เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ สารและสมบัตขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ บทนา สารและสมบตั ขิ องสาร สารรอบๆ ตวั มีมากมายหลายชนิด สารแตล่ ะชนิดน้นั มสี มบตั หิ ลายประการ เช่น แกส๊ ออกซิเจน แกส๊ ไฮโดรเจน มีสถานะเป็นแก๊ส ไมม่ ีสี ไม่มกี ล่นิ และตดิ ไฟได้ สมบตั ิของสารมีท้งั สมบตั ทิ างกายภาพและสมบตั ิทางเคมี เน่ืองจากสารต่าง ๆ มจี านวน มากมาย จึงไดม้ ีการจาแนกสารโดยใชส้ มบตั ขิ องสารประการใดประการหน่ึงเป็นเกณฑ์ (ศรีลกั ษณ์ ผลวฒั นะ, รตั นาภรณ์ อิทธิไพสิฐพนั ธุ์ และสุภาภรณ์ หรินทรนิตย.์ 2545:2) ดงั น้นั การศกึ ษาเร่ือง สารและสมบตั ขิ องสาร สามารถนาไปเป็นแนวทาง สาหรบั การใชส้ าร และนาไปใชป้ ระโยชน์ท่ีถกู ตอ้ งไดเ้ ป็นอยา่ งดี หวั ขอ้ ท่ีตอ้ งศึกษามีดงั ต่อไปน้ี ตอนที่ 1 ความหมาย สมบตั ิ สถานะและอนุภาคของสาร ตอนที่ 2 การจาแนกประเภทของสาร สารและสมบัติของสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ ตอนท่ี 1 ความหมาย สมบัติ สถานะและอนุภาคของสาร ความหมายของสาร สาร (Substance) คอื สสารท่ศี ึกษาคน้ ควา้ จนทราบสมบตั ิและองคป์ ระกอบ ที่แน่นอน ซ่ึงกค็ ือเน้ือของสสารนน่ั เอง (ประดบั นาคแกว้ , ดาวลั ย์ เสริมบญุ สุข และ วชั วลั ย์ ครุฑไชยนั ต.์ 2550 :76) ศรีลกั ษณ์ ผลวฒั นะ และคณะ (2545 :3) กลา่ ววา่ สิ่งตา่ งๆ ท่ีอยรู่ อบตวั เรา จดั เป็นสสาร (Matter) ซ่ึงหมายถึง สิ่งทีม่ มี วลสมั ผสั ไดโ้ ดยใชป้ ระสาทสัมผสั เช่น น้า ดิน อากาศ หิน ไม้ ทราย แป้ง เป็นตน้ ส่วน สาร หมายถงึ เน้ือของสสารท่นี ามา ศึกษาหรือส่ิงทน่ี ามาศึกษา ดงั น้นั จึงใชค้ าวา่ สารแทนสสารได้ สสาร (Matter) คือ ทุกสิ่งทุกอยา่ งทม่ี ีมวลและตอ้ งการทอ่ี ยู่ เช่น หิน ไม้ โลหะ ซ่ึงจดั เป็นตวั อยา่ งของสสารท่ีไม่มชี ีวติ ถา้ เราพจิ ารณาสสารอยา่ งเฉพาะเจาะจง ลงไปจนถงึ เน้ือของสสารน้นั เรามกั จะใชค้ าเรียกใหมว่ ่า สาร (Substance) (ถนดั ศรีบุญเรือง, กนิษฐา อนุ่ อนนั ต์ และปิ่ นศกั ด์ิ ชุมเกษียณ. ม.ป.ป. :125) สารและสมบัตขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ สมบัตขิ องสาร (Properties of Substance) ความหมายสมบตั ขิ องสาร ถนดั ศรีบญุ เรือง และคณะ (ม.ป.ป. : 125) กลา่ วว่า สมบตั ขิ องสาร หมายถึง ลกั ษณะของสารชนิดน้นั ๆ ซ่ึงสามารถบ่งบอกว่า สารน้นั คอื อะไร เพราะสาร แต่ละชนิดมสี มบตั ิไมเ่ หมือนกนั ทุกประการ ดงั น้นั การทดสอบสมบตั ิของสารจึงเป็ น การพสิ ูจน์ว่าสารน้นั เป็นสารชนิดใดนน่ั เอง ประดบั นาคแกว้ และคณะ (2550 :75) กลา่ ววา่ สารแตล่ ะชนิดมีลกั ษณะ บางประการที่คลา้ ยคลึงกนั จัดเป็ นสมบตั ทิ ว่ั ไปของสาร เช่น ลกั ษณะเน้ือสาร สถานะ สี กล่นิ การนาไฟฟ้า ความเป็นกรด - เบส การละลายน้า ความเป็นโลหะ และอโลหะ ซ่ึงสารทุกชนิดมีลกั ษณะเฉพาะตวั ท่ีแตกตา่ งจากสารอื่นจัดเป็ นสมบัตเิ ฉพาะตัวทใ่ี ชร้ ะบุ ชนิดของสารน้นั ๆได้ เช่น ความหนาแน่น จดุ เดือด จุดหลอมเหลว ความเป็นกรด–เบส ศรีลกั ษณ์ ผลวฒั นะ และคณะ (2545 :4) กลา่ ววา่ สมบตั ขิ องสาร หมายถึง ลกั ษณะเฉพาะตวั ของสารแต่ละชนิดท่ีสามารถบ่งบอกว่าสารชนิดน้นั คืออะไร ซ่ึงสาร แตล่ ะชนิดจะมสี มบตั ขิ องสารท่สี งั เกตเห็นไดห้ ลายประการ เช่น สี กลน่ิ รส สถานะ เน้ือสาร แต่สมบตั ิบางประการของสารตอ้ งใชเ้ คร่ืองมอื ในการสงั เกตจึงจะทราบ เช่น ความสามารถในการนาไฟฟ้า ความสามารถในการละลาย ความเป็นกรด– เบส จุดเดอื ด จุดหลอมเหลว ความหนาแน่น เป็นตน้ เมือ่ สารแต่ละชนิดมีสมบตั หิ ลายประการ ดงั น้นั สมบตั บิ างประการของสารชนิดหน่ึงอาจเหมือนกบั สารชนิดอืน่ กไ็ ด้ แต่จะมี สมบตั ิบางประการท่เี ป็นสมบตั ิเฉพาะตวั แตกต่างจากสารอ่ืน เช่น น้าเป็นของเหลวใส ไมม่ ีสี ไมม่ ีกลน่ิ จุดเดือด 100 ๐C ส่วนเอทานอลเป็นของเหลวใส ไมม่ สี ี มกี ล่ินฉุน มจี ุดเดือด 78.5 ๐C ดงั น้ันสมบตั ิเฉพาะตวั ของเอทานอลทีต่ า่ งจากน้า กค็ ือ มกี ลนิ่ ฉุน และมจี ุดเดือด 78.5 ๐C สารและสมบตั ขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ การจาแนกสมบัตขิ องสาร สมบตั ขิ องสารจาแนกไดเ้ ป็น 2 ประเภท ดงั น้ี 1. สมบตั ิทางกายภาพ (Physical Properties) สมบตั ิทางกายภาพเป็นสมบตั ทิ ส่ี ังเกตไดจ้ ากลกั ษณะภายนอก หรือ ใชเ้ คร่ืองมอื ง่าย ๆ ในการสงั เกต ซ่ึงเป็นสมบตั ิทไ่ี ม่เก่ียวขอ้ งกบั ปฏิกิริยาเคมี เช่น สี กลนิ่ รส สถานะ ลกั ษณะของรูปผลกึ ความหนาแน่น การนาไฟฟ้า จุดเดือด การละลายจดุ หลอมเหลว ความเหนียว (ศรีลกั ษณ์ ผลวฒั นะ และคณะ. 2545 :4) ดงั ตวั อยา่ งตารางแสดงสมบตั ทิ างกายภาพของสาร ดงั น้ี สาร สถานะ สมบัตทิ างกายภาพ สี จดุ หลอมเหลว จดุ เดือด การนาไฟฟ้า การนาความร้อน ทองแดง ของแขง็ แดงส้ม 1,085 2,562 ✓ ✓ กามะถนั ของแขง็ เหลือง 113 445 อะลูมเิ นียม ของแขง็ ขาวเป็นมนั 666 2,470 ✓ ✓ เงิน ของแขง็ ขาว-วาว 960.5 1,950 ✓ ✓ เหลก็ ของแขง็ ขาวเงิน 1,535 3,000 ✓ ✓ น้า ของเหลว ไม่มีสี 0 100 โบรมีน ของเหลว เหลือง -7.2 59 คลอรีน แกส๊ เขยี วอ่อน -102 -34 ท่ีมา : ถนดั ศรีบุญเรือง และคณะ (ม.ป.ป. : 126) สารและสมบตั ิของสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ 2. สมบตั ิทางเคมี (Chemical Properties) สมบตั ทิ างเคมีเป็นสมบตั ิทเี่ กี่ยวขอ้ งกบั โครงสร้างภายในของสาร เป็นสมบตั ทิ ส่ี ังเกตไดเ้ ม่อื มปี ฏกิ ิริยาเคมเี กิดข้นึ เช่น ความเป็นกรด – เบส การเกิดสนิม ความเป็นโลหะ – อโลหะ การผุกร่อน การทาปฏิกิริยากบั น้า เป็นตน้ (ศรีลกั ษณ์ ผลวฒั นะ และคณะ. 2545 :4) ดงั ตวั อยา่ งตารางแสดงสมบตั ทิ างเคมีของสารบางชนิด ดงั น้ี สารประกอบ สมบัตทิ างเคมี (ความเป็ นกรด - เบส) ชื่อสามญั ช่ือเคมี กลาง น้าตาลทราย ซูโครส กลาง เบส ดินประสิว โพแทสเซียมไนเตรต เบส เบส โซดาซกั ผา้ โซเดียมคาร์บอเนต กรด กรด โซดาทาขนม โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต น้าปูนใส แคลเซียมไฮดรอกไซด์ กรดดินประสิว กรดไนตริก กรดมด กรดฟอร์มิก ทมี่ า : ถนดั ศรีบุญเรือง และคณะ (ม.ป.ป. : 127) มาศึกษาการเปลย่ี นแปลง ทางกายภาพและทางเคมี กนั ต่อนะครับ.... หลายเซลลก์ นั สารและสมบตั ขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและทางเคมีของสาร สารทุกชนิดจะเกิดการเปลีย่ นแปลงเมือ่ สมบตั ิของสารเปล่ยี นไปจากเดิม ดงั น้นั การเปลย่ี นแปลงของสารจึงแบง่ ไดเ้ ป็ น 2 ประเภทตามสมบตั ขิ องสาร คือ 1. การเปล่ียนแปลงทางกายภาพ หรือการเปล่ยี นแปลงทางฟิ สิกส์ เม่ือสมบตั ทิ างกายภาพของสารเปล่ยี นไปจากเดิม จะทาให้ลกั ษณะภายนอก ของสารเปลี่ยนแปลง แต่ยงั คงเป็นสารเดิมอยู่ เช่น น้าแขง็ ที่ละลายกลายเป็นน้ามกี าร เปลี่ยนสถานะจากของแขง็ เป็นของเหลว แตย่ งั คงเป็นน้าท่มี ีสมบตั ิทางเคมีเหมอื นเดิม ดงั ภาพตวั อยา่ ง ดงั น้ี ภาพท่ี 1 แสดงการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพโดยการหลอมเหลว ทมี่ า : ประดบั นาคแกว้ และคณะ (2550 :77) สารและสมบตั ขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ 2. การเปล่ยี นแปลงทางเคมี เป็นการเปลย่ี นแปลงทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั การเกิดปฏกิ ิริยาเคมี ทาใหโ้ ครงสร้าง หรือองคป์ ระกอบทางเคมีของสารน้นั เปล่ียนแปลงไป และมีสารใหมเ่ กิดข้ึน เช่น การเผาไหมจ้ ะไดแ้ กส๊ คาร์บอนไดออกไซดแ์ ละข้เี ถา้ เหลก็ เมื่อเกิดสนิมจะมสี ีน้าตาล แดง การผกุ ร่อนของหินอ่อน การเกิดหินงอกหินยอ้ ย การหุงตม้ อาหาร เป็นตน้ ตวั อยา่ งเช่น ฟืนกาลงั ลุกไหมเ้ ปลย่ี นแปลงไปเป็นสารใหม่ ดงั ภาพ ภาพที่ 2 แสดงการเผาไหมเ้ ป็นการเปลยี่ นแปลงทางเคมี ทม่ี า : ประดบั นาคแกว้ และคณะ (2550 :78) ตารางความแตกต่างระหวา่ งการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและการเปลี่ยนแปลงทางเคมี การเปล่ยี นแปลงทางกายภาพ การเปล่ียนแปลงทางเคมี 1. ไมม่ สี ารใหม่เกิดข้นึ 1. มีสารใหมเ่ กิดข้ึน 2. องคป์ ระกอบและสมบตั ิทางเคมี 2. องคป์ ระกอบและสมบตั ทิ างเคมี เหมือนเดิม อาจมกี ารเปลย่ี น เปลี่ยนแปลง รูปร่าง ขนาด หรือสถานะ 3. ทาใหก้ ลบั เป็นสารเดิมไดย้ าก 3. ทาให้กลบั มาเป็นสารเดิมไดง้ ่าย หรือไม่ไดเ้ ลย ท่มี า : ประดบั นาคแกว้ และคณะ (2550 :78) สารและสมบตั ขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ สถานะของสาร สถานะของสาร ซ่ึงมที ้งั หมด 3 สถานะ คอื 1) ของแข็ง (solid) หมายถึง สารทม่ี ลี กั ษณะรูปร่างไมเ่ ปลย่ี นแปลง และ มรี ูปทรงเฉพาะตวั เนื่องจากอนุภาคในของแขง็ จดั เรียงตวั ชิดติดกนั และอดั แน่นอยา่ ง เป็นระเบียบ ไมม่ กี ารเคลื่อนท่ี แต่มีการสนั่ ไดอ้ ยา่ งเบาๆ หรือเคล่อื นไหวไดน้ อ้ ยมาก ไม่สามารถทะลผุ ่านได้ และไมส่ ามารถบีบอดั ใหม้ ีขนาดเล็กลงได้ เช่น ไม้ เหล็ก ทองคา หิน ดิน ทราย คอนกรีต พลาสตกิ กระดาษ แกว้ 2) ของเหลว (liquid) หมายถึง สารทีม่ ลี กั ษณะไหลได้ มรี ูปร่างตามภาชนะ ทบี่ รรจุ เนื่องจากอนุภาคในของเหลวอยหู่ ่างกนั มากกว่าของแขง็ อนุภาคไม่ไดย้ ดึ ตดิ กนั จึงสามารถเคลื่อนทไี่ ดใ้ นระยะใกล้ ๆ และมีแรงดึงดดู ซ่ึงกนั และกนั มปี ริมาตรคงที่ และสามารถทะลผุ ่านได้ เช่น น้า เอทานอล น้ามนั พืช น้ามนั เบนซิน 3) แก๊ส (gas) หมายถงึ สารท่ีมลี กั ษณะฟุ้งกระจายเต็มภาชนะทบ่ี รรจุ เน่ืองจากอนุภาคในแกส๊ อยหู่ ่างกนั มาก มีพลงั งานในการเคลือ่ นทส่ี ูง ทาให้เคลื่อนท่ี อยา่ งรวดเร็วไปในทุกทศิ ทางและตลอดเวลา จึงมแี รงดึงดดู ระหวา่ งอนุภาคนอ้ ยมาก สามารถทะลุผ่านไดง้ ่าย และบบี อดั ให้เลก็ ลงไดง้ า่ ย เช่น อากาศ แก๊สออกซิเจน แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ แกส๊ หุงตม้ แกส๊ ในถงั ของนกั ประดาน้า (ประดบั นาคแกว้ และคณะ. 2550 :80) ไปดอู นุภาคของสาร ในสถานะต่างๆ กัน สารและสมบตั ขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ ภาพท่ี 3 แบบจาลองแสดงอนุภาคของสารในสถานะต่าง ๆ ท่ีมา : ประดบั นาคแกว้ และคณะ (2550 :80) ของแขง็ ของเหลว แก๊ส ภาพที่ 4 การจดั เรียงของอนุภาคในของแขง็ ของเหลว และแกส๊ ที่มา : สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (2548 :102-104) สารและสมบตั ขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ การเปลี่ยนสถานะของสาร ประดบั นาคแกว้ และคณะ (2550 : 81 - 83) กล่าววา่ สารตา่ งๆ สามารถ เปล่ยี นจากสถานะหน่ึงไปอกี สถานะหน่ึงไดท้ ้งั น้ีข้ึนอยกู่ บั อุณหภมู ิและความดนั ของสาร ความแตกตา่ งระหวา่ งสถานะข้นึ อยกู่ บั อนุภาคของสารน้นั ว่าจะสามารถเคล่อื นท่ี หรือ ถูกยดึ ติดกนั ไดม้ ากนอ้ ยเพียงใด ซ่ึงการเปลยี่ นสถานะจะมพี ลงั งานเขา้ มาเกี่ยวขอ้ งดว้ ย เสมอ โดยจะอาจมกี ารคายความร้อน หรือดดู ความร้อนเกิดข้ึน เช่น เมือ่ ทาใหน้ ้าเยน็ ตวั ลงไปเรื่อยๆ ในที่สุดน้าจะกลาย เป็นน้าแขง็ หรือการใหค้ วามร้อนกบั น้า แลว้ ในที่สุด น้าจะกลายเป็ นไอน้ า ขณะใหค้ วามร้อนกบั ของแขง็ อนุภาคของของแขง็ จะส่นั สะเทือนมากข้นึ และเร็วข้ึน ของแขง็ จะขยายตวั จนในท่ีสุดอนุภาคของของแขง็ จะเริ่มแยกตวั ออกจากกนั เป็นอิสระ นน่ั คือของแข็งเริ่มหลอมเหลวกลายเป็นของเหลว ถา้ ให้ความร้อนต่อไป อนุภาคของของเหลวจะเคล่อื นท่ีอยา่ งรวดเร็วมากข้นึ ทาใหอ้ นุภาคทอ่ี ยบู่ ริเวณผิวหน้า ของของเหลวมพี ลงั งานมากพอทีจ่ ะหลุดออกไปเป็นแก๊สไดเ้ รียกวา่ ของเหลวเกดิ การ ระเหย และถา้ ใหค้ วามร้อนเพิ่ม ข้นึ เร่ือยๆ อนุภาคภายในของเหลวจะมีพลงั งานมาก จนหลุดออกมารวมกนั เป็นฟองแกส๊ และลอยข้ึนมาสู่ผิวหนา้ ของของเหลว เรียกว่า ของเหลวเกดิ การเดือด ของเหลวจะกลาย เป็นไอหรือแก๊สในทสี่ ุด สารและสมบตั ขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ ตารางแสดงความแตกต่างของสารในสถานะต่าง ๆ ของแข็ง ของเหลว แก็ส 1.ไมเ่ ปลี่ยนแปลงรูปร่าง 1. มีรูปร่างตามภาชนะ 1. มรี ูปร่างกระจายเต็มภาชนะ 2. อยกู่ บั ที่ ทีบ่ รรจุ ทีบ่ รรจุ 3. ทะลุผ่านไดย้ าก 2. ไหลได้ 2. ฟุ้งกระจายไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว 4. บบี อดั ให้เล็กลงไม่ได้ 3. ทะลผุ ่านได้ 3. ทะลุผา่ นไดง้ ่ายมาก 4. บบี อดั ให้เลก็ ลงไดย้ าก 4. บบี อดั ให้เล็กลงไดง้ ่าย ทม่ี า : ประดบั นาคแกว้ และคณะ (2550 : 81) ภาพที่ 5 แสดงความแตกตา่ งในการเปล่ยี นแปลงสถานะของสาร ที่มา : ประดบั นาคแกว้ และคณะ (2550 : 83) สารและสมบตั ขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ อนุภาคของสาร นกั วิทยาศาสตร์เช่ือว่าส่ิงต่างๆ หรือสารประกอบเกิดข้ึนมาจากอนุภาคเล็ก ๆ แต่ยงั ไม่มีใครเคยมองเห็น เนื่องจากมีขนาดเล็กมาก ดงั น้ันนักวิทยาศาสตร์จึงพยายาม คิดหาเหตุผลจากการทดลองท่ีสามารถสังเกตและมองเห็นไดใ้ นการอธิบายเก่ียวกับ อนุภาคขนาดเล็กท่ีประกอบเป็ นสารหรือสสารชนิดต่าง ๆ จนกระทง่ั ปี พ.ศ. 2348 (ค.ศ. 1805) จอห์น ดอลตนั (John Dalton) นกั วทิ ยาศาสตร์ ชาวองั กฤษไดเ้ สนอแนวคิดว่า “อนุภาคที่เล็กทส่ี ุดของสารซ่ึงไม่สามารถแบ่งยอ่ ยให้เล็กลงไดอ้ กี เรียกว่า อะตอม” และ ต่อมานกั วทิ ยาศาสตร์ไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ เกี่ยวกบั อะตอมและอนุภาคของสารมากข้ึน ทาให้ ทราบว่าอนุภาคของสารทสี่ าคญั มี 3 ชนิดคือ อะตอม โมเลกลุ และไอออน 1. อะตอม (atom) อะตอมเป็นอนุภาคท่เี ลก็ ท่ีสุดของสารทอี่ ยตู่ ามลาพงั ไดย้ าก ดงั น้นั อะตอม มกั จะอยรู่ วมกลมุ่ กนั เป็นอนุภาคท่ใี หญข่ ้นึ เรียกว่า โมเลกลุ หรืออะตอมอาจรวมกนั เป็นโครงสร้างขนาดใหญ่เรียกวา่ โครงผลึกหรือผลึก เช่น อะตอมของคาร์บอน (C) จะรวมกนั ในธรรมชาตเิ ป็นโครงผลึกขนาดใหญ่ และมีความแขง็ แรงมากในรูปของเพชร และแกรไฟต์ อะตอมของออกซิเจน (O) จะรวมกนั เป็นโมเลกลุ ของแก๊สออกซิเจน (O2) อะตอมของไฮโดรเจนรวมกบั อะตอมของออกซิเจนเป็นโมเลกุลของน้า (H2O) ภาพที่ 6 อะตอมของทองคาและโครงผลึกแกรไฟต์ ท่ีมา : ประดบั นาคแกว้ และคณะ (2550 :86) สารและสมบตั ขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ การศึกษาเก่ียวกบั อะตอมของธาตุนิยมใชส้ ญั ลกั ษณ์แทนการเรียกชื่อธาตุ โดยใชอ้ กั ษรตวั แรก หรือตวั แรกและตวั ถดั ไปในภาษาองั กฤษ หรือภาษาละติน แตก่ ารอ่านช่ือธาตตุ อ้ งอา่ นเป็นภาษาองั กฤษเสมอ ดงั แสดงตารางต่อไปน้ี ตารางแสดงช่ือและสัญลักษณ์ของธาตุ ธาตุ ช่ือธาตภุ าษาองั กฤษ ชื่อธาตุภาษาละตนิ สัญลักษณ์ ไฮโดรเจน Hydrogen - H ออกซิเจน Oxygen - O ไนโตรเจน Nitrogen - N คาร์บอน Carbon - C กามะถนั (ซลั เฟอร์) Sulfer - S สงั กะสี Zinc - Zn คลอรีน Chlorine - Cl แคลเซียม Calcium - Ca โซเดียม Sodium Na โพแทสเซียม Potassium Natrium K เหลก็ (ไอร์ออน) Iron Karium Fe ทองแดง (คอปเปอร์) Copper Ferum Cu Cuprum ทม่ี า : ประดบั นาคแกว้ และคณะ (2550 :87) ไปศึกษาเร่ืองโมเลกลุ และไอออนกันต่อเลยนะ สารและสมบตั ขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ 2. โมเลกุล (molecule) โมเลกลุ หมายถึง อนุภาคทเี่ ลก็ ทสี่ ุดของสารทสี่ ามารถอยใู่ นธรรมชาติได้ อยา่ งอิสระ โมเลกุลเกิดจากอะตอมต้งั แต่ 2 อะตอมข้ึนไปมารวมกนั ในทางเคมี และ เขยี นแทนโมเลกลุ ดว้ ยสญั ลกั ษณข์ องอะตอมทีม่ ารวมกนั เรียกวา่ สูตรเคมี อะตอมของไฮโดรเจน อะตอมของออกซิเจน โมเลกลุ ของน้า ภาพท่ี 7 แสดงอะตอมและโมเลกลุ ของสาร ท่ีมา : ประดบั นาคแกว้ และคณะ (2550 :87) 3. ไอออน (ion) ไอออน หมายถึง อะตอม หรือกลมุ่ อะตอมทม่ี ปี ระจุไฟฟ้า มี 2 ชนิด คอื ไอออนบวก และไอออนลบ เช่น H+ (ไฮโดรเจนไอออน) Na+ (โซเดียมไอออน) C1 - (คลอไรดไ์ อออน) O2- (ออกไซดไ์ อออน) NH + (แอมโมเนียมไอออน) 4 SO 2 − (ซลั เฟตไอออน) 4 สารและสมบตั ิของสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ ตารางแสดงตวั อย่างโมเลกลุ ของสารบางชนิดท่คี วรรู้จัก ทม่ี า : ประดบั นาคแกว้ และคณะ (2550 :88) สารและสมบัตขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ แบบฝึ กกิจกรรมการเรียนรู้ท่ี 1.1 แบบฝึ กกจิ กรรมรายบุคคล ชื่อ ........................................................................ ช้นั .............. เลขท่ี ......... คาชี้แจง จงตอบคาถามต่อไปน้ีมาพอเข้าใจ (ตอบในกระดาษคาตอบ) 1. สารที่เป็นของแขง็ ของเหลว และแกส๊ มสี มบตั ิอยา่ งไร .......................................................................................................................................... .......................................................................................................................................... .......................................................................................................................................... 2. สารมสี ถานะเป็นของแขง็ ของเหลว และแก๊ส ตา่ งก็ประกอบไปด้วยส่วนทเ่ี ล็กท่ีสุด เรียกว่า ............................................................................................................................. 3. จงอธิบายความแตกตา่ งของโลหะกบั อโลหะว่าเป็นอยา่ งไร และการนาไปใช้ ประโยชน์ ………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………... สารและสมบตั ขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ แบบฝึ กกจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี 1.2 รายช่ือสมาชิกกลมุ่ 1...................................................... 2................................................. 3..................................................... 4................................................ 5..................................................... 6................................................ จดุ ประสงค์ เพอ่ื ให้นกั เรียนศกึ ษาสมบตั บิ างประการของสาร ทักษะท่ีได้ 1. การสงั เกต 2. การทดลอง คาชีแ้ จง 1. ให้นกั เรียนแบ่งกลมุ่ กลมุ่ ละ 6 คน สังเกตการทดลอง 2. ส่งตวั แทนกล่มุ สรุปผลงานหนา้ ช้นั เรียน และรวบรวมผลงานส่งครู อุปกรณ์ 1. หินปนู 1 ชอ้ น (เบอร์ 1) 2. เกลอื แกง 1 ชอ้ น (เบอร์ 1) 3. น้าตาลทราย 1 ชอ้ น (เบอร์ 1) 4. แผน่ ทองแดง 1 x 3 ตารางเซนตเิ มตร 5. น้า 6. น้าแขง็ 7. หลอดทดลองขนาดกลาง 4 หลอด 8. คมี หนีบ 9. ตะเกียงแอลกอฮอล์ 10. บีกเกอร์ ขนาด 250 cm3 ให้ปฏิบตั กิ ารทดลองตามข้นั ตอน ในหน้าต่อไปเลยนะคะ สารและสมบตั ขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ แบบฝึ กกจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี 1 (ต่อ) วธิ ีการทดลอง 1. นาหลอดทดลองขนาดกลาง 4 หลอด บรรจนุ ้าแขง็ เกลอื แกง น้าตาลทราย ชนิดละ 1 ชอ้ น เบอร์ 1 และแผ่นทองแดงขนาด 1 x 3 ตารางเซนตเิ มตร ตามลาดบั จากน้นั ใส่หลอดทดลองลงในบีกเกอร์ทม่ี ีน้าเดือด สงั เกตการหลอมเหลวของสาร 2. นาหลอดทดลองขนาดกลาง 4 หลอด บรรจหุ ินปนู เกลอื แกง น้าตาลทราย ชนิดละ 1 ชอ้ น เบอร์ 1 และแผน่ ทองแดงขนาด 1 x 3 ตารางเซนตเิ มตร ตามลาดบั ใส่น้าในหลอดทดลองทุกหลอด หลอดละ 5 ลกู บาศกเ์ ซนติเมตร แลว้ คนดว้ ยแทง่ แกว้ สังเกตการละลายของสาร 3. ใชค้ มี หนีบกระดาษ หินปูน และแผ่นทองแดง นาไปเผาทเ่ี ปลวไฟ จากตะเกียงแอลกอฮอลท์ ีละสาร สงั เกตการเผาไหมข้ องสารแต่ละชนิด เก็บรวบรวมข้อมูล ใหน้ กั เรียนสังเกตผลการทดลองสมบตั ิบางประการของสารในการเปลยี่ นแปลง ทางกายภาพและทางเคมีของน้าแขง็ เกลือแกง หินปูน แผ่นทองแดง น้าตาลทราย และกระดาษ ดงั น้ี 1. การหลอมเหลว 2. การละลายน้า 3. การเผาไหม้ 4. ลกั ษณะทวั่ ไป (สถานะ/สี) ต้งั ใจในการทดลองนะคะ สารและสมบตั ขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ ตอนท่ี 2 การจาแนกประเภทของสาร ประดบั นาคแกว้ และคณะ (2550 :90) กลา่ วถึงการศกึ ษาเก่ียวกบั สมบตั ิ ของสารแตล่ ะประเภท จาเป็นตอ้ งแบ่งสารออกเป็นหมวดหมู่ เพอื่ ใหง้ า่ ยตอ่ การจดจา โดยทวั่ ไปนิยมใชส้ มบตั ทิ างกายภาพดา้ นใดดา้ นหน่ึงของสารเป็นเกณฑใ์ นการจาแนก เกณฑใ์ นการจาแนกสาร คอื เง่ือนไขทใ่ี ชใ้ นการจดั กลมุ่ สาร ไดแ้ ก่ ใชส้ ถานะเป็นเกณฑ์ ใชค้ วามเป็นโลหะเป็นเกณฑ์ ใชก้ ารละลายน้าเป็นเกณฑ์ ใชล้ กั ษณะเน้ือสารเป็นเกณฑ์ มรี ายละเอียดดงั น้ี 1. สถานะเป็ นเกณฑ์ จะแบง่ สารไดเ้ ป็น 3 กล่มุ คอื 1.1 ของแข็ง (solid) เช่น ไม้ เหล็ก หิน ดิน ทราย ทองแดง ทองคา เงิน ดีบุก สังกะสี เกลอื แกง น้าตาลทราย ด่างทบั ทมิ จุนสี พลาสตกิ แกว้ 1.2 ของเหลว (liquid) เช่น น้าด่ืม น้าประปา น้าฝน น้าเกลอื น้ากลนั่ น้าเช่ือม น้าอดั ลม เอทานอล น้าส้มสายชู น้ามนั พืช น้ายาบว้ นปาก น้ามนั เช้ือเพลงิ 1.3 แก๊ส (gas) เช่น แกส๊ ออกซิเจน แก๊สโอโซน แกส๊ คลอรีน แกส๊ หุงตม้ แก๊สไนโตรเจน แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ แกส๊ คาร์บอนมอนอกไซด์ แก๊สธรรมชาติ เกณฑ์การจาแนกสาร ยังมตี ่อนะครับ สารและสมบตั ิของสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ 2. ความเป็ นโลหะเป็ นเกณฑ์ แบง่ สารไดเ้ ป็น 3 กลมุ่ คือ 2.1 โลหะ (metal) มสี ถานะเป็นของแขง็ ทอ่ี ุณหภูมิปกติ มีผิวมนั วาว จุดเดือดสูง นาไฟฟ้าไดด้ ี (ยกเวน้ ปรอททเี่ ป็ นโลหะแต่อยใู่ นสถานะของเหลว) เช่น ทองคา ทองแดง เงิน เหลก็ ปรอท สงั กะสี ดีบุก ตะกว่ั โซเดียม แมกนีเซียม 2.2 อโลหะ (non-metal) มีความหนาแน่นต่า ไม่มนั วาว จุดเดือดต่า เป็นตวั นาความร้อนและไฟฟ้าไดไ้ ม่ดี มที ้งั 3 สถานะ คือ สถานะเป็นแก๊ส ของแขง็ และของเหลว เช่น ออกซิเจน ไฮโดรเจน ไนโตรเจน กามะถนั คาร์บอน ฮีเลียม คลอรีน ฟอสฟอรัส 2.3 กงึ่ โลหะ (metaliod) มีสมบตั ิเป็นก่ึงโลหะและอโลหะ มคี วามวาว แต่หกั งา่ ย และนาไฟฟ้าไดไ้ ม่ดี เช่น ซีลเี นียม เจอร์เมเนียม อาร์เซนิก ซิลิคอน ตวั อยา่ งเช่น โบรอนมีสมบตั ิเป็นของแขง็ เปราะไม่นาไฟฟ้า หรือซิลคิ อน เป็นของแขง็ สีเงินวาว เปราะ นาไฟฟ้าไดเ้ ล็กนอ้ ย 3. การละลายนา้ เป็ นเกณฑ์ แบ่งสารไดเ้ ป็น 2 กลุ่ม คือ 3.1 สารทลี่ ะลายนา้ เช่น เกลือแกง น้าตาลทราย น้าตาลกลูโคส จนุ สี ดา่ งทบั ทิม เอทานอล กรดแอซีตกิ แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ แกส๊ แอมโมเนีย 3.2 สารที่ไม่ละลายน้า เช่น แป้ง หินปนู ไขมนั น้ามนั พืช พลาสติก เหล็ก ไม้ กามะถนั คาร์บอน น้ามนั เช้ือเพลิง เกณฑ์การจาแนกสาร ยังมอี กี ข้อนะครับ สารและสมบตั ิของสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ 4. ลกั ษณะเนื้อสารเป็ นเกณฑ์ นกั วิทยาศาสตร์นิยมใชล้ กั ษณะเน้ือสารเป็นเกณฑแ์ บ่งประเภทของสาร ซ่ึงสามารถจดั จาแนกไดต้ ามแผนผงั ดงั น้ี แผนผังแสดงการจดั จาแนกสารโดยใช้ลกั ษณะเนือ้ สารเป็ นเกณฑ์ สาร สารเนือ้ เดยี ว สารเนื้อผสม หิน โคลน ไม้ สารบริสุทธ์ิ สารละลาย ธาตุ สารประกอบ น้าตาลละลายในน้า แอลกอฮอลใ์ นน้า อากาศ ไฮโดรเจน ออกซิเจน เหลก็ ทอง โซเดียมคลอไรด์ น้าตาลซูโครส แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ ทีม่ า : ประดบั นาคแกว้ และคณะ (2550 :90) สารและสมบตั ขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ การจาแนกสารโดยใชล้ กั ษณะเน้ือสารเป็นเกณฑส์ ามารถแบ่งไดเ้ ป็นดงั น้ี (ประดบั นาคแกว้ และคณะ. 2550 :91-99) 4.1 สารเน้ือเดียว 4.2 สารเน้ือผสม 4.1 สารเนื้อเดยี ว (homogeneous substance) หมายถึง สารที่มลี กั ษณะของเน้ือสารผสมกลมกลืนกนั เป็นเน้ือเดียว และ มอี ตั ราส่วนของผสมเทา่ กนั ทกุ ส่วน ถา้ นาส่วนใดส่วนหน่ึงของสารเน้ือเดียวไปทดสอบ จะมสี มบตั เิ หมือนกนั ทกุ ประการ เช่น น้ากลน่ั และเกลือแกงเป็นสารเน้ือเดียว เม่อื นา เกลอื แกงใส่ในน้า แลว้ คนใหล้ ะลายจะไดส้ ารละลายน้าเกลือ ซ่ึงเป็นสารเน้ือเดียวท่ีมี อตั ราส่วนของน้า และเกลอื แกงเหมือนกนั ทุกส่วน ตวั อยา่ งของสารเน้ือเดียวท้งั 3 สถานะ ท่ีพบในชีวิตประจาวนั มดี งั น้ี 1) สารเนือ้ เดยี วสถานะของแขง็ เช่น ทองคา ทองแดง ทองเหลอื ง นาก เหลก็ สังกะสี อะลูมิเนียม ฟิวส์ หินปูน เกลอื แกง น้าตาลทราย 2) สารเนื้อเดียวสถานะของเหลว เช่น น้ากลนั่ น้าประปา น้าเกลือ น้าเช่ือม น้านมสด น้าส้มสายชู น้าอดั ลม น้ามนั พชื น้ามนั เช้ือเพลิง เอทานอล 3) สารเนื้อเดียวสถานะแก๊ส เช่น อากาศ แกส๊ ออกซิเจน แก๊สไฮโดรเจน แกส๊ ไนโตรเจน แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ แก๊สหุงตม้ แกส๊ ธรรมชาติ สารเน้ือเดียวบางชนิดประกอบดว้ ยสารเพยี งชนิดเดียว เช่น น้ากลน่ั หมายถงึ น้าบริสุทธ์ิไม่มสี ่ิงเจือปน แต่สารเน้ือเดียวบางชนิดประกอบดว้ ยสารมากกวา่ หน่ึงชนิด เช่น น้าเกลอื ที่เกิดจากการนาเกลอื แกงไปละลายในน้า น้าเกลอื จึงเป็นสารเน้ือเดียว ท่ปี ระกอบดว้ ยน้าและเกลอื แกง สารและสมบตั ขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ ดงั น้นั สารเน้ือเดียวจึงแบ่งไดเ้ ป็น 2 ประเภท ตามจานวนชนิดของสารท่ีเป็น องคป์ ระกอบสารน้นั ๆ คือ สารที่ประกอบดว้ ยสารเพียงชนิดเดียวเรียกว่า สารบริสุทธ์ิ และสารเน้ือเดียวทีม่ สี ารหลายชนิดเจือปนกนั อยเู่ ป็นสารไมบ่ ริสุทธ์ิเรียกวา่ สารละลาย 4.1.1 สารบริสุทธ์ิ (pure substance) สารบริสุทธ์ิ หมายถงึ สารเน้ือเดียวท่ปี ระกอบดว้ ยสารเพยี งชนิดเดียว ไมม่ สี ารอน่ื เจือปน เช่น ▪ โลหะทองแดง (Cu) ประกอบดว้ ยอะตอมของทองแดง เพียงอยา่ งเดียว ▪ เพชรและแกรไฟต์ (C) ประกอบดว้ ยอะตอมของคาร์บอน เพียงอยา่ งเดียว ▪ น้ากลนั่ (H2O) ประกอบดว้ ยโมเลกุลของน้าเพียงอยา่ งเดียว ▪ น้าตาลกลโู คส (C6H12O6) ประกอบดว้ ยโมเลกลุ ของกลโู คส เพยี งอยา่ งเดียว ▪ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ประกอบดว้ ยโมเลกลุ ของคาร์บอนไดออกไซดเ์ พยี งอยา่ งเดียว สารบริสุทธ์ิแต่ละชนิดมีองคป์ ระกอบต่างกนั และบางชนิดประกอบดว้ ย อะตอมเพยี งชนิดเดียวเรียกวา่ ธาตุ แตส่ ารบริสุทธ์ิบางชนิดประกอบดว้ ยอะตอม ต่างชนิดกนั เรียกวา่ สารประกอบ ดงั น้ี 1) ธาตุ (element)เป็นสารบริสุทธ์ิท่ีประกอบดว้ ยอะตอมเพียงชนิดเดียว ธาตจุ ึงเป็นสารท่ีไม่สามารถแบง่ ยอ่ ยลงไปไดอ้ ีก เนื่องจากอะตอมท้งั หมดในสารน้นั เป็นชนิดเดียวกนั อะตอมเป็นหน่วยยอ่ ยทีเ่ ลก็ ทีส่ ุดท่ีแสดงสมบตั ขิ องธาตนุ ้นั ๆ ได้ อะตอมของธาตุบางชนิดอยรู่ วมกนั เป็นผลึก เช่น ธาตุเหล็ก (Fe) ธาตุทองคา (Au) ธาตุเงิน (Ag) ธาตุสังกะสี (Zn) ซ่ึงเป็นธาตทุ เ่ี ป็นของแขง็ ธาตุบางชนิดมีอะตอมอยู่ รวมกนั เป็นโมเลกลุ เช่น ธาตุออกซิเจน (O2) ธาตไุ นโตรเจน (N2) ธาตคุ ลอรีน (Cl2) สารและสมบัติของสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ ธาตฟุ อสฟอรสั (P4) ธาตุกามะถนั (S8) และธาตุบางชนิดอะตอมจะอยอู่ ยา่ งอสิ ระ เพียงลาพงั เช่น ธาตุฮีเลยี ม (He) ธาตนุ ีออน (Ne) ธาตอุ าร์กอน (Ar) ซ่ึงจดั เป็น ธาตเุ ฉื่อย ภาพท่ี 8 แสดงธาตุบางชนิดทเ่ี ป็นโมเลกลุ อะตอมเดี่ยว ทมี่ า : ประดบั นาคแกว้ และคณะ (2550 :92) 2) สารประกอบ (compound) เป็นสารบริสุทธ์ิทป่ี ระกอบดว้ ยอะตอม ของธาตตุ ้งั แต่ 2 ชนิดข้ึนไป มารวมกนั ดว้ ยแรงยดึ เหน่ียวทางเคมีเกิดเป็นสารชนิดใหม่ เรียกว่าสารประกอบ ดงั น้นั หน่วยยอ่ ยของสารประกอบคอื โมเลกลุ ซ่ึงอาจแยกสลาย ไดเ้ มื่อไดร้ ับความร้อนหรือพลงั งานไฟฟ้า สารประกอบท่พี บในชีวิตประจาวนั เช่น น้า (H2O) เกลือแกง (NaCl) น้าตาลทราย (C12H22O11) น้าตาลกลโู คส (C6H12O6) เอทานอล (C2H5OH) คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) หินปนู (CaCO3) จนุ สี (CuSO4) แอมโมเนยี เป็ นสารประกอบทเ่ี กิดจากธาตุไนโตรเจน 1 อะตอม และธาตไุ ฮโดรเจน 3 อะตอม รวมกนั เป็ นโมเลกลุ NH3 ซึ่งมี 4 อะตอมใน 1 โมเลกลุ ภาพท่ี 9 แสดงสารประกอบทเี่ กิดจากธาตตุ ่าง ๆ ท่ีมา : ประดบั นาคแกว้ และคณะ (2550 :92) สารและสมบัตขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ 4.1.2 สารละลาย (solution) สารละลาย หมายถึง สารเน้ือเดียวท่ไี มบ่ ริสุทธ์ิ เกิดจากสารหลายชนิด มารวมกนั โดยไมเ่ กิดปฏกิ ิริยาเคมี เช่น น้าเกลอื เกิดจากเกลอื แกงละลายในน้า น้าเกลอื จะแสดงสมบตั ขิ องสารท่ผี สมกนั ท้งั 2 ชนิด คือมรี สเคม็ ของเกลอื แกงและเป็นของเหลว ใสเหมือนน้า และถา้ ให้ความร้อนแก่น้าเกลือจนน้าระเหยออกไปหมด จะไดเ้ กลือแกง แยกออกจากน้า โดยไมเ่ ปล่ียนแปลงเป็นสารใหม่ เนื่องจากการไม่เกิดปฏิกิริยาเคมี สารละลายแบง่ ส่วนประกอบได้ 2 ส่วน คอื 1) ตวั ทาละลาย (solvent) หมายถึง สารทม่ี สี ถานะเดียวกบั สารละลาย หรือสารท่ีมปี ริมาณมากกวา่ 2) ตวั ละลาย (solute) หมายถงึ สารทีอ่ าจมสี ถานะเหมือน หรือ ต่างจากสารละลาย หรือสารท่มี ปี ริมาณนอ้ ยกวา่ ตวั ละลายในสารละลายแตล่ ะชนิด อาจมีไดห้ ลายสาร สารละลายมีไดท้ ้งั 3 สถานะ ดงั น้ี (1) สารละลายสถานะของแข็ง เช่น นาก ฟิวส์ ทองเหลือง ทองสัมฤทธ์ิ ลวดนิโครม เหล็กกลา้ ไรส้ นิม (2) สารละลายสถานะของเหลว เช่น น้าเกลือ น้าเชื่อม น้าอดั ลม น้าประปา น้าฝน น้าสม้ สายชู น้าโซดา น้ายาบว้ นปาก แอลกอฮอลล์ า้ งแผล ทนิ เนอร์ (3) สารละลายสถานะแก๊ส เช่น อากาศ แกส๊ หุงตม้ แกส๊ ธรรมชาติ และ แก๊สในถงั ของนกั ดาน้า สารและสมบตั ิของสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ สารบริสุทธ์ิและสารละลายจดั เป็นสารเน้ือเดียวเหมือนกนั แตต่ า่ งกนั ที่ สารบริสุทธ์ิประกอบดว้ ยสารเพยี งชนิดเดียว ส่วนสารละลายน้นั จะประกอบไปดว้ ย สารหลายชนิดมารวมกนั สารบริสุทธ์ิจะมสี มบตั เิ ฉพาะตวั ที่คงท่ี ซ่ึงสารบริสุทธ์ิที่มี สถานะเป็นของแขง็ จะมีจดุ หลอมเหลวคงที่ และช่วงอุณหภูมิต้งั แตส่ ารเร่ิมหลอมเหลว จนหลอมหมดจะแคบ ส่วนสารละลายเป็นสารผสมทเ่ี กิดจากสารหลายชนิดมารวมกนั จึงมสี มบตั ิของสารแต่ละชนิดรวมกนั ทาให้สมบตั ิเฉพาะตวั ของสารละลายไม่คงที่ สารละลายทมี่ ีสถานะเป็นของแขง็ มีจุดหลอมเหลวไมค่ งที่และช่วงอุณหภูมติ ้งั แต่สาร เร่ิมหลอมเหลวจนหลอมหมดจะกวา้ ง จากหลกั การที่กล่าวมาน้ี เราอาจทาการทดลอง หาอุณหภูมิขณะเดือดมาใชจ้ าแนกไดว้ า่ ของเหลวน้นั เป็นสารบริสุทธ์ิหรือสารละลายได้ การละลาย หมายถึง การที่อนุภาคของสาร สอดแทรกรวมเป็ นเนื้อเดียวกัน โดยไม่เกิดปฏิกิริยาเคมี ภาพที่ 10 แสดงการละลายของสารละลาย ที่มา : ประดบั นาคแกว้ และคณะ (2550 :93) สารและสมบัตขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ 4.2 สารเนื้อผสม (heterogeneous substance) สารเนือ้ ผสม หมายถงึ สารทมี่ ีลกั ษณะของเน้ือสารคละกนั ไมผ่ สมกลมกลนื เป็นเน้ือเดียวกนั และมอี ตั ราส่วนของสารทผี่ สมไม่เท่ากนั ทุกส่วน เช่น น้าในคลอง มีเศษหิน ดิน ทราย ใบไม้ และอืน่ ๆ ปนกนั อยใู่ นน้า มองเห็นไดอ้ ยา่ งชดั เจน สารเน้ือผสมมไี ดท้ ้งั 3 สถานะ ตวั อยา่ งสารเน้ือผสมทีพ่ บในชีวิตประจาวนั มมี ากมาย เช่น 1) สารเนือ้ ผสมสถานะของแขง็ เช่น หินแกรนิต หินออ่ น คอนกรีต ดิน ทราย ไม้ ใบไม้ 2) สารเนื้อผสมสถานะของเหลว เช่น น้าคลอง น้าโคลน แป้งมนั ในน้า น้าสม้ ค้นั น้ามะนาว น้าจิม้ ไก่ น้าแขง็ ใส่น้าหวาน 3) สารเนือ้ ผสมสถานะแก๊ส เช่น ฝ่นุ ละอองในอากาศ เขมา่ หรือ ควนั ดาในอากาศ สารผสมเกิดจากการรวมกนั ของสารไม่บริสุทธ์ิต้งั แต่สองชนิดข้นึ ไป ซ่ึงในสารผสมน้นั อนุภาคของสารหน่ึงแทรกอยรู่ ะหว่างอนุภาคของอกี สารหน่ึง สารท่มี ลี กั ษณะของอนุภาคสอดแทรกอยใู่ นตวั กลางทเ่ี ป็นของเหลว อาจเป็นสาร แขวนลอย คอลลอยด์ หรือสารละลายก็ได้ 4.2.1 สารแขวนลอย (suspension) ศรีลกั ษณ์ ผลวฒั นะ และคณะ (2545 : 44) กล่าวว่า สารแขวนลอย เป็นสารเน้ือผสมทมี่ องเห็นอนุภาคของสารชนิดหน่ึง หรือหลายชนิดลอยกระจายปนอยู่ ในสารอกี ชนิดหน่ึงซ่ึงเป็นตวั กลาง มีขนาดของอนุภาคใหญ่กวา่ อนุภาคของคอลลอยด์ คือ จะมีขนาดเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางใหญก่ วา่ 10−4 cm ข้นึ ไป สารแขวนลอยบางชนิด เช่น น้าคลอง น้าโคลน น้าแป้ง เม่อื ปล่อยทง้ิ ไวจ้ ะตกตะกอน สามารถแยกออกจาก ของเหลวไดโ้ ดยการกรอง สารและสมบัติของสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ ประดบั นาคแกว้ และคณะ (2550 : 96) กลา่ ววา่ สารแขวนลอยเป็นสารผสม ทอี่ นุภาคของของแขง็ มขี นาดใหญ่กวา่ 1 10−4 เซนตเิ มตร แขวนลอยอยใู่ นตวั กลาง ทเี่ ป็นของเหลว โดยมลี กั ษณะเป็นสารเน้ือผสมท่ีมอี นุภาคไม่รวมเป็นเน้ือเดียวกนั สามารถมองเห็นสารท่ผี สมกนั ไดอ้ ยา่ งชดั เจน อาจแขวนลอยอยใู่ นของเหลว หรือ ตกตะกอนเมอ่ื ต้งั ท้งิ ไว้ อนุภาคของสารแขวนลอยไมส่ ามารถผ่านกระดาษกรอง และ แผน่ เซลโลเฟนได้ เช่น ผงถา่ นในน้า กามะถนั ในน้า น้าคลอง น้าโคลน แป้งมนั ในน้า น้าจิ้มไก่ น้าสม้ ค้นั น้าผลไม้ น้ามะนาว ถนดั ศรีบุญเรือง และคณะ (ม.ป.ป. : 155) กลา่ ววา่ สารแขวนลอย คือ ของเหลวท่ีมีอนุภาคของแขง็ ขนาดเล็กที่มเี ส้นผ่านศูนยก์ ลางใหญก่ วา่ 10−4 เซนติเมตร ผสมอยู่ ซ่ึงเป็นสารเน้ือผสมท่มี ีอนุภาคขนาดใหญ่ ทาใหส้ ามารถมองเห็นส่วนผสมได้ ชดั เจน งา่ ยตอ่ การแยกออกมา เมื่อทิ้งไวจ้ ะตกตะกอนและสามารถแยกสารที่แขวนลอย อยใู่ นสารเน้ือผสมออกมาไดโ้ ดยการกรอง สารแขวนลอยบางชนิดจะมองเห็นอนุภาค ของสารชนิดหน่ึง หรือหลายชนิดลอยกระจายอยใู่ นสารอีกชนิดหน่ึงทเ่ี ป็นตวั กลาง ตวั อยา่ งของสารแขวนลอย เช่น น้าแป้ง น้าตาลทรายในผงกามะถนั น้าโคลน นา้ โคลน น้าโคลนที่ตกตะกอน ภาพท่ี 11 แสดงการตกตะกอนของน้าโคลนท่เี ป็นสารแขวนลอย ทีม่ า : สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (2548 :13) สารและสมบัตขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ 4.2.2 คอลลอยด์ (colloid) คอลลอยดเ์ ป็ นสารผสมที่อนุภาคของสารมีขนาดอยรู่ ะหว่าง 110-7 - 110-4 เซนตเิ มตร แทรกอยใู่ นตวั กลาง ซ่ึงตวั กลางมที ้งั ของแขง็ ของเหลวและแก๊ส จะมองเห็น ลกั ษณะของเน้ือสารเป็ นเน้ือเดียวกนั คอลลอยด์ที่เป็ นของเหลวจะมีลกั ษณะข่นุ และ ไม่ตกตะกอนเม่ือต้งั ทิ้งไว้ ขนาดของอนุภาคคอลลอยด์สามารถผ่านกระดาษกรองได้ แตไ่ ม่สามารถผ่านรูพรุนของแผ่นเซลโลเฟนได้ เช่น คอลลอยด์ท่ีเป็ นของแข็งและกึง่ แข็งกง่ึ เหลว เช่น โฟม ฟองน้า วุน้ เยลลี่ ครีม กาว เจล คอลลอยด์ทีเ่ ป็ นของเหลว เช่น นมสด น้าสลดั น้าสบู่ แป้งเปี ยก คอลลอยด์ทมี่ ตี ัวกลางสถานะแก๊ส เช่น หมอก ควนั ไฟ เขมา่ ฝ่นุ ละอองในอากาศ พลสุ ีในอากาศ เราอาจจดั สารละลายเป็นสารผสมเช่นเดียวกบั สารแขวนลอยและคอลลอยด์ ได้ เพราะจดั เป็นสารไม่บริสุทธ์ิเหมือนกนั แต่สารละลายเป็นสารผสมท่ีมลี กั ษณะเป็น เน้ือเดียวกนั มขี นาดของอนุภาคเลก็ กวา่ 110−7 เซนตเิ มตร แทรกอยใู่ นตวั กลางท่เี ป็น ตวั ทาละลาย สามารถผา่ นไดท้ ้งั กระดาษกรองและแผ่นเซลโลเฟน นอกจากน้ี สมบตั ิอีกประการหน่ึงของคอลลอยด์ คือ เม่ือผ่านลาแสงเล็ก ๆ เขา้ ไปในสารประเภทคอลลอยด์ จะเกิดการหกั เหและสะทอ้ นแสง เรียกวา่ การกระเจิง ของแสง ทาใหม้ องเห็นเป็นลาแสงในคอลลอยด์ ซ่ึงปรากฏการณ์น้ีเรียกวา่ ปรากฏการณ์ ทินดอลล์ (Tyndall Effect) ภาพท่ี 12 แสดงปรากฏการณท์ ินดอลลข์ องสารคอลลอยด์ ทม่ี า : ประดบั นาคแกว้ และคณะ (2550 :99) สารและสมบตั ิของสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ คอลลอยด์ในชีวิตประจาวัน คอลลอยด์ที่พบในชีวิตประจาวนั มีหลายชนิด บางชนิดนาไปใช้ประโยชน์ เช่น น้ากะทิ น้าสลดั น้าสบู่ หรือผงซกั ฟอก เราใชส้ บู่ หรือผงซกั ฟอกในการซกั ผา้ หรือชาระลา้ งสิ่งสกปรกได้ เนื่องจาก สบู่ หรือผงซกั ฟอกจะทาให้ไขมนั ท่ีติดตามเส้ือผา้ รวมกบั น้าได้ และช่วยให้ส่ิงสกปรก หลดุ ออกไป น้าสลดั มสี ่วนประกอบคอื น้ามนั พืช น้าสม้ สายชู และไขแ่ ดง ซ่ึงน้ามนั พืช จะรวมเป็นเน้ือเดียวกบั น้าส้มสายชูไดโ้ ดยมไี ข่แดงทาหนา้ ที่ประสานใหเ้ ป็นเน้ือเดียวกนั นมสดที่บรรจุถงุ หรือกระป๋ องที่ปิ ดฉลากวา่ “โฮโมจีไนซ์” เป็นนมสดท่ผี า่ น กระบวนการโฮโมจีไนเซชนั (homogenization) โดยการทาให้ไขมนั ในน้านมสดแตก ออกเป็ นอนุภาคเล็ก ๆ ลอยตัวในน้านม และมีเคซีนซ่ึงเป็ นโปรตีนชนิดหน่ึงเป็ นตวั ประสาน นอกจากน้ี การยอ่ ยไขมนั และน้ามนั ในร่างกาย ไขมนั และน้ามนั จะรวมกบั น้ายอ่ ยได้ โดยมีน้าดีทาหนา้ ทเี่ ป็นตวั ประสานให้เขา้ กนั ของเหลวทล่ี ะลายในกนั และกนั ไม่ได้ เมอ่ื จะทาให้เป็นคอลลอยดจ์ ะตอ้ งเติม สารบางชนิด เพ่ือเป็ นตวั ประสานลงไปเรียกคอลลอยด์ชนิดน้ีว่า อิมัลชัน (emulsion) และสารท่ีทาหนา้ ที่ประสานให้อนุภาคของของเหลวท่ีไม่ละลายรวมกนั สามารถแทรก รวมเป็นเน้ือเดียวกนั ไดใ้ นอิมลั ชนั เรียกวา่ ตัวกระทาอิมลั ชัน (emulsifier) น้าสบู่ หรือ ผงซักฟอกจึงเป็ นตวั กระทาอิมลั ชนั ระหว่างน้าและน้ามนั ส่วนไข่แดงเป็ นตวั กระทา อมิ ลั ชนั ในน้าสลดั สารและสมบัตขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ ตัวอย่างคอลลอยด์ชนิดต่างๆ ทีพ่ บในชีวิตประจาวนั คอลลอยด์ สถานะของสารในตวั กลาง สถานะของตัวกลาง กาวลาเท็กซ์ น้าสลดั ของเหลว ของเหลว หมอก ของเหลว แกส๊ เยลลี่ เนยแขง็ ของแขง็ ของเหลว ไขข่ าวที่ตจี นข้ึนฟู แกส๊ ของเหลว โฟม แก๊ส ของแขง็ น้าหมึก สีทาบา้ น ของแขง็ ของเหลว ควนั ฝ่ นุ ละอองในอากาศ ของแขง็ แก๊ส ทม่ี า : สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (2548 :21) ภาพท่ี 13 แสดงภาพคอลลอยดใ์ นชีวติ ประจาวนั ท่ีมา : สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (2548 :21) สารและสมบตั ขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ การจดั กล่มุ สารรอบตวั ในชีวิตประจาวนั เราจะใช้สารท้งั ท่ีมีอยู่ในธรรมชาติ เช่น ดิน น้า อากาศ แร่ธาตุตา่ ง ๆ และสารที่มนุษยส์ ร้างข้ึน เช่น สบเู่ หลว ยาสีฟัน ยารักษาโรค น้าอดั ลม เป็นตน้ โดยสารเหลา่ น้ีมีสมบตั ิที่แตกตา่ งกนั ไป การจดั กล่มุ ส่ิงของที่รู้จกั และใชใ้ นชีวิตประจาวนั โดยใชเ้ กณฑต์ ่าง ๆ เช่น สี รูปทรง การนาไฟฟ้า การนาความร้อน อาจใช้สมบตั ิอยา่ งใดอย่างหน่ึงในการจดั กลุ่ม หรือจะใช้สมบตั ิหลาย ๆ ประการประกอบกนั ก็ได้ สารท่ีถูกจดั อย่ใู นกลุ่มเดียวกนั จะมี สมบตั ิบางประการท่ีเหมือนกนั แต่ก็อาจมีสมบตั ิอีกหลายประการที่แตกต่างกัน เช่น ไม้ หิน เหล็ก เป็ นของแข็งเหมือนกนั แต่เม่ือนาไปวางในน้าจะพบว่าบางชนิดจมน้า บางชนิดลอยน้า และสารท้งั สามชนิดน้ียงั มีสมบตั ิการนาความร้อนท่ีแตกต่างกนั ดว้ ย การจดั กล่มุ สารต่าง ๆ ทาไดห้ ลายวธิ ี ข้ึนอยกู่ บั สี ลกั ษณะ รูปทรง สามารถ ใชล้ กั ษณะที่ปรากฏเหลา่ น้ีเป็ นเกณฑใ์ นการจดั สารเป็นกลุ่มได้ การจดั กลุ่มสารรอบตวั สามารถทาไดโ้ ดยการสงั เกต และบนั ทกึ ลกั ษณะของสาร เช่น ขา้ วสุก แกงจืด นมสด กระดาษ น้าตาลทราย น้าอดั ลม น้าโคลน ดิน น้าเกลือ น้าเช่ือม น้าแป้งสุก น้ากลน่ั เพ่อื ดคู วามแตกต่างของสารแต่ละกลุม่ จากการสังเกตลกั ษณะเน้ือสาร จะพบว่าสารบางชนิดมีเน้ือสารไม่เหมือนกนั ท้งั หมด สามารถแยกออกจากกนั ได้ เช่น น้าโคลนจะมีท้งั ส่วนที่เป็ นของเหลว และมี ตะกอนที่เป็ นของแข็ง เช่นเดียวกับดินที่นามาศึกษาก็มีลกั ษณะไม่เหมือนกันท้งั หมด เช่นกนั แสดงวา่ น้าโคลนและดินมีองคป์ ระกอบมากกว่า 1 ชนิด สารบางชนิดมีเน้ือสาร ท่เี หมือนกนั ท้งั หมด เช่น น้าตาลทราย น้าเกลือ แต่การทม่ี องเห็นสารเป็ นเน้ือเดียวตลอด ยงั ไมส่ ามารถสรุปไดว้ ่าสารน้นั มีองคป์ ระกอบเพียงชนิดเดียว สารและสมบัติของสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ การจัดกล่มุ สารตามลักษณะเนื้อสารและขนาดของอนุภาค การจดั กลุ่มสามารถแยกของท่ีผสมกันอยู่ออกจากกนั ได้ดว้ ยวิธีการต่างๆ เช่น หยบิ ส่ิงเจือปนท่ีมขี นาดใหญ่ และมีลกั ษณะแตกต่างจากแป้งอยา่ งชดั เจนออกจาก แป้งท่จี ะนาไปทาขนมได้ แต่ถา้ ส่ิงเจือปนมขี นาดเล็ก หรือมีจานวนมาก อาจจะตอ้ งนา แป้งไปร่อนดว้ ยตะแกรง แป้งซ่ึงมีขนาดเล็กกว่าจะผ่านรูของตะแกรงลงสู่ภาชนะท่ี รองรับ ส่วนส่ิงเจือปนขนาดใหญ่จะติดคา้ งอยู่บนตะแกรง การแยกสิ่งเจือปนดว้ ยการ หยิบออกหรือใช้ตะแกรงร่อน ทาได้เมื่อสารที่นามาแยกมีขนาดต่างกันและใหญ่กว่ารู ของตะแกรง ถา้ มขี นาดเลก็ กว่า ก็จะไมส่ ามารถแยกของท่ีผสมกนั ดว้ ยวธิ ีน้ีได้ (สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี. 2548 :8-10) สรุปได้ว่า ในการดารงชีวิตของเราน้ันต้องเก่ียวขอ้ งสัมพันธ์กบั สารต่างๆ ตลอดเวลา ดังน้ันจึงจาเป็ นต้องศึกษาเก่ียวกับสมบัติของสาร การจาแนกสาร และ วิธีการจาแนกสารแต่ละชนิด เพ่ือให้สามารถนาความรู้ท่ีไดไ้ ปใช้ประโยชน์ในชีวิต ประจาวนั ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม สารและสมบตั ิของสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ แบบฝึ กกจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี 2.1 แบบฝึ กกิจกรรมรายบุคคล ชื่อ ................................................................................. ช้นั ................. เลขท่ี ........... คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนเขยี นเคร่ืองหมาย ✓ ลงในช่องสารแขวนลอย หรือคอลลอยด์ ทีม่ ีความสมั พนั ธก์ บั ตวั อยา่ งสาร ตวั อย่างสาร สารแขวนลอย คอลลอยด์ 1. น้าอบไทย 2. วนุ้ 3. เม็ดโฟม 4. น้าสม้ ค้นั 5. เมฆ 6. ซีเมนต์ 7. แป้ง 8. น้าโคลน 9. น้าสลดั 10. น้านม สารและสมบัติของสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ แบบฝึ กกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 2.2 รายช่ือสมาชิกกลมุ่ 1...................................................... 2................................................. 3..................................................... 4................................................ 5..................................................... 6................................................ จุดประสงค์ เพ่อื ให้นกั เรียนสามารถทาการทดลอง บนั ทึกผล พร้อมท้งั วเิ คราะหแ์ ละ สรุปผลการทดลองเร่ืองความแตกต่างของสารเน้ือเดียวกบั สารเน้ือผสมได้ ทักษะทีไ่ ด้ 1. การสงั เกต 2. การวิเคราะห์ผล คาชี้แจง 1. ให้นกั เรียนแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 6 คน สังเกตการทดลองและวิเคราะห์ผล 2. ส่งตวั แทนกลมุ่ สรุปผลงานหนา้ ช้นั เรียน และรวบรวมผลงานส่งครู อุปกรณ์การทดลอง 2. น้ามนั 1. น้า 4. แป้งมนั 3. เกลือ 6. บกี เกอร์ 5. หลอดทดลอง ให้ปฏบิ ัตกิ ารทดลองตามข้นั ตอน ในหน้าต่อไปเลยนะคะ สารและสมบตั ขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ แบบฝึ กกจิ กรรมการเรียนรู้ที่ 2.2 (ต่อ) วิธีการทดลอง 1. ให้นกั เรียนสงั เกตลกั ษณะของเน้ือสารจากสารตวั อยา่ งทกี่ าหนดให้หมายเลข 1, 2, 3 และ 4 ดงั รูป แลว้ บนั ทึกผลการสังเกตก่อนการทดลอง 2. ใหน้ กั เรียนนาสารหมายเลข 2, 3 และ 4 มาผสมกบั น้า สังเกตลกั ษณะ ของเน้ือสารหลงั การผสมในแตล่ ะคู่วา่ มลี กั ษณะเป็นอยา่ งไร และค่ใู ดเป็นสารเน้ือเดียว หรือเป็นสารเน้ือผสม แลว้ บนั ทกึ ผลความแตกต่างของสารเน้ือเดียวและสารเน้ือผสม ร่วมมือกันทดลอง นะคะ สารและสมบัตขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ แบบฝึ กกจิ กรรมการเรียนรู้ที่ 3 รายชื่อสมาชิกกลมุ่ 1...................................................... 2................................................. 3..................................................... 4................................................ 5..................................................... 6................................................ จดุ ประสงค์ เพ่ือให้นกั เรียนสามารถสรุปเป็นแผนผงั ความคิด (Mind map) ในเรื่อง สารและสมบตั ขิ องสารไดถ้ กู ตอ้ ง ทักษะท่ีได้ 1. ความคดิ สร้างสรรค์ 2. การวิเคราะหผ์ ล 3. ความเขา้ ใจ คาชีแ้ จง 1. ให้นกั เรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 6 คน ระดมความคิดเพื่อสรุปเน้ือเรื่องเล่มที่ 1 ที่ไดเ้ รียนรู้ท้งั ภายในและภายนอกหอ้ งเรียน โดยเขยี นเป็นแผนผงั ความคิด ตามความเขา้ ใจ และความคดิ สร้างสรรค์ 2. ส่งตวั แทนกล่มุ สรุปผลงานหนา้ ช้นั เรียน และรวบรวมผลงานส่งครู ช่วยกันคิด นะคะ สารและสมบัตขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ แบบทดสอบหลังเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปี ท่ี 1 เรื่อง สารและสมบตั ิของสาร จานวน 10 ข้อ เวลา 10 นาที คะแนน 10 คะแนน คาชีแ้ จง ให้นักเรียนกากบาทข้อทถี่ ูกต้องเพียงคาตอบเดยี ว 1. สารในขอ้ ใดเป็นสารเน้ือผสมท้งั หมด ก. ส้มตา น้าแขง็ ใส น้าโคลน ข. น้าตาลทราย ขา้ วสาร น้ากลนั่ ค. ขา้ วผดั น้าอดั ลม ลอดช่องน้ากะทิ ง. นมสด น้าหวาน ยาวุน้ เสน้ 2. ขอ้ ใดสรุปไดถ้ ูกตอ้ ง ก. ของเหลวทกุ ชนิดมีความหนาแน่นนอ้ ยกว่าของแขง็ ข. ของแขง็ ทุกชนิดมคี วามหนาแน่นมากกวา่ ของเหลว ค. ของแขง็ ทกุ ชนิดมีความหนาแน่นน้อยกวา่ น้า ง. ของเหลวทกุ ชนิดมคี วามหนาแน่นมากกวา่ แก๊ส 3. ถา้ นกั เรียนพบว่า “สาร A เป็นของเหลวไม่มสี ี” แสดงวา่ สาร A ตอ้ งเป็นสาร ประเภทใด ก. สารประกอบ ข. สารละลาย ค. สารเน้ือเดียว ง. สารบริสุทธ์ิ สารและสมบตั ิของสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ 4. ขอ้ ใดไมจ่ ดั เป็นสสาร ก. น้าแขง็ ข. เสียงเพลง ค. อากาศ ง. ควนั ไฟ 5. เมือ่ นาของเหลวไม่มีสี มาระเหยจนแหง้ ปรากฏว่ามขี องแขง็ สีขาวเหลืออยู่ แสดงวา่ ของเหลวไม่มสี ี เป็นสารชนิดใด ก. สารละลาย ข. สารเน้ือผสม ค. สารบริสุทธ์ิ ง. สารประกอบ 6. สารในกลุ่มใดจาแนกไดถ้ ูกตอ้ ง เมอื่ ใชเ้ น้ือสารเป็นเกณฑ์ ก. คอนกรีต ทราย เหล็ก ข. น้ายาลา้ งจาน เกลอื แกง พริกป่ น ค. ทงิ เจอร์ไอโอดีน น้า ไอเสียรถยนต์ ง. น้าส้มค้นั น้าแป้ง น้าโคลน 7. เพราะเหตใุ ดจึงใชล้ กั ษณะเน้ือสารเป็นเกณฑก์ ารจาแนกประเภทของสาร ก. เน้ือสารสามารถจบั ตอ้ งได้ ข. สถานะและความแขง็ ค. สะดวก เขา้ ใจง่าย สามารถใชก้ ารสงั เกตจาแนกได้ ง. สารบางชนิดมีหลายสถานะจึงยากแกก่ ารพจิ ารณา สารและสมบตั ิของสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ 8. สารชนิดหน่ึงมีลกั ษณะมองเห็นสารหน่ึงอยใู่ นอกี สารหน่ึง ซ่ึงสารท้งั 2 ชนิด แบ่งแยกกนั อยา่ งชดั เจน เมือ่ ปลอ่ ยท้ิงไวจ้ ะตกตะกอน สารดงั กล่าวคือสารใด ก. คอลลอยด์ ข. สารแขวนลอย ค. สารบริสุทธ์ิ ง. สารละลาย 9. ขอ้ ใดไมใ่ ช่คณุ สมบตั ขิ องธาตอุ โลหะ ก. ตีให้ยดื เป็นเส้น หรือทาใหโ้ คง้ งอได้ ข. มจี ดุ หลอมเหลวและจดุ เดือดต่า ค. หกั ง่ายและเปราะ ง. ไม่นาไฟฟ้า 10. นาสาร A , B , C ซ่ึงเป็นสารเน้ือผสมมา ผา่ นกระดาษกรองและเซลโลเฟนดงั ภาพ สาร A , B , C คือ สารในขอ้ ใด ก. สารแขวนลอย คอลลอยด์ และสารละลาย ข. คอลลอยด์ สารละลาย และสารแขวนลอย ค. สารละลาย คอลลอยด์ และสารแขวนลอย ง. คอลลอยด์ สารแขวนลอย และสารละลาย ทบทวนคาตอบด้วยนะ ด้วย สารและสมบตั ขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ สรุปผลการพฒั นา คะแนนก่อนเรียน คะแนนระหว่างเรียน คะแนนหลังเรียน ผลการพฒั นา สารและสมบตั ิของสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ เอกสารอ้างองิ ถนดั ศรีบุญเรือง, กนิษฐา อนุ่ อนนั ต์ และปิ่ นศกั ด์ิ ชุมเกษียณ. (ม.ป.ป.). สัมฤทธ์มิ าตรฐานวิทยาศาสตร์ ม.1. เล่ม 1. พิมพค์ ร้งั ท่ี 8. กรุงเทพฯ : อกั ษรเจริญทศั น์ อจท. ประดบั นาคแกว้ , ดาวลั ย์ เสริมบุญสุข และวชั วลั ย์ ครุฑไชยนั ต.์ (2550). หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้พ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ช่วงช้ันท่ี 3 ม. 1. กรุงเทพฯ : แมค็ . ศรีลกั ษณ์ ผลวฒั นะ, รัตนาภรณ์ อทิ ธิไพสิฐพนั ธุ์ และสุภาภรณ์ หรินทรนิตย.์ (2545). สื่อการเรียนรู้และเสริมสร้างทกั ษะตามมาตรฐานการเรียนรู้ กลุ่มสาระ การเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ช่วงช้ันที่ 3 (ม.1 – ม.3). กรุงเทพฯ :นิยมวทิ ยา. สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2548). หนงั สือเรียน สาระการเรียนรู้พื้นฐาน สารและสมบัตขิ องสาร ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 1. พิมพค์ ร้ังที่ 5. กรุงเทพฯ : ครุ ุสภาลาดพร้าว. สารและสมบัตขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ ภาคผนวก สารและสมบตั ขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ เฉลยแบบฝึ กกิจกรรมการเรียนรู้ท่ี 1.1 1. สารท่เี ป็นของแข็ง ของเหลว และแกส๊ มีสมบตั อิ ยา่ งไร ตอบ ของแขง็ มีปริมาตรและรูปร่างคงที่ไม่เปล่ยี นแปลง ของเหลว มปี ริมาตรคงท่ี แตม่ รี ูปร่างไมค่ งท่ี จะเปลีย่ นแปลงตามภาชนะท่ีบรรจุ แก๊ส มปี ริมาตรและรูปร่างไม่คงท่ี จะเปลี่ยนไปตามภาชนะที่บรรจุ (ฟ้งุ กระจาย) 2. สารมีสถานะเป็นของแขง็ ของเหลว และแกส๊ ตา่ งกป็ ระกอบไปดว้ ยส่วนท่เี ล็กที่สุด เรียกวา่ ตอบ อะตอม 3. จงอธิบายความแตกตา่ งของโลหะกบั อโลหะวา่ เป็ นอยา่ งไร และการนาไปใช้ ประโยชน์ ตอบ โลหะมผี วิ มนั วาว จดุ เดือดสูง นาความร้อนและไฟฟ้าไดด้ ี มีความเหนียว ตีเป็น แผน่ บางๆ หรือยืดเป็นเส้นได้ อโลหะ ผวิ ไมม่ นั วาว จดุ เดือดต่า เป็นตวั นาความร้อนและไฟฟ้าไดไ้ ม่ดี มี ความเปราะ การนาโลหะไปใชป้ ระโยชนโ์ ดยนาสมบตั ิของโลหะการนาความร้อนไป ประดิษฐ์สิ่งของเครื่องใช้ เช่น ภาชนะหุงตม้ อาหาร สมบตั คิ วามเหนียวโดยยดื เป็นเสน้ ลวดและการนาไฟฟ้าไดด้ ี จึงนามาใชเ้ ป็นสายไฟ เก่งมาก.... ตอบถกู ต้อง สารและสมบตั ิของสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ เฉลยแบบฝึ กกจิ กรรมการเรียนรู้ที่ 1.2 รายชื่อสมาชิกกลมุ่ 1...................................................... 2................................................. 3..................................................... 4................................................ 5..................................................... 6................................................ จดุ ประสงค์ เพื่อใหน้ กั เรียนศึกษาสมบตั ิบางประการของสาร คาชีแ้ จง 1. ให้นกั เรียนแบ่งกลุม่ กลมุ่ ละ 6 คน สงั เกตการทดลอง 2. ส่งตวั แทนกล่มุ สรุปผลงานหน้าช้นั เรียน และรวบรวมผลงานส่งครู ทกั ษะที่ได้ 1. การสงั เกต 2. การทดลอง แนวการตอบ จากการทดลองจะเห็นว่าสารแตล่ ะชนิดมีสมบตั บิ างอยา่ งคลา้ ยคลงึ กนั สมบตั ิบางอยา่ งแตกตา่ งกนั เช่น น้าแขง็ เกลือแกง น้าตาลทราย ทองแดง กระดาษ หินปูน มสี ถานะเป็นของแขง็ เหมือนกนั แต่มสี มบตั อิ ่นื ๆ ต่างกนั เช่น น้าแขง็ หลอมเหลวไดง้ า่ ยทส่ี ุด ทองแดงเป็ นของแขง็ สีสม้ แดง ไมล่ ะลายน้า เกลอื แกงและ น้าตาลทรายเป็นของแขง็ สีขาวละลายน้าไดด้ ี กระดาษติดไฟงา่ ย แต่หินปนู และ ทองแดงตดิ ไฟไดย้ าก (ให้พจิ ารณาคาตอบตามดุลยพินิจและความเหมาะสม) วเิ คราะห์ผลได้ถกู ต้อง ยอดเยย่ี มมาก.. สารและสมบตั ิของสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ เฉลยแบบฝึ กกจิ กรรมการเรียนรู้ที่ 2.1 ชื่อ .......................................................................... ช้นั ................. เลขท่ี ........... คาชี้แจง ให้นกั เรียนเขียนเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องสารแขวนลอย หรือคอลลอยด์ ท่มี คี วามสมั พนั ธ์กบั ตวั อยา่ งสาร คาตอบ ตัวอย่างสาร สารแขวนลอย คอลลอยด์ ✓ 1. น้าอบไทย - 2. วนุ้ - ✓ 3. เมด็ โฟม - ✓ 4. น้าส้มค้นั ✓ 5. เมฆ - 6. ซีเมนต์ - ✓ 7. แป้ง ✓ 8. น้าโคลน ✓ - 9. น้าสลดั ✓ - 10. น้านม - - ✓ - ✓ ตอบถูกต้อง เก่งมาก..... สารและสมบตั ขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ เฉลยแบบฝึ กกจิ กรรมการเรียนรู้ที่ 2.2 และ 3 แนวการตอบ พิจารณาคาตอบของนักเรียนตามความถกู ต้องและเหมาะสม สารและสมบัตขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน 1. ก 1. ก 2. ค 2. ง 3. ข 3. ค 4. ข 4. ข 5. ค 5. ก 6. ง 6. ง 7. ก 7. ค 8. ข 8. ข 9. ค 9. ก 10. ง 10. ง เกง่ จริง ๆ สารและสมบัตขิ องสาร
เอกสารประกอบการเรียนกล่มุ สาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเ สารและสมบัตขิ องสาร
Search