Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แหล่งเรียนรู้ เดือน กันยายน อำเภอเมืองหนองบัวลำภู

แหล่งเรียนรู้ เดือน กันยายน อำเภอเมืองหนองบัวลำภู

Published by muangnongbua, 2020-10-13 23:32:40

Description: แหล่งเรียนรู้ เดือน กันยายน อำเภอเมืองหนองบัวลำภู

Search

Read the Text Version

ข ทาเนยี บแหลง่ เรียนรู้ อาเภอเมอื งหนองบวั ลาภู จงั หวัดหนองบัวลาภู ประจาเดือน กันยายน พ.ศ. 2563 หอ้ งสมดุ ประชาชน “เฉลมิ ราชกุมารี” อาเภอเมอื งหนองบัวลาภู ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอเมืองหนองบัวลาภู สานักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวดั หนองบวั ลาภู สานักงานปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร

ข คานา ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเมืองหนองบัวลาภู ได๎จัดทาทาเนียบ แหลํงเรียนรู๎ อาเภอเมืองหนองบัวลาภู จังหวัดหนองบัวลาภู ประจาเดือน กันยายน พ.ศ. 2563 ซ่ึงเป็น แหลงํ ข๎อมลู ที่รวบรวมภมู ปิ ัญญาท๎องถ่นิ ทง้ั 9 ดา๎ น ซึ่งประกอบไปด๎วย ดา๎ นเกษตรกรรม ด๎านอุตสาหกรรมละ หัตถกรรม ดา๎ นการแพทยแ์ ผนไทย ดา๎ นการจดั การทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล๎อม ด๎านกองทุนและธุรกิจ ชุมชน ด๎านศิลปกรรม ด๎านภาษาและวรรณกรรม ด๎านปรัชญาศาสนาและประเพณี และด๎านโภชนาการ ขอบเขตของการจัดทาทาเนียบแหลํงเรียนร๎ู ทั้ง 9 ด๎านนี้ พร๎อมที่จะให๎ผ๎ูที่มีความสนใจเข๎าไปศึกษาค๎นคว๎า ด๎วยกระบวนการจัดการเรยี นรท๎ู ี่แตกตํางกันของแตํละบุคคล ปลูกฝังใหผ๎ ูเ๎ รยี นได๎ร๎ูและรักในท๎องถิ่นของตนเอง มองเหน็ คณุ คําในชมุ ชนของตนเอง และเป็นการสงํ เสรมิ การเรยี นรู๎ตลอดชวี ติ เป็นแหลํงเชื่อมโยงให๎สถานศึกษา และชุมชนมคี วามสัมพันธ์ใกลช๎ ดิ กัน การจดั ทาขอ๎ มลู ทาเนียบแหลํงเรยี นรู๎ อาเภอเมืองหนองบัวลาภู คร้ังน้ีได๎รับความรํวมมืออยํางย่ิงจาก แหลํงสารสนเทศท่ีได๎จากการจัดทาแหลํงเรียนรู๎ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ตํอหนํวยงานท่ีเกี่ยวข๎อง เพ่ือใช๎เป็น แนวทางในการขยายผลและพัฒนาการดาเนินงานท่ีถูกต๎องเพ่ือให๎เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการ ดาเนนิ งานย่งิ ขึน้ ไป กลมุ่ งานอัธยาศยั อาเภอเมอื งหนองบวั ลาภู กศน. อาเภอเมืองหนองบวั ลาภู ผจู้ ดั ทา

สารบญั ข ทาเนยี บแหลง่ เรียนรู้ หน้า ทาเนยี บแหลง่ เรียนรู้ อาเภอเมอื งหนองบัวลาภู 1 ตาบลหนองภยั ศูนย์ 5 ตาบลหวั นา 7 ตาบลปาุ ไมง๎ าม 11 ตาบลนาคาไฮ 15 ตาบลหนองบวั 19 ตาบลหนองหว๎า 22 ตาบลหนองสวรรค์ 26 ตาบลบ๎านขาม 29 ตาบลนามะเฟือง 23 ตาบลบ๎านพร๎าว 28 ตาบลโพธ์ิชัย 42 ตาบลโนนทัน 46 ตาบลลาภู 49 ตาบลกุดจกิ 52 ตาบลโนนขมิน้ คณะผูจ้ ัดทา

ข ประวัตแิ ละผลงานครภู ูมิปัญญาทอ้ งถิ่น ตาบลหนองภยั ศูนย์ อาเภอเมืองหนองบัวลาภู จงั หวัดหนองบัวลาภู ด้าน ปรัชญา ศาสนา และประเพณี สาขา ประเพณบี ญุ เดือนเก้าของชาวอสี าน พระอธกิ ารบญุ เพง็ วิชาโน



ข พระอธกิ ารบญุ เพง็ วิชาโน ประวตั แิ ละผลงานครภู มู ปิ ญั ญาท้องถน่ิ จังหวัดหนองบวั ลาภู ด้าน ปรชั ญา ศาสนา และประเพณี สาขา ประเพณบี ญุ เดอื นเกา้ ของชาวอีสาน ประวัตแิ ละผลงาน พระอธิการบุญเพ็ง วิชาโนเกิดเมื่อวันท่ี 5 เดือน มีนาคม 2516 เป็นชาวจังหวัดกรุงเทพมหานคร ปัจจุบัน อายุ 47 ปี อาศัยอยํูหมํูท่ี 7 บ๎านหนองโนนดูํ ตาบลหนองภัยศูนย์ อาเภอเมืองหนองบัวลาภู จังหวดั หนองบวั ลาภู ประกอบอาชพี พระภิกษสุ งฆ์ พระอธิการบุญเพ็ง วิชาโน เป็นผู๎ที่มีความเป็นผ๎ูนา มีความเสียสละในการปฏิบัติหน๎าท่ีเพ่ือให๎เกิด ความผาสุกใน หมํูบ๎าน ตาบล และประชาชนในพื้นท่ี ด๎วยความท่ีเคยศึกษาเลําเรียนในทางพระพุทธศาสนา ทาให๎เป็นผู๎ท่ีมีความร๎ู ความเข๎าใจในหลักปฏิบัติทางศาสนา เป็นผู๎นาในพิธีกรรมตํางๆ เป็นผ๎ูใหญํบ๎าน บา๎ นหนองภัยศนู ย์ ตาบลหนองภัยศูนย์ อาเภอเมอื งหนองบัวลาภู จังหวัดหนองบัวลาภู องคค์ วามรูแ้ ละความเชีย่ วชาญ มีความรูใ๎ นด๎านศาสนาผสู๎ ละการครองเรือน ครองทรัพย์ที่ออกบวช และถือวัตรปฏิบัติตามพระธรรม วินยั อนั เปน็ คาสอนของพระพุทธองคเ์ พอ่ื ยังให๎ตน และผ๎อู ืน่ ร๎ูแจ๎งในธรรม มีการไปเผยแพรํคาสอนหลักพุทธเจ๎า ในหนวํ ยงานตาํ งๆ และ โรงเรยี นตํางๆ การถา่ ยทอดความรู้และความเชี่ยวชาญ 1. ปี 2556 ได๎ถํายทอดความรู๎ทางศาสนาให๎แกํชาวบ๎านหนองภัยศูนย์ ตาบลหนองภัยศูนย์ อาเภอเมอื งจังหวัดหนองบัวลาภู 2. ปี 2557 ไดถ๎ าํ ยทอดความรูท๎ างศาสนาใหแ๎ กํนกั เรยี น กศน.อาเภอเมืองหนองบวั ลาภู 3. ปี 2557 ได๎ถาํ ยทอดความร๎ูทางศาสนาใหแ๎ กํชาวบา๎ นตาบลหนองภยั ศูนย์ 4. ปี 2563 เป็นประเพณีหนึ่งในฮีตสิบสอง ของชาวอีสาน เพื่ออุทิศบุญกุศลให๎กับผ๎ูลํวงลับไปแล๎ว นิยมทากันในวันแรม 14 คา่ เดือนเก๎า หรือท่ีเรียกวํา บุญเดือนเก๎า บุญข๎าวประดับดิน เป็นบุญท่ีทาเพ่ืออุทิศ สํวนกุศลใหแ๎ กํ เปรต (ชาวอีสานบางถิ่นเรียก เผต) ลกั ษณะของเครอื ข่ายและการสรา้ งเครือข่าย รวํ มกับผูน๎ าทอ๎ งที่ ผู๎นาทอ๎ งถนิ่ เจ๎าหน๎าท่ีรัฐ และสํวนราชการ ในการเผยแพรํความรู๎ทางศาสนาและ หลกั คาสอนสอนของพระพทุ ธเจา๎ ใหก๎ บั ผ๎ูนาชมุ ชน เยาวชน แลว๎ ชาวบ๎าน ในตาบลหนองภัยศูนย์ เพื่อให๎ได๎รับ การเผยแพรํศาสนาและคาสอนของพระพุทธเจ๎าถูกต๎อง สอนให๎รู๎จักและแนะนาแนวทางประเพณีตํางๆ ไดถ๎ ูกตอ๎ ง

ข ประวัตแิ ละผลงานครูภูมิปัญญาท้องถ่ิน ตาบลหัวนา อาเภอเมืองหนองบัวลาภู จังหวัดหนองบวั ลาภู ด้าน ศิลปกรรม สาขา โบราณสถาน วดั โพธศิ์ รีสง่า



ข วดั โพธศ์ิ รสี ง่า ประวตั แิ ละผลงานครภู มู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ จังหวัดหนองบวั ลาภู ด้าน ศิลปกรรม สาขา โบราณสถาน ประวตั ิและผลงาน วัดโพธิ์ศรีสงํา ต้ังแตํปี พ.ศ. 2400 รับวิสุงคามสีมา เม่ือ 3 กรกฎาคม 2534 เป็นวัดราษฎร์ สงั กดั คณะสงฆ์มหานกิ าย ตั้งอยูํที่หมูํ 1 ตาบลหวั นา อาเภอเมือง จังหวดั หนองบัวลาภู องคค์ วามรแู้ ละความเชีย่ วชาญ เป็นแหลงํ เรียนรู๎โบราณสถาน/ศาสนสถาน แหลํงเรียนรูด๎ า๎ นศลิ ปวฒั นธรรมประเพณขี องคนในท๎องถิ่น ชุมชนเป็นสถานท่ีรวมจิตรวมใจของประชาชน และเป็นที่ฝึกอบรมธรรมะให๎ประชาชนผ๎ูศรัทธา ในพระพุทธศาสนาการถํายทอดความรูแ๎ ละความเชีย่ วชาญ 1. ประวัติศาสตร์ 2. ศลิ ปะสถาปตั ยธรรม ศูนย์ศลิ ปวฒั นธรรม เก่ยี วกับศาสนา 3. ประเพณวี ัฒนธรรมทอ๎ งถน่ิ 4. สถานที่กราบไหว๎แหํงสถานปฏิบัติธรรม แหลํงโบราณ ลกั ษณะของเครอื ขา่ ยและการสร้างเครอื ข่าย 1. แหลํงทํองเท่ยี วทางวฒั นธรรม 2. แหลํงเรยี นรศ๎ู ลิ ปะ แหลํงเรียนรูใ๎ นท๎องถิ่น 3. เป็นสถานที่กราบไหว๎และแหลํงสถานปฎิบัติธรรมแหลํงโบราณสถานและยังเป็นสถานท่ีศักด์ิสิทธิ ประพธิ ที างศาสนา ผลงานท่ีเปน็ ประโยชน์ตอ่ ชุมชนและสงั คม เป็นโบราณสถานศาสนาและเป็นแหลํงเรียนรู๎ ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีในท๎องถ่ินสถานท่ีกราบไหว๎ และแหลงํ ปฎบิ ัตธิ รรมประจาหมูบํ ๎าน และประกอบพิธีในวันสาคัญทางศาสนา

ข ประวัตแิ ละผลงานครภู ูมปิ ัญญาทอ้ งถ่ิน ตาบลป่าไมง้ าม อาเภอเมอื งหนองบวั ลาภู จังหวัดหนองบวั ลาภู ด้าน อตุ สาหกรรมและหตั ถกรรม สาขา การทาถา่ นชาร์โคล นางสะคร นาคศรี



ข นางสะคร นาคศรี ประวัตแิ ละผลงานครภู ูมปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ จังหวัดหนองบวั ลาภู ดา้ น อุตสาหกรรมและหตั ถกรรม สาขา การทาถา่ นชารโ์ ค ประวตั ชิ วี ิตและผลงาน นางสะคร นาคศรี เกิดเม่ือวันท่ี 10 เมษายน 2521 เกิดที่บ๎านโนนนาดี หมูํท่ี5 ตาบลปุาไม๎งาม อาเภอเมืองหนองบวั ลาภู จงั หวดั หนองบวั ลาภู กลุํมวิสาหกิจชุมชน การทาถํานชาร์โคล บ๎านโนนนาดี ตาบลปุาไม๎งาม อาเภอเมืองหนองบัวลาภู จังหวัดหนองบัวลาภู นางสะคร นาคศรี กลุํมวิสาหกิจชุมชนการทาถํานชาร์โคล มีความต๎องการพัฒนา ปรับปรุงให๎มีรูปแบบทสี่ วยงามย่ิงข้นึ องค์ความรู้ และความเชี่ยวชาญ นางสะคร นาคศรี มีองค์ความรู๎เช่ียวชาญ ท่ีนาไปถํายทอดแกํผ๎ูเรียน และผู๎คนที่สนใจ โดยใช๎กระบวนการถํายทอดความร๎ูท่ีหลากหลาย เชํน การอธิบาย การสาธิต และให๎ผู๎เรียนฝึกปฏิบัติจริง ตามหวั ข๎อดงั ตํอไปน้ี การแนะนาวัสดอุ ปุ กรณ์การทาถํานชาร์โคลข้ันตอนการทาถํานชาร์โคลและการจาหนําย ผลผลิต รายละเอียดองคค์ วามรู๎ท่ี นางสะคร นาคศรี ถาํ ยทอดองค์ความร๎แู กํผ๎ูเรียนตามขัน้ ตอน ดงั นี้ ข้ันตอนการทาถํานชาโคล 1. ตัดไมไ๎ ผจํ ากกอ 2. ตัดเปน็ ทํอน 3. ตากแดด 3 สปั ดาห์ 4. นาเข๎าเตาเผา ดว๎ ยความรอ๎ นกวํา 1,000องศา 5. นามาบดละเอียด 6. ใช๎ตะแกรงรอํ นเปน็ ผงละเอียด 7. บรรจถุ ุง ถํานไมถ๎ กู นาเอาไปทาอะไร และถํานชารโ์ คลถูกนาเอาไปทาอะไร อธิบายแบบงํายๆ ถํานไม๎คือถํานที่ ใช๎ในการป้ิงยํางหุงต๎มทั่วๆไป มีกระบวนการเผาในรูปแบบท่ีเป็นภูมิปัญญาแตํดั้งเดิม จนพัฒนามาเป็น อุตสาหกรรมแปรรูป จากถาํ นไม๎ สคูํ วามเปน็ ถํานไม๎คณุ ภาพสูงที่ใช๎ในการปง้ิ ยํางหงุ ตม๎ ทวั่ ๆ ไป จนมาถึงเทรนด์ ในปัจจุบนั กบั การปง้ิ ยํางหงุ ตม๎ เพือ่ สุขภาพจากถํานไมส๎ ํู ถาํ นชาร์โคล ข้ันตอนกระบวนการผลิตถําน และการ แปรรูปถาํ น จนกลายเป็นอุตสาหกรรม และกลายมาเป็นธุรกิจที่กาลงั มีอนาคต จนถึงการสํงออกถําน นามาซ่ึง รายได๎เขา๎ ประเทศ และยงั เป็นการสํงเสริมภูมิปัญญาโบราณ และสร๎างรายได๎ให๎กบั ชุมชน สาหรับการเผาถํานมีหลายรูปแบบ เร่ิมต้ังแตํการเผาแบบภูมิปัญญาชาวบ๎านท่ัวๆไป และการเผาใน แบบอุตสาหกรรม ซ่ึงเริ่มเข๎าสํูกระบวนการแปรรูปให๎เป็นถํานไม๎ที่มีคุณภาพมากข้ึน การเผาถํานแบบเดิมๆ ที่เป็นภูมิปัญญาโบราณจะได๎ผลิตภัณฑ์ท่ีเป็นถํานไม๎ท่ัวไป คือการนาเอาไม๎ยูคาฯ เข๎าไปในเตาเผาแบบทั่วไป

ข เผาด๎วยกระบวนการทั่วๆ ไป ใช๎เวลา 20-25 วันก็สามารถเปิดเตาและนาเอาถํานออกมาแยกและคัดขนาด ออกขายได๎ แตํพอธุรกิจนี้เริ่มพัฒนาข้ึน กระบวนการการผลิตเปลี่ยนไป ความต๎องการของตลาดในรูปแบบ อุตสาหกรรมแปรรูปมีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะ ถํานคุณภาพสูง ท่ีเป็นต๎องการของตลาดในประเทศ และตํางประเทศ กับถํานไม๎ควันน๎อย และให๎พลังความร๎อนสูง ท่ีถูกนาไปใช๎ในร๎านอาหารปิ้งยําง ที่เน๎นไปใน เทรนด์สุขภาพมากยงิ่ ขึ้น วิธกี ารสรา้ งเครอื ข่าย นางสะคร นาคศรี มวี ิธีการสร๎างเครือขํายโดยการไปเป็นวิทยากรการทาถํานชาร์โคล ตามหนํวยงาน ท้ังภาครัฐและเอกชนตลอดจนได๎รับเชิญชวนให๎ผ๎ูสนใจการทาไม๎กวาดทางมะพร๎าวไปศึกษาดูงานใน กลุมํ วสิ าหกิจชมุ ชนไม๎กวาดทางมะพร๎าว และได๎จัดทาแผํนพับ เอกสารการทาไม๎กวาดทางมะพร๎าว แจกจําย ใหก๎ ับเครือขําย และประชาชนผสู๎ นใจในอาชพี การทาไมก๎ วาดทางมะพรา๎ วยาํ งตํอเนื่อง

ข ประวตั ิและผลงานครูภูมปิ ัญญาทอ้ งถ่ิน ตาบลนาคาไฮ อาเภอเมอื งหนองบวั ลาภู จงั หวัดหนองบัวลาภู ด้าน ศิลปกรรม สาขา โบราณสถาน/ศาสนสถาน วดั ปา่ หัวฝาย



ข วัดปา่ หัวฝาย ประวัตแิ ละผลงานครภู ูมปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ จังหวัดหนองบัวลาภู ดา้ น ศิลปกรรม สาขา โบราณสถาน/ศาสนสถาน ประวัตชิ ีวิตและผลงาน วัดปุาหัวฝายต้ังขึ้นพร๎อมกับหมํูบ๎านนาคาไฮ เร่ืองเลําขานของความศักด์ิสิทธ์ิ คือสิ่งท่ีบอกเลําสืบ กนั มา นกั ทํองเทย่ี วนิยมแวะมาไหวเ๎ พอ่ื ความเปน็ สิรมิ งคล ตาบลนาคาไฮเดิมอยํูในเขตตาบลหนองสวรรค์ อาเภอหนองบัวลาภู จังหวัดอุดรธานี ตํอมาขยายตัว เป็นตาบลนาคาไฮ อาเภอหนองบัวลาภู จังหวัดอุดรธานี และเมื่อมีการจัดต้ัง จังหวัดหนองบัวลาภู อาเภอหนองบัวลาภู จึงพัฒนาเป็นอาเภอเมืองหนองบัวลาภู จังหวัดหนองบัวลาภู ปัจจุบันมีหมํูบ๎านที่ รบั ผดิ ชอบ 11 หมํบู ๎าน สถานทที่ อํ งเที่ยวของบา๎ นนาคาไฮคือ วัดปุาหัวฝาย ท่ีถือเป็นศาลศักดิ์สิทธ์ิและเป็นสถานท่ียึดเหนี่ยว จิตใจของชาวบา๎ นนาคาไฮ นอกจากวดั ปุาหวั ฝายแล๎วทบ่ี า๎ นนาคาไฮยังมหี อวงเวียนใหญํ ซ่ึงในตอนเช๎าชาวบ๎าน จะมารวมตวั ใสบํ าตรกนั ทบ่ี ริเวณน้ี กิจกรรมที่ชาวบ๎านได๎เตรียมไว๎ต๎อนรับนักทํองเท่ียวคือการเย่ียมชมศูนย์การเรียนร๎ูการผลิตผ๎าทอ นักทํองเท่ียวท่ีแวะมาที่นี่จะได๎ทดลองทอผ๎าและได๎ชมการทอผ๎าแบบโบราณท่ีสามารถหาดูได๎แคํที่นี่ท่ี เดียว นอกจากศูนย์เรียนร๎ูการทอผ๎าแล๎วนักทํองเที่ยวจะได๎เรียนร๎ูวิธีการผลิตข๎าวฮางงอกและน้าเต๎าห๎ูข๎าวฮางงอก ทีอ่ ดุ มไปดว๎ ยสารอาหารอีกมากมาย และในทุกเช๎าชาวบา๎ นจะพานักทํองเท่ยี วไปตักบาตรที่หอวงเวียนใหญํโดย ใสํชดุ ผ๎ามดั หม่ีผลิตภัณฑข์ ้ึนช่อื ของบา๎ นนาคาไฮ องค์ความรู้และความเช่ยี วชาญ เป็นแหลงํ เรียนร๎ูโบราณสถาน/ศาสนสถาน แหลํงเรียนรู๎ด๎านศิลปวัฒนธรรมประเพณีของคนท๎องถ่ิน ชุมชน เป็นสถานที่รวมจิตรวมใจของประชาชน และเป็นที่ฝึกอบรมธรรมะให๎ประชาชนผู๎ศรัทธาใน พระพุทธศาสนา การถา่ ยทอดความรู้และความเช่ียวชาญ 1. ประวัตศิ าสตร์ 2. ศลิ ปะสถาปัตยธรรม ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมเก่ียวกบั ศาสนา 3. ประเพณวี ฒั นธรรมท๎องถ่นิ 4. สถานท่ีกราบไหว๎และแหงํ สถานปฏิบตั ธิ รรม แหลงํ โบราณสถาน

ข ลักษณะของเครอื ข่ายและการสรา้ งเครอื ข่าย 1. แหลงํ ทํองเท่ยี วทางวฒั นธรรม 2. แหลํงเรียนรศู๎ ิลปะ แหลํงเรยี นรใ๎ู นทอ๎ งถ่ิน 3. สถานท่ีกราบไหว๎และแหลํงสถานปฏิบัติธรรม แหลํงโบราณสถานและยังเป็นสถานที่ศักด์ิสิทธ์ิ ประกอบพิธที างศาสนา ผลงานทเี่ ปน็ ประโยชน์ต่อชุมชนและสงั คม เป็นโบราณสถานศาสนาและเป็นแหลํงเรียนร๎ูศิลปวัฒนธรรม ประเพณีในท๎องถิ่นสถานที่กราบไหว๎ และแหลํงปฏบิ ัติธรรมประจาจังหวัดหนองบวั ลาภู ชาวจังหวัดหนองบัวลาภูนับถือสักการะและปฏิบัติธรรมใน วันสาคญั ตาํ งๆ

ข ประวัตแิ ละผลงานครูภมู ิปัญญาทอ้ งถ่ิน ตาบลหนองบัว อาเภอเมืองจงั หวดั หนองบัวลาภู จงั หวดั หนองบวั ลาภู ด้าน ศิลปกรรม สาขา แหลง่ เรียนรดู้ า้ นประวัตศิ าสตร์ ศาลเจ้าปหู่ ลบุ



ข ศาลเจา้ ปหู่ ลบุ ประวตั แิ ละผลงานครภู มู ปิ ญั ญาท้องถนิ่ จงั หวัดหนองบัวลาภู ด้าน ศิลปกรรม สาขา แหล่งเรยี นรดู้ ้านประวัตศิ าสตร์ ประวัติและผลงาน ศาลเจ๎าปูุหลุบ ไมํเชื่อ - อยําลบหลูํ ส่ิงศักดิ์สิทธ์ิ ท่ีชาวจังหวัดหนองบัวลาภูและจังหวัดใกล๎เคียงให๎ ความนับถือมาตั้งแตํอดีตโบราณกาล หากผู๎อํานมีโอกาสผํานไปผํานมาในเส๎นทางริมถนนทางหลวงสาย หนองบวั ลาภู-อดุ รธานี ชํวงจะข้นึ เขาโดยหาํ งจากจังหวัดประมาณ 4 กโิ ลเมตร เทาํ นั้น ทํานจะสงั เกตเห็นศาลา ทรงไทยบารณแบบอสี าน จานวน 3 หลัง มุงครอบด๎วยโครงหลังคาเหล็กสีแดงหลังใหญํครอบไว๎อีกชั้นหน่ึงซึ่ง อยูํติดริมถนนสายดังกลําว ชํวงถนนตัดผํานกลางเทือกเขาภูพาน มีปูายเขียนไว๎วํา \"ศาลปูุหลุบ\" เพื่อไมํให๎ เสยี เวลา จะขอเลาํ อดตี ความเป็นมาพอสงั เขปเทําที่ทราบ ศาลเจ๎าปูุหลุบน้ีมีมาตั้งแตํเม่ือใดไมํสามารถทราบได๎ แตศํ ึกษาจาก ประวตั สิ าสตรข์ องจงั หวัด ทราบวํา ปูุหลบุ เปน็ ผ๎ูมวี ชิ าอาคมแกํกล๎าคงกระพัน เป็นทหารเอกของ พระวอพระตา เจา๎ เมอื งผ๎ูครองนครแหงํ น้ี (คอื จงั หวัดปัจจุบัน) ซึ่งในอดีตเคยเป็นหัวเมืองที่ขึ้นตรงกับกรุงเวียง จนั ทร์ สถานทต่ี ้งั ศาลปุหู ลุบปจั จบุ นั น้ี ในอดตี เป็นทาเลทต่ี ั้งประตเู มอื ง ดํานที่ผํานเข๎า-ออกเมือง ผู๎ที่ขับรถผําน ไปมาตํางใหก๎ ารแวะสกั การะหรือไมํตอ๎ งบบี แตรเปน็ การคารวะเพราะตํางเชื่อม่ันวํา...ศักดิ์สิทธิ์มีฤทธ์ิมีเดช...ไมํ มใี ครกล๎าลบหลํูดูหมิ่นหรือกล๎าลองของแตํอยํางใด ประชาชนในท๎องถ่ินและจังหวัดใกล๎เคียงตํางแหํกันไปขอ พรหรอื บนบานสานกลําว ไมํวําจะเป็น ทาข๎าวของหาย ลูกหลานจะเดินทางไปทางานตํางประเทศ ไมํยกเว๎น แมแ๎ ตํนกั การเมอื งระดับตํางๆ (ส.อบต. สท. สจ. สส.) เมอ่ื ถงึ คราวมีการเลือกตั้ง และเมื่อได๎ตามที่บนบานสาน กลําวบ๎างก็แก๎บนด๎วยเครื่องเซํนไหว๎ตํางๆ นานา แตํที่พิลึกประหลาดสุดๆ ท่ีนักการเมืองท๎องถ่ินผู๎หนึ่งแย๎ม ความลบั สุดๆ ให๎ทราบหากบนบานสานกลาํ วดว๎ ยสง่ิ ทท่ี าํ นชอบ...หมอลาซิ่ง...หางเครื่องสวย...แล๎วลํะก็ ยากท่ี จะพลาดทิ้งท๎ายด๎วยคาพูดเอาจริงเอาจังพร๎อมทั้งสาทับห๎ามเปิดเผย นี่คือ เคล็ดลับ...ท่ีไมํลับ ในเร่ืองไสย ศาสตร์ ยากที่จะพิสจู น์ได๎ โบราณทํานวําไว๎ \"ไมํเชื่อก็อยําลบหลํู\" นี่คือพฤติกรรมอีกอยํางของคนในสังคมไทย โดยเฉพาะในยคุ เศรษฐกิจตกต่า ข๎าวของแพง คําแรงต่าคงปฏิเสธไมํได๎ น่ันคือที่พึ่งทางใจ และอาจมีมากมาย หลายสถานที่ที่เราไมํรู๎ ซ่งึ ยงั มผี ๎คู นพากนั ไปบนบานสานกลาํ ว ขอเลขขอหวยมามากมายนักตํอนักแล๎ว...ใครจะ ไปรู๎... ตานานประวตั ิศาลปุูหลุบ ปุูหลุบเป็นช่ือคนจริงในอดีตเมื่อประมาณ 200 ปี ท่ีผํานมา ปัจจุบันเป็นช่ือ ศาลอนั เป็นทสี่ ถิตของดวงวญิ ญาณตามความเชือ่ ด้งั เดิมของคนในท๎องถิน่ ศาลปูุหลุบจะมีอยํู 3 แหํง ใหญํๆ คือ ลาปางแหงํ หนึ่ง ดงลานหํงหน่ึง และอีกแหํงคือหนองบัวลาภู ประวัติความเป็นมาของปุูหลุบ เดิมนั้นทํานเป็น คนหลํมเกํา จังหวัดเพชรบูรณ์ มีชีวิตอยูํในชํวงปี พ.ศ.2350-2390 เป็นผ๎ูมีรูปรํางใหญํ แข็งแรง กล๎าหาญ และมกี ารศึกษาทางด๎านอยํูยงคงกระพัน การที่ทํานมีคุณลักษณะดังกลําวจึงถูกเลือกเป็นหัวหน๎าหมํูบ๎าน อยํู ตํอมาระยะหน่ึงเกิดความขัดแย๎งกันในหมํูบ๎านและหมํูบ๎านใกล๎เคียง จึงอพยพครอบครัวพร๎อมญาติพี่น๎องท่ี ใกล๎ชิด รวมท้ังกลํุมของเทพชมภูมาสร๎างบ๎านแปลงเมืองใหมํท่ีอยูํบ๎านลาภู เขตเทศบาลเมือง หนองบัวลาภู ตํอมามีความขัดแย๎งกันกับกลํุมของเทพชมภู จึงอพยพครอบครัวไปอยํูบ๎านโนนปุาหว๎าน (เขตอาเภอสุวรรณ คหู า) ลกั ษณะพฤตกิ ารณ์ทีผ่ าํ นมาแสดงวาํ มกี ารตํอส๎กู ันระหวํางชนกลมุํ ผแ๎ู ข็งแรงเทาํ นั้นจงึ จะอยไูํ ด๎ และปุหู ลุบ

ข ก็ตอํ ส๎ูอยํางโชกโชนในชีวิตของการเป็นมนุษย์ชาติในวาระสุดท๎าย ทํานเสียชีวิตและขอให๎เป็นใหญํในโลกแหํง วิญญาณตั้งแตเํ ขตภูพานถงึ เทือกเขาแดนลาว ลักษณะความเชื่อของกลํุมชนมีมากมายหลากหลายไมํสามารถ จากัดได๎ เม่ือมเี หตกุ ารณต์ ํางๆ เกดิ ขน้ึ ในหมํบู า๎ นท่ีไปทามาหากินตามวิถีทางแหํงการคงอยูํ ประชาชนคนน้ันก็ ขอขมาลาโทษ อยําให๎มีเวรกรรมตํอกัน ก็หลายสาเหตุเนื่องมาจากความเช่ือและความกลัวผสมกัน มีอะไร เกิดขึ้นก็วําปูุหลุบเข๎าสิงโดยมีสื่อกลางระหวํางผีกับคนนั้นคือ \"นางเทียม เชํน ยายดาบ๎านวังหม่ืน เทียมวําปุู หลบุ เข๎าสงิ เพ่ือมาอยกูํ ับเจ๎าพระวอ พระตา จึงรับปหุู ลุบไวเ๎ พอื่ รักษาเขตแดนซ่ึงเห็นได๎ในปัจจุบันตามทางหลวง แผํนดินหมายเลข 210 อุดรธานี-หนองบัวลาภู เมื่อรถทุกชนิดว่ิงผํานจะบีบแตรเป็นสัญญาณเพ่ือความ ปลอดภยั ในชีวิตและทรพั ย์สิน ปจั จุบันชาวหนองบวั ลาภูมีการราบวงสรวงทกุ ปี ลักษณะของเครอื ข่ายและการสร้างเครือข่าย 1. เทศบาลเมอื งหนองบวั ลาภู 2. องคก์ ารบรหิ ารสวํ นจังหวัดหนองบวั ลาภู 3. องค์การบรหิ ารสํวนตาบลหนองบวั 4. ศนู ย์การศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอเมืองจงั หวัดหนองบวั ลาภู ผลงานท่เี ปน็ ประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม องค์ความร๎ูดา๎ นดา๎ นประวตั ศิ าสตร์

ข ประวตั ิและผลงานครภู ูมปิ ัญญาท้องถ่ิน ตาบลหนองหวา้ อาเภอเมืองหนองบวั ลาภู จงั หวัดหนองบวั ลาภู ด้าน ศลิ ปกรรม สาขา โบราณสถาน วัดโนนสงา่



ข วดั โนนสงา่ ประวัตแิ ละผลงานครภู ูมปิ ญั ญาท้องถนิ่ จงั หวดั หนองบวั ลาภู ด้าน ศลิ ปกรรม สาขา โบราณสถาน ประวัตแิ ละผลงาน วดั โนนสงํา ตง้ั แตปํ ี พ.ศ. 2480 โดยพระภกิ ษลุ ี เปน็ ผู๎มากอํ ตง้ั ซงึ่ เปน็ พระสงฆ์ที่ได๎รับอุปสมบทจาก จังหวัดอุบลราชธานี ก็มีพํออาจารย์ทอนแนะนาและติดตามมาจาพรรษาอยํูท่ีบ๎านหนองหว๎าใหญํต้ังชื่อวํา วดั โนนสงํา รกั ษาการเจ๎าอาวาส ชื่อทีช่ าวบา๎ นเรยี กจนตดิ ปาก ปูสุ งั องคค์ วามร้แู ละความเช่ียวชาญ เปน็ แหลํงเรียนร๎ูโบราณสถาน/ศาสนสถาน แหลงํ เรยี นรู๎ด๎านศิลปวฒั นธรรมประเพณขี องคนในท๎องถ่ิน ชุมชนเป็นสถานที่รวมจิตรวมใจของประชาชน และเป็นท่ีฝึกอบรมธรรมะให๎ประชาชนผ๎ูศรัทธา ในพระพุทธศาสนาการถํายทอดความรแู๎ ละความเชย่ี วชาญ 1. ประวตั ศิ าสตร์ 2. ศิลปะสถาปัตยธรรม ศนู ย์ศิลปวัฒนธรรม เกย่ี วกับศาสนา 3. ประเพณีวฒั นธรรมท๎องถ่ิน 4. สถานทกี่ ราบไหว๎แหงํ สถานปฏบิ ัติธรรม แหลํงโบราณ ลกั ษณะของเครือขา่ ยและการสร้างเครือข่าย 1. แหลํงทํองเทย่ี วทางวัฒนธรรม 2. แหลํงเรียนรศู๎ ลิ ปะ แหลํงเรยี นรใ๎ู นทอ๎ งถิ่น 3. เป็นสถานท่ีกราบไหว๎และแหลํงสถานปฎิบัติธรรมแหลํงโบราณสถานและยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ ประพธิ ที างศาสนา ผลงานท่ีเปน็ ประโยชน์ต่อชมุ ชนและสงั คม เป็นโบราณสถานศาสนาและเป็นแหลํงเรียนรู๎ ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีในท๎องถิ่นสถานท่ีกราบไหว๎ และแหลงํ ปฎิบัตธิ รรมประจาหมบูํ า๎ น และประกอบพธิ ีในวันสาคัญทางศาสนา

ข ประวัตแิ ละผลงานภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่ิน ตาบลหนองสวรรค์ อาเภอเมืองหนองบัวลาภู จงั หวดั หนองบวั ลาภู ดา้ น เกษตรกรรม สาขา ภมู ิปัญญาพนื้ บ้าน นางพมิ พ์ วรสทิ ธ์ิ



ข นางพมิ พ์ วรสิทธิ์ ประวตั แิ ละผลงานภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ จงั หวัดหนองบวั ลาภู ดา้ น เกษตรกรรม สาขา ภูมปิ ญั ญาพน้ื บ้าน ประวตั แิ ละผลงาน นางพิมพ์ วรสิทธิ์ บา๎ นเลขที่ 125 หมูํท่ี 9 บ๎านใหมํหนองปลาขาว ตาบลหนองสวรรค์ อาเภอเมือง หนองบัวลาภู จังหวัดหนองบัวลาภู 39000 องคค์ วามรแู้ ละความเชย่ี วชาญ การเพาะเหด็ นางฟูาเป็นอาชพี ทีมีความสาคญั ในทางเศรษฐกิจอาชพี หน่งึ เนื่องจากเห็ดนางฟูาเป็นพืช เศรษฐกิจที่มีการสํงออกเชิงพาณิชย์ และซ้ือขายกันทั่วไปตามท๎องตลาด คุณภาพของดอกเห็ดถือเป็นเรื่อง สาคัญในการกาหนดเรื่องของราคาและจานวนหรอื ปรมิ าณการซ้อื ขาย เทคโนโลยีเป็นตัวกาหนดสิ่งที่ทาให๎เกิด ดอกเห็ดท่ีมีคุณภาพและจานวนดอกเห็ดที่มีความสม่าเสมอ และเป็นการเพ่ิมศักยภาพในการผลิต คุณภาพ และเป็นการกระตุ๎นการพัฒนาด๎านการเกษตร สาหรับโครงงานน้ีได๎นาเอาก๎อนเช้ือเห็ดนางฟูามาใช๎ในก าร ทดลอง เน่อื งด๎วยเห็ดนางฟาู เปน็ เหด็ ท่ีมีการผลิตมากท่ีสุด และสามารถเพาะได๎ทั่วไปทุกฤดู ชํวงที่ผลผลิตเห็ด ออกสํตู ลาดมากทีส่ ุดคอื เดือนเมษายน-พฤษภาคม และชํวงท่ีมีผลผลิตน๎อย คือชํวงปลายเดือนธันวาคมถึงต๎น เดอื นมีนาคม โดย นางพิมพ์ วรสิทธ์ิ เกษตรกรชาวบ๎านใหมํหนองปลาขาว ตาบลหนองสวรรค์ อาเภอเมือง หนองบัวลาภู เป็นอีกคนหนึ่งท่ีมีอาชีพการเพาะเห็ดนางฟูาในโรงเรือนเป็นอาชีพเสริมหลังจากการทานา ซ่ึงนางพิมพ์เลําวําการเพาะเหด็ นางฟาู ในโรงเรือนสามารถทาได๎งํายและสรา๎ งรายไดเ๎ สริมใหก๎ ับครอบครวั ได๎เป็บ กอบเป็นกา ดอกเห็ดนางฟูาจะมีลักษณะคล๎ายกับดอกเห็ดเป๋าฮ้ือ และดอกเห็ดนางรม และคล๎ายกับเห็ดนางรม มากจนเกือบแยกไมํออก แตํสีของขอบดอกของเห็ดนางฟูาจะอํอนกวําเห็ดนางรม ในขณะท่ีเห็ดนางรมขอบ ดอกจะมีสีคลา้ มากกวํา สํวนตัวดอกเห็ดนางฟูาจะบางกวําเห็ดนางรม และมีครีบ อยูํชิดกันมากกวํา และเม่ือ เทียบกบั เหด็ เปา๋ ฮ้ือ พบวาํ ก๎านดอกของเห็ดนางฟูาจะคอํ นอยํูตรงกลางดอกมากกวาํ ดอกของเห็ดเป๋าฮื้อท่ีเย้ือง ไปอยํูรมิ ขอบดอกดา๎ นใดด๎านหน่ึง และก๎านดอกของเหด็ นางฟาู จะเล็กกวาํ กา๎ นดอกของเห็ดเป๋าฮื้ออยํางชัดเจน สํวนเห็ดนางฟูาอีกชนิด คือ เห็ดนางฟูา ภูฐาน เป็นเห็ดที่นาเข๎ามาจากประเทศภูฐาน ซ่ึงปัจจุบันกาลังเป็นที่ นยิ มเชนํ กนั การถ่ายทอดความรแู้ ละความเช่ยี วชาญ 1. เพอ่ื อนรุ ักษ์และสืบสานใหม๎ รดกภูมปิ ัญญาทางการเกษตรแบบผสมผสานให๎คงอยสํู บื ไป 2. เพ่ือสร๎างอาชพี ใหค๎ นในชมุ ชน ทาใหม๎ ีอาชีพเสริม สรา๎ งรายได๎เพม่ิ ขนึ้

ข ลักษณะของเครอื ขา่ ยและการสร้างเครือข่าย 1. แหลํงทอํ งเที่ยวทางการเกษตร 2. แหลํงเรียนร๎ใู นทอ๎ งถ่ิน 3. เปน็ สถานที่ศกึ ษาดงู าน และเผยแพรํองคค์ วามร๎ู ภูมปิ ญั ญาท๎องถน่ิ ผลงานท่ีเปน็ ประโยชน์ตอ่ ชมุ ชนและสังคม เปน็ การอนรุ ักษแ์ ละสืบสานให๎มรดกภูมิปัญญาทางการเกษตรแบบผสมผสานให๎คงอยํูสืบไปและเป็น แหลํงทอํ งเท่ยี วทางการเกษตร เปน็ สถานท่ีศึกษาดูงาน และเผยแพรอํ งคค์ วามรู๎ ภมู ปิ ญั ญาท๎องถนิ่

ข ประวัติและผลงานครภู ูมิปัญญาท้องถิ่น ตาบลบา้ นขาม อาเภอเมืองหนองบัวลาภู จังหวดั หนองบัวลาภู ด้าน แพทย์แผนโบราณ สาขา หมอยาซุม นางทองใบ พนั ธก์ุ ่า

ข นางทองใบ พนั ธก์ุ า่ ประวตั แิ ละผลงานครภู ูมปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ จงั หวดั หนองบวั ลาภู ด้าน แพทย์แผนโบราณ สาขา หมอยาซมุ ประวตั ชิ ีวติ และผลงาน นางทองใบ พันธ์ุก่า เกิดเม่ือวันที่ 15 เดือนมีนาคม 2488 อายุ 75 ปี เกิดที่บ๎านศรีมงคล หมํูที่ 10 ตาบลบ๎านขาม อาเภอเมืองหนองบัวลาภู จังหวัดหนองบัวลาภูเป็นบุตรของนายแก๎ว พันธ์ุก่า และนางสี พันธุ์ก่า ปัจจุบันสมรสและมีบุตร 2 คน เป็นบุตรหญิงท้ัง 2 คนเป็นภูมิปัญญาท๎องถ่ิน ด๎านแพทย์ แผนโบราณ (หมอยาซุม) หมูํท่ี 10 ต.บา๎ นขาม อ.เมืองหนองบัวลาภู จ.หนองบัวลาภู องค์ความรู้ และความเชย่ี วชาญ นางทองใบ พันธุ์ก่า มีองค์ความรู๎เชี่ยวชาญที่นาไปถํายทอดแกํผ๎ูเรียนและผู๎คนท่ีสนใจ โดยใช๎ กระบวนการถาํ ยทอดความร๎ูท่หี ลากหลาย เชํน การอธิบาย การสาธิต และให๎ผู๎เรียนฝึกปฏิบัติจริง ตามหัวข๎อ ดังตอํ ไปน้ีการฝนยาแผนโบราณ ยาสมนุ ไพร รากไม๎ (ยาซุม) และการจาหนํายผลผลิต รายละเอียดองค์ความร๎ู ที่ นางทองใบ พันธก์ุ ่า ถาํ ยทอดองค์ความรู๎แกํผูเ๎ รียนตามข้นั ตอนดังน้ี นางทองใบ พนั ธก์ุ ่า มีความเชี่ยวชาญทางดา๎ นการการฝนยาแผนโบราณ ยาสมุนไพร รากไม๎ (ยาซุม) มีการพฒั นาตนเองและกลุํมอยาํ งสม่าเสมอได๎รํวมการอบรมและศึกษาดูงานอยูํเป็นชํวงเวลาเสมอๆจึงทาให๎มี ความร๎ู ด๎านการฝนยาแผนโบราณยาสมนุ ไพร รากไม๎ (ยาซมุ ) ออกมาเป็นสนิ คา๎ ที่มีความต๎องการของตลาดเสม ยารกั ษาทางเลือกของประชาชนในพื้นที่ตาบลบ๎านขาม อ.เมือง จ.หนองบัวลาภู และเป็นสินค๎า otop ชุมชน ในหมูํบ๎านนวัตวิถี เชํน มียารักษาผดผื่นคัน ยาเย็น รักษาไข๎หมากไม๎ ไข๎ออกตํุม จาหนํายในชุมชนสม่าเสมอ ในตลาดชุมชนตาบลบา๎ นขาม นางทองใบ พนั ธ์กุ า่ เปน็ ผทู๎ ี่ใฝุเรียนศึกษาหาความร๎ูอยํูเป็นนิสัยได๎ฝึกอบรมตาม หลักสตู รตํางๆเก่ียวกับการทอผ๎าเพ่ิมเติมความร๎ูอยํูตลอดเวลา มีความใจเย็น สุขุม จึงสามารถเรียนร๎ูได๎อยําง รวดเร็วและเดิมมีความรู๎จากการมารดาทถี่ าํ ยทอดให๎ครงั้ ยงั มชี ีวิตอยูํ การถา่ ยทอดความรู้ และความเชยี่ วชาญ นางทองใบ พันธุ์ก่า ได๎รับความไว๎วางใจให๎ไปสอนประชาชนในเขตพื้นท่ีตาบลบ๎านขามและตาบล ใกล๎เคียงรวมทั้งได๎รับเชิญให๎มาเป็นวิทยากรสอนกลุํมอาชีพ ของโรงเรียนผ๎ูสูงอายุ ตาบลบ๎านขาม ได๎จัดการ เรียนการสอน เก่ียวกับทายาสมุนไพร รากไม๎(ยาซุม ) เร่ืองความสาคัญและขั้นตอนของการเลือกวัสดุ ตลอดจนขน้ั ตอน การหารรากไมท๎ ่เี ปน็ ยาสมุนไพร ให๎กับกลุํมท่ีสนใจเรียน โดยถํายทอดความร๎ูได๎เป็นอยํางดี เขา๎ ใจงํายนาไปปรบั ใช๎ได๎เหมาะสมในการสรา๎ งอาชีพ ตอํ ยอดความรภู๎ มู ิปญั ญาท๎องถนิ่

ข ลักษณะของการสร้างเครอื ขา่ ยและสร้างเครอื ขา่ ย นางทองใบ พันธ์ุก่า มีตาแหนํงเป็น ปราชญ์ชาวบ๎าน ภูมิปัญญาท๎องถิ่น หมูํท่ี 10 บ๎านศรีมงคล ตาบลบา๎ นขาม อาเภอเมอื งหนองบัวลาภู จงั หวดั หนองบัวลาภู และ ยังเป็นประธานกลํุมวิสาหกิจชุมชนตาบล บา๎ นขาม มคี วามรู๎ความสามารถหลากหลายดา๎ น เชนํ ทายาสมนุ ไพร รากไม๎ (ยาซมุ ) เป็นต๎น ในการเป็นผู๎ ท่ีชอบศกึ ษาเรียนรส๎ู ่งิ ใหมํๆอยตํู ลอดเวลา รักการเผยแพรํ มีน้าใจ จึงเป็นท่ีรักของคนในชุมชนจนได๎รับการยก ยํอง วาํ ปราชญ์ชาวบา๎ น เชํนปจั จุบนั ผลงานทเี่ ปน็ ประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม นางทองใบ พันธุ์ก่า เป็นคนที่ชอบใฝุหาความรู๎ มีความคิดริเริ่มสร๎างสรรค์ มีความอดทน เสียสละ มีลักษณะพิเศษอีกอยํางคือ ใจเย็น สุขุม จึงทาให๎มีผลงานท่ีละเอียดประณีตเป็นท่ีประจักษ์ตํอสายตาผู๎คนอยํู เสมอ มนี ้าใจ ถํายทอดความรอู๎ ยาํ งเต็มทีท่ ั้งมคี ําตอบแทน และไมมํ ีคําตอบแทน รางวลั /ใบประกาศเกยี รตคิ ณุ ทไ่ี ด้รบั ได๎รับใบประกาศนียบัตร จากการเป็นวิทยากรสอนกลํุมสนใจในโครงการ ทายาสมุนไพร รากไม๎ (ยาซุม ) จากองค์การบรหิ ารสํวนตาบลบ๎านขาม

ข ประวัตแิ ละผลงานครูภมู ปิ ัญญาทอ้ งถิ่น ตาบลนามะเฟอื ง อาเภอเมอื งหนองบวั ลาภู จงั หวดั หนองบวั ลาภู ด้าน ศิลปกรรม สาขา นาฏศิลป์ ดนตรี นายชูเกียรติ บญุ บู้



ข นายชเู กยี รติ บญุ บู้ ประวัตแิ ละผลงานครภู ูมปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ จังหวดั หนองบัวลาภู ดา้ น ศิลปกรรมสาขา นาฏศิลป์ ดนตรี ประวัติชีวติ และผลงาน นายชูเกียรติ บุญบู๎ ภูมิปัญญาท๎องถ่ิน ด๎านศิลปกรรม สาขานาฏศิลป์ดนตรี มีช่ือร๎ูจักกันทั่วไปวํา “เกียรติ” มีเช้ือชาติไทย สัญชาติไทย เกิดเม่ือวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2560 ณ บ๎านเลขท่ี 247 หมูํ 9 บา๎ นนามะเฟือง ตาบลนามะเฟือง อาเภอเมืองหนองบัวลาภู จังหวัดหนองบัวลาภู เป็นลูกคนที่ 4 ในจานวนพ่ี น๎อง 9 คน เป็นบุตรของนายบุญหนา บุญบ๎ู กับนางตุ๎ม บุญบู๎ สภาพปัจจุบันแตํงงานกับนางรัตน์มณี บุญบ๎ู มีบุตรธิดา รวมกัน 3 คน นายชูเกียรติ บุญบู๎ เป็นลูกชาวนาแตํกาเนิด เป็นเด็กบ๎านนามะเฟือง เข๎าศึกษาท่ี โรงเรียนบ๎านนามะเฟือง จนจบระดับประถมศึกษาปีท่ี 7 เข๎ารับการศึกษาตํอท่ีศึกษาตํอศูนย์การศึกษานอก ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเมืองหนองบัวลาภู ในระดับมัธยมศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต๎น และได๎ออกมาประกอบอาชีพทานาและทาสวน นายชูเกียรติ บุญบู๎ เป็นคนท่ีมีความรักในการร๎องเพลง แตงํ กลอนราและเปาุ แคน และมีความชอบเปน็ สํวนตวั ในเรอื่ งแตํงกลอนราและเปุาแคนทาให๎เกิดความชานาญ เร่ืองนาฏศิลป์ ดนตรีจนสามารถสอนนาฏศิลป์ ดนตรี หลากหลายสูตรให๎กับผ๎ูที่สนใจได๎ท้ังในและนอกพื้นที่ จนไดร๎ ับการสนับสนุนจากหลายหนํวยงาน เชํน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอ เมอื งหนองบวั ลาภู เทศบาลตาบลนามะเฟืองสานกั งานเกษตรอาเภอเมอื งหนองบวั ลาภู องคค์ วามรูแ้ ละความเช่ียวชาญ นายชูเกียรติ บุญบู๎ มีความเช่ียวชาญด๎านการเปุาแคน มีการไปแสดงและฝึกเปุาแคนเป็นประจา พัฒนาตนเองและกลํุมอยํูเสมอ จึงทาให๎เป็นผ๎ูเชี่ยวชาญด๎านการเปุาแคนและสามารถถํายทอดสูํสมาชิกกลํุม และผูท๎ ่สี นใจทั่วไปได๎ การถา่ ยทอดความรูแ้ ละความเชยี่ วชาญ นายชูเกยี รติ บุญบู๎ เป็นผู๎มคี วามรู๎และความเช่ียวชาญคณะคองก๎าบ๎านขามจึงเชิญเป็นสมาชก ให๎ไป เป็นวทิ ยากรรํวมงานแสดงและถํายทอดความรู๎ตํางๆ โดยสอนวิธีนาฏศิลป์ ดนตรี ให๎กับประชาชนในจังหวัด หนองบัวลาภู จานวน 150 คน และศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเมือง หนองบวั ลาภู เชิญมารากลอนเปิดงานโครงการการเรียนรู๎ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ราเร่ืองการ ทานา และความเปน็ มาของศูนย์เรยี นรศ๎ู าสตร์พระราชา โคก หนอง นา โมเดล ให๎กับประชาชนในเขตตาบลนา มะเฟอื ง จานวน 150 คน

ข ลักษณะของเครือข่ายและการสรา้ งเครอื ขา่ ย นายชูเกยี รติ บุญบู๎ มตี าแหนํงเปน็ ชรบ.ประจาบ๎านนามะเฟือง เป็นท่รี ู๎จักของชาวบ๎านในชุมชนและ พื้นที่ใกล๎เคียง จากประสบการณ์ไดท๎ างานรวํ มกบั หนํวยงานราชการตํางๆ และเข๎ารํวมเป็นวิทยากรให๎ความรู๎ ทงั้ ในและตาํ งจังหวัด ผลงานท่เี ป็นประโยชน์ตอ่ ชมุ ชนและสังคม นายชูเกียรติ บุญบ๎ู ได๎เป็นวิทยากรให๎ความร๎ูเร่ืองนาฏศิลป์ ดนตรี ท้ังในพ้ืนท่ีและนอกพื้นท่ีซึ่งเป็น ประโยชน์อยาํ งยิ่งกบั ผ๎ทู ส่ี นใจดา๎ นการเปุาแคน และแตงํ กลอนรา รางวลั /ใบเกียรตคิ ุณที่ได้รับ ไดร๎ บั วฒุ บิ ตั รรางวัลชนะเลิศส่อื ศิลปินพ้ืนบา๎ นระดับจังหวัดหนองบวั ลาภู

ข ประวัตแิ ละผลงานครูภมู ปิ ัญญาทอ้ งถิ่น ตาบลบา้ นพร้าว อาเภอเมืองหนองบวั ลาภู จังหวดั หนองบวั ลาภู ดา้ น อตุ สาหกรรมและหตั ถกรรม สาขา การทอผ้าฝา้ ย นางแดง สัมมตุ ถี



ข นางแดง สมั มตุ ถี ประวัติและผลงานครูภมู ปิ ัญญาทอ้ งถิ่นจังหวัดหนองบวั ลาภู ดา้ น อตุ สาหกรรมหัตถกรรม สาขา การทอผา้ ฝ้าย ประวตั ิชวี ิตและผลงาน นางแดง สัมมุตถี เกิดเม่ือวันท่ี 18 มีนาคม 2522 เกิดท่ี หมูํท่ี 9 ตาบลบ๎านพร๎าว อาเภอเมือง หนองบัวลาภู จังหวัดหนองบัวลาภู กลํุมวิสาหกิจชุมชน การทอผ๎าฝูาย ตาบลบ๎านพร๎าว อาเภอเมืองหนองบัวลาภู จังหวัดหนองบัวลาภู นางแดง สัมมุตถี ประธานกลมํุ วิสาหกจิ ชมุ ชนการทา มคี วามตอ๎ งการพฒั นาสูตรการทอผา๎ ฝูาย องค์ความรู้ และความเชีย่ วชาญ นางแดง สัมมุตถี มีองค์ความรู๎เชี่ยวชาญ ที่นาไปถํายทอดแกํผู๎เรียน และผู๎คนที่สนใจ โดยใช๎ กระบวนการถาํ ยทอดความรทู๎ หี่ ลากหลาย เชํน การอธิบาย การสาธิต และให๎ผู๎เรียนฝึกปฏิบัติจริง ตามหัวข๎อ ดังตํอไปน้ี การแนะนาวัสดุอุปกรณ์การทอผ๎าฝูาย ขั้นตอนการการทอผ๎าฝูาย และการจาหนํายผลผลิต รายละเอยี ดองค์ความรทู๎ ่ี นางแดง สัมมุตถี ถาํ ยทอดองคค์ วามรแู๎ กํผ๎ูเรียนตามขนั้ ตอนดังน้ี ขั้นตอนที่ 1 การเก็บฝูาย การเลือกเก็บฝูายที่มีสมอแกํ แตกฟูเต็มท่ีเป็นปุยขาว เลือกเก็บเฉพาะปุย ฝูายเทาํ นัน้ ระวงั อยาํ ใหเ๎ ศษใบฝาู ย และรวิ้ ประดบั ที่แห๎งอยูทํ ่สี มอ ติดปะปนไปกับปุยฝาู ย ฝูายมีความแห๎งสนิท ไมอํ ับชนื้ ข้ันตอนที่ 2 การอีดฝูายหรือหีบฝูาย การนาปุยฝูายที่ตากแห๎งสะอาดดีแล๎วมาใช๎มือหน่ึงจับที่จับ คํอย ๆ หมุนฟนั เฟืองไปอยํางตํอเนื่อง อีกมือจับปุยฝูายท่ีเตรียมไว๎ใสํเข๎าไประหวํางไม๎กลมเกลี้ยงขนานชิดกัน ซง่ึ มีฟันเฟืองอยํดู ๎านนอก สํวนท่ีเป็นปุยฝูายจะถูกหนีบลอดข๎ามไปหลํนลงตะกร๎าหรือกระบุงที่เตรียมไว๎ สํวน เมลด็ กจ็ ะรวํ งลงพื้นทาตอํ เนอ่ื งไปจนหมด อปุ กรณ์ท่ีใช๎ในการอดี ฝูาย เรียกวํา เคร่ืองอีดฝาู ย ข้ันตอนที่ 3 การปดฝูาย การดีดฝาู ย การยงิ ฝูาย นาปุยฝาู ยทค่ี ดั แยกเมล็ดออกหมดแล๎วมาดีด โดยใช๎ กงดดี ฝาู ย ก๋งยิงฝูาย หรือ กงแก๎บฝูาย ซ่ึงทาจากซี่ไม๎ไผํ เหลาให๎ปลายเรียวทั้งสองข๎าง ใช๎เชือกผูกท่ีปลายทั้ง สองข๎างเพอ่ื ดดั ซ่ีไมใ๎ หโ๎ คง๎ เข๎าหากันคลา๎ ยกบั คันธนู อปุ กรณค์ ูํกันคือปล๎องไม๎ไผขํ นาดเลก็ ยาวประมาณ 6- 8 นิ้ว และกระบุงขนาดใหญพํ เิ ศษ ทรงปากกวา๎ งพอประมาณขอบปากกระบงุ ด๎านหน่ึงมัดทอํ นไม๎ขนาดประมาณ 4 x 6 น้วิ เพอ่ื เวลาดดี ฝาู ย ปากกระบุงจะได๎ยกหนุนสงู ขนึ้ จากพ้นื กระบุงขนาดใหญํนีเ้ รยี กเป็นภาษาท๎องถิ่นตําง ๆ กนั วาํ กะเพียด กะเพด หรือกระหลมุ ยงิ ฝูาย นาปยุ ฝูายมาใสกํ ะเพยี ด กะเพด หรอื กะลม แล๎วเอามือหน่ึงจับกง ดีดฝูายหรือก๋งยิงฝูาย ถือด๎านที่เป็นคันธนูไว๎ให๎เส๎นเชือกถูกปุยฝูาย แล๎วใช๎อีกมือจับปล๎องไม๎ไผํ ขนาดเล็กดีด เสน๎ เชอื กตํอเน่อื งไป เพี่อให๎ปุยฝูายกระจายตวั เป็นปุยละเอยี ด หมั่นคนปยุ ฝาู ยให๎เชือาดดี ถูกจนท่ัวสม่าเสมอกัน เป็นปุยละเอียดเหมือนกันทั้งหมด การดีดฝูายแตํละครั้งจะไมํใสํฝูายมากนักจะดีดฝูายให๎เพียงพอเฉพาะการ นามาม๎วนฝูายหรือล๎อฝูายเทาํ น้ัน ไมคํ วรดีดฝาู ยท้ิงค๎างไว๎เพราะปุยฝูายจะคืนตัวจบั กนั เปน็ ก๎อนเหมือนเดมิ

ข ขั้นตอนท่ี 4 การก๊ิกฝาู ย การนาฝูายทด่ี ีดละเอียดแล๎ว มาม๎วนเป็นก๎อนแบบเรียวยาว วางลงบนแปูน ล๎อฝาู ย ใหก๎ ระจายสมา่ เสมอกนั ประมาณขนาดให๎ใหญกํ วาํ ฝาุ มือเพยี งเล็กนอ๎ ย แลว๎ วางไมล๎ อ๎ ฝูายไว๎บนสํวนปุย ฝาู ย จากนัน้ ให๎เอาฝาุ มือถูปุยฝูายใหม๎ ว๎ นขนานเข๎าไปกับไม๎ล๎อฝูาย โดยรักษาน้าหนักมือให๎พอเหมาะเพื่อไมํให๎ ม๎วนฝูายแนํนหรือหลวมเกินไป แล๎วดีงไม๎ล๎อฝูายออก จะได๎ฝูายเป็นม๎วนหลอดกลมยาวประมาณ 8 - 9 นิ้ว บางท๎องถิ่นเรียกหลอดมว๎ นฝูายน้ีวํา ดิ้ว การม๎วนฝูายหรือล๎อฝูายน้ีจะต๎องทาจนหมดปุยฝูายที่ดีดไว๎ การม๎วน ฝูายหรือล๎อฝูายน้ีทาสะสมไว๎ได๎แล๎วทยอยนาไปปนันเป็นเส๎นด๎าย แตํก็ไมํควรเก็บม๎วนฝูายหรือล๎อฝูายไว๎นาน เกินไป โดยปกติหลงั จากม๎วนฝาู ยหรือล๎อฝูายไดพ๎ อประมาณจงึ นาไปปนัน เป็นเสน๎ ใยจนหมดม๎วนฝูาย ขั้นตอนที่ 5 การปันนฝาู ย การนาฝูายท่กี ๊ิกไวเ๎ ปน็ กอ๎ นเรียวยาว นาฝาู ยทลี่ อ๎ มไวม๎ าปันน เป็นเส๎นด๎าย การ เข็นฝาู ยหรือการปนัน ฝูายต๎องใช๎เวลาในการฝกึ หัด เพราะปัจจุบนั จะใชเ๎ สน๎ ดา๎ ยสาเร็จกันเปน็ สํวนใหญํ อุปกรณ์ที่ ใช๎ในการเข็นฝูาย คือ หลา บางแหํงเรียกไน การปนันฝูายเป็นด๎ายจะเป็นกรรมวิธีที่ยากกวําการทาอยํางอ่ืนๆ เพราะมอื ตอ๎ งสมั พนั ธก์ ันโดยมอื ขวาหมุนหลา เพ่ือไปบังคับไลหลาให๎หมุนตามไปด๎วย คล๎ายกับหมุนปันนฝูายที่ ออกจากล๎อฝูายให๎พันแล๎วดึงเป็นเส๎นด๎ายยาว ม๎วนเข๎าไปอยํูกับหลา ทาเชํนนี้ตลอดไปจนกวําจะได๎ด๎ายเป็น กลมุํ เพียงพอแกคํ วามต๎องการ แลว๎ จึงหยดุ ถอดด๎ายจากไลหลาเกบ็ โดยใช๎ไม๎เสยี บแล๎วนาไปเปยี ขั้นตอนที่ 6 การเข๎าเป๋ นาฝูายทีป่ นัน แล๎วมาเขา๎ เป๋ โดยการเข๎าเป๋จะทาให๎เส๎นฝูายเรียงเป็นเส๎น ไมํพัน กนั เพอ่ื จะสะดวกในการแบํงฝูายเป็นใจ การนาด๎ายจากหลอดท่ีเข็นแล๎วออกมาพันไว๎ เครื่องมือเปียลักษณะ เปน็ โคงใหญํทาใหเ๎ ปน็ ไจ ด๎ายท่ีเปยี แลว๎ จะได๎เปน็ ไจหรือเขด็ รวมกนั ได๎ประมาณ 5 ไจ พื้นบ๎านเรียกวํา กา หรือ เขด็ หน่งึ เข็ด ด๎ายทเ่ี ปียแลว๎ จะได๎เป็นไจ หรือเข็ด แล๎วนาไปย๎อมสีและแชนํ า้ ขา๎ วตากใหแ๎ หง๎ ข้ันตอนที่ 7 การย๎อมสีการย๎อมการนาเส๎นใยฝูายท่ีผํานกระบวนการที่ทาให๎เป็นเส๎นด๎วย และมีการ แบงํ เสน๎ ดา๎ ยใหเ๎ ปน็ ไจ เพราะให๎เป็นระเบยี บในการนามาใชง๎ าน โดยการยอ๎ มสี จะเป็นออกเป็นสองสํวนคือการ ย๎อมสีจากวัสดุธรรมชาติและการย๎อมสีสังเคราะห์ เทคนิคในการย๎อมมีทั้งแบบผํานความร๎อน และแบบการ ยอ๎ มเยน็ ขั้นตอนท่ี 8 การกวกั ฝูาย การกวกั ฝาู ย คือ การนาด๎ายทยี่ อ๎ มสีและน้าข๎าวแล๎ว ไปใสํในเคร่ืองมือกวัก เพ่อื ทาใหด๎ า๎ ยมคี วามตึงเรียบเสมอกัน เม่ือกวักด๎ายหลายกวัก เตรียมสาหรับนาไปค๎น (โว๎นเส๎นด๎าย) เป็นด๎าย ยืนในการทอตํอไป ขน้ั ตอนที่ 9 การขีนหกู นาดา๎ ยทอี่ ยใํู นกวักไปค๎นเปน็ เครอื ดว๎ ยเผือ เรียกวาํ เครอื หุ หรือ เครือทูก ตาม จานวนผืนที่ตอ๎ งการ ขั้นตอนท่ี 10 การสบื หูก การนาเส๎นไหมทางเครอื (ด๎ายยนื ) มาตํอเข๎ากับฟืมผูกหรือมัดเส๎นไหมที่ยื่น มาจากเขาใหแ๎ นํน เรียงลาดบั จนแลว๎ เสร็จ เพอื่ ใชล๎ ักษณะทีย่ าวการสืบหกู นัน้ จะสืบจานวนเส๎น (ความ เชํน 12 ความ 24 ความ ) ขึ้นอยํูกับเส๎นด๎ายท่ีจะนามาสืบนั้นต๎องผํานขบวนการข้ันตอนในการเตรียมเส๎นฝูายให๎ เรียบร๎อยแลว๎ ตํอเสน๎ ด๎ายยืนเข๎าฟืม นาเครือทูกมาสืบในฟืมสาเร็จ มีเหาสาหรับยกเป็นลวดลาย นาเครือทูกท่ี สบื ใสฟํ มื เรียบร๎อย ขน้ั ตอนท่ี 11 การผดั หลอดหรอื การปันน หลอด นาฝูายมัดหม่ีคล๎องใสํกงซึ่งวางอยูํระหวํางตีนกง 1 คูํ หมนุ กงคลายฝูายออกจากกงพนั เข๎าหลอดไมไ๎ ผเํ ลก็ ๆทเ่ี สียบแนํนอยกูํ ับเหลก็ ไนของหลา ความยาวของหลอดไผํ สัมพันธ์กันกับกระสวยทอผ๎า เมื่อหมุนกงล๎อไม๎ไผํของหลา เหล็กไนและหลอดจะหมุนเอาเส๎นฝูายจากกงพัน รอบแกนหลอดไมไ๎ ผํ ใหไ๎ ดจ๎ านวนเสน๎ ฝาู ยพอเหมาะกับขนาดของรอํ งกระสวยทอผา๎

ข ฝูาย จากน้ันให๎เอาฝุามือถูปุยฝูายให๎ม๎วนขนานเข๎าไปกับไม๎ล๎อฝูาย โดยรักษาน้าหนักมือให๎พอเหมาะ เพือ่ ไมํให๎มว๎ นฝูาย ข้ันตอนท่ี 12 การทอฝูาย ารทอผ๎านั้นต๎องอาศัยฝีมือและความร๎ูความชานาญ ของผู๎ทอเป็นอยําง มาก เปน็ งานศลิ ปะท่ีมีอยูํเพียงชิ้นเดียวในโลก เพราะแตํละคนที่ทาแตํละขั้นตอน จะมีความแตกตํางกัน เส๎น ไหมที่สาวได๎แตํละชํวงเวลาหรือแตํละระยะของฝักไหมให๎ความหนาของเส๎นไมํ เทํากัน สีไมํเหมื อนกัน นอกจากน้ันแลว๎ ความสามารถในการทอ การสอดกระสวย ความแรงในการตีกระทบหรือการฟัดทาให๎ได๎สีเข๎ม อํอนตํางกัน การเรียงเส๎นไหมให๎ตรงลายจะแสดงถึงความคมชัดและความชานาญของผ๎ูทอแตํละคน อากาศ อณุ หภมู ิ หรอื แมแ๎ ตอํ ารมณ์ความรส๎ู ึกของผ๎ูทอ สง่ิ เหลําน้ีมีผลกับความสวยงามของผ๎าผืนนั้น ๆ จึงทาให๎ผ๎าทอ มอื แตํละผนื ท่ีทอ มีเอกลักษณ์เป็นของตวั เองและมีเพยี งผืนเดยี วในโลกเทาํ นนั้ การถ่ายทอดความรู้ ความเชย่ี วชาญ นางแดง สมั มุตถีถาํ ยทอดความรูก๎ ารทอผ๎าฝูาย การศกึ ษาทั้ง 2 รูปแบบ ดงั น้ี 1. การศึกษาในระบบ เปน็ วทิ ยากรถาํ ยทอดความรก๎ู ารการทอผา๎ ฝาู ย ใหแ๎ กํนกั เรียนในโรงเรยี น 2. การศึกษานอกระบบ เป็นวิทยากรถํายทอดความร๎ูการทอผ๎าฝูาย ให๎แกํ กศน.อาเภอเมือง หนองบัวลาภู ลกั ษะของเครอื ข่ายและการสร้างเครือขา่ ย นางแดง สัมมุตถี มเี ครือขํายและมวี ธิ ีการสร๎างเครอื ขาํ ยดังน้ี 1. เครือขํายภาครัฐและเอกชน ประกอบด๎วย 2. สานกั งานเกษตรอาเภอเมอื งหนองบวั ลาภู 3. สานกั งานพฒั นาชุมชน 4. ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเมอื งหนองบวั ลาภู 5. กลุํมเกษตรอาเภอเมอื งหนองบวั ลาภู วธิ กี ารสร้างเครอื ข่าย นางแดง สัมมุตถี มีวิธีการสร๎างเครือขํายโดยการไปเป็นวิทยากรการทอผ๎าฝูายตามหนํวยงานท้ัง ภาครฐั และเอกชนตลอดจนไดร๎ ับเชญิ ชวนให๎ผู๎สนใจการทอผา๎ ฝาู ยไปศึกษาดูงานใน กลํุมวิสาหกิจชุมชนการทา เห็ดฟาง และได๎จัดทาแผํนพับ เอกสารการทาปุ๋ยหมักแจกจํายให๎กับเครือขําย และประชาชนผู๎สนใจในอาชีพ การทอผ๎าฝูายอยาํ งตอํ เนอ่ื ง

ข ประวตั ิและผลงานครูภูมปิ ัญญาท้องถ่ิน ตาบลโพธ์ชิ ยั อาเภอเมืองหนองบวั ลาภู จังหวดั หนองบวั ลาภู ดา้ น เกษตรกรรม สาขา การประกอบอาชพี เกษตรกรรม นางสมพร โภคานติ ย์



ข นางสมพร โภคานติ ย์ ประวตั แิ ละผลงานครภู มู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ จงั หวัดหนองบวั ลาภู ดา้ น เกษตรกรรม สาขา การประกอบอาชพี เกษตรกรรม ประวัตชิ ีวิตและผลงาน นางสมพร โภคานิตย์ เกิดเม่ือวันท่ี 30 มีนาคม 2513 ที่อยูํ บ๎านหนองกุงพัฒนา เลขท่ี 73 หมํูที่ 5 ตาบลโพธิช์ ัย อาเภอเมืองหนองบัวลาภู จงั หวดั หนองบวั ลาภู รหัสไปรษณีย์ 39000 โทรศัพท์มือถือ 0899624531 จบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ปัจจุบัน ทาหน๎าท่ีเป็น ผู๎ใหญํบ๎าน บ๎านหนองกุง พัฒนา บ๎านเลขที่ 73 หมูทํ ี่ 5 ตาบลโพธชิ์ ัย อาเภอเมืองหนองบวั ลาภู จังหวัดหนองบัวลาภู เปน็ วิทยากรให๎ความรู๎ด๎านการทาการเกษตรผสมผสาน การทาปุ๋ยหมัก ปุ๋ยชีวภาพ ในเขตตาบลโพธ์ิ ชยั และเปน็ อาสาสมัครสาธารณะสขุ ประจาหมูํบา๎ น และใหบ๎ รกิ ารในตาบลโพธิช์ ัย องค์ความรู้ และความเชย่ี วชาญ เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาที่ยึดหลักทางสายกลาง ที่ช้ีแนวทางการดารงอยูํและปฏิบัติของ ประชาชนในทุกระดับในหมบูํ ๎านใหด๎ าเนินไปในทางสายกลาง มคี วามพอเพียง และมีความพร๎อมท่ีจะจัดการตํอ ผลกระทบจากการเปล่ียนแปลง ซึ่งจะต๎องอาศัยความรอบรู๎ รอบคอบ และระมัดระวัง ในการวางแผน ครอบครัว มีการปลูกผักไว๎กินในครัวเรือน การสร๎างอาชีพตํางๆจากวัตถุดิบที่มีในชุมชน นามาแปรรูปสร๎าง รายได๎ ฯลฯ การถา่ ยทอดองคค์ วามรู้ ความเชย่ี วชาญ การบรรยายพร๎อมการสาธติ การแจกใบความรใ๎ู ห๎กบั ผู๎เรียน ลกั ษะของเครือขา่ ยและการสร้างเครือข่าย นางสมพร โภคานติ ย์ มเี ครอื ขํายและมีวิธกี ารสรา๎ งเครือขาํ ยดงั น้ี เครือขํายภาครฐั และเอกชน ประกอบด๎วย 1. พฒั นาฝมี ือแรงงาน 2. สานกั งานพัฒนาชมุ ชน 3. ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอเมืองหนองบวั ลาภู 4. กลํมุ เกษตรอาเภอเมืองหนองบัวลาภู วธิ ีการสรา้ งเครือขา่ ย

ข นางสมพร โภคานิตย์ มีวธิ ีการสร๎างเครอื ขํายโดยการไปเปน็ วิทยากรใหค๎ วามร๎ูด๎านการทาการเกษตร ผสมผสาน การทาปุ๋ยหมัก ปุ๋ยชีวภาพ ในเขตตาบลโพธิ์ชัย และเป็นอาสาสมัครสาธารณะสุขประจาหมูํบ๎าน และให๎บรกิ ารในตาบลโพธิ์ชยั ตามหนํวยงานทั้งภาครัฐและเอกชนตลอดจนได๎รับเชิญชวนให๎ผู๎สนใจ และการ เปน็ จติ อาสาพัฒนาสงั คมชุมชนในกิจกรรมตาํ งๆ ผลงานทีเ่ ป็นประโยชน์ต่อสงั คม ชมุ ชน เป็นวิทยากรให๎ความร๎ูกับ ประชาชน ให๎ความรู๎ด๎านการทาการเกษตรผสมผสาน การทาปุ๋ยหมัก ปุ๋ยชีวภาพ

ข ประวัตแิ ละผลงานครภู ูมปิ ัญญาท้องถิ่น ตาบลโนนทนั อาเภอเมืองหนองบวั ลาภู จังหวดั หนองบวั ลาภู ด้าน อตุ สาหกรรม และหตั ถกรรม สาขา เคร่อื งป้นั ดนิ เผา นายมงคล เพง็ ศริ ิ



ข นายมงคล เพ็งศริ ิ ประวตั แิ ละผลงานครภู มู ปิ ญั ญาท้องถนิ่ จงั หวัดหนองบวั ลาภู ดา้ น อุตสาหกรรม และหัตถกรรม สาขา เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผา ประวัติชีวิตและผลงาน นายมงคล เพ็งศิริ อาศัยอยํูบ๎านเลขท่ี 35 หมูํท่ี 3 ตาบลโนนทัน อาเภอหนองบัวลาภู จังหวัดอุดรธานี (ปัจจุบันจังหวัดหนองบัวลาภู) บิดาช่ือ นายบุญ เพ็งศิริ มารดาชื่อ นางสอน เพ็งศิริ นายมงคลเพ็งศิริ เป็นบุตรคนที่ 4 เกิดในตระกูลชาวนา ปัจจุบัน ประกอบอาชีพ เกษตรกรรม และทาเครื่องปั้นดินเผา จบการศึกษาระดับประถมศึกษา จากศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน อาเภอเมือง หนองบัวลาภู จังหวัดหนองบัวลาภู บรรพบุรุษทาเคร่ืองป้ันดินเผา และได๎ปลูกฝักความร๎ูการทา เครือ่ งป้นั ดนิ เผา จึงได๎สืบทอดมาจนถงึ ปัจจุบนั มีผลงานในการทาเครือ่ งปั้นดินเผาจนเป็นท่ีรจู๎ ัก และได๎อุทิศตน เพ่ือชุมชน และสังคมมาโดยตลอด ได๎รับเชิญเป็นวิทยากรในการถํายทอดความร๎ู และการนาสินค๎าไปรํวมใน การจัดแสดงสินค๎าระดับจังหวัด ตามหนํวยงานของภาครัฐและเอกชน เชํน สานักงานอุตสาหกรรมจังหวัด หนองบัวลาภู สานักงานพาณิชย์จังหวัดหนองบัวลาภู สานักงานเกษตรอาเภอเมืองหนองบัวลาภู สานักงาน พัฒนาชุมชนหนองบัวลาภู และ ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอเมอื งหนองบวั ลาภู องค์ความรแู้ ละความเชยี่ วชาญ นายมงคล เพ็งศิริ มีองค์ความร๎ูและความเชี่ยวชาญ ท่ีนาไปถํายทอดให๎แกํผ๎ูเรียน และผ๎ูที่สนใจ โดยใช๎กระบวนการถํายทอดความรู๎ที่หลากหลาย เชํนการอธิบาย การสาธิต และให๎ผ๎ูเรียนฝึกปฏิบัติจริง ตามหัวขอ๎ ดงั ตํอไปนี้ การแนะนา วัสดุอุปกรณ์ ขัน้ ตอน วธิ ีการทา การดูแล รักษาการจัดเก็บ และการจาหนําย ผลผลติ รายละเอียดองค์ความร๎ูทีน่ ายมงคล เพง็ ศิริ ถํายทอดองค์ความรแู๎ กํผ๎ูเรยี นตามลาดับขัน้ ตอน ดังนี้ วตั ถุดิบ 1. ดินเหนียวสดี า 2. ทราย 3. ไมไ๎ ผํ ขน้ั ตอนวิธีการทา 1. นาดนิ เหนยี วมานวดผสมกบั ทรายในปริมาณท่เี ทาํ กัน พรมน้าไปด๎วยเพ่ื่อให๎ดนิ คละเคล๎ากนั 2. นาดินท่ีนวดแลว๎ มาขน้ึ รปู ทตี่ อ๎ งการ โดยอาศัยแกนหมนุ 3. นาผลิตภัณฑท์ ีไ่ ดแ๎ ลว๎ มาผ่งึ ลมให๎แหง๎ ประมาณ 2-3 วัน 4. เมอื่ ไดผ๎ ลิตภณั ฑ์ทีม่ ากพอแล๎ว เต็มเตาเผา จงึ นาไปเผา โดยใชไ๎ ม๎ฟืนในการเผา ข้อควรระวงั ระวงั ดินทีน่ วดไว๎จะแหง๎ ควรคลมุ ดว๎ ยผ๎าชบุ น้า

ข การถา่ ยทอดความรแู้ ละความเชี่ยวชาญ นายมงคล เพ็งศิริ ถํายทอดความรู๎ด๎านการทาเครอ่ื งป้นั ดินเผา ผลติ เครื่องปั้นดินเผาด๎วยกรรมวิธีการ ผลิตแบบดงั้ เดมิ อนั มเี อกลักษณเ์ ฉพาะไมเํ หมือนกับเครอ่ื งปน้ั ดินเผาท่อี นื่ ๆ ไมวํ าํ จะเป็นวัตถุดิบ กรรมวิธีในการ ป้ัน หรือรปู แบบผลติ ภณั ฑก์ ารให๎ความรส๎ู าหรบั ผทู๎ ี่สนใจ หรอื มาเป็นคณะศึกษาดูงานจากหนํวยงานของภาครัฐ และเอกชน ลักษณะของเครอื ข่ายและการสร้างเครือขา่ ย นายมงคล เพง็ ศิริ มีเครอื ขํายและวิธีการสรา๎ งเครอื ขํายภาครัฐและเอกชน ประกอบดว๎ ย 1. สานักงานอตุ สาหกรรมจงั หวัดหนองบัวลาภู 2. สานกั งานพาณิชยจ์ ังหวัดหนองบวั ลาภู 3. สานักงานพฒั นาชมุ ชนหนองบัวลาภู 4. โรงเรยี นในจงั หวัดหนองบัวลาภู และเขตใกล๎เคียง 5. ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเมืองหนองบวั ลาภู ผลงานทเี่ ป็นประโยชนต์ อ่ ชมุ ชนและสงั คม นายมงคล เพง็ ศริ ิ มผี ลงานท่เี ป็นประโยชน์ตํอชุมชน/สังคม ดงั นี้ได๎อทุ ศิ ตนในการให๎ความรู๎ วธิ ีการทา เคร่ืองป้ันดินเผา ให๎แกํบุคคลในชุมชน นักเรียน นักศึกษาและผู๎ที่สนใจ โดยไมํคิดคําจ๎างปีละ ไมํน๎อยกวํา 100 คน

ข ประวตั ิและผลงานครภู มู ิปัญญาทอ้ งถิ่น ตาบลลาภู อาเอเมอื งหนองบวั ลาภู จังหวดั หนองบัวลาภู ดา้ น ศิลปกรรม สาขา โบราณสถาน วดั ปา่ นาแค


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook