Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรท้องถิ่นff

หลักสูตรท้องถิ่นff

Published by natthakitwi, 2021-02-22 07:00:53

Description: หลักสูตรท้องถิ่นff

Search

Read the Text Version

หลกั สตู รทอ้ งถ่ิน เร่อื ง ภมู ปิ ัญญาผา้ หมกั โคลน บา้ นหนองสงู โรงเรยี นชมุ ชนเมอื งหนองสงู สานกั งานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษา มกุ ดาหาร นายณฐั กิตติ์ วิเศษศรี เอกการประถมศกึ ษา คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ

หลกั สูตรทอ้ งถนิ่ เรื่อง ภมู ปิ ัญญาผ้าหมกั โคลน บา้ นหนองสงู ชั้นประถมศึกษาปีที่1-6 จดั ทำโดย นายณฐั กติ ติ์ วเิ ศษศรี รหสั นสิ ิต 61105010051 สาขาวชิ าการประถมศึกษา คณะศกึ ษาศาสตร์ เสนอ ผศ.ดร.กติ ตชิ ัย สุธาสโิ นบล หลักสูตรเล่มน้ีเปน็ ส่วนหน่ึงของรายวชิ าสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรมสำหรบั ครู ประถมศกึ ษา 2 (EL 341 SOCIAL STUDIES, RELIGION AND CULTURE FOR ELEMENTARY TEACHERS II) ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครินทรวิโรฒ

ก คำนำ หลักสูตรเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในกำรเรียนกำรสอนของรำยวิชำกำรพัฒนำหลักสูตรท้องถิ่น ซึ่งมีเนื้อหำ สำระที่เกี่ยวกับกำรจัดทำหลักสูตรท้องถิ่น อุทยำนธรณีโลก ถ้ำภูผำเพชร สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำ ประถมศึกษำสตูล เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ประกอบกำรเรียนกำรสอนของผู้เรียนให้เกิดกระบวนกำรเรียนรู้ท้ัง ภำคทฤษฎีและภำคปฏิบัติ โดยได้มุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีควำมตระหนกั ถึงควำมสำคัญของภูมิปัญญำทอ้ งถิ่น รวมไปถึง สำมำรถนำไปปรับใช้กบั ปรชั ญำเศรษฐกจิ พอเพยี ง จงึ ได้มกี ำรพัฒนำหลกั สตู รทอ้ งถนิ่ ภูมิปญั ญำผำ้ หมักโคลนหนอง สูง เพื่อสืบสำนมรดกของประเทศตอ่ ไป หลักสตู รเลม่ นส้ี ำเร็จลลุ ว่ งไปได้ด้วยดี เนอ่ื งจำกไดร้ ับควำมกรณุ ำจำก ผู้ชว่ ยศำสตรำจำรย์ ดร. กติ ติชยั สุธำสโิ นบล เป็นอำจำรย์ประจำรำยวชิ ำสงั คมศึกษำ ศำสนำและวัฒนธรรม สำหรับครูประถมศึกษำ ทไี่ ด้ให้ คำแนะนำแนวทำงในกำรพฒั นำหลักสูตรท้องถิ่นและขอขอบพระคุณผ้มู สี ่วนเกีย่ วข้องทุกท่ำนท่ีอนเุ ครำะห์ให้ข้อมูล ดว้ ยดีตลอดมำ จงึ ขอขอบพระคุณมำ ณ โอกำสนี้ ผจู้ ัดทำ

สารบญั หน้ำ ๑ เรอื่ ง ๒ ควำมนำ ๒ วสิ ยั ทัศนข์ องโรงเรียน ๓ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ๓ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ทตี่ ้ังและสภำพชุมชนของโรงเรยี น ๔-๕ ๖ ภูมิปญั ญำผำ้ หมกั โคลนหนองสงู ๗ หลักสูตรทอ้ งถิ่นเรือ่ ง ภูมปิ ัญญำผ้ำหมกั โคลนหนองสงู ๘ คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ ชัน้ ประถมศึกษำปีท่ี ๑ ๙ โครงสรำ้ งรำยวิชำ ชน้ั ประถมศกึ ษำปที ่ี ๑ ๑๐ คำอธิบำยรำยวชิ ำ ชน้ั ประถมศึกษำปที ่ี ๒ ๑๑ โครงสรำ้ งรำยวชิ ำ ชน้ั ประถมศกึ ษำปที ่ี ๒ ๑๒ คำอธิบำยรำยวชิ ำ ชน้ั ประถมศกึ ษำปที ่ี ๓ ๑๓ โครงสร้ำงรำยวิชำ ชั้นประถมศกึ ษำปที ี่ ๓ ๑๔-๑๕ คำอธิบำยรำยวชิ ำ ชน้ั ประถมศกึ ษำปที ี่ ๔ ๑๖ โครงสรำ้ งรำยวชิ ำ ช้ันประถมศึกษำปที ่ี ๔ ๑๗-๑๘ คำอธบิ ำยรำยวิชำ ชนั้ ประถมศกึ ษำปที ่ี ๕ ๑๙ โครงสรำ้ งรำยวชิ ำ ชน้ั ประถมศึกษำปที ่ี ๕ ๒๐ คำอธิบำยรำยวชิ ำ ชน้ั ประถมศึกษำปีท่ี ๖ โครงสร้ำงรำยวิชำ ช้นั ประถมศึกษำปีที่ ๖

ภำคผนวก ๒๑ ๑ อ้ำงอิง ๒๓ ควำมนำ กระทรวงศึกษำธิกำรได้ประกำศใช้มำตรฐำนกำรเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ วิทยำศำสตร์ และสำระภูมศิ ำสตรใ์ นกลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้สงั คมศึกษำ ศำสนำ และวฒั นธรรม (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำน พทุ ธศักรำช ๒๕๕๑ ตำมคำสั่งกระทรวงศึกษำธกิ ำร ที่ สพฐ. ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๗ สิงหำคม ๒๕๖๐ และคำสั่งสำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน ที่ ๓๐/๒๕๖๑ ลงวันที่ ๕ มกรำคม ๒๕๖๑ ให้เปลี่ยนแปลงมำตรฐำนกำรเรยี นร้แู ละตวั ชี้วดั กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ คณิตศำสตร์และวทิ ยำศำสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) โดยมีคำสัง่ ให้โรงเรยี นดำเนนิ กำรใชห้ ลักสูตรในปี กำรศึกษำ๒๕๖๑ โดยให้ใช้ในชั้นประถมศึกษำปีที่ ๑ , ๔ และ ม.๑ ตงั้ แตป่ กี ำรศกึ ษำ ๒๕๖๑ เปน็ ต้นมำ ให้ เป็นหลกั สตู รแกนกลำงของประเทศ โดยกำหนดจุดหมำย และมำตรฐำน กำรเรียนรู้เป็นเป้ำหมำยและกรอบ ทิศทำงในกำรพัฒนำคุณภำพผู้เรียนมีพัฒนำกำรเต็มตำมศักยภำพ มีคุณภำพและมี ทักษะกำรเรยี นรู้ในศตวรรษ ที่ ๒๑ เพื่อให้สอดคล้องกบั นโยบำยและเป้ำหมำยของสำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้นั พืน้ ฐำน โรงเรียนผังปำล์ม ๓ จึงได้ทำกำรปรับปรุงหลักสูตรโรงเรียน ปีพุทธศักรำช ๒๕๖๑ ตำมหลักสูตรแกนกลำง กำรศึกษำขั้นพื้นฐำน พุทธศักรำช ๒๕๕๑ และได้จัดทำหลักสูตรท้องถิ่นเพื่อนำไปใช้ประโยชน์และเป็นกรอบในกำร วำงแผนและพัฒนำหลักสูตรของสถำนศกึ ษำและจัดกำรเรียนกำรสอน โดยมีเป้ำหมำยในกำรพัฒนำคุณภำพ ผู้เรียน ให้มี กระบวนกำรนำหลกั สูตรไปสู่กำรปฏิบตั ิ โดยมีกำรกำหนดวิสยั ทศั น์ จดุ หมำย สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น คณุ ลกั ษณะอัน พงึ ประสงค์ มำตรฐำนกำรเรียนรแู้ ละตวั ช้ีวดั โครงสร้ำงเวลำเรียน ตลอดจนเกณฑก์ ำรวัดประเมนิ ผลให้มคี วำมสอดคล้อง กับมำตรฐำนกำรเรียนรู้ เปิดโอกำสให้โรงเรียนสำมำรถกำหนดทิศทำงในกำรจัดทำหลักสูตรกำรเรียนกำรสอนในแต่ละ ระดับตำมควำมพร้อมและจุดเน้น โดยมีกรอบแกนกลำงเป็นแนวทำงที่ชัดเจนเพื่อตอบสนองนโยบำยไทยแลนด์ ๔.๐ มี ควำมพรอ้ มในกำรก้ำวสูส่ งั คม คณุ ภำพ มคี วำมรอู้ ย่ำงแท้จริงและมีทกั ษะในศตวรรษที่ ๒๑ มำตรฐำนกำรเรียนรู้และตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ในเอกสำรนี้ ช่วยทำให้หน่วยงำนที่เกี่ยวข้อง ในทุกระดับ เห็นผล คำดหวังที่ต้องกำรในกำรพัฒนำกำรเรียนรู้ของผู้เรียนท่ีชัดเจนตลอดแนว ซึ่งจะสำมำรถช่วยให้หน่วยงำนที่เกี่ยวข้องใน ระดับทอ้ งถ่นิ และสถำนศึกษำรว่ มกนั พัฒนำหลักสูตรได้อยำ่ งมั่นใจ ทำให้กำรจัดทำหลักสตู รในระดับสถำนศึกษำมีคุณภำพ และมีควำมเป็นเอกภำพยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้เกิดควำมชัดเจนเรื่องกำรวัดและประเมินผลกำรเรียนรู้ และช่วยแก้ปัญหำ กำรเทียบโอนระหวำ่ งสถำนศึกษำ ดงั นนั้ ในกำรพัฒนำหลกั สูตรในทุกระดบั ต้ังแต่ระดบั ชำตจิ นกระทัง่ ถึงสถำนศกึ ษำจะตอ้ ง สะท้อนคุณภำพตำมมำตรฐำนกำรเรียนรู้และตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน รวมทั้งเป็น กรอบทิศทำงในกำรจัดกำรศึกษำทุกรูปแบบและครอบคลมุ ผู้เรยี นทุกกลมุ่ เป้ำหมำยในระดับกำรศึกษำขน้ั พืน้ ฐำน กำรจดั หลกั สตู รทอ้ งถนิ่ จะประสบควำมสำเรจ็ ตำมเป้ำหมำยทีค่ ำดหวงั ได้ ทุกฝำ่ ยท่เี ก่ยี วขอ้ งทั้ง ระดบั ชำติ ชมุ ชน ครอบครัว และบุคคลต้องร่วมรับผิดชอบ โดยร่วมกันทำงำนอย่ำงเป็นระบบและต่อเนื่องในกำรวำงแผน ดำเนินกำร

ส่งเสริมสนับสนุน ตรวจสอบ ตลอดจนปรับปรุงแก้ไข เพื่อพัฒนำเยำวชนของชำติ ไปสู่คุณภำพตำมมำตรฐำนกำรเรียนรู้ท่ี ๒ กำหนดไว้ วสิ ัยทัศนโ์ รงเรียน โรงเรียนชมุ ชนเมืองหนองสงู นกั เรียนมีควำมเปน็ เลศิ ทำงวชิ ำกำร สำมำรถใช้สอื่ และเทคโนโลยที ่ีทนั สมยั สขุ ภำพ อนำมัยแข็งแรง มีคุณธรรม รกั ในศิลปวฒั นธรรมท้องถิ่น ครูเปน็ ครมู อื อำชีพ สภำพแวดลอ้ มเออ้ื ตอ่ กำรเรียนรู้ ชุมชนมสี ว่ นร่วมสนับสนุนในกำรจัดกำรศกึ ษำและร่วมพฒั นำโรงเรยี น สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ควำมสำมำรถในกำรสอื่ สำร เป็นควำมสำมำรถในกำรรับและส่งสำร มีวัฒนธรรมในกำรใช้ภำษำถ่ำยทอดควำมคิด ควำมรู้ควำมเข้ำใจ ควำมรสู้ กึ และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลยี่ นขอ้ มูลขำ่ วสำร และประสบกำรณอ์ ันจะเปน็ ประโยชนต์ ่อกำรพัฒนำ ตนเองและสังคม รวมทั้งกำรเจรจำต่อรองเพื่อขจัดและลดปัญหำควำมขัดแย้งต่ำงๆ กำรเลือกรับหรือไม่รับข้อมูล ข่ำวสำรดว้ ยหลักเหตุผล และควำมถกู ต้อง ตลอดจนกำรเลอื กใช้วธิ ีกำรสือ่ สำรท่ีมีประสิทธภิ ำพโดยคำนึงผลกระทบ ท่มี ีต่อตนเองและสงั คม 2. ควำมสำมำรถในกำรคิด เป็นควำมสำมำรถในกำรคิดวิเครำะห์ กำรคิดสังเครำะห์ กำรคิดอย่ำงสร้ำงสรรค์ กำรคิดอย่ำงมี วจิ ำรณญำณ และกำรคิดเป็นระบบ เพ่ือนำไปสกู่ ำรสรำ้ งองค์ควำมรู้หรือสำรสนเทศเพ่อื กำรตัดสินใจเก่ียวกับตนเอง และสังคมไดอ้ ยำ่ งเหมำะสม 3. ควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ เป็นควำมสำมำรถในกำรแกป้ ัญหำและอุปสรรคต่ำงๆ ทีเ่ ผชิญไดอ้ ย่ำงถูกต้องเหมำะสมบนพนื้ ฐำนของหลัก เหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสำรสนเทศ เข้ำใจควำมสัมพันธ์และกำรเปลี่ยนแปลงของเหตุกำรณ์ต่ำงๆ แสวงหำ ควำมรู้ ประยุกต์ควำมรู้มำใช้ในกำรป้องกันและแก้ไขปัญหำและมีกำรตัดสินใจที่มีประสิทธิภำพโดยคำนึงถึง ผลกระทบทเ่ี กดิ ข้ึนตอ่ ตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อม 4. ควำมสำมำรถในกำรใชท้ ักษะชวี ติ เป็นควำมสำมำรถในกำรนำกระบวนกำรต่ำงๆ ไปใช้ในกำรดำเนินชีวิตประจำวัน กำรเรียนรู้ด้วยตนเอง กำรเรยี นรูอ้ ย่ำงตอ่ เน่อื ง กำรทำงำน และกำรอยรู่ ่วมกนั ในสังคมด้วยกำรสรำ้ งเสรมิ ควำมสมั พันธ์อันดีระหว่ำงบุคคล กำรจัดกำรปัญหำและควำมขัดแย้งต่ำงๆ อย่ำงเหมำะสม กำรปรับตัวให้ทันกับกำรเปลี่ยนแปลงของสังคมและ สภำพแวดลอ้ ม และกำรร้จู กั หลกี เลี่ยงพฤติกรรมไมพ่ งึ ประสงคท์ ี่ส่งผลกระทบต่อตนเองและผอู้ ่ืน 5. ควำมสำมำรถในกำรใชเ้ ทคโนโลยี

เป็นควำมสำมำรถในกำรเลือกและใช้เทคโนโลยีด้ำนต่ำงๆ และมีทักษะกระบวนกำรทำงเทคโนโลยี เพ่ือ ๓ กำรพัฒนำตนเองและสังคม ในด้ำนกำรเรียนรู้ กำรสื่อสำร กำรทำงำน กำรแก้ปัญหำอย่ำงสร้ำงสรรค์ ถูกต้อง เหมำะสม และมีคุณธรรม คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ๑.รกั ชำติ ศำสน์ กษตั ริย์ ๒.ซือ่ สัตยส์ จุ รติ ๓.มีวนิ ยั ๔.ใฝ่เรียนรู้ ๕.อยูอ่ ย่ำงพอเพยี ง ๖.มงุ่ มั่นในกำรทำงำน ๗.รกั ควำมเปน็ ไทย ๘.มีจิตสำธำรณะ ที่ต้ังและสภำพชุมชนของโรงเรียนชุมชนเมืองหนองสูง ต้ังอยู่ทห่ี มู่ 4 บ้ำนบำ้ นหนองสงู ตำบล หนองสงู เหนือ อำเภอ หนองสูง จงั หวดั มกุ ดำหำร ระยะห่ำงจำก สพป. ประมำณ 51 กโิ ลเมตร รอบๆ โรงเรียนมีหมู่บำ้ นหลำยหลงั ตดิ ๆ กนั โรงเรียนตดิ ถนนเส้นทำงหลกั อำชีพหลกั ของคนภำยใน หมู่บำ้ นคือทำไร่ทำนำ ทำสวน ทำธุรกิจส่วนตวั นบั ถือศำสนำพุทธเปน็ หลกั คนในชมุ ชนสว่ นมำกจะพดู ภำษำถ่ินนั้น คอื ภำษำภูไทซง่ึ มำจำกชนเผำ่ ภูไท เปน็ ภำษำทเ่ี ป็นเอกลักษณ์ นอกจำกนย้ี งั มีอยำ่ งอืน่ ท่ีเป็นเอกลักษณ์ของทอ้ งถ่นิ เชน่ กำรแต่งกำย ลักษณะดนตรี ชำวบ้ำนจงึ มีอำชีพเสรมิ ในกำรผลติ เครื่องแตง่ กำยที่มลี ักษณะที่โดดเดน่ ท้ังผลิด เพือ่ ใช้เองหรือเพ่ือจำหนำ่ ยนั้นเอง

๔ ภูมิปญั ญำผ้ำหมกั โคลนหนองสูง ผ้ำทอมือเปน็ มรดกวฒั นธรรมอนั ล้ำคำ่ ของชนเผำ่ ใน จ. มุกดำหำร มำตง้ั แตโ่ บรำณกำล และเป็นเครื่องบ่งชข้ี อง ควำมเป็นเอกลษั ณ์ ควำมเจริญงอกงำมของอำรยธรรมเผำ่ ต่ำงๆควำมงดงำม ปรำณีตบรรจงควำมมีเสน่ห์ซ่งึ ปรำกฏ บนผำ้ พน้ื สวย สะท้อนให้เห็นถึงควำมตั้งใจ ควำมพถิ ีพิถนั ควำมมำนะอดทน ควำมมีศลิ ปะในกำรทอผ้ำ ภูมิปัญญำ กับกำรย้อมสีจำกธรรมชำตแิ ละกำรหมักด้วยโคลนอำยุ 100 ปี ประวตั ิควำมเปน็ มำ จำกกำรวจิ ยั พบวำ่ “ด้ำนควำมเป็นมำของผำ้ หมักโคลน”เป็นภมู ปิ ัญญำของบรรพบรุ ุษชนเผ่ำภูไทยท่เี กดิ ข้นึ เฉพำะถ่นิ ลวดลำยจึงบง่ บอกถึงวถิ ีชีวติ ของชนเผำ่ ภูไทยรวมถึงวัฒนธรรมควำมเชื่อของผำ้ แต่ละประเภทในอำเภอ หนองสูง จังหวดั มกุ ดำหำร ท่อี ยคู่ ชู่ ำวบำ้ นมำตงั้ แตโ่ บรำณกำลและยังคงสืบทอดเทคนิคกำรท ำผ้ำหมักโคลนมำ จนถงึ ปจั จบุ ัน จงึ กลำยเปน็ เอกลกั ษณ์ผำ้ ทอมอื เส้นใยธรรมชำตขิ องบ้ำนหนองสูง ที่ไม่ได้เป็นทรี่ ้จู กั แค่ในประเทศแต่ ยังคงไดร้ บั กำรยอมรบั จำกผบู้ รโิ ภคในต่ำงประเทศอีกด้วยคนในสมัยกอ่ นไปหำปลำในหนองนำ้ แล้วใช้แหเพอื่ จบั ปลำ แตแ่ หที่ทำข้ึนมำใหม่มสี ีขำวทำให้ปลำวำ่ ยหนีไปหมดชำวบำ้ นจึงนำแหไปแช่ในโคลนเพื่อให้แหมีสีดำคลำ้ จงึ ได้ ลองนำเทคนิคดังกล่ำวไปใชก้ ับกำรทำผำ้ ทอโดยนำผ้ำไปหมักในโคลนเช่นเดยี วกับแห และนำไปย้อมต่อด้วยสี ธรรมชำตซิ ง่ึ พบวำ่ ผ้ำท่ีผ่ำนกำรหมักดว้ ยโคลนจะได้สีสันทแ่ี ปลกไปจำกผ้ำทไ่ี ม่ไดห้ มกั โคลนซ่งึ เมอ่ื นำไปย้อมสี ธรรมชำตกิ ็จะไดผ้ ำ้ ทมี่ ีสสี ดมำกขน้ึ เพรำะโคลนช่วยจับสีทำให้สเี ขม้ ขึน้ และสีตดิ ทนนำน สำหรบั โคลนท่ใี ช้ในกำร หมกั น้ีจะนิยมใชโ้ คลนทห่ี นองนำ้ ณ บำ้ นหนองสงู ตำบลหนองสงู เหนืออำเภอหนองสูง จังหวดั มุกดำหำร ข้ันตอนวธิ กี ำรทำผำ้ หมกั โคลน จำกกำรวิจัยพบวำ่ “ดำ้ นขน้ั ตอนวธิ ีกำรทำผ้ำหมักโคลน” มีหลำยข้นั ตอน ซึง่ จะต้องใช้ควำมอดทนในกำรทำมีวธิ ีกำรดังน้คี ือ 1)เริ่มจำกนำโคลนขึ้นมำกรองด้วยตะแกรงเพ่ือคดั กรองเอำพวก เมด็ กรวดเม็ดดนิ ออกให้เหลือแตเ่ นอื้ โคลนลว้ นๆ 2) นำโคลนไปผสมน้ำและเกลือตำมควำมเหมำะสมคนให้เขำ้ กัน 3) นำเสน้ ใยผำ้ ฝ้ำยหรอื ผ้ำไหมลงไปแชใ่ นโคลนท่ีเตรยี มไว้โดยใช้เวลำในกำรหมักประมำณ 3-6ชัว่ โมงซึ่งสีของเสน้ ใย จะอ่อนหรือเขม้ ขน้ึ อยู่กับระยะเวลำในกำรหมัก4) เม่ือหมักไดเ้ วลำที่ตอ้ งกำรก็น ำขึน้ มำบิด 5) นำเส้นใยผ้ำฝ้ำย หรอื

ผ้ำไหมไปตำกแดดใหแ้ ห้ง 6) พอเสน้ ใยผำ้ ฝ้ำยหรือผ้ำไหมแหง้ แล้วก็นำไปลำ้ งนำ้ ให้สะอำด 6) นำเส้นใยผ้ำฝำ้ ยหรือ ผ้ำไหมกลับไปตำกแดดให้แห้งอกี คร้ังและ7)จำกนน้ั จึงน ำไปท ำกำรย้อมสีตำมท่ีต้องกำร ๕ ปัญหำกำรทำผำ้ หมกั โคลน จำกกำรวจิ ัยพบวำ่ “ด้ำนปญั หำของกำรทำผำ้ หมกั โคลน”ปัญหำหลกั ท่ีพบเจออยูเ่ ป็นประจำของชำวบ้ำน คอื สีผำ้ ท่ีย้อมออกมำแลว้ สีมันจะดำ่ งเน่ืองจำกวัสดทุ ่ีใช้ในกำรย้อมไมด่ แี ละสภำพอำกำศไม่เอื้ออำนวยสง่ ผลให้กำร ตำกผำ้ ไม่เป็นไปตำมกระบวนกำร เชน่ แดดแรงเกนิ ไป ฝนตก เป็นตน้ ทง้ั น้ชี ำวบ้ำนยงั ถือควำมเช่อื เก่ยี วกับกำรห้ำม ย้อมผำ้ ในวันพระ เพรำะว่ำถำ้ ย้อมแล้วจะทำให้สขี องผำ้ ไมเ่ ปน็ ไปตำมทเี่ รำคำดหวงั ส่วนประเด็นสำเหตุของกำรห้ำม ยอ้ มวันพระน้นั ยังไมม่ ีข้อมลู ท่ีแนช่ ัด ประโยชน์ของผำ้ หมกั โคลน จำกกำรวจิ ัยพบว่ำ “ดำ้ นประโยชน์ของกำรทำผ้ำหมักโคลน” ก็คอื ทำให้ประชำชนบ้ำนหนองสูง ทำผ้ำ หมักโคลนมีรำยไดแ้ ละเปน็ อำชพี เสรมิ จำกกำรทำเกษตร หรือทำไว้เพอื่ ใช้ประโยชน์ตนเองเช่น ทำเสื้อผำ้ ทำผำ้ ซ่นิ ทำผำ้ พนั คอเป็นต้น และสำมำรถนำผ้ำหมกั โคลนไปขำยในสถำนทตี่ ่ำงๆ ไดเ้ ช่น อำเภอ จงั หวดั ตำมห้ำงสรรพสินค้ำ โรงแรม หรือในจังหวดั กรุงเทพมหำนครจึงส่งผลใหผ้ ำ้ หมกั โคลนบ้ำนหนองสงู ตำบลหนองสงู เหนือ อำเภอหนองสงู จงั หวดั มุกดำหำรเป็นท่ีรู้จักมำกยิ่งข้นึ

๖ หลกั สตู รท้องถน่ิ เรอ่ื ง ภมู ปิ ัญญำผ้ำหมักโคลนหนองสูง ควำมสำคญั หลักสูตรท้องถิ่นเป็นหลักสูตรที่สถำนศึกษำ จัดทำขึ้นตำมวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับสภำพปัญหำใน ชุมชน และสังคม ภูมิปัญญำท้องถิ่น กำหนดให้ผู้เรียนในระดบั กำรศึกษำขั้นพื้นฐำนได้เรียนรู้เกี่ยวกับ เนื้อหำที่เกี่ยวข้อง กบั ทอ้ งถ่ินทต่ี นอำศัยอยู่ ในด้ำนเศรษฐกิจ สังคม ส่งิ เเวดล้อม ประเพณี วัฒนธรรม ตลอดจนอำชีพ และภูมิปัญญำ ท้องถิ่นในด้ำนทฤษฎี กำรปฏิบัติทั้งในและนอกห้องเรียน เพื่อให้ผู้เรียนได้ เห็นคุณค่ำของท้องถิ่นตนเอง ซ่ึง สอดคล้องกับ พระรำชบัญญัติกำรศึกษำแห่งชำติ มำตรำที่ ๒๗ ที่มุ่งเน้นควำมเป็นไทย ควำมเป็นพลเมืองที่ดีของ ชำติ และกำรประกอบอำชีพตลอดจนเพื่อกำรศึกษำต่อในระดับสูงต่อไป เป็นหลักสูตรท้องถิ่น ที่เน้นกระบวนกำร ปฏิบัติเพื่อให้นักเรียนเกิดกำร เรียนรู้ที่หลำกหลำยจำกแหล่งเรียนรู้ หรือปรำชญ์ชำวบ้ำนที่อยู่รอบๆตัว จึงจัดทำ หลักสตู รทอ้ งถน่ิ น้ขี ้ึนมำ จดุ มงุ่ หมำย ๑. เพอ่ื นำควำมรูแ้ ละทรพั ยำกรในท้องถ่นิ มำจัดกจิ กรรมกำรเรียนกำรสอน ๒. เพื่อให้เกดิ กำรเรียนรูแ้ บบบูรณำกำรเก่ียวกบั ท้องถน่ิ ๓. เพ่ือใหเ้ ห็นคณุ ค่ำของทรัพยำกรในท้องถ่นิ ๔. เพื่อนำควำมรู้ไปประยุกตใ์ ช้ในชีวิตประจำวนั ได้ วตั ถุประสงค์ ๑. เพื่อนำควำมรู้และทรัพยำกรในทอ้ งถนิ่ มำจัดกิจกรรมกำรเรียนกำรสอนให้แก่นกั เรียน ๒. เพอื่ ให้นักเรยี นเกิดกำรเรียนรู้แบบบูรณำกำรเกีย่ วกบั ท้องถ่ินอย่ำงเตม็ ศักยภำพ ๓. เพอ่ื ให้นักเรียนเห็นคุณค่ำของท้องถิน่ ตนเอง รักและหวงแหนทรัพยำกรในท้องถ่นิ ตนเอง ๔. เพอ่ื ใหช้ มุ ชน/ท้องถิ่น/ครูภมู ิปัญญำ มีส่วนร่วมในกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนกำรสอนสำมำรถ นำไป ประยกุ ต์ใช้ในชวี ติ ประจำวนั ไดอ้ ยำ่ งถูกต้องและเหมำะสม ๕. เพอ่ื ให้ครมู ีหลักสูตรท้องถน่ิ ใช้จัดกำรเรยี นกำรสอนในสถำนศกึ ษำ

กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ ๗ ๑. ศึกษำขอ้ มูลควำมรดู้ ำ้ นทฤษฎี ๗ ๒. ฝึกปฏบิ ตั ิ ๓. ศึกษำจำกแหล่งเรียนรจู้ รงิ (แหล่งเรียนรู้กำรทำผำ้ หมักโคลนหนองสงู ) กำรวดั และประเมนิ ผล ๑. กำรสังเกตพฤติกรรม ๒. ผลงำนของผู้เรียน ๓. กำรสอบถำม/กำรสัมภำษณ์ คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ หลักสูตรท้องถนิ่ ภมู ิปัญญำผำ้ หมักโคลนหนองสงู ช้ันประถมศกึ ษำปีท่ี ๑ เวลำ ๑๐ ช่ัวโมง ศึกษาประวตั ิความเป็นมา และความสาคญั ของผา้ หมกั โคลนและวิธีทาผา้ หมกั โคลน ท่ีเป็นภูมิปัญญาสาคญั ของ ชุมชนท่ีนักเรียนอาศัยอยู่ โดยฝึ กทักษะการต้ังคาถาม ในเรื่องผา้ หมักโคลนและวิธีทาผา้ หมักโคลนจาก ประสบการณ์ของนักเรียนเชื่อมโยงกบั ครอบครัว ชุมชน ภูมิปัญญาการทอผา้ ในชุมชน อาชีพการทอผา้ ของ ชุมชน โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ ทกั ษะการแกป้ ัญหา การสังเกต การคิด วิเคราะห์ การสื่อสาร การลงสารวจพ้ืนท่ีในชุมชนจริง โดยมีปราชญช์ าวบา้ นในชุมชนเป็นผูใ้ หค้ วามรู้ การทา กิจกรรมโดยการลงมือทา เพอื่ นกั เรียนเกิดการเรียนรู้ท่ีใชไ้ ดจ้ ริงในชุมชน มองเห็นความเป็นมาและความสาคญั ของผา้ ทอและการ ทอผา้ ของชุมชนตนเองชดั เจน เกิดทกั ษะการแกไ้ ขปัญหา ไดล้ งมือปฏิบตั ิจากกิจกรรมที่ไดล้ งมือทากนั จริงๆ สามารถวิเคราะห์วิธีและแนวทางในการอนุรักษ์ผา้ ทอและการทาผา้ หมกั โคลนของชุมชน เกิดความตระหนกั และเห็นคุณค่า เกิดความรักและความภาคภูมิใจในชุมชนของตนเอง ผลกำรเรียนรู้ ๑. ผเู้ รียนสามารถอธิบายประวตั ิและความเป็นมาของผา้ หมกั โคลนของชุมชน ๒. ผเู้ รียนเห็นคุณคา่ และความสาคญั ของผา้ ทอและการทอผา้ ของชุมชน

๓. ผเู้ รียนสามารถบอกปัจจยั ความสาคญั ของผา้ ทอและการทอผา้ ท่ีมีต่อชุมชน ๔. ผเู้ รียนสามารถบอกแนวทางการอนุรักษผ์ า้ ทอและการทอผา้ เพ่ือต่อยอดและพฒั นาชุมชน รวมท้ังหมด ๔ ผลกำรเรียนรู้ ๘ โครงสร้ำงรำยวชิ ำ หลักสูตรท้องถ่ิน ภูมิปญั ญำผ้ำหมกั โคลนหนองสงู ชัน้ ประถมศกึ ษำปีท่ี ๑ เวลำ ๑๐ ชัว่ โมง หน่วยเรียนรู้ ชอ่ื หน่วยกำรเรยี นรู้ สำระสำคัญ เวลำ(ชม.) น้ำหนักคะแนน ๓ ๒๐ ๑ ประวัตคิ วำมเป็นมำ อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดำหำร ๓ ๒๐ ของผำ้ หมักโคลน เป็นกลุ่มแรกและกลุ่มดั้งเดิมที่มี วิธีกำรใช้เทคนิคนำผ้ำไปหมักโคลน ก่อนกำรย้อมสีธรรมชำติ กำรทอผ้ำ ฝ้ำยและผ้ำไหมทุกผืนเป็นงำนฝีมือ วิธีกำรย้อมใช้สีธรรมชำติจำกเปลือก ไม้ชนดิ ต่ำงๆ ๒ ควำมสำคญั ของผ้ำ ผ้ำที่ผ่ำนกำรหมักด้วยโคลนจะได้ หมักโคลน สีสันที่แปลกไปจำกผ้ำที่ไม่ได้หมัก โคลน ซึ่งเมื่อนำไปย้อมสีธรรมชำติก็ จะได้ผ้ำที่มีสีสดมำกขึ้น เพรำะโคลน ช่วยจับสีทำให้สีเข้มขึ้นและสีติดทน นำน สำหรับโคลนที่ใช้ในกำรหมักนี้ จะนิยมใช้โคลน ณ หนองน้ำบ้ำน หนองสงู

๓ สำรวจแหลง่ ทม่ี ำของ หนองน้ำหนองสูงที่เกิดขึ้นเป็นแอ่ง ๔ ๖๐ โคลน น้ำ หรือบึงขนำดใหญ่เกิดจำกลูก ๑๐๐ ระเบิดของทหำร มีลักษณะพิเศษคือ เป็นโคลนที่ละเอียดมำกซึ่งเป็นดิน โคลนทม่ี ีอำยุประมำณ 300-400 ปี รวม ๑๐ ๙ คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ เวลำ ๑๐ ช่ัวโมง หลกั สตู รท้องถ่นิ ภมู ิปญั ญำผ้ำหมักโคลนหนองสงู ชนั้ ประถมศกึ ษำปที ี่ ๒ ศึกษาความรู้ดา้ นศิลปะของผา้ หมกั โคลน ลกั ษณะสีสันที่ติดทนนานและกล่ินที่เป็นเอกลกั ษณ์โดดเด่น ของผา้ หมกั โคลน การเรียนรู้เกี่ยวกบั ลกั ษณะของผา้ หมกั โคลน ในพ้นื ที่ชุมชนของตนเอง แรงบนั ดาลใจท่ีใช้ใน การออกแบบเป็ นลกั ษณะต่างๆ เช่น ผา้ คลุมไหล่ เส้ือผา้ ซ่ิน ที่มีเอกลกั ษณ์ของชุมชน และเรียนรู้การออกแบบ สีสันตา่ งๆ ท่ีมีการนาวสั ดุจากธรรมชาติมาใชท้ าใหเ้ กิดสี โดยใช้ทักษะกระบวนการแสวงหาความรู้ ทักษะการคิดวิเคราะห์ ทักษะการแก้ไขปัญหา ทักษะ กระบวนการทางานเป็ นกลุ่มและการลงพ้ืนที่ชุมชนจริง ซ่ึงมีปราชญ์ชาวบา้ นเป็ นผูใ้ ห้ความรู้ นอกจากน้ียงั มี ทกั ษะการปฏิบตั ิจริงดว้ ยตนเองในการออกแบบสีของผา้ หมกั โคลนท่ีเป็นเอกลกั ษณ์ของตนเอง เพือ่ ใหผ้ เู้ รียนเขา้ ใจศิลปะของการทาผา้ หมกั โคลน สีสันและกล่ินท่ีเป็นเอกลกั ษณ์ของผา้ หมกั โคลน ใน พ้ืนที่ชุมชนของตนเอง เห็นถึงคุณค่าและความสาคญั ของการออกแบบผา้ หมกั โคลน สามารถปฏิบตั ิงานเป็ น กลุ่มและนาความรู้ที่ไดร้ ับไปใชป้ ระโยชน์ต่อยอดเพื่อพฒั นาใหม้ ีคุณภาพมากข้ึน และผลิตใหม้ ีความหลากหลาย ยง่ิ ข้นึ ผลกำรเรียนรู้

๑.อธิบายเกี่ยวกบั ลกั ษณะของผา้ หมกั โคลน ๒.เห็นคณุ ค่าและความสาคญั การออกแบบผา้ หมกั โคลน ๓.สามารถบอกแนวทางในการนาความรู้เกี่ยวกบั การออกแบบผา้ หมกั โคลน ท่ีไดร้ ับไปปรับใช้ พฒั นาและต่อ ยอดได้ รวมท้งั หมด ๓ ผลกำรเรียนรู้ ๑๐ QQ โครงสร้ำงรำยวชิ ำ หลกั สูตรท้องถ่ิน ภมู ิปญั ญำผ้ำหมกั โคลนหนองสงู ชั้นประถมศกึ ษำปีที่ ๒ เวลำ ๑๐ ชั่วโมง หน่วยเรียนรู้ ชื่อหน่วยกำรเรยี นรู้ สำระสำคญั เวลำ(ชม.) น้ำหนักคะแนน ๑ ควำมสำคญั ของผ้ำ ๓ ๒๐ หมักโคลน ผ้ำที่ผ่ำนกำรหมักด้วยโคลนจะได้สีสันที่ ๒ แปลกไปจำกผ้ำที่ไม่ได้หมักโคลน ซึ่งเม่ือ ๓ ๒๐ สจี ำกวสั ดุธรรมชำติ นำไปย้อมสีธรรมชำติก็จะได้ผ้ำที่มีสีสด มำกขึ้น เพรำะโคลนช่วยจับสีทำให้สีเข้ม ขึ้นและสีติดทนนำน สำหรับโคลนที่ใช้ใน กำรหมักนี้จะนิยมใช้โคลน ณ หนองน้ำ บำ้ นหนองสงู ต้นเข(ต้นกำแล) ใช้เนื้อไม้จะให้สีเหลือง ทอง สเี หลืองอ่อน ต้นเพกำ (ลิ้นฟ้ำ) ใช้เปลือกแก่นและรำก จะได้สีเขียวอ่อน สเี ขยี วแก่ ต้นมะม่วง ใช้เปลือก ลำต้นและเนื้อไม้ จะ ให้สเี ขียวและสเี ขยี วขีม้ ้ำ ต้นขนุน ใช้แก่น ให้สีเหลือง สีเหลืองอม เขยี ว ต้นมะกอก ตน้ หว้ำ ใหส้ เี ขยี วครีม ตน้ คอ่ เปลือกแดง ให้สีส้ม

๓ ผ้ำหมักโคลน ผ้ำที่นำมำใช้หมักโคลนจะต้องเป็นผ้ำทอ ๔ ๖๐ เส้นใยธรรมชำติ และย้อมสีธรรมชำติ สีท่ี ไดม้ ำจำกกำรสกดั โดยใช้เปลือกไมไ้ ปแชน่ ้ำ ให้เปลือกไม้คลำยสีออกมำแล้วนำไปต้ม สกัดเอำน้ำสี จำกนั้นก็ใส่เกลือ ทำกำรคน ให้เข้ำกันก็จะได้น้ำสีย้อม โดยผ้ำหมัก โคลนที่ทำงกลุ่มทำออกจำหน่ำยอยู่ในรูป ของผำ้ พนั คอ และผ้ำคลุมไหล่ รวม ๑๐ ๑๐๐ ๑๑ คำอธิบำยรำยวชิ ำ หลกั สูตรท้องถ่นิ ภูมิปัญญำผ้ำหมกั โคลนหนองสงู ชั้นประถมศึกษำปีท่ี ๓ เวลำ ๑๐ ชั่วโมง ศึกษา และวิเคราะห์ความสัมพนั ธ์การทาผา้ หมกั โคลนในชุมชน วิถีการดารงชีวิต ความเป็ นอยู่ใน ชีวิตประจาวนั ลกั ษณะอาชีพ วฒั นธรรม ประเพณี เอกลกั ษณ์ของทอ้ งถิ่น สถานที่สาคญั ของชุมชน การอนุรักษ์ ผา้ หมกั โคลนในชุมชน การเพ่มิ คุณค่าและมลู คา่ ใหแ้ ก่ผลิตภณั ฑ์ การนาเทคโนโลยเี ขา้ มามีส่วนร่วมในกิจกรรม โดยใช้ทกั ษะกระบวนการสร้างความรู้ความเขา้ ใจ ทกั ษะกระบวนการทางานร่วมกนั การฝึ กทกั ษะ ปฏิบตั ิ การจดั การ การวางแผน ท้งั การศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการผลิตผา้ หมกั โคลนของคนในชุมชน และ การปฏิบตั ิงานเพือ่ ใหเ้ กิดประสิทธิภาพจาการใชเ้ ทคโนโลยคี วบคู่ เพ่ือให้นักเรียนเกิดความเขา้ ใจและเห็นคุณค่าผา้ หมกั โคลนในชุมชน เกิดทกั ษะการทางาน เกิดการ เรียนรู้ท่ีมีประสิทธิภาพ การใชเ้ ทคโนโลยใี นชีวิตประจาวนั มีความรับผิดชอบ มีความมุ่งมนั่ อดทน มีเจตคติที่ดี ต่อวิถีชีวิตในชุมชน เม่ือเกิดความเขา้ ใจและคุน้ เคยเป็ นอย่างดีแลว้ ยงั ส่งผลให้นักเรียนเกิดการให้ความสาคญั ของผา้ หมกั โคลนในชุมชนและสืบทอดภูมิปัญญาทอ้ งถ่ิน และสามารถต่อยอดไดใ้ นอนาคต ผลกำรเรียนรู้ ๑. บอกความสมั พนั ธ์ของผา้ ทอกบั ชุมชนได้ ๒. แนวทางการอนุรักษผ์ า้ ทอใหอ้ ยคู่ ู่ชุมชน ๓. เกิดทกั ษะกระบวนการทางาน และทกั ษะการเรียนรู้

๔. สามารถนาความรู้ไปตอ่ ยอดใหเ้ กิดประโยชน์ต่อตนเองและชุมชนได้ รวมท้งั หมด ๔ ผลกำรเรียนรู้ ๑๒ โครงสร้ำงรำยวิชำ หลกั สตู รท้องถิน่ ภูมิปัญญำผำ้ หมกั โคลนหนองสูง ชัน้ ประถมศกึ ษำปีที่ ๓ เวลำ ๑๐ ชว่ั โมง หน่วยเรียนรู้ ชอ่ื หน่วยกำรเรยี นรู้ สำระสำคญั เวลำ(ชม.) น้ำหนักคะแนน ๑ ๔ ๔๐ ผ้ำหมักโคลน ผ้ำที่นำมำใช้หมักโคลนจะต้องเป็นผ้ำทอ ๒ ๖ ๖๐ เส้นใยธรรมชำติ และย้อมสีธรรมชำติ สีท่ี ๑๐ ๑๐๐ ได้มำจำกกำรสกัดโดยใช้เปลือกไมไ้ ปแชน่ ้ำ ให้เปลือกไม้คลำยสีออกมำแล้วนำไปต้ม สกัดเอำน้ำสี จำกนั้นก็ใส่เกลือ ทำกำรคน ให้เข้ำกันก็จะได้น้ำสีย้อม โดยผ้ำหมัก โคลนที่ทำงกลุ่มทำออกจำหน่ำยอยู่ในรูป ของผำ้ พนั คอ และผ้ำคลมุ ไหล่ ผ้ำหมกั โคลนทำอะไร นักเรียนออกแบบผ้ำหมักโคลนผ่ำน ไดบ้ ำ้ ง? ค อ ม พ ิ ว เ ต อ ร ์ โ ด ย อ อ ก แ บ บ เ ป็ น ผลิตภัณฑ์ต่ำงๆ เพื่อเพิ่มมูลค่ำให้กับ ผ้ำหมกั โคลน รวม

๑๓ คำอธิบำยรำยวิชำ หลักสูตรท้องถน่ิ ภูมิปญั ญำผำ้ หมกั โคลนหนองสูง ชน้ั ประถมศกึ ษำปที ี่ ๔ เวลำ ๑๐ ชว่ั โมง ศึกษา วิเคราะห์ และอธิบายข้นั ตอนในการทาผา้ หมกั โคลน ปฏิบตั ิการลงมือทาผา้ หมกั โคลน วิธีการ การจดั การกบั รูปแบบท่ีสามารถนามาถกั ทออกมาใหส้ ามารถเป็นท่ีตอ้ งการของผบู้ ริโภค นาไปสู่การสร้างรายได้ ในการดารงชีวิตและครอบครัวสังคม ศึกษาเคร่ืองมือท่ีสามารถนามาเป็นอุปกรณ์ที่ใชง้ านมาต้งั แต่อดีตจนถึง ปัจจุบนั หรือการดดั แปลงเทคโนโลยีต่าง ๆ เครื่องมือท่ีใชง้ านสะดวกและรวดเร็วมากยง่ิ ข้ึน อีกท้งั วสั ดุท่ีใช้ใน การทอผา้ ท่ีมีความเหมาะสมและสามารถหาไดง้ ่ายในแต่ละทอ้ งถิ่นน้นั ๆ ท้งั ศึกษาวธิ ีการลงมือปฏิบตั ิท่ีสามารถ ทาไดใ้ นหลากหลายและนาสู่การลงมือปฏิบตั ิการทอผา้ โดยใชท้ กั ษะกระบวนการมาใชใ้ นการออกแบบสีสันท่ีเหมาะสมและสร้างสรรค์ กระบวนการทางาน ร่วมกนั เป็ นกลุ่ม การวางแผน สามารถนาความรู้ที่มีมาใช้แก้ปัญหา สามารถเรียงลาดับความสาคญั ของการ ปฏิบตั ิงานไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง เพ่ือสวยงามเพือ่ ผลงานที่มีคุณภาพ เพอื่ ใหผ้ เู้ รียนมีทกั ษะกระบวนการทางานเป็นกลุ่มเป็นผทู้ ่ีมีความคดิ สร้างสรรค์ และเป็นแนวทางในการ เลือกอาชีพของตนเอง สามารถร่วมกระบวนการการทางานกบั คนรอบขา้ ง สามารถยอมรับและรับฟังผอู้ ่ืนและ ร่วมมือกนั แกไ้ ขปัญหาตา่ ง ๆ อีกท้งั ยงั เป็นการส่งเสริมใหแ้ ต่ละบุคคลมีความรับผดิ ชอบตอ่ ตนเอง และสงั คม ผลกำรเรียนรู้ ๑. มีความรู้เบ้ืองตน้ ในการทาผา้ หมกั โคลน ๒. สามารถออกแบบสีของผา้ หมกั โคลนได้ ๓. เห็นคุณคา่ ในการนาวสั ดุที่มีอยใู่ นธรรมชาติมาใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ในการออกแบบลวดลายตา่ ง ๆ ๔. มีทกั ษะในการทางานเป็นกลุม่ และอยรุ่ ่วมกนั ในสังคมอยา่ งสนั ติ ๕. มีความรับผิดชอบตอ่ หนา้ ท่ีของตนเอง และรู้จกั ช่วยเหลือสงั คมส่วนรวม รวมท้ังหมด ๕ ผลกำรเรียนรู้

๑๔ โครงสร้ำงรำยวชิ ำ เวลำ ๑๐ ชว่ั โมง หลักสูตรท้องถน่ิ ภมู ิปญั ญำผำ้ หมกั โคลนหนองสงู ช้นั ประถมศึกษำปีที่ ๔ หน่วยเรียนรู้ ช่ือหน่วยกำรเรยี นรู้ สำระสำคัญ เวลำ(ชม.) นำ้ หนกั คะแนน ๑ สีจำกวสั ดุธรรมชำติ ต้นเข(ต้นกำแล) ใช้เนื้อไม้จะให้สี ๓ ๒๐ เหลอื งทอง สีเหลอื งออ่ น ๒ ข้นั ตอนในกำรผลิต ต้นเพกำ (ลิ้นฟ้ำ) ใช้เปลือกแก่นและ ๓ ๒๐ รำกจะได้สีเขยี วออ่ น สเี ขยี วแก่ ต้นมะม่วง ใช้เปลือก ลำต้นและเนื้อ ไม้ จะให้สเี ขยี วและสเี ขยี วข้มี ้ำ ต้นขนุน ใช้แก่น ให้สีเหลือง สีเหลือ งอมเขียว ต้นประดู่ ใช้เปลือก ลำต้น ให้สีชมพู อมแดง หรอื สแี ดงอมนำ้ ตำล ต้นมะกอก ตน้ หว้ำ ให้สีเขียวครีม ตน้ ค่อ เปลอื กแดง ให้สสี ้ม 1) เริ่มจำกนำโคลนขึ้นมำกรองด้วย ตะแกรงเพื่อคัดกรองเอำพวกเม็ด กรวดเม็ดดินออกให้เหลือแต่เน้ือ โคลนลว้ น ๆ 2) นำโคลนไปผสมน้ำและเกลือตำม ควำมเหมำะสมคนใหเ้ ขำ้ กัน 3) นำเส้นใยผ้ำฝ้ำยหรือผ้ำไหมลงไป แชใ่ นโคลนท่ีเตรยี มไว้ โดยใช้เวลำในกำรหมักประมำณ 3-6 ช่วั โมงซ่งึ สีของเส้นใยจะอ่อนหรือเข้ม ขึ้นอยู่กับระยะเวลำในกำรหมัก4)

เม่อื หมกั ไดเ้ วลำที่ตอ้ งกำรก็น ำข้ึนมำ ๑๕ บิด 5) นำเส้นใยผ้ำฝ้ำย หรือผ้ำไหมไป ตำกแดดใหแ้ หง้ 6) พอเส้นใยผ้ำฝ้ำยหรือผ้ำไหมแห้ง แลว้ กน็ ำไปล้ำงน้ำให้สะอำด 7) นำเส้นใยผ้ำฝำ้ ยหรอื ผ้ำไหม กลับไปตำกแดดให้แห้งอีกครั้งและ8) จำกนั้นจึงนำไปทำกำรย้อมสีตำมที่ ตอ้ งกำร ๓ ผ้ำหมกั โคลน ผ้ำทีน่ ำมำใช้หมักโคลนจะต้องเป็นผ้ำ ๔ ๖๐ ทอเส้นใยธรรมชำติ และย้อมสี ๑๐๐ ธรรมชำติ สีที่ได้มำจำกกำรสกัดโดย ใช ้เปล ือกไม้ไปแช ่น ้ำให ้เปล ือ ก ไ ม้ คลำยสีออกมำแล้วนำไปต้มสกัดเอำ น้ำสี จำกนั้นก็ใส่เกลือ ทำกำรคนให้ เข้ำกันก็จะได้น้ำสีย้อม โดยผ้ำหมัก โคลนที่ทำงกลุ่มทำออกจำหน่ำยอยู่ ในรปู ของผ้ำพันคอ และผ้ำคลมุ ไหล่ รวม ๑๐

๑๖ คำอธิบำยรำยวิชำ หลกั สตู รท้องถ่ิน ภูมิปัญญำผ้ำหมักโคลนหนองสงู ช้นั ประถมศึกษำปีที่ ๕ เวลำ ๑๐ ช่ัวโมง ศึกษาเร่ืองการปฏิบตั ิงานอยา่ งเป็นข้นั ตอนท่ีถกู ตอ้ งต้งั แต่แรกเริ่มจนถึงข้นั ตอนสุดทา้ ย เรียนรู้การออก เเบบกระบวนการทาผา้ หมกั โคลน ศึกษาการออกเเบบสีของผา้ การศึกษาปัญหาท่ีเกิดกบั การทอผา้ ในทอ้ งถ่ิน เรียนรู้เร่ืองราวท่ีมาท่ีไปของปัญหา ประวตั ิความเป็นมา และความภาคภูมิใจในวฒั นธรรมทอผา้ ในทอ้ งถิ่น การ เเกป้ ัญหารวมถึงการพฒั นาต่อยอดผา้ ทอของทอ้ งถ่ิน เรียนรู้ดา้ นการตลาดเบ้ืองตน้ หรือการเป็นผปู้ ระกอบการรุ่น เยาวน์ โดยใช้กระบวนการเรี ยนรู้ที่ช่วยสร้างความเข้าใจท้ังการสังเกต การวิเคราะห์และการปฏิบัติ กระบวนการทางานเป็นรายบุคคลและกลุ่ม การทางานตามลาดบั ข้นั ตอนที่ถูกตอ้ ง เนน้ กระบวนการเรียนรู้จาก ประสบการณ์จริงจากการลงมือปฏิบตั ิ ใช้ทกั ษะความรู้เทคโนโลยีในการสืบคน้ ขอ้ มูล ใชท้ กั ษะการส่ือสาร ขอ้ มูล เทคโนโลยใี นการเรียนรู้ และเสริมดา้ นการตลาดโดยใชโ้ ซเชียลมีเดีย เพ่ือให้นกั เรียนไดม้ ีความรู้ในเร่ืองของการเเกป้ ัญหาในการทางาน มีความรู้ในเรื่องของกระบวนการ ทางานที่ถูกตอ้ ง มีความรู้ความเขา้ ใจเก่ียวกบั วฒั นธรรมดา้ นการทอผา้ ในทอ้ งถ่ิน เกิดความตระหนักและหวง เเหนวฒั นธรรมทอ้ งถิ่น มีทกั ษะในการออกเเบบชิ้นงาน มีการคิดและนาเสนอผลงานท่ีต่อยอดจากของเดิม มีการ ใชส้ ่ือโซเชียลมีเดียในทางที่เกิดประโยชน์ มีการใชเ้ ทคโนโลยมี าปรับใชใ้ นการแกป้ ัญหาในงาน ผลกำรเรียนรู้ ๑. ผเู้ รียนมีความรู้และความเขา้ ใจเกิดความหวงแหนในดา้ นวฒั นธรรมการทอผา้ ของทอ้ งถิ่น ๒. มีการเเกไ้ ขปัญหาโดยใชท้ กั ษะการทางาน ๓. มีการปฏิบตั ิงานมีรูปเเบบและข้นั ตอนท่ีสอดคลอ้ ง ๔. มีความคดิ ต่อยอดและพฒั นาผลงานทอผา้ ในทอ้ งถิ่น ๕. มีความรู้ดา้ นการตลาดเบ้ืองตน้ และการใชเ้ ทคโนโลยมี าช่วยในการตลาด

รวมท้งั หมด ๕ ผลกำรเรียนรู้ ๑๗ โครงสรำ้ งรำยวิชำ หลกั สตู รท้องถน่ิ ภูมิปญั ญำผำ้ หมกั โคลนหนองสงู ชน้ั ประถมศึกษำปีท่ี ๕ เวลำ ๑๐ ชวั่ โมง หนว่ ยเรยี นรู้ ชอื่ หน่วยกำรเรียนรู้ สำระสำคญั เวลำ(ชม.) นำ้ หนักคะแนน ๑ ขนั้ ตอนในกำรผลิต 1) เริ่มจำกนำโคลนขึ้นมำกรองด้วย ๓ ๒๐ ตะแกรงเพื่อคัดกรองเอำพวกเม็ด กรวดเม็ดดินออกให้เหลือแต่เน้ือ โคลนลว้ น ๆ 2) นำโคลนไปผสมน้ำและเกลือตำม ควำมเหมำะสมคนใหเ้ ขำ้ กัน 3) นำเส้นใยผ้ำฝ้ำยหรือผ้ำไหมลงไป แช่ในโคลนท่เี ตรียมไว้ โดยใช้เวลำในกำรหมักประมำณ 3-6 ชั่วโมงซึ่งสขี องเสน้ ใยจะอ่อนหรือเข้ม ขึ้นอยู่กับระยะเวลำในกำรหมัก4) เมื่อหมกั ได้เวลำท่ตี ้องกำรกน็ ำข้ึนมำ บิด 5) นำเส้นใยผ้ำฝ้ำย หรือผ้ำไหมไป ตำกแดดให้แหง้ 6) พอเส้นใยผ้ำฝ้ำยหรือผ้ำไหมแห้ง แล้วกน็ ำไปล้ำงน้ำใหส้ ะอำด 7) นำเสน้ ใยผ้ำฝำ้ ยหรอื ผำ้ ไหม กลับไปตำกแดดให้แห้งอีกครั้งและ8) จำกนั้นจึงนำไปทำกำรย้อมสีตำมที่ ต้องกำร

๒ ผสมสดี ว้ ยตนเอง ผสมสีจำกธรรมชำติ หรือ หำวัสดุ ๓ ๒๐ ๑๘ จำกธรรมชำติมำทำให้ผ้ำหมักโคลน ของตนเองเกดิ เปน็ สีใหม่ ๓ ช้ีช่องทำง ประกำศขำยผ้ำหมักโคลนตำมสื่อ ๔ ๖๐ โซเชียลมีเดียต่ำงๆ และแนะนำให้กับ ชำวบำ้ นในพน้ื ที่ รวม ๑๐ ๑๐๐

๑๙ คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ หลักสูตรท้องถนิ่ ภมู ิปญั ญำผำ้ หมกั โคลนหนองสงู ชั้นประถมศกึ ษำปีที่ ๖ เวลำ ๑๐ ช่ัวโมง ศึกษา วิเคราะห์ และอธิบายข้นั ตอนการตลาดเบ้ืองตน้ ในเชิงการทางาน การออกแบบผลิตภณั ฑ์ที่เป็ น เอกลกั ษณ์ของทอ้ งถิ่น และการทางานเพื่อการดารงชีวิตของคนในชุมชน โดยการนาเทคโนโลยีมาใช้ร่วมกบั การตลาด ซ่ึงเป็นกระบวนการของการส่ือสารเพื่อเพม่ิ คณุ ค่าใหแ้ ก่ผลิตภณั ฑ์ โดยใช้ทกั ษะกระบวนการคิดต่อยอดในการสร้างสรรค์ชิ้นงาน การบริหาร การวางแผน การบริการ ทกั ษะการแกไ้ ขปัญหาและอุปสรรคในการขายผลิตภณั ฑข์ องคนในชุมชน รวมไปถึงทกั ษะการปฏิบตั ิงานดา้ น การตลาดเพอื่ ใหเ้ กิดประสิทธิภาพสูงสุดและบรรลุตามวตั ถปุ ระสงคท์ ่ีต้งั ไว้ เพ่ือให้นกั เรียนเห็นแนวทางในการต่อยอดอาชีพ โดยการใชค้ วามรู้พ้ืนฐานเก่ียวกบั การตลาดควบคู่กบั การใชเ้ ทคโนโลยใี นการคิดริเร่ิมสร้างสรรคส์ ่ิงใหม่ๆ เพ่ือเพิ่มความน่าสนใจและเพ่ิมมูลค่าให้แก่ผลิตภณั ฑ์ โดย การนาความรู้ไปใชใ้ นการแกไ้ ขปัญหาในชีวิตประจาวนั และต่อยอดใหเ้ กิดการพฒั นาชุมชนในอนาคต ผลกำรเรียนรู้ ๑. อธิบายความรู้พ้ืนฐานเก่ียวกบั การตลาดและการใชเ้ ทคโนโลยี ๒. สามารถปฏิบตั ิงานดา้ นการตลาดเพ่อื ใหเ้ กิดประสิทธิภาพสูงสุดได้ ๓. สามารถใชท้ กั ษะกระบวนการคดิ ต่อยอดในการสร้างสรรคช์ ิ้นงานได้ ๔. อธิบายถึงการนาความรู้ไปใชใ้ นการแกไ้ ขปัญหาในชีวติ ประจาวนั รวมท้งั หมด ๔ ผลกำรเรียนรู้

๒๐ โครงสร้ำงรำยวิชำ หลกั สตู รท้องถน่ิ ภูมิปัญญำผ้ำหมกั โคลนหนองสูง ช้นั ประถมศึกษำปีท่ี ๖ เวลำ ๑๐ ชั่วโมง หนว่ ยเรยี นรู้ ช่ือหน่วยกำรเรยี นรู้ สำระสำคัญ เวลำ(ชม.) นำ้ หนักคะแนน ๓ ๒๐ ๑ กำรตลำดเบอื้ งตน้ ออกแบบผลิตภัณฑ์โดยง่ำยจำกผ้ำ ๓ ๒๐ ๔ ๖๐ หมักโคลน เช่น พวงกุญแจ ๑๐ ๑๐๐ ๒ เจำะกลุ่มเป้ำหมำย เ ล ื อ ก ผ ู ้ บ ร ิ โ ภ ค แ ล ะ อ อ ก แ บ บ ผลติ ภณั ฑใ์ หเ้ หมำะสมกบั ผบู้ ริโภค ๓ พ่อค้ำนอ้ ย นำผ้ำที่ผลิตได้จำกชำวบ้ำนมำโปรโม ทลงสื่อโซเชียลมีเดียต่ำงๆ หรือ กำร นำไปขำยทต่ี ลำดและหน้ำโรงเรียน รวม

๒๑ ภำคผนวก

๒๒ รปู ภำพเกี่ยวกบั ผ้ำหมกั โคลน แหลง่ นา้ หนองสงู วสั ดจุ ากธรรมชาติ ผา้ หมกั โคลนท่ีเป็นผา้ คลมุ ไหล่ ผา้ ฝา้ ยก่อนทอ ชาวบา้ นผใู้ หค้ วามรู้ ประชาสมั พนั ธอ์ ยา่ งตอ่ เน่อื ง

๒๓ อำ้ งอิง พงศส์ วสั ด์ิ. (๒๐๒๐). ภูมปิ ัญญำผ้ำหมักโคลน บ้ำนหนองสูง ตำบลหนองสูงเหนือ อำเภอหนองสูง จงั หวัด มุกดำหำร. สืบคน้ เมื่อ ๑๙ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๔, จาก file:///C:/Users/Natthakit/Downloads/240031- Article%20Text-833716-4-10-20200428.pdf ไทยรัฐฉบับพมิ พ์ 11. (๒๐๑๕). ไหมหมักโคลน..มุกดำหำร ล้นุ มรดกเกษตรโลก. สืบคน้ เม่ือ ๑๙ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๔, จาก https://soclaimon.wordpress.com/2015/05/28/%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E 0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%99- %E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0 %B8%A3- %E0%B8%A5%E0%B8%B8/?fbclid=IwAR1gJ1NmZ3t3ZmrEWjX9vVEFRBxFWC1Oc085eoCzGB6oWj2 XdJE3Szh20Cw แนวหนา้ . (๒๐๑๕). ‘ผ้ำไหมหมักโคลน’ภูมิปัญญำถิ่นภูไทมุกดำหำร. สืบคน้ เม่ือ ๑๙ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๔, จาก https://www.naewna.com/local/158244


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook