ยาและการใชย้ า ยาและการใชย้ า ครพู นั ธรกั ษ ์ ลำดวนหอม
ยาและการใช้ยา ความหมายและความสาคญั ของยา • ยา (drug) หมายถึง สารใด ๆ ที่ออกฤทธ์ิต่อร่างกายของสิ่งมีชีวติ ซ่ึงไม่ใช่อาหาร ใชใ้ นการป้องกนั รักษาหรือบาบดั โรคต่าง ๆ ในคนและสัตวใ์ หพ้ น้ จากการทรมานหรือความ เจบ็ ป่ วยจากโรคภยั
- ใหผ้ เู้ ช่ียวจากภาคเอกชนมารว่ มพจิ ารณา ทะเบียนยาได้ (แตต่ อ้ งขนึ้ บญั ชีผเู้ ช่ียวชาญ ก่อน) - เงนิ ค่าขนึ้ ทะเบียน อย.เก็บไวไ้ ดเ้ ป็นคา่ ใชจ้ า่ ย ของตวั เองไม่ตอ้ งส่งคลงั ) -ขนึ้ ทะเบียนยา ใหอ้ งิ มาตรฐานต่าง/ระหวา่ ง ประเทศได้ แต่ตอ้ งไม่นอ้ ยกวา่ มาตรฐาน อย. -ขนึ้ ทะเบียนยา ใหย้ ่ืนเลขสทิ ธิบตั รดว้ ย (เดิมไม่ ตอ้ ง) - ทะเบียนยามีอายุ 7 ปี) - ปรบั ตวั เลขคา่ ธรรมเนียมแตล่ ะประเภท
ประเภทของยา ประเภทของยา ประเภทของยาตาม ตามลกั ษณะ การ แหล่งกาเนิด ยาแผนปัจจุบนั ควบคุม การ ยาแผนโบราณ จาหน่าย ยาสมุนไพร ยาอนั ตราย 10 ยาควบคุมพิเศษ ยาอ่ืน ๆ ยาสามญั ประจาบา้ น
ประเภทของยา สามารถแบง่ ออกเปน็ ประเภทได้ ดงั น้ี
ประโยชนข์ องการใชย้ า • เพอ่ื การรกั ษาโรคให้หายขาด เชน่ การใชย้ าปฏชิ วี นะเพื่อใช้ในการรักษาโรคตดิ เชอื้ หรือการใชย้ าเพอ่ื รกั ษาโรคเรื้อรงั และ โรคท่ัวไปตา่ งๆ เป็นต้น • เพ่ือการควบคุมโรคหรือบรรเทาอาการต่างๆ เช่น ไอ เป็นไข้ คัน เปน็ ตน้ ซึ่งยาทีใ่ ชใ้ นการรักษาจะตอ้ งมีสรรพคณุ ตรงกับ อาการท่ีผปู้ ่วยเป็นอยู่ • เพอ่ื การป้องกันโรค เชน่ การใช้ยาเพอ่ื ปอ้ งกนั โรคตดิ เชอ้ื ต่างๆ ไดแ้ ก่ การฉีดวัคซีน ป้องกนั โรคระบาด การให้วัคซนี ปอ้ งกนั โรคโปลโิ อในเด็ก เป็นตน้
ขอ้ ควรปฏิบตั ิเบ้ืองตน้ ในการใชย้ า เมอ่ื จาเป็ นต้องใช้ยา ควรปฏบิ ัติดงั น้ี –ไม่ควรซ้ือยามาใชเ้ องโดยไม่ไดป้ รึกษาแพทย์ หรือเภสชั กรก่อน – อ่านวธิ ีใชบ้ นฉลากยาใหเ้ ขา้ ใจก่อนใชย้ าทุกคร้ัง และใหใ้ ชย้ าตามขนาดและวิธีท่ีระบุไวท้ ่ีฉลากยา อยา่ งเคร่งครัด – ไม่ใชย้ าที่เส่ือมสภาพ – หากมีอาการผดิ ปกติระหวา่ งใชย้ าควรไปพบ แพทยท์ นั ที พร้อมกบั นายาที่ใชไ้ ปดว้ ย – ถา้ ลืมกินยาในม้ือใดกต็ าม ใหร้ ีบกินทนั ทีท่ีนึก ไดโ้ ดยไม่ตอ้ งเพิ่มขนาดยา แต่ถา้ เลยเวลามากจน ใกลก้ บั เวลากินยาม้ือต่อไป ใหร้ อกินในม้ือต่อไป ตามปกติโดยไม่ตอ้ งเพิม่ ขนาดยา
ความหมายความเส่ียงต่อการใช้ยา ความเสี่ยง (Risk) หมายถึง โอกาสทอ่ี าจเกิดขึน้ ได้กับผู้ป่ วยหรือผู้ทใ่ี ช้ยาทมี่ ีวัตถุประสงคห์ ลัก เพอ่ื การรักษาโรค การบรรเทาอาการโรค และการป้องกนั โรค แต่เกดิ อาการอื่นๆ ที่อาจเป็ นอันตรายต่อร่างกายผู้ป่ วยหรือผู้ที่ใช้ยา อาการเหล่านี้เรียกว่า อาการ อันไม่พงึ ประสงคห์ รือผลข้างเคยี งของยา เช่น
ความหมายความเสี่ยงต่อการใช้ยา
แนวปฏิบัติในการใช้ยาทีถ่ ูกต้อง ๑. ใชย้ าใหถ้ กู โรค หมายถงึ การใช้ยาใหถ้ กู กับโรคทเี่ ป็ น ๒. ใชย้ าใหถ้ กู ขนาด ขนาดของยา หมายถงึ จานวนยาทใ่ี หเ้ ขา้ ไปในร่างกาย เพอ่ื เกดิ ผลในการรักษาทดี่ ที สี่ ุด
ใชย้ าใหถ้ กู เวลา หลักการใช้ยาทางปากจะมีกาหนดช่วงเวลาและระยะเวลาทใี่ หเ้ พราะ การทยี่ าจะออกฤทธิใ์ นร่างกายไดด้ จี ะต้องมีระดบั ยาในร่างกายทเ่ี หมาะสม ดังนั้นจงึ ควรใชย้ าใหถ้ กู และตรงตามเวลา คอื
ใชย้ าใหถ้ กู บคุ คล หมายถงึ การใชย้ าจะต้องใหเ้ หมาะสมกบั สภาวะของผู้ป่ วยแต่ละคน ใชย้ าใหถ้ กู ทาง และวธิ ี ในปัจจุบนั ยาทใ่ี ช้มีวธิ ีการใช้หลายรูปแบบ เชน่ ยาเม็ดสาหรับใช้รับประทาน ยาเมด็ สาหรับใชอ้ มในปากหรือ อมใตล้ นิ้ ยาเมด็ สาหรับเหน็บ เป็ นต้น
อาการอันไม่พึงประสงคจ์ ากการใช้ยา การรับยาตดิ ตอ่ กนั เป็ นเวลานาน (Chronic Toxicity) เป็ นอาการทไ่ี ม่พงึ ประสงค์ ซ่ึงเป็ นผลสืบเน่ืองมาจากการที่ ผู้ป่ วยได้รับยาติดต่อกันมาเป็ นเวลานาน ลักษณะอาการอาจ แตกตา่ งจากผลขา้ งเคียงจากการใช้ยาและพษิ ของยา เช่น ยา กลุ่มสเตียรอยด์ (Steroids) อาจทาให้เกิดความผิดปกติทาง จิตใจ หรือทาให้กล้ามเนื้อลีบ และกระดูกผุ ถ้าผู้ป่ วยได้รับยา ต่อเน่ืองเป็ นเวลาหลายเดือน นอกจากนีย้ ังมีรายงานว่ายาบาง ชนิดเม่ือใช้เป็ นระยะเวลานาน จะทาใหเ้ กดิ โรคมะเร็งได้
อาการอันไม่พึงประสงคจ์ ากการใช้ยา การดอื้ ยา (Drug Resistance) เป็ นการท่ีใช้ยาแล้วไม่สามารถทาลายเชือ้ โรคได้เน่ืองจาก เชือ้ โรคดือ้ ยา ท่พี บมากท่ีสุดมักเนื่องมาจากการใช้ยาปฏิชีวนะ ไม่ตรงกับชนิดของเชือ้ โรคใช้ไม่ถูกขนาด หรือใช้ในระยะเวลาที่ น้อยไป หรือไม่เพียงพอต่อการทาลายเชื้อโรค เช่น ให้ รับประทานติดต่อกัน ๕-๗ วัน เม่ือรับประทานไปได้ ๒ วัน อาการดีนั้นขึ้นจึงเลิกรับประทาน ทาให้เชื้อโรคนั้นปรับตัว ต่อต้านฤทธิ์ยา จึงเกิดการดื้อยาตัวนั้น ถ้าเป็ นเช่นนี้ต้อง เปล่ียนตวั ยาใหม่ในการรักษา
อาการอันไม่พึงประสงคจ์ ากการใช้ยา การตดิ ยา (Drug Dependence) ยาบางชนิดถ้าใช้ไม่ถูกต้อง หรือใช้ตอ่ เน่ืองกันไปช่ัวระยะเวลาหน่ึง จะทาใหต้ ดิ ยาชนิดนั้นได้ เช่น มอรฟ์ ี น ยากล่อมประสาท ยาแก้ไอบาง ชนิด เป็ นต้น อันตรายจากพษิ ของยา (Drug Toxicity) มักเกิดจากการใช้ยาเกินขนาดโดยอาจรู้เทา่ ไม่ถงึ การณห์ รือ รับประทานเกินขนาดด้วยความตัง้ ใจ เม่ือพบเหน็ ตอ้ งรีบนาส่งแพทยท์ นั ที
อาการอันไม่พึงประสงคจ์ ากการใช้ยา การเสอ่ื มและการหมดอายขุ องยา ยาทุกชนิดจะมีการเส่ือมและหมดอายุได้ การเสื่อมสภาพของยาอาจ เกดิ กอ่ นการหมดอายขุ องยา ซ่ึงโดยมากมักเกิดจากการเกบ็ ยาไม่ถูกวิธี เชน่ ถกู ความร้อน ความชนื้ หรือแสงแดดทาใหย้ ามีลักษณะทเี่ ปลยี่ นไปจากเดมิ .. เช่น ยาเม็ดจะแตกร่วน หรือสีเปลี่ยนไป ยาน้านั้นจะตกตะกอนแน่นเขย่าไม่ กระจาย หรือแยกชั้น สี กล่ินและรสเปลี่ยน ยาแคปซูลจะมีลักษณะเยมิ้ หรือ ขึน้ รา ยาทม่ี ีลักษณะเช่นนี้ไม่ควรนามาใช้ เพราะอาจทาใหเ้ กิดอันตรายจน อาจถงึ ตายได้
สัญลักษณบ์ อกวันหมดอายุของยา
ความหมายของการแพ้ยา และผลข้างเคียงของยา การแพย้ า (Drug all or Drug hypersensitivity) การแพ้ยาเป็ นอาการที่ไม่พึงประสงคจ์ ากการใช้ยาในลักษณะหนึ่ง ที่ไม่ สามารถคาดการณไ์ ดว้ า่ ผู้ใชย้ าคนใดจะเกดิ อาการเหล่านีข้ นึ้ และอาการเหล่านี้ พบในผู้ใช้ยาบางรายเท่านั้น ไม่ใช่ทุกรายท่ใี ช้ยาดังกล่าว เช่น อาการผื่นคันท่ี ผวิ หนังหรืออาการอนื่ ๆ เพยี งเลก็ น้อยไม่รุนแรง
ความหมายของการแพ้ยา และผลข้างเคียงของยา ผลขา้ งเคยี งของยา(Drug Dependence) ผลขา้ งเคยี งของยา เป็ นอาการทไ่ี ม่พงึ ประสงคจ์ ากการใช้ยาอกี ลักษณะหน่ึง ทสี่ ามารถระบุได้ชัดเจนว่าอาจจะเกิดขึน้ กับผู้ทใี่ ช้ยานีไ้ ด้ทุกวันเพราะเป็ นอาการ ทเ่ี กิดขึน้ จากกลไกการออกฤทธิ์ของยาปกติ จึงเป็ นผลให้เกิดอาการเหล่านี้ขึน้ เช่น ยาคลอรเ์ ฟนิรามีน (Chlorpheniramine) ทาใหเ้ กิดอาการง่วงซึมยาแก้ปวด แอสไพรินทาใหเ้ ลือดแข็งตัวช้า หูอือ้ ยาเตตราซัยคลิน ทาให้เกิดอาการคล่ืนไส้ เป็ นต้น
กลุ่มท่มี ีความเสี่ยงต่อการแพ้ยา หรือผลข้างเคียงของยา กลุ่มทเี่ สี่ยงต่อการเกดิ อาการแพย้ า เชน่ ผู้หญิง ผู้ใหญ่ และผู้ป่ วยต่อไปนี้ ๑. ผู้ตดิ เชอื้ เอชไอวี (HIV infections) ๒. ผู้ป่ วยทมี่ กี ารตดิ เชอื้ ไวรัสร่วมดว้ ย ๓. ผู้ป่ วยทมี่ ีประวตั กิ ารแพย้ าทมี่ ีโครงสร้างทางเคมแี บบเดียวกันมากอ่ น
กลุ่มท่มี ีความเสี่ยงต่อการแพ้ยา หรือผลข้างเคียงของยา ๔. ผู้ป่ วยโรคหดื หอบ ๕. ผู้ป่ วยทม่ี หี น่วยพนั ธุกรรม หรือยนี (gene) เฉพาะบางชนิด ๖. ผู้ป่ วยโรคลูปัส หรือเอสแอลอี (SLE)
กลุ่มทีม่ ีความเส่ียงต่อการแพ้ยา หรือผลข้างเคียงของยา กลุ่มทเี่ สยี่ งต่อการเกดิ อาการผลข้างเคยี งของยา เชน่ ผู้หญิง และผู้ป่ วยต่อไปนี้ ๑. ผู้ทมี่ กี ารเจบ็ ป่ วยทร่ี ุนแรง ๒. ผู้ป่ วยทมี่ กี ารทางานของไตน้อยกวา่ ปกติ เป็ นโรคตับ ๓. ผู้ป่ วยทม่ี ีการใช้ยาหลายชนิดร่วมกนั
กลุ่มที่มีความเส่ียงต่อการแพ้ยา หรือผลข้างเคียงของยา ๔. ผู้ตดิ เชอื้ เอชไอวี (HIV Infections) ๕. ผู้ทต่ี ดิ เชอื้ เฮอรป์ ี ส (Herpes Infection) ๖. ผู้ทต่ี ดิ แอลกอฮอล์ (alcoholism) ๗. ผู้ป่ วยโรคลูปัส หรือเอสแอลอี (SLE) ดงั นั้นผู้ทอี่ ยใู่ นกลุ่มเสีย่ งต่อการเกดิ อาการทไี่ ม่พงึ ประสงคจ์ ากการใช้ยา จงึ ต้องระมัดระวังเป็ นพเิ ศษ
แนวปฏิบัติภายหลังพบอาการผิดปกติ จากการใช้ยา แนวปฏบิ ตั เิ ม่อื เกดิ การแพย้ า ๑. เม่ือเกดิ การแพย้ าอยา่ งรุนแรง ผู้ป่ วยควรหยุดการใช้ยาแล้วแจง้ แพทย์ บุคลากรทเี่ ก่ียวข้องทนั ที เพ่ือตรวจสอบ ซึ่งหากพบว่าเป็ นการแพ้ยาจนเกิดอาการผิดปกติ รุนแรงจริง ก็ไม่ควรใช้ยานั้นอีกโดยเด็ดขาดตลอดชีวิต และควรแจ้ง แพทย์ เภสัชกร หรือบุคลากรทางการแพทยท์ ุกครั้งเม่ือเข้ารับบริการ ทางการแพทยเ์ พอื่ ป้องกนั มใิ หเ้ กดิ การแพย้ าซา้
๒. เมือ่ เกดิ การแพย้ าอยา่ งไม่รุนแรง ผู้ป่ วยควรสังเกตดวู า่ อาการนั้นเกิดจากการแพย้ าหรือไม่ และต้อง มีการเฝ้าระวังเนื่องจากอาการดังกล่าวอาจเกิดความรุนแรงเพิ่มขึน้ ได้ และควรแจง้ ใหเ้ ภสัชกรหรือแพทยใ์ หต้ รวจสอบ ในกรณีทผ่ี ู้ป่ วยจาเป็ น ต้องใช้ยานั้นอีกโดยไม่มีทางเลือกอน่ื แพทยท์ ใี่ หก้ ารรักษาอาจมีความ จาเป็ นต้องใหย้ าชนิดนั้นอกี เพอื่ ใหไ้ ด้ผลการรักษาทตี่ ้องการ แนวปฏบิ ตั เิ มอื่ เกดิ ผลข้างเคยี งของยา ๑. เมื่อเกดิ ผลข้างเคยี งของยาทม่ี ีอาการรุนแรง ๒. เมือ่ เกดิ ผลขา้ งเคยี งของยาทมี่ อี าการไม่รุนแรง
แนวทางปฏิบัติตนเพื่อการใช้ยาอย่างปลอดภัย การใชย้ าอยา่ งปลอดภยั หมายถึง การทาใหค้ วามเสี่ยงจากการใช้ยาลดลง และได้รับประโยชนจ์ ากยาสูงสุด หรือลดอันตราย จากการใช้ยาลง มแี นวปฏบิ ตั ิ ๕ ประการ ดังนี้ ๑. คุยกบั แพทย์ ๒. ทาความรู้จักยาทใ่ี ช้ ๓. อ่านฉลากยาและปฏบิ ตั ติ ามอยา่ งเคร่งครัด ๔. หลีกเลย่ี งการเพม่ิ ความเสี่ยงตอ่ การเกดิ ปฏกิ ริ ิยาระหว่างยา ๕. สงั เกตตัวเองต่อผลของยาและอาการข้างเคยี งจากการใช้ยา
กิจกรรมการมีส่วนร่วมป้องกัน ความเสี่ยงต่อการใช้ยา นักเรียนสามารถมสี ่วนร่วมในการป้องกนั ความเส่ียงตอ่ การใชย้ าของตนเอง ครอบครัว และสังคม ไดด้ ังนี้ ๑. อา่ นฉลากยาทกุ ครั้งก่อนใช้ ๒. ดูแลใหค้ นในครอบครัวใช้ยาตามทแี่ พทยส์ ่ังอยา่ งเคร่งครัด ๓. เข้าร่วมกจิ กรรมการประชาสัมพนั ธเ์ ร่ืองเกย่ี วกับยา ๔. ร่วมมือกับเพอ่ื นนักเรียนจัดกจิ กรรมกลุ่มอาสาสมัครทงั้ ใน สถานศกึ ษา และในชุมชน เพอื่ รณรงคก์ ารใช้ยาใหถ้ กู ตอ้ ง
เรียนรู้...สู่...ปฏิบตั ิ การศึกษาทผ่ี ่านมาให้นักเรียนร่วมกนั วเิ คราะห์ข่าวเกี่ยวกบั อนั ตราย จากการใช้ยา แล้วตอบคาถามในแต่ละประเดน็ ตามทกี่ าหนดให้ สาวซดยาหม้อ ผื่นแผลทวั่ ร่างกาย ลูกจา้ งสาวโรงพยาบาลแห่งหน่ึงป่ วยเป็นงูสวดั แลว้ กินยาหมอ้ ที่ไปซ้ือจากร้านขาย ยาแผนโบราณยา่ นจกั รวรรดิ โดยทางร้านไดจ้ ดั ยาให้ 2 ชุดดว้ ยกนั ชุดแรก เป็นยาบดผง บรรจุอยใู่ นขวดพลาสติก ขา้ งขวดเขียนแต่เพยี งวา่ ยาทา “ปุยจ้วั ซ้วั ” ใหใ้ ชผ้ สมกบั เหลา้ ขาวแลว้ ทาบริเวณที่เป็น ส่วนยาอีกชุดประกอบไปดว้ ย เปลือกไม้ ผวิ ไม้ และรากไม้ ชนิดต่าง ๆ แต่ยาชุดท่ีสองเมื่อนามาตม้ กินปรากฏวา่ เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนตามตวั ใบหนา้ แขน ขา และมีตุ่มผนื่ แดง และเป็นแผลพพุ อง ช้าเลือดช้าหนองไปท้งั ตวั คลา้ ย มนุษยด์ กั แด้ สร้างความทุกขท์ รมานเป็นอยา่ งมาก...
1. ประเดน็ สาคญั ของข่าวเสนอเกย่ี วกบั เร่ืองอะไร 2. อาการสาคญั ของการแพ้ยาของลูกจ้างสาวทปี่ รากฏมลี กั ษณะอย่างไรบ้าง 3. จากเหตุการณ์ทเ่ี กดิ ขนึ้ กบั ลูกจ้างสาวสามารถสรุปได้ว่ายาแผนโบราณมีอนั ตราย หรือไม่ อย่างไร 4. ถ้านักเรียนเป็ นลูกจ้างสาวในข่าว นักเรียนจะรักษาอาการป่ วยด้วยโรคงูสวดั ด้วย วธิ ีการใดจึงจะปลอดภยั ทส่ี ุด 5. ถ้านักเรียนรู้จกั กบั ลูกจ้างสาวในข่าว นักเรียนจะแนะนาการใช้ยาทถี่ ูกต้องแก่ ลูกจ้างสาวอย่างไร
รู้แล้ว...ร่วมกนั วเิ คราะห์กรณีศึกษา... เรื่องที่ 1: นายสุรชัย ลืมกนิ ยาหลงั อาหารในมื้อเช้าตามทแี่ พทย์ส่ัง แต่มานึกได้อกี คร้ังเม่ือถงึ เวลาอาหารเทย่ี ง แล้ว จึงตัดสินใจกนิ ยาชนิดน้ันในปริมาณ 2 เท่า เพ่ือชดเชยจากการลืมกนิ ยา ในมื้อเช้า 1. นักเรียนคดิ ว่านายสุรชัยกนิ ยาได้ถูกต้องหรือไม่ 2. จะเกดิ ส่ิงใดขนึ้ กบั นายสุรชัยหลงั กนิ ยา 3. นักเรียนจะแนะนานายสุรชัยอย่างไรในการกนิ ยาให้ถูกต้อง
เรื่องท่ี 2: นางสาวศิริลกั ษณ์ กนิ ยาตามทแี่ พทย์สั่งเป็ นเวลา 1 สัปดาห์ จนครบตามขนาดและรายการยาทแี่ พทย์ ให้กนิ แต่กย็ งั มอี าการไม่ดขี นึ้ ซ่ึงรายการยาทศี่ ิริลกั ษณ์กนิ ประกอบไปด้วยยาก่อนอาหารและหลงั อาหาร ศิ ริลกั ษณ์กนิ ยาก่อนรับประทานอาหาร 5–10 นาที และยาหลงั อาหารกก็ นิ ยาหลงั รับประทานอาหาร 30 นาที และยาบางชนิดต้องกนิ จนหมด ศิริลกั ษณ์กป็ ฏิบตั ิตาม 1. เพราะเหตุใดนางสาวศิริลกั ษณ์จึงไม่หายจากอาการป่ วย 2. ให้นักเรียนแนะนาหลกั การใช้ยาทถี่ ูกต้องให้กบั ศิริลกั ษณ์
เร่ืองที่ 1: กรณีศึกษาเร่ือง ขอ้ ปฏิบตั ิในการใชย้ า (กรณขี องนายสุรชัย) 1. นักเรียนคดิ ว่านายสุรชัยกนิ ยาได้ถูกต้องหรือไม่ คาตอบ: ไม่ถูกตอ้ ง 2. จะเกดิ ส่ิงใดขนึ้ กบั นายสุรชัยหลงั จากทกี่ นิ ยาแล้ว คาตอบ: อาจมีอาการผดิ ปกติเกิดข้ึน เช่น หายใจลาบาก คลื่นไส้ อาเจียน จนเกิด อนั ตรายต่อชีวติ ได้ 3. นักเรียนจะแนะนานายสุรชัยอย่างไรในการกนิ ยาให้ถูกต้อง คาตอบ: ใหก้ ินยาหลงั อาหารม้ือเที่ยงตามปกติ โดยไม่ตอ้ งเพ่มิ หรือชดเชย ขนาดของยาในม้ือเชา้ ท่ีลืมกิน
เร่ืองที่ 2: กรณีศึกษาเร่ือง ขอ้ ปฏิบตั ิในการใชย้ า (กรณขี องนางสาวศิริลกั ษณ์) 1. เพราะเหตุใดนางสาวศิริลกั ษณ์จึงไม่หายจากอาการป่ วย 40 คาตอบ: เพราะกินยาไม่ถูกตอ้ ง 2. นักเรียนจะแนะนาหลกั การใช้ยาทถ่ี ูกต้องให้กบั ศิริลกั ษณ์อย่างไร คาตอบ: การกินยาที่ถูกตอ้ งจะตอ้ งปฏิบตั ิตามคาแนะนาบนฉลากยาอยา่ งเคร่งครัด โดยยา ก่อนอาหารใหก้ ินก่อนอาหาร 1 ชวั่ โมงหรืออยา่ งนอ้ ย 30 นาที เพราะยาประเภทน้ีจะ ทางานไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพในเวลาท่ีกระเพาะอาหารวา่ ง ส่วนยาหลงั อาหารตอ้ งกิน หลงั รับประทานอาหารไม่เกิน 15 นาที และยาที่ตอ้ งกินจนหมดจะตอ้ งกินใหค้ รบ แมจ้ ะ หายจากอาการป่ วยแลว้ กต็ าม เพราะถา้ กินไม่หมดอาจทาใหเ้ กิดการด้ือยาชนิดน้นั ใน ภายหลงั ได้
สถานการณก์ ารใชย้ าในปจั จบุ นั • ในสภาพสงั คมปจั จบุ นั ทเี่ ทคโนโลยเี จริญก้าวหนา้ ทาให้สินคา้ ทั้งเคร่อื งอปุ โภคบรโิ ภคถูกคดิ คน้ ข้นึ ใหม่ เพื่ออานวยความสะดวก ให้แก่มนษุ ย์ รวมไปถงึ ยาตา่ งๆ ที่มสี ว่ นต่อการดารงชวี ติ ซึ่งหากเรามคี วามรคู้ วามเข้าใจในการใชย้ าที่ถกู ตอ้ ง ย่อมจะส่งผลดตี อ่ ผู้ใช้ ยา แต่หากมพี ฤตกิ รรมการใช้ยาทไ่ี ม่ถูกตอ้ ง ก็อาจกอ่ ให้เกดิ อันตรายต่อผใู้ ชไ้ ด้ ดงั น้ี ๑. การใชย้ าเพ่อื คลายความเครยี ด ๒. การใชย้ าชูกาลงั ๓. การใชย้ าแก้งว่ ง ๔. การใชย้ าแกป้ วด ๕. การใช้ยาชดุ ๖. การใช้ยาลดความอว้ น ๗. ยาและอาหารเสริม
Search
Read the Text Version
- 1 - 42
Pages: