ส่ือกลางส่งข้อมูล (Transmission Media) จดั ทาโดยนายภาณวุ ฒั น์ มากมลู เลขท่ี 29ปวส.2 คอมพวิ เตอร์ธุรกิจ ห้อง 1
ปัจจยั ท่สี ่งผลกระทบต่อความเร็วและระยะทางบนส่ือกลาง แบนด์วิดธ์ (Bandwidth) คอื ย่านความถี่ของชอ่ งสญั ญาณ หากมีช่องสญั ญาณ ขนาดใหญ่ การจราจรก็จะคลอ่ งตวั มากขนึ ้ ยอ่ มสง่ ผล ให้ภายในหนงึ่ หนว่ ยเวลา สามารถเคล่อื นย้ายปริมาณ ข้อมลู ได้จานวนมากขนึ ้
ปัจจัยท่สี ่งผลกระทบต่อความเร็วและระยะทางบนส่ือกลาง ความสญู เสียตอ่ การสง่ ผา่ น (Transmission Impairments) หมายถงึ การออ่ นตวั ของสญั ญาณ ซงึ่ การอ่อนตวั ของ สญั ญาณจะเกี่ยวข้องกบั ระยะทางในการสง่ ผา่ นข้อมลู การรบกวนของสญั ญาณ (Interference) การถกู รบกวนของสญั ญาณทคี่ าบเก่ียวกนั ในยา่ น ความถี่ อาจสง่ ผลให้เกิดการบดิ เบือนของสญั ญาณได้
ปัจจยั ท่สี ่งผลกระทบต่อความเร็วและระยะทางบนส่ือกลาง จานวนโหนดทเี่ ชื่อมตอ่ (Number of Receivers) สื่อกลางสง่ ข้อมลู แบบใช้สาย สามารถนามาเช่ือมตอ่ เครือขา่ ยในรูปแบบจดุ ตอ่ จดุ หรือแบบหลายจดุ เพื่อ แชร์ใช้งาน
ส่ือกลาง ( Media )หมายถึง ส่ือกลางหรือตวั กลางที่ทาหน้าที่สง่ ผา่ น ของข้อมลู ข่าวสารจากฝ่ังผ้สู ง่ ไปยงั ผ้รู ับ
ประเภทของส่ือนาสญั ญาณสามารถแบ่งส่ือกลางได้เป็ น 2 ประเภท คอื 1. ส่ือกลางประเภทเหนี่ยวนา (Guided media) หรือระบบใช้สาย (Wired System ) 2. ส่ือกลางทก่ี าหนดเส้นทางไม่ได้ (Unaided media) หรือระบบไร้สาย (Wireless System)
ส่ือกหลราืองรปะรบะบเภใชท้ สเหายน่ีย(Wวนiาre(Gd uSiydsetdemme)dia) สายคู่บดิ เกลยี ว (Twisted-Pair Cable) •เป็นสายท่ีมีราคาถกู ท่ีสุด •ประกอบดว้ ยสายทองแดงขนาดบาง (1 มิลลิเมตร) •มีฉนวนหุม้ 2 เส้น นามาพนั กนั เป็นเกลียว •ใชก้ นั แพร่หลายในระบบโทรศพั ท์
สายคู่บดิ เกลยี ว มี 2 ประเภท คอื1. สายคู่บดิ เกลยี วแบบไม่มสี ิ่งห่อหุ้ม (Unshielded Twisted Pair – UTP) • ใชเ้ ช่ือมโยงคอมพวิ เตอร์ไปยงั อุปกรณ์สื่อสาร • มีความยาวไมเ่ กิน 100 เมตร • มีจานวนสายบิดเกลียวภายใน 4 คู่ 2. สายคู่บิดเกลยี วแบบมสี ่ิงห่อหุ้ม (Shielded Twisted Pair – STP) • มีการนาสายคูพ่ นั เกลียวมารวมอยู่ • มีการเพม่ิ ฉนวนป้ องกนั สญั ญาณรบกวน • ป้ องกนั สัญญาณรบกวนตา่ งๆ • ใชใ้ นระยะทางไกลกวา่ สาย UTP
มาตรฐานสายคู่บดิ เกลยี ว สมาคม EIA และ สมาคม TIA : Telecommunication Industries เป็ นผ้รู ่วมตงั้ มาตรฐานสาย UTP นขี ้ นึ ้ มา จนกระทงั่ ปี ค.ศ. 1991 ทาง ANSI ก็ได้เข้าร่วมรับรองมาตรฐานนดี ้ ้วย โดยใช้ชื่อ วา่ ANSI/TIA/EIA 568 ซง่ึ มาตรฐานดงั กลา่ วจะช่วยสร้างความ มน่ั ใจด้านประสทิ ธิภาพแกผ่ ลติ ภณั ฑ์สายสญั ญาณรุ่นตา่ งๆ มาตรฐาน ANSI/TIA/EIA 568 ในปัจจบุ นั ได้ผนวกประเภทของสาย UTP ไว้ 7 ประเภทด้วยกนั โดยใช้คาวา่ วา่ CAT แล้วตามด้วยหมายเลขท่ีแสดง ถงึ ระดบั คณุ ภาพของสาย
มาตรฐานสายคู่บดิ เกลยี ว CAT 1เป็ นสาย UTP มาตรฐานท่นี ามาใช้กบั ระบบโทรศพั ท์ ได้รับการออกแบบมาเพือ่ นาสง่ ข้อมลู เสยี งหรือข้อมลู ดจิ ิตอลด้วยความเร็วตา่ CAT 2เป็ นสาย UTP ทีม่ กั นามาใช้กบั วงจรโทรศพั ท์ ภายในมีสายสญั ญาณจานวน 4 คู่ แตม่ คี ณุ ภาพดีกวา่ สาย CAT1 CAT 3ภายในจะมสี ายสญั ญาณจานวน 4 คู่ สายแตล่ ะคจู่ ะต้องนามาบิดเกลยี วอยา่ งน้อย 3 รอบตอ่ 1 ฟตุ รองรับความเร็วในการสง่ ข้อมลู ที่ 10 Mbps
มาตรฐานสายคู่บดิ เกลยี ว CAT 4ภายในจะมีสายสญั ญาณจานวน 4 คู่ รองรับความเร็วสงู สดุ ท่ี 20 Mbps CAT 5ภายในจะมีสายสญั ญาณจานวน 4 คู่ รองรับความเร็วได้สงู ถงึ 100 Mbps CAT 5eสามารถป้ องกนั สญั ญาณรบกวนแบบครอสทอลก์ ได้เป็ นอยา่ งดี รองรับความเร็วสงู สดุ ท่ี 100 Mbps หรือสงู กวา่ CAT 6รองรับอตั ราความเร็วท่ี 250 MHz
มาตรฐานสายคู่บดิ เกลยี ว CAT 6eรองรับอตั ราความเร็วที่ 550 MHz CAT 7รองรับความเร็วสงู สดุ ที่ 1 GHz
หัวเชื่อมต่อสายคู่บดิ เกลยี ว ที่ปลายสาย UTP ใช้หวั เช่ือมตอ่ แบบ RJ-45 คล้ายหวั เช่ือมตอ่ โทรศพั ท์ RJ-11 แต่ RJ-45 มี ขนาดใหญ่กวา่
สายเกลยี วคู่แบบไม่มชี ีลด์ (Unshielded Twisted Pair)ITS 452 #3 Kairat Jaroenrat 14
สายเกลยี วคู่แบบไม่มชี ีลด์ (Unshielded Twisted Pair)การกาหนดหน้าทข่ี องสายย่อยภายในสายแบบ UTPหมายเลขสาย หน้าทข่ี องสายสัญญาณ1 Output Transmit Data +2 Output Transmit Data -3 Input Receive Data +6 Input Receive Data -4,ITS 452 #3 5, 7, 8 ReservedKairat Jaroenrat for other use 15
สาย UTP แบบต่อกบั Hub Comp สาย HUB 16 White/Orange 1 White/Orange 2 Orange 3 Orange White/Green 4 White/Green 5 Blue 6 Blue White/Blue 7 White/Blue 8 Kairat Jaroenrat Green Green White/Brown White/BrownITS 452 #3 Brown Brown
สาย UTP แบบต่อระหว่างคอมพวิ เตอร์สองเคร่ือง Computer 1 สายที่ Computer 2 17 White/Orange 1 White/Green 2 Orange 3 Green White/Green 4 White/Orange 5 Blue 6 Blue White/Blue 7 White/Blue 8Kairat Jaroenrat Green Orange White/Brown White/BrownITS 452 #3 Brown Brown
สายโคแอกเซียล ( Coaxial Cable)• เป็นสายชีลดท์ ่ีหุม้ ส่วนของตวั นาไว้• มีภมู ิตา้ นทานต่อสญั ญาณรบกวน• เหมาะที่จะใชใ้ นโรงงานอุตสาหกรรม ท่ีมีสัญญาณรบกวนมาก สายท่ีรู้จกั กนั ดีที่สุดคือสายเคเบิลที่ใชส้ าหรับระบบเครือข่าย Thin Ethernet และ Thick Ethernet
สายโคแอกเชยี ล (Coaxial cable)เป็ นตวั กลางเชอื่ มโยงท่ีมลี กั ษณะเชน่ เดยี วกบั สายทีวี มีใช้งานหลายลกั ษณะงาน ไมว่ า่ ในระบบเครือขา่ ยเฉพาะท่ี ในการสง่ ข้อมลู ระยะไกลระหวา่ งชมุ สายโทรศพั ท์ หรือการสง่ ข้อมลู สญั ญาณวดี ทิ ศั น์ ทใ่ี ช้ทว่ั ไปมี 2 ชนิด คือ 50 โอห์ม ซงึ่ ใช้สง่ ข้อมลู แบบดจิ ิทลั และชนดิ 75โอห์ม ซงึ่ ใช้สง่ ข้อมลู สญั ญาณแอนะลอ็ ก สายโคแอกเชียลจะมีฉนวนห้มุป้ องกนั การรบกวนของคลนื่ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้ าและสญั ญาณรบกวนจากภายนอกสายแบบนมี ้ ชี ่วงความถี่ทีส่ ญั ญาณไฟฟ้ าสามารถผา่ นได้กว้างถงึ 500 MHz
สายโคแอกเชียล (ต่อ)สายโคแอกเชียลท่ีไช้กบั การสง่ ข้อมลู คอมพิวเตอร์ มี 2 แบบ สายโคแอกเชียลแบบอ่อน (Thinwire coaxial cable) ห้มุ ด้วยฉนวนแบบบางมีขนาดเล็กโค้งงอได้ง่าย สาหรับ ตดิ ตงั้ ในอาคารหรือห้อง สายโคแอกเชียลแบบแขง็ (Thickwire coaxial cable) มีฉนวนภายนอกท่หี นา ทาให้สายมีขนาดใหญ่ สามารถทน ต่อสภาพอากาศภายนอกอาคาร
มาตรฐานของสายโคแอกเชยี ล มีการกาหนดมาตรฐาน โดยองค์กร Radio Government (RG) ดงั นนั้ประเภทของสายโคแอคเชยี ลจึงใช้รหสั RG นาหน้าแล้วตามด้วยหมายเลข เบอรสาย อิมพแี ดนซ์(โอหม์ ) การใชง้ านRG-59 75.0 Cable TVRG-58 50.0 Thin EthernetRG-8/RG11 50.0 Thick Ethernet
เส้นใยนาแสง (Optical Fiber) อาจเรียกวา่ เส้นใยแก้วนาแสงหรือไฟเบอร์ออปตกิ เป็ นตวั กลางของสญั ญาณแสง ทามาจากวสั ดปุ ระเภทแก้วที่มคี วามบริสทุ ธิ์มาก เส้นใยนาแสงมีลกั ษณะเป็ นเส้นยาวขนาดเลก็ขนาดประมาณ เส้นผมของมนษุ ย์อาศยั หลกั การสะท้อน และหกั เหของแสงในการสง่ แสงลงไปในสาย ประกอบด้วย 3 สว่ นหลกั - แกน (CORE) - แก้วหุ้ม (CLAD) - ปลอกหุ้มหรือฉนวนภายนอก
โหมดของเส้นใยนาแสง คณุ สมบตั ิการนาแสงของเส้นใยนาแสง แบง่ ตามลกั ษณะการให้แสงสอ่ งทะลหุ รือไม่ เป็ นคณุ สมบตั ิเฉพาะของเนอื ้ แก้ว แบง่ เป็ น 2 แบบ - Single Mode optic fiber - Multi Mode optic fiber
เส้นใยนาแสงแบบซงิ เกิลโหมด เป็ นการใช้ตวั นาแสงทบี่ บี สาแสงให้พงุ่ ตรงไปตามทอ่ ใยนาแสง โดยมกี ารกระจายออกด้านข้างน้อยทส่ี ดุ เป็ นแบบสายที่มกี าลงั การสญู เสยี ทางแสงน้อยทส่ี ดุ เหมาะสาหรับการใช้กบั ระยะทางไกลๆ เชน่ เส้นใยนาแสงระหวา่ งประเทศ
เส้นใยนาแสงแบบมัลตโิ หมด เป็ นเส้นใยนาแสงที่มีลกั ษณะการกระจายแสงออกด้านข้างได้ โดยมคี า่ดชั นกี ารหกั เหของแสงของ CORE กบั CLAD ตา่ งกนั เพ่อื ให้เกิดการสะท้อนของแสงเมือ่ ตกกระทบพนื ้ ที่ระหวา่ ง CORE กบั CLAD
ดชั นีการหักเหแสงของ CORE ลกั ษณะการเคลอื บ CORE ด้วย CLAD ทีต่ า่ งกนั จะทาให้เกิดการหกั เหและสะท้อนของแสงในสายทตี่ า่ งกนั แบง่ เป็ น 2 แบบ- Step Index optic fiber การสะท้อนของแสงเป็ นแบบทนั ทีทนั ใด- Graded Index optic fiber การสะท้อนของแสงจะเลยี ้ วแบนทลี ะน้อย
ขอ้ ดีและขอ้ เสียของสายไฟเบอร์ออปติกขอ้ ดี ขอ้ เสีย• มีอตั ราค่าลดทอนของ • เส้นใยแกว้ มีความเปราะบางสัญญาณต่า • การเดินสายจาเป็นตอ้ งระมดั ระวงั• ไมม่ ีการรบกวนของ อยา่ ใหม้ ีความโคง้ งอมากสญั ญาณไฟฟ้ า • มีราคาสูง เม่ือเทียบกบั สายเคเบิล• มีแบนดว์ ดิ ธ์สูงมาก ทวั่ ไป• มีขนาดเล็กและน้าหนกั เบา • การติดต้งั จาเป็นตอ้ งพ่ึงพา• มีความเป็นอิสระทางไฟฟ้ า ผเู้ ช่ียวชาญเฉพาะ• มีความปลอดภยั ในขอ้ มูล• มีความทนทานและมีอายกุ ารใชง้ านยาวนาน
การแบ่งช่วงความถ่ียา่ นความถ่ีของสญั ญาณไฟฟ้ า สามารถแบง่ เป็ นชว่ ง ดงั นี ้ยา่ นความถ่ี ชือ่ เรยี ก 3-30 kHz Very low frequency (VLF) 30-300 kHz Low frequency (LF)300KHz-3MHz Medium frequency (MF) 3-30 MHz High frequency (HF) 30-300 MHz Very-high frequency (VHF)300MHz-3GHz Ultra-high frequency (UHF) Super-high frequency (SHF) 30 GHz Extremely-high frequency (EHF) 30-300 GHz
ประเภทไม่มสี ายคลนื่ วทิ ยุ (Radio Frequency :RF) •ส่งสญั ญาณในรูปของคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้ า •เป็นหลกั การเดียวกบั ระบบวทิ ยุ โทรทศั น์ และโทรศพั ทม์ ือถือ •สามารถวง่ิ ผา่ นผนงั และอาคารได้ •สามารถส่งไดท้ ้งั ระยะทางไกล และใกล้ • มีช่วงความถ่ีอยทู่ ่ี 3KHz-1GHz
ไมโครเวฟ (Microwave)- เป็ นการสอ่ื สารระหวา่ งสถานีภาคพนื ้ สองสถานี- ชว่ งความถี่ตงั้ แต่ 1-300 GHz- สง่ สญั ญาณได้ไกลประมาณ 20 ไมล์- ถกู รบกวนจากคลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้ าได้งา่ ย-- สภาพภมู ิอากาศแปรปรวนจะสง่ ผลตอ่ระบบการสอื่ สาร
ดาวเทยี ม (Satellite Link) เป็ นการสอื่ สารระหวา่ งดาวเทียมท่ีลอยอยเู่ หนอื โลกกบั สถานภี าคพนื ้ หรือบ้านพกั อาศยั มลี กั ษณะเฉพาะคอื+ ใช้สญั ญาณวิทยคุ วามถี่สงู+ ตวั ดาวเทยี มจะรับข้อมลู จากสถานี ภาคพนื ้ ขยายและสะท้อนสญั ญาณ กลบั มาท่ีสถานภี าคพนื ้ อีกทีหนงึ่+ ความถ่ีของสญั ญาณสง่ ขาขนึ ้ (Up Link) ประมาณ 4 GHz+ ความถี่ของสญั ญาณสง่ ขาลง (Down Link) ประมาณ 6 GHz
โทรศัพท์เคลอ่ื นที่ (Mobile Telephones)ยคุ 1G ยคุ 2G-สง่ สญั ญาณไร้สายแบบอนาลอ็ ก -เกิดชว่ งปี 1990- ความถ่ี 800 – 900 MHz- คณุ ภาพเสียงไมด่ ี - เป็นยคุ ที่เปลี่ยนจากระบบ- ความเร็วในการสง่ ตา่ อนาลอ็ กมาเป็นดจิ ิตอล- ถกู ลกั ลอกการใช้งานได้งา่ ย - สง่ ข้อมลู ได้รวดเร็วยิง่ ขนึ ้
โทรศัพท์เคลอ่ื นท่ี (Mobile Telephones)ยคุ 2.5G ยคุ 3G-เทคโนโลยีท่ีสาคญั คอื -สามารถเช่ือมตอ่ เข้าระบบGPRS,EDGE เครือขา่ ยได้ตลอดเวลา เพ่ือ ดาเนินธรุ กรรมบนเครือขา่ ย รับสง่ อีเมล์ ดาว์นโหลดไฟล์เพลง การ สง่ ข้อมลู มลั ตมิ ีเดีย การชมคลิป วดิ โี อ - ความเร็วในการดาว์นโหลด 2.4 Mbps
โทรศัพท์เคลอ่ื นที่ (Mobile Telephones)ยคุ 4G-เป็ นระบบสื่อสารแบบบรอดแบนดค์ วามเร็วสงู 75 Mbps- WIMAX
อนิ ฟราเรด (Infrared) •แสงอนิ ฟราเรด สง่ สญั ญาณผา่ นอากาศ •ไดร้ ะยะไมไ่ กล และไมท่ ะลผุ า่ นผนังได ้ •ปัจจบุ นั เป็ นสง่ิ พน้ื ฐานในpersonal digital assistants (PDAs) และ เครอื่ งคอมพวิ เตอรแ์ บบพกพา • อตั ราความเร็วปกตใิ นการรับสง่ ขอ้ มลู จะไมส่ งู กวา่ 4 Mbps แตป่ ัจจบุ นั พฒั นาความเร็วในการรับสง่ ขอ้ มลู ได ้ สงู ถงึ 16 Mbps นอกจากน้ี อนิ ฟาเรดสามารถใชก้ บั ฟิลม์ ถา่ ยรปู บางชนดิได แ้ ละใชเ้ ป็ นการควบคมุ ระยะไกลหรอื รโี มทคอนโทรลกบัเครอ่ื งรับโทรทศั นไ์ ด ้
บลูทูธ (Bluetooth)•สามารถสอื่ สารทะลสุ ง่ิ กดี ขวางหรอื กาแพงได ้•สามารถสอ่ื สารระหวา่ งอปุ กรณห์ ลายๆ อปุ กรณ์ดว้ ยกนั•การเชอื่ มตอ่ แบบจดุ ตอ่ จดุ มคี วามเร็วในการถา่ ยโอนขอ้ มลู ท่ี 722 kbps• การเชอ่ื มตอ่ แบบหลายจดุ มคี วามเร็วในการถา่ ยโอนขอ้ มลู ท่ี 57.6 kbps• รองรบั การใชง้ านขอ้ มลู และเสยี งหรอื มลั ตมิ เี ดยี
WAP เป็นมาตรฐานสากลท่ีใช้สาหรับการสื่อสารข้อมลู แบบไร้สาย ถกู ออกแบบมาเพื่อใช้งานบนอปุ กรณ์พกพา ใช้ภาษา WML เพื่อแสดงผล ความเร็วในการเชื่อมตอ่ น้อย
การพจิ ารณาส่ือกลางส่งข้อมลู ต้นทนุ (Cost) - อปุ กรณ์สนบั สนนุ - ต้นทนุ การตดิ ตงั้ - ราคาและประสทิ ธิภาพ ความเร็ว (Speed) - ความเร็วในการสง่ ผา่ นข้อมลู (Data Transmission Speed) คานวณได้จากจานวนบติ ตอ่ วนิ าที ซงึ่ จานวนบิตตอ่ วินาทีสงู จะขนึ ้ อยู่กบั แบนด์วดิ ธ์ท่ีเหมาะสมของสอ่ื กลางประเภทนนั้ ๆ - ความเร็วในการเดนิ ทางของข้อมลู (Propagation Speed) เป็ นความเร็วของสญั ญาณท่มี ีการเคลอ่ื นท่ีผา่ นสอื่ กลาง
การพจิ ารณาส่ือกลางส่งข้อมลู (ต่อ) ระยะทางและการขยาย (Distance and Expandability) - สอ่ื กลางแตล่ ะชนิดสามารถขยายระยะทางได้ สภาพแวดล้อม (Environment) ความปลอดภยั (Security) - การเดนิ ทางของข้อมลู อยา่ งปลอดภยั ในระหวา่ งการสง่ จนกระทง่ั ถงึ จดุ หมายปลายทางเป็ นสง่ิ สาคญั
มลั ตเิ พลก็ เซอร์ (Multiplexer) มลั ติเพลก็ เซอร์เป็นเทคนิคที่อนุญาตใหส้ ญั ญาณที่ใชแ้ ทนขอ้ มูลจากหลายๆ แหล่งสามารถส่งผา่ นช่องสญั ญาณเดียวกนั เพอื่ ใชง้ านร่วมกนั ไดด้ ว้ ยการรวมสญั ญาณเขา้ ดว้ ยกนั
มลั ตเิ พลก็ เซอร์ (Multiplexer) และเม่ือสญั ญาณขอ้ มลู ท้งั หมดมาถึงเคร่ืองมลั ติเพลก็ ซ์เซอร์ช่ึงเรียกวา่ อปุ กรณ์ดีมลั ติเพลก็ ซ์เซอร์อีกเคร่ืองหน่ึงทางปลายทาง สญั ญาณท้งั หมดกจ็ ะถกู แยก (ดีมลั ติเพลก็ ซ์) ออกจากกนั ไปตามเครื่องรับปลายทางของแต่ละช่องทาง สายส่งขอ้ มูลที่ใชใ้ นการส่งขอ้ มลู จะตอ้ งมีความจุสูงจึงจะสามารถรองรับปริมาณขอ้ มลู จานวนมากท่ีถกู ส่งผา่ นมาพร้อมๆกนั ได้
เปรียบเทียบระบบการส่งสญั ญาณท่ีไม่ใชม้ ลั ติเพลก็ ซ์ และใชม้ ลั ติเพลก็ ซ์
แสดงการใชม้ ลั ติเพลก็ ซ์เซอร์เมื่อส่งขอ้ มลู จากหลายเทอร์มินลั
การมลั ติเพลก็ ซ์การมลั ติเพล็กซแ์ บบแบง่ ความถ่ี (Frequency division multiplexing : FDM) การมลั ติเพล็กซแ์ บบแบง่ ความยาวคลื่น(Wavelength division multiplexing : WDM) การมลั ติเพลก็ ซแ์ บบแบง่ เวลา (Time division multiplexing : TDM)
การมลั ติเพลก็ ซแ์ บบแบ่งความถ่ึ (Frequency-Division Multiplexing : FDM แบนด์วิดธ์ของลงิ ก์จะมีการแบง่ ส่วนเป็นย่านความถี่ยอ่ ย แต่ละแชนแนลก็จะมีแบนด์วิดธ์ที่ไมไ่ ด้ถกู ใช้ที่เรียกวา่ Guard Band ส่ือนาสญั ญาณท่ีนามาใช้สามารถเป็นสายเคเบิล หรือคลื่นวทิ ยุ ก็ได้ ตวั อย่างเทคโนโลยีที่นาเทคนิคการมลั ติเพลก็ ซ์แบบ FDM มาใช้ เช่น การกระจายคล่ืนวทิ ย/ุ โทรทศั น์ ระบบเคเบิลทีวี และระบบ โทรศพั ท์เคลื่อนท่ีแบบอนาล็อก 46
ภาพแสดงการผสมสัญญาณตามความถี่ (FDM) 47
ผ้ใู ห้บริการโทรศพั ท์ทว่ั ไปจะใช้มกั ซ์ FDM ในการผสมสญั ญาณเสยี งทาง สายโทรศพั ท์เข้าด้วยกนั สายโทรศพั ท์ซงึ่ ใช้ถา่ ยทอดสญั ญาณ แอนะลอ็ กมี ความกว้างช่องสญั ญาณขนาด 4,000 Hz ในจานวนนเี ้ป็ นสว่ นท่ใี ช้งานจริงเพียง 3,000 Hz โดยมชี ่องสญั ญาณขนาด 300 Hz เป็ นช่องสญั ญาณกนั ชนทางด้านความถ่ีตา่ และอีก 700 Hz สาหรับช่องสญั ญาณ ความถ่ีสงู สายโทรศพั ท์แตล่ ะเส้นจะเชื่อมตอ่ เข้ากบั มกั ซ์ FDM ซง่ึ จะกาหนดชว่ งสญั ญาณ ใหมใ่ ห้แตล่ ะสาย เช่น สายแรกให้ใช้ชว่ งความถ่ี 0-4 KHz สายเส้นที่สองใช้ช่วง 4-8 KHz และสายทีส่ ามใช้ชว่ ง 8-12 KHz เป็ นต้น และรวบรวมสญั ญาณทงั้ หมดเข้าด้วยกนั เพ่ือสง่ ออกทางชอ่ งสญั ญาณความกว้าง สงู เพยี งช่องสญั ญาณเดยี ว 48
ภาพที่ 3.4 แสดงโครงสร้างช่องสัญญาณของสายโทรศัพท์ทใี่ ช้ตามบ้านทวั่ ไป 49
ขอ้ ดีของการมลั ติเพลก็ ซโ์ ดยการแบง่ ความถ่ี ใชว้ ิธีการมลั ติเพล็กซท์ ่ีค่อนขา้ งงา่ ย ไมซ่ บั ซอ้ นและมีโมเดม อยใู่ นตวั จึงมีราคาถูกขอ้ เสียของการมลั ติเพลก็ ซ์โดยการแบ่งความถี่ โดยทว่ั ไปมีประสิทธิภาพต่าเน่ืองจาก 1.ทางานโดยแบ่งความสามารถในการส่งขอ้ มูลของสื่อกลาง เป็นแบบสถิต (statical location) 2. อตั ราการส่งขอ้ มลู โดยรวมต่า ซ่ึงปกติจะต่ากวา่ 2,000 bps
Search