Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กาพย์พระไชยสุริยา

กาพย์พระไชยสุริยา

Published by a_o_m.encouragement, 2022-08-25 07:01:35

Description: กาพย์พระไชยสุริยา นิ สื่อการสอนวิชาภาษาไทย
ประกอบด้วย ประวัติผู้แต่ง ลักษณะคำประพันธ์ เรื่องย่อ
และการถอดคำประพันธ์ของกาพย์พระไชยสุริยา
คุณครูอัจจิมา เผ่าจินดา
โรงเรียนห้วยทรายประชาสรรค์

Search

Read the Text Version

รปู ภาพประกอบ ตน้ ชอ้ งนาง

กาพย์ฉบงั ๑๖ เขาสงู ฝงู หงสล์ งเรียง เริงรอ้ งซ้องเสียง สาเนียงนา่ ฟงั วงั เวง ฟังเสียงเพียงเพลง กลางไพรไกข่ ันบรรเลง ซอเจง้ จาเรียงเวียงวงั ถอดความ มองไปที่เขาสูงเห็นฝูงหงส์กาลังโฉบลงเรียงกัน ต่างพากันร้อง อย่างรื่นเริงสาเนียงเสนาะไพเราะยิ่งนัก กลางป่ามีไก่ขันแข่งกัน ฟงั เหมือนเสียงซอที่บรรเลงมาจากในวัง

กาพย์ฉบงั ๑๖ ยูงทองร้องกะโตง้ โหง่ ดงั เพียงฆอ้ งกลองระฆัง แตรสงั ข์กงั สดาลขานเสียง พญาลอคลอเคียง กะลิงกะลางนางนวลนอนเรียง แอ่นเอี้ยงอีโก้งโทงเทง ถอดความ นกยูงทองร้องเสียงดังเหมือนเสียงฆ้อง กลอง ระฆัง แตรสังข์ ดังควบคู่ขานเสียง นกกะลิง นกกะลาง นกนางนวล นอนเคียงกัน นกไก่ฟ้าพญาลอ คลอเคียงคู่กัน พร้อมนกนางแอ่น นกเอี้ยง และ นกอีโก้ง

กาพย์ฉบัง ๑๖ ค้อนทองเสียงร้องป๋องเปง๋ เพลินฟังวังเวง อีเก้งเริงร้องลองเชิง ค่างแขง็ แรงเริง ฝงู ละม่ังฝังดินกินเพลิง ยืนเบิง่ บึ้งหน้าตาโพลง ถอดความ ค้อนทองร้องเสียงดังป๋องเป๋ง อีเก้งเริงร้องลองเชิงกัน ฝูงละมั่ง พากันมานอนผึ่งแดด ดูบึกบึนแขง็ แรงและรืน่ เริง ยืนมองทาหน้าตาโพลง

กาพย์ฉบงั ๑๖ อึงคะนึงผึงโผง ปา่ สงู ยูงยางช้างโขลง โยงกนั เลน่ น้าคลา่ ไป ถอดความ บริเวณป่าต้นยงู ต้นยางทีส่ ูง มีช้างอย่โู ขลงใหญ่กาลงั ส่งเสียง และลงเล่นน้า

กาพย์ยานี ๑๑ ขึน้ กกตกทุกขย์ าก แสนลาบากจากเวียงไชย มันเผือกเลือกเผาไฟ กินผลไม้ได้เปน็ แรง พระสุริยงเยน็ ยอแสง รอนรอนอ่อนอสั ดง แฝงเมฆเขาเงาเมรธุ ร ช่วงดังนา้ คร่ังแดง ถอดความ ข้ึนแม่กก ตกทกุ ข์ได้ยาก มีความลาบากเมื่อพลดั พรากจากวัง ได้อาศัยกินเผือก มัน และผลไม้ เพื่อให้มีแรง เมื่อพระอาทิตย์ ใกล้จะหมดแสง เป็นช่วงที่มองดูแล้วเหมือนกับน้าครั่งที่กาลังแดง แฝงเข้าไปในเมฆระหว่างขุนเขา

กาพย์ยานี ๑๑ ลิงค่างครางโครกครอก ฝงู จิง้ จอกออกเหา่ หอน ชะนีวิเวกวอน นกหกรอ่ นนอนรงั เรียง อ้าปากรอ้ งซ้องแซ่เสียง ลูกนกยกปีกป้อง เลีย้ งลูกอ่อนปอ้ นอาหาร แมน่ กปกปีกเคียง ถอดความ ฝูงลิง ค่าง ต่างพากันครางโครกครอก ฝูงสุนัขจิ้งจอก ออกมาเห่าหอน ชะนีส่งเสียงดังวิเวก นกต่างโผเข้าสู่รังนอนเรียงกัน เปน็ แถว ลกู นกยกปีก อ้าปากรอรบั อาหารจากแม่เสียงดังเซ็งแซ่ แม่นกยกปีกป้องเอาไว้พร้อมกับป้อนอาหารให้ลกู

กาพยย์ านี ๑๑ ภูธรนอนเนินเขา เคียงคลึงเคลา้ เยาวมาลย์ ตกยากจากศฤงคาร สงสารนอ้ งหมองพักตรา สร่างโศกเศรา้ เจ้าพี่อา ยากเย็นเหน็ หน้าเจา้ มาหม่นหมองละอองนวล อยวู่ ังดังจันทรา ถอดความ พระไชยสุริยานอนอยู่บนเขา อย่เู คียงข้างแนบชิดกบั นางสมุ าลี สงสารนางสุมาลีที่ต้องมาตกระก่าล่าบาก แม้จะล่าบาก เเต่เมื่อได้เห็น หน้าน้องพีก่ ็คลายโศกเศร้า ตอนอยู่วังสุขสบายกลบั ต้องมาตกระกา่ ล่าบาก

กาพยย์ านี ๑๑ เพือ่ นทุกข์สขุ โศกเศรา้ จะรักเจา้ เฝา้ สงวน มิง่ ขวัญอยา่ รัญจวน นวลพกั ตร์นอ้ งจะหมองศรี มิรสู้ ิน้ กลิน่ มาลี ชวนชืน่ กลืนกล้ากลิ่น ที่ทุกขร์ ้อนหยอ่ นเย็นทรวง คลึงเคล้าเยา้ ยวนยี ถอดความ น้องอย่าได้ทกุ ข์ร้อนใจ ใบหน้าจะหมองคล้า่ ท้งั สองหยอกล้อคลึงเคล้ากนั ที่ทกุ ข์ใจก็เยน็ ลง

กาพยย์ านี ๑๑ ขึ้นกดบทอัศจรรย์ เสียงครื้นครน่ั ช้นั เขาหลวง นกหกตกรงั รวง สัตว์ทั้งปวงงว่ งงนุ โงง เสียงดงั ดจุ พระเพลิงโพลง แดนดินถิน่ มนษุ ย์ โคลงคลอนเคลือ่ นเขยือ้ นโยน ตึกกวา้ นบ้านเรือนโรง ถอดความ ข้ึนแม่กด บทอัศจรรย์ เกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วภูเขา นกตกออกจากรัง ฝูงสัตว์ท้ังปวงต่างง่วงงัน ในดินแดนของมนุษย์ เสียงดังเหมือนไฟไหม้ ตึกบ้านเรือนต่างไหวเคลื่อน

กาพย์ยานี ๑๑ บา้ นช่องคลองเล็กใหญ่ บ้างตืน่ ไฟตกใจโจน ปลุกเพื่อนเตือนตะโกน ลกุ โลดโผนโดนกันเอง ตะโพนกลองร้องเป็นเพลง พิณพาทย์ระนาดฆอ้ ง โหงง่ หง่างเหง่งเก่งกา่ งดงั ระฆังดงั วงั เวง ถอดความ บ้านช่องน้อยใหญ่ต่างตื่นตกใจ ร้องเรียกเพื่อนบ้าน ลุกวิ่งหนี ชนกันชุลมุนวุ่นวาย เครื่องดนตรี ระนาด ฆ้อง ตะโพน กลอง ร้องเปน็ เพลง เสียงระฆังดงั ฟงั น่าวงั เวง

กาพยย์ านี ๑๑ ขนุ นางตา่ งลุกวิ่ง ท่านผหู้ ญิงวิ่งยดุ หลงั พลั วนั ดันตึงตงั พลั้งพลดั ตกหกคะเมน วิ่งอตุ ลุดฉุดมือเณร พระสงฆ์ลงจากกุฏิ ลงโคลนเลนเผน่ ผาดโผน หลวงชีหนีหลวงเถร ถอดความ ความวุ่นวายสบั สน ของขุนนาง ท่านผ้หู ญิง และพระสงฆ์ ชวนให้ผ้อู ่านขบขัน

กาพยย์ านี ๑๑ พวกวดั พลดั เข้าบ้าน ล้านตอ่ ลา้ นซานเซโดน ตน้ ไมไ้ กวเอนโอน ลิงค่างโจนโผนหกหนั ติดจมูกลกู ตาพลนั พวกผีทีป่ ั้นลกู ปั้นไม่ทันมนั เดือดใจ ขิกขิกระริกกัน ถอดความ ลิงค่างต่างกระโจน ต้นไม้ไหวโอนเอน ผีทีป่ ้ันลกู ปั้นแทบไม่ทัน

กาพยย์ านี ๑๑ สององคท์ รงสังวาส โลกธาตหุ วาดหว่นั ไหว ตื่นนอนออ่ นอกใจ เดินไม่ได้ให้อาดรู ถอดความ บทสงั วาสของตวั ละคร

กาพยย์ านี ๑๑ ขึ้นกบจบแมก่ ด พระดาบสบชู ากณู ฑ์ ผาสุกรกุ ขมูล พูนสวสั ดิ์สตั ถาวร เององคอ์ ิงพิงสิงขร ระงับหลบั เนตรนิง่ สงั วรศีลอภิญญาณ เหมือนกับหลับสนิทนอน ถอดความ ข้นึ แม่กบ และจบทีแ่ ม่กด มีฤๅษีบูชาไฟอยู่ตนหนึ่ง บาเพ็ญตน อย่างสุขสงบอยู่ในป่ามาช้านาน ได้หลับตาเอนตัวพิงกับต้นไม้ เหมือนกับกาลังนอนหลบั โดยบาเพญ็ ศีลเข้าญาณอยู่

กาพย์ยานี ๑๑ บาเพง็ เลง็ เห็นจบ พืน้ พิภพจบจักรวาล สวรรคช์ ้ันวิมาน ท่านเหน็ แจง้ แหล่งโลกา ไม่เขยือ้ นเคลื่อนกายา เข้าฌานนานนบั เดือน เป็นผาสกุ ทุกเดือนปี จาศีลกินวาตา ถอดความ บาเพ็ญพรตจนรู้เห็นทั่วพื้นดินท้องฟ้า จักรวาล แม้แต่สรวงสวรรค์ ท่านรู้เห็นหมดท้ังสิ้นทั่วโลก เข้าฌานเป็นเวลาแรมเดือน ไม่ขยับเขยื้อนกาย จาศีลกินลม อย่อู ย่างมีความสุขนบั เดือนนับปี

กาพยย์ านี ๑๑ วันนนั้ คร้ันดินไหว เกิดเหตใุ หญใ่ นปถพี เล็งดรู ้คู ดี กาลกิณีสีป่ ระการ กลบั จริตผิดโบราณ ประกอบชอบเปน็ ผิด ผลาญคนซื่อถือสตั ย์ธรรม์ สามญั อนั ธพาล ถอดความ ในวันนั้นเกิดแผ่นดินไหว มีเหตุการณ์ในป่า จึงได้เลง็ ดูและรู้ว่า มีเหตุกาลกิณีอย่สู ีอ่ ย่าง คือ เห็นผิดเป็นชอบ

กาพยย์ านี ๑๑ ลกู ศิษย์คิดล้างครู ลูกไมร่ คู้ ณุ พอ่ มนั สอ่ เสียดเบียดเบียนกนั ลอบฆ่าฟันคือตณั หา โจทก์จับผิดริษยา โลภลาภบาปบคิด ป่วนเปน็ บ้าฟ้าบดบงั อรุ ะพสธุ า ถอดความ อกตัญญู เบียดเบียนผู้อื่น และมีความโลภซึ่งทาให้ขาดความย้ังคิด ท้ังมีจิตใจริษยา อิจฉากันความโกรธสุมในอก ทาให้จิตใจป่ันป่วน จนไม่เห็น สิ่งใด ๆ

กาพยย์ านี ๑๑ เกิดวิบตั ิปัตติปาปงั สังวัจฉระอวสาน บรรดาสามญั สัตว์ ไตรยุคทุกขตรงั ถอดความ บรรดาสตั ว์ต่างๆ เกิดมีบาปขึ้น มีทุกข์มากขึ้น ถึงเวลา แห่งการอวสาน

กาพยฉ์ บงั ๑๖ ขึน้ กมสมเด็จจอมอารย์ เอน็ ดูภูบาล ผ้ผู ่านพาราสาวะถี กลอกกลับอัปรีย์ ซือ่ ตรงหลงเลห่ ์เสนี บุรีจึงล่มจมไป ถอดความ ข้ึนแม่กม พระฤๅษีรู้สึกสงสารพระราชาผู้ครองเมืองสาวะถี ซึ่งซื่อตรงแต่หลงเล่ห์เหลี่ยมเสนาอามาตย์ที่ช่ัวร้ายจึงทาให้บ้านเมือง ล่มจม

กาพย์ฉบงั ๑๖ ประโยชน์จะโปรดภวู ไนย นิ่งนัง่ ตงั้ ใจ เลือ่ มใสสาเรจ็ เมตตา บอกข้อมรณา เปลง่ เสียงเพียงพิณอินทรา คงมาวันหนึ่งถึงตน ถอดความ จึงคิดที่จะโปรดพระราชา ให้เลื่อมใสศรัทธาในการบาเพ็ญตน ให้สาเร็จ จึงบอกเล่าด้วยเสียงอันไพเราะเหมือนเสียงพิณ ของพระอินทร์ว่าวันหนึง่ เราต้องตาย

กาพยฉ์ บัง ๑๖ เบียนเบียดเสียดสอ่ ฉอ้ ฉล บาปกรรมนาตน ไปทนทุกข์นบั กัปกลั ป์ จะได้ไปสวรรค์ เมตตากรุณาสามญั เปน็ สขุ ทุกวันหรรษา ถอดความ การเบียดเบียนกันมีแต่จะนาทุกข์มาให้ทาให้มีบาปติดตัวไปนาน ความเมตตากรุณาจะนาไปส่สู รวงสวรรค์ ทาให้มีแต่ความสขุ ทกุ วัน

กาพย์ฉบงั ๑๖ สมบัติสัตว์มนษุ ย์ครุฑา กลอกกลับอปั รา เทวาสมบัติชัชวาล อิ่มหนาสาราญ สขุ เกษมเปรมปรีดิ์วิมาน ศฤงคารห้อมลอ้ มพรอ้ มเพรียง ถอดความ สมบัติของสัตว์ มนุษย์ ครุฑ มีการกลับเปลี่ยนไปมา ไม่เหมือนสมบัติของเทวดา ทีเ่ ที่ยงแท้และยง่ั ยืน

กาพย์ฉบงั ๑๖ กระจับปี่สีซอท่อเสียง ขับราจาเรียง สาเนียงนางฟา้ น่าฟงั สิ่งใดใจหวงั เดชะพระกศุ ลหนหลงั ได้ดงั มงุ่ มาดปรารถนา ถอดความ กระจับ ปี่ ซอ ประสานสาเนียงกัน ดังเหมือนกับมีนางฟ้า มาขับกล่อม ด้วยเดชแห่งบุญกุศลแต่ปางหลังทาให้ได้สมหวังในสิ่งที่ ต้องการ

กาพยฉ์ บัง ๑๖ จริงนะประสกสีกา สวดมนตภ์ าวนา เบื้องหนา้ จะไดไ้ ปสวรรค์ พระองค์ทรงธรรม์ จบเทศนเ์ สร็จคาราพนั ดน้ ดน้ั เมฆาคลาไคล ถอดความ เปน็ ความจริงนะญาติโยม ถ้าสวดมนต์ภาวนา ต่อไปจะได้เกิดบนสวรรค์ เมือ่ เทศนาจบ ฤาษีก็ได้กลบั ไป

กาพย์ฉบัง ๑๖ ขึน้ เกยเลยกล่าวทา้ วไท ฟงั ธรรมนา้ ใจ เลือ่ มใสศรทั ธากลา้ หาญ ตดั ห่วงบ่วงมาร เหน็ ภยั ในขนั ธสนั ดาน สาราญสาเรจ็ เมตตา ถอดความ ข้ึนแม่เกย กล่าวถึงพระราชาเมื่อได้รับฟังธรรมคาสั่งสอนแล้ว ก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธา เห็นเหตุที่เกิดในนิสัยของมนุษย์ จึงตัดขาด จากบ่วงความทุกข์ พบกับความสาเร็จ

กาพยฉ์ บงั ๑๖ สององค์ทรงหนังพยคั ฆา จัดจีบกลีบชฎา รกั ษาศีลถือฤๅษี กองกณู ฑอ์ คั คี เช้าคา่ ทากิจพิธี เป็นทีบ่ ชู าถาวร ถอดความ ท้งั สองพระองค์จึงสวมใส่ชดุ และหมวกจากหนังเสือ รักษาศีล เปน็ ฤๅษี ทกุ เช้าคา่ ทาพิธีบูชาไฟเปน็ ประจา

กาพย์ฉบงั ๑๖ ปถพีเปน็ ทีบ่ รรจถรณ์ เอนองค์ลงนอน เหนือขอนเขนยเกยเศียร เหนื่อยยากพากเพียร คา่ เช้าเอากราดกวาดเตียน เรียนธรรมบาเพ็ญเคร่งครนั ถอดความ มีพื้นแผ่นดินเป็นที่นอน มีขอนไม้เป็นหมอนหนุนหัว ทุกเช้าค่าเอาไม้กวาดกวาดพ้ืนจนสะอาด ถึงแม้จะเหน็ดเหนื่อย กับการบาเพ็ญเพียรแต่กป็ ฏิบัติอย่างเคร่งครดั

กาพยฉ์ บงั ๑๖ สาเรจ็ เสร็จได้ไปสวรรค์ เสวยสขุ ทุกวนั นานนบั กปั กลั ป์พุทธันดร ไวห้ วังส่งั สอน ภมุ ราการุญสุนทร เด็กออ่ นอันเยาวเ์ ลา่ เรียน ถอดความ จนสาเร็จได้เสด็จสู่สวรรค์ เสวยแต่ความสุขทุกวัน เป็นเวลานานชั่วกัปกัลป์ สุนทรภู่ได้ให้ความการุญแต่งบทกลอนข้ึน เพือ่ ส่งั สอนเด็กๆ ในวยั เรียน

กาพย์ฉบงั ๑๖ ก ข ก กา ว่าเวียน หนูน้อยคอ่ ยเพียร อา่ นเขียนผสมกมเกย ไมเ้ รียวเจียวเหวย ระวังตัวกลวั ครูหนเู อ๋ย กูเคยเขด็ หลาบขวาบเขวียว ถอดความ พวกเดก็ ๆ จงค่อยๆ เรียนรู้ อ่าน เขียนปนกันไปท้ังแม่กม แม่เกย ขอให้ระวังตัวกลัวคุณครูนะหนู ไม้เรียวเลยนะ ฉันเคยเขด็ หลาบมาแล้ว

กาพยฉ์ บงั ๑๖ หันหวดปวดแสบแปลบเสียว หยิกซ้าชา้ เขียว อย่าเทีย่ วเลน่ หลงจงจา เรียงเรียบเทียบทา บอกไว้ใหท้ ราบบาปกรรม แนะนาให้เจา้ เอาบุญ ถอดความ ฉันถูกไม้เรียวหวดจนปวดแสบเลย มิหนาซ้ายังถูกหยิกจนเขียว อย่าไปเที่ยวเล่นจนหลงจาเสียล่ะ ขอบอกให้พวกเธอทราบ ถึงบาปกรรม ให้เรียบเรียงคาน้ใี ห้ดีฉนั ขอแนะนาให้เอาบุญ

กาพย์ฉบัง ๑๖ ใครเหน็ เปน็ คุณ เดชะพระมหาการญุ แบง่ บุญใหเ้ ราเจา้ เอย ถอดความ ด้วยเดชะในความกรุณานี้ ถ้าใครเหน็ เป็นประโยชน์ สุนทรภู่ ขอแบ่งเอาบุญกุศลเหล่าน้ีด้วย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook