Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนคณิตศาสตร์ ทดสอบ

แผนการสอนคณิตศาสตร์ ทดสอบ

Published by Tum18.Thongthip, 2020-06-11 00:19:43

Description: แผนการสอนคณิตศาสตร์

Search

Read the Text Version

แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ประกอบวชิ าคณติ ศาสตร์ รายวชิ าบงั คบั ระดับประถมศกึ ษา รหสั วิชา พค11001 ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อำเภอท่าบอ่ สำนกั งานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จังหวัดหนองคาย สำนักงานปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงศกึ ษาธิการ

แผนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ แผนการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้รายวชิ าคณิตศาสตร์ พค11001 ระดบั ประถมศึกษาเปน็ การนำรายวิชานี้สู่การปฏิบัติจรงิ ของครผู สู้ อนด้วยการวางแผนออกแบบการจัดประสบการณ์ก ารเรยี นรไู้ วล้ ว่ งหนา้ ว่าครูผสู้ อนจะจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ให้บรรลมุ าตรฐานการเรยี นรู้ตวั ชว้ี ัดและจุดประสงค์ดว้ ยรปู แ บบการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ONIEMODEL อย่างไรซง่ึ ครูผ้สู อนรายวชิ านี้ทกุ คนต้องศึกษาและจัดประสบการณก์ ารเรียนรใู้ ห้เป็นไปกรอบของการจดั การศึกษาตาม หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐานพุทธศกั ราช2551จึงจะทำให้การจัดประสบการณ์การเรยี นรใู้ นรายวชิ านี้ มีประสทิ ธภิ าพและเกิดประสทิ ธิผล แผนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้รายวิชาคณติ ศาสตร์ พค11001 ระดบั ประถมศกึ ษา ประกอบด้วย 5 แผน ดังน้ี กกกกกกก1. แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ เรอื่ งท่ี 1 การปฐมนิเทศ 2. แผนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ เรอ่ื งที่ 2 จำนวนและการดำเนนิ การ 3. แผนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ เรอื่ งที่ 3 เศษสว่ น 4. แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ เรือ่ งท่ี 4 ทศนิยม 5. แผนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ เรื่องที่ 5 ร้อยละ โดยมีรายละเอยี ดดงั นี้

แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ กลุ่มสาระความรพู้ ้ืนฐาน รายวิชา คณติ ศาสตร์ พค11001 ระดบั ประถมศกึ ษา แผนการจัดการเรยี นร้เู รอ่ื งที่ 1 การปฐมนิเทศ สอนวันท่ี …….…… เดือน................. พ.ศ. ................. ภาคเรียนท่ี ...... ปกี ารศึกษา............ มาตรฐานการเรยี นร้รู ะดบั ความรู้ความเข้าใจในการเรียนวชิ าคณติ ศาสตร์ พค11001 ระดับประถมศึกษา เก่ยี วกบั รายละเอยี ดคำอธบิ ายรายวชิ ากิจกรรมการเรียนการสอนขอ้ ตกลงและขั้นตอนการปฏิบัติกจิ กรรมใหเ้ ป็นไปตา มวัตถปุ ระสงค์การเรยี นรเู้ พอื่ ใหผ้ ู้เรยี นบรรลผุ ลตามที่คาดหวังและช่วยใหก้ จิ กรรมการเรยี นการสอนมปี ระสทิ ธภิ าพ ตัวชี้วดั 1. เพอ่ื ใหผ้ ูเ้ รยี นมีความเข้าใจแนวทางการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนในรายวชิ า คณติ ศาสตร์ พค11001 ระดับประถมศกึ ษา 2. เพอื่ เตรียมตัวล่วงหนา้ ในการเรยี นและมสี ว่ นรว่ มในกิจกรรมการเรยี นการสอนอยา่ งมีประสิทธภิ าพ 3. เพอ่ื ทดสอบความรู้พ้ืนฐานเดมิ ของผูเ้ รยี นและเป็นแนวทางในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ การปฐมนเิ ทศ 1. รายละเอยี ดคาอธบิ ายรายวิชาคณิตศาสตร์ พค11001 ระดับประถมศึกษา 2. หลกั เกณฑ์การวัดผลและการใหค้ ะแนนรายวชิ าคณติ ศาสตร์ พค11001 ระดับประถมศกึ ษา 3. ข้อตกลงเกยี่ วกับหลกั การข้อปฏิบตั แิ ละกฎระเบยี บในการเรียนการสอนในห้องเรียน กระบวนการจดั การเรียนรู้ 1. ข้ันกำหนดสภาพปญั หาความต้องการในการเรียนรู้ 1.1 ครูกลา่ วทกั ทายผเู้ รียนและแนะนาตวั เองโดยบอกชอ่ื นามสกลุ และชอ่ งทางการตดิ ต่อ 1.2 ครูสอบถามผู้เรียนถงึ กจิ กรรมท่ที าในระหวา่ งปดิ ภาคเรียนท่ผี า่ นมาและนาเขา้ สเู่ ร่ืองทจี่ ะเรียน 1.3 ครแู จง้ ให้ผ้เู รียนทราบว่าในภาคเรยี นนี้จะได้เรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ พค11001 2. ข้นั แสวงหาข้อมูลและจดั การเรียนรู้ 2.1 ครชู แ้ี จงรายละเอยี ดคาอธบิ ายรายวิชาคณติ ศาสตร์ พค11001 ระดบั ประถมศึกษา ท่ีจะเรียนในภาคเรยี นน้ี จำนวน 4 เร่อื งคือ จำนวนและการดำเนนิ การ เศษส่วน ทศนยิ ม รอ้ ยละ สถิติ ครแู จง้ ตวั ชวี้ ดั และอภปิ รายถงึ เนือ้ หาทจี่ ะเรยี นรว่ มกนั กบั ผเู้ รยี น

2.2 ครูและผ้เู รยี นตกลงหลักเกณฑ์การวัดผลและการใหค้ ะแนนในสว่ นต่างๆร่วมกนั จากคะแนนเต็ม 100 คะแนนอัตราส่วนคะแนนระหวา่ งภาคต่อปลายภาค = 60 : 40 เปน็ ดังน้ี 1. คะแนนระหวา่ งเรยี น 60 คะแนนแบ่งเกบ็ ดงั นี้ 1.1 คะแนนดา้ นความรู้ 30 คะแนน 1.2 คะแนนดา้ นทกั ษะ (โครงงาน/ช้นิ งาน) 20 คะแนน 1.3 คะแนนดา้ นคณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ 10 คะแนน 2. คะแนนปลายภาคเรยี น 40 คะแนนดงั นี้ เกณฑ์การประเมนิ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นดา้ นความรู้ของผู้เรยี นท่ีศกึ ษาหลักสตู รรายวชิ าคณิตศาสตร์ พค 11001 มีดังน้ี หมายถึงผเู้ รียนมีคะแนนสอบปลายภาคเรยี นตง้ั แต่ 12.00 – 40.00 หรือร้อยละ 30 ของคะแนนเต็มขน้ึ ไป ไมผ่ ่านหมายถึงผูเ้ รยี นมคี ะแนนสอบปลายภาคเรียนต้ังแต่ 0.00 – 11.99 หรอื ร้อยละ 0.00 – 29.99 ของคะแนนเต็มขึน้ ไป การตัดสินผลการเรียนรายวิชาคณติ ศาสตร์ พค11001 จะนำคะแนนระหว่างภาคมารวมกับคะแนนปลายภาคเรยี นและจะต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ 50 จงึ จะถือวา่ ผ่าน ท้ังนผ้ี ู้เรยี นต้องเข้าสอบปลายภาคเรียนด้วยแลว้ นาคะแนนไปเปรยี บเทยี บกบั เกณฑ์ท่ีกำหนดใหค้ า่ ระดบั ผลการเรยี นเ ป็น 8 ระดับดงั นี้ ไดค้ ะแนนร้อยละ 80 – 100 ใหร้ ะดับ 4 หมายถงึ ดีเย่ียม ได้คะแนนร้อยละ 75 – 79 ใหร้ ะดบั 3.5 หมายถึง ดีมาก ได้คะแนนรอ้ ยละ 70 – 74 ให้ระดับ 3 หมายถงึ ดี ไดค้ ะแนนรอ้ ยละ 65 – 69 ให้ระดบั 2.5 หมายถึง คอ่ นข้างดี ไดค้ ะแนนร้อยละ 60 – 64 ให้ระดับ 2 หมายถึง ปานกลาง ได้คะแนนรอ้ ยละ 55 – 59 ให้ระดบั 1.5 หมายถึง พอใช้ ไดค้ ะแนนรอ้ ยละ 50 – 54 ใหร้ ะดบั 1 หมายถงึ ผา่ นเกณฑ์ขนั้ ต่ำท่ีกำหนด ได้คะแนนรอ้ ยละ 0 – 49 ให้ระดับ 0 หมายถงึ ต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำท่กี ำหนด 2.3 ข้อตกลงข้อปฏบิ ัติและกฎระเบียบในการเรียนการสอนในหอ้ งเรียนดังนี้ 1. ผเู้ รยี นต้องเขา้ เรยี นไมต่ ่ำกว่า 80 เปอร์เซ็นตข์ องเวลาเรียนทง้ั หมด 2. ผเู้ รียนไม่พูดคุยเสียงดงั หรือส่งเสียงรบกวนเพอื่ นในเวลาเรียน 3. ผูเ้ รียนต้องเข้าเรียนใหต้ รงเวลา 4. หากมีความจาเป็นต้องหยุดเรียนต้องขออนุญาตครผู สู้ อนกอ่ นทุกครั้ง 5. ไม่นาอาหารมารับประทานในห้องเรยี นขณะครูสอน 6. หากมีข้อสงสยั ขณะเรียนให้สอบถามครไู ด้ทันที 3

2.4 ครชู ีแ้ จงรายละเอียดการพบกลมุ่ วนั เวลาสถานท่ีใหผ้ ้เู รยี นทราบ 3. ขั้นปฏบิ ัตแิ ละนาไปประยุกต์ใช้ 3.1 ครูให้ผ้เู รยี นแนะนาตวั ให้ครแู ละเพ่อื นๆทุกคนในห้องเรียนไดร้ ู้จัก 3.2 ครูแจกแบบทดสอบกอ่ นเรยี นรายวชิ าคณติ ศาสตร์ พค11001 ใหผ้ เู้ รียนทาจากนั้นตรวจแบบทดสอบพรอ้ มบันทกึ คะแนนไว้และร่วมกนั สรปุ ถงึ การทาแบบทดสอบก่อนเรียนรายวิชา คณิตศาสตร์ พค11001 4. ขัน้ ประเมนิ ผลการเรียนรู้ 4.1 ครูถามผู้เรยี นเกีย่ วกับเรอื่ งทค่ี รูกล่าวมาข้างต้นว่ามีเรือ่ งอะไรบา้ งมรี ายละเอยี ดทีส่ ำคัญอยา่ งไร (เร่ืองที่จะเรียนหลักเกณฑก์ ารให้คะแนนกฎระเบียบข้อตกลงขอ้ ควรปฏบิ ัติกตกิ าในการเรยี นการสอน) 4.2 ครถู ามผูเ้ รียนว่าพบกลมุ่ วันไหนเวลาไหนและทไี่ หน 4.3 ครซู กั ถามผเู้ รียนวา่ มขี ้อสงสัยหรือไม่ 4.4 ครูมอบหมายใหผ้ ู้เรียนศึกษาเร่ืองท่จี ะเรยี นในคร้ังต่อไปลว่ งหนา้ (เรอ่ื งการฟงั และการดู) การวัดผลประเมินผล วธิ กี ารวัด ประเมนิ จากการสงั เกตการซักถามตอบคาถามและแบบทดสอบก่อนเรยี น เครอ่ื งมือ ไดแ้ ก่แบบประเมนิ และแบบทดสอบก่อนเรียน เกณฑก์ ารวัด ผา่ นตอ้ งทาแบบทดสอบก่อนเรียนไดค้ ะแนนไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ 50 ของคะแนนเต็ม สื่อและแหลง่ เรยี นรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรยี นรายวิชาคณติ ศาสตร์ พค11001 ระดบั ประถมศึกษา 2. ใบความร้เู อกสารประกอบการปฐมนเิ ทศ

บันทกึ หลงั สอน 1. ปญั หาหรอื อปุ สรรคในการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………………… 2. แนวทางการแก้ปญั หาหรืออปุ สรรค ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………………… 3. การปรับปรงุ แผนการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้เร่ืองการปฐมนิเทศ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………………… ลงช่อื …………………………………………………… (......................................................) ตำแหนง่ ………………………………………………. ความคดิ เห็นของผู้นเิ ทศทไ่ี ดร้ บั มอบหมายจากผบู้ รหิ าร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………………… ลงชอ่ื …………………………………………………… (......................................................) ตำแหนง่ ………………………………………..………. ความคดิ เหน็ ของผู้บริหารสถานศกึ ษา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………….………………………………………………………..………………………………………………………………… …………………………………………………………………………….……………………………………………..……………………………………… ลงชอ่ื …………………………………………………… (......................................................) ตำแหนง่ ………………………………………….……….

แผนการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ กลุ่มสาระความร้พู นื้ ฐาน รายวชิ า คณติ ศาสตร์ พค11001 ระดับประถมศกึ ษา แผนการจดั การเรียนรเู้ รอ่ื งที่ 2 จำนวนและกำรดำเนนิ กำร เวลา 6 ชว่ั โมง สอนวันท่ี …….…… เดือน................. พ.ศ…………. ภาคเรียนที่ ………. ปกี ารศกึ ษา………………. มาตรฐานการเรยี นรู้ระดับ ความรู้ความเข้าใจในการเรยี นวชิ าคณิตศาสตร์ พค11001 ระดับประถมศึกษา เกยี่ วกบั รายละเอยี ดคำอธิบายรายวชิ ากจิ กรรมการเรยี นการสอนขอ้ ตกลงและข้นั ตอนการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมให้เปน็ ไปตา มวัตถุประสงค์การเรียนร้เู พื่อให้ผ้เู รียนบรรลุผลตามท่ีคาดหวงั และชว่ ยใหก้ จิ กรรมการเรยี นการสอนมีประสทิ ธิภาพ ตวั ช้วี ัด 1. อา่ นและเขียนตัวเลขแทนจำนวน 2. บอกคา่ ประจำหลักและค่าของตวั เลข 3. เขยี นในรูปการกระจาย 4. เปรยี บเทยี บจำนวน 5. ประมาณค่าเป็นจำนวนเต็ม 6. นำความรูแ้ ละสมบัตจิ ำนวนนับและศนู ย์ และการนำไปใช้ 7. บวก ลบ คณู หาร จำนวนนบั และการแก้ปัญหา 8. หาตัวประกอบของจำนวนนบั 9. บอก จำนวนเฉพาะและตวั ประกอบเฉพาะ 10. แยกตวั ประกอบได้ 11. หาหรม. และครน. จำนวนนับที่กำหนดให้ได้ สาระการเรียนรู้ จำนวนและกำรดำเนิ นกำร 1. การอา่ นและเขยี นตวั เลขแทนจำนวนการประมาณคา่ และการบวก ลบ คณู หาร สามารถดำเนินการ นำมาใช้ในชีวิตประจำวนั และ การบรู ณาการกบั ศาสตร์อน่ื ได้ 2. สมบตั ิของจำนวนนบั และศนู ย์ สมบัตกิ ารสลบั ท่ีของการบวกและการคณู สมบตั ิ การเปลีย่ นหมู่ การบวก การคูณ สมบตั ิการบวกด้วยศูนย์ สมบตั ิการคูณด้วยหนึง่ และสมบตั แิ ยกตัวประกอบสามารถนำไปใช้ประโยชนใ์ นการคดิ คำนวณได

เน้ือหา 1. การอ่านและเขียนตวั เลขแทนจำนวน 2. คา่ ประจำหลักและค่าของตัวเลข 3. การเขียนในรูปการกระจาย 4. การเลยี งลำดบั จำนวน 5. การประมาณค่า 6. สมบัตขิ องจำนวนนบั และศูนย์ และการนำไปใชแ้ ก้ปญั หา 7. การบวก ลบ คณู หาร จำนวนนับและการแก้ปญั หา 8. ตัวประกอบของจำนวนนบั และการหาตัวประกอบ 9. จำนวนเฉพาะและตวั ประกอบเฉพาะ 10. การแยกตัวประกอบ 11. หรม และครน กระบวนการจัดการเรียนรู้ 1.ขน้ั กำหนดสภาพปญั หาความต้องการในการเรยี นรู้ 1.ครแู ละผู้เรียนรว่ มกันกำหนดการเรยี นรูใ้ นเร่ืองต่อไปน้ี - จำนวนและการดำเนินการ - ใหผ้ ูเ้ รียนทำกิจกรรมตามใบงาน ขน้ั ท่ี 2 แสวงหาขอ้ มูลและจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ครผู ้เู รยี นรว่ มกันกำหนดกรอบเน้อื เก่ียวกบั การเรียนรดู้ ้วยตนเอง การใชแ้ หลง่ เรียนรู้ การใชแ้ หลง่ เรยี นรู้รวมทัง้ การจดั การความรู้ ตามท่ีเรยี นร้คู รั้งทแี่ ลว้ ขั้นท่ี 3 การปฏบิ ัติและการนำไปใช้ 1. ครแู ละผเู้ รียนสรุปสาระสำคัญและนำความรทู้ สี่ อดคล้องกบั วถิ ีชวี ติ ไปเปน็ แนวทางในการดำเนนิ ชีวติ 2. จดั ทำเป็นรูปเลม่ รายงานจัดนทิ รรศการและอภิปรายร่วมกัน ขนั้ ท่ี 4 การประเมนิ ผลการเรียนรู้ 1 ครูและผ้เู รยี นสรปุ สาระสำคญั ตามมาตรฐานการเรียนรู้ 2 .ซกั ถาม 3. แบบประเมนิ

ขัน้ ที่ 5 มอบหมายงาน/กจิ กรรมการเรยี นรู้ในสปั ดาหต์ อ่ ไป 1. มอบหมายงานการเรียนร้ใู นหน่วยการเรยี นรู้/กิจกรรมในสัปดาหต์ ่อไป 2. ผเู้ รียนนำผลการเรยี นรู้ทไี่ ด้รบั ไปบนั ทกึ ในคู่มือผูเ้ รยี น/สมดุ บนั ทกึ 3. ครบู ันทึกความคดิ เหน็ หลงั การจัดกจิ กรรมการพบกลุ่ม ส่อื และแหล่งเรยี นรู้ - ปฏทิ นิ การเรยี นรู้ - ใบความรู้ - ใบงาน - แบบทดสอบ - แบบบนั ทึกข้อมลู กลมุ่ การวัดและประเมินผล 1. สงั เกตกระบวนการมีส่วนรว่ ม 2. ผลงานจากการเขา้ ร่วม 3. บันทึกข้อตกลง

ใบควำมรู้ จำนวนและกำรดำเนินกำร 1 จำนวน 1. การอา่ นและเขยี นตัวเลขแทนจำนวน จำนวน ใช้ในการบอกปริมาณของคน สัตว์ สง่ิ ของต่าง ๆ วา่ มมี ากหรือน้อยเทา่ ไร ตวั เลข เป็นสัญลกั ษณ์ทใี่ ชแ้ ทนจำนวน ตัวเลขโดดเรานยิ มใช้ตัวเลขแทนจำนวนตา่ ง ๆ ซง่ึ ประกอบด้วยตัวเลขโดดสบิ ตัว ไดแ้ ก่ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 0 1.1 จำนวนทเ่ี ขียนแทนด้วยตวั เลขหน่งึ หลัก จำนวน ตวั หนังสือ ตวั เลขไทย ตวั เลข ฮินดอู ำรบิก ศูนย์ ๐ 0  หน่งึ ๑ 1  สอง ๒ 2  สำม ๓ 3  ส่ี ๔ 4  หำ้ ๕ 5  หก ๖ 6  เจด็ ๗ 7  แปด ๘ 8  เกำ้ ๙ 9 2. การประมาณค่า การบอกขนาด ปริมาณ หรอื จำนวนส่ิงของตา่ ง ๆ ทเี่ กย่ี วข้องกับชวี ิตประจำวนั บางครัง้ ไม่ตอ้ งการความละเอียดมาก จงึ ใช้การประมาณค่าใกล้เคียงสิง่ นน้ั ๆ มากทส่ี ดุ เพอ่ื การจดจำไดง้ า่ ย

6.1 การประมาณคา่ ใกล้เคยี งจำนวนเต็มสิบ 110 111 112 113 114 115 116 117 118 119 120 121 122 114 อยรู่ ะหวา่ ง 110 กบั 120 แตอ่ ย่ใู กล้ 110 มากกว่า ดงั นนั้ คา่ ประมาณใกลเ้ คียงจำนวนเตม็ สิบของ 114 คือ 110 และ 115 อย่กู ่ึงกลางระหว่าง 110 และ 120 คา่ ประมาณใกลเ้ คียงจำนวนเตม็ สิบของ 115 คือ 120 การประมาณค่าใกล้เคยี งจำนวนเต็มสิบของจำนวนใด ๆ ให้พจิ ารณาตวั เลขในหลกั หนว่ ยของจำนวนนนั้ ถ้าหลกั หนว่ ยตำ่ กวา่ 5 ใหป้ ระมาณเป็นจำนวนเต็มสบิ ทม่ี คี ่านอ้ ยกวา่ และถา้ หลักหน่วยสงู กว่า 5 ใหป้ ระมาณเปน็ จำนวนเตม็ สบิ ทีม่ คี ่ามากกวา่ 6.2 การประมาณค่าใกล้เคยี งจำนวนเตม็ ร้อย พัน หมื่น แสน การประมาณคา่ ใกลเ้ คียงจำนวนเต็มร้อย พัน หมืน่ แสน ก็ใช้หลกั การเดียวกัน คือ ใหพ้ จิ ารณาตัวเลขในหลกั ถัดไปทต่ี ่ำกว่า - ลองพิจารณาค่าประมาณใกลเ้ คยี งจำนวนเต็มร้อยของ 2,440 และ 2,460 . การบวก การลบ การคูณ การหารของจำนวนนับ 1.1 การบวก ความหมายของการบวก การบวก คือ การนำจำนวนตั้งแต่ สองจำนวนขน้ึ ไปมารวมกัน จำนวนทไี ด้จากการรวมจำนวนตา่ ง ๆ เข้าด้วยกัน เรยี กว่า “ผลรวม” หรอื “ผลบวก” และใช้เคร่ืองหมาย + เปน็ สัญลกั ษณ์แสดงการบวก รูปแบบของการบวก การบวกตามแนวนอน การบวกตามแนวตั้ง 5+2 = 7 5 เรียกว่า ตวั ตงั้ 2 + เรียกว่า ตวั บวก 7 เรียกวา่ ผลบวก

หลักหนว่ ย หลกั สบิ หลกั หนว่ ย 0 5 +0 50 + 10 = 1+ 60 6 0 หลักสิบ หลักรอ้ ย หลกั สบิ หลักหน่วย หลกั สบิ 4 0 + หลกั หนว่ ย 0 5 400 + 250 =65 2 5 0 0 6 0 หลักร้อย การบวกกับ 0 1) จำนวนเลขท่เี ปน็ 0 บวกกับ 0 ไดผ้ ลบวกเป็น 0 2) จำนวนเลขใด ๆ บวกกบั 0 จะไดผ้ ลบวกเท่ากบั เลขจำนวนน้นั เช่น 5 + 0 ได้ 5 หรอื 0 + 5 ได้ 5 การบวกจำนวนสองจำนวนและสามจำนวนทไ่ี ม่มีการทด การบวกจำนวน 2 จำนวน การบวกจำนวน 3 จำนวน 123 + 543 = 6 6 6 2 , 3 1 2 + 2, 1 1 4 + 5, 3 2 1 = 9 , 7 4 7 123 2,3 1 2 + 54 3 + 2,1 1 4 6 6 6 5,3 2 1 9,7 4 7 การบวกจำนวนสองจำนวน หรอื สามจำนวนที่ไมม่ ีการทด เปน็ การนำจำนวนเลขสองจำนวนหรอื สามจำนวนมาบวกกัน แลว้ ผลบวกของตวั เลขแต่ละหลักจะมีคา่ ไมเ่ กนิ 9

เราสามารถหาผลบวกของการบวกจำนวนเลขตามแนวนอนได้ โดยมีวธิ ที ำดังนี้ ตวั อย่าง 423 + 215 มคี ่าเทา่ ไร 215 วธิ ีทำ 423 + 215 = 638 ตอบ ว6ิธ3ีค8ดิ คือ 4 2 3 จำนวนท่ี 1 จำนวนที่ 2 ใหบ้ วกทลี ะหลัก โดยเร่ิมจากหลักหน่วยขวามือสุดของท้ัง 2 จำนวน ดังนี้ หลกั หนว่ ย เลข 3 ของจำนวนที่ 1 บวกกับ เลข 5 ของจำนวนท่ี 2 ได้เทา่ กบั 8 ใส่ลงไปในผลบวก ของหลกั หนว่ ย หลักสิบ เลข 2 ของจำนวนท่ี 1 บวกกับ เลข 1 ของจำนวนท่ี 2 ไดเ้ ทา่ กับ 3 ใส่ลงไปในผลบวก ของหลักสิบ หลักรอ้ ย เลข 4 ของจำนวนที่ 1 บวกกับ เลข 2 ของจำนวนที่ 2 ได้เทา่ กบั 6 ใส่ลงไปในผลบวก ของหลกั ร้อย ผลบวก รวมผลบวกเป็น 638 การบวกโดยการกระจายจำนวนตามคา่ ประจำหลัก ตัวอย่าง 310 + 423 + 236 มีค่าเท่าไร วธิ ที ำ 310 + 423 + 236 = (300 + 10 + 0) + (400 + 20 + 3) + (200 + 30 + 6) = (300 + 400 + 200) + (10 + 20 + 30) + (0 + 3 + 6) = 900 + 60 + 9 การหา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. = 969 กาตรหอาบห.ร.9ม.69 ตวั หารรว่ ม เราทราบมาแลว้ วา่ ตวั ประกอบของจำนวนใด ๆ สามารถนำไปหารจำนวนนน้ั ไดล้ งตัว เชน่ ตวั ประกอบของ 12 คือ 1, 2, 3, 4, 6 และ 12 ทุกตวั สามารถนำไปหาร 12 ไดล้ งตัว ดงั น้นั เราอาจเรยี กตวั ประกอบของ 12 แต่ละตวั น้วี ่า เปน็ ตวั หาร ของ 12 ลองพิจารณาตัวหารของ 8 และ 12

ตวั หารของ 8 คือ 1, 2, 4, 8 ตัวหารของ 12 คือ 1, 2, 3, 4, 6, 12 ตัวหารของ 8 และ 12 ทเ่ี หมือนกันคอื 1, 2 และ 4 เราเรยี ก 1, 2 และ 4 ว่า เป็นตัวหารรว่ มหรือ ตวั ประกอบร่วม ของ 8 และ 12 จำนวนนับที่หารจำนวนตั้งแต่สองจำนวนขึ้นไปลงตวั เรียกว่า ตัวหารรว่ มของจำนวนเหล่าน้ัน ตวั อย่าง จงหาตัวหารร่วมของ 9, 15 และ 21 วิธที ำ ตัวหารของ 9 คือ 1, 3, 9 ตัวหารของ 15 คอื 1, 3, 5, 15 ตัวหารของ 21 คอื 1, 3, 7, 21 ตัวหารร่วมของ 9, 15 และ 21 คือ 1, 3 การหา ค.ร.น. ตอบ 1 และ 3 ตัวคูณร่วม จำนวนทมี่ ี 4 เปน็ ตัวประกอบ คือ 4, 8, 12, 16, 20, 24, 28, 32, 36, ...... จำนวนที่มี 6 เปน็ ตวั ประกอบ คอื 6 12, 18, 24,30, 36, 42, 48, 54, ....... จำนวนที่มีทั้ง 4 และ 6 เปน็ ตัวประกอบ คือ 12, 24, 36,... เราเรยี กจำนวนทม่ี ีทั้ง 4 และ 6 เปน็ ตวั ประกอบวา่ ตวั คณู รว่ ม ของ 4 และ 6 ตวั คูณรว่ มของจำนวนต้ังแต่สองจำนวนข้ึนไป หมายถึง จำนวนนบั ทม่ี จี ำนวนเหลา่ นนั้ เป็นตัวประกอบ ตัวอยา่ ง จงหาตวั คูณรว่ มของ 3 และ 4 วธิ ีทำ จำนวนท่มี ี 3 เปน็ ตวั ประกอบ คือ 3, 6, 9, 12, 15, 18, 21, 24, 27, 36, ...... จำนวนท่มี ี 4 เปน็ ตวั ประกอบ คือ 4, 8, 12, 16, 20, 24, 28, 32, 36, ....... ตวั คณู รว่ มของ 3 และ 4 คอื 12, 24, 36, ........ ตอบ 12, 24, 36

ใบงานที่ 1 ก. หาคา่ ประมาณใกลเ้ คยี งจำนวนเต็มสบิ 1) 54 _____________________________ 2) 129 ____________________________ 3) 381 _____________________________ 4) 562 _____________________________ 5) 675 _____________________________ 6) 718 ______________________________ 7) 895 ______________________________ 8) 919 ______________________________ 9) 1,045 ____________________________ 10) 2,655 ___________________________ ข. หาคา่ ประมาณใกล้เคียงจำนวนเต็มรอ้ ย 1) 109____________________________ 2) 182 ____________________________ 3) 276 _____________________________ 4) 593 _____________________________ 5) 626_____________________________ 6) 1,049 ____________________________ 7) 2,534 ____________________________ 8) 5,079 ____________________________ 9) 14,306 ___________________________ 10) 203,148 __________________________ ค. หาค่าประมาณใกล้เคยี งจำนวนเต็มแสนของพลเมอื งประเทศต่าง ๆ 1) ประเทศญปี่ ุ่น 118,519,000 คน _________________________________________ 2) ประเทศฝร่ังเศส (เมืองหลวง : ปารีส)55,239,000 คน ________________________ 3) ประเทศอินเดยี (พ.ศ. 2546) 688,600,000 คน _______________________________ 4) ประเทศจีน (พ.ศ. 2545) 1,004,000,000 คน ________________________________ 5) ประเทศรสั เซยี (เมืองหลวง : มอสโก) 279,900,000,000 คน __________________

ใบงานท่ี 2 จงฝึกทักษะต่อไปนี้ ก. จงหา ห.ร.ม. ของจำนวนท่กี ำหนดให้ (1) 21, 35, 42 .................................................................... (2) 27, 63, 81 .................................................................... (3) 10, 25, 30.................................................................... (4) 24, 32, 64 .................................................................... (5) 16, 20, 36 .................................................................... (6) 20, 15, 45 และ 40 .................................................................... (7) 24, 12, 60 และ 48 .................................................................... (8) 28, 14, 70 และ 84.................................................................... ข. จงหา ค.ร.น. ของจำนวนต่อไปนี้ (1) 16, 24.................................................................... (2) 15, 45 .................................................................... (3) 9, 36, 24.................................................................... (4) 4, 12, 24, 32.................................................................... (5) 20, 28.................................................................... (6) 16, 30, 48.................................................................... (7) 14, 28, 49.................................................................... (8) 44, 66, 99(1)....................................................................

บนั ทึกหลงั สอน 1. ปญั หาหรืออุปสรรคในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………………… 2. แนวทางการแกป้ ญั หาหรอื อุปสรรค ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………………… 3. การปรับปรงุ แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรเู้ ร่อื งการปฐมนิเทศ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………………… ลงชื่อ…………………………………………………… (……………………………………………….…) ตำแหน่ง........................................................ ความคิดเหน็ ของผนู้ ิเทศทีไ่ ด้รบั มอบหมายจากผบู้ รหิ าร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………………… ลงชอื่ ………………………………………………..…… (...........................................................) ตำแหนง่ ........................................................ ความคิดเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………….………………………………………………………..………………………………………………………………… …………………………………………………………………………….……………………………………………..……………………………………… ลงชอ่ื ………………………………………………..…… (………………………………………………………) ตำแหน่ง …………………………………………………

แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ กลุม่ สาระความรพู้ ื้นฐาน รายวิชา คณิตศาสตร์ พค11001 ระดบั ประถมศกึ ษา แผนการจดั การเรียนรู้เร่ืองที่ 3 เศษสว่ น เวลา 6 ช่ัวโมง สอนวันที่ …….…… เดือน............ พ.ศ.......................ภาคเรยี นท่ี............. ปีการศึกษา................... มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดับ ความรู้ความเข้าใจในการเรยี นวชิ าคณติ ศาสตร์ พค11001 ระดบั ประถมศึกษา เก่ียวกับรายละเอยี ดคำอธบิ ายรายวชิ ากิจกรรมการเรียนการสอนขอ้ ตกลงและข้นั ตอนการปฏบิ ัติกจิ กรรมให้เป็นไปตา มวตั ถุประสงค์การเรียนร้เู พ่อื ใหผ้ เู้ รียนบรรลผุ ลตามทคี่ าดหวังและชว่ ยใหก้ ิจกรรมการเรียนการสอนมปี ระสิทธภิ าพ ตัวช้วี ดั 1. ความหมาย ลักษณะของเศษสว่ นและการอา่ นเศษส่วน 2. เขยี นเศษสว่ นให้อยู่ในรูปเศษส่วนอยา่ งตำ่ จำนวนคละและเศษเกิน 3. เปรยี บเทยี บและเรียงลำดับเศษส่วน 4. บวก ลบ เศษส่วนและนำความรู้เก่ยี วกบั เศษส่วนไปใชแ้ กโ้ จทยป์ ัญหา 5. คณู เศษสว่ นและนำความร้เู ก่ียวกับเศษสว่ นไปใช้แกโ้ จทย์ปัญหา 6. หารเศษส่วนและนำความรู้เก่ยี วกบั เศษสว่ นไปใชแ้ ก้โจทย์ปัญหา 7. การบวก ลบ คณู หาร เศษสว่ นและนำความรูเ้ กี่ยวกับเศษส่วนไปใช้แกโ้ จทย์ปัญหา สาระการเรยี นรู้ เศษสว่ น การอา่ นและเขียนเศษส่วน การเปรียบเทยี บเศษสว่ น การบวก ลบ คณู หาร และการแก้โจทย์ปัญหาตามสถานการณ์ เน้ือหา 1.ความหมาย ลกั ษณะของเศษสว่ นและการอ่านเศษสว่ น 2.การเขยี นเศษสว่ นให้อยใู่ นรูปเศษสว่ นอยา่ งตำ่ จำนวนคละและเศษเกิน 3.การเปรียบเทียบเศษส่วน 4.การบวกลบเศษส่วนและโจทยป์ ญั หา

5.การคูณเศษสว่ นและโจทย์ปัญหา 6.การหารเศษส่วนและโจทย์ปัญหา 7.การบวก ลบ คูณ หาร เศษส่วนระคนและโจทยป์ ัญหา กระบวนการจดั การเรยี นรู้ 1.ขั้นกำหนดสภาพปัญหาความตอ้ งการในการเรียนรู้ 1.ครแู ละผู้เรียนรว่ มกันกำหนดการเรยี นรู้ในเรื่องต่อไปนี้ - เศษสว่ น - ให้ผู้เรยี นทำกจิ กรรมตามใบงาน ขัน้ ท่ี ๒แสวงหาขอ้ มลู และจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ครผู ูเ้ รียนรว่ มกันกำหนดกรอบเนือ้ เกย่ี วกบั การเรยี นรูด้ ้วยตนเอง การใช้แหลง่ เรยี นรู้ การใชแ้ หลง่ เรยี นร้รู วมทง้ั การจัดการความรู้ ตามท่เี รียนรคู้ ร้ังที่แล้ว ข้นั ที่ 1 การปฏบิ ัติและการนำไปใช้ 1. ครูและผเู้ รียนสรุปสาระสำคญั และนำความรูท้ ่สี อดคล้องกบั วถิ ีชีวติ ไปเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต 2. จดั ทำเปน็ รปู เล่มรายงานจัดนิทรรศการและอภิปรายรว่ มกนั 3. ครูบนั ทึกความคิดเหน็ หลงั การจดั กจิ กรรมการพบกลุ่ม ขัน้ ที่ 4 การประเมินผลการเรียนรู้ 1 ครูและผ้เู รยี นสรปุ สาระสำคญั ตามมาตรฐานการเรียนรู้ 2 .ซักถาม 3. แบบประเมิน ขั้นที่ 5 มอบหมายงาน/กิจกรรมการเรยี นรใู้ นสัปดาห์ต่อไป 1. มอบหมายงานการเรียนรู้ในหน่วยการเรยี นร/ู้ กิจกรรมในสปั ดาห์ตอ่ ไป 2. ผู้เรยี นนำผลการเรียนรูท้ ไ่ี ด้รบั ไปบันทึกในคู่มือผเู้ รยี น/สมดุ บนั ทกึ สือ่ และแหล่งเรยี นรู้ - ปฏิทนิ การเรยี นรู้ - ใบความรู้ - ใบงาน -แบบทดสอบ -แบบบันทกึ ข้อมลู กล่มุ การวัดและประเมนิ ผล 1. สังเกตกระบวนการมสี ่วนร่วม 2. ผลงานจากการเขา้ ร่วม 3. บนั ทกึ ข้อตกลง

ใบความรู้ เศษส่วน ชนิดของเศษส่วน เศษส่วนแบง่ ออกเปน็ 3 ชนิด คอื (1) เศษสว่ นแท้ คือ เศษสว่ นที่มีตวั เศษ มีคา่ น้อยกวา่ ตัวส่วน และเปน็ เศษส่วนอยา่ งตำ่ เชน่ 1 , 2 , 3 , 5 , 12 ฯลฯ 2 3 5 7 13 (2) เศษส่วนเกิน คอื เศษส่วนท่ีมีตัวเศษ มีค่ามากกว่าตวั ส่วน เช่น 7 , 6 , 8 , 12 , 25 ฯลฯ 3 5 3 7 13 (3) เศษสว่ นจำนวนคละ คือ เศษสว่ นทม่ี ีจำนวนเตม็ และเศษส่วนแท้คละกนั อยู่ เช่น 2 8 ,4 3 ,6 2 ,9 3 ฯลฯ 9 7 5 8 การบวก การลบ การคณู และการหารเศษส่วน 1 การบวกและการลบเศษส่วน การบวกและการลบเศษส่วนท่มี ีตวั ส่วนเทา่ กัน การบวกและการลบเศษส่วนทมี่ ีตัวสว่ นเทา่ กนั ให้ทำดังนี้ (1) นำเศษมาบวกลบกัน (2) ตัวทเ่ี ปน็ สว่ นใช้เลขจำนวนเดิม ตวั อยา่ ง การลบ การบวก 3 41 1 1 1 2 51 1 1 1 4444 4444 วธิ ที า = = วธิ ที า = =

การทำเศษสว่ นใหม้ คี า่ เท่ากัน 1) การขยายสว่ น โดยหาจำนวนท่ีเทา่ กันมาคูณทงั้ ตวั เศษและตวั สว่ น เช่น 1 = 1 ×2 = 2 2 2 ×2 4 1 = 1 ×3 = 3 3 3 ×3 9 2) การทอนเศษสว่ น โดยหาจำนวนทเี่ ทา่ กันมาหารทงั้ ตัวเศษและตวั สว่ น เช่น 2 = 2 ÷2 = 1 4 4 ÷2 2 4 = 4 ÷4 = 1 12 12 ÷4 3 การบวกและการลบเศษส่วนทม่ี ตี ัวสว่ นไมเ่ ท่ากัน การบวกและการลบเศษส่วนท่ไี ม่เทา่ กันโดยวิธีขยายเศษส่วน การบวกและลบเศษส่วนทม่ี ีตัวส่วนไมเ่ ทา่ กัน ใช้วธิ ีขยายเศษส่วนให้เป็นเศษสว่ นชนิดเดยี วกนั แลว้ จึงนำเศษมาบวกลบกัน การขยายเศษสว่ น คือ การทำตัวเลขทง้ั เศษและสว่ นใหม้ ากข้นึ โดยทคี่ ่าของเศษส่วนไมเ่ ปลยี่ นแปลง เช่น 12 12 ตวั อยา่ ง จงหาผลลัพธข์ อง 5 + 3 จะทำ 5 , 3 ให้มสี ่วนเท่ากนั ไดอ้ ยา่ งไร แนวคดิ 1 2 13 25 ตัวส่วนของเศษส่วน คือ 5, วิธีทำ 5 + 3 = 5 3 + 35 1 3 10 3ซงึ่ หารกันไมล่ งตัว ดงั นัน้ จึงนำ 3 ไปคูณ 5 = 15 + 15 2 3 + 10 ทั้งเศษและส่วนและนำ 5 ไปคูณ 3 = 15 3 10 13 ทง้ั เศษและส่วน จะได้ 15 , 15 ซ่ึงมีส่วนเท่ากัน = 15 51 13 จะทำ 7 , 3 ให้มสี ่วนเท่ากันได้อยา่ งไร ตอบ 15 แนวคดิ 51 ตัวส่วนของเศษส่วน คอื 7, 3 ตวั อย่าง จงหาผลลัพธข์ อง 7 - 3 5 5 1 5 3 1 7 ซึง่ หารกันไมล่ งตวั ดังน้นั จึงนำ 3 ไปคูณ 7 วิธีทำ 7 - 3 = 7  3 - 3 7 15 7 = 21 - 21

15 − 7 1 = 21 ทงั้ เศษและส่วน และนำ 7 ไปคูณ 3 8 15 7 = 21 ทงั้ เศษและส่วน จะได้ 21 , 21 ซงึ่ มีสว่ นเทา่ กนั 8 ตอบ 21 2.การคณู เศษส่วน การหาผลคูณระหวา่ งเศษส่วนกบั เศษสว่ น การหาผลคณู ระหวา่ งเศษส่วนกบั เศษส่วน ใหน้ ำเศษคูณกับเศษ และส่วนคูณกับสว่ นแล้วทำให้เปน็ เศษส่วนอย่างต่ำ 11 ตวั อย่าง 2 ของ 5 =  1 1 11 วธิ ีทำ 2 ของ 5 = 2  5 1 5 = 25 1 = 10 1 ตอบ 10 45 แนวคดิ เม่ือนำเศษคูณกับเศษ ตัวอยา่ ง 5  6 =  20 4 5 45 และสว่ นคูณกับสว่ นได้ 30 วธิ ที ำ 5  6 = 5 6 แลว้ ทำให้เป็นเศษส่วนอยา่ งต่ำ โดยนำ 10 20 2 = 30 ไปหารทัง้ เศษและส่วน จะได้ผลลัพธ์ 3 20 10 = 30 10 2 =3 2 ตอบ 3

3 การหารเศษสว่ น การหารจำนวนนับด้วยเศษสว่ น 2  1 2  2   1  2  2  1   2 1  = ÷ 11 1 1 2  2  2 =  1÷1 22 2 มที ีด่ ิน 2ไร่ 2 2 =1 1 ดงั นัน้ 2 1 2 2 แบง่ ออกเปน็ ส่วนละ 2 ไร่เท่า ๆ กัน 2= 1 ดงั นั้น จะแบ่งไดท้ ้ังหมด 4 ส่วน =4 การหารเศษสว่ นดว้ ยจำนวนนับ 1 1  2  1  1  2  1  3 3 3 2÷  2 = 11 66  1  1  = 3 2÷ 1 1 11 มที ่ีดิน 3 ไร่ =3 2 แบ่งเป็น 2 สว่ นเทา่ ๆ กนั ดังนั้น 1 2 11 1 3 =3 2 ดงั นน้ั จะไดส้ ว่ นละ 6 ไร่ 1 =6 การหารเศษสว่ นด้วยเศษส่วน 42  4  5   2  5  55 = 5 2÷ 5 2 4 5  4  5  = 5 2÷1 22 55 45 =5 2 4 ดงั นัน้ 42 45 มที ่ีดิน 5 ไร่ 55 =5 2 2 =2 แบ่งออกเปน็ สว่ นละ 5 ไรเ่ ท่า ๆ กัน ดังนั้นจะแบ่งไดท้ งั้ หมด 2 ส่วน “การหารเศษส่วน หมายถงึ การแบง่ เศษสว่ นออกเปน็ ส่วนยอ่ ยเทา่ ๆ กัน” การหารเศษสว่ นมี 3 แบบคือ การหารจำนวนนับด้วยเศษส่วน การหารเศษสว่ นดว้ ยจำนวนนบั และการหารเศษส่วนด้วยเศษสว่ น ซง่ึ มหี ลกั การดงั นี

ใบงานท่ี 1 ตอนท่ี 1 ให้แสดงวิธที ำ 1. 1 5  2  1 = 8 3 4 2.  3 − 2   1 =   4 5 5 3. 7   4 + 2  =  7 14  4. 2 3  10 2 − 6 =  5 7  5. 5 1  2 3  71 =   2 4 3 6.  1  7  + 2 4  1  =  8 8   5 14  7. = 35  4  +  2  10    36 5   3 12  8. 15 5 + 12 1 + 25 ของ 9 =  6 3 54 100

ตอนท่ี 2 ให้เขียนเป็นประโยคสญั ลกั ษณ์และหาผลลัพธ์ 1. ซอ้ื ทเุ รยี น มงั คดุ และเงาะ หนักรวมกัน 10 1 กิโลกรัม ถ้าเงาะหนกั 31 กโิ ลกรัม มงั คดุ หนัก 4 2 32 กิโลกรมั ทเุ รยี นหนกั ก่ีกโิ ลกรัม 3 2. เชอื กเส้นที่หน่ึงยาว 12 9 เมตร เส้นท่สี องยาว 25 1 เมตร นำมาผูกตดิ กนั จะยาวกเ่ี มตร 9 3 3. ถนนสายหนงึ่ ยาว 60 1 กโิ ลเมตร ถ้าข่ีจักรยานด้วยความเร็ว 15 1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะต้องใช้เวลานานเทา่ ไร 2 8 4. ท่ดี ินแปลงหน่งึ มีพ้นื ท่ี 50 ไร่ ถา้ จะทำเปน็ ที่จัดสรรแบ่งขายแปลงละ 1 1 ไร่ จะจัดสรรได้กแ่ี ปลง 4 11 5. วนั แรกกรรมกรทำถนนได้ 3 ของระยะทางท้ังหมด วันทสี่ องทำถนนได้อกี 2 ของระยะทางท้งั หมด เหลือทีย่ งั ไมไ่ ด้ทำคิดเป็นระยะทาง 5 กโิ ลเมตร อยากทราบว่า ถนนสายนี้ยาวก่ีกิโลเมตร 11 6. บญุ ยอดมีรายได้เดือนละ 5,400 บาท จ่ายค่าเช่าบา้ นไป 9 ของรายได้ และจ่ายคา่ อาหารอกี 3 ของรายได้ อยากทราบวา่ เขาจะมเี งนิ เหลือเท่าไร

บนั ทึกหลงั สอน 1. ปัญหาหรืออปุ สรรคในการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………………… 2. แนวทางการแกป้ ญั หาหรืออุปสรรค ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………………… 3. การปรบั ปรุงแผนการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้เร่ืองการปฐมนเิ ทศ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………………… ลงช่อื …………………………………………………… (………………………………………………….) ตำแหน่ง......................................................... ความคิดเหน็ ของผนู้ เิ ทศทไ่ี ดร้ ับมอบหมายจากผบู้ รหิ าร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………………… ลงชอื่ ………………………………………………..…… (……………………………………………………..) ตำแหน่ง......................................................... ความคิดเห็นของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………….………………………………………………………..………………………………………………………………… …………………………………………………………………………….……………………………………………..……………………………………… ลงชื่อ………………………………………………..…… (..........................................................) ตำแหนง่ .......................................................

แผนการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ กลมุ่ สาระความรูพ้ ืน้ ฐาน รายวิชา คณิตศาสตร์ พค11001 ระดบั ประถมศึกษา แผนการจัดการเรียนรูเ้ ร่ืองท่ี 4 เทศนิยม เวลา 6 ชั่วโมง สอนวันท่ี …….…… เดือน.................. พ.ศ....................ภาคเรยี นท่ี............. ปีการศกึ ษา..................... มาตรฐานการเรยี นรู้ระดบั ความรู้ความเข้าใจในการเรยี นวชิ าคณติ ศาสตร์ พค11001 ระดับประถมศึกษา เกย่ี วกับรายละเอียดคำอธิบายรายวิชากจิ กรรมการเรียนการสอนขอ้ ตกลงและขัน้ ตอนการปฏบิ ัติกจิ กรรมใหเ้ ปน็ ไปตา มวัตถุประสงค์การเรยี นรเู้ พอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นบรรลุผลตามที่คาดหวังและชว่ ยให้กิจกรรมการเรียนการสอนมปี ระสทิ ธิภาพ ตวั ชี้วัด 1. บอกความหมาย และเขียน อา่ นทศนิยม 2. บอกคา่ ประจำหลกั และค่าในแตล่ ะหลักของทศนิยม 3.เขียนทศนยิ มในรปู การกระจาย 4.เปรยี บเทยี บและเรยี งลำดับทศนิยม 5.แปลงทศนิยมให้อยใู่ นรูปเศษสว่ น และแปลงเศษสว่ นจำนวนนับใหอ้ ยใู่ นรปู ทศนิยม 6.ประมาณค่าทศนิยมสองตำแหน่ง และสามตำแหน่ง 7.บวก ลบ ทศนิยม และนำความรู้ไปใชแ้ กโ้ จทย์ปัญหา 8.คูณ หาร ทศนยิ มและนำความรไู้ ปใชแ้ ก้โจทยป์ ัญหา สาระการเรยี นรู้ เทศนิยม การอา่ นและเขยี นทศนิยม การเขยี นในรูปกระจาย การเปรียบเทียบทศนยิ ม การเรียงลำดบั การประมาณค่า ความสมั พันธ์ระหว่างทศนิยมกับเศษสว่ น การบวก ลบ คูณ หาร และการแกโ้ จทย์ปญั หาตามสถานการณ์ เนือ้ หา 1. ความหมายของทศนยิ ม การเขียนและการอ่าน 2. ค่าประจำหลักและค่าในแต่ละหลักของทศนยิ ม 3. การเขียนทศนยิ มในรูปของการกระจาย 4. การเปรียบเทยี บและเรยี งลำดับทศนยิ ม 5. ความสมั พันธ์ระหว่างทศนิยมและเศษสว่ น

เน้อื หา(ต่อ) 6. การประมาณคา่ ใกลเ้ คยี งทศนิยม 7. การบวก ลบ ทศนิยม และโจทย์ปัญหา 8. การคณู หาร ทศนิยมและโจทย์ปัญหา กระบวนการจัดการเรียนรู้ 1.ขน้ั กำหนดสภาพปญั หาความตอ้ งการในการเรยี นรู้ 1. ครูและผเู้ รียนร่วมกันกำหนดการเรียนร้ใู นเร่ืองตอ่ ไปนี้ - ทศนิยม - ให้ผู้เรียนทำกจิ กรรมตามใบงาน ข้ันท่ี 2 แสวงหาข้อมลู และจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ครผู ู้เรยี นรว่ มกนั กำหนดกรอบเนอื้ เกี่ยวกบั การเรียนรดู้ ้วยตนเอง การใชแ้ หลง่ เรยี นรู้ การใชแ้ หลง่ เรยี นรรู้ วมทั้งการจดั การความรู้ ตามทเี่ รียนรคู้ ร้ังทแ่ี ลว้ ขั้นท่ี 3 การปฏบิ ัตแิ ละการนำไปใช้ 1. ครูและผู้เรยี นสรปุ สาระสำคัญและนำความรทู้ ี่สอดคล้องกับวถิ ชี วี ิตไปเป็นแนวทางในการดำเนนิ ชีวติ 2. จดั ทำเป็นรูปเลม่ รายงานจัดนทิ รรศการและอภิปรายรว่ มกัน ขน้ั ที่ 4 การประเมินผลการเรียนรู้ 1 ครแู ละผู้เรียนสรปุ สาระสำคัญตามมาตรฐานการเรยี นรู้ 2 .ซักถาม 3. แบบประเมิน ขนั้ ท่ี 5 มอบหมายงาน/กจิ กรรมการเรียนรู้ในสปั ดาหต์ อ่ ไป 1. มอบหมายงานการเรียนรู้ในหนว่ ยการเรยี นรู้/กิจกรรมในสัปดาห์ต่อไป 2. ผูเ้ รียนนำผลการเรียนร้ทู ี่ได้รับไปบนั ทึกในคู่มือผู้เรียน/สมดุ บนั ทกึ 3. ครูบันทกึ ความคดิ เหน็ หลงั การจดั กิจกรรมการพบกลุ่ม ส่ือและแหล่งเรยี นรู้ - ปฏิทินการเรยี นรู้ - ใบความรู้ - ใบงาน -แบบทดสอบ –แบบบนั ทึกข้อมลู กลุ่ม

ใบความรู้ เรื่อง ทศนิยม 1. ความหมาย การอา่ นและการเขียนทศนิยม 1.1 ทศนิยมหนงึ่ ตำแหนง่ ทศนิยมหนง่ึ ตำแหน่งที่มีค่าน้อยกว่า 1 1.2 ทศนิยมสองตำแหน่งทศนยิ ม 2 ตำแหนง่ ทีม่ ีคา่ น้อยกว่า 1 1.3 ทศนิยมมากกว่าสองตำแหน่ง การบวก การลบทศนยิ ม การบวก การลบทศนิยม จำนวนที่อยู่ในรปู ของทศนิยมมีค่าประจำตำแหนง่ เชน่ เดยี วกบั จำนวนนบั กล่าวคอื การบวก และการลบทศนิยม จะต้องจัดตำแหนง่ ของตวั เลขให้ตรงกัน เชน่ เดียวกับการบวก และการลบจำนวนนบั แล้วจึงบวกหรือลบจำนวนทอี่ ย่ใู นตำแหนง่ เดียวกัน และใส่ทศนิยมให้ตรงกนั ด้วย ดังตวั อย่าง ตอ่ ไปน้ี ตวั อย่าง 32.35 + 45.73 – 27.8 =  ตัวอยา่ ง 96.28 – 28.95 + 12.22 =  วธิ ที ำ 32.35 วธิ ีทำ 96.28 45.73 + 28.95 - 78.08 67.33 27.80 - 12.22 + 50.28 79.55 ตอบ 50.28 ตอบ 79.55

โจทยป์ ัญหาการบวกและการลบทศนิยม ตัวอย่าง วนิ ยั ขายสนิ คา้ ไดเ้ งนิ 235.75 บาท ลูกหนน้ี ำเงนิ มาชำระ 105.50 บาท จา่ ยเป็นค่าขนส่งสินคา้ 35 บาท เหลือเงินเท่าไร วธิ ที ำ ขายสินคา้ ไดเ้ งนิ 235.75 บาท ลูกหน้นี ำเงินมาชำระ บาท + 105.50 รวมเงนิ 341.25 บาท จ่ายเปน็ ค่าขนสง่ บาท - 35.00 เหลอื เงนิ 306.25 บาท ตอบ 306.25 บาท การคณู ทศนยิ ม การคูณทศนิยม เราสามารถคูณทศนิยมไดโ้ ดยใชว้ ธิ ีการเช่นเดยี วกบั การคูณจำนวนเต็มบวก โดยมีหลักวา่ ทศนยิ มท่ีเปน็ ผลคูณ จะมีตำแหน่งทศนิยมเทา่ กบั ผลบวกของจำนวนตำแหนง่ ทศนิยมทง้ั ตวั ตงั้ และตวั คณู ตวั อยา่ ง 6.25 × 2.3 =  วิธีทำ 6.2 5 ตัวต้ังทศนยิ ม 2 ตำแหน่ง 2. 3 × ตัวคูณทศนิยม 1 ตำแหน่ง 1875 + รวมทศนยิ มตัวต้ังและตวั คณู เทา่ กบั 3 ตำแหน่ง 1250 1 4.3 7 5 แนวคิด การใสจ่ ดุ ทศนยิ มให้นบั จากตัวสดุ ท้ายไป 3 ตำแหน่ง แลว้ ใหใ้ สจ่ ดุ หนา้ ตำแหน่งทส่ี าม

สมบตั ิการสลับทก่ี ารคูณ ตัวอยา่ ง จงเปรยี บเทียบวา่ 2.8 × 1.3 และ 1.3 × 2.8 เทา่ กันหรือไม่ วธิ ีทำ 2.8 วธิ ีทำ 1. 3 1.3 × 2. 8 × 84 104 28 + 26 + 364 364 ดังน้นั 2.8 × 1.3 = 1.3 × 2.8 แนวคดิ จะเหน็ ว่า 2.8 × 1.3 หรอื 1.3 × 2.8 ผลลพั ธท์ ไ่ี ด้จะมีคา่ เท่ากัน แสดงว่า การคณู ของทศนยิ มมี สมบตั ิการสลับที่การคณู สมบัติการเปล่ียนหมู่ของการคณู ตวั อยา่ ง จงเปรยี บเทียบว่า 2.6 × (1.5 × 1.2) และ (2.6 × 1.5) × 1.2 เทา่ กนั หรือไม่ วธิ ีทำ 2.6 × (1.5 × 1.2) = 2.6 × 1.8 วธิ ีทำ (2.6 × 1.5) × 1.2 = 3.9 × 12 = 4.68 = 4.68 ดงั น้นั 2.6 × (1.5 × 1.2) = (2.6 × 1.5) × 1.2 แนวคดิ จะเหน็ วา่ 2.6 × (1.5 × 1.2) หรือ (2.6 × 1.5) × 1.2 จะได้ผลลัพธ์เทา่ กัน แสดงวา่ การคณู ของทศนิยมมี สมบัติการเปลย่ี นหมู่ของการคณู

การหารทศนยิ ม หมายถงึ การแบง่ ทศนยิ มออกเปน็ ส่วนย่อยเท่า ๆ กนั หลักในการหารทศนยิ ม ควรทำตวั หารใหเ้ ป็นจำนวนเตม็ ก่อนจึงจะนำไปหารตัวตง้ั ส่วนรปู แบบการหาร ในระดับนี้นิยมใช้แบบแนวตงั้ เพราะเปน็ แบบทง่ี ่าย ซึ่งเปน็ หลายวธิ ี 1 การหารทศนยิ มด้วยจำนวนนับ การหารทศนิยมด้วยจำนวนนบั วิธที ง่ี ่ายคือ การต้ังหารยาว โดยนำตวั หารไปหารตงั้ ตัวทเี่ ป็นจำนวนนับจนหมดหลกั หน่วย แล้วจึงหารตวั เลขหลังจดุ ทศนิยมตอ่ ไปเหมือนกับจำนวนนับ แต่ต้องใส่จดุ ทศนยิ มท่ผี ลหารให้ตรงกับจดุ ทศนยิ มของตวั ตั้ง หรือใส่จุดทศนิยมใหม้ จี ำนวนตำแหนง่ ทศนยิ มเทา่ กบั ตัวต้ังนน่ั เอง ตวั อย่างที่ 1 3.36 ÷ 3 =  วธิ ที า 1. 1 2 - 3 ) 3. 3 6 -3 03 -3 06 6 00 ตอบ 1.12 อธบิ าย 3 เป็นตัวหารมีตัวเลขหลกั เดียว จึงหารตัวตั้งทีละหลกั เรม่ิ จากซา้ ยไปขวา และต้อง ใสจ่ ุดทศนยิ มท่ผี ลลพั ธ์ให้ตรงกบั ตวั ตงั้ ซงึ่ จะเห็นวา่ ตัวตัง้ มีทศนยิ ม 2 ตำแหน่ง ผลลพั ธ์จึงมีทศนยิ ม 2 ตำแหนง่ ด้วย ตวั อยา่ งที่ 1 253.92 ÷ 12 =  วธิ ที า 2 1. 1 6 1- 2 )2 5 3. 9 2 - 24 13 - 12 19 12

- อธิบาย 12 เปน็ ตวั เลข 2 หลัก ตอ้ งหารตวั ตัง้ ทีละ 2 หลัก เร่ิมจากซ้ายไปขวา เม่ือหารถึงหลกั หน่วยแลว้ จะหารเลขหลังจดุ ทศนยิ ม ให้ใส่จดุ ทศนิยมทผี่ ลลพั ธ์ใหต้ รงกบั ตวั ตง้ั ก่อน แล้วหารตอ่ ไป เหมอื นเลขจำนวนนับธรรมดาจนกว่าจะหมด จะเห็นวา่ ผลลัพธม์ ที ศนยิ ม 2 ตำแหนง่ เทา่ กับตัวตั้ง 6.2 การหารทศนยิ มด้วยทศนยิ ม การหารทศนิยมด้วยทศนยิ ม ทำได้โดยการนำ 10, 100, 1,000, ... ไปคณู ทง้ั ตัวตัง้ และตัวหาร เพอ่ื ทำตัวหารให้เป็นจำนวนเตม็ ก่อน แลว้ จึงนำไปหารตัวตั้งเหมือนเลขจำนวนนบั ธรรมดาทำนองเดียวกับข้อ 6.1 ตวั อย่างที่ 1 11.52 ÷ 0.8 =  วธิ ที า 101..852= 11.52 × 10 0.8 10 = 115.2 8 1 4. 4 - 8 )1 1 5 . 2 -8 35 - 32 32 32 00 ตอบ 14.4 อธิบาย(1) 0.8 เปน็ ตวั หารท่ีมีทศนิยม 1 ตำแหนง่ จงึ ต้องนำ 10 ไปคูณทงั้ ตัวตงั้ และตวั หาร ไดต้ ัวตง้ั เปน็ 115.2 และตวั หารเป็น 8 (2) นำ 8 ไปหาร 115.2 โดยการต้งั หารยาว เมื่อหารตัวต้งั จนหมดหลกั หน่วย กใ็ หใ้ ส่ จุดทศนยิ มท่ผี ลลัพธใ์ ห้ตรงกับตวั ต้ัง แลว้ หารตอ่ ไปจนกวา่ จะหมด ซึ่งจะได้ ผลลัพธ์เปน็ 14.4

ตวั อยา่ งที่ 1342.4÷ 0.32 =  วธิ ที า 304.322.4= 342.4 × 100 0.32 100 = 34240 32 1070 31 )3 4 2 4 0 - 32 224 - 224 0000 ตอบ1,070 6.3 การหารจำนวนนับด้วยทศนยิ ม การหารจำนวนนับดว้ ยทศนยิ ม อาศัยหลักการเดียวกบั การหารทศนยิ มด้วยทศนยิ ม กล่าวคอื ใหน้ ำ 10, 100, 1,000, .... ไปคูณทั้งตวั ตั้งและตวั หาร เพ่ือทำตัวหารให้เป็นจำนวนเต็มก่อนเสมอ แลว้ จึงนำไปหารตัวตั้ง ตวั อยา่ ง 765 ÷ 1.5 =  วธิ ที า 510 15 )7 6 5 0 75 15 15 00 ตอบ 510

อธิบาย (1) 1.5 มีทศนิยม 1 ตำแหน่ง จงึ ตอ้ งนำ 10 ไปคณู ทัง้ ตัวตงั้ และตัวหาร ไดต้ วั ตง้ั เปน็ 7,650 และตวั หารเป็น 15 (2) 15 ไปหาร 7650 โดยวิธตี งั้ หารยาว ไดผ้ ลลัพธเ์ ปน็ 510 ซึง่ เป็นจำนวนเต็ม 6.4 การหารทศนยิ มท่ีมเี ศษ การหารทศนิยมบางครั้งอาจไมล่ งตวั พอดี จะทำใหเ้ หลอื เศษ คำตอบจึงต้องเปน็ การประมาณคา่ การประมาณค่าจะใช้วิธปี ัดเศษ โดยดวู า่ โจทยต์ ้องการใหต้ อบเป็นทศนิยมก่ีตำแหน่ง แลว้ คำนวณให้ไดจ้ ำนวนตำแหน่งทศนิยมมากกว่าทีโ่ จทยต์ ้องการอกี 1 ตำแหน่ง เพ่ือดูว่าตวั เลขของทศนยิ มท่เี กินมานั้น ควรปัดเพม่ิ ขนึ้ มาในตำแหนง่ ทต่ี ้องการหรอื ตดั ท้งิ ไป หลกั ในการปัดเศษใหด้ ูว่า ตัวเลขมีค่าถึง 5 หรอื น้อยกวา่ 5 ถา้ มคี า่ ถึง 5 ขึน้ ไป ให้ปดั ขึน้ มาเพม่ิ ในตำแหน่งท่ีโจทยต์ อ้ งการอีก 1 แต่ถ้าตำ่ กว่า 5 ใหต้ ัดท้ิง ตวั อยา่ ง 122 ÷ 3 =  ตอ้ งการทศนิยม 2 ตาแหน่ง) วธิ ที า 4. 0 6 6 3 )1 2. 2 0 0 12 020 18 20 18 2 ดงั น้ัน 12.2 ÷ 3 = 4.07 อธิบาย (1) เนือ่ งจากโจทย์ตอ้ งการทศนิยม 2 ตำแหน่ง แต่จะเห็นว่าตวั ตั้ง คอื 12.2 มที ศนยิ ม 1 ตำแหน่ง จึงเติม 0 ทีห่ ลังทศนยิ มไปอกี 2 ตัว เพ่ือให้ตัวตั้งมีทศนิยม 3 ตำแหน่งเพราะเราทราบมาแลว้ วา่ 0 ท่เี ติมหลังจุดทศนยิ มนนั้ ไมท่ ำให้คา่ ของตัวเลขเปล่ยี นแปลง (2) นำ 3 ไปหาร 12,200 ได้ 4,066 ซ่ึงมีทศนยิ ม 3 ตำแหน่ง ใหห้ ยุดหาร

(3) จะเหน็ ว่าทศนยิ มตำแหน่งที่ 3 ของผลหารคอื 6 ซึ่งเกนิ 5 จึงใหป้ ัดขนึ้ มาเพม่ิ อีก1 ในทศนิยมตำแหนง่ ที่ 2 เปน็ 7 6.5 โจทย์ปัญหาการหารทศนยิ ม โจทยป์ ัญหาการหารทศนยิ มจะเป็นเร่ืองทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกับชวี ติ ประจำวันเช่นเดียวกบั การลบหรอื การหารจำนวนนับทวั่ ไป ตวั อยา่ ง พอ่ คา้ ขายนา้ ตาลทรายกโิ ลกรมั ละ 12.50 บาท อษุ าจา่ ยเงนิ คา่ นา้ ตาลทรายทง้ั หมด เป็ นเงนิ 106.25 บาท อยากทราบวา่ อษุ าซอื้ นา้ ตาลทรายกกี่ โิ ลกรมั ประโยคสญั ลกั ษณ์ คอื 106.25 ÷ 12.50 =  วธิ ที า อุษาจา่ ยค่านา้ ตาลทรายทงั้ หมด 106.25 บาท น้าตาลทรายกโิ ลกรมั ละ 12.50 บาท ดงั นั้น อษุ าซอื้ นา้ ตาลทราย บาท= 106.25 × 10 12.5 10 = 1062.5 125 8. 5 1 2 5 )1 0 6 2 .5 1000 625 - 625 000 ตอบ 8.5 กโิ ลกรมั อธบิ าย (1) ทำตวั หารให้เปน็ จำนวนเตม็ โดยนำ 10, 100, 1000, ...... มาคูณ (2) นำ 125 ไปหาร 1,062.5 ได้ผลลพั ธ์เปน็ 8.5 การประมาณคา่ การประมาณค่าเปน็ การคาดคะเนส่งิ ตา่ ง ๆ ใกล้เคยี งกับค่าทเี่ ป็นจรงิ ซ่งึ ในชวี ติ ประจำวนั เรามักจะพบกบั การประมาณคา่ อย่เู สมอ เชน่ ระยะทาง น้ำหนัก ราคา ความสูง ฯลฯ สำหรับการประมาณค่าอาจเป็นจำนวนเต็มที่ใกลเ้ คยี งท่สี ุด

การประมาณคา่ เปน็ ทศนิยม การประมาณค่าทต่ี อ้ งการใหล้ ะเอยี ดมากยิ่งขนึ้ เราจะประมาณค่าเปน็ ทศนยิ ม การประมาณค่าโดยการปัดเศษ 1. จำนวนเต็ม 1) การปัดเศษ เป็นจำนวนเต็มสบิ (พิจารณาตัวเลขหลักหน่วย ถา้ นอ้ ยกวา่ 5 ให้ตัดทงิ้ ต้ังแต่ 5 ขนึ้ ไป ปัดขึน้ ) เช่น 2.891 จะไดค้ ่าประมาณ 2,890 (1 < 5 จึงปดั ท้ิง) 2) การปดั เศษ เป็นจำนวนเต็มรอ้ ย (พิจารณาตวั เลขหลกั สิบ ถ้านอ้ ยกวา่ 50 ให้ตัดทงิ้ ตั้งแต่ 50 ข้นึ ไป ปดั ข้นึ ) เชน่ 2,891 จะได้ค่าประมาณ 2,900 (90 > 50 จึงปดั ข้ึน) 3) การปดั เศษ เปน็ จำนวนเต็มพนั (พิจารณาตัวเลขหลักร้อย) เชน่ 2,891 จะได้คา่ ประมาณ 3,000 (800 > 500 จงึ ปดั ขึ้น) 2. ทศนิยม 1) การปดั เศษ เป็นจำนวนเต็ม (พิจารณาทศนยิ มนยิ มตำแหน่งท่หี นึ่ง ถ้าน้อยกว่า .5 ให้ตัดทง้ิ ตั้งแต่ .5 ขนึ้ ไปให้ปดั ข้ึน) เชน่ 15.121 จะได้คา่ ประมาณ 15 (.1 < .5 จึงตดั ทง้ิ ) 2) การปดั เศษ เป็นทศนิยมหน่ึงตำแหนง่ (พจิ ารณาทศนยิ มตำแหน่งท่ี 2 ถ้าน้อยกว่า 0.05 ให้ตัดท้ิง ตงั้ แต่ 0.05 ข้นึ ไปใหป้ ดั ขน้ึ ) เช่น 22.152 จะได้ค่าประมาณ 22.2 (ทศนยิ มตำแหน่งที่ 2 = .05 จงึ ปัด 0.15 เปน็ .2) 3) การปัดเศษ เป็นทศนิยมสองตำแหน่ง (พจิ ารณาทศนิยมตำแหน่งที่ 3 ถ้าน้อยกวา 0.005 ใหต้ ดั ทิง้ ต้งั แต่ 0.005 ขนึ้ ไปใหป้ ัดขึ้น) เช่น 26.168 จะได้ค่าประมาณ 26.17 (.008 > .005 จงึ ปัด .16 เปน็ .17)

ใบงานที่ 1 (2) 15.2 × 3.1 = 3.1 ×  จงหาคำตอบตอ่ ไปนี้ (4) 3.5 × 1.3 × 1.6 =  (1) 3.9 × 1.5 =  × 3.9 (3) 20.3 × 1.2 =  × 20.3 (6) 16.8 × 1.8 × 1.5 =  (5) 11.6 × 2.2 × 1.5 =  7. จงเขยี นคำอา่ นของทศนิยมต่อไปน้ี (1) 0.8 (2) 0.32 (3) 0.145 (4) 2.579 8. จงเขยี นเป็นทศนิยม (1) สามจดุ เจ็ดแปด (2) ห้าสบิ สองจดุ หนึ่งสี่สาม (3) ศนู ยจ์ ุดศูนย์เก้า (4) หกจดุ เก้าหนึง่ สี่ 9. จงเตมิ เครื่องหมาย > หรอื < หรือ = ระหวา่ งจำนวนต่อไปนี้ (1) 0.8  0.2 (2) 0.75  0.74 (3) 0.8  0.79 (4) 0.4  0.61 (5) 0.6  0.9 (6) 0.93  0.39 (7) 0.5  0.50 (8) 0.90 0.9 10. จงเรียงลำดบั จากมากไปหาน้อย (1) 3.19 6.27 6.23 8.34 (2) 8.99 9.07 8.09 5.31 8.07 (3) 3.02 3.20 3.12 3.21 3.11 11. จงเขียนทศนยิ มตอ่ ไปน้ใี นรปู กระจาย (1) 0.56 (2) 0.38 (3) 3.19 (4) 8.07 12. จงแปลงเป็นเศษสว่ น (1) 0.3 (2) 0.9 (3) 0.75 (4) 0.01 (5) 0.13

13. จงเตมิ ทศนยิ มทีท่ ำใหป้ ระโยคเปน็ จรงิ (1) 0.8 + 0.9 = 0.9 +  (2) 0.4 +  = 0.3 + 0.4 (3) 2.6 + (2.4 + 0.8) = (2.6 + ) + 0.8 (4) (4.53 + 1.02) + 2.98 =  + (1.02 + 2.98) 14. จงหาผลบวก (1) 0.4 + 0.5 (2) 2.7 + 5.1 (3) 0.32 + 0.45 (4) 0.93 + 0.89 (5) 2.74 + 9.67 15. จงหาผลลบ (1) 0.76 – 0.11 (2) 0.82 – 0.19 (3) 0.7 – 0.5 (4) 5.3 – 2.4 (5) 0.15 – 0.04 16. จงเขยี นเป็นประโยคสญั ลักษณ์ แสดงวิธที ำ แลว้ หาคำตอบ (1) เชือกเสน้ หนึ่งยาว 10.2 เมตร ตดั ออก 2.8 เมตร เหลอื เชือกทยี่ งั ไม่ได้ตัดก่ีเมตร (2) ซ้อื แป้งมันถงุ หนึ่ง หนัก 1.5 กิโลกรมั อกี ถุงหนง่ึ หนกั 1.6 กิโลกรมั แปง้ มันท้งั สองถุงหนกั รวมกันเท่าไร (3) ปยิ วุฒิสูง 141.5 เซนตเิ มตร ปรีชาสูงกวา่ ปิยวฒุ ิ 15.5 เซนตเิ มตร อยากทราบวา่ ปรีชาสงู เทา่ ไร (4) ไมแ้ ผ่นทหี่ น่งึ ยาว 2.56 เมตร ไม้แผน่ ทส่ี องยาว 2.39 เมตร อยากทราบวา่ ไม้แผน่ ใดยาวกวา่ กัน และยาวกว่าเท่าไร

ใบงานท่ี 2 ให้แสดงวิธที ำและหาคำตอบ 1. 12.16 ÷ 4 =  2. 64.4 ÷ 7 =  3. 18.08 ÷ 16 =  4. 6.05 ÷ 1.21 =  5. 18.54 ÷ 0.9 =  6. 437 ÷ 9.2 =  7. 8,379 ÷ 11.4 =  8. 653.73 ÷ 12 =  9. 729 ÷ 8.4 =  10. 323.55 ÷ 1.24 =  11. มีเงนิ 213 บาท ซื้อเส้ือฝากลกู ได้ 6 ตัว เสอ้ื ราคาตัวละเท่าไร 12. รถบรรทุกทรายคนั หน่ึงจุทราย 4.2 คิว (ลูกบาศกเ์ มตร) ถา้ ใช้รถเขน็ บรรทุกทรายไดเ้ ที่ยวละ 0.35 ควิ จะต้องใช้รถเข็นบรรทกุ ทรายก่ีเท่ยี วจึงจะหมด 13. สุชาดาซื้อผา้ มา 11.55 เมตร ตัดเสื้อได้ 7 ตัว อยากทราบว่าเส้ือ 1 ตัว ใช้ผา้ กเ่ี มตร 14. ถนนสายหนงึ่ ยาว 10.64 กโิ ลเมตร ลาดยางไดว้ ันละ 0.76 กโิ ลเมตร ต้องใช้เวลานานเท่าไรจึงจะลาดยางเสรจ็

แผนการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ กลุ่มสาระความรูพ้ ้นื ฐาน รายวชิ า คณิตศาสตร์ พค11001 ระดับประถมศกึ ษา แผนการจดั การเรียนรเู้ ร่อื งที่ 5 ร้อยละ เวลา 6 ช่วั โมง สอนวนั ที่ …….…… เดอื น...............พ.ศ.................... ภาคเรียนท่ี..............ปกี ารศึกษา.................. มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดับ ความรูค้ วามเข้าใจในการเรียนวิชาคณติ ศาสตร์ พค11001 ระดบั ประถมศึกษา เกีย่ วกบั รายละเอยี ดคำอธบิ ายรายวชิ ากจิ กรรมการเรยี นการสอนข้อตกลงและข้นั ตอนการปฏบิ ัติกจิ กรรมให้เป็นไปตา มวัตถุประสงค์การเรียนรูเ้ พื่อให้ผเู้ รยี นบรรลผุ ลตามทคี่ าดหวงั และช่วยใหก้ จิ กรรมการเรียนการสอนมปี ระสิทธิภาพ ตวั ช้วี ัด 1.เขยี นเศษส่วนท่มี ีตัวสว่ นเป็น 100 ให้อยใู่ นรูปร้อยละ และใช้สญั ลักษณเ์ ปอร์เซ็นต์ (%) 2.หาค่าเศษส่วน และเขยี นร้อยละหรือเปอร์เซน็ ต์ให้อยู่ในรูปของเศษสว่ น 3.แก้โจทยป์ ญั หาการคูณ การหาร (บญั ญตั ิไตรยางศ์) ของจำนวนนบั และนำไปประยกุ ต์ใช้ สาระการเรียนรู้ ร้อยละ 1. มีความคิดรวบยอดเกี่ยวกับร้อยละได้ 2. อา่ น เขยี น และยกตัวอยา่ งเกีย่ วกบั ร้อยละได้ 3. เปรียบเทยี บจำนวนรอ้ ยละตา่ ง ๆ ได้ 4. บวก ลบ คูณ หาร และแก้โจทย์ปัญหาเกย่ี วกบั ร้อยละได้ เน้ือหา 1.ความหมายของร้อยละ 2.ความสมั พนั ธ์ระหว่างเศษส่วนและรอ้ ยละ 3. โจทย์ปญั หา การคูณ การหาร (บัญญัติไตรยางศ์ และการประยกุ ต์)

กระบวนการจัดการเรยี นรู้ 1.ข้นั กำหนดสภาพปญั หาความตอ้ งการในการเรยี นรู้ 1.ครูและผเู้ รยี นรว่ มกนั กำหนดการเรยี นรใู้ นเรื่องตอ่ ไปนี้ - ทศนยิ ม - ใหผ้ เู้ รยี นทำกิจกรรมตามใบงาน ขน้ั ที่ 2 แสวงหาขอ้ มลู และจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ครผู เู้ รียนรว่ มกันกำหนดกรอบเนือ้ เกย่ี วกบั การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง การใช้แหล่งเรียนรู้ การใชแ้ หลง่ เรียนรรู้ วมทงั้ การจัดการความรู้ ตามทีเ่ รยี นรู้คร้ังทีแ่ ล้ว ขน้ั ที่ 3 การปฏบิ ัตแิ ละการนำไปใช้ 1.ครูและผู้เรียนสรุปสาระสำคัญและนำความรทู้ สี่ อดคลอ้ งกับวิถีชวี ติ ไปเป็นแนวทางในการดำเนนิ ชวี ิต 2.จดั ทำเป็นรูปเลม่ รายงานจัดนิทรรศการและอภปิ รายรว่ มกนั ขัน้ ท่ี 4 การประเมินผลการเรียนรู้ 1 ครแู ละผเู้ รยี นสรปุ สาระสำคัญตามมาตรฐานการเรียนรู้ 2 .ซกั ถาม 3. แบบประเมิน ขน้ั ที่ ๕ มอบหมายงาน/กจิ กรรมการเรยี นร้ใู นสปั ดาห์ตอ่ ไป 1. มอบหมายงานการเรยี นรใู้ นหนว่ ยการเรียนร/ู้ กจิ กรรมในสัปดาหต์ ่อไป 2. ผูเ้ รยี นนำผลการเรียนรทู้ ่ไี ด้รบั ไปบนั ทึกในคู่มือผูเ้ รยี น/สมดุ บนั ทึก 3. ครบู ันทึกความคดิ เหน็ หลงั การจัดกิจกรรมการพบกลุ่ม สื่อและแหล่งเรยี นรู้ - ปฏิทนิ การเรียนรู้ – ใบความรู้ – ใบงาน –แบบทดสอบ -แบบบันทึกข้อมูลกล่มุ การวัดและประเมนิ ผล 1. สังเกตกระบวนการมีส่วนร่วม 2. ผลงานจากการเข้าร่วม 3. บนั ทกึ ข้อตกลง

ใบความรู้ เร่อื ง รอ้ ยละ ความหมายของร้อยละ ร้อยละ หมายถึง ตอ่ ร้อย หรอื สว่ นรอ้ ย เปน็ การแสดงจำนวนของส่งิ ต่าง ๆ ทีเ่ ทียบมาจาก 100 สว่ น เชน่ มะนาวราคาร้อยละ 200 หมายถงึ มะนาวรอ้ ยผล ราคา 200 บาท คำวา่ รอ้ ยละมาจากภาษาอังกฤษวา่ เปอรเ์ ซ็นต์ ซงึ่ เราอาจเรียกทับศัพท์ว่า เปอร์เซน็ ต์และใชส้ ญั ลกั ษณ์ % แทนได้ เช่น ร้อยละ 3 อาจใชอ้ กี อย่างว่า 3 เปอร์เซน็ ต์ หรอื 3% จะเลือกใชอ้ ยา่ งใดอย่างหนงึ่ ก็ได้ แตจ่ ะไม่ใชร้ อ้ ยละ และ % ในเลขจำนวนเดยี วกัน เรอ่ื งของร้อยละหรือเปอรเ์ ซ็นต์นี้ สามารถใชไ้ ด้กบั เร่อื งอ่ืน ๆ เช่น 1. นกั ศึกษาผใู้ หญ่ระดบั ประถมศึกษา สอบไดร้ ้อยละ 99 ของนักศึกษาท้ังหมด หมายความว่า ถ้านกั ศึกษาผใู้ หญ่ระดับประถมศกึ ษา มี 100 คน จะสอบได้ 99 คน 2. ประชาชนท่ีมอี าชีพทำนา 5% ของพลเมืองทัง้ ประเทศ หมายความวา่ ถ้าพลเมืองท้ังประเทศ มี 100 คน จะมอี าชีพทำนา 5 คน 3. ผู้ใหญส่ ุขเลย้ี งลกู หมรู อดเพยี ง 5% ของลกู หมูทัง้ หมด หมายความวา่ ถ้าผใู้ หญ่สุขมีลูกหมู 100 ตัว จะเลีย้ งรอดเพยี ง 5 ตวั ความสมั พนั ธ์ระหวา่ ง ร้อยละ เศษสว่ น และทศนยิ ม การเขยี นเศษส่วนให้เปน็ รอ้ ยละ โดยใช้เคร่ืองหมาย % เมอื่ ตวั สว่ นเป็น 100 เรานำตัวเศษมาเขียน แลว้ เตมิ % เช่น 44 = 44 % (1) 100 23 = 23% (2) 100 เมอ่ื ตัวส่วนเปน็ จำนวนใด ๆ ใหท้ ำตัวส่วนให้เป็น 100 ก่อนแลว้ จงึ นำเศษมาเขยี นแล้ว เตมิ % เชน่ 6 6 10 60 60 % (1) 10 = 10 10 = 100 = 10 10 10 100 (2) 10 = 10 10 = 100 = 100 %

7 75 35 35 % 58 % (3) 20 = 20  5 = 100 = 29 29  5 58 (4) 50 = 50  2 = 100 = การเขียนรอ้ ยละ ใหเ้ ปน็ เศษสว่ นอย่างตำ่ เราทำไดโ้ ดยแปลงร้อยละทมี่ เี ครื่องหมาย % ให้เป็นเศษสว่ นทีม่ ีส่วนเปน็ 100 แล้วจึงทำให้เป็นเศษส่วนอยา่ งตำ่ (ถ้าทำได้) ดงั ตัวอย่าง (1) 25 % = 25 =1 (2) 45% (3) 30% 100 4 (4) 60% = 45 =9 100 20 = 30 =3 100 10 = 60 =2 100 5 การเขียนรอ้ ยละใหเ้ ปน็ ทศนิยม เราสามารถเขยี นร้อยละใหเ้ ป็นเศษสว่ นที่มตี ัวสว่ นเปน็ 100 ได้ ดงั น้นั จงึ สามารถเขียนใหอ้ ยู่ในรูปของทศนยิ มได้ง่าย ดังตวั อย่าง (1) 27% = 27 = 0.27 = 0.2 = 0.20 (2) 20% 100 การเขยี นทศนยิ มให้เปน็ ร้อยละ = 20 100 ทำได้โดยการเปล่ียนทศนยิ มให้เป็นเศษสว่ นแล้วทำให้เป็นเศษส่วนทม่ี ตี ัวสว่ นเป็น 100 แล้วจึงเขียนให้อย่ใู นรูปของร้อยละ ดงั ตวั อยา่ ง (1) 0.32 = 32 = 32% (2) 0.08 (3) 0.5 100 = 8% =8 = 5×10 = 50 = 50% 10×10 100 100 =5 10

รอ้ ยละเก่ียวกับการซื้อขาย ในการซื้อขายสงิ่ ต่าง ๆ ควรรู้จกั คำตา่ ง ๆ ทใี่ ช้เกยี่ วกับการซอ้ื ขายหลายคำด้วยกัน เชน่ ราคาทนุ หรือราคาซื้อ หรอื ลงทุน คอื ราคาทีซ่ ้ือส่ิงของเหลา่ นน้ั มา ราคาขาย คอื ราคาของทข่ี ายไปอาจจะราคามากกวา่ หรอื น้อยกวา่ หรือเทา่ กับราคาทนุ ก็ได้ ขาดทนุ คือ จำนวนเงินที่ขายของได้น้อยกวา่ ราคาทนุ หรือราคาของที่ซ้ือมา กำไร คือ จำนวนเงนิ ที่ขายของไดม้ ากกว่าราคาทนุ หรอื ราคาของที่ซอื้ มา อัตรากำไร หรอื ขาดทุน คือ จำนวนกำไรหรอื ขาดทุน ท่คี ิดเทียบจากการลงทุน 100 บาท ราคาทนุ = ราคาขาย – กำไร ราคาขาย = ราคาทนุ + กำไร กำไร = ราคาขาย – ราคาทุน ขาดทนุ = ราคาทุน – ราคาขาย เช่น 1. พอ่ ค้าขายเสื้อได้กำไร 5% หมายความว่า ถา้ พ่อค้าซื้อเส้ือมาราคา 100 บาท ขายไดก้ ำไร 5 บาท แสดงว่า พอ่ ค้าขายเสื้อไป 100 + 5 = 105 บาท 2. ขายกางเกงขาดทนุ 8% หมายความวา่ ถ้าซือ้ กางเกงมา 100 บาท ขายขาดทุน 8 บาท แสดงว่า ขายกางเกงเพยี ง 100 – 8 = 92 บาท 3. ขายส้มได้กำไร 20% หมายความว่า ถ้าซือ้ ส้มราคา 100 บาท ขายไดก้ ำไร 20 บาท แสดงว่า วา่ ขายส้มได้เงนิ 100 + 20 = 120 บาท

การหาอตั รากำไรและอตั ราขาดทนุ การหาอัตรากำไร และอตั ราขาดทนุ หมายถงึ การเทยี บเพ่ือหาว่าถา้ ลงทุน 100 บาท จะได้กำไรหรือขาดทนุ ก่บี าท ซ่ึงเทียบมาจากราคาทุน และจำนวนกำไรหรือขาดทนุ จริง ๆ ในการซ้ือขายสินค้าที่จะพบในชีวติ ประจำวนั การคดิ อัตรากำไรหรือขาดทนุ จะต้องคิดจากทนุ 100 เสมอ ตัวอย่าง ซอ้ื ทุเรียนมาราคาผลละ 80 บาทขายไป 100 บาท ได้กำไรรอ้ ยละเท่าไร วิธที ำ ขายทเุ รยี นราคา 100 บาท ซอ้ื ทเุ รยี นมาราคา 80 บาท ไดก้ ำไร 100 – 80 = 20 บาท ซอ้ื ทุเรยี นมาราคา 80 บาท ขายไปไดก้ ำไร 20 บาท ” 1 บาท ” 20 บาท ” 100 บาท ” 80 ดังนน้ั ขายทเุ รยี นไดก้ ำไรรอ้ ยละ 25 ตอบ 25 % 20 100 บาท = 25 บาท 80

ใบงานท่ี 1 จงหาผลลพั ธต์ ่อไปนี้ (1) จำนวนนักศึกษาผ้ใู หญท่ ่จี ะต้องใช้สทิ ธเ์ิ ลือกตั้งประธานนักศึกษามี 800 คน มีนักศึกษาไปใช้สทิ ธิ์ 720 คน นักศึกษาไปใชส้ ทิ ธ์ริ อ้ ยละเทา่ ไร (2) อรทัยกู้เงินจากธนาคารเป็นเงิน 30,000 บาท เม่ือครบ 1 ปี เสียดอกเบ้ีย 3,000 บาท ธนาคารคดิ ดอกเบย้ี ร้อยละเท่าไรตอ่ ปี (3) บริษทั แหง่ หนึ่งมีพนักงาน 500 คน เป็นพนกั งานชาย 450 คน นอกน้นั เป็นพนักงานหญงิ มพี นกั งานชายรอ้ ยละเท่าไร (4) ร้านขายเทปแห่งหนึ่งมเี ทป 120 ตลับ ขายไป 90 ตลบั ขายเทปไดร้ ้อยละเทา่ ไร (5) สดุ าจองบ้านพรอ้ มท่ีดนิ ราคา 400,000 บาท จะตอ้ งเสยี ค่ามดั จำ 152,000 บาท สุดาเสียค่ามดั จำร้อยละเท่าไร จงบอกความหมายของอัตรากำไรและขาดทนุ (1) สุดาขายกระเป๋าได้กำไร 15% หมายความวา่ .......................................................................... (2) อุษาขายตเู้ ย็นขาดทุน 10% หมายความว่า ................................................................................. (3) อุดมขายรถจักรยานได้จักรยานไดก้ ำไร 6% หมายความว่า ...................................................... (4) ศักดาขายรถยนต์ขาดทนุ ร้อยละ 5 หมายความวา่ ..................................................................... (5) วริ ชั ขายหมไู ดก้ ำไรรอ้ ยละ 30 หมายความว่า ........................................................................... จงหาผลลัพธต์ อ่ ไปน้ี (1) ซือ้ ดินสอมาราคาโหลละ 60 บาท ขายไปไดเ้ งนิ 75 บาท จะได้กำไร หรือขาดทนุ รอ้ ยละเทา่ ไร (2) ซื้อกางเกงมาราคาตัวละ 200 บาท ขายไปไดเ้ งนิ 250 บาท จะไดก้ ำไร หรือขาดทุนร้อยละเท่าไร (3) ซือ้ เสอื้ มาราคาตัวละ 150 บาท ขายไปไดเ้ งนิ 120 บาท จะไดก้ ำไร หรือขาดทนุ ร้อยละเท่าไร (4) กานดาซื้อกระเปา๋ ใบหนง่ึ ราคา 400 บาท ขายไป 460 บาท จะได้กำไรร้อยละเท่าไร (5) ซอ้ื ท่ดี ินแปลงหนึ่งราคา 400,000 บาท ขายไป 350,000 บาท ขาดทนุ ร้อยละเท่าไร

บันทกึ หลงั สอน 1. ปัญหาหรอื อุปสรรคในการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………………… 2. แนวทางการแก้ปญั หาหรืออุปสรรค ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………………… 3. การปรับปรงุ แผนการจดั ประสบการณ์การเรยี นรเู้ รอ่ื งการปฐมนิเทศ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………………… ลงช่อื …………………………………………………… (…………………..………………………………) ตำแหนง่ .................................................... ความคิดเหน็ ของผูน้ ิเทศทไ่ี ดร้ ับมอบหมายจากผบู้ รหิ าร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………………… ลงชอื่ ………………………………………………..…… (...........................................................) ตำแหนง่ ....................................................... ความคิดเห็นของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………….………………………………………………………..………………………………………………………………… …………………………………………………………………………….……………………………………………..……………………………………… ลงชอ่ื ………………………………………………..…… (.............................................................) ตำแหน่ง………………………………………………..


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook