/watch?v=cDA3_5982h8 ใหน้ ักเรยี นดแู ละร่วมกันสรปุ ความรทู้ ไ่ี ด้จากวีดีโอวา่ “ในการทเี่ ราจะเขยี นคาสั่งให้คอมพิวเตอรท์ างาน ได้นัน้ เราจาเปน็ อย่างยง่ิ ทจ่ี ะต้องเขียนลาดับขน้ั ตอนการทางาน หรอื อลั กอรทิ ึม (Algorithm) ออกมาใหช้ ดั เจน เพอ่ื ลดปัญหาหรือการทางานที่ผิดพลาด อลั กอริทึมที่ดีควรมีลาดบั ขัน้ ตอนการ ทางาน ทั้งก่อนและหลังทช่ี ัดเจน เขา้ ใจลาดบั ขั้นตอนง่ายและไม่กากวม” 3. ครูถามคาถามประจาหัวข้อ การเขียนโปรแกรมสัง่ ให้ตวั ละครทางาน หนา้ 27 ในหนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.3 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 วา่ “การเขียนโปรแกรมมี ประโยชน์ในชวี ติ ประจาวันอย่างไรบา้ ง”

ข้นั สอน สารวจคน้ หา (20 นาท)ี 1. ครูนานกั เรียนศึกษาเนื้อหาในหนังสือเรยี น รายวชิ าพน้ื ฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.3 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรอ่ื ง การเขยี นโปรแกรมส่ังให้ตัวละครทางาน หนา้ 27–28 โดย การเขยี น โปรแกรม หมายถึง การเขียนชดุ คาส่งั ด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ เพื่อแสดงลาดบั ขนั้ ตอนให้คอมพิวเตอร์ หรือตวั ละครทางานตามทอี่ อกแบบไว้ เรยี กขน้ั ตอนการเขียนโปรแกรมน้วี า่ การโค้ดด้งิ (Coding) 2. แบ่งกลุม่ นักเรียนในหอ้ งเรียน ออกเป็น 2 กลุ่ม ครเู ตรยี มบัตรคาสัง่ (ไปข้างหน้า 20 แผ่น หันซ้าย 10 แผ่น หันขวา 10 แผ่นหรอื ตามจานวนนักเรยี น) โดยแบ่งบัตรคาส่งั ใหก้ ลมุ่ ละเทา่ ๆ กัน ใหน้ กั เรียน แบง่ กลมุ่ 2 กลุ่ม จากนัน้ ใหแ้ ตล่ ะกล่มุ วางโปรแกรมคาสงั่ เพ่อื ส่ังให้เจ้าซอมบเ้ี ดินไปเก็บดอกทานตะวัน จากสถานการณ์ตวั อย่างตามภาพท่ี 2.3 หน้า 29 ในหนงั สือเรยี น โดยมบี ตั รคาสง่ั ดังน้ี 3. ครชู ใ้ี หน้ ักเรยี นเหน็ วา่ วางบตั รคาสัง่ แบบไหนถูกต้อง จากนั้นครูบอกกบั นกั เรยี นวา่ “เราสามารถ ตรวจคาตอบไดอ้ ีกวธิ หี นง่ึ คอื การลองทาในเว็บไซต์ Code.org” อธิบายความรู้ (20 นาท)ี 4. ครูใหน้ ักเรียนเปดิ เวบ็ ไซต์ Code.org เพอื่ เข้าสรู่ ะบบ แลว้ เขา้ ไปทีร่ ายการหลกั สูตร โดยเลือก คอรส์ 3 อายุ 8–18 ปี มบี ทเรยี น 21 บทเรยี น 5. ครูนานกั เรียนศึกษาเนื้อหาในหนงั สอื เรยี น รายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการ คานวณ) ป.3 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรือ่ ง การเขยี นโปรแกรมสั่งใหต้ วั ละครทางาน (1.1ข้ันตอนการ เขยี นโปรแกรม) หนา้ 29 – 30 และครชู แี้ จงในสว่ นของเกร็ดน่ารใู้ ห้นักเรียนฟังในหนา้ 30 ควบคกู่ ับ การสอนเขียนโปรแกรมในเว็บ Code.org ไปพร้อม ๆ กัน ในสว่ นน้ีให้ครนู านักเรียนเขียนโปรแกรมไป ถงึ บทท่ี 2 เขาวงกต ตอนที่ 4 6. ครูนานกั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายสรุปความรทู้ ไ่ี ด้จากการจดั กิจกรรม ตัวอย่างประเด็นการอภิปราย - ถ้าตอ้ งการส่งั ให้ซอมบี้เดินไปข้างหน้า 5 คร้งั จะต้องวางคาสัง่ อย่างไร (แนวคาตอบ / วางคาสั่งไป ขา้ งหนา้ จานวน 5 บล็อก)

- แต่ถ้านกั เรียนต้องการวางคาสัง่ ไปข้างหน้า 100 ครั้ง นักเรียนกต็ ้องเสียเวลาในการวางคาสง่ั ไป ข้างหนา้ จานวน 100 บลอ็ ก แตใ่ นทางการเขยี นโปรแกรมแล้วมคี าสงั่ โดยการใชบ้ ล็อก \"ทาซา้ (Loop)\" เพอ่ื ช่วยใหส้ ามารถแกป้ ญั หาได้อย่างรวดเรว็ ยิง่ ข้ึน 7. นกั เรยี นทาแบบฝึกหดั รายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.3 หนว่ ยการ เรียนรูท้ ี่ 2 หนา้ 19-20 เรื่อง การเขยี นโปรแกรมส่งั ใหต้ ัวละครทางาน หรอื ครอู าจใหน้ ักเรียนทาเปน็ การบ้าน ช่ัวโมงท่ี 2 ขั้นสอน อธิบายความรู้ (20 นาท)ี 1. ครนู านกั เรียนสนทนาทบทวนความรู้เดมิ ในเร่ือง การเขียนโปรแกรมสงั่ ให้ตวั ละครทางาน (1.1 ขน้ั ตอนการเขียนโปรแกรม) ในคาบที่ผ่านมา 2. นกั เรยี นทาใบงานที่ 2.1.1 เขียนคาสัง่ ข้ันตอนการนบั เหรียญ จากน้นั ให้เพื่อนร่วมชนั้ ทาตามคาส่ังที่ ตนเองเขยี นเพ่ือเปน็ การตรวจคาส่งั ว่าถกู ต้องและชดั เจนหรือไม่ และให้นักเรียนอธิบายข้ันตอนการ เขียนโปรแกรมจากสถานการณ์ทีก่ าหนดให้ 3. ครสู ุ่มนกั เรียน 3–5 คน มาอธิบายแนวคิดในการเขียนคาสัง่ ควบคุมการนับเหรยี ญจากใบงานท่ี 2.1.1 4. ครชู ้ใี หน้ ักเรียนเหน็ ว่า “เมอ่ื มีการใชบ้ ล็อกคาสง่ั แบบเดมิ ซา้ กันในลกั ษณะเรยี งตอ่ กนั ควรเปล่ยี นมาใช้ บล็อกคาส่งั ทางานซา้ แทน โดยการกาหนดตวั เลขตามจานวนรอบท่ที าซ้าจะชว่ ยใหก้ ารเขียนโปรแกรม งา่ ยและสะดวกมากย่ิงขนึ้ ” ขยายความเข้าใจ (40 นาท)ี 5. ครนู านักเรยี นศึกษาเนื้อหาในหนังสือเรยี น รายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการ คานวณ) ป.3 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 เรอื่ ง การเขยี นโปรแกรมสงั่ ให้ตัวละครทางาน (1.1การเขยี น โปรแกรม)หนา้ 31 ควบคู่กบั การสอนเขียนโปรแกรมในเว็บ Code.org ไปพร้อม ๆ กนั ในส่วนน้ใี ห้ ครนู านกั เรียนเขียนโปรแกรมไปถงึ บทที่ 2 เขาวงกต ตอนที่ 5 ไปจนถึงบทที่ 3 ศิลปนิ 6. นกั เรียนทากจิ กรรมฝกึ ทักษะ ในหนังสือเรียน รายพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.3 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 หน้า 32-33 7. ครนู านกั เรียนศึกษาเน้ือหาในหนังสือเรียน รายวชิ าพืน้ ฐานเทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.3 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 เรอ่ื ง การเขียนโปรแกรมสง่ั ใหต้ ัวละครทางาน (1.2 ตัวอยา่ งการเขียนโปรแกรม สัง่ ใหต้ วั ละครทางานซา้ ไมส่ ้ินสุด) หนา้ 34 –35 โดยครูตั้งคาถามท้าทายการคิดขน้ั สูงกับนักเรยี นว่า “เมอื่ โปรแกรมท่เี ขยี นคาสั่งเกิดขอ้ ผดิ พลาด ทาให้การส่งั งานไม่เปน็ ไปตามท่ตี อ้ งการ นกั เรยี นมีวธิ ีใน การแก้ปัญหาน้ีอยา่ งไร” 8. ครูนานักเรียนร่วมกันอภปิ รายสรปุ ความรู้ท่ีไดจ้ ากการจดั กิจกรรม ตวั อยา่ งประเดน็ การอภปิ ราย  คาสั่งลูป (Loop) คอื อะไร (แนวคาตอบ / คาสง่ั ควบคมุ ให้ทางานซ้า ในสว่ นที่เรากาหนด)  ใหน้ กั เรยี นดภู าพปริศนาและชว่ ยกนั เขยี นคาสัง่ โดยใช้บลอ็ กคาสง่ั ที่กาหนดให้

(แนวคาตอบ ภาพด้านลา่ ง) 9. นกั เรียนทาแบบฝึกหัดรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.3 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 หนา้ 21-22 เร่อื ง การเขยี นโปรแกรมสง่ั ให้ตวั ละครทางานซ้าไม่มสี ้ินสุด หรือ ครูอาจใหน้ ักเรียนทาเปน็ การบา้ น ชวั่ โมงที่ 3 ขั้นสอน ขยายความเขา้ ใจ (60 นาท)ี 1. ครูนานกั เรยี นสนทนาทบทวนความร้เู ดิมในเรื่อง การเขยี นโปรแกรมสั่งให้ตวั ละครทางาน (1.2ตัวอยา่ งการเขยี นโปรแกรมสั่งใหต้ วั ละครทางานซ้าไมส่ ้ินสดุ ) ในคาบท่ผี า่ นมา 2. นักเรยี นเขียนโปรแกรมในเวบ็ Code.org จากบทท่ี 5 ศลิ ปิน: Functions ไปจนถึงบทที่ 13 ผงึ้ : ลูป ซ้อนลปู (Nested Loops) ในระหว่างนี้ครูอาจจะแทรกความรู้ในเรือ่ ง เง่ือนไข คือ ข้อกาหนด ข้อบงั คบั หรอื กฏเกณฑท์ ่ใี ชร้ ่วมกนั 3. นกั เรยี นทากิจกรรมฝึกทักษะ ในหนังสอื เรยี น รายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการ คานวณ) ป.3 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 หน้า 36 ลงในสมดุ 4. ครูสุ่มนกั เรียน 3 –5 คน มาอธิบายแนวคิดในการเขยี นคาสั่งเพ่อื พาซอมบีเ้ ดนิ ทางไปยังดอกทานตะวัน จากในกจิ กรรมฝึกทกั ษะ ในหน้า 36 5. ครูนานกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายสรปุ ความรทู้ ไี่ ด้จากการจัดกิจกรรม ตัวอยา่ งประเด็นการอภิปราย  ใหน้ กั เรยี นยกตัวอย่างเง่ือนไข ทพ่ี บเหน็ ในชีวติ ประจาวนั (แนวคาตอบ / เงือ่ นไขในการเล่น เกม เช่น เลน่ เกมไมเ่ กนิ วันละ 5 นาที จะได้รับเพชร จานวน 10 เม็ด, เงือ่ นไขในการเข้าใช้ งาน Facebook ตอ้ งมอี ายุไม่ตา่ กว่า13ปี เปน็ ตน้ )  ครูเปิดประเดน็ กบั นักเรียนวา่ “ครูให้นกั เรยี นลองนาความรู้เกี่ยวกบั การเขยี นโปรแกรม โดย นาคาสั่งลูป และเง่ือนไข มาประยกุ ตใ์ ช้ในการแก้ปัญหาในชีวิตประจาวันว่าจะสามารถเขียน โปรแกรมแกป้ ัญหาใดได้บา้ ง แล้วคาบต่อไปมาพูดคุยแลกเปลี่ยนกนั ” 6. นักเรยี นทาแบบฝึกหัดรายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 หนา้ 23-25 (การเขียนโปรแกรมสง่ั ให้ตวั ละครทางานซ้าไมม่ ีส้นิ สดุ ) หรือครูอาจ ให้นักเรยี นทาเป็นการบา้ น

ชวั่ โมงท่ี 4 ข้นั สอน ขยายความเข้าใจ (40 นาที) 1. ครูนานักเรยี นสนทนาทบทวนความร้เู ดมิ จากคาบที่แลว้ ท่ีครูเปดิ ประเด็นกับนกั เรียนว่า “ครใู ห้ นกั เรียนลองนาความรเู้ กยี่ วกับการเขยี นโปรแกรม โดยนาคาสัง่ ลูป และเงื่อนไข มาประยุกตใ์ ชใ้ นการ แก้ปัญหาในชีวติ ประจาวันว่าจะสามารถเขียนโปรแกรมแก้ปัญหาใดไดบ้ ้าง” 2. ให้นักเรียนศึกษาสถานการณ์ทกี่ าหนด จากกจิ กรรมฝึกทักษะท่ี 1 โปรแกรมชว่ ยใหช้ ีวิตงา่ ยขนึ้ ใน แบบฝกึ หดั รายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.3 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 หนา้ 29 หรือครอู าจจะให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3–5 คน โดยให้นักเรียนเขียนคาสง่ั ชว่ ยคัดแยก เสื้อผ้า จานวน 100 ช้นิ ในรปู แบบแผนผงั โดยใหป้ ระยุกต์ใชค้ วามรูท้ ่ีเรียนมาในการเขยี นโปรแกรมน้ี และบอกประโยชนข์ องการใชค้ าสัง่ ลูปในการทางานแบบวนซา้ ได้ แลว้ ออกมานาเสนอแนวคดิ โปรแกรมของกลุ่มตนเอง มีเวลาการนาเสนอกล่มุ ละ 5–7 นาที ข้ันสรุป ตรวจสอบผล (20 นาท)ี 1. ครูนานักเรียนร่วมกันอภปิ รายสรปุ ความรู้ท่ีไดจ้ ากการจดั กจิ กรรม ตวั อย่างประเดน็ การอภปิ ราย ให้ นกั เรยี นช่วยยกตวั อยา่ งถึงเหตกุ ารณ์หรือรูปแบบของปญั หาท่ีพบเจอในชวี ิตประจาวันที่จะนามาเขยี น โปรแกรมเพ่ือแกไ้ ขปญั หา หรือช่วยใหก้ ารทางานสะดวกสบายมากยงิ่ ขึน้ 10. สื่อแหลง่ การเรยี นรู้ 1) หนงั สอื เรียนรายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.3 2) แบบฝกึ หดั รายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.3 3) วดี ิทัศน์ https://www.youtube.com/watch?v=cDA3_5982h8 4) ใบงานที่ 2.1.1 เขียนคาส่งั ข้นั ตอนการนับเหรยี ญ

11. การวัดและการประเมินผล 11.1 การประเมนิ ระหว่างการจดั กิจกรรม จดุ ประสงค์ วิธกี ารประเมนิ เครอ่ื งมอื การประเมนิ เกณฑ์การประเมนิ แบบประเมินใบงานท่ี นักเรียนเขยี นอธบิ าย 1.อธิบายข้ันตอนการ ตรวจใบงานที่ 2.1.1 เขียน 2.1.1 ลาดับขน้ั ตอนการทางาน ของโปรแกรมได้ในระดับ เขยี นโปรแกรมและการ คาสั่งขนั้ ตอนการนบั เหรยี ญ แบบประเมนิ คณุ ภาพ พอใช้ข้ึนไป ถอื แบบฝึกหัด (การเขียน ว่าผ่าน เขียนโปรแกรมแบบวน โปรแกรมสัง่ ใหต้ วั ละครทางานซ้าไมม่ ี นักเรยี นแสดงขน้ั ตอนการ ซา้ ส่ังใหต้ วั ละครทางาน สิ้นสดุ ) ใช้คาส่ังการทางานซา้ ไดใ้ น ระดับคุณภาพ พอใชข้ ึ้นไป ในสถานการณ์ที่ ถอื ว่าผ่าน กาหนดใหไ้ ด้ (K) 2.แสดงขนั้ ตอนการเขียน ตรวจแบบฝึกหัดหนา้ 21 - โปรแกรมสง่ั ให้ตัวละคร 25 (การเขยี นโปรแกรมสง่ั ให้ ทางานซ้าไมส่ ้นิ สดุ ได้ (P) ตัวละครทางานซ้าไมม่ สี ิ้นสุด) 3.เหน็ ประโยชนข์ องการ ประเมินการนาเสนอ เรื่อง แบบประเมนิ การ นกั เรียนบอกประโยชน์ ใช้คาสง่ั ลปู ในการทางาน โปรแกรมชว่ ยให้ชีวิตง่ายขึ้น นาเสนอ ของการใช้คาสัง่ ลปู ในการ แบบวนซา้ ได้ (A) ทางานแบบวนซ้าได้ ใน ระดบั คุณภาพ พอใชข้ ้ึนไป ถือวา่ ผา่ น

11.2 แบบประเมนิ ใบงานท่ี 2.1.1 เรอ่ื ง เขยี นคาสงั่ ขั้นตอนการนบั เหรยี ญ ประเด็นในการประเมนิ 3 เกณฑ์การให้คะแนน 1 2 1.ความถูกต้องของ เนอื้ หาถูกตอ้ ง มี เนอื้ หาถูกตอ้ ง แตม่ ี เน้อื หาถูกต้อง แตม่ ี เนือ้ หา รายละเอยี ดครบถว้ นทุก รายละเอียดไม่ถูกต้อง รายละเอียดไม่ถูกต้อง ประเด็นตามสถานการณ์ 1 ตาแหน่ง 2 ตาแหนง่ ขึ้นไป ท่ีกาหนด 2.ความชัดเจนในคาสง่ั เขียนข้ันตอนคาส่งั เขยี นขนั้ ตอนคาสั่ง เขียนข้ันตอนคาส่งั ควบคมุ การทางาน ควบคมุ การทางาน โดยมี ควบคุมการทางาน โดยมี ควบคมุ การทางาน โดยมี การเรยี งลาดับถูกต้อง การเรยี งลาดบั ถูกต้อง การเรียงลาดับถูกต้อง ชัดเจนมาก เม่ือ เมื่อแลกเปลยี่ นกบั เพ่ือน เมอ่ื แลกเปลย่ี นกับเพื่อน แลกเปลี่ยนกับเพือ่ นแล้ว แลว้ เพื่อนสามารถทาตาม แลว้ เพือ่ นสามารถทาตาม เพอ่ื นสามารถทาตาม ขั้นตอนไดบ้ างสว่ นตอ้ ง ขัน้ ตอนได้บางสว่ นต้อง ขน้ั ตอนไดค้ รบถ้วน นากลับมาแก้คาสง่ั ใหม่ 1 นากลับมาแก้คาส่งั ใหม่ 2 รอบ รอบขึ้นไป 3.การอธบิ ายแนวคดิ การ อธบิ ายแนวคดิ การเขยี น อธิบายแนวคิดการเขยี น อธิบายแนวคิดการเขียน เขียนโปรแกรมและการ โปรแกรมและการใช้ โปรแกรมและการใช้ โปรแกรมได้ แต่ไม่ เขียนโปรแกรมแบบวนซ้า คาส่งั ใหท้ างานวนซ้าใน คาสั่งใหท้ างานวนซา้ ใน สามารถอธบิ ายได้วา่ การเขยี นโปรแกรม การเขียนโปรแกรม ให้ เมือ่ ใดควรมีการใชค้ าสัง่ พร้อมท้งั ให้เหตผุ ล เหตผุ ลประกอบได้เพยี ง ใหท้ างานวนซ้าในการ ประกอบอย่าง บางส่วน เขียนโปรแกรม สมเหตสุ มผล เกณฑ์การตัดสิน /ระดบั คุณภาพ คะแนน 7 – 9 หมายถงึ ดี พอใช้ คะแนน 5 – 6 หมายถึง ปรับปรุง ตา่ กว่า 5 หมายถึง

11.3 แบบตรวจประเมนิ แบบฝกึ หดั (การเขยี นโปรแกรมส่ังให้ตัวละครทางานซา้ ไม่มีส้ินสุด) ประเดน็ ในการประเมนิ 3 เกณฑ์การให้คะแนน 1 2 1.ความถกู ต้องของ เนือ้ หาถูกต้อง มี เนอ้ื หาถูกต้อง แตม่ ี เน้อื หาถูกต้อง แตม่ ี เนือ้ หา รายละเอยี ดครบถ้วนทุก รายละเอียดบางส่วนไม่ รายละเอยี ดบางส่วนไม่ ประเด็นตามสถานการณ์ ถกู ต้อง 1 จดุ ถกู ต้อง 2 จดุ ข้ึนไป ที่กาหนด 2.การเลือกใช้คาส่ัง เลือกใช้คาสัง่ ควบคมุ การ เลอื กใช้คาส่ังควบคุมการ เลือกใช้คาสง่ั ควบคมุ การ ควบคมุ การทางานแบบ ทางานแบบวนซ้าได้ ทางานแบบวนซา้ ได้ ทางานแบบวนซา้ ได้แตย่ ัง วนซ้า ถกู ต้อง และใชบ้ ลอ็ ก ถูกต้อง แต่ยังสามารถ ไมถ่ ูกต้องท้ังหมด คาสงั่ ไดน้ ้อยท่สี ดุ เลอื กใชบ้ ลอ็ กคาสัง่ ได้ น้อยกว่าทเ่ี ขียนมา 3.ความชดั เจนในการ เขยี นข้ันตอนคาสั่ง เขียนขั้นตอนคาสง่ั เขียนขน้ั ตอนคาส่งั เขยี นคาสง่ั ควบคมุ การ ควบคุมการทางานถูกต้อง ควบคุมการทางานถูกต้อง ควบคมุ การทางานถกู ต้อง ทางาน ชดั เจนทัง้ หมด ชดั เจน แต่มีบางส่วนตอ้ ง ชดั เจน แต่มบี างส่วนตอ้ ง นากลบั มาแกค้ าสั่งใหม่ 1 นากลบั มาแกค้ าส่ังใหม่ 2 รอบ รอบข้ึนไป เกณฑ์การตัดสิน /ระดบั คณุ ภาพ คะแนน 7 – 9 หมายถึง ดี พอใช้ คะแนน 5 – 6 หมายถงึ ปรบั ปรงุ ต่ากวา่ 5 หมายถงึ

11.4 แบบประเมินการนาเสนอ คณุ ภาพผลงาน 4321 รายการประเมิน 1. รปู แบบโปรแกรมถูกต้องตามท่ีโจทย์กาหนด 2. อธบิ ายลาดบั ขนั้ ตอนการทางานของโปรแกรมไดอ้ ยา่ งเขา้ ใจ 3. บอกถึงประโยชนข์ องการใช้คาสั่งลปู ในการทางานแบบวนซ้า 4. ควบคมุ เวลาในการนาเสนอได้อย่างเหมาะสม 5. การมีสว่ นร่วมการทางานในกล่มุ รวม เกณฑ์การตดั สนิ /ระดบั คณุ ภาพ หมายถึง ดีมาก คะแนน 18 – 20 หมายถงึ ดี คะแนน 14 – 17 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 10 – 13 หมายถงึ ปรับปรุง ตา่ กว่า 10

12. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผูท้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ) ขอ้ เสนอแนะ ....... ลงช่อื ( ตาแหนง่ 13. บนั ทึกผลหลังการสอน  ด้านความรู้  ด้านสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน  ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์  ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ)  ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่นหรือพฤติกรรมทมี่ ปี ญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))  ปัญหา/อุปสรรค  แนวทางการแก้ไข


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook