Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า

กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า

Published by a_o_m.encouragement, 2022-08-25 07:03:50

Description: กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า สื่อการสอนวิชาภาษาไทย
ประกอบด้วย ประวัติผู้แต่ง ลักษณะคำประพันธ์ เรื่องย่อ
และการถอดคำประพันธ์ของนิราศภูเขาทอง
คุณครูอัจจิมา เผ่าจินดา
โรงเรียนห้วยทรายประชาสรรค์

Search

Read the Text Version

อจั จิมา เผ่าจนิ ดา โรงเรียนหว้ ยทรายประชาสรรค์

ความเป็นมา จากบทกวีนิพนธเ์ รือ่ ง Elegy Writen in a Country Churchyard ของ ทอมสั เกรย์ (Thormas Gray) กวีอังกฤษ ส่อื การสอนวิชาภาษาไทย ครอู จั จมิ า เผ่าจินดา

ประวัติผูแ้ ต่ง ทอมสั เกรย์ (Thormas Gray) กวีองั กฤษ ญาติและเพื่อนเสียชีวิต ในเวลาใกลเ้ คียงกัน สอ่ื การสอนวิชาภาษาไทย ครูอัจจิมา เผ่าจนิ ดา

ประวตั ิผู้แตง่ เสถียรโกเศศ (พระยาอนุมานราชธน) แปลจาก “ภาษาอังกฤษ” เปน็ “ภาษาไทย” ส่อื การสอนวิชาภาษาไทย ครูอจั จิมา เผา่ จนิ ดา

ประวตั ิผู้แตง่ ตรี นาคะประทีป (พระสารประเสริฐ) แตง่ “บทนาเรื่อง” “บทกถามุข” ส่อื การสอนวิชาภาษาไทย ครอู จั จิมา เผ่าจนิ ดา

ประวัติผแู้ ตง่ พระยาอปุ กิตศิลปสาร (นิม่ กาญจนาชีวะ) แตง่ “กลอนดอกสรอ้ ย” สอ่ื การสอนวิชาภาษาไทย ครอู ัจจิมา เผา่ จนิ ดา

ดดั แปลงเนือ้ หาใหเ้ ขา้ กับความเป็นไทย ต้นไอวี (Ive) เถาวลั ย์ ส่อื การสอนวิชาภาษาไทย ครอู จั จิมา เผ่าจนิ ดา

ดัดแปลงเนือ้ หาให้เขา้ กบั ความเปน็ ไทย ตน้ โพธ์ิ ตน้ เอลม์ (Elm) ตน้ ไทร ส่อื การสอนวิชาภาษาไทย ครูอัจจิมา เผ่าจนิ ดา

ดัดแปลงเนื้อหาให้เข้ากับความเปน็ ไทย แมลงบีตเทิล (Beetel) จงิ้ หรีดเรไร ส่อื การสอนวิชาภาษาไทย ครูอจั จิมา เผา่ จนิ ดา

ดดั แปลงเนือ้ หาให้เขา้ กบั ความเป็นไทย จอห์น แฮมพเ์ ดน็ (John Hampden) จอห์น มิลตนั (John Milton) (นักการเมอื งทมี่ ีชื่อเสียง) (กวีเอกของอังกฤษ) ชาวบ้านบางระจนั ศรีปราชญ์ ส่อื การสอนวิชาภาษาไทย ครูอัจจิมา เผา่ จินดา

ประวตั ิผแู้ ตง่ ทอมัส เกรย์ (Thormas Gray) เสถียรโกเศศ ตรี นาคะประทีป พระยาอปุ กติ ศิลปสาร (พระสารประเสริฐ) (นิ่ม กาญจนาชีวะ) กวีองั กฤษ (พระยาอนุมานราชธน) สอ่ื การสอนวิชาภาษาไทย ครูอัจจมิ า เผา่ จินดา

ลกั ษณะคาประพันธ์ กลอนดอกสร้อย สอ่ื การสอนวิชาภาษาไทย ครอู จั จิมา เผา่ จนิ ดา

แผนผังกลอนดอกสรอ้ ย เอย๋ เอย ส่อื การสอนวิชาภาษาไทย ครอู จั จิมา เผา่ จินดา

ตัวอยา่ งกลอนดอกสร้อย นกเอ๋ยนกแสก จบั จ้องรอ้ งแจ๊กเพียงแถกขวัญ อย่บู นยอดหอระฆังบังแสงจันทร์ มีเถาวัลยร์ ุงรังถึงหลังคา เหมือนมนั ฟ้องดวงจนั ทร์ให้ผนั ดู คนมาสูซ่ อ่ งพักมันรักษา ถือเป็นที่รโหฐานนมนานมา ให้เสื่อมผาสุกสนั ตข์ องมนั เอย ส่อื การสอนวิชาภาษาไทย ครูอจั จิมา เผา่ จนิ ดา

เรื่องย่อ ในเวลาเย็นใกล้ค่าชายผู้หนึ่งเข้าไปนั่งอยู่ในวัดชนบทแห่งหนึ่ง ที่มีแต่ความเงียบสงบ เมื่อได้ยินเสียงระฆังย่าบอกเวลาใกล้ค่า เขาเห็นชาวนาพากันจูงวัวควายเดินทางกลับบ้าน เมื่อสิ้นแสงตะวัน ได้ยินเสียงหรีดหริ่งเรไรและเสียงเกราะในคอกสตั ว์ สอ่ื การสอนวิชาภาษาไทย ครอู จั จิมา เผา่ จนิ ดา

เรือ่ งย่อ นกแสกที่จับอยู่บนหอระฆังก็ส่งเสียงร้อง ณ บริเวณโคนต้นโพธิ์ ต้นไทรนั้นเอง มีหลุมฝังศพต่าง ๆ อยู่มากมาย ความเงียบสงบ และความวิเวกก่อให้เกิดความรู้สึกซาบซึ้งในสัจธรรมของชีวิต ท่านผู้น้ันจึงราพึงราพันออกมาเป็นบทกวีว่า แม้ผู้ดีมีจน นาย ไพร่ นักรบ กษัตริย์ ตา่ งก็มีจุดจบคือความตายเหมือนกนั สอ่ื การสอนวิชาภาษาไทย ครูอัจจิมา เผ่าจนิ ดา

แนวคิดหลัก ความไม่เที่ยงแทข้ องชีวิต “ไม่มีผใู้ ดหลีกหนีความตายได้” ความเรียบง่ายคือความสุข (อยา่ ยึดติด) ส่อื การสอนวิชาภาษาไทย ครูอจั จมิ า เผา่ จินดา

กลอนดอกสร้อยราพึงในป่าช้า กถามุข ดังได้ยินมา สมัยหนึ่ง ผู้มีชื่อต้องการความวิเวก, เข้าไปนั่งอยู่ ณ ที่สงัด ในวัดชนบท เวลาตะวันรอนๆ, จนเสียงระฆังย่าบอกสิ้นเวลาวัน ฝูงโคกระบือ และพวกชาวนาพากันกลับ ที่อยู่เป็นหมู่ๆ. เมื่อสิ้นแสงตะวันแล้ว ได้ยินแต่เสียงจังหรีดเรไรกับเสียงเกราะในคอกสัตว์. นกแสกจับอยู่บนหอระฆังก็ร้องส่งสาเนียง. ณ ที่น้ันมีต้นไทรต้นโพธ์ิสูงใหญ่ ใต้ต้นล้วนมีเนินหญ้า กล่าวคือที่ฝังศพต่างๆ อันแลเห็นด้วยเดือนฉาย. ศพในที่เช่นนั้นก็เป็นศพชาวไร่ชาวนาน่ันเอง. ผู้นั้นมีความรู้สึกซึ้งเยือกเย็นใจอย่างไร แล้วราพึงในหมู่ศพ จึงเขียนความในใจน้ันออกมาสู่กัน ดังต่อไปน้ี

กลอนดอกสร้อยราพึงในป่าช้า วังเอย๋ วงั เวง หงา่ งเหง่ง!ย่าคา่ ระฆงั ขาน ฝงู วัวควายผ้ายลาทิวากาล ค่อยคอ่ ยผา่ นท้องทุ่งมุง่ ถิน่ ตน ชาวนาเหนื่อยออ่ นต่างจรกลับ ตะวนั ลบั อับแสงทกุ แห่งหน ทิ้งทุ่งให้มืดมวั ทว่ั มณฑล และทิ้งตนตูเปลีย่ วอยเู่ ดียวเอย ถอดความ เสียงระฆังดังหง่างเหง่ง ในเวลาใกล้ค่าท่าให้เกิดความวังเวง ฝูงวัวควาย ก็เคลื่อนจากท้องทุ่งเพือกลับถินของมัน ฝ่ายชาวนาทีเหนือยอ่อนจากการท่างาน ก็กลับทีอยู่ของตน ตะวันลับขอบฟ้าไม่มีแสงสว่าง ท่าให้ท้องทุ่งมืดมิดและทิ้งให้ ข้าพเจ้าอย่เู พียงผู้เดียว

กลอนดอกสรอ้ ยราพึงในป่าชา้ วงั เอย๋ วงั เวง หง่างเหงง่ !ย่าคา่ ระฆังขาน ฝูงวัวควายผา้ ยลาทิวากาล ค่อยค่อยผ่านทอ้ งทงุ่ มุง่ ถิน่ ตน ชาวนาเหนือ่ ยออ่ นตา่ งจรกลับ ตะวันลับอบั แสงทุกแหง่ หน ทิ้งทุง่ ใหม้ ืดมัวท่ัวมณฑล และทิง้ ตนตเู ปลี่ยวอยเู่ ดียวเอย บรรยากาศมืดมวั อ้างวา้ งในจิตใจ ตะวัน ซึง่ ไม่มีชีวิต แสดงอากปั กิริยาไดเ้ หมือนสิ่งมีชีวิต คือทิง้ ทุ่งนาและทิง้ คนคนหนึง่ ให้เดียวดาย

กลอนดอกสร้อยราพึงในป่าชา้ ยามเอย๋ ยามนี้ ปถพีมืดมวั ท่วั สถาน อากาศเย็นเยือกหนาวคราววกิ าล สงดั ปานปา่ ใหญไ่ ร้สาเนียง มีก็แตเ่ สียงจงั หรีดกระกรีดกริง่ ! เรไรหริง่ ! ร้องขรมระงมเสียง คอกควายววั รัวเกราะเปาะเปาะ! เพียง รวู้ า่ เสียงเกราะแวว่ แผ่วแผ่วเอย ถอดความ ในเวลาน้ีทัวแผ่นดินมืดมิด อากาศหนาวเย็น เพราะเป็นเวลากลางคืน ป่าใหญ่แห่งน้ีเงียบสงัด มีแต่เสียงจิ้งหรีดเรไรร้องระงม และก็ได้ยินเสียงเกราะรัว จากคอกวัวควายดังแว่วมาแต่ไกล

กลอนดอกสร้อยราพึงในปา่ ชา้ ยามเอ๋ยยามนี้ ปถพีมืดมัวท่วั สถาน อากาศเย็นเยือกหนาวคราววิกาล สงดั ปานป่าใหญไ่ ร้สาเนียง มีกแ็ ตเ่ สียงจงั หรีดกระกรีดกริง่ ! เรไรหริ่ง! รอ้ งขรมระงมเสียง คอกควายวัวรัวเกราะเปาะเปาะ! เพียง รู้วา่ เสียงเกราะแว่วแผ่วแผ่วเอย สัทพจน์ คือ การเลียนเสียงธรรมชาติ เพื่อให้ผู้อ่านรับรู้บรรยากาศ ของเรื่องได้ชดั เจนมากขึน้ จิตนาการถึงเสียงที่ไดย้ ิน จากเรืองคือเสียงจิ้งหรีดร้องระงม เสียงรัวเกราะในคอกวัวควายดังเปาะ เปาะ! เปาะเปาะ! แว่วมาแผ่วๆ ท่าให้เกิดอารมณ์เหงาและวังเวง

กลอนดอกสร้อยราพึงในปา่ ชา้ นกเอย๋ นกแสก จับจอ้ งร้องแจ๊กเพียงแถกขวญั อยู่บนยอดหอระฆงั บงั แสงจนั ทร์ มีเถาวัลยร์ ุงรังถึงหลงั คา เหมือนมนั ฟ้องดวงจนั ทรใ์ หผ้ ันดู คนมาสู่ซ่องพกั มนั รักษา ถือเป็นที่รโหฐานนมนานมา ใหเ้ สื่อมผาสุกสนั ตข์ องมันเอย ถอดความ เสียงนกแสกร้องข้ึนมาท่าให้เสียขวัญ นกแสกจับอยู่บนหอระฆัง ทีบัง แสงจันทร์และมีเถาวัลย์พันถึงหลังคา เหมือนกับมันจะฟ้องให้ดวงจันทร์หัน มาดูผู้คนทีมาอยู่ในทีทีมันรักษาไว้(ป่าช้า) ซึงถือเป็นที่อยู่ของมันมานาน ท่าให้มัน ไม่มีความสุข

กลอนดอกสร้อยราพึงในปา่ ช้า ต้นเอ๋ยตน้ ไทร สูงใหญ่รากยอ้ ยหอ้ ยระย้า มีเนินหญา้ ใตต้ ้นเกลื่อนกล่นไป และต้นโพธิ์พุ่มแจแ้ ผฉ่ ายา ดษุ ณีนอนราย ณ ภายใต้ ล้วนรา่ งคนในเขตประเทศนี้ เรายิง่ ใกล้หลมุ นน้ั ทกุ วันเอย แหง่ หลมุ ลึกลานสลดระทดใจ ถอดความ ต้นไทรสูงใหญ่รากย้อยห้อยระย้าและต้นโพธิ์ทีเป็นพุ่มแผ่ร่มเงาออกไป โดยรอบ ทีใต้ต้นไม้มีเนินหญ้าเปน็ ทีฝังศพคนในระแวกแถวน้ี ซึงนอนนิงอยู่เกลือน ไปหมดในหลุมลึก ดแู ล้วน่าสลดใจอย่างยิงนกั และตัวเรากใ็ กล้หลมุ น้ีเข้าไปทุกวัน

กลอนดอกสรอ้ ยราพึงในปา่ ช้า หมดเอย๋ หมดหว่ ง หมดดวงวิญญาณลาญสลาย ถึงลมเช้าชวยชืน่ รื่นสบาย เตือนนกแอ่นลมผายแผดสาเนียง อยตู่ ามโรงมงุ ฟางขา้ งข้างนัน้ ทั้งไกข่ ันแข่งดเุ หว่าระเร้าเสียง โอเ้ หมือนปลกุ ร่างกายนอนรายเรียง พ้นสาเนียงที่จะปลกุ ให้ลุกเอย ถอดความ การหมดห่วงเนืองจากดวงวิญญาณได้สลายไปแล้ว ถึงแม้ลม ยามเช้าจะพัดให้สดชืน เตือนให้นกแอ่นลมแผดร้องไปตามโรงนา ท้ังไก่และดุเหว่าร้องเสียงเหมือนปลุกร่างกายทีนอนเรียงให้ตืนข้ึน แต่พวกน้ันกลับไม่ได้ยิน

กลอนดอกสรอ้ ยราพึงในปา่ ช้า ทอดเอ๋ยทอดทิ้ง ยามหนาวผิงไฟล้อมอยพู่ ร้อมหนา้ ทิ้งเพื่อนยากแมเ่ หยา้ หาข้าวปลา ทุกเวลาเชา้ เยน็ เปน็ นิรันดร์ ทิง้ ท้ังหนูน้อยนอ้ ยรอ่ ยรอ่ ยรบั เหน็ พ่อกลับปลื้มเปรมเกษมสนั ต์ เข้ากอดคอฉอเลาะเสนาะกรรณ สารพันทอดทิ้งทุกสิ่งเอย ถอดความ ยามหน้าหนาวเคยนังผิงไฟอยู่พร้อมหน้ากันแต่กลับมาทิ้งกัน ท้ังเพือนยาก แม่เรือนทีเคยหุงข้าวให้ ท้ังลูกทีเคยกอดพ่อด้วยความดีใจ เมือเราตายจากไปกต็ ้องทิ้งทกุ สิงทกุ อย่าง

กลอนดอกสรอ้ ยราพึงในป่าชา้ กองเอ๋ยกองขา้ ว กองสูงราวโรงนายิง่ นา่ ใคร่ เกิดเพราะการเกบ็ เกี่ยวดว้ ยเคียวใคร ใครเล่าไถคราดพืน้ ฟืน้ แผน่ ดิน เช้ากข็ ับโคกระบือถือคนั ไถ สาราญใจตามเขตประเทศถิน่ ยึดหางยามยกั ไปตามใจจินต์ หางยามผินตามใจเพราะใครเอย ถอดความ เห็นกองข้าวสูงราวกับโรงนา ช่างน่ายินดียิงนัก กองข้าวน้ีเกิดเพราะ การเก็บเกียวด้วยเคียวของใคร ใครเป็นคนไถคราดพลิกฟื้นฝืนแผ่นดินน้ี ข้ึนมา เช้าก็ถือคันไถ ไล่วัวควายอย่างสบายใจอยู่ในท้องนา โดยจับหางคันไถ ไถนาตามใจของตวั เอง

กลอนดอกสร้อยราพึงในปา่ ช้า กองสงู ราวโรงนายิ่งน่าใคร่ ใครเลา่ ไถคราดพื้นฟืน้ แผน่ ดิน กองเอย๋ กองข้าว สาราญใจตามเขตประเทศถิน่ เกิดเพราะการเกบ็ เกี่ยวดว้ ยเคียวใคร หางยามผินตามใจเพราะใครเอย เช้าก็ขับโคกระบือถือคันไถ ยึดหางยามยกั ไปตามใจจินต์ ถอดความ แสดงให้เห็นถึงชาวนาชาวไร่ ผู้ทีพลิกฟื้นแผ่นดินท่าการเกษตร เลี้ยงปากท้องคนไทย แม้จะเหนือยยากเพียงใด เขาก็มีความสุขตามอัตภาพ ผู้ทีได้รับประโยชน์จากชาวไร่ชาวนาจึงควรคิดถึงบุญคุณของชาวนาผู้ยากไร้ (กล่าวถึงความสาคัญชาวนานั่นเอง)

กลอนดอกสร้อยราพึงในปา่ ช้า อยา่ บนั ดาลดลใจให้ใฝ่ฝัน และความครอบครองกันอนั ชื่นบาน ตัวเอ๋ยตัวทะยาน มีปวตั ติ์เปน็ ไปไม่วิตถาร ดูถกู กิจชาวนาสารพัน ดหู มิน่ การเปน็ อยู่เพือ่ นตเู อย เขาเปน็ สุขเรียบเรียบเงียบสงัด ขออย่าไดเ้ ย้ยเยาะพูดเราะราน ถอดความ ผู้ทีอยากมีฐานะทีสูงกว่าทีเป็นอยู่ ขออย่าได้มีการดูถูกการกระท่า ต่างๆของชาวนาและความเป็นอยู่อันชืนบานของเขา เขาอยู่กันอย่างมีความสุข อย่างเรียบง่าย โดยมีความเป็นไปไม่เกินปรกติวิสัยของมนุษย์ ขอจงอย่าไป พดู จาเยาะเย้ยหรือดหู มินการเปน็ อย่ขู องพวกเขา (อย่าดถู กู ชาวนา)

กลอนดอกสร้อยราพึงในปา่ ช้า สกุลเอ๋ยสกลุ สงู ชกั จูงจิตฟูชศู กั ดิศ์ รี อานาจนาความสง่าอ่าอินทรีย์ ความงามนาใหม้ ีไมตรีกัน ความรา่ รวยอวยสุขใหท้ ุกอยา่ ง เหลา่ นี้ตา่ งรอตายทาลายขนั ธ์ วิถีแหง่ เกียรติยศทั้งหมดนนั้ แต่ล้วนผันมาประจบหลมุ ศพเอย ถอดความ คนทีมีชาติตระกูลสูง คิดว่าตนมีศักดิ์ศรีเหนือคนอืน คนมีอ่านาจน่าความ สง่างามมาให้ชีวิต คนทีมีหน้าตางดงามท่าให้คนอืนรักใคร่ คนมีฐานะร่ารวยย่อม หาความสขุ ได้ทุกอย่าง แต่ทกุ สิงทุกอย่างก็จบลงทีความตาย

กลอนดอกสรอ้ ยราพึงในปา่ ช้า ตวั เอย๋ ตัวหยิ่ง เจ้าอยา่ ชิงติซากวา่ ยากไร้ เหน็ จมดินน่าสลดระทดใจ ทีร่ ะลึกสิ่งไรกไ็ มม่ ี ไมเ่ หมือนอย่างบางศพญาติตบแตง่ เครือ่ งแสดงเกียรติเลิศประเสริฐศรี สร้างสานการบุญหนุนพลี เป็นอนุสาวรีย์สง่าเอย ถอดความ เป็นการกล่าวตักเตือนผู้เย่อหยิงไม่ให้ต่าหนิซากศพผู้ยากไร้ แม้เห็นศพจมดินน่าสลดใจ ไม่มีสิงของประดับตกแต่ง ต่างจากบางศพที ญาติประดับตกแต่งด้วยเครืองแสดงเกียรติยศและเก็บไว้ในสถานทีฝังศพ โดยมีการสร้างอนสุ าวรีย์อนั สง่างามเพือเป็นการสรวงบชู า

กลอนดอกสรอ้ ยราพึงในปา่ ชา้ ที่เอ๋ยที่ระลึก ถึงอธึกงามลบในภพพื้น ก็ไม่ชวนชีพทีด่ ับให้กลับคืน เสียงชมชืน่ เชิดชูคุณผูต้ าย เสียงประกาศเกียรติเอิกเกริกลนั่ จะกระเทือนถึงกรรณนั้นอยา่ หมาย ล้วนเป็นคณุ แกผ่ ู้ยงั ไม่วางวาย ชเู กียรติญาติไปภายภาคหน้าเอย ถอดความ ทีระลึกทีสร้างข้ึน ถึงแม้จะสวยงามเพียงใด ก็ไม่สามารถท่าให้คนตาย ฟืน้ คืนชีวิตขึ้นมาได้ เสียงชืนชมเชิดชูในคุณงามความดีของผู้ตาย เสียงประกาศ ถึงเกียรติยศต่าง ผู้ตายไม่อาจได้ยิน ทุกอย่างล้วนเป็นคุณแก่ผู้ทียังมีชีวิตอยู่ และเป็นการเชิดชเู กียรติยศของญาติพีน้องทีมีชีวิตอย่ตู ่อไป

กลอนดอกสรอ้ ยราพึงในป่าช้า รา่ งเอย๋ รา่ งกาย ยามตายจมพื้นดาษดื่นหลาม อย่าดถู กู ถิน่ นีว้ า่ ทีท่ ราม อาจขึน้ ชือ่ ลือนามในกอ่ นไกล อาจจะเปน็ เจดีย์มีพระศพ แหง่ จอมภพจกั รพรรดิกษัตริย์ใหญ่ ประเสริฐดว้ ยสตั ตรตั นจ์ รัสชัย ณ สมยั ก่อนกาลบุราณเอย ถอดความ ร่างกายของคนท้ังหลายเมือตายและจะจมพื้นดินอยู่เต็มไปหมด ขออย่าได้ดูถูกถินน้ีว่าไม่ดี เพราะอาจเป็นถินทีมีชือเสียงมาในสมัยก่อนก็เป็นได้ คือ เป็นสถานทีก่อสร้างพระเจดีย์บรรจุพระศพของพระมหากษัตริย์ผู้ยิงใหญ่ อนั ประกอบด้วย ๗ ประการของจกั รพรรดิ ในสมยั โบราณนานมาแล้ว

สตั ตรตั น์ หมายถึงแกว้ ๗ ประการ 1. สุวรรณ(ทอง) ๒. หิรัญ (เงิน) ๓. มุกดา 4. ประพาฬ (โกเมน) 5. ไพทูรย์ 6.วิเชียร (เพชร) 7. มณี (ทับทิม) สตั ตรตั น์ ในทีน่ ี้หมายถึงแก้ว ๗ ประการของจักรพรรดิ 1. มีช้างแก้ว 2. นางแก้ว 3. ขุนพลแกว้ 4. ขนุ คลังแกว้ 5. ม้าแกว้ 6. แก้วมณี 7. จักรแก้ว

กลอนดอกสรอ้ ยราพึงในป่าช้า ความเอย๋ ความรู้ เปน็ เครื่องชชู ี้ทางสว่างไสว หมดโอกาสที่จะชี้ตอ่ นีไ้ ป ละห่วงใยอยากรู้ลงสู่ดิน อันความยากหากให้ไร้ศึกษา ยน่ ปัญญาความรู้อยแู่ ค่ถิน่ หมดทกุ ขข์ ลุกแตก่ ิจคิดหากิน กระแสวิญญาณงนั เพียงนั้นเอย ถอดความ ความรู้เป็นเครืองช้ีน่าทางไปสู่ความก้าวหน้าแต่ตอนน้ีหมดโอกาสทีจะช้ีน่า ท า ง ต่ อ ไ ป แ ล้ ว จ่ า ต้ อ ง ล ะ ค ว า ม ห่ ว ง ใ ย ท้ั ง ห ม ด ล ง ไ ป สู่ ค ว า ม ต า ย ความยากจนท่าให้ไม่ได้รับการศึกษา ได้รับวิชาความรู้อยู่เฉพาะในท้องถินของตน ตอนน้ีหมดทุกข์ทีจะขลุกอยู่แต่ในการท่ามาหากินเสียที เพราะวิญญาณของเราคง จะหยดุ อย่เู พียงเท่านี้

กลอนดอกสร้อยราพึงในปา่ ช้า ดวงเอย๋ ดวงมณี มกั จะลีล้ บั อยู่ในภูผา หรือใต้ทอ้ งหอ้ งสมทุ รสดุ สายตา ก็เสื่อมซาสิ้นชมนิยมชน บุปผชาติชสู ีและมีกลิ่น อยใู่ นถิน่ ทีไ่ กลเชน่ ไพรสณฑ์ ไม่มีใครได้เชยเลยสกั คน ยอ่ มบานหลน่ เปล่าดายมากมายเอย ถอดความ ดวงแก้วหรือสิงทีมีค่ามักจะอยู่ในทีลบั ตา เช่น ในภูเขาหรืออยู่ใต้ท้องสมุทร ซึงอย่สู ดุ สายตาของมนษุ ย์ ทา่ ให้กลายเป็นสิงไร้ค่า ไม่มีผู้ใดได้ชืนชม เปรียบเสมือน ดอกไม้ทีสีสวยและกลินหอมทีอยู่ห่างไกล ไม่มีใครได้เชยชม ย่อมบานและร่วงหล่น ไปเปล่าๆ อย่างน่าเสียดาย

กลอนดอกสรอ้ ยราพึงในปา่ ชา้ อาจเปน็ ซากนกั รบผ้กู ล้าหาญ กบั หมู่มา่ นมาประทุษอยธุ ยา ซากเอ๋ยซากศพ นอนอนาถเล่ห์ใบ้ไร้ภาษา เช่นชาวบา้ นบางระจนั ขนั ราบาญ อาจจะมานอนจมถมดินเอย ไม่เชน่ นน้ั ทา่ นกวีเชน่ ศรีปราชญ์ หรือผู้กู้บ้านเมืองเรืองปญั ญา ถอดความ ซากศพท้ังหลายเหล่าน้ี อาจะเป็นซากศพของนักรับผู้กล้าหาญ เช่น ชาวบ้านบางระจันทีอาสาสู้รบกับกองทัพพม่าทีมาท่าร้ายกรุงศรีอยุธยา ศพท่านกวีปราชญ์ทีนอนนิงไม่พูดจา หรือศพผู้กู้บ้านเมืองอืนๆ ซึงอาจจะมา สิ้นชีวิต ณ ทีแห่งน้ี

กลอนดอกสร้อยราพึงในป่าช้า ก่นแตใ่ ฝ่ฝันฟงุ้ ตามมงุ่ หมาย ไม่ควรอายก็ตอ้ งอายหมายปิดบงั มักเอย๋ มกั ใหญ่ คือความฟมู ฟายสินลิ้นโอหัง อาพรางความจริงใจไม่แพรง่ พราย เปลวเพลิงปลง่ั หอมกลบตลบเอย มงุ่ แตโ่ ปรยเครื่องปรุงจรุงกลิน่ ลงในเพลิงเกียรติศักดิป์ ระจกั ษ์ดงั ถอดความ พวกมักใหญ่ใฝ่สูงจะท่าแต่สิงทีตนใฝ่ฝันมุ่งหมายไว้และปิดบังความจริง บางอย่างโดนไม่เปิดเผยให้ใครทราบ มุ่งแต่แสดงให้เห็นรูปลักษณ์ภายนอกว่าดี มี การใช้จ่ายทรัพย์เกินฐานะ พูดจาอวดดีเพือแสดงความมีเกียรติสงู ส่งของตนอืนเห็น อันเปน็ การปกปิดความเปน็ จริงของตนเองไว้

กลอนดอกสร้อยราพึงในปา่ ช้า ห่างจากพวกมกั ใหญฝ่ กั ใฝห่ า ความมกั นอ้ ยชาวนาไมน่ อ้ มไป ห่างเอ๋ยหา่ งไกล รม่ เชือ้ เฉกหบุ เขาลาเนาไศล แต่สิ่งซึ่งเหลวไหลใส่อาตมา ตามวิสัยชาวนาเยน็ กว่าเอย เพือ่ นรักษาความสราญฐานวิเวก สนั โดษดับฟุ้งซา่ นทะยานใจ ถอดความ ขอจงอยู่ห่างไหลจากพวกมักใหญ่ใฝ่สูง ซึงท่าแต่สิงเหลวไหลใส่ตัวเอง โดยไม่ดูความมักน้อยของชาวนาเป็นตัวอย่าง ฉะนั้นเพือรักษาความสบายใจ และความวิเวกร่มเย็นเหมือนอยู่ในหุบเขาล่าเนาไพร ควรถือสันโดษดับความ ฟ้งุ ซ่านใจ ตามแบบของชาวนาไว้จะดีกว่า

กลอนดอกสร้อยราพึงในป่าช้า ไมม่ ีใครขึ้นชื่อระบือขาน ไมม่ ีการจารึกบนั ทึกคุณ ศพเอย๋ ศพไพร่ กไ็ มฉ่ ูดฉาดเชิดประเสริฐสนุ ทร์ ไม่เกรงใครนินทาว่าประจาน เปน็ เครือ่ งหนนุ นาเหตุสังเวชเอย ถึงบางทีมีบ้างเปน็ อยา่ งเลศิ พอเตือนใจได้บ้างในทางบญุ ถอดความ ศพของคนธรรมดาสามญั ไม่มีใครเขายกย่องหรือกล่าวถึง ฉะนั้นจึงไม่ต้อง ไปเกรงกลัวว่าใครเขาจะนินทา เพราะไม่มีการเขียนจารึกบันทึกคุณความดีไว้ ถึงจะมีบ้างก็ไม่เชิดชูกันอย่างเต็มที ท่าพอเป็นเครืองเตือนใจในการท่าความดี หรือเป็นเครืองหนุนนา่ เพือให้เกิดสงั เวชใจเท่าน้ัน

กลอนดอกสรอ้ ยราพึงในปา่ ชา้ เป็นเครือ่ งจูงจิตใหเ้ ลื่อมใสศานต์ ผิดกบั ฐานชาวนาคนสามญั ศพเอ๋ยศพสงู จารึกชื่อปีเดือนวนั ดับขนั ธ์ จารึกคาสานวนชวนสักการ ของผู้นัน้ ผูน้ ี้แกผ่ ีเอย ซึง่ อยา่ งดีกม็ ีกวีเถื่อน อุทิศสิ่งซึ่งสร้างตามทางธรรม์ ถอดความ ศพของคนดี เป็นสิงทีจูงให้เลือมใส มีการจารึกค่าสักการะ ผิดกับศพของ ชาวนาธรรมดา ซึงอย่างดีทีสุดก็มีแค่กวีสมัครเล่น ซึงจะจารึกเอาไว้เพียงแค่ วนั เดือนปีทีล่วงลับ อทุ ิศสิงของทางธรรมให้แก่ผ้ตู าย

กลอนดอกสร้อยราพึงในปา่ ช้า ไมย่ ิง่ ใหญเ่ ท่าหว่ งดวงชีวิต ก็ยงั คิดขึน้ ไดเ้ มื่อใกลต้ าย ห่วงเอ๋ยห่วงอะไร เคยเป็นทุกข์หว่ งใยเสียไดง้ ่าย แม้คนลืมสิ่งใดได้สนิท โดยไม่ชายตาใฝ่อาลยั เอย ใครจะยอมละทิง้ ซึ่งสิง่ สุข ใครจะยอมละแดนแสนสบาย ถอดความ ห่วงอะไรไม่เท่าห่วงชีวิต แม้คนทีลืมทุกสิงก็ยังคิดได้เมือใกล้ตาย ใครจะยอมละทิ้งสิงทีท่าให้มีความสุข ถ้าผู้เคยมีความทุกข์ก็ยิงไม่เสียให้ง่ายๆ ใครจะยอมจากทีอย่แู สนสบาย โดยไม่หันหลังอาลัยไปมอง

กลอนดอกสรอ้ ยราพึงในปา่ ชา้ ดวงเอ๋ยดวงจิต ลืมสนิทกิจการงานทัง้ หลาย ยอ่ มละชีพเคยสขุ สนุกสบาย เคยเสียดายเคยวิตกเคยปกครอง ละทิง้ ถิ่นทีส่ าราญเบิกบานจิต ซึ่งเคยคิดใฝเ่ ฝา้ เป็นเจ้าของ หมดวิตกหมดเสียดายหมดหมายปอง ไมผ่ ินหลังเหลียวมองด้วยซ้าเอย ถอดความ ขอให้ดวงจิตของเรา จงลืมกิจการงานท้ังหลายทีเคยสุขสนุกสบาย เคยเสียดาย เคยวิตกและเคยปกครอง ต้องละถินทีเคยให้ความสุขส่าราญบานใจ และฝันใฝ่อยากเป็นเจ้าของ ขอจงหมดความวิตก หมดความเสียดาย หมดสิงทีปรารถนา โดนไม่หนั หลักเหลียวไปมองมนั อีกเลย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook