ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ ประเภทของยาเสพตดิ ครพู นั ธรกั ษ ์ ลำดวนหอม
ประเภทของยาเสพติด ตามแหลง่ กาเนิด 1.ตามธรรมชาติ ไดแ้ ก่ ฝ่ิน กญั ชา ใบกระท่อม เหด็ ขีค้ วาย ฯลฯ 2.การสงั เคราะห์ ไดแ้ ก่ เฮโรอีน มอรฟ์ ีน โคเคน ฯลฯ
ประเภทของยาเสพตดิ ตามแหลง่ กาเนิด ฝ่ิน มอรฟ์ ีน เฮโรอีน
ประเภทของยาเสพติด ตามการออกฤทธิ์ตอ่ ระบบประสาทสว่ นกลาง 1.ออกฤทธิ์กดประสาท (Depressants) พวกนีจ้ ะออกฤทธิ์กดประสาทสมองศนู ยค์ วบคมุ การ หายใจในสมอง และประสาทท่ีควบคมุ การทางานของอวยั วะบางอยา่ งของรา่ งกาย ยาพวกนีไ้ ดแ้ ก่ ฝ่ิน มอรฟ์ ีน เฮโรอีน และเซโคบารบ์ ทิ าล (Secobarbital) ซง่ึ เรยี กกนั ในหมใู่ ชว้ ่า \"ปีศาจแดง\" หรอื \"เหลา้ แหง้ \" ทินเนอร์ กาว ฯลฯ
ประเภทของยาเสพติด ตามการออกฤทธิ์ตอ่ ระบบประสาทสว่ นกลาง 2.ออกฤทธิก์ ระตุน้ ประสาท (Stimulants) จะออกฤทธิ์กระตนุ้ ประสาทสมองสว่ นกลางโดยตรง กระตนุ้ การเตน้ ของหวั ใจ และอารมณด์ ว้ ย เช่น แอมเฟตามีน (Amphetamine) หรอื ท่ีเรยี กกนั ท่วั ไปวา่ \"ยามา้ \" หรอื \"ยาขยนั \" อีเฟดรนี โคเคน ฯลฯ
ประเภทของยาเสพตดิ ตามการออกฤทธิ์ตอ่ ระบบประสาทสว่ นกลาง 3.ออกฤทธิห์ ลอนประสาท (Hallucinogen) จะออกฤทธิ์ตอ่ ประสาทสมอง ทาใหม้ ีการรบั รูค้ วามรูส้ กึ ผิดไป เกิดอาการประสาทหลอน หรอื แปลส่งิ เรา้ ผิด ไดแ้ ก่ แอลเอสดี (Lysergicacid dietyhlamide) เห็ดขีค้ วาย ฯลฯ
ประเภทของยาเสพติด ตามการออกฤทธิ์ตอ่ ระบบประสาทสว่ นกลาง 4.ออกฤทธิผ์ สมผสานกนั คอื ออกฤทธิ์ทงั้ กดประสาท กระตนุ้ ประสาท และหลอนประสาท ไดแ้ ก่ กญั ชา ใบกระทอ่ ม เม่ือใชน้ อ้ ย ๆ จะกระตนุ้ ประสาท หากใชม้ ากขนึ้ จะกดประสาทและถา้ ใชม้ ากขนึ้ อีกก็จะเกิด ประสาทหลอนได้
ประเภทของยาเสพติด ตาม พ.ร.บ.ยาเสพตดิ ฯ พ.ศ.2522 ประเภทที่ 1 ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษชนิดรา้ ยแรงมี 38 รายการ เช่น เฮโรอีน แอมเฟตามีน แมทแอมเฟตามีน (ยาบา้ ) เอ็กซต์ าซี และแอลเอสดี ประเภทท่ี 2 ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษท่วั ไป มี 102 รายการ เช่น ใบโคคา โคคาอีน โคเดอีน ยาสกดั เขม้ ขน้ ของตน้ ฝ่ิน แหง้ เมทาโดน มอรฟ์ ีน ฝ่ินยา (ฝ่ินท่ีผ่านกรรมวิธีปรุงแตง่ เพ่ือใชใ้ นทางยา) ฝ่ิน (ฝ่ินดบิ ฝ่ินสกุ มลู ฝ่ิน) ประเภทที่ 3 ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษท่มี ีลกั ษณะเป็นตน้ ตารบั ยาและมียาเสพติดใหโ้ ทษประเภท 2 ผสมอยู่ คอื ยา รกั ษาโรคท่ีมียาเสพตดิ ประเภท 2 เป็นสว่ นประกอบอย่ใู นสตู ร เชน่ ยาแกไ้ อ ยาแกท้ อ้ งเสยี ประเภทท่ี 4 สารเคมีท่ใี ชใ้ นการผลติ ยาเสพติดใหโ้ ทษประเภท 1 หรอื 2 มี 32 รายการ เชน่ อาเซติคแอนไฮ ไดรด์ อาเซตลิ คลอไรด์ ประเภทท่ี 5 ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษท่ีไมเ่ ขา้ อยใู่ นประเภท 1 ถึง 4 มี 4 รายการ คือ กญั ชา พืชกระท่อม พชื ฝ่ิน ทกุ สว่ นของพืชกญั ชา ทกุ สว่ นของพืชกระทอ่ ม และพืชเหด็ ขีค้ วาย
ประเภทของยาเสพตดิ ตามองคก์ ารอนามยั โลก •ประเภทฝ่ิน หรอื มอรฟ์ ี น รวมทงั้ ยาท่ีมีฤทธิ์คลา้ ยมอรฟ์ ีน ไดแ้ ก่ ฝ่ิน มอรฟ์ ีน เฮโรอีน เพทิดีน •ประเภทยาปิทเู รท รวมทงั้ ยาท่ีมีฤทธิ์ทานองเดียวกนั ไดแ้ ก่ เซโคบารป์ ิตาล อะโมบารป์ ิตาล พาราลดไี ฮด์ เม โปรบาเมท ไดอาซแี พม เป็นตน้ •ประเภทแอลกอฮอล ไดแ้ ก่ เหลา้ เบียร์ วิสกี้ •ประเภทแอมเฟตามีน ไดแ้ ก่ แอมเฟตามีน เมทแอมเฟตามีน •ประเภทโคเคน ไดแ้ ก่ โคเคน ใบโคคา •ประเภทกญั ชา ไดแ้ ก่ ใบกญั ชา ยางกญั ชา •ประเภทใบกระท่อม •ประเภทหลอนประสาท ไดแ้ ก่ แอลเอสดี ดีเอน็ ที เมสตาลีน เมลดั มอน่ิงกลอร่ี ตน้ ลาโพง เห็ดเมาบางชนิด •ประเภทอ่ืน ๆ นอกเหนือจาก ๘ ประเภทขา้ งตน้ ไดแ้ ก่ สารระเหยตา่ ง ๆ เชน่ ทินเนอร์ เบนซนิ นา้ ยาลา้ งเลบ็ ยา แกป้ วด และบหุ ร่ี
ตวั อย่างยาเสพตดิ ฝ่ิ น (OPIUM) ลักษณะท่วั ไป ตน้ ฝ่ินเป็นพืชลม้ ลกุ นิยมปลกู กนั ทางภาคเหนือของประเทศไทย (จดั เป็นยาเสพติดใหโ้ ทษประเภท ๒ ตรา พระราชบญั ญตั ยิ าเสพติดใหโ้ ทษ พ.ศ.๒๕๒๒) เนือ้ ฝ่ินไดม้ าจากยางท่ีกรดี จากผล (กระเปาะ) ฝ่ินมสี ีนา้ ตาล กล่นิ เหมน็ เขียว รสขม เรยี กวา่ ฝ่ินดิบ และหากนาฝ่ินดบิ มาตม้ เค่ียวหรอื หมกั จะไดฝ้ ่ินท่ีมสี ีนา้ ตาลไหมป้ นดา มีรสขมเฉพาะตัว เรยี กวาฝ่ินสกุ ทง้ั ฝ่ินดิบและ ฝ่ินสกุ มีฤทธิ์ในการ กดระบบประสาท อาการผู้เสพตดิ ฝิ่ น มอี าการจติ ใจเล่อื นลอย ซมึ งว่ ง พดู จาวกไปวนมา อารมณด์ ี และการตดั สนิ ใจเช่อื งชา้ ผทู้ ่ีเสพฝ่ินตดิ ตอ่ กนั เป็น ระยะเวลานาน สขุ ภาพรา่ งกายจะทรุดโทรม ตวั ซีดเหลือง ซบู ผอม ดวงตาเหมอ่ ลอย รมิ ฝีปากเขียวคลา้ ออ่ นเพลยี ง่าย ซึมเศรา้ ง่วง เหลาหาวนอน เกียจครา้ น อารมณแ์ ปรปรวนง่าย พดู จาไมอ่ ย่กู บั รอ่ งกบั รอย ความจาเส่อื ม ชีพจรเตน้ ชา้ ไมร่ ูส้ กึ ตวั และหากไมไ่ ดเ้ สพ ฝ่ินเม่อื ถงึ เวลาจะมีอาการหงดุ หงดิ ฉนุ เฉียวงา่ ย บางรายมีอาการออ่ นเพลยี ไมม่ แี รง ดิน้ ทรุ นทรุ าย นา้ มกู นา้ ตาไหล มา่ นตาขยาย ผิดปกติ ปวดตามกลา้ มเนือ้ ตามกระดกู ปวดบดิ ในทอ้ งอย่างรุนแรง อาเจียน หายใจลาบาก อาจชกั และหมดสติได้
ตัวอยา่ งยาเสพตดิ มอรฟ์ ี น (MORPHINE) ลักษณะท่วั ไป เป็นสารอลั คาลอยดท์ ่ีสกดั ไดจ้ ากฝ่ิน มีลกั ษณะเป็นผงสีขาวนวล สีครมี สีเทา ไมม่ ีกล่ิน รสขม ละลายนา้ ง่าย (จดั เป็นยาเสพ ติดใหโ้ ทษประเภท ๒ ตามพระราชบญั ญตั ยิ าเสพติดใหโ้ ทษ พ.ศ.๒๕๒๒) มีฤทธิ์ในการกดประสาทและสมองรุนแรงกว่าฝ่ิน ประมาณ ๘-๑๐ เท่า เสพตดิ ไดง้ า่ ย มีลกั ษณะแตกต่างกนั เช่น อดั เป็นเม็ด เป็นผง เป็นแทง่ ส่ีเหล่ียมมีเคร่อื งหมาย 999 หรอื OK เป็นสญั ลกั ษณ์ และชนดิ นา้ บรรจหุ ลอด อาการผู้เสพตดิ มอรฟ์ ี น ผทู้ ่ีเสพมอรฟ์ ีน ระยะแรกฤทธิ์ของมอรฟ์ ีนจะช่วยลดความวติ กกงั วล คลายความเจบ็ ปวดต่าง ๆ ตามรา่ งกาย ทา ใหม้ ีอาการง่วงนอนและหลบั ง่าย และหากเสพจนเกิดอาการติด ฤทธิ์ของมอรฟ์ ี นจะทาใหผ้ เู้ สพมีอาการเหม่อลอย เซ่อื งซมึ จิตใจเล่ือนลอย เกียจครา้ นไม่สนใจตอ่ ส่งิ แวดลอ้ มรอบกายสขุ ภาพรา่ งกายผา่ ยผอม ทรุดโทรม และเม่ือไม่ไดเ้ สพจะเกิดอาการกระวนกระวาย ความคิด สบั สนพฤติกรรมกา้ วรา้ ว หงดุ หงดิ งา่ ย วิตกกงั วล หวาดระแวง หอู ือ้ นอนไมห่ ลบั ปวดทอ้ ง คล่ืนไส้ อาเจียน บางคนอาจชกั และหมดสตใิ น ท่ีสดุ
ตัวอยา่ งยาเสพติด เฮโรอนี หรือ ผงขาว (HEROIN) ลักษณะท่วั ไป เฮโรอีนเป็นยาเสพตดิ ใหโ้ ทษชนิดรา้ ยแรง ประเภท ๑ (ตามพระราชบญั ญตั ยิ าเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ.๒๕๒๒) เฮโรอีนได้ จากการสงั เคราะหต์ ามกรรมวิธีทางเคมี ฤทธิ์ของเฮโรอีนมีความรุนแรงกว่ามอรฟ์ ีน ประมาณ ๔-๘ เท่าและรุนแรงกว่าฝ่ินประมาณ ๓๐-๘๐ เทา่ อาการผู้เสพตดิ เฮโรอีน เฮโรอีน เป็นยาเสพตดิ ท่ีรา้ ยแรง เสพตดิ ไดง้ ่ายเม่ือใชเ้ พียง ๑ หรอื ๒ ครง้ั อาจทาใหเ้ กิดอาการมนึ งงเซ่อื งซมึ ง่วง เคลิม้ หลบั ไดเ้ ป็นเวลานาน ไม่สนใจตอ่ ส่งิ ต่าง ๆ รอบขา้ ง บางรายเกิดอาการคล่ืนไส้ อาเจียน ตาลาย สาหรบั ผูท้ ่ีเสพจนตดิ เสพ เป็นประจารา่ งกายจะทรุดโทรม ผอมตวั ซดี เหลือง ขอบตาคลา้ ดวงตาเหมอ่ ลอย นา้ หนกั ตวั ลดอย่างรวดเรว็ สมองและประสาทเส่ือม ความคิดสบั สน ความจาเส่ือม ออ่ นเพลียไมม่ ีแรง และหากใชย้ าเกิดขนาด ฤทธิ์ของเฮโรอีนจะทาใหห้ วั ใจหยดุ ทางาน เกิดอาการ \"ช็อค\" ถงึ แก่ความตายไดท้ นั ที สาหรบั อาการขาดยาหรอื ไม่ไดเ้ สพยาเม่ือถงึ เวลาเสพ ผเู้ สพติดเฮโรอีนจะเกิดอาการทุรนทรุ าย ทกุ ข์ ทรมาน นา้ มกู นา้ ตาไหล ความคดิ ฟงุ้ ซา่ น สบั สน หงดุ หงดิ กระวนกระวาย ปวดเจ็บตามกลา้ มเนือ้ ตามกระดกู ปวดทอ้ งอยา่ งรุนแรง หู อือ้ ตาพรา่ มวั อาเจียนอย่างรุนแรง ถ่ายอจุ จาระเป็นเลือด นอนไมห่ ลบั บางรายมีอาการเพอ้ คล่งั ชกั และหมดสติอาจถึงขน้ั เสียชีวติ ได้
ตัวอยา่ งยาเสพติด โคเคน (COCAINE) ลักษณะท่วั ไป โคเคนหรอื โคคาอีน เป็นสารเสพติดธรรมชาตทิ ่ีไดจ้ ากการสงั เคราะหส์ ว่ นใบของตน้ โคคา (จดั เป็นยาเสพตดิ ใหโ้ ทษประเภท ๒ ตามพระราชบญั ญตั ิยาเสพติดใหโ้ ทษ พ.ศ.๒๕๒๒) นิยมปลกู กนั มากในประเทศแถบอเมรกิ าใต้ และอเมรกิ ากลาง เช่น ประเทศโบลิเวีย เปรู โคลมั เบีย เอกวาดอร์ เป็นตน้ มีฤทธิ์ในการ กระตนุ้ ประสาทสว่ นกลางเช่นเดียวกบั แอมเฟตามีน (ยามา้ ) แตท่ าใหเ้ กิดอาการติดยาได้ งา่ ยกวา่ โคเคนหรอื โคคาอีนนิยมเรยี กกนั ในกล่มุ ผเู้ สพว่า COKE , SNOW , SPEED BALL , CRACK ฯลฯ มีลกั ษณะเป็นผง ละเอียดสีขาว รสขม ไมม่ ีกล่นิ มกั นิยมเสพโดยใชว้ ิธีสบู ฉีด หรอื สดู พน่ เขา้ ไปในจมกู ฯลฯน อาการผู้เสพตดิ โคเคน ผเู้ สพติดโคเคนเขา้ ส่รู า่ งกาย ในระยะแรกฤทธิ์ของโคเคนจะกระตนุ้ ประสาททาใหเ้ กิดอาการไรค้ วามรูส้ กึ ดเู หมือน คลา้ ยมีกาลงั มากขนึ้ มีความกระปรกี้ ระเปรา่ ไมร่ ูส้ กึ เหน่ือย แต่เม่ือหมดฤทธิ์ยารา่ งกายและความรูส้ กึ จะอ่อนเพลียเม่ือยลา้ ขนึ้ มาทนั ที มี อาการเซ่อื งซมึ และหากวา่ เสพจนถึงขน้ั ติดยาจะเกิดผลตอ่ รา่ งกายอยา่ งมาก เชน่ หวั ใจเตน้ แรง ความดนั โลหิตสงู ตวั รอ้ น มีไขต้ ลอดเวลา นอนไม่หลบั ฯลฯ และหากเสพโคเคนเขา้ ส่รู า่ งกายเกิดขนาดจะเกิดพษิ เฉียบพลนั ฤทธิ์ของยาจะไปกดการทางานของหวั ใจ ทาใหห้ ายใจไม่ ออกอาจชกั และเสียชีวติ ได้
ตวั อยา่ งยาเสพติด กระทอ่ ม (KRATOM) ลักษณะท่วั ไป กระทอ่ มเป็นพืชยืนตน้ ขนาดกลางชนดิ หน่งึ พบมากในแถบทวีปเอเชีย เช่น ประเทศอนิ เดีย ไทย ฯลฯ (จดั เป็น ยาเสพติดประเภท ๕ ตามพระราชบญั ญตั ิยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ.๒๕๒๒) ลกั ษณะใบคลา้ ยใบกระดงั งาหรอื ใบฝร่งั มีดอกกลม โตเทา่ ผลพทุ รา มีช่ือเรยี กต่าง ๆ กนั เช่น กระท่มุ โคก กระท่มุ พาย การเสพจะใชส้ ว่ นท่ีเป็นใบเคีย้ วสด หรอื ตากแหง้ แลว้ บดหรอื ห่นั เป็นผงหยาบนาไปผสมกบั นา้ รอ้ นด่ืมแทนใบชาจีน อาการผู้เสพตดิ กระทอ่ ม ผเู้ สพใบกระทอ่ ม จะพบวา่ รา่ งกายทรุดโทรมมาก เน่ืองจากสขุ ภาพรา่ งกายทางานเกินกาลงั ลกั ษณะ ท่ีเห็นชดั คือ ผวิ หนงั ตามรา่ งกายแหง้ เกรยี มดา ปากแหง้ แกม้ เป็นจดุ ดา ๆ และมีอาการนอนไม่หลบั ทอ้ งผูก อจุ จาระเป็นสีเขียว คลา้ ยมลู แพะ และหากเสพเขา้ ส่รู า่ งกายตดิ ต่อกนั เป็นเวลานาน ๆ จะทาใหส้ ภาพจติ ใจสบั สนอาจมีอาการทางประสาทและเม่ือ ไม่ไดเ้ สพจะมีอาการขาดยา รา่ งกายจะออ่ นเพลียปวดเม่ือยตามขอ้ ตามกลา้ มเนือ้ อารมณห์ งดุ หงิด กระวนกระวาย เบ่ืออาหาร คล่ืนไสอ้ าเจียน นอนไม่หลบั
ตวั อย่างยาเสพติด เหด็ ขคี้ วาย (PSILOCYBE CUBENSIS MUSHROOM) ลักษณะท่วั ไป เป็นเหด็ พษิ ท่ีมกั ขนึ้ อย่ตู ามมลู ความแหง้ และมีขนึ้ อยทู่ ่วั ไปแทบทกุ ภาคของประเทศไทย มีช่ือเรยี กกนั ในบรรดานกั ท่องเท่ียววา่ MAGIC MUSHROOM (จดั เป็นยาเสพตดิ ใหโ้ ทษประเภท ๕ ตามพระราชบญั ญตั ยิ าเสพติดใหโ้ ทษ พ.ศ.๒๕๒๒) ลกั ษณะของเห็ดขีค้ วายมีสี เหลืองซีดคลา้ ยสีฟางแหง้ บรเิ วณสว่ นบนของหวั เห็ดท่ีมีรูปรา่ งคลา้ ยรม่ จะมีสีนา้ ตาลเขม้ จนถึงดาบรเิ วณกา้ นตอนบนใกลต้ ัวรม่ มีแผน่ เนือ้ เย่ือบาง ๆ สี ขาวคลา้ ยวงแหวนแผอ่ ยรู่ อบกา้ น เห็ดขีค้ วายพบไดท้ งั้ ในสภาพท่ีเป็นเห็ดสดและเหด็ ตากแหง้ ผทู้ ่ีเสพหรอื บรโิ ภคเหด็ ชนิดนีเ้ ขา้ ไปรา่ งกายจะไดร้ บั สารพษิ เชน่ ไซโลลีน และไซโลไซลีน ซง่ึ เป็นสารพษิ ท่ีมีฤทธิ์ในการหลอนประสาท ทาลายระบบประสาทอยา่ งรุนแรง ผเู้ สพติดจะมีอาการมนึ เมา จนอาจ ถึงขนั้ เสียชีวิต อาการผู้เสพตดิ เหด็ ขีค้ วาย ผทู้ ่ีเสพหรอื บรโิ ภคเห็ดพษิ จะรูส้ กึ รอ้ นวบู วาบ ตามเนือ้ ตวั แน่นหนา้ อก ตาพรา่ อดึ อดั รูส้ ึกไมส่ บาย คล่ืนไสอ้ าเจียน อาการ ดงั กลา่ วจะมีมากนอ้ ยเพียงใดขนึ้ อยกู่ บั ปรมิ าณของการเสพ และสภาพรา่ งกายของผเู้ สพเป็นสาคญั ในกรณีท่ีเสพหรอื บรโิ ภคเขา้ สรู่ า่ งกายในปรมิ าณ มาก หรอื รา่ งกายมีภมู ติ า้ นทานนอ้ ยฤทธิ์ของสารพษิ อาจทาใหถ้ งึ แก่ชีวติ ได้ และบางรายก็อาจจะมีอาการมนึ เมา เคลิม้ ประสาทหลอน ตาพรา่ ความคดิ สบั สน มีอาการแปรปรวนทางจิต อารมณเ์ ปล่ียนแปลงไดง้ ่าย เพอ้ อาจบา้ คล่งั ได้
ตวั อยา่ งยาเสพติด อเี ฟดรีน (EPHEDINE) หรือ ยาอี (Extacy) ลักษณะท่วั ไป เป็นผงละเอียดสีขาว เม่ือนามาผลติ เป็นเม็ดยาจะมีหลายลกั ษณะ เช่น เป็นเมด็ กลมแบน ชนิดนา้ บรรจหุ ลอด และ ชนิดแคปซลู มีฤทธิ์ในการกระตนุ้ ระบบประสาทส่วนกลาง เช่นเดียวกบั แอมเฟตามีน (ยามา้ ) จดั เป็นวตั ถอุ อกฤทธิ์ต่อจติ และประสาท ประเภท ๒ ตามพระราชบญั ญตั วิ ตั ถอุ อกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.๒๕๑๘ ซง่ึ จากเดมิ อีเฟดรนี จดั เป็นวตั ถทุ ่ีออกฤทธิ์ต่อจิตและ ประสาทประเภท ๓ แต่เน่ืองจาก ไดม้ ีการนาอีเฟดรนี มาใชใ้ นทางท่ีผดิ มีการนามาเสพแทนแอมเฟตามีน (ยามา้ ) ก่อใหเ้ กิดปัญหาต่อ ชีวิตและทรพั ยส์ ินสว่ นรวมอยา่ งมากมาย จงึ ไดม้ ีการแกไ้ ขกฎหมายท่ีเก่ียวขอ้ งกบั วตั ถทุ ่ีออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และจดั ใหอ้ ีเฟด รนี ทง้ั ชนดิ นา้ และทกุ ตารบั ยาท่ีมีสว่ นผสมของอีเฟดรนี เป็นวตั ถทุ ่ีออกฤทธิ์ต่อจติ และประสาทประเภท ๒ อาการของผู้เสพตดิ อีเฟดรีน ผเู้ สพยาอีเฟดรนี จะมีอาการคลา้ ยคลงึ เชน่ เดียวกบั ผเู้ สพแอมเฟตามีน (ยามา้ ) กล่าวคือฤทธิ์ของอีเฟด รนี จะกระตนุ้ ระบบประสาท ทาใหผ้ เู้ สพสามารถทางานไดน้ านมีอาการต่ืนเตน้ งา่ ย ใจส่นั ไมร่ ูส้ กึ ง่วงนอน เหง่ือออกมาก ความดนั โลหิตสงู ฯลฯ หากเสพตดิ ต่อกนั เป็นเวลานานจะเกิดอาการประสาทหลอน เป็นโรคจิต บางรายท่ีเสพยาเขา้ ส่รู า่ งกายเกินขนาดจะเกิด อาการประสาทหลอน เป็นโรคจิต บางรายท่ีเสพยาเขา้ สรู่ า่ งกายเกินขนาดจะเกิดอาการใจส่นั มือเทา้ เกรง็ และชา ความดนั โลหิตสงู หวั ใจเตน้ เรว็ ผดิ ปกติ หายใจลาบาก
ตวั อย่างยาเสพตดิ แอมเฟตามนี (AMPHETAMINE) ลักษณะท่วั ไป แอมเฟตามีน มีลกั ษณะเป็นผงผลกึ มีขาว ไมม่ ีกล่นิ รสขม มีฤทธิ์ในการกระตนุ้ ระบบประสาทส่วนกลาง (จดั เป็นวตั ถทุ ่ี ออกฤทธิ์ต่อจติ และประสาทประเภท ๒ ตามพระราชบญั ญตั วิ ตั ถอุ อกฤทธิ์ตอ่ จติ ประสาท พ.ศ.๒๕๑๘) มีช่ือเรยี กทางการคา้ ต่าง ๆ กนั เช่น เบนซดี รนี ฟีนามีน ฯลฯ แต่ในกล่มุ ผใู้ ชห้ รอื เสพนิยมเรยี กกนั ว่า ยามา้ ยาขยนั ยาแกง้ ว่ ง ยาโด๊ป ยาเพ่มิ พลงั ฯลฯ ผงแอมเฟตามีน ๑ กรมั ละลายไดใ้ นนา้ ๙ ซ.ี ซ.ี (มลิ ลลิ ติ ร) และละลายไดใ้ นแอลกอฮอล์ ๕๐๐ ซี.ซ.ี (มิลลิลิตร) แต่จะไมล่ ะลายในอีเทอร์ ผงแอมเฟตามีน (ยามา้ ) เม่ือนามาผลิต-อดั เป็นเม็ดยาแลว้ จะมีลกั ษณะเม็ดยา เช่น เม็ดกลมแบน รูปเหล่ียม รูปหวั ใจ หรอื อาจเป็นแคปซลู มีสีตา่ งกนั เช่นสีขาว สีนา้ ตาล สีเหลือง แต่ท่ีพบสว่ นมากจะเป็นสีขาว เม็ดกลมแบน มีสญั ลกั ษณบ์ นเม็ดยา เช่น รูปหวั มา้ , LONDON, 99, รูป ดาว อาการของผู้เสพตดิ แอมเฟตามนี (ยาบ้า) ฤทธิ์ของแอมเฟตามีน (ยาบา้ ) จะส่งผลกระทบต่อผเู้ สพ ก่อใหเ้ กิดอาการทงั้ ทางรา่ งกาย และจติ ใจ ดงั ต่อไปนี้ คือ อาการทางกาย ผเู้ สพแอมเฟตามีน (ยาบา้ ) ประมาณ ๒๐ - ๓๐ กรมั ตอ่ วนั จะมีอาการเบ่ืออาหาร พดู มาก ต่ืนเตน้ ง่าย มือส่นั คล่ืนไส้ ความดนั โลหติ สงู หวั ใจเตน้ เรว็ และแรง ไม่รูส้ กึ งว่ ง เหง่ือออกมาก กล่ินตวั แรง ปากและจมกู แหง้ หนา้ มนั ทางานไดน้ านเกินกว่าปกติ รูม่านตาเบิกกวา้ ง สบู บหุ ร่จี ดั ทอ้ งเสีย มีอารมณห์ งดุ หงิด ฉนุ เฉียวงา่ ย
ตวั อย่างยาเสพตดิ กญั ชา (CANNABIS) ลักษณะท่วั ไป กญั ชาเป็นพืชลม้ ลกุ จาพวกหญา้ ชนิดหนง่ึ มีช่ือเรยี กต่าง ๆ กนั เชน่ THAISTICKS,MARY - JANE หรอื ท่ี นิยมเรยี กกนั ในกลมุ่ ผเู้ สพว่า เนือ้ (จดั เป็นยาเสพติดใหโ้ ทษประเภท ๕ ตามพระราชบญั ญตั ิยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ.๒๕๒๒) ลกั ษณะ ใบกญั ชา จะเรยี วยาวแตกเป็นแฉกคลา้ ยใบละหงุ่ หรอื มนั สาปะหลงั ส่วนท่ีนามาใชเ้ สพก็คือ ใบและยอดชอ่ ดอกตวั เมีย โดยการนามา ตากหรอื อบแหง้ แลว้ บดหรอื ห่นั เป็นผงหยาบ ๆ นามามวนบหุ ร่สี บู หรอื อาจสบู ดว้ ยกลอ้ งหรอื บอ้ งกญั ชา บางรายใชเ้ คีย้ ว หรอื เจือปน กบั อาหารรบั ประทาน ในกรณีท่ีเสพติดดว้ ยวธิ ีการสบู กล่ินกญั ชาจะเหมือนกบั เชือกหรอื หญา้ แหง้ ไหมไ้ ฟ กญั ชาจะออกฤทธิ์หลาย อยา่ งผสมผสานกนั เรม่ิ ตงั้ แต่ กระตนุ้ กด และหลอนประสาททง้ั นีเ้ น่ืองจากในชอ่ ดอกและใบกญั ชามีสารพษิ ท่ีรา้ ยแรงชนิดหน่งึ เรยี กว่า TETRAHYDROCANNABINOL (THC) เป็นสารพษิ ท่ีทาลายสขุ ภาพรา่ งกายและก่อใหเ้ กิดอาการติดยา อาการของผู้เสพตดิ กัญชา ผทู้ ่ีเสพกญั ชาในระยะแรกของการเสพ ฤทธิ์ของกญั ชาจะกระตนุ้ ประสาททาใหผ้ เู้ สพมีอาการรา่ เรงิ ช่างพดู หวั เราะง่าย หวั ใจเตน้ เรว็ ต่ืนเตน้ ง่าย ตอ่ มาจะมีอาการคลา้ ยคนเมาเหลา้ อยา่ งอ่อนเน่ืองจากกญั ชา ออกฤทธิ์กดประสาทผู้ เสพจะมีอาการง่วงนอน ซมึ หายใจถ่ีเหน็ ภาพลวงตา ภาพหลอนต่าง ๆ เกิดอาการ หแู ว่ว ตกใจงา่ ย วติ กกงั วล หวาดระแวง บางราย คล่ืนไสอ้ าเจียนความจาเส่ือมความคดิ สบั สนเพอ้ คล่งั ไม่สามารถควบคมุ ตนเองไดม้ ีอาการทางจติ นอกจากนีส้ ารพิษในกญั ชายงั ทาลายระบบภมู คิ มุ้ กนั ของรา่ งกาย ทาใหร้ า่ งกายอ่อนแอ ติดโรคอ่ืน ๆ ไดง้ ่าย เชน่ โรคหลอดลมอกั เสบเรอื้ รงั โรคระบบทางเดิน หายใจ โรคมะเรง็ ปอดทาใหส้ มรรถภาพทางเพศลดลงเกิดความผดิ ปกติของฮอรโ์ มนเพศและพนั ธุกรรม
ตวั อยา่ งยาเสพตดิ
ตวั อยา่ งยาเสพตดิ
ตวั อยา่ งยาเสพตดิ
ตวั อยา่ งยาเสพตดิ
ตวั อยา่ งยาเสพตดิ
ตวั อยา่ งยาเสพตดิ
ตวั อยา่ งยาเสพตดิ
ตัวอย่างยาเสพติด สารสกดั จากพชื กญั ชามปี ระโยชนใ์ นการรกั ษาโรค อยา่ งไร กญั ชามีสารประกอบเรยี กวา่ Cannabinoids จานวนมาก โดยมีตวั หลกั คือ THC (Tetrahydrocannabidiol) และ CBD (Cannabidiol) ซง่ึ สามารถนามาประยกุ ต์ เพ่ือ ประโยชนท์ างการแพทย์ คือ ฤทธิ์ของ THC ต่อจิต ประสาท ทาใหผ้ ่อนคลาย นอนหลบั ลดอาการคล่ืนไส้ อาเจียน และ กระตนุ้ ใหอ้ ยากอาหาร สว่ น CBD มีฤทธิ์ช่วยลดการอกั เสบ ลดอาการชกั เกรง็ และมี คณุ สมบตั ิยบั ยงั้ การเจรญิ เตบิ โตของเซลลเ์ นือ้ งอกหลายชนิดในหลอดทดลอง
ตวั อยา่ งยาเสพติด โรค/ภาวะอาการ ทส่ี ามารถใชย้ ากญั ชารกั ษาได้ 4 โรค/ภาวะอาการ ทสี่ ารกัญชาได้ประโยชนใ์ นการรักษา โดยมีขอ้ มลู วชิ าการสนบั สนนุ ชดั เจน - ภาวะคล่นื ไสอ้ าเจียนในผปู้ ่วยท่ีไดร้ บั ยาเคมีบาบดั - โรคลมชกั ท่ีรกั ษายาก และโรคลมชกั ท่ีดอื้ ตอ่ ยารกั ษา - ภาวะปวดประสาทสว่ นกลาง ท่ีใชว้ ธิ ีรกั ษาอ่ืนๆ แลว้ ไมไ่ ดผ้ ล - ภาวะกลา้ มเนือ้ หดเกรง็ ในผปู้ ่วยปลอกประสาทเส่อื มแข็ง
ตัวอยา่ งยาเสพติด โรค/ภาวะอาการ ทสี่ ามารถใชย้ ากญั ชารกั ษาได้ 7 กลุ่มโรค/ภาวะ ทน่ี ่าจะไดร้ ับประโยชนจ์ ากสารกัญชา แต่ยงั ตอ้ งการงานวิจยั สนบั สนนุ เพ่มิ เตมิ - โรคพารก์ ินสนั - โรคอลั ไซเมอร์ - โรควิตกกงั วล (GAD: Generalised Anxiety Disorder) - โรคอ่ืนๆ ท่ีมขี อ้ มลู สนบั สนนุ ทางวชิ าการว่าน่าจะไดร้ บั ประโยชน์ - โรคปลอกประสาทอกั เสบอ่ืนๆ (ท่ีไมใ่ ช่ปลอกประสาทเส่อื มแขง็ ) - ผปู้ ่วยท่ีตอ้ งดแู ลแบบประคบั ประคอง (Palliative care) - ผปู้ ่วยมะเรง็ ระยะสดุ ทา้ ย
ตวั อย่างยาเสพติด คนทไี่ มส่ ามารถใชย้ ากญั ชารกั ษาได้ - มีประวตั ิแพผ้ ลติ ภณั ฑจ์ ากกญั ชาหรอื สารตวั ทาละลายท่ีใชใ้ นการสกดั - เป็นโรคหวั ใจท่ีไมส่ ามารถควบคมุ อาการได้ - ผทู้ ่ีตบั /ไต ทางานบกพรอ่ ง - เป็นโรคจิต เป็นโรคอารมณแ์ ปรปรวน หรอื โรควติ กกงั กล - สตรมี ีครรภ์ ใหน้ มบตุ ร วยั เจรญิ พนั ธไุ์ ม่คมุ กาเนิด หรอื สตรที ่ีมีแผนตงั้ ครรภ์ - ผปู้ ่วยเดก็ ท่ีใชส้ ารสกดั กญั ชาจะสง่ ผลเสียในระยะยาวตอ่ พฒั นาการทางสมองท่ีทาให้ เชาวนป์ ัญญาลดลง
ตวั อยา่ งยาเสพตดิ อนั ตรายจากการใชย้ ากญั ชาทไ่ี มไ่ ดว้ างแผนการรกั ษากบั แพทย์ (หามาใชเ้ อง) การใชย้ ากญั ชาท่ีไมไ่ ดม้ ีการวางแผนการรกั ษา จะไม่สามารถกาหนดความเขม้ ขน้ ของปรมิ าณสาร กญั ชา จงึ อาจเกิดอาการขา้ งเคียงท่ีไม่พงึ ประสงค์ เชน่ ง่วงซมึ เวยี นศรี ษะ มองเหน็ สีผิดปกติ คล่นื ไส้ ความจาลดลง ความดนั โลหิตต่า ปากแหง้ เกิดความผิดปกตทิ างจิต เชน่ ซมึ เศรา้ สาหรบั ผทู้ ่ีมีโรค ประจาตวั ท่ีตอ้ งกินยาตลอด หา้ มหยดุ ยา แลว้ หนั มาใชย้ ากญั ชาในการรกั ษา เพราะจะทาใหเ้ กิด อนั ตรายจนเสยี ชีวิต
Search
Read the Text Version
- 1 - 31
Pages: