วิจัย2563

วิจัยในชนั้ เรียน เรอ่ื ง การสอนวชิ าวิทยาศาสตร์ เร่ือง วกิ ฤตการณ์สงิ่ แวดลอ้ ม โดยใช้ Power Point เพอ่ื พัฒนาทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ของนกั เรียน ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6/1 ผู้วิจัย นางกมลชนก เทพบุ ตาแหนง่ ครผู ู้ชว่ ย กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวดั เชยี งใหม่

ชอื่ งานวจิ ยั การสอนวิชาวิทยาศาสตร์ เรอื่ ง วกิ ฤตการณ์สิ่งแวดล้อม โดยใช้Power Point เพอ่ื พฒั นาทักษะ การคิดวิเคราะหข์ องนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 6/1 ชื่อผู้วจิ ยั นางกมลชนก เทพบุ กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี บทคดั ย่อ การจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทกั ษะการคดิ วิเคราะห์เรื่อง วกิ ฤตการณด์ ้านส่ิงแวดล้อม โดยการใชP้ ower Pointในระดับชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 6/1 พบว่าในการจดั กิจกรรมดังกล่าวทําให้นักเรียนมคี วาม สนใจการเรียน มีความรับผิดชอบ ไมเ่ บื่อหน่ายต่อการเรียน รู้สึกสนุกสนาน ส่งเสริมทักษะในดา้ นต่างๆ เกิด ความเข้าใจ บทเรยี นรู้จกั ทํางานเป็นกลุ่ม และมผี ลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนที่สูงขน้ึ

คานา งานวิจัยเรื่องการสอนวิทยาศาสตร์ เรื่อง วิกฤตการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมโดยใช้Power Point เพ่ือ พัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6/1 ได้จัดทําข้ึนเพื่อพัฒนาทักษะการคิด วิเคราะห์ ของนักเรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6/1โดยการวิจยั ครง้ั น้ี ผู้วิจยั หวังเปน็ อย่างย่ิงว่าจะเปน็ ประโยชน์ ต่อ ผ้ศู กึ ษาทุกท่านเพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาการเรยี นการสอนตอ่ ไป ผวู้ จิ ัย นางกมลชนก เทพบุ

ชอื่ เรือ่ งวิจัย : การสอนวิทยาศาสตร์ เร่ืองวิกฤตการณ์สิ่งแวดล้อม โดยใช้Power Point เพอ่ื พัฒนาทักษะ การคิดวเิ คราะห์ของนักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6/1 ความสาคัญและที่มา วิชาวทิ ยาศาสตร์เป็นวิชาหนง่ึ ทีเ่ นน้ ด้านทักษะกระบวนการ ซึ่งครูผสู้ อนมกั เนน้ การท่องจําและการ สอนแบบ บรรยาย การทําแบบฝกึ หัด เป็นผลทําให้นักเรียนเกิดความเบื่อหน่าย โดยเฉพาะนักเรียนทเี่ รียน ปานกลาง หรือเรียนออ่ น จะไม่สนใจเรียนมาก ซ่ึงในปัจจุบันโลกและสงิ่ แวดล้อมมีการเปล่ียนแปลงอยู่ ตลอดเวลาเทคโนโลยีมคี วามเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วยิ่งมผี ลกระทบต่อสภาพของสงั คมทต่ี ้องเตรียมคน ให้ สามารถเผชิญกับยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลง การศึกษาจึงมีความสําคัญ และมีบทบาทต่อการพัฒนา ประเทศ รูปแบบการจัดการศึกษาจึงมีการปฏิรูปการ ศึกษา ซึ่งหัวใจสําคัญประการหนึ่งของการปฏิรูป การศกึ ษาตามแนวพระราชบญั ญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2551 คอื การเปล่ียนแปลงกระบวนการเรียนรู้โดย มงุ่ เน้นให้ผู้เรียนคิดเป็นวิเคราะห์เปน็ และสร้างองค์ความรู้ได้ ซึ่งผูว้ ิจัยเห็นวา่ การนํา Power Point มาใช้ ในกิจกรรมการเรียนการสอนในระดับชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 6/1 ซึ่งจะชว่ ยให้นักเรียนสนใจกจิ กรรมการเรียน การสอน สามารถกระตุ้นให้นักเรียนอยากจะเรียนและเรียนอย่างมีความสุข อีกทั้งยังสามารถช่วยเหลือ นักเรียนท่ีไม่ประสบผลสําเร็จในการเรียน ให้มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนดีขึ้นจากเหตูผลและปัญ หาดังกล่าว ข้างต้น การใช้ Power Point ประกอบการสอนเป็นอีกวิธีการหน่ึงท่ีสําคัญในการฝึกทักษะได้ดี ทั้งยังสร้าง ความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ไม่เกิดความเบ่ือหน่ายต่อการเรียนอีกด้วย สอดคล้องกับความต้องการทาง ธรรมชาตขิ องเด็ก และยังทาํ ให้ผลการเรียนรูข้ องนักเรียนมีประสิทธิภาพดียิ่งข้ึน ผู้วิจัยจึงได้จัดทําวิจัยเร่ือง การสอนวทิ ยาศาสตร์ เรื่อง วิกฤตการณ์สิ่งแวดล้อมโดยใช้กิจกรรม Power Point เพื่อ พฒั นาทักษะการคิด วเิ คราะหข์ องนักเรยี นช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 6/1 ขึน้

วตั ถปุ ระสงค์การวจิ ัย เพอ่ื พัฒนาทักษะการคดิ วเิ คราะห์ของนักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี6/1 สมมติฐานการวิจัย การใช้ Power Point เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียน ช้ัน มัธยมศกึ ษาปีที่ 6/1 จะทาํ ให้นักเรียนมที ักษะและความสามารถในการคิดวิเคราะห์ไดด้ ี ขนึ้ ประโยชนข์ องการวิจัย - นักเรยี นมที กั ษะในการคิดวเิ คราะห์ - นักเรียนมผี ลสมั ฤทธิข์ องการเรยี นวชิ าวิทยาศาสตร์อยใู่ นระดบั ดี - นกั เรยี นไมเ่ บอ่ื หนา่ ยการเรียน ขอบเขตของการวิจัย ประชากรท่ีใช้ในการวจิ ยั นักเรียนชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6/1โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 ภาค เรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จาํ นวน 18 คน กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจัย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งน้ีเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 ภาค เรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 จาํ นวน 18 คน โดยพจิ ารณาจากผลการ ทาํ แบบทดสอบเรอ่ื งวิกฤตการณ์สิ่งแวดล้อม และ เลือกนักเรียนทม่ี ีคะแนนตํ่ากวา่ เกณฑ์ท่ีกําหนด ระยะเวลา ทใ่ี ชใ้ นการทดลอง การวิจัยคร้ังนี้ ใช้ระยะเวลา1 เดือนคือเดือนธันวาคม 2563 ในช่วงจัดกิจกรรมใช้เวลา 5 สัปดาห์ สปั ดาหล์ ะ 2 วัน วนั ละ 1 ชั่วโมง รวม 10 ชัว่ โมง เนื้อหาท่ีใช้ในการทดลอง เนื้อหาทใ่ี ช้ในการสร้างแบบฝึกทกั ษะการคิดวิเคราะห์ เรอื่ งวิกฤตการณ์ สงิ่ แวดล้อม จาก เนือ้ หาในกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 6/1 ตามหลกั สตู ร แกนกลาง การศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน สาระท่ี 1 โดยใช้ Power Point ตวั แปรตาม ไดแ้ ก่ ผลสมั ฤทธิ์ดา้ นทักษะการวเิ คราะห์ ของนกั เรียนชัน้ ม.6/1 นยิ ามศพั ท์เฉพาะ 1.ทักษะพื้นฐานการคิดวิเคราะห์ หมายถึง ความสามารถเบื้องต้นท่ีเป็นพ้ืนฐานของการเรียนรู้ ความหมาย และความสําคัญของส่ิงแวดล้อม วิเคราะห์ค่านิยมและพฤติกรรมการเห็นคุณค่าตระหนักถึงปัญหาและ วิกฤตการณ์ของสิ่งแวดล้อม ซ่ึงส่งผลตอ่ สิ่งแวดลอ้ มในระดบั ประเทศและโลก 2. แบบทดสอบ หมายถึง เครอ่ื งมือทีใ่ ช้ทดสอบทกั ษะทางด้านคิดวิเคราะห์ 3.แบบฝึกทักษะ หมายถึง เคร่ืองมือที่ใช้สําหรับฝึกเพื่อให้นักเรียนเกิดความเข้าใจ เรื่องวิกฤตการณ์ สิ่งแวดล้อม ได้ 4. แบบฝึกวเิ คราะห์ ก่อนเรียนและหลงั เรียน 5. Power Point หมายถึง สอ่ื อิเลคทรอนิกสท์ น่ี ํามาใชพ้ ฒั นาทกั ษะการวเิ คราะห์

บทท2่ี เอกสารทเี่ ก่ียวขอ้ ง - หลักสูตรวชิ าวิทยาศาสตร์ ชน้ั ม.6 พ.ศ. 2551 - แบบฝกึ ทกั ษะการวิเคราะห์ วิชาวิทยาศาสตร์ - แบบทดสอบทกั ษะการวิเคราะห์ วิชาวิทยาศาสตร์ - แผนการสอนวิชาวทิ ยาศาสตร์

บทที่ 3 วิธีดาเนนิ การวิจยั ผรู้ ่วมวจิ ยั ผูร้ ว่ มวจิ ยั คร้งั นีป้ ระกอบด้วย ผวู้ ิจัยและนักเรยี นโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 ช้นั มัธยมศึกษาปี ท่ี 6/1 ปี การศกึ ษา 2563 รูปแบบการวจิ ยั การวิจยั ครัง้ น้ีเป็นวิจยั เชิงปฏิบตั กิ าร เพอ่ื พัฒนาทักษะการ วเิ คราะห์ วชิ าวิทยาศาสตร์ 1. ข้นั วางแผน ดําเนนิ ตามขนั้ ตอนดงั ตอ่ ไปนี้ 1.1 ผวู้ ิจยั วิเคราะหส์ ภาพปญั หาการเรยี นการสอน วิเคราะหห์ าสาเหตุ 1.2 วเิ คราะหห์ ลกั สูตรเก่ียวกบั หลักสูตรวทิ ยาศาสตร์ ระดบั ชั้น ม.6 กําหนดเน้ือหาท่ีจะใช้ สอน 1.3 ศกึ ษาค้นควา้ เอกสารท่ีเก่ียวข้อง 1.4 สร้างแบบสงั เกตพฤตกิ รรม แบบสัมภาษณ์ และแบบแสดงความคิดเห็น 1.5 การใช้ส่อื Power Point 2. ขน้ั ปฏิบตั ิการ ผ้วู ิจยั นาํ แผนการสอน แบบสมั ภาษณ์ และแบบแสดงความคิดเห็น และสื่อ Power Point มาใช้ ดําเนนิ การ ขณะลงมอื ปฏิบัติมีการวเิ คราะห์มาประกอบดว้ ย 3. ขน้ั สังเกตการณ์ ขณะลงมือปฏบิ ัตกิ ารสอน ผวู้ ิจยั เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล ดว้ ยวิธีการดงั นี้ 3.1 การสงั เกตพฤติกรรมนักเรยี นขณะทํากจิ กรรม 3.2 การบนั ทึกต่างๆเกี่ยวกับการสงั เกตพฤตกิ รรม 3.3 วัดผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนเม่ือส้ินสดุ การเรียน 4. สะท้อนผลการปฏบิ ัติจรงิ นาํ ข้อมูลที่ได้จากการสงั เกต และแบบทดสอบ ระหวา่ งเรียนมา วเิ คราะห์และศกึ ษาส่ิงที่ตอ้ งปรบั ปรุง แกไ้ ข เพอ่ื นาํ มาปรับปรงุ การเรยี นการสอนคร้ังต่อไป

เคร่ืองมอื ทีใ่ ชใ้ นการวิจยั เครื่องมอื ทใี่ ชใ้ นการวจิ ยั จําแนกตามลักษณะการใช้ดังนี้ 1. เครือ่ งมือท่ใี ช้ในการทดลองปฏิบัติ ประกอบดว้ ย แผนการสอนและ ส่อื Power Point 2. เครอ่ื งมอื ท่ใี ชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมลู จากการปฏบิ ตั ิดังน้ี - แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิก่อนเรยี น- หลงั เรยี น - แบบสังเกตพฤตกิ รรมนักเรียน - แบบสัมภาษณ์ การเก็บรวบรวมขอ้ มูล การดาเนินการเก็บรวบรวมขอ้ มลู ผู้วิจัยไดแ้ บ่งการดําเนินการออกเปน็ 2 ประเภทดังน้ี 1. การเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคณุ ภาพ - เครอ่ื งมือทใ่ี ช้ไดแ้ ก่ แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรียน แบบสัมภาษณ์ 2. การเก็บรวบรวมข้อมลู เชงิ ปริมาณ - เครอ่ื งมือท่ีใชไ้ ดแ้ ก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธก์ิ อ่ นเรยี น- หลงั เรยี น

บทที่ 4 การวิเคราะหข์ ้อมลู แบ่งออกเปน็ 2 ประเภท คือ - การวิเคราะห์ข้อมลู ข้อมูลเชงิ คุณภาพ นาํ ข้อมูลท่ีไดจ้ ากการ สัมภาษณ์ และสังเกตพฤติกรรม มา วิเคราะห์ สรปุ แล้วรายงานผลในลักษณะการ บรรยาย - การวเิ คราะหข์ อ้ มูลข้อมูลเชงิ ปริมาณ การวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบทดสอบเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะการวิเคราะห์ วิชา วิทยาศาสตร์ โดยใช้สถิติ พืน้ ฐาน ผลการวิจยั ตารางที่ 1 แสดงผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นของนกั เรียนท่ีพัฒนาการวเิ คราะห์ วิชาวทิ ยาศาสตร์ โดยกิจกรรม Power Point นกั เรยี นคนที่ คะแนนสอบกอ่ น คะแนนสอบหลงั ( 20 คะแนน ) ( 20 คะแนน ) 1 2 7 16 3 9 17 4 6 15 5 8 17 6 7 15 7 7 16 8 9 17 9 6 15 10 8 17 11 7 15 12 7 16 13 9 17 14 6 15 15 8 17 16 7 15 6 15

17 8 17 18 7 15 จากตารางท่ี 1 แสดงวา่ กจิ กรรมการเรียนการสอนพัฒนาทกั ษะการวเิ คราะห์ วิชาวิทยาศาสตร์ โดย ใช้ Power Point ทาํ ให้ผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นสูงขน้ึ กลา่ วคือ นกั เรยี นมี พฒั นาการทักษะการวเิ คราะห์ วิชา วิทยาศาสตร์เพิ่มสงู ขึ้น ตามลําดับ จากการสอนโดยใช้ Power Point ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล หลังการพัฒนา ทกั ษะทางการวิเคราะห์ วิชาวทิ ยาศาสตร์ พบว่าการสอนพัฒนาทักษะการวิเคราะห์ วิชาวิทยาศาสตร์ โดยใช้ Power Point ผลการทดสอบก่อนการใช้ Power Point และหลังการใช้ Power Point ของนักเรียนกลุ่ม ตวั อยา่ ง ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6/1 แสดงว่าโดยภาพรวมแลว้ นกั เรยี นกลุ่มตวั อย่างช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6/1 มี การเรียนรู้ หลังการใช้ Power Point สูงข้ึนมากกว่าก่อนการใช้ Power Point แต่ผลสัมฤทธิ์ก่อนการใช้ Power Point มี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตํ่ากว่า 50 % คิดเป็นคะแนนคือ 10 คะแนน นักเรยี นท้ัง 18 คนมี คะแนนต่ํากว่าร้อยละ 50 แสดงให้เห็นว่าผลสัมฤทธ์ิก่อนการใช้ Power Point แตกต่างกันมาก และระดับ คุณภาพการเรียนรู้เดิม นั้นต้องได้รับการปรับปรุง ผู้สอนได้พัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ เรื่องวิกฤตการณ์ ส่งิ แวดล้อม โดย การใช้ Power Point ฝึกทักษะทางการคิดวิเคราะห์ พบว่า ผลสัมฤทธ์ิหลังการใช้ Power Point มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นกว่าก่อนเรียน นักเรียนท่ีผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 มีจํานวน 9 คน แสดง ให้เห็นว่า หลงั การใช้แบบฝึกทักษะการคิดวเิ คราะห์ ในการพัฒนาทกั ษะพื้นฐาน เร่ืองวิกฤตการณ์สิ่งแวดล้อม โดยใช้ Power Point นกั เรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 6/1 มีผลการทดสอบ ทางด้านทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ สงู ใน ระดบั ที่ใกล้เคยี งกันมากข้นึ

การอภิปรายผลการวิจัย การสอนวิทยาศาสตร์ เรื่องวิกฤตการณ์สิ่งแวดล้อมโดยใช้ Power Point เพื่อ พัฒนา ทักษะการ วเิ คราะห์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 พบว่าในการจัดกิจกรรมดังกล่าว ทําให้นักเรียนมีความสนใจ การเรียนมีความรับผิดชอบ ทําให้ไม่เบื่อหน่ายต่อการเรียน รู้สึกสนุกสนาน ส่งเสริมทักษะในด้านต่างๆ เกิด ความเข้าใจบทเรียนมากขึ้น ซ่ึงกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้ Power Point เพ่ือพัฒนาทักษะการ วิเคราะห์ จะทําให้การเรียนการสอนต่อเนื่องกันไปและพัฒนา ทักษะทางด้านการสงั เกต การวิเคราะห์ และ การเรยี นรูข้ องนกั เรยี น เกิดจากการที่ผเู้ รียนเป็นผู้กระทําเอง และ ถ้าการกระทําน้ันไดร้ ับการเสริมแรง ทําให้ นักเรียนเกดิ การเปล่ียน แปลงพฤติกรรม โดยผเู้ รียนเกดิ การพัฒนา ศักยภาพของตนเอง เพื่อให้ผอู้ ่นื ยอมรบั ว่า ตนเองมคี ุณค่า หรือได้รับการยกยอ่ ง ต้องการความเชื่อมัน่ ใน ความสามารถของตนจาการจัดกิจกรรมการเรยี น การสอนน้ี ทําให้ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูงขึ้น นักเรียนมี พัฒนาทักษะทางด้านการวิเคราะห์ เพิ่มสูงขึ้น ตามลําดับ

บทท่ี 5 สรุปผลการวิจัย การสอนวิชาวิทยาศาสตร์เร่ือง วิกฤตการณ์สิ่งแวดล้อม โดยใช้ Power Point เพื่อ พัฒนา ทักษะ การวิเคราะห์ ของนักเรียนชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 6/1 พบวา่ ในการจดั กิจกรรมดังกล่าว ทําให้นักเรียนมีความ สนใจการเรียน รู้สึกสนุกสนาน มีความรบั ผิดชอบ ทําให้ไม่เบือ่ หน่ายต่อการเรียน ส่งเสริมทักษะในด้านต่างๆ เกดิ ความเข้าใจบทเรียน เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤตกิ รรม ในทางบวก และทํา ให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงข้ึน ตามลําดับ