Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แหล่งเรียนรู้ เดือน กรกฎาคม อำเภอเมืองหนองบัวลำภู

แหล่งเรียนรู้ เดือน กรกฎาคม อำเภอเมืองหนองบัวลำภู

Published by muangnongbua, 2020-08-05 00:03:09

Description: แหล่งเรียนรู้ เดือน กรกฎาคม อำเภอเมืองหนองบัวลำภู

Search

Read the Text Version

ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอเมอื งหนองบวั ลาภู สานักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวดั หนองบวั ลาภู ทาเนยี บแหล่งเรยี นรู้ อาเภอเมืองหนองบัวลาภู จงั หวัดหนองบวั ลาภู ประจาเดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2563 ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอเมอื งหนองบัวลาภู สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั หนองบวั ลาภู สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ

ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเมืองหนองบัวลาภู สานักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวดั หนองบัวลาภู คานา ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอเมืองหนองบวั ลาภู ไดจ้ ดั ทาทาเนียบแหล่ง เรียนรู้ อาเภอเมืองหนองบัวลาภู จังหวัดหนองบัวลาภู ประจาเดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2563 ซึ่งเป็น แหล่งขอ้ มลู ทรี่ วบรวมภูมิปญั ญาทอ้ งถิ่นท้ัง 9 ดา้ น ซง่ึ ประกอบไปดว้ ย ด้านเกษตรกรรม ด้านอุตสาหกรรมละ หัตถกรรม ด้านการแพทยแ์ ผนไทย ดา้ นการจดั การทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม ด้านกองทุนและธุรกิจ ชุมชน ด้านศิลปกรรม ด้านภาษาและวรรณกรรม ด้านปรัชญาศาสนาและประเพณี และด้านโภชนาการ ขอบเขตของการจัดทาทาเนียบแหล่งเรียนรู้ ท้ัง 9 ด้านนี้ พร้อมที่จะให้ผู้ท่ีมีความสนใจเข้าไปศึกษาค้นคว้า ด้วยกระบวนการจัดการเรยี นรู้ที่แตกตา่ งกนั ของแตล่ ะบุคคล ปลกู ฝังใหผ้ เู้ รียนได้รู้และรักในท้องถ่ินของตนเอง มองเห็นคณุ ค่าในชมุ ชนของตนเอง และเป็นการสง่ เสรมิ การเรียนรตู้ ลอดชวี ิตเป็นแหล่งเช่ือมโยงให้สถานศึกษา และชมุ ชนมคี วามสัมพันธ์ใกล้ชดิ กัน การจดั ทาข้อมลู ทาเนียบแหลง่ เรียนรู้ อาเภอเมืองหนองบัวลาภู ครั้งน้ีได้รับความร่วมมืออย่างยิ่งจาก แหล่งสารสนเทศท่ีได้จากการจัดทาแหล่งเรียนรู้ ซ่ึงจะเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง เพื่อใช้เป็น แนวทางในการขยายผลและพัฒนาการดาเนินงานท่ีถูกต้องเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการ ดาเนินงานยิง่ ขน้ึ ไป กลุ่มงานอัธยาศยั อาเภอเมืองหนองบัวลาภู กศน. อาเภอเมืองหนองบวั ลาภู ผูจ้ ัดทา

ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเมืองหนองบัวลาภู สานักงานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จังหวดั หนองบัวลาภู สารบญั ทาเนียบแหลง่ เรยี นรู้ หนา้ ทาเนยี บแหลง่ เรยี นรู้ อาเภอเมืองหนองบัวลาภู 1 1. ตาบลกุดจิก 5 2. ตาบลโพธ์ชิ ัย 8 3. ตาบลนาคาไฮ 12 4. ตาบลบา้ นพรา้ ว 20 5. ตาบลปาุ ไม้งาม 25 6. ตาบลลาภู 28 7. ตาบลหนองบัว 31 8. ตาบลหนองภัยศูนย์ 35 9. ตาบลหนองสวรรค์ 39 10. ตาบลหนองหว้า 43 11. ตาบลหวั นา 48 12. ตาบลนามะเฟอื ง 52 13. ตาบลบ้านขาม 56 14. ตาบลโนนทนั 60 15. ตาบลโนนขมนิ้ คณะผจู้ ัดทา

ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอเมืองหนองบัวลาภู สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจังหวดั หนองบัวลาภู ประวัตแิ ละผลงานครภู ูมิปัญญาท้องถ่ิน ตาบลกดุ จิก อาเภอเมอื งหนองบัวลาภู จงั หวัดหนองบัวลาภู ดา้ น การเกษตรกร สาขา การเพาะเลยี้ งจ้ิงหรีด นายหนูกนั รตั นโรจน์

ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเมอื งหนองบัวลาภู สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดหนองบวั ลาภู

ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอเมอื งหนองบัวลาภู สานกั งานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จงั หวัดหนองบวั ลาภู นายหนกู นั รตั นโรจน์ ประวัตปิ ระวัตแิ ละผลงานครภู มู ปิ ญั ญาท้องถ่ินจงั หวดั หนองบัวลาภู ด้านภมู ปิ ญั ญาท้องถนิ่ สาขา เกษตรกร ประวัตแิ ละผลงาน นายหนูกัน รัตนโรจน์ เกิดเม่ือวันท่ี 28 เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2493 เกิดท่ีบ้านกุดจิก หมู่ที่ 1 ตาบลกดุ จิก อาเภอเมอื งหนองบวั ลาภู จงั หวดั หนองบัวลาภู อาชีพทานา ปจั จุบนั นายหนกู ัน รัตนโรจน์ ประกอบอาชีพ ทานา ท่ีอย่สู ามารถตดิ ต่อ คอื บ้านเลขท่ี 141 หมู่ท่ี 1 ตาบลกุดจิก อาเภอเมืองหนองบัวลาภู จังหวดั หนองบัวลาภู นายหนูกัน รัตนโรจน์ เกดิ ในตระกูลชาวนา เรียนจบช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 มีผลงานใน การเพาะเลย้ี งจ้ิงหรีด 5 ปี และไดอ้ ุทศิ ตนเพือ่ ชุมชนและสังคมมาโดยตลอดได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรการเล้ียง จิ้งหรดี เช่น องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบลกดุ จกิ ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเมือง หนองบวั ลาภู องคค์ วามรแู้ ละความเช่ยี วชาญ นายหนูกัน รัตนโรจน์ มีองค์ความรู้และความเช่ียวชาญ ที่นาไปถ่ายทอดให้แก่ผู้เรียน และผู้ที่สนใจ โดยใช้กระบวนการถ่ายทอดความรู้ท่ีหลากหลาย เช่น การอธิบาย การสาธิต และให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติจริง ตามหัวข้อดังต่อไปนี้ การแนะนาวัสดุอุปกรณ์การการเลี้ยงจ้ิงหรีด ขั้นตอนการทาโรงเรือน การทามุ้ง การ คัดเลือกแมพ่ นั ธุเ์ พาะไข่ การให้อาหารการเล้ียง การประมาณราคาและการจาหน่ายผลผลิต รายละเอียดองค์ ความรทู้ ี่ นายหนูกนั รตั นโรจน์ ถ่ายทอดองค์ความร้แู กผู้เรียนตามข้นั ตอน การถา่ ยทอดความรแู้ ละความเช่ียวชาญ ขั้นตอนที่ 1 การทาโรงเรือนนาวัสดุข้างต้นมาทาการวัดแล้วตัดเพ่ือจะได้ทาโรงเรือนให้ได้ขนาดท่ี ตอ้ งการ ขน้ั ตอนท่ี 2 การเลือกไมไ้ ผใ่ นการทาโรงเรอื น ขั้นตอนที่ 3 การเชอ่ื มเหลก็ เพอ่ื ทาโรงเรือน ลักษณะของเครอื ข่ายและการสรา้ งเครอื ข่าย นายหนูกนั รตั นโรจน์ มีเครือขา่ ยและวธิ ีสรา้ งเครือขา่ ยดังนี้ 1. พ่อค้ามารับถงึ โรงเรอื น 2. ในพนื้ ทช่ี ุมชน

ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอเมืองหนองบวั ลาภู สานกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั หนองบัวลาภู ผลงานทเ่ี ป็นประโยชน์ตอ่ ชมุ ชนและสังคม สามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวเพื่อเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายในครัวเรือน

ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอเมืองหนองบวั ลาภู สานกั งานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจังหวดั หนองบัวลาภู ประวัตแิ ละผลงานครภู มู ิปัญญาทอ้ งถิ่น ตาบลโพธิ์ชัย อาเภอเมอื งหนองบัวลาภู จังหวดั หนองบัวลาภู ดา้ น โภชนาการ สาขา ภาษาและวัฒนธรรม นางพิสมยั ใจสัตย์

ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเมอื งหนองบัวลาภู สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดหนองบวั ลาภู

ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอเมืองหนองบวั ลาภู สานักงานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวดั หนองบัวลาภู นางพิสมยั ใจสัตย์ ประวัตแิ ละผลงานครภู มู ปิ ญั ญาท้องถนิ่ จงั หวดั หนองบวั ลาภู ด้าน โภชนาการ สาขา ภาษาและวัฒนธรรม ประวตั ชิ วี ติ และผลงาน นางพสิ มัย ใจสัตย์ เกิดเม่ือวนั ที่ 2 มีนาคม 2518 ทอ่ี ยู่ ชมุ ชนหว้ ยลกึ หมู่ท่ี 5 ตาบลโพธ์ิชัย อาเภอ เมอื ง จงั หวดั หนองบวั ลาภู เป็นวิทยากรกลุ่มการทาอาหารไทย ในเขตตาบลโพธ์ิชัย และเป็นอาสาสมัครสาธารณะสุขประจา หมบู่ า้ น และใหบ้ ริการในตาบลโพธิ์ชัย องค์ความรู้ และความเชยี่ วชาญ นางพิสมัย ใจสัตย์ มีองค์ความรู้เช่ียวชาญ ท่ีนาไปถ่ายทอดแก่ผู้เรียน และผู้คนที่สนใจ โดยใช้ กระบวนการถ่ายทอดความรูท้ ห่ี ลากหลาย เช่น การอธิบาย การสาธิต และให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติจริง ตามหัวข้อ ดังต่อไปน้ี การทาอาหารคาว อาหารหวาน และอาหารวา่ ง ฯลฯ การถ่ายทอดความรู้ ความเช่ยี วชาญ คือ การบรรยายพรอ้ มการสาธติ การแจกใบความร้ใู หก้ บั ผเู้ รยี น ลักษะของเครอื ข่ายและการสร้างเครอื ขา่ ย นางพสิ มยั ใจสตั ย์ มีเครือขา่ ยและมีวธิ ีการสรา้ งเครือข่ายดงั นี้ เครือข่ายภาครฐั และเอกชน ประกอบดว้ ย 1. โรงพยาบาลส่งเสรมิ สขุ ภาพตาบลชุมชนห้วยลกึ 2. สานกั งานพัฒนาชมุ ชน 3. ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอเมืองหนองบัวลาภู 4. กลมุ่ เกษตรอาเภอเมอื งหนองบัวลาภู วิธกี ารสรา้ งเครอื ขา่ ย นางพิสมัย ใจสัตย์ มีวิธีการสร้างเครือข่ายโดยการไปเป็นวิทยากรบรรยายการทาอาหารไทย ตามหน่วยงานท้ังภาครัฐและเอกชนตลอดจนได้รับเชิญชวนให้ผู้สนใจ และการเป็นจิตอาสาพัฒนาสังคมชุมชน ในกิจกรรมตา่ งๆ ผลงานท่ีเปน็ ประโยชนต์ อ่ สงั คม ชมุ ชน เป็นวิทยากรให้ความรู้กับ ประชาชน เร่ืองการทาอาหารปลอดภัย ของ กศน.ตาบลธิ์ชัย จานวน 5 หลกั สูตร

ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอเมอื งหนองบวั ลาภู สานกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวัดหนองบัวลาภู ประวัตแิ ละผลงานครูภมู ิปัญญาท้องถ่ิน ตาบลนาคาไฮ อาเภอเมอื งหนองบวั ลาภู จงั หวดั หนองบวั ลาภู ด้าน ศลิ ปกรรม สาขา โบราณสถาน/ศาสนสถาน ศาลปตู่ า

ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเมอื งหนองบัวลาภู สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดหนองบวั ลาภู

ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอเมอื งหนองบวั ลาภู สานกั งานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จังหวดั หนองบัวลาภู ศาลปู่ตา ประวัตแิ ละผลงานครภู มู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ จงั หวดั หนองบัวลาภู ดา้ น ศิลปกรรม สาขา โบราณสถาน/ศาสนสถาน ประวตั ิชวี ติ และผลงาน ศาลปูุตา ตัง้ ขน้ึ พร้อมกับหมู่บา้ นนาคาไฮ เม่ือปี 2483 เร่ืองเล่าขานของความศักด์ิสิทธิ์ คือส่ิงท่ีบอก เล่าสบื กันมา นักท่องเที่ยวนยิ มแวะมาไหวเ้ พอื่ ความเปน็ สริ มิ งคล ตาบลนาคาไฮเดิมอยู่ในเขตตาบลหนองสวรรค์ อ.หนองบัวลาภู จ.อุดรธานี ต่อมาขยายตัวเป็นตาบล นาคาไฮ อ.หนองบัวลาภู จ.อุดรธานี และเม่ือมีการจัดตั้ง จ.หนองบัวลาภู อ.หนองบัวลาภู จึงพัฒนาเป็น อ.เมือง จ.หนองบวั ลาภู ปจั จบุ นั มีหมูบ่ ้านทร่ี ับผดิ ชอบ 11 หมู่บ้าน สถานที่ท่องเที่ยวของบ้านนาคาไฮคือ ศาลปูุตา ท่ีถือเป็นศาลศักด์ิสิทธ์ิและเป็นสถานท่ียึดเหน่ียวจิตใจของ ชาวบ้านนาคาไฮ นอกจากศาลปุูตาแล้วที่บ้านนาคาไฮยงั มีหอวงเวียนใหญ่ ซ่ึงในตอนเช้าชาวบ้านจะมารวมตัว ใส่บาตรกนั ทบ่ี ริเวณนี้ กิจกรรมที่ชาวบ้านได้เตรียมไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวคือการเยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้การผลิตผ้าทอ นักท่องเท่ียวท่ีแวะมาที่นี่จะได้ทดลองทอผ้าและได้ชมการทอผ้าแบบโบราณที่สามารถหาดูได้แค่ที่นี่ท่ีเดียว นอกจากศนู ยเ์ รยี นรกู้ ารทอผา้ แล้วนักท่องเทยี่ วจะไดเ้ รยี นรู้วธิ กี ารผลิตข้าวฮางงอกและน้าเต้าหู้ข้าวฮางงอก ที่ อดุ มไปดว้ ยสารอาหารอกี มากมาย และในทุกเช้าชาวบ้านจะพานักท่องเที่ยวไปตักบาตรที่หอวงเวียนใหญ่โดย ใส่ชดุ ผา้ มัดหมผี่ ลติ ภณั ฑ์ขึน้ ชอ่ื ของบา้ นนาคาไฮ องคค์ วามร้แู ละความเชี่ยวชาญ เป็นแหล่งเรียนรู้โบราณสถาน/ศาสนสถาน แหล่งเรียนรู้ด้านศิลปวัฒนธรรมประเพณีของคนท้องถิ่น ชุมชน เป็นสถานที่รวมจิตรวมใจของประชาชน และเป็นท่ีฝึกอบรมธรรมะให้ประชาชนผู้ศรัทธาใน พระพุทธศาสนา การถ่ายทอดความรู้และความเชย่ี วชาญ 1. ประวัติศาสตร์ 2. ศิลปะสถาปตั ยธรรม ศนู ยศ์ ลิ ปวัฒนธรรมเกยี่ วกบั ศาสนา 3. ประเพณวี ฒั นธรรมท้องถิน่ 4. สถานท่ีกราบไหวแ้ ละแห่งสถานปฏบิ ตั ธิ รรม แหล่งโบราณสถาน

ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเมอื งหนองบวั ลาภู สานักงานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั หนองบัวลาภู ลักษณะของเครอื ข่ายและการสรา้ งเครอื ขา่ ย 1. แหล่งทอ่ งเทีย่ วทางวฒั นธรรม 2. แหล่งเรยี นรู้ศลิ ปะ แหล่งเรยี นรู้ในทอ้ งถิ่น 3. สถานที่กราบไหว้และแหล่งสถานปฏิบัติธรรม แหล่งโบราณสถานและยังเป็นสถานที่ศักด์ิสิทธิ์ ประกอบพธิ ที างศาสนา ผลงานท่เี ปน็ ประโยชนต์ ่อชมุ ชนและสงั คม เป็นโบราณสถานศาสนาและเป็นแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีในท้องถ่ินสถานที่กราบไหว้ และแหลง่ ปฏิบัตธิ รรมประจาจงั หวดั หนองบัวลาภู ชาวจังหวัดหนองบัวลาภูนับถือสักการะและปฏิบัติธรรมใน วนั สาคญั ตา่ ง ๆ

ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอเมืองหนองบวั ลาภู สานกั งานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จังหวดั หนองบวั ลาภู ประวตั แิ ละผลงานครูภมู ิปัญญาทอ้ งถ่ิน ตาบลบ้านพร้าว อาเภอเมืองหนองบัวลาภู จงั หวดั หนองบัวลาภู ด้าน อุตสาหกรรมและหตั ถกรรม สาขา การทอผ้าไหม นางแดง ถาวะโร

ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเมอื งหนองบัวลาภู สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดหนองบวั ลาภู

ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอเมืองหนองบัวลาภู สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดหนองบัวลาภู นางแดง ถาวะโร ประวตั แิ ละผลงานครภู ูมปิ ญั ญาท้องถนิ่ จงั หวัดหนองบวั ลาภู ดา้ น อุตสาหกรรมและหตั ถกรรม สาขา การทอผ้าไหม ประวัติชวี ิตและผลงาน นางแดง ถาวะโร เกิดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2512 เกิดท่ีบ้านหัน หมู่ที่ 2 ตาบลบ้านพร้าว อาเภอเมือง จังหวดั หนองบัวลาภู กลมุ่ วิสาหกิจชมุ ชน การทอผา้ ไหม บ้านหัน ต.บา้ นพร้าว อ.เมือง จ.หนองบัวลาภู กล่มุ วิสาหกิจชมุ ชนการทอผา้ ดว้ ยสธี รรมชาติ มีความตอ้ งการพัฒนาปรับปรงุ ผ้าให้มีรูปแบบที่สวยงาม ยงิ่ ข้ึน องค์ความรู้ และความเชีย่ วชาญ นางแดง ถาวะโร มีองค์ความรู้เชี่ยวชาญ ที่นาไปถ่ายทอดแก่ผู้เรียน และผู้คนท่ีสนใจ โดยใช้ กระบวนการถา่ ยทอดความรู้ทห่ี ลากหลาย เช่น การอธิบาย การสาธิต และให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติจริง ตามหัวข้อ ดังต่อไปนี้ การแนะนาวัสดุอุปกรณ์การทอผ้าด้วยสีธรรมชาติ ข้ันตอนการทอผ้าด้วยสีธรรมชาติ และการ จาหนา่ ยผลผลิต รายละเอียดองคค์ วามรทู้ ่ี นางแดง ถาวะโร การปลูกหมอ่ นเลี้ยงไหม กอ่ นท่จี ะกลา่ วถึงการทอผ้าไหมไทย ควรทจ่ี ะรู้ท่ีมาเสียก่อนว่าก่อนท่ีจะเป็นเส้นไหมนั้นเน่ืองจากการ ผลิตเส้นไหมมีขน้ั ตอนในการดาเนินงานท่ียาวตั้งแต่การปลูกหม่อนเพื่อเป็นอาหารของตัวไหมจนถึงไหมจนถึง การสาวไหมดังนน้ั การปลูกหม่อนเลยี้ งไหมจึงเปน็ สาระสาคญั อันดบั แรกที่จะต้องพจิ ารณา ตน้ หม่อน ต้นหม่อนทร่ี จู้ ักในขณะนีม้ ีอยู่ 2 ชนิดคอื ต้นหมอ่ นทปี่ ลูกไว้กนิ ผลเปน็ ช่อเวลาสุกจะมีสีดารสอมเปรี้ยว อมหวานใชร้ ับประทานทาแยมไดอ้ ีกชนิดหนึง่ เป็นหมอ่ นทปี่ ลกู ไว้เล้ียงไหมหม่อนชนิดนี้มีผลเป็นช่อเล็กไม่นิยม รบั ประทานแตม่ ีใบโตและดกใช้เปน็ อาหารของตัวไหมไดด้ ีสาหรับพนั ธ์ุหม่อนที่ปลูกไว้เล้ียงไหมในประเทศมีอยู่ หลายพันธุ์เช่น หม่อนน้อย หม่อนตาดา หม่อนส้ม หม่อนสร้อย หม่อนไผ่ หม่อนจาก หม่อนสา หม่อนหยวก หม่อนใบมน หม่อนใบโพธ์ิ หม่อนแก้วชนบท หม่อนคุณไพ หม่อนแก้วอุบล ฯลฯ ซึ่งบางช่ืออาจจะเป็นพันธุ์ เดียวกันแต่เรียก ช่อื ต่างกันตามท้องถน่ิ แต่หมอ่ นทีน่ ิยมปลกู เพือ่ เลี้ยงไหมกนั มากตามท้องที่ตา่ งๆ มีดังนี้ หม่อนน้อย เป็นหม่อนท่ใี หด้ อกตัวผู้มีทรงต้นผอมสูงก่ิงมีขนาดใหญ่ลาต้นมีสีนวลๆ ตามีมากลักษณะขอบใบหนา เปน็ มนั สเี ขยี วแกเ่ ป็นรูปใบโพธ์ปิ ลายใบแหลมขอบใบไม่มีเว้าหรือมีก็จะเป็นแบบเว้าต้ืนๆ ประมาณ 2 - 3 เว้า เทา่ น้ันมขี นบนใบน้อยมากเมอื่ ลบู ไม่รูส้ กึ สากมือเปน็ ทนี่ ิยมปลูกมากที่สุดแต่เปน็ โรครากเน่างา่ ย

ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอเมอื งหนองบัวลาภู สานกั งานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจงั หวดั หนองบัวลาภู หมอ่ นไผ่ เปน็ หม่อนใหด้ อกตัวเมียกิ่งมีขนาดปานกลางลากง่ิ ออ่ นโค้งมีสีน้าตาลอมเขียว ตาค่อนข้างมากขอบใบ เว้าหมดทุกใบ มีปริมาณเนื้อใบน้อยใบบางสากมือให้ผลผลิตต่าเช่ือว่า เป็นพันธุ์ท่ีต้านโรครากเน่าจึงเหมาะ สาหรับนาไปเป็นตน้ ตอในแปลงท่มี โี รครากเน่าระบาด หม่อนตาดา เป็นหม่อนท่ีให้ดอกตัวผู้มีทรงต้นผอมสูงคล้ายหม่อนน้อยกิ่งมีขนาดเล็กกว่าและลาต้นมีสีเขียวกว่า หมอ่ นนอ้ ยใบขนาดเลก็ บางไมเ่ ป็นมนั สีเขยี วอ่อนเป็นรูปไขป่ ลายใบ แหลมใบเว้า 5 - 8 ใบนับจากโคนก่ิง ข้ันตอนการเลี้ยงไหม วงจรชีวิตของไหมหรือหนอนไหมใช้เวลาประมาณ 45 - 52 วัน หนอนไหมจะกินใบหม่อนหลังจาก ฟักออกจากไข่ประมาณวันที่ 10 จากน้ันจะหยุดกินอาหารและลอกคราบ ระยะน้ีเรียกว่า “ไหมนอน” ตอ่ จากนน้ั จะกนิ นอนและลอกคราบประมาณ 4 ครั้งเรียกว่า “ไหมตื่น” ลาตัวจะมีสีขาวเหลืองใสหดสั้น และ หยุดกินอาหาร ระยะน้เี รียกว่า “หนอนสุก” ช่วงน้ีผู้เล้ียงไหมต้องรีบแยกหนอนไหมสุกออกจากกองใบหม่อน และเตรยี ม “จ่อ” คืออปุ กรณ์ทจี่ ะให้ตัวไหมเกาะเพื่อชักใยห่อหุม้ ตัวหนอนจะเริ่มพ่นใยได้ประมาณ 6-7 วัน ก็ จะสามารถเก็บรังไหมออกจากจ่อได้ เส้นใยของหนอนเกิดจากการขับของเหลวชนิดหน่ึง มีสารโปร่งแสงเป็น องค์ประกอบ ใยไหมทีเ่ ห็นแต่ละเส้นจะประกอบดว้ ยเสน้ ใยเล็กๆ สองเส้นรวมกัน สามารถฉีกแยกออกจากกัน ได้ ทัง้ นีร้ งั ไหมแตล่ ะรังจะให้สายไหมทม่ี ีขนาดแตกต่างกัน ช้ันนอกสุดของรังจะมีความละเอียดพอสมควร ช้ัน กลางจะเป็นเส้นหยาบและชน้ั ในสุดจะเปน็ เสน้ ไหมท่ลี ะเอยี ดท่ีสุด ซ่งึ หนอนไหมแต่ละตัวจะชักใยยาวไม่เท่ากัน อาจสาวไดย้ าวตงั้ แต่ 350 - 1,200 เมตร หนอนไหมจะเจาะรงั ออกมาเป็นผีเส้ือเมื่ออยู่ในรังครบ 10 วัน ซึ่ง ผู้เล้ียงจะคัดไหมท่ีสมบรู ณไ์ วท้ าพนั ธุ์ ส่วนทเ่ี หลือนาไปสาวไหมกอ่ นทีผ่ ีเส้อื จะเจาะรังออกมา ซ่ึงเสน้ จะขาดและ ทาเส้นไหมไม่ได้ การทาเสน้ ไหม เส้นไหมไดม้ าจากการนารังของตัวไหมมาปั่นเปน็ เสน้ ใย เส้นไหมน้ีมีคุณสมบัติพิเศษที่เด่นกว่าเส้นฝูาย คอื มคี วามเหนียวทนทานและมปี ระกายเงางาม เส้นไหมทีไ่ ด้จากการป่ัน ข้นั ตอนเตรียมเส้นไหม : การเตรยี มเสน้ ไหม จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คอื 1. การเตรียมเส้นไหมพุ่ง การเตรยี มเส้นไหมพุง่ จะเป็นการเตรยี มเส้นไหมเพื่อตรียมพร้อมสาหรับการ นาไปมัดหมี่ โดยใชเ้ ครื่องมอื ในการการค้นลาหมี่ โดยการนาเสน้ ไหมท่กี วักเรียบร้อยแล้ว มาทาการค้นปอยหมี่ เพอ่ื ให้ได้ลาหมี่พร้อมสาหรบั การไปมดั หมใ่ี นกระบวนการตอ่ ไป 2. การเตรยี มไหมเครือ (ไหมเสน้ ยืน) โดยการค้นหูกหรือคน้ เครอื คือ กรรมวิธีนาเอาเส้นไหมท่ีเตรียม ไว้สาหรับเป็นไหมเครือ ไปค้น (กรอ) ให้ได้ความยาวตามจานวนผืนของผู้ทอผ้าไหมตามที่ต้องการ ไหมหนึ่ง เครือจะทาใหเ้ ป็นผ้าไหมไดป้ ระมาณ 20-30 ผนื ( 1 ผืนยาวประมาณ 180-200 เซนติเมตร)

ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเมอื งหนองบวั ลาภู สานักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวัดหนองบวั ลาภู การกรอไหม การกรอเสน้ ไหม เป็นการนาเส้นไหมที่ย้อมแห้งดีแล้วมาปั่นเก็บไว้ อุปกรณ์ประกอบด้วย เครื่องกรอ ไหม ในกรอขนาดต่างๆหรือจักกวัดไหมและระวิง สิ่งท่ีใช้เก็บเส้นไหมที่กรอแล้ว มักจะใช้วัสดุท่ีหาง่ายใน ท้องถ่ิน กระป๋องหรือหลอดพลาสตกิ เป็นต้น การกรอเสน้ ไหมมีวัตถุประสงคท์ จี่ ะแยกเส้นไหมให้ออกเป็นเส้นๆ ไมใ่ หต้ ิดหรือพนั กัน และเป็นการสารวจเสน้ ไหมให้มคี วามเรียบร้อย ไมข่ าด ซ่งึ จะช่วยให้สะดวกในการสาวไหม อันเปน็ กรรมวธิ ีในขั้นตอนตอ่ ไป การสาวไหม การสาวไหม ในภาษาพื้นเมืองเรียกว่า “การโว้นไหม” หรือ “โว้นหูก” คือการนาเส้นไหมยืนที่กรอ แล้วไปสางในรางสาวไหมหรือมา้ เดนิ ได้ทีละเส้น โดยให้มีจานวนเส้นไหมครบตามจานวนช่องฟันหวีท่ีต้องการ จะใช้ อปุ กรณ์ทใ่ี ช้ในการสาวไหมประกอบด้วย ม้าเดนิ ได้ ไมไ้ ขวห้ ลัง และหลักตั้งตลอด ในการสาวไหมลงช่อง ของฟนั หวี กาหนดให้ 1 ช่องฟันหวีจะต้องใช้เส้นไหมยืน 2 เส้น ดังนั้นถ้าหากใช้ฟันหวีซึ่งมีช่อง 2000 ช่อง จะต้องนบั ไหมเสน้ ยนื ให้ครบ 4000 เสน้ เปน็ ต้น สาหรับไมไ้ ขวห้ ลงั เป็นอุปกรณท์ จี่ าเปน็ ต้องใช้ในการสาวไหม โดยจะมีไวท้ ร่ี างสาวไหมรางท่ี 1 เพื่อใหเ้ ส้นไหมเรยี งลาดับกันไปตลอด เปน็ การปอู งกนั เสน้ ไหมพนั กัน การเข้าฟันหวีหรอื ฟืม ฟนั หวี หรือ ฟมื เป็นเครือ่ งมือใชส้ าหรับลางเส้นไหมให้เป็นระเบียบ และมีประโยชน์ในการทอโดยใช้ กระทบไหมเส้นพุ่งให้ขยับเข้าขัดกับไหมเส้นยืนหรือสานให้เป็นผืนผ้าออกมาอย่างสวยงาม อุปกรณ์ท่ีใช้ ประกอบดว้ ย แท่นอัดก๊อปป้ี ม้าหมุน ไมเ้ ขย่ี เส้นไหม ไม้ขนัดสาหรับแยกไขว้ และฟันหวี ฟันหวีแต่เดิมทาด้วย ไมเ้ ปน็ ซีๆ่ โดยมขี อบ ยดึ ไวท้ ้งั ขา้ งบนและขา้ งลา่ ง หัวและทา้ ย เพอ่ื ยดึ ฟันหวีให้สม่าเสมอและคงทน แต่การทา ฟนั หวีดว้ ยไม้นน้ั ช่วงห่างของฟันหวีไม่สม่าเสมอและโยกได้จึงทาให้ผ้าไหมทอออกมาไม่สม่าเสมอ ขาดความ สวยงามและคุณภาพ ต่อมาได้มีการทาฟันหวีด้วยทองเหลืองจึงทาให้คุณภาพของผ้าท่ีทอดีข้ึน แต่ก็ประสบ ปัญหาคอื เกดิ สนิมทองเหลืองตดิ ตามเนือ้ ผา้ ท่ีทอออกมาอยา่ งเห็นได้ชดั โดยเฉพาะผา้ ไหมสีอ่อนๆเช่น สีขาว สี ครีม เปน็ ตน้ การใช้ฟันหวดี ว้ ยทองเหลอื งจึงเลกิ ไป ปัจจบุ ันฟนั หวที าด้วยสแตนเลส ซ่ึงมีความงดงามสม่าเสมอ และไม่โยก ไม่มีสนิมทาใหไ้ ดผ้ า้ ทอที่มคี วามสวยงามการเข้าฟันหวี หือ การนาไหม เสน้ ไหมที่สาวแล้วไปเข้าฟัน หวี โดยก่อนเข้าฟันหวีนาไหมไปเข้าเครือ่ งหนีบ (Copy) เพื่อยึดเสน้ ไหมด้านหนึ่งเอาไว้ แล้วใส่เส้นไหมลงไปใน ชอ่ งฟนั หวีช่องละ 2 เสน้ ดังนนั้ ในการเขา้ ฟนั หวีจึงต้องใช้คน 2 คน ช่วยกันทา โดยคนหนึ่งเป็นคนส่งเส้นไหม เข้าชอ่ งอกี คนหนึ่งช่วยดึงฟันหวีให้ห่างและใช้ตะขอเกี่ยวเส้นไหมเข้าช่องฟันหวี ฟันหวีจะช่วยสางเส้นไหมให้ เป็นระเบียบและสม่าเสมอ การเขา้ หวั มว้ น การเขา้ หัวมว้ น คือ การนาเส้นไหมยืนท่ีสางด้วยฟันหวีเป็นระเบียบดีแล้วไปเข้าหัวม้วน เมื่อม้วนเส้น ไหมได้ทุก ๆ 5 เมตร จะใช้ทางมะพร้าวสอดกันไว้ 2 – 3 ก้าน ทาอย่างน้ีเร่ือยไปจนกว่าจะหมดการใส่ ทางมะพร้าวไปด้วยนี้มปี ระโยชนห์ ลายประการ คอื ปอู งกันเส้นใยไหมบาดกันเอง เม่ือไหมขาดจะหารอยต่อได้ งา่ ย ขณะทอจะทาให้ทราบวา่ ทอไปเปน็ ความยาวเท่าไรแลว้ โดยการนบั ทางมะพรา้ ว

ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอเมืองหนองบัวลาภู สานกั งานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจังหวัดหนองบัวลาภู ขั้นตอนการทอผา้ ขั้นตอนสดุ ท้ายกอ่ นที่จะออกมาเปน็ ผ้าผนื คอื การทอผ้าไหมจะประกอบไปด้วยเส้นไหม 2 ชุด คือชุด แรกเปน็ “เส้นไหมยนื ” จะขงึ ไปตามความยาวผ้าอยู่ติดกับก่ีทอ (เคร่ืองทอ) หรือแกนม้วนด้านยืน อีกชุดหน่ึง คือ “เส้นไหมพงุ่ ” จะถูกกรอเข้ากระสวย เพ่ือให้กระสวยเป็นตัวนาเส้นด้ายพุ่งสอดขัดเส้นด้ายยืนเป็นมุมฉาก ทอสลับกันไปตลอดความยาวของผืนผ้า การสอดด้ายพุ่งแต่ละเส้นต้องสอดให้สุดถึงริมแต่ละด้าน แล้วจึง วกกลับมา จะทาใหเ้ กิดริมผ้าเปน็ เสน้ ตรงท้ังสองดา้ น สว่ นลวดลายของผา้ น้ัน ขน้ึ อยู่กบั การวางลายผ้าตามแบบ ของผ้ทู อทีไ่ ดท้ าการมดั หม่ีไว้ วิธีการทอผ้า ปจั จุบนั ถงึ แม้ว่ายังไม่มหี ลักฐานที่แน่ชัดบ่งบอกถึงต้นกาเนิดของการ ทอผ้า แต่ก็สามารถเทียบเคียง กับหลักฐานอ่ืน ๆ ซ่ึงมีความคล้ายคลึงกันโดย มีเหตุผลหลายอย่างสนับสนุนแนวคิดที่ว่า การทอผ้ามี ววิ ัฒนาการมาจากการ ทาเชอื ก ทอเสือ่ และการจกั สาน โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงลายเชือกทาบท่ีปรากฏ ร่องรอยให้ เห็นบนภาชนะดินเผา ซ่ึงพบเป็นจานวนมากตามแหล่งโบราณคดี ก่อนประวัติศาสตร์สมัยหินใหม่ เรื่อยมา จนถงึ แหล่งโบราณคดสี มยั ประวตั ิศาสตร์ ด้วยเหตุนเี้ อง จงึ กลา่ วได้วา่ การทอผา้ เป็นงานหตั ถกรรมท่ีเก่าแก่ที่สุด ในโลกงานหนึ่ง หลักของการทอผ้า ก็คือการทาให้เส้นด้ายสองกลุ่มขัดกัน โดยท้ังสอง พวกตั้งฉากกัน เส้นด้ายกลุ่ม หนึ่งเรยี กวา่ ดา้ ยยืนและอกี กลุ่มหนึง่ เรียกว่า ดา้ ยพุ่ง ลักษณะของการขัดกันของด้ายพุ่งและด้ายยืน จะขัดกัน แบบธรรมดาท่ีเรียกวา่ ลายขดั หรืออาจจะเพิ่มเทคนิคพเิ ศษเพอื่ ให้ผ้ามีลวดลาย สีสันทีส่ วยงามแปลกตา ขน้ั ตอนในการทอผา้ 1. สืบเสน้ ดา้ ยยนื เขา้ กับแกนมว้ นดา้ ยยืน และร้อยปลายด้ายแต่ละเส้นเข้าในตะ กอแต่ละชุดและฟัน หวี ดึงปลายเสน้ ด้ายยนื ท้งั หมดมว้ นเขา้ กับแกนม้วนผ้าอีกด้านหน่ึง ปรับความตึงหย่อนให้พอเหมาะ กรอด้าย เข้ากระสวยเพือ่ ใชเ้ ป็นด้ายพุ่ง 2. เริ่มการทอโดยกดเคร่ืองแยกหมู่ตะกอ เส้นด้ายยืนชุดที่ 1 จะถูกแยก ออกและเกิดช่องว่าง สอด กระสวยด้ายพงุ่ ผา่ น สลับตะกอชดุ ท่ี 1 ยกตะกอชุดที่ 2 สอดกระสวยด้ายพ่งุ กลบั ทาสลบั กนั ไปเร่ือย ๆ 3. การกระทบฟนั หวี (ฟมื ) เม่อื สอดกระสวยดา้ ยพุ่งกลับกจ็ ะกระทบ ฟันหวี เพ่อื ให้ด้ายพุ่งแนบติดกัน ไดเ้ น้อื ผา้ ทแ่ี น่นหนา 4. การเก็บหรือม้วนผ้า เมื่อทอผ้าได้พอประมาณแล้วก็จะม้วนเก็บใน แกนม้วนผ้า โดยผ่อนแกนด้าย ยืนให้คลายออกและปรบั ความตงึ หย่อนใหม่ ใ่ หพ้ อเหมาะ การทอผา้ พื้น เปน็ การใช้หลักการทอผ้าเบอ้ื งต้น ท่ีนาเอาด้ายเส้นยืนและด้ายเส้นพุ่งมาขัดกัน เพ่ือให้เกิดเป็นผืนผ้า โดยดา้ ยเสน้ พงุ่ และเส้นยนื อาจเป็นด้ายสีเดียวกัน หรือต่างสีกัน หรือนาเอาเส้นด้ายท่ีเป็นดิ้นเงินหรือด้ินทอง มาทอควบด้าย เพอ่ื ใหผ้ า้ มคี วามมันระยบั สวยงามย่ิงข้ึน

ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเมอื งหนองบัวลาภู สานักงานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจังหวดั หนองบัวลาภู เทคนิคพิเศษทีใ่ ชใ้ นการทอผา้ 1. การขดิ ขดิ หมายถึง กรรมวธิ ีในการทอผา้ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ลวดลายต่างๆ ขึ้นมา โดยวิธีการเพิ่มเส้นด้ายพุ่งพิเศษในระหว่าง การ ทอ เพ่ือใหเ้ กิดลวดลายทีโ่ ดดเดน่ กวา่ สีพ้นื วธิ ีการทาคอื ใช้ไม้เขี่ยหรือสะกิด เพ่ือช้อนเส้นด้ายยืนขึ้น แล้ว สอดเส้นด้ายพงุ่ ไปตามแนวทถ่ี กู จดั ชอ้ น จงั หวะการสอดเสน้ ดา้ ยพุง่ น่ีเอง ทีท่ าใหเ้ กดิ เปน็ ลวดลายตา่ ง ๆ 2. การจก เป็นเทคนิคการทอผ้าเพื่อให้เกิดลวดลายต่างๆ โดยเพิ่มเส้นด้ายพุ่งพิเศษสอดข้ึนลง วิธีการคือ ใช้ขนเม่น ไม้ หรอื นิ้ว สอดเส้นดา้ ยยืนขนึ้ แล้วสอดเส้นด้ายพุ่งพิเศษเข้าไป ซึ่งจะทาให้เกิดเป็นลวดลายเป็นช่วง ๆ สามารถ ทาสลับสลี วดลายไดห้ ลากสี ซ่ึงจะแตกต่างจากการขิดตรงที่ขิดที่เป็นการใช้เส้นด้ายพุ่งพิเศษเพียงสีเดียว การ ทอผา้ วธิ ีจกใชเ้ วลานานมากมักทา เปน็ ผนื ผ้าหน้าแคบใชต้ อ่ กับตัวซิ่น เรยี กว่า “ซิน่ ตนี จก” ขนั้ ตอนในการทอผา้ 1. สืบเส้นดา้ ยยืนเข้ากับแกนมว้ นดา้ ยยืน และร้อยปลายด้ายแต่ละเส้นเข้าในตะ กอแต่ละชุดและฟัน หวี ดงึ ปลายเสน้ ด้ายยนื ทง้ั หมดมว้ นเขา้ กบั แกนม้วนผ้าอีกด้านหน่ึง ปรับความตึงหย่อนให้พอเหมาะ กรอด้าย เขา้ กระสวยเพอื่ ใชเ้ ปน็ ดา้ ยพ่งุ 2. เร่ิมการทอโดยกดเคร่ืองแยกหมู่ตะกอ เส้นด้ายยืนชุดท่ี 1 จะถูกแยก ออกและเกิดช่องว่าง สอด กระสวยด้ายพุ่งผา่ น สลับตะกอชุดที่ 1 ยกตะกอชดุ ที่ 2 สอดกระสวยดา้ ยพ่งุ กลบั ทาสลับกันไปเรื่อย ๆ 3. การกระทบฟนั หวี (ฟมื ) เมือ่ สอดกระสวยด้ายพุ่งกลบั ก็จะกระทบ ฟนั หวี เพ่อื ให้ด้ายพุ่งแนบติดกัน ไดเ้ น้อื ผา้ ที่แนน่ หนา 4. การเกบ็ หรือม้วนผ้า เมือ่ ทอผ้าได้พอประมาณแล้วก็จะม้วนเก็บใน แกนม้วนผ้า โดยผ่อนแกนด้าย ยืนใหค้ ลายออกและปรบั ความตงึ หย่อนใหม่ ่ใหพ้ อเหมาะ การทอมัดหม่ี ผา้ มดั หมีม่ ีกรรมวธิ กี ารทอผา้ ที่ใช้เทคนิคการมัดและการยอ้ ม เริ่มจากนาเส้นดา้ ยหรือไหมมาย้อมสีแล้ว มัดบริเวณท่ี ตอ้ งการเกบ็ ไว้ เมอ่ื นาไปย้อมสอี ืน่ จะไดไ้ ม่ติดสี เพียงซึมเข้ามาบางส่วน โดยย้อมเรียงลาดับจากสี อ่อนไปหาสเี ข้มจนครบ ตามลวดลายท่ีกาหนด หลงั จากนน้ั จงึ นาดา้ ยกรอเข้าหลอดตามลาดับ แล้วนาไปทอจะ เกดิ ลวดลายบนผืนผ้าทม่ี ลี ักษณะคลาดเคล่ือนเหลื่อมล้า อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมัดหมี่ การทอผ้าชนิดนี้ จึงต้องอาศยั ความชานาญในการมัดยอ้ มและทอเป็นอยา่ งมาก ผา้ มดั หมี่มอี ย่หู ลายชนดิ ไดแ้ ก่ 1. มดั หมี่เส้นพุ่ง 2. มดั หมเ่ี สน้ ยืน 3. มัดหมเ่ี สน้ พุง่ และเสน้ ยืน การทอผา้ ยก เป็นกรรมวธิ กี ารทอให้เกิดลวดลายโดยการยกตะกอแยกด้ายเส้นยืน และในบางครั้งการยกดอกจะมี การเพ่ิมด้ายเสน้ พุ่งจานวนสองเสน้ หรอื มากกวา่ นัน้ เขา้ ไปในผนื ผา้ ลวดลายท่ีทอจะเป็นลายท่ีเกี่ยวข้องกับวิถี ชีวิต สิ่งแวดล้อม และความเช่ือทางศาสนา ซ่ึงได้แก่ ลายปราสาท ลานธรรมาสน์ ลายสัตว์ ลายพืช ลายจาก สง่ิ ของเครอ่ื งใช้ และลายเรขาคณิต

ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเมอื งหนองบวั ลาภู สานกั งานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จงั หวดั หนองบัวลาภู ผา้ มดั หมมี่ ีกรรมวธิ ีการทอผา้ ทใ่ี ช้เทคนคิ การมัดและการย้อม เรม่ิ จากนาเสน้ ด้ายหรอื ไหมมาย้อมสีแล้ว มดั บริเวณที่ ต้องการเก็บไว้ เมอื่ นาไปย้อมสอี ืน่ จะได้ไม่ติดสี เพียงซึมเข้ามาบางส่วน โดยย้อมเรียงลาดับจากสี อ่อนไปหาสเี ข้มจนครบ ตามลวดลายทีก่ าหนด หลงั จากนน้ั จึงนาดา้ ยกรอเข้าหลอดตามลาดับ แล้วนาไปทอจะ เกดิ ลวดลายบนผนื ผ้าทม่ี ีลักษณะคลาดเคลื่อนเหลื่อมล้า อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมัดหม่ี การทอผ้าชนิดน้ี จึงต้องอาศยั ความชานาญในการมัดยอ้ มและทอเป็นอยา่ งมาก ผา้ มดั หม่มี ีอยูห่ ลายชนิด ได้แก่ 1. มดั หม่เี สน้ พงุ่ 2. มัดหมี่เสน้ ยืน 3. มัดหม่ีเสน้ พ่งุ และเสน้ ยืน การถ่ายทอดความรู้ ความเชย่ี วชาญ นางแดง ถาวะโร ถ่ายทอดความรู้การทอผ้าไหมดว้ ยสธี รรมชาติ ผ่านการศึกษาให้กบั สมาชิกในกลุ่ม 1. การศกึ ษาในระบบ เปน็ วิทยากรถ่ายทอดความรู้การทอผา้ ทอผ้าไหมใหแ้ ก่นกั เรยี นในโรงเรยี น 2. การศึกษานอกระบบ เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้การทอผ้าพื้นเมืองด้วยสีธรรมชาติให้แก่ กศน. อาเภอเมืองหนองบัวลาภู ลักษะของเครือขา่ ยและการสรา้ งเครอื ข่าย นางแดง ถาวะโร มเี ครือขา่ ยและมวี ธิ กี ารสร้างเครอื ข่ายดงั น้ี 1. เครอื ข่ายภาครัฐและเอกชน ประกอบด้วย 2. สานักงานเกษตรอาเภอเมืองหนองบวั ลาภู 3. สานกั งานพัฒนาชมุ ชนอาเภอเมอื งหนองบัวลาภู 4. ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอเมอื งหนองบวั ลาภู 5. องค์การบริหารส่วนตาบลบา้ นาพรา้ ว 6. กลุ่มเกษตรอาเภอเมอื งหนองบัวลาภู วธิ ีการสร้างเครือข่าย นางแดง ถาวะโร มีวิธีการสร้างเครือข่ายโดยการไปเป็นวิทยากรการทอผ้าไหม ตามหน่วยงานท้ัง ภาครฐั และเอกชนตลอดจนได้รับเชิญชวนให้ผู้สนใจการทอผ้าไหม ไปศึกษาดูงานใน กลุ่มวิสาหกิจชุมชนการ ทอผ้าไหม และได้จัดทาแผ่นพับ เอกสารการทอการทอผ้าพ้ืนเมืองด้วยสีธรรมชาติ แจกจ่ายให้กับเครือข่าย และประชาชนผูส้ นใจในอาชีพการทอผ้าไหมอย่างตอ่ เนื่อง

ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอเมอื งหนองบัวลาภู สานกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จังหวัดหนองบัวลาภู ประวตั ิและผลงานครภู ูมปิ ัญญาทอ้ งถ่ิน ตาบลปา่ ไมง้ าม อาเภอเมอื งหนองบวั ลาภู จังหวดั หนองบวั ลาภู ด้าน อตุ สาหกรรมและหัตถกรรม สาขา การทาไม้กวาดทางมะพรา้ ว นางอกั ขา ศริ ิวงษ์

ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเมอื งหนองบัวลาภู สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดหนองบวั ลาภู

ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเมอื งหนองบัวลาภู สานักงานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จงั หวดั หนองบวั ลาภู นางอกั ขา ศิริวงษ์ ประวัตแิ ละผลงานครภู ูมปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ จงั หวัดหนองบัวลาภู ดา้ น อสุ าหกรรมและหตั ถกรรม สาขา การทาไมก้ วาดทางมะพรา้ ว ประวัติชวี ติ และผลงาน นางอักขา ศิริวงษ์ เกิดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2521 เกิดที่บ้านโนนนาดี หมู่ท่ี5 ตาบลปุาไม้งาม อาเภอเมือง จงั หวัดหนองบวั ลาภู กลุ่มวิสาหกิจชุมชน การทาไม้กวาดทางมะพร้าว บ้านลาด ต.ปุาไม้งาม อ.เมือง จ.หนองบัวลาภู นางอกั ขา ศิริวงษ์ สมาชกิ วิสาหกิจชมุ ชนการทาไม้กวาดทางมะพร้าว มีความต้องการพัฒนาปรับปรุงไม้กวาด ให้มีรปู แบบทสี่ วยงามยิ่งขน้ึ องค์ความรู้ และความเชี่ยวชาญ นางอักขา ศิริวงษ์ มีองค์ความรู้เช่ียวชาญ ที่นาไปถ่ายทอดแก่ผู้เรียน และผู้คนที่สนใจ โดยใช้ กระบวนการถ่ายทอดความรู้ทห่ี ลากหลาย เช่น การอธิบาย การสาธิต และให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติจริง ตามหัวข้อ ดังตอ่ ไปนี้ การแนะนาวัสดุอุปกรณ์การทาไม้กวาดทางมะพร้าว ข้ันตอนการทาไม้กวาดทางมะพร้าวและการ จาหนา่ ยผลผลติ รายละเอียดองคค์ วามร้ทู ่ี นางบวั คา สีเทา ถา่ ยทอดองค์ความรู้แกผ่ ู้เรียนตามขัน้ ตอนดงั น้ี การเลือกใช้ทางมะพร้าว คือ การทาไม้กวาดทางมะพร้าวต้องคานึงถึงการใช้ประโยชน์เป็นสาคัญ ได้แก่ 1. ไมก้ วาดทางมะพร้าวสาหรับกวาดบนปูนซเี มนต์ จะต้องใช้ก้านใบมะพร้าวที่มีลักษณะอ่อน โค้งตัว ไดด้ จี ากทางมะพร้าวทไ่ี มแ่ ก่มาก แผน่ ใบ และกา้ นใบยังมสี เี ขยี วสด 2 .ไม้กวาดทางมะพร้าวสาหรับกวาดบนพ้ืนดิน จะต้องใช้ก้านใบมะพร้าวที่มีลักษณะแข็ง ได้จาก ทางมะพรา้ วทแี่ กเ่ ต็มทีแ่ ล้ว แผน่ ใบมสี ีเขียวเข้มหรือสเี หลือง และก้านใบมีสีนา้ ตาล มลี ักษณะแข็ง การเตรยี มด้ามไม้ไผ่ 1. เลอื กตดั ดา้ มไมไ้ ผช่ นดิ ไมไ้ ผต่ ันเป็นลาตน้ แก่ สีเขียวเขม้ หรือมปี ะสีเหลืองหรอื สีนา้ ตาล 2. ใชม้ ีดเหลาวงขอ้ หรือตาก่งิ ออกและเหลาไมใ่ หม้ ีเสย้ี นตดิ 3. นาลาไมไ้ ผม่ าลวกไฟสว่ นท่บี ดงอต้องตดั ให้ตรงไมค่ วรลวกไฟนานจนเกินไป 4. นาลาไม้ไผ่ตัดเป็นท่อนด้วยเล่ือยยาวประมาณ 1-1.5 เมตรโดยเลือกตัดบริเวณลาไม้ที่มีขนาด เหมาะสม 5. ใชส้ ่ิวเจาะรทู างดา้ นปลายด้ามขนาด 0.5*1.0 เซนติเมตรซึ่งจะได้ด้ามไม้ไผ่ พร้อมมัดหรือตอกติด กับก้านใบมะพร้าวต่อไป

ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอเมืองหนองบัวลาภู สานักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จังหวดั หนองบวั ลาภู การเตรยี มก้านใบมะพรา้ ว 1. เลอื กตดั ทางมะพร้าวออ่ นหรือตามทตี่ อ้ งการใช้งาน 2. ตัดใบย่อยออก ให้ตัดบริเวณโคนก้านใบติดกับทางมะพร้าว หรือนาทางมะพร้าวตากแดดให้แห้ง แลว้ ค่อยตดั ก้านใบออก แตก่ ารตัดขณะสดจะตดั งา่ ยกว่า 3. นาแผ่นใบมะพรา้ วสดมากรีดแผ่นใบทั้งสองขา้ งออก จากน้ันนาไปตากแดดให้แห้ง 4. เม่ือก้านใบมะพร้าวแหง้ ให้มัดเก็บไวใ้ นทร่ี ม่ รอมัดติดกบั ดา้ มไม้กวาดต่อไป วธิ ที าไมก้ วาดทางมะพร้าว 1. นากา้ นใบมะพรา้ วมดั รวมกนั ก่อนตัดโคนกา้ นให้เสมอกัน 2. นาไมส้ ลักสอดเขา้ รทู ีป่ ลายดา้ มพร้อมจัดใหอ้ ยกู่ ่งึ กลาง จากนน้ั 3. ตอกนะปเู หนอื สลกั ไม้ประมาณ 12 เซนติเมตร 4. นากา้ นใบมะพร้าว 250-300 ก้านวางล้อมปลายด้ามไม้ไผ่ โดยให้โคนก้านสูงกว่าตะปูประมาณ 2 เซนตเิ มตรจากนน้ั ใชเ้ ชือกหรอื ลวดมัดติดหัวตะปูมดั รอบโคนกา้ นมะพร้าวให้แน่น 5. แบง่ กา้ นมะพร้าวบริเวณไม้สลักออกเป็นมัด ประมาณ 4-6 มัดจากน้ันใช้เชือกรอลวดมัดเรียงติด กับไม้สลักทง้ั สองขา้ งใหแ้ นบชดิ กนั 6. ใชล้ วดหรอื เชือกทีม่ ีหัวตะปจู ุดที่ 2 มัดกา้ นมะพร้าวติดกบั ปลายดา้ มให้แนน่ 7. แบ่งก้านมะพร้าวบรเิ วณถดั จากไมส้ ลกั ออกมดั เลก็ ๆ จากน้นั ใช้เชือกจากแผ่นรัดพลาสติกถักให้ชิด ตดิ กัน 8. ใช้มีดหรือกรรไกรเลก็ ตดั ปลายก้านใบมะพร้าวที่อ่อนออกและตัดใหป้ ลายเสมือกัน 9. สดุ ท้ายทาสนี ้ามนั กันสนมิ บรเิ วณมัดกา้ นใบมะพรา้ วให้ทั่วก่อนนาไปตากแดด การถ่ายทอดความรู้ ความเชี่ยวชาญ นางอักขา ศริ ิวงษ์ ถ่ายทอดความรู้การทาไมก้ วาดทางมะพร้าว ผ่านการศึกษาให้กับสมาชิกในกลุ่ม 1. การศึกษาในระบบ เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้การทาไม้กวาดทางมะพร้าวให้แก่นักเรียนใน โรงเรียน 2. การศึกษานอกระบบ เป็นวทิ ยากรถ่ายทอดความรู้การทาไม้กวาดทางมะพร้าวให้แก่ กศน.อาเภอ เมอื งหนองบวั ลาภู ลักษะของเครอื ขา่ ยและการสรา้ งเครือข่าย นางอกั ขา ศริ วิ งษ์ มเี ครือขา่ ยและมวี ธิ กี ารสรา้ งเครือขา่ ยดังน้ี เครือข่ายภาครัฐและเอกชน ประกอบด้วย 1. สานกั งานเกษตรอาเภอเมืองหนองบัวลาภู 2. สานักงานพฒั นาชมุ ชนอาเภอเมอื งหนองบวั ลาภู 3. ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอเมอื งหนองบวั ลาภู 4. องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบลปาุ ไมง้ าม

ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอเมืองหนองบวั ลาภู สานกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จังหวัดหนองบวั ลาภู 5. กลมุ่ เกษตรอาเภอเมอื งหนองบัวลาภู วธิ กี ารสรา้ งเครอื ขา่ ย นางอักขา ศิริวงษ์ มีวิธีการสร้างเครือข่ายโดยการไปเป็นวิทยากรการทาไม้กวาดทางมะพร้าว ตามหน่วยงานท้ังภาครัฐและเอกชนตลอดจนได้รับเชิญชวนให้ผู้สนใจการทาไม้กวาด ทางมะพร้าวไปศึกษาดู งานใน กลุ่มวิสาหกิจชุมชนไม้กวาดทางมะพร้าว และได้จัดทาแผ่นพับ เอกสารการทาไม้กวาดทางมะพร้าว แจกจา่ ยให้กบั เครอื ขา่ ย และประชาชนผูส้ นใจในอาชพี การทาไมก้ วาดทางมะพรา้ วย่างต่อเน่ือง

ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเมืองหนองบวั ลาภู สานักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จังหวัดหนองบวั ลาภู ประวัติและผลงานภมู ปิ ญั ญาท้องถนิ่ ตาบลลาภู อาเภอเมืองหนองบวั ลาภู จงั หวดั หนองบวั ลาภู ด้าน ศิลปกรรม สาขา โบราณสถานศาสนสถาน สานกั สงฆภ์ หู นิ กอง

ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเมอื งหนองบัวลาภู สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดหนองบวั ลาภู

ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเมอื งหนองบวั ลาภู สานักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จังหวัดหนองบวั ลาภู สานกั สงฆภ์ หู นิ กอง ประวัตแิ ละผลงานภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ จงั หวดั หนองบัวลาภู ดา้ น ศิลปกรรม สาขา โบราณสถานศาสนสถาน ประวัตแิ ละผลงาน หมู่ 8 ชุมชนนาแค ตาบลลาภู อาเภอเมืองหนองบัวลาภู วัดหินกอง ตั้งอยู่เลขที่ - จังหวดั หนองบวั ลาภู องค์ความร้แู ละความเชีย่ วชาญ เป็นอีกหนึ่งสถานท่ีใหม่ท่ีน่าสนใจ และพึ่งสร้างข้ึนได้ไม่นาน ซึ่งได้รับความกรุณาจาก พระเจ้าหลาน เธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จมาทรงเป็นประธานก่อตั้งวัดภูหินกอง ให้ประชาชนชาวหนองบัวลาภูได้มา กราบไหว้สักการะบูชา และยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติท่ีมีทั้งความงดงาม ด้วยบรรยากาศท่ีร่มรื่นไปด้วย หมู่แมกไม้นานาพันธ์ุกอปรกับโขดหินท่ีมีรูปร่างลักษณะที่หลากหลายแปลกตาซ่ึงเป็นอีกหนึ่งจุดหมาย ปลายทางสาหรับการวางแผนในช่วงวันหยุดยาวเพ่ือพักผ่อนหรือทากิจกรรมร่วมกันในครอบครัวหรือระหว่าง เพื่อนฝูง ด้วยบรรยากาศที่สบาย อากาศบริสุทธิ์สงบร่มรื่น การถ่ายทอดความรู้และความเช่ียวชาญ 1. ศิลปะสถาปัตยกรรม 2. ประเพณีวัฒนธรรม ลกั ษณะของเครือขา่ ยและการสรา้ งเครือข่าย 1. โบราณสถาน ศาสนสถาน 2. แหล่งเรียนรศู้ ิลปะ แหล่งเรยี นรใู้ นทอ้ งถิ่น ชมุ ชนโบราณ ผลงานท่ีเป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม เป็นโบราณสถาน ศาสนสถาน และเปน็ แหลง่ เรยี นรศู้ ลิ ปะ แหลง่ เรยี นร้ใู นท้องถิน่ รางวัลหรือเกยี รตคิ ณุ ทไ่ี ด้รบั -

ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอเมืองหนองบวั ลาภู สานกั งานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจังหวัดหนองบัวลาภู ประวตั ิและผลงานครูภมู ปิ ัญญาทอ้ งถิ่น ตาบลหนองบัว อาเภอเมอื งจังหวดั หนองบัวลาภู จงั หวดั หนองบวั ลาภู ดา้ น ศิลปกรรม สาขา แหล่งเรยี นรดู้ ้านประวัติศาสตร์ ศาลสมเดจพระนเรศวร

ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเมอื งหนองบัวลาภู สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดหนองบวั ลาภู

ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอเมืองหนองบัวลาภู สานักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดหนองบัวลาภู ศาลสมเดจพระนเรศวรมหาราช ประวตั แิ ละผลงานดา้ นประวตั ศิ าสตรจ์ ังหวดั หนองบวั ลาภู ดา้ น ศปิ ลกรรม สาขา แหล่งเรยี นรูด้ ้านประวตั ศิ าสตร์ ประวัตแิ ละผลงาน ศาลสมเดจพระนเรศวรมหาราช จาก หลักฐานลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดารงราชานภุ าพ ทลู สมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยานริศรานวุ ัตติวงศ์ ลงวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2478 ซ่ึงสมเดจ็ ฯ กรมพระยาดารงราชานภุ าพ ได้ทรงเล่าตอนหน่ึงว่า “เรื่อง ตาบลหนองบัวลาภูน้ันเม่ือ หม่อมฉนั ขนึ้ ไปตรวจราชการมณฑลอุดร ได้สืบถามว่าอยู่ที่ไหน เพราะเห็นเป็นที่สาคัญมีชื่อในพงศาวดารเม่ือ ครั้งสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช ยกกองทัพข้ึนไปช่วยพระเจ้าหงสาวดี ตีกรุงศรีสัตนาคณหุต ได้พาพระ นเรศวรราชบุตรไปดว้ ย เม่อื ไปถึงหนองบัวลาภู พระนเรศวรไปประชวรออกทรพิษ พระเจ้าหงสาวดีจึงอนุญาต ใหก้ องทพั ไทยยกกลับมา...” และสมเด็จฯ กรมพระยาดารงราชานุภาพ ได้ทรงเล่ารายละเอียดในพระนิพนธ์ เรื่องประวตั ิสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชไว้วา่ “... ถึงปจี อ พ.ศ. 2117 ไดข้ า่ วไปถงึ เมืองหงสาวดี ว่า พระเจ้า ไชยเชษฐาเมืองล้านช้าง ไปตีเมืองญวนเลยเป็นอันตรายหายสูญไปและที่เมืองล้านช้างเกิดชิงราชสมบัติกัน พระเจ้าหงสาวดีเห็นได้ทีก็ยกกองทัพหลวงไปตีเมืองเวียงจันทน์ คร้ังนั้นตรัสสั่งมาให้ไทยยกกองทัพไปสมทบ ด้วย สมเดจ็ พระมหาธรรมราชาฯ กับสมเด็จพระนเรศวรเสด็จไปเองทง้ั 2 พระองค์ เวลานัน้ สมเด็จพระนเรศวร พระชนั ษาได้ 19 ปี เหน็ จะไดเ้ ป็นตาแหน่ง เช่น เสนาธิการในกองทัพ แต่เม่ือยกไปถึงหนองบัวด่านของเมือง เวียงจนั ทน์ เผอิญสมเด็จพระนเรศวรไปประชวรออกทรพิษพระเจ้าหงสาวดที รงทราบกต็ รสั อนุญาตให้ กองทัพ ไทยกลับมามติ ้องรบพุ่ง พระเจ้าหงสาวดีได้เมอื งเวียงจันทน์แล้วก็ตั้งให้อุปราชเดิม ซ่ึงได้ตัวไปไว้เมืองหงสาวดี ตัง้ แตพ่ ระมหาอปุ ราชาตีเมอื งครงั้ แรกน้ัน ครองอาณาเขตลา้ นช้างเป็นประเทศราช ข้ึนต่อกรุงหงสาวดตี ่อมา” องคค์ วามรู้และความเชย่ี วชาญ - ลักษณะของเครอื ข่ายและการสรา้ งเครือขา่ ย 1. เทศบาลเมืองหนองบวั ลาภู 2. องค์การบริหารส่วนจังหวดั หนองบัวลาภู 3. องคก์ ารบริหารสว่ นตาบลหนองบัว 4. ศูนยก์ ารศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอเมืองจงั หวัดหนองบวั ลาภู ผลงานท่ีเปน็ ประโยชนต์ อ่ ชมุ ชนและสงั คม องค์ความรู้ดา้ นดา้ นประวตั ิศาสตร์

ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเมืองหนองบัวลาภู สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจังหวดั หนองบวั ลาภู ประวัติและผลงานครูภมู ปิ ัญญาทอ้ งถิ่น ตาบลหนองภัยศูนย์ อาเภอเมอื งหนองบัวลาภู จังหวัดหนองบัวลาภู ดา้ น ปรัชญา ศาสนา และประเพณี สาขา การถา่ ยทอดคาสอนของพทุ ธเจา้ หลวงปแู่ ดง สเุ มโธ

ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเมอื งหนองบัวลาภู สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดหนองบวั ลาภู

ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอเมอื งหนองบัวลาภู สานักงานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวัดหนองบัวลาภู หลวงป่แู ดง สเุ มโธ ประวตั แิ ละผลงานครภู มู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ จังหวัดหนองบวั ลาภู ดา้ นปรชั ญา ศาสนา และประเพณี สาขา การถา่ ยทอดคาสอนของพทุ ธเจา้ ประวตั ิและผลงาน วดั หมายถึง สถานท่ที างพระพทุ ธศาสนา ปกติมีพระอุโบสถ พระวิหาร พระเจดีย์ รวมทั้งมีพระภิกษุ สงฆอ์ ย่อู าศยั (ราชบณั ฑติ ยสถาน 2552) สมเดจ็ พระเจ้าบรมวงค์เธอ เจ้าฟูากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์วงศ์ และพระยาอนุมานราชธน บนั ทึกเร่ืองความรู้ต่างๆ เล่ม 2 กล่าวไว้ว่า วัด เป็นคาเรียกชื่อศาสนสถานแบบคา ไทย โดยท่ีมาของคาวา่ “วัด” ยังไม่มีขอ้ ยตุ ิ บางคนอธิบายวา่ มาจากคาวา่ “วตวา” ในภาษาบาลี แปลว่า เป็น ที่สนทนาธรรม บ้างกว็ า่ มาจาก “วัตร” อนั หมายถงึ กจิ ปฏบิ ัตหิ รือหน้าทข่ี องพระภิกษุท่ีพึงกระทา หรือแปลอีก อยา่ งว่าการจาศีล ซง่ึ วัด (วตั ร) ตามนยั ยะน้จี ึงน่าจะหมายถงึ สถานทีซ่ งึ่ พระภกิ ษสุ งฆ์ใช้เปน็ ทจ่ี าศีลภาวนา หรือ สถานท่ีท่ีพระภิกษุสงฆ์ใช้ปฏิบัติภารกิจท่ีพึงกระทานั่นเอง แต่ก็มีบางคนสันนิษฐานว่ามาจากคาว่า “วัดวา” อันหมายถึงการกาหนดขอบเขตของดินแดนที่สร้างเป็นศาสนสถานเพราะวัดกับวามีความหมายอย่างเดียวกัน คือการสอบขนาด หรือปริมาณของสิ่งต่างๆ เช่น ความยาว ความกว้าง เป็นต้น วัดในนัยยะอย่างหลังน้ีจึง หมายถงึ พืน้ ที่ ครงั้ พทุ ธกาล ใช้คาว่า “อาราม” เปน็ คาเรียกชอื่ ศาสนสถานในทางพุทธศาสนาที่ใช้เรียกเสนาสนะท่ีมี ผศู้ รัทธาถวายพระพุทธองค์ในระยะแรกๆ เช่น “เชตวนาราม” หรือช่ือเต็มว่า “เชตวเนอนาถบิณฑิกสสอารา เม” ซ่งึ มคี วามหมายวา่ “สวนของอนาถบิณฑที่ปุาเชต” หรือ “เวฬุวนาราม” หรือ “บุปผาราม” เป็นต้น โดย “อาราเม” หรอื “อาราม” ในคาอ่านของไทยแปลว่าสวนนอกจากนี้ในเวลาต่อมายังมีคาท่ีใช้เรียกอีกอย่างว่า “วิหาระ” หรอื “วิหาร” ยังมีคาที่ให้ความหมายวัดอยู่อีกช่ือหน่ึงคือ “อาวาส” ดังชื่อท่ีใช้เรียกสมภารผู้ครองวัดว่า “เจ้า อาวาส” ซ่งึ แปลวา่ ผ้เู ปน็ ใหญ่ในวัด หรือชื่อเรียกวัด เช่น เทพศิรินทราวาส (เทพ+ศิรินทรา+อาวาส) โดยปกติ คาว่าอาวาสไม่เป็นที่นิยมใช้กันในความหมายว่าวัด ทั้งน้ีเพราะนิยมนาไปใช้กับความหมายท่ีแคบกว่าคาว่า อาราม โดยมักใหค้ วามหมายในเชิงทเี่ ป็นตวั เรือนท่ีอยู่อาศยั มากกว่า อาวาสจึงเสมือนเป็นท่ีอยู่ส่วนย่อยภายใน อารามที่หมายถึงพื้นท่ที ่เี ปน็ ศาสนสถานท้ังเขต ตามพระราชบญั ญตั คิ ณะสงฆใ์ นประเทศไทย พทุ ธศักราช 2505 กาหนดไวว้ า่ วดั มี 2 ชนดิ คอื 1. วัดทไ่ี ด้รบั พระราชทานวิสุงคามสมี า 2. สานักสงฆ์ 1. วสิ ุงคามสีมา หมายถงึ เขตพน้ื ท่ีที่พระภิกษสุ งฆข์ อพระราชทานพระบรมราชาอนุญาตเพื่อใช้จัดตั้ง วัดข้นึ แต่ในทางปฏบิ ตั เิ ป็นการขอพระบรมราชานญุ าติเฉพาะแต่บรเิ วณที่ตั้งพระอุโบสถเทา่ นน้ั 2. สานักสงฆ์ หมายถึง สถานท่ีพานักอาศัยของหมู่พระภิกษุสงฆ์ ไม่ได้ขอพระบรมราชานุญาติใช้ผืน ที่ดินแห่งนั้นเพื่อจัดต้ังเป็นวัดข้ึน ดังนั้นสานักสงฆ์จึงไม่มีโรงพระอุโบสถเพ่ือใช้เป็นที่ทาสังฆกรรม ที่ได้รับ

ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอเมอื งหนองบวั ลาภู สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จังหวดั หนองบวั ลาภู พระราชทานวสิ งุ คามสมี า ถือวา่ เป็นวัดที่ถกู ต้องและมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย วัดประเภทน้ี ยงั แยกออกเป็น 2 ประเภท คอื 1. วัดหลวงหรือพระอารามหลวง หมายถึง วัดท่ีพระมหากษัตริย์หรือพระบรมวงศานุวงศ์ทรงสร้าง หรอื วัดทีร่ ัฐบาลหรอื ราษฎรทัว่ ไปสรา้ งข้นึ แลว้ ทรงรับไวใ้ นพระบรมราชูปถัมภ์ 2. วดั ราษฎร์ หมายถงึ วดั ท่ีราษฎรท้ังหลายสร้างขึ้นตามศรัทธา พระอารามหลวงแบ่งออกได้เป็น 3 ช้ัน คือ 1. พระอารามหลวงช้ันเอก หมายถึง วัดท่ีมีเจติยสถานสาคัญ เป็นวัดที่บรรจุพระบรมอัฐิหรือวัดที่มี เกียรตอิ ยา่ งสงู มีเจ้า อาวาสเป็นพระราชาคณะผใู้ หญ่ข้นึ ไป 2. พระอารามหลวงชนั้ โท หมายถงึ วัดที่มีเกียรติ มเี จ้าอาวาสเปน็ พระราชาคณะสามญั ขึ้นไป 3. พระอารามหลวงชน้ั ตรี หมายถงึ วัดทม่ี เี กยี รตหิ รอื วัดสามัญ เจ้าอาวาสเปน็ พระครชู น้ั สงู ขึน้ ไป พระอารามหลวงนั้นยงั แบ่งตามฐานันดรศกั ดิ์ออกได้เปน็ 4 ชนดิ คือ 1. ชนิดราชวรมหาวิหาร หมายถงึ พระอารามท่ีพระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราช ทรงสร้างหรือปฏิสงั ขรณเ์ ป็นการสว่ นพระองค์ โดยทีส่ ง่ิ ปลกู สร้างนัน้ มีขนาดใหญโ่ ตสมพระเกยี รติ ชนดิ วรมหาวหิ าร ลักษณะเดียวกบั ชนิดราชวรมหาวหิ าร แตม่ คี วามสาคัญน้อยกวา่ 2. ชนิดราชวรวิหาร หมายถึง พระอารามท่ีพระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราช ทรงสร้างหรือปฏิสงั ขรณ์เปน็ การส่วนพระองค์ 3. ชนิดวรวิหาร หมายถึง พระอารามที่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราช ทรงสร้างหรือปฏสิ งั ขรณ์แล้วพระราชทานเป็นเกยี รตแิ กผ่ ูอ้ ื่น ผลงานที่เป็นประโยชน์ตอ่ ชมุ ชนและสงั คม หลวงป่แู ดง สุเมโธ (รองเจา้ คณะอาเภอเมืองหนองบวั ลาภ)ู ไดช้ ่วยเหลอื ทางสังคมเป็นผู้ท่ีมุ่งสนอง ประโยชนข์ องสงั คมเปน็ สาคญั โดยเปิดโอกาสให้คนทุกกลุ่มได้เข้ามาฝึกฝนพัฒนาตนเอง และนาหลักธรรมมา ปฏบิ ตั ิในการดาเนินชวี ิตเปน็ สาวกผู้ปฏบิ ตั ิธรรมตามหลักคาสอนของประพทุ ธเจ้า และเผยแผ่ใหพ้ ุทธศาสนิกชน หน้าที่ยึดหลักอัดประกอบด้วยธรรมท่ีเป็นไปเพ่ือประโยชน์ของคนหมู่มาก คือ มีทั้งการศึกษา การเผยแผ่ และการสงเคราะห์

ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเมืองหนองบัวลาภู สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดหนองบวั ลาภู ประวตั แิ ละผลงานภมู ปิ ญั ญาท้องถิน่ ตาบลหนองสวรรค์ อาเภอเมืองหนองบัวลาภู จังหวดั หนองบัวลาภู ด้าน อุตสาหกรรมและหัตถกรรม สาขา การทอผา้ มัดมี่ วสิ าหกจิ ชมุ ชนกลมุ่ ทอผา้ พน้ื เมืองบา้ นใหมศ่ ลิ ามงคล

ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเมอื งหนองบัวลาภู สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดหนองบวั ลาภู

ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอเมืองหนองบวั ลาภู สานกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจังหวัดหนองบวั ลาภู วสิ าหกิจชุมชนกล่มุ ทอผา้ พน้ื เมืองบ้านใหมศ่ ลิ ามงคล ประวัตแิ ละผลงานครภู มู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ จังหวดั หนองบวั ลาภู ด้าน อุตสาหกรรมและหตั ถกรรม สาขา การทอผา้ มดั ม่ี ประวตั ชิ วี ติ และผลงาน บ้านเลขท่ี 9 หมู่ที่ 10 บ้านใหม่ศิลามงคล ตาบลหนองสวรรค์ อาเภอเมืองหนองบัวลาภู จงั หวดั หนองบัวลาภู 39000 องคค์ วามรู้และความเช่ียวชาญ ผ้ามดั หม่ี คือ ผา้ ทที่ อจากดา้ ยหรือไหมทีผ่ ูกมดั แล้วย้อมโดยการคิดผูกให้เป็นลวดลาย แล้วนาไปย้อมสี ก่อนทอ เป็นศิลปะการทอผ้าพ้ืนเมืองชนิดหน่ึงท่ีนิยมทากันมานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาค ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ของประเทศไทย ผา้ มัดหม่ีมบี ทบาทในวิถีชีวิตต้ังแตเ่ กิดจนตาย หญิงสาวต้องทอผ้าเพื่อทาเป็นเครื่องนุ่งห่ม วัสดุเส้นใย ทั้งฝูายและไหมบ่งบอกถึงศักยภาพทางการค้า เพราะเป็นวัสดุท่ีใช้แลกเปล่ียนซ้ือขายมาแต่โบราณ ส่วนวัสดุ ยอ้ มสีธรรมชาตสิ ะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ ความอดุ มสมบรู ณ์ของพนั ธ์พุ ืชในประเทศไทยท่ีมีความหลากหลาย ซ่ึงช่วยให้ ผา้ มัดหมี่ของไทยมีสสี นั เฉพาะตัว และยังสะท้อนไปถึงความเช่ียวชาญของแตล่ ะกลุม่ ชนในการยอ้ มสธี รรมชาติ ปัจจุบัน การถ่ายทอดความรู้ดา้ นการผลติ ผา้ มดั หม่ียังคงมีอยู่บ้างตามชนบท แต่เยาวชนรุ่นใหม่ที่ตั้งใจสืบทอด การทอผ้ามีจานวนลดลง และหลายชุมชนก็ไม่สามารถสืบทอดภูมิปัญญาการทอผ้ามัดหมี่ไว้ได้ จึงจาเป็นที่ หนว่ ยงานทีเ่ ก่ยี วขอ้ งได้ร่วมกนั อนรุ กั ษแ์ ละสบื สานให้มรดกภูมปิ ญั ญาทางวฒั นธรรมแขนงน้ีคงอยู่สืบไป นางบญุ เพ็ง บอกอีกว่า ผ้าที่ทอของกลุ่มมีเอกลักษณ์อย่างหน่ึงคือการย้อมสีจากธรรมชาติ อย่างเช่นการย้อม เปลือกประดู่ ท่ีได้รับความนิยมจากผู้สวมใส่ว่าเป็นสีที่งดงาม ส่วนการดาเนินงานน้ันได้รวมกลุ่มชาวบ้านมา รวมตัวกัน โดยแต่ละคนก็จะนาไปทอที่บ้านของใครของมัน แล้วนาผ้าที่ทอเสร็จมารวมกันเพื่อนาไปจัด จาหนา่ ย โดยมีกลุ่มรา้ นค้าใหญ่ในตัวเมอื งหนองบวั ลาภูมารับไปจาหน่าย และส่วนหนึ่งได้รับการสนับสนุนจาก ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ให้นาผ้าท่ีทอได้ไปจาหน่ายในงานออกร้านต่างๆ งานโอท้อป ประจาปี ทาให้ลูกคา้ เปน็ ที่รู้จักมากขึ้น การถา่ ยทอดความรแู้ ละความเชีย่ วชาญ 1. เพือ่ อนรุ กั ษ์และสืบสานให้มรดกภูมิปญั ญาทางวัฒนธรรมการทอผ้าคงอยู่สบื ไป 2. เพือ่ สร้างอาชีพใหค้ นในชมุ ชน ทาให้มอี าชพี เสรมิ สร้างรายได้ ลดรายจา่ ย

ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอเมอื งหนองบัวลาภู สานักงานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจังหวดั หนองบวั ลาภู ลกั ษณะของเครอื ขา่ ยและการสร้างเครือขา่ ย 1. แหลง่ ทอ่ งเท่ียวทางวฒั นธรรม 2. แหล่งเรยี นรู้ศิลปะ แหล่งเรียนรูใ้ นทอ้ งถ่ิน 3. เป็นสถานที่ศึกษาดงู าน และเผยแพร่องค์ความรู้ ภูมปิ ัญญาท้องถนิ่ ผลงานท่เี ป็นประโยชนต์ อ่ ชุมชนและสังคม เป็นการอนุรักษ์และสืบสานให้มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมการทอผ้าคงอยู่สืบไป และเป็นแหล่ง เรียนรู้ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณีในท้องถิ่น เป็นสถานท่ีศึกษาดูงาน และเผยแพร่องค์ความรู้ ภูมิปัญญา ท้องถ่ิน

ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอเมอื งหนองบวั ลาภู สานักงานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จังหวัดหนองบัวลาภู ประวตั แิ ละผลงานครูภูมปิ ัญญาทอ้ งถิ่น ตาบลหนองหวา้ อาเภอเมืองหนองบัวลาภู จงั หวดั หนองบัวลาภู ดา้ น ศลิ ปกรรม สาขา โบราณสถาน/ศาสนสถาน วดั สายทอง

ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเมอื งหนองบัวลาภู สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดหนองบวั ลาภู

ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอเมอื งหนองบวั ลาภู สานกั งานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจังหวัดหนองบวั ลาภู วัดสายทอง ประวตั แิ ละผลงานครภู ูมปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ จงั หวดั หนองบัวลาภู ดา้ น ศิลปกรรม สาขา โบราณสถาน/ศาสนสถาน ประวตั แิ ละผลงาน บา้ นหนองผา เรม่ิ มกี ารปลูกบ้านสร้างเรอื นคร้ังแรกโดย พ่อเตื้อย (ไม่ทราบนามสกุล) พ่อหนู ยะรี พ่อคาหมา สมสะอาด ไดม้ าหาคลอ้ งช้างและเล้ียงชา้ งเห็นว่าสถานท่ีนี้เหมาะแก่การสร้างหมู่บ้าน จึงได้ชักชวน เพอื่ นบ้านย้ายมาจากอาเภอภเู ขยี ว จงั หวดั ชัยภูมิ ประมาณ 10 ครอบครัว เมอ่ื ปี พ.ศ.ประมาณ 2470 เหตุท่ี ชอื่ วา่ บ้านหนองผา เพราะมหี นองแห่งหนึ่งและในหนองนน้ั มีไข่ผาเยอะใหช้ าวบา้ นไดก้ ินตลอดท้ังปี จึงได้ตั้งชื่อ วา่ บ้านหนองผาตงั้ แต่นน้ั มา เป็นธรรมเนยี มเมื่อมกี ารยา้ ยหมูบ่ ้านย้ายถน่ิ ฐานใหม่ เนื่องด้วยเป็นชาวพุทธต้ังแต่ กาเนิด จึงหาท่ีเพื่อสร้างวัดเพ่ือเป็นท่ียึดเหน่ียวทางด้านจิตใจ จึงได้รับบริจาคที่แปลงหน่ึงจากพ่อสายทอง เพ่อื เป็นสถานทส่ี รา้ งวดั จึงไดใ้ ห้เกียรติแก่เจ้าของท่จี งึ ไดต้ ัง้ ช่อื วัดวา่ วัดสายทอง ต้งั แตน่ นั้ มาจนถึงปจั จุบนั วัดสายทองได้เรม่ิ สรา้ งเมือ่ ปี พ.ศ.2474 ไดพ้ ัฒนาเรื่อยมาโดยมีเจ้าอาวาสแลว้ ดังนี้ รปู ที่ 1 หลวงพ่อที เปน็ เจ้าอาวาสประมาณ 4 ปี จงึ ได้ย้ายไปจาพรรษาท่ีอ่ืน รปู ท่ี 2 หลวงพอ่ ตอง เป็นเจ้าอาวาสประมาณ 4 ปี จงึ ได้ยา้ ยไปจาพรรษาทีอ่ น่ื รูปท่ี 3 หลวงพ่อประดษิ ฐ์ ขนั ตโิ ก เป็นเจ้าอาวาสประมาณ 2 ปี จึงไดไ้ ปจาพรรษาทอี่ น่ื รปู ท่ี 4 หลวงพ่อสี เปน็ เจา้ อาวาสประมาณ2 ปีจึงไดย้ า้ ยจาพรรษาท่อี ่นื รูปที่ 5 หลวงพ่อสอน เป็นเจ้าอาวาสประมาณ 10 ปี ไดม้ รณภาพทวี่ ัด รปู ท่ี 6 หลวงพอ่ พรมมี เป็นเจา้ อาวาสประมาณ 10 ปี จึงได้ย้ายไปจาพรรษาทอ่ี ื่น รูปที่ 7 หลวงพอ่ แฮด เปน็ เจา้ อาวาสประมาณ 3 ปี จึงไดย้ า้ ยไปจาพรรษาทอี่ น่ื รูปท่ี 8 หลวงพ่อสมจิตร เป็นเจ้าอาวาสประมาณ 2 ปี จงึ ไดย้ ้ายไปจาพรรษาที่อ่นื รูปที่ 9 หลวงพ่อพมิ พา สริ ิปุญโญ เปน็ เจ้าอาวาสเม่ือ พ.ศ. 2531- พ.ศ.2551 จึงได้มรณภาพที่วัด สายทอง รูปท่ี 10 พระมหาประทวน อาภสฺสโร เปน็ เจา้ อาวาสเมือ่ ปี 2553-ปัจจบุ นั เรื่องการก่อสรา้ ง ในสมัยเจา้ อาวาสรูปท่ี 9 หลวงพ่อพิมพา ไดร้ เิ รม่ิ สร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ จน แล้วเสร็จ พ.ศ.2550 ได้เริ่มสร้างอุโบสถ แต่ยังไม่แล้วเสร็จเจ้าอาวาสมามรณภาพก่อน ชาวบ้านจึงได้ไป กราบอาราธนาพระมหาประทวน มาเป็นเจ้าอาวาสจากวัดสามัคคีธรรม เม่ือปี พ.ศ. 2551 จนปี 2553 ท่าน จงึ มารบั ตาแหน่งเจ้าอาวาส และไดส้ านต่องานสร้างอโุ บสถจนแลว้ เสรจ็ ไดร้ บั ใบวสิ งุ คามสมี า เมอื่ ปี 2554 ปี พ.ศ. 2554 ได้ซื้อทขี่ ยายเขตวัด ปี พ.ศ. 2556 ระหวา่ งวันที่ 19-24 มีนาคม ได้จัดงานฉลองอุโบสถ ปี พ.ศ. 2556 ได้สรา้ งกุฏิเจา้ อาวาสหลังใหม่ ในงบประมาณ 800,000 บาท ปี พ.ศ. 2557 ได้สรา้ งหอระฆงั งบประมาณ 1,000,000 บาท ปี พ.ศ. 2557 ไดว้ างศิลาฤกษส์ ร้างฐานพระใหญเ่ ม่อื วนั ที่ 12 เมษายน ปี พ.ศ. 2558 ไดส้ รา้ งศาลาหอฉัน

ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอเมืองหนองบัวลาภู สานกั งานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จังหวดั หนองบวั ลาภู ปี พ.ศ. 2559 เจา้ อาวาสสอบผา่ นเปรียญธรรม 9 ประโยค ปีพ.ศ. 2559 ไดเ้ รม่ิ ลงมือทาฐานพระใหญ่ ปี พ.ศ.2560 ไดเ้ ทปูนหลอ่ พระใหญ่หน้าตกั 2 เมตร และหน้าตกั 10เมตร ปี พ.ศ. 2561 เรม่ิ ลงมอื ทาสีพระใหญ่ ทาพญานาค ทาฐานพระ ทากุฏิ และอ่นื ๆ องคค์ วามรแู้ ละความเช่ยี วชาญ เปน็ แหลง่ เรยี นรู้โบราณสถาน/ศาสนสถาน แหลง่ เรียนรดู้ า้ นศลิ ปวฒั นธรรมประเพณีของคนในท้องถ่ิน ชุมชนเป็นสถานที่รวมจิตรวมใจของประชาชน และเป็นท่ีฝึกอบรมธรรมะให้ประชาชนผู้ศรัทธาใน พระพทุ ธศาสนาการถา่ ยทอดความรู้และความเช่ียวชาญ 1. ประวัติศาสตร์ 2. ศิลปะสถาปัตยธรรม ศูนยศ์ ิลปวัฒนธรรม เกี่ยวกับศาสนา 3. ประเพณีวัฒนธรรมทอ้ งถิ่น 4. สถานทก่ี ราบไหว้แห่งสถานปฏิบตั ิธรรม แหล่งโบราณ ลักษณะของเครือขา่ ยและการสรา้ งเครือข่าย 1. แหล่งทอ่ งเทยี่ วทางวฒั นธรรม 2. แหล่งเรยี นร้ศู ลิ ปะ แหลง่ เรียนรูใ้ นทอ้ งถ่ิน 3. เป็นสถานที่กราบไหว้และแหล่งสถานปฎิบัติธรรมแหล่งโบราณสถานและยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ ประพธิ ีทางศาสนา ผลงานทีเ่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ ชมุ ชนและสังคม เป็นโบราณสถานศาสนาและเป็นแหล่งเรียนรู้ ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีในท้องถ่ินสถานท่ีกราบไหว้ และแหล่งปฎิบตั ิธรรมประจาหมูบ่ ้าน และประกอบพิธีในวนั สาคญั ทางศาสนา

ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอเมืองหนองบวั ลาภู สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั หนองบัวลาภู ประวตั แิ ละผลงานครภู มู ปิ ัญญาท้องถ่ิน ตาบลหัวนา อาเภอเมืองหนองบวั ลาภู จงั หวดั หนองบวั ลาภู ดา้ น อตุ สาหกรรมและหตั ถกรรม สาขา การทอผ้าพืน้ เมืองด้วยสธี รรมชาติ นางเพชร ศรีโนนยาง

ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเมอื งหนองบัวลาภู สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดหนองบวั ลาภู

ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเมอื งหนองบวั ลาภู สานักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวดั หนองบัวลาภู นางเพชร ศรีโนนยาง ประวตั แิ ละผลงานครภู ูมปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ จังหวัดหนองบัวลาภู ดา้ น อุตสาหกรรมและหตั ถกรรม สาขา การทอผา้ พน้ื เมอื งด้วยสธี รรมชาติ ประวัติชีวติ และผลงาน นางเพชร ศรีโนนยาง เกดิ เมอ่ื วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2510 เกดิ ท่บี า้ นดอนเขม็ หมู่ท่ี 15 ตาบลหวั นา อาเภอเมืองหนองบวั ลาภู จงั หวัดหนองบัวลาภู กลุ่มวิสาหกิจชุมชน การทอผ้าขิด บ้านดอนเข็ม ตาบลหัวนา อาเภอเมืองหนองบัวลาภู จังหวัดหนองบัวลาภู นางเพชร ศรีโนนยาง กลุ่มวิสาหกิจชุมชนการทอผ้าด้วยสีธรรมชาติ มีความต้องการพัฒนาปรับปรุง ผ้าให้มรี ูปแบบท่สี วยงามย่งิ ขนึ้ องคค์ วามรู้ และความเช่ยี วชาญ นางเพชร ศรีโนนยาง มีองค์ความรู้เช่ียวชาญ ที่นาไปถ่ายทอดแก่ผู้เรียน และผู้คนท่ีสนใจ โดยใช้ กระบวนการถ่ายทอดความรู้ทีห่ ลากหลาย เช่น การอธิบาย การสาธิต และให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติจริง ตามหัวข้อ ดังต่อไปน้ี การแนะนาวัสดุอุปกรณ์การทอผ้าด้วยสีธรรมชาติ ข้ันตอนการทอผ้าด้วยสีธรรมชาติ และการ จาหน่ายผลผลติ รายละเอียดองคค์ วามรู้ที่ นางเพชร ศรีโนนยาง ถ่ายทอดองค์ความรู้แก่ผู้เรียนตามข้ันตอน ดงั นี้ การเตรยี มวสั ดอุ ปุ กรณ์ 1. เสน้ ใยไหมพน้ื เมือง หรือ ไหมพันธุ์ สเี คมี หรอื สีวทิ ยาศาสตร์และนา้ 2. อปุ กรณใ์ นการย้อมสไี หม ได้แก่ หม้อฟอกไหม หม้อยอ้ มสี ไม้พาย เคร่อื งชัง่ และเตา 3. เคร่ืองมือในการเตรยี มเส้นไหม คือ หลอด ฟมื ใน หลา อัก กระสวย เล็ง ไมส้ อด และตะกอลายขดิ 4. วสั ดุ อุปกรณ์ในการทอ ได้แก่ ก่ีพื้นเมือง หรือ ก่ีมือ ฟืม เขาหูก ไม้ ม้วนผ้า ไม้สาหรับน่ังเวลาทอ คาน เหยยี บ คานแขวน กระสวย หลอดไหมพุ่ง เลง็ ไมล้ าย ไมเ้ กบ็ ขิด อกั หลา ไมต้ ีขิด ตะกอเก็บลาย และตัว อย่าง ลายขดิ ทีต่ อ้ งการจะเก็บลา กรรไกร ขน้ั ตอนการทอผา้ 1. การเตรียมเสน้ ไหม 2. การลอกกาวเส้นไหมทั้งเส้นพุ่งเสน้ ยนื โดยวิธกี ารใช้สารธรรมชาติ 3. การเตรียมฟืมทอผา้ 4. การยอ้ มเส้นไหมยืน 5. การเตรยี มเส้นยืน 6. การตอ่ เส้นยนื 7. การเตรียมเสน้ พุง่ ที่ทาการยอ้ มสีตา่ งๆ

ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอเมืองหนองบัวลาภู สานักงานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจังหวัดหนองบวั ลาภู 8. การกรอเส้นพุง่ เข้าหลอด 9. . การเกบ็ เขาลาย / การเกบ็ ตะกอลายขดั 10. การทอผา้ แพรวาแบบประยกุ ต์ ขัน้ ตอนการย้อมสีธรรมชาติ 1. การทาความสะอาดเสน้ ไหม/ เสน้ ฝูาย ก่อนการยอ้ ม ก่อนที่จะนาเส้นไหม/ เส้นฝูาย/ ผ้า ไปย้อมสี นน้ั ตอ้ งกาจดั ไขมนั สง่ิ สกปรก รวมทง้ั สารที่เคลือบติดเส้นด้ายออกไป เพราะสิ่งเหลานี้ทาให้สีย้อมติดเส้นด้าย ไม่ดี ซึง่ เป็นสาเหตทุ ที่ าให้ผ้าทอท่ขี อการรับรอง มผช. ไม่ผ่านมาตรฐานในรายการความคงทนของสตี ่อการซกั 1.1 ไหม เสน้ ไหม คือ เส้นใยโปรตีนธรรมชาติ ประกอบด้วยโปรตีน 2 ชนดิ คือ ไฟโบรอิน ซง่ึ ใช้ใน การทอเป็นผืนผ้า และกาวไหม เรียกว่า เซริซิน (Sericin) ทาหน้าที่เป็นกาวเคลือบเส้นไฟโบรอิน เป็นเส้นใย ต่อเนอ่ื งจานวน 2 เส้นให้ยดึ ตดิ กนั นอกจากนั้นยังมีส่วนประกอบอน่ื ได้แก่ ไขมนั น้ามัน แร่ธาตุต่างๆ และสีที่ ปรากฏตามธรรมชาติ การทาความสะอาดเพอื่ ลอกกาวไหมหรอื การฟอกไหม หมายถึง การทาความสะอาดเส้น ใยไหมดว้ ยการกาจัดส่วนของเซริซิน ท่ีมลี ักษณะเปน็ สารสเี หลืองทบึ หรอื สีขาว (ไหมดบิ มีทั้งสีเหลือง และสีขาว ข้ึนอยู่กับสายพันธ์ุ) ออกจากเส้นใยไหมเพ่ือการเตรียมเส้นใยไหมก่อนท่ีจะนามาย้อมสีต่างๆ ซึ่งถ้าไม่มีการ กาจัดสารดังกล่าวออก หากนามาย้อมจะทาให้ย้อมติดสีได้ยาก เส้นใยไหมที่ผ่านการลอกกาวจะมีลักษณะ สขี าว มันวาว ออ่ นนมุ่ และสามารถย้อมตดิ สตี า่ งๆ ได้ดี โดยการทาความสะอาดเสน้ ไหมมวี ิธกี าร ดงั นี้ (1) เติมน้าลงหม้อประมาณ 30 ลิตร ใส่สบู่เทียม 150 กรัม (5 กรัม/ลิตร) และด่าง โซดาแอช (Na2CO3) 60 กรมั (2 กรัม/ลิตร) (2) ตม้ น้าในหมอ้ ยอ้ ม ใหน้ า้ ร้อนประมาณ 70 องศาเซลเซยี ส สังเกตผวิ นา้ ในหม้อเกิดไอนา้ เล็กน้อย (3) นาเส้นไหม 1 กิโลกรมั ใสล่ งในหมอ้ ต้ม กดไหมให้จมนา้ (4) ค่อยๆ เพิ่มไฟ ให้อุณหภูมิเพ่ิมข้ึนประมาณ 95 องศาเซลเซียส จนถึงเดือด และต้มเส้นไหมนาน 1 ชว่ั โมง (5) นาเส้นไหมขึ้นมาวางทิ้งไว้ เพื่อให้เย้นตัวลง ก่อนนาไปล้างโดยให้ล้างจากน้าอุ่นไปหาน้าเย็น (ลา้ งดว้ ยนา้ อุ่นที่ 60 องศาเซลเซียส ประมาณ 2-3 ครั้ง ก่อนนาไปล้างด้วยน้าเย็นอุณหภูมิห้อง) บิดหมาดๆ และกระตกุ ไหม 2-3 ครั้ง เพื่อใหเ้ ส้นไหมเรยี งตวั นาไปตากแหง้ เก็บไวอ้ ยา่ ให้โดนฝนุ ขัน้ ตอนการสืบหูก 1. นาเครอื ไหมท่ียอ้ มสีเสร็จแลว้ มากางเพ่อื ดงึ ใหเ้ สน้ ไหมตึงเท่ากนั จน 2. นาเครอื ไหมท่ตี งึ เท่ากันแลว้ มาตอ่ ใส่ฟมื โดยการผูกติดกับกกหูก ( กกหูก คือ ปมผ้าไหมเดิมที่ทอ ตดิ ไว้กบั ฟืมโดยไมต่ ัดออกเพ่อื ทีจ่ ะต่อเครือหกู ไวท้ อคร้ังตอ่ ไป )

ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเมืองหนองบวั ลาภู สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั หนองบัวลาภู การถ่ายทอดความรู้ ความเชย่ี วชาญ นางเพชร ศรโี นนยาง ถา่ ยทอดความรกู้ ารทอผา้ พ้นื เมอื งดว้ ยสีธรรมชาติ ผ่านการศึกษาให้กับสมาชิก ในกลุ่ม 1. การศึกษาในระบบ เปน็ วทิ ยากรถา่ ยทอดความรกู้ ารทอผา้ พ้ืนเมืองดว้ ยสีธรรมชาตใิ หแ้ ก่นกั เรียนใน โรงเรียน 2. การศกึ ษานอกระบบ เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้การทอผ้าพ้ืนเมืองด้วยสีธรรมชาติให้แก่ กศน. อาเภอเมอื งหนองบัวลาภู ลักษะของเครอื ข่ายและการสรา้ งเครอื ข่าย นางเพชร ศรโี นนยาง มเี ครือขา่ ยและมวี ธิ ีการสร้างเครือข่ายดังนี้ 1. เครือข่ายภาครฐั และเอกชน ประกอบด้วย 2. สานักงานเกษตรอาเภอเมอื งหนองบัวลาภู 3. สานักงานพฒั นาชุมชนอาเภอเมืองหนองบวั ลาภู 4. ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเมืองหนองบัวลาภู 5. องค์การบรหิ ารส่วนตาบลหวั นา 6. เทศบาลตาบลหวั นา 7. กลมุ่ เกษตรอาเภอเมอื งหนองบวั ลาภู วิธีการสร้างเครือข่าย นางเพชร ศรีโนนยาง มีวิธีการสร้างเครือข่ายโดยการไปเป็นวิทยากรการทอผ้าพื้นเมืองด้วยสี ธรรมชาติ ตามหน่วยงานทง้ั ภาครฐั และเอกชนตลอดจนได้รบั เชญิ ชวนใหผ้ ู้สนใจการทอการทอผ้าพื้นเมืองด้วย สีธรรมชาติ ไปศึกษาดูงานใน กลุ่มวิสาหกิจชุมชนการทอผ้าพื้นเมืองด้วยสีธรรมชาติ และได้จัดทาแผ่นพับ เอกสารการทอการทอผ้าพ้นื เมอื งดว้ ยสธี รรมชาติ แจกจา่ ยให้กับเครือข่าย และประชาชนผู้สนใจในอาชีพการ ทอการทอผา้ พน้ื เมอื งด้วยสธี รรมชาติ อย่างต่อเนอ่ื ง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook