Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การใช้ฟังก์ชันการคำนวณในโปรแกรม Excel

การใช้ฟังก์ชันการคำนวณในโปรแกรม Excel

Published by ครรชิต แซ่โฮ่, 2021-12-23 14:59:57

Description: การใช้ฟังก์ชันการคำนวณในโปรแกรม Excel

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการอบรม การใชฟ้ ังกช์ นั การคานวณโปรแกรม Excel โครงการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารพัฒนาทักษะด้านดจิ ิทัลม่งุ สอู่ าชีพ นกั วทิ ยาศาสตรข์ อ้ มูล (DATA SCIENTIST) วันท่ี 25 - 26 ธนั วาคม พ.ศ. 2564 นายครรชิต แซโ่ ฮ่ ตาแหน่ง ครู วทิ ยาฐานะ ครชู านาญการ โรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา สานกั งานเขตพื้นที่การศกึ ษามธั ยมศกึ ษายะลา สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ

~1~ การใชฟ้ ังกช์ นั การคานวณในโปรแกรม Excel โปรแกรมตารางคานวณ (Microsoft Office Excel) มีความสามารถในการวิเคราะห์ประมวลผล คานวณ ค่าต่างๆมากมาย โดยการนา ค่าคงที่ ตัวเลข ตัวแปร หรือการอ้างอิงเซลล์ท่ีอยู่ในเซลล์ข้อมูล นามาคานวณเพื่อให้ ได้ผลลัพธ์ตามท่ีต้องการโดยใช้สูตรคานวณ ใช้ตัวดาเนินการ หรือ เครื่องหมายคานวณในรูปแบบต่างๆ เช่น บวก ลบ คณู หาร โครงสรา้ ง สัญลกั ษณ์ และลาดบั ความสาคัญของเคร่ืองหมายทใ่ี ช้การคานวณ 1.โครงสรา้ ง การใช้สูตรคานวณจะต้องพิมพ์เครื่องหมายเท่ากับ (=) นาหน้าเสมอตามด้วยตัวแปร และตัวดาเนินการ ตวั แปรน้ีอาจเป็นคา่ คงท่ี ตาแหน่งเซลล์ หรือฟังก์ชันก็ได้ โดยผลลัพธ์จะอยู่บนเซลล์ใดเซลล์ใดเซลล์หน่ึงที่เลือกไว้ ยกตัวอย่างเชน่ =A1+B1, =C2-D3, =(D3/C2)*( A1+B1), =(G3-B1)-(F4*G4), =2*3 เป็นตน้ 2.สญั ลักษณ์ สญั ลกั ษณท์ ี่ใชเ้ ปน็ เครื่องหมายในการคานวณมดี งั นี้ 3.ลาดับความสาคญั ของเคร่ืองหมายในการคานวณ การคานวณน้ันจะมีลาดับความสาคัญของเคร่ืองหมายการคานวณต่างกัน ซ่ึงโปรแกรมจะคานวณจาก ลาดับความสาคัญแรกไปยังลาดับความสาคัญรองลงมาตามลาดับ แต่ถ้าเคร่ืองหมายคานวณอยู่ในระดับเดียวกัน โปรแกรมจะคานวณจากซา้ ยไปขวา ครคู รรชติ แซ่โฮ่ โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา

~2~ ลาดบั ความสาคัญของเครอื่ งหมายในการคานวณ ข้อผิดพลาดที่อาจเกิดข้นึ การคานวณด้วยสูตรหรือคานวณด้วยฟังก์ชัน อาจมีข้อผิดพลาดได้ เม่ือมีการทางานเกี่ยวกับสูตรหรือ ฟังก์ชันการคานวณของโปรแกรมอาจทาให้ผลลัพธ์ไม่ถูกต้อง โปรแกรมจะแสดงข้อความบอกข้อผิดพลาด ปรากฏอยู่ในเซลล์ ซ่งึ มีสาเหตุหลายอยา่ งด้วยกัน ยกตวั อยา่ งดังตอ่ ไปน้ี ครูครรชิต แซ่โฮ่ โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา

~3~ การคานวณ การใสส่ ูตรคานวณปกตนิ ั้นสามารถใส่ลงในเซลล์ที่ต้องการแสดงผลลัพธโ์ ดยพมิ พ์เคร่อื งหมาย = แลว้ ตามดว้ ยรูปแบบการคานวณลงในเซลล์นั้น จากตวั อย่างนี้ตาแหน่งเซลล์อยู่ที่ D 1. พิมพ์เครอ่ื งหมาย =แล้วตามด้วยตาแหนง่ เซลล์เช่น =C2*B2 เสรจ็ แลว้ กดปมุ่ Enter 2. ทเี่ ซลล์ D2 จะแสดงผลลัพธ์และท่ี Formula bar จะแสดงสตู รคานวณท่ีกาหนดไว้ การคานวณโดยการหาผลรวม (Summation) สาหรบั การคานวณเพื่อหาผลรวมของกลุม่ ตวั เลขทต่ี ้องการ สามารถนาเครื่องหมาย บวก มาใช้ร่วมกับ การอ้างถงึ ชอื่ เซลลท์ ่ีตอ้ งการนามาหาผลรวม คิดเหมือนการตั้งสมการผลบวกของตัวแปรน่ันเอง เชน่ หา ผลรวมของกล่มุ เซลล์ D2, D3, D4 และ D5แสดงผลลพั ธท์ ีเ่ ซลล์ D6 มขี ้ันตอนดังน้ี 1. คลิกเซลล์ทตี่ ้องการให้แสดงผลลพั ธ์ 2. ป้อนสูตร =D2+D3+D4+D5ลงไปในเซลล์D6 3. เมอ่ื ป้อนสูตรเสร็จแลว้ ให้กดปุ่ม enter เพ่อื จบการป้อนข้อมูล ลกั ษณะดังรูป ครคู รรชิต แซ่โฮ่ โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา

~4~ ชนดิ ของการคานวณ โปรแกรม Microsoft Excel แบ่งชนิดของสูตรออกเปน็ 4 ชนดิ คือ 1. สตู รในการคานวณทางคณติ ศาสตร์ (Arithmetic Formula) 2. สูตรในการเปรียบเทยี บ (Comparison Formula) 3. เครอ่ื งหมายในการเชอ่ื มข้อความสองข้อความหรือมากกว่าน้ัน (Text Formula) 4. สูตรในการอา้ งอิง (Text Formula) ครคู รรชติ แซโ่ ฮ่ โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา

~5~ การคานวณหาผลรวมโดยใช้ฟังก์ชัน ถา้ ตอ้ งการหาผลรวมของตัวเลขหลาย ๆ ตาแหน่ง สามารถใชฟ้ งั กช์ นั ของการหาผลรวมเข้ามาชว่ ยใน การคานวณไดดังน้ี 1. เลอื กเซลล์ทต่ี ้องการแสดงผลลัพธจ์ ากตวั อย่างน้ีตาแหนง่ เซลล์อยู่ที่ D6 2. เมนู Home -> Editing คลกิ ปุ่มคาสัง่ AutoSum บนทลู บาร์ 3. ปรากฏสูตรคานวณ =SUM(D2:D5) ใหด้ ชู ว่ งขอ้ มูลตัวเลขท่จี ะคานวณวา่ ถูกตอ้ งหรือไม่สังเกตจาก เส้นประวง่ิ รอบ ๆ ข้อมูล ถ้าถูกต้องแล้วกดปมุ่ Enter ถา้ ไม่ถกู ต้อง Drag เมาส์คลุมช่วงข้อมลู ใหม่แล้ว กดปุ่ม Enter หรือสามารถพิมพส์ ตู รการคานวณ =SUM(D2:D5) ใส่ในตาแหน่งเซลลอ์ ยู่ท่ี D6 ก็จะใหผ้ ลดงั ภาพ หรือการหาผลรวมท่ีมีขอ้ มูลจานวนมาก ๆ โดยใช้ AutoSum เชน่ จากตัวอย่างนี้ต้องการแสดงผลลัพธต์ าแหน่ง เซลล์อยู่ที่ B5 ครูครรชิต แซโ่ ฮ่ โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา

~6~ การสร้างสตู รดว้ ยฟังกช์ นั ทใ่ี ช้งานบ่อย ๆ โปรแกรม Excelจะทาการแบ่งชุดของสูตรคานวณตามประเภทการใช้งาน ถ้าผู้ใช้โปรแกรมตอ้ งการใช้ สูตรคานวณประเภทใด คลกิ เลือกปุ่มนน้ั ได้เลย หรอื คลิกปุ่ม Insert Function กไ็ ด้สตู รคานวณท่ีนามา ยกตวั อยา่ งจะเปน็ สตู รทใี่ ชง้ านบอ่ ย ๆ เชน่ Sum = ฟงั ก์ชนั หาผมรวม Average = ฟังก์ชันหาค่าเฉลยี่ , Count Numbers = ฟังกช์ นั นับจานวนขอ้ มูล, Max = ฟังก์ชนั หาคา่ สูงสุด, Min = ฟังกช์ นั หาค่าตา่ สดุ มีข้ันตอนดังน้ี การเรยี กใช้ฟังกช์ ันพนื้ ฐาน 1. เมนู Home -> Editing หรือเมนู Formula จะแสดงประเภทของสูตรคานวณให้เลือกใช้ในทีน่ คี้ ลกิ ปุ่มลูกศรลงของ AutoSum 2. จะปรากฏสูตรฟังกช์ นั คานวณทใี่ ชง้ านใหเ้ ลือก Sum = ฟงั กช์ ันหาผมรวม Average = ฟงั กช์ ันหา คา่ เฉล่ยี Count Numbers = ฟังก์ชันนับจานวนข้อมูล Max = ฟงั กช์ ันหาค่าสงู สุด Min = ฟงั กช์ นั หาคา่ ตา่ สดุ และ More Functions = สูตรอ่นื ๆ 1) การใช้ฟังก์ชันในการหาผมรวม (Sum) ของกลุ่มตวั เลข คลิกที่ฟังกช์ นั Sum เลอื ก Drag คลุมช่วง ข้อมลู ตัวเลขที่ต้องการ (จะปรากฏฟังกช์ นั =SUM(A1:A4)) เสร็จแล้วกดปุ่ม Enter ครคู รรชติ แซ่โฮ่ โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จังหวดั ยะลา

~7~ 2) การใชฟ้ ังกช์ ันในการหาคา่ เฉลย่ี (Average) ของกลุ่มตวั เลข คลกิ ที่ฟังก์ชนั Average เลอื ก Drag คลุมช่วงขอ้ มลู ตัวเลขทต่ี อ้ งการ (จะปรากฏฟังก์ชนั = AVERAGE(A1:A4)) เสร็จแล้วกดปมุ่ Enter 3) การใชฟ้ ังก์ชนั ในการหาค่าจานวนนับของข้อมลู (Count Number) ของกล่มุ ตัวเลข คลกิ ทฟ่ี งั ก์ชนั Count Number เลอื ก Drag คลุมชว่ งข้อมลู ตัวเลขท่ีตอ้ งการ (จะปรากฏฟงั ก์ชนั = COUNT(A1:A4)) เสร็จ แลว้ กดปุม่ Enter 4) การใช้ฟังกช์ ันในการหาคา่ สงู สุด (Max) ของกลมุ่ ตัวเลข คลกิ ที่ฟงั ก์ชัน Max เลอื ก Drag คลมุ ชว่ ง ข้อมูลตวั เลขที่ต้องการ (จะปรากฏฟงั กช์ ัน =MAX(A1:A4)) เสร็จแลว้ กดปุ่ม Enter 5) การใช้ฟังกช์ ันในการหาคา่ ตา่ สุด (Min) ของกลุ่มตัวเลข คลิกท่ีฟังกช์ ัน Min เลอื ก Drag คลมุ ชว่ ง ข้อมลู ตัวเลขท่ตี อ้ งการ (จะปรากฏฟังก์ชัน =MIN(A1:A4)) เสรจ็ แลว้ กดปมุ่ Enter ครูครรชิต แซ่โฮ่ โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา

~8~ ฟงั กช์ ันเพิม่ เติม (More Functions) โปรแกรม Excel ไดม้ ีการออกแบบฟังก์ชันสาหรบั อานวยความสะดวกในการคานวณมาให้มากมาย เพอื่ ให้เลอื กใช้ได้อย่างเหมาะสมกับงานท่ตี ้องการ แตท่ ้ังนี้ก่อนทจ่ี ะมกี ารใช้ฟงั กช์ นั ของ Excel จาเป็นท่จี ะต้อง รู้วธิ ีการใชง้ านฟงั ก์ชันของ Excel ร่วมกับการคานวณ มีข้ันตอนดังนี้ 1. คลกิ เมนู Home -> Editing หรอื คลิกเมนู Formulas เลอื ก Function และทาการ Drag เมาส์ลง มาท่ี More Functions หรือคลกิ เมนู Formulas จะปรากฏหนา้ ตา่ ง Insert Function Dialog 1) Search for a function เปน็ สว่ นที่ผ้ใู ช้สามารถพิมพค์ าสาคัญที่ใชบ้ อกให้ Excel ค้นหาฟังก์ชันที่ เกยี่ วข้องกับสตู รหรอื ฟงั กช์ ัน หากผู้ใช้พมิ พเ์ สร็จ ใหค้ ลิกปุ่ม Go หาก Excel คน้ หาฟังกช์ ันท่ีเกยี่ วข้องกบั คา สาคัญทป่ี ้อน ก็จะแสดงผลลัพธเ์ ปน็ ช่อื ฟังกช์ ันใหผ้ ูใ้ ชเ้ ลือก เช่น ปอ้ นคาสาคัญลงไป คือ Summation ผลทไี่ ด้ จะปรากฏท่ีชอ่ ง Select a function เป็นชอื่ ฟังกช์ ัน SUM และให้สังเกตท่ี Or select a category น้ัน จะ แสดงเป็นแนะนา (Recommended) การใชฟ้ งั กช์ ัน 2) Or select a category เป็นกลุ่มประเภทของหมวดหรอื กล่มฟังกช์ ันคานวณท่ีผู้ใช้ตอ้ งการ เชน่ Statistic, Accounting เป็นต้น เมอื่ เลือกประเภทของกลมุ่ ฟงั กช์ นั การคานวณแลว้ ในส่วนของ select a function จะปรากฏช่อื ของฟังก์ชนั ทเี่ กย่ี วกบั กลุ่มงานใหเ้ ลือก 3) Help on this function เปน็ สว่ นที่แสดงถงึ ตัวช่วยเหลือในกรณีทผ่ี ใู้ ชต้ ้องการเรยี นรู้ถงึ ตัวอย่าง การใชฟ้ งั ก์ชัน 4) เมื่อคลิกเลือกแล้วพบฟังก์ชันทีต่ อ้ งการแลว้ ใหค้ ลิกปุ่ม OK เพื่อดาเนนิ การใชฟ้ ังก์ชันน้ันต่อไป ตัวอย่างคานวณหาคา่ ผลรวมโดยใช้ฟงั กช์ นั SUM ครูครรชติ แซโ่ ฮ่ โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จังหวดั ยะลา

~9~ ตัวอย่าง การหาคา่ ผลรวม คาสาคัญทน่ี าไปใช้ในการหาฟงั ก์ชันไดค้ ือ Summation, Sum 1. คลิกเมนู Insert เลือก Function แล้วปอ้ นคาสาคัญ Summation หรือ sum ลงใน search เลอื ก คลิกปมุ่ GO 2. select a function จะเห็นมีฟงั กช์ นั ชอ่ื SUM และมรี ูปแบบการใชง้ านพร้อมคาอธบิ ายหนา้ ท่ขี อง ฟงั ก์ชนั ใหค้ ลิกที่ฟังก์ชนั SUM 3. คลิกปุ่ม OK จะปรากฏหน้าตา่ ง Function Argument Dialog เพื่อให้ป้อนค่าลงในฟังกช์ นั SUM ใหพ้ ิมพอ์ าร์กิวเมนตล์ งในช่องขอ้ มลู Number1 หรอื Number2 แต่ข้อมูลทีต่ ้องการให้ฟังก์ชันคานวณมี มากกว่า 2 จานวน ในชอ่ ง Number1 สามารถรับค่าอาร์กิวเมนต์ไดม้ ากกว่า 1 ตวั แตก่ ารแยกอาร์กวิ เมนตแ์ ต่ ละตวั ใหใ้ ช้เครื่องหมายคอมมา(comma) ( , ) เป็นตัวคน่ั หรอื คานวณข้อมูลเปน็ ชว่ งโดยใช้เครือ่ งหมายโครอน (Colon) “:” เป็นตัวขนั้ เช่น B2 : B5 4. เมอ่ื ปอ้ นอาร์กวิ เมนตเ์ สร็จ ให้กดปุ่ม OK เพอ่ื จบการทางาน ครูครรชติ แซโ่ ฮ่ โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จังหวดั ยะลา

~ 10 ~ ฟังก์ชนั เป็นส่ิงท่ีจะชว่ ยให้ผู้ใช้โปรแกรมสามารถสร้างสูตรได้งา่ ยขนึ้ ดงั นั้นผู้ใช้โปรแกรมจงึ ควรทาความร้จู ัก และทาความเขา้ ใจกบั ฟงั กช์ นั พน้ื ฐานทใี่ ช้กันอยู่เป็นประจาจากตวั อย่างท่ผี ่าน ๆ มา ผ้ใู ช้โปรแกรมจะ สงั เกตเหน็ ว่าฟงั กช์ นั มสี ่วนประกอบ ดังนี้ ตารางตัวอย่างฟังก์ชันพื้นฐาน ตวั อยา่ ง การใชง้ านฟังก์ชัน IF การฟังกช์ ัน IF ใช้สาหรับการทางานท่มี ีการกาหนดเง่ือนไขเป็นทางเลอื ก ถา้ เงื่อนไขเปน็ จรงิ จะให้ โปรแกรมทางานอยา่ งหนึ่ง แต่ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าเงื่อนไขเป็นเท็จหรือไม่เปน็ จริงจะสั่งให้โปรแกรมทางาน อกี อย่างหนง่ึ เชน่ =IF(A1 > 50,”ผา่ น”,”ไมผ่ ่าน) หรือใช้ IF ซอ้ นกนั หลายชั้นแต่ไม่เกนิ 7 ช้ัน เช่น =IF(B2 < 50,”กลุ่มอ่อน”, IF(B2 < 60,”กลุ่มปานกลาง”, IF(B2 < 70,”กล่มุ เก่ง”,”กลมุ่ เก่งมาก”))) นอกจากน้ันยัง สามารถใชค้ าสัง่ AND, OR, NOT ประกอบการตั้งเงื่อนไข ครูครรชิต แซ่โฮ่ โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา

~ 11 ~ การนาฟังก์ชนั IF แบบ 1 ช้ันมาใช้งานในการคานวณ เช่น ใช้ในการตดั สนิ ใจในการเลือกผลติ สินคา ใน การคานวณช่องเซลล์ C2 ใช้เรียกใช้ฟังก์ชัน IF หรือจะพิมพ์ลงในช่องเซลล์ C2 โดยพิมพ์=IF(B2<=100,\" ผลิต\",\"ไม่ ผลิต\") และช่องเซลล์ C3 พิมพ์=IF(B3<=100,\"ผลิต\",\"ไม่ผลิต\") จนถึง C7 หรือใช้วิธีการคัดลอก (Copy) สูตร ฟังกช์ นั การคัดลอก (Copy) สูตรฟงั ก์ชัน ใช้ในกรณเี ชน่ มีการทาการคานวณทซี่ ้า ๆ กันหรือแบบเดยี วเพื่อไม่ต้องพิมพ์สตู รการคานวณหลายครั้ง ขนั้ ตอนมดี ังน้ี 1. เลือกเซลล์ทต่ี ้องการแสดงผลเชน่ C2 2. ใส่ฟงั ก์ชนั การคานวณลงในชอ่ งเซลล์ C2 เช่น ฟงั กช์ ัน IF หรอื พมิ พ=์ IF(B2<=100,\"ผลติ \",\"ไมผ่ ลิต\") 3. นาเมาสไ์ ปวางด้านมุมขวาของช่องเซลล์C2 เมาสจ์ ะเปล่ียนเป็นเครื่องหมาย“+” 4. Drag เมาสเ์ ลอ่ื นลงไปจนถึงยงั เซลลป์ ลายทางทีต่ ้องการคานวณ หรือใช้วิธีคดั ลอกสูตรฟงั กช์ นั ไปวางในเซลลป์ ลายทาง ครคู รรชิต แซโ่ ฮ่ โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา

~ 12 ~ การนาฟังกช์ ัน IF แบบ 2 ช้ันมาใช้งานในการคานวณหาการผลิตของสินค้า ตารางตวั อย่างฟังก์ชัน IF 2 ชั้น ในการคานวณช่องเซลล์ C2 จะใชฟ้ งั ก์ชัน IF จากเมนหู รือจะพิมพ์ลงในช่องเซลล์ C2 กไ็ ด้โดยพมิ พ์ =IF(B2<=200,500, IF(B2<600,200,\"ไม่ผลติ \")) และชอ่ งเซลล์ C3 พิมพ์= IF(B2<=200,500, IF(B2 <600,200,\"ไม่ผลติ \")) จนถงึ C7 หรอื ใช้วธิ กี ารคัดลอก(Copy) สูตร การอ้างอิง การอ้างอิงตาแหน่งของเซลลร์ ่วมกบั การใช้ฟงั ก์ชันในการคานวณ การอา้ งถึงตาแหน่งของ Excel สาหรับนาข้อมูลมาคานวณ แบ่งออกเป็น 3 แบบดังนี้ 1. การอา้ งองิ แบบสัมพนั ธ์ (Relative Referencing) 2. การอ้างองิ แบบสมบูรณ์ (Absolute Referencing) 3. การอา้ งอิงแบบผสม (Mixed Referencing) 1. การอ้างอิงตาแหน่งเซลล์แบบสมั พนั ธ์ (Relative Referencing) การอา้ งองิ ตาแหน่งข้อมลู โดยตาแหนง่ ของข้อมลู เม่ือทาการสาเนาไปใหเ้ ซลล์อื่นแลว้ จะมีการ เปลี่ยนแปลงตาแหนง่ ไปด้วยโดยทส่ี ตู รไม่มีการเปล่ยี นแปลง เช่น เซลล์ต้นฉบับท่ีมีสตู รสมการทตี่ ้องการทา สาเนาอยทู่ ่ตี าแหน่ง B6 ภายในเซลล์มสี ตู รการรวมกันของข้อมูลท่ีติดกัน 5 เซลล์คือ ช่วง A1:A5 จะไดส้ ูตร คือ =Sum(A1:A5) ครคู รรชติ แซ่โฮ่ โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา

~ 13 ~ 2. การอ้างอิงแบบสมบรู ณ์ (Absolute Referencing) การอ้างอิงแบบสมบูรณ์ (Absolute Referencing) เปน็ การอ้างอิงตาแหน่งโดยท่ีต้องการกาหนดให้ ตาแหนง่ ทต่ี ้องการอา้ งถงึ ในสูตรไมม่ ีการเปลย่ี นแปลงตาแหน่งไปเป็นตาแหน่งอ่ืนเมื่อทาการสาเนาไปวางยงั ตาแหนง่ ใดใน Work Sheet กจ็ ะยงั คงอ้างถึงตาแหนง่ เดิมเสมอ ซ่งึ การอ้างองิ ตาแหน่งแบบ Absolute นี้ จะตอ้ งมีการใชเ้ คร่ืองหมาย $ มากาหนดให้สาหรับบอกให้ Excel ทราบวา่ เมื่อใดทมี่ เี ครื่องหมาย $ วางไว้ หน้าตาแหน่งแถว (row) หรอื วางไวห้ น้าตาแหนง่ คอลมั น์ (column) แล้ว แสดงว่าแถวหรอื คอลัมนน์ ้ันจะไม่มี การเปล่ยี นแปลงตาแหน่ง เชน่ ตอ้ งการกาหนดใหต้ าแหนง่ ของเซลลเ์ ป็นคอลัมน์ A เสมอไม่วา่ จะสาเนาไปวาง ยังเซลลใ์ ด ๆ แต่แถวสามารถเปลี่ยนแปลงไดส้ ามารถกาหนดได้คือ $A1 ตอ้ งการกาหนดให้ตาแหนง่ ของเซลล์เปน็ คอลมั น์ใด ๆ ก็ได้แต่แถวตอ้ งการกาหนดใหเ้ ป็นแถวที่ 2 เสมอ ไมว่ า่ จะสาเนาไปวางยังเซลล์ใด ๆ สามารถกาหนดได้คือ A$2 ต้องการกาหนดให้ตาแหนง่ ของเซลลเ์ ปน็ คอลมั น์ A และแถวต้องการกาหนดใหเ้ ป็นแถวท่ี 1 เสมอ ไม่ ว่าจะสาเนาไปวางยังเซลล์ใด ๆ สามารถกาหนดได้คือ $A$1 ประโยชน์ของการอ้างองิ ตาแหน่งแบบ Absolute เชน่ ต้องการบวกคา่ คงที่ท่ีอยู่ในตาแหนง่ B1 ให้กับ เซลล์ C1 ดังน้ันจะไดส้ ูตรคือ=SUM(A1*B$1) เม่อื ทาสาเนาไปสตู รของเซลล์ C1 ไปยงั เซลล์ C2 สตู รทไ่ี ด้ใน ตาแหนง่ C2 คือ =SUM(A2*B$1) สังเกตในสตู รตาแหนง่ ที่ไม่มีการใส่เครื่องหมาย $ กากบั หนา้ ตาแหนง่ คอลมั นห์ รือแถวจะมีการเปล่ยี นแปลงตาแหนง่ ไป แตท่ ่ตี าแหนง่ B1 ท่อี า้ งองิ เป็นแบบ Absolute ก็ยังคงเป็น ตาแหนง่ เดมิ ไมม่ ีการเปลย่ี นแปลง 3. การอ้างอิงแบบผสม (Mixed Referencing) การคานวณต่าง Work Sheet จะมีลกั ษณะที่ต่างจากการคานวณภายใน Work Sheetอยสู่ ว่ นหนงึ่ เทา่ นน้ั เมือ่ ต้องการอ้างข้อมูลทอ่ี ยู่ใน Work Sheet ไหน กจ็ ะต้องมกี ารอา้ งถึงชื่อ Work Sheet ที่จะนาขอ้ มลู มาคานวณโดยจะมีรูปแบบในการอา้ ง Work Sheet ดังนี้ ตวั อยา่ ง ต้องการอา้ งองิ ข้อมูลผลรวมในช่องเซลล์ D6 ของ Sheet1 ไปแสดงท่ชี ่องเซลล์ A1 ของ Sheet2 1) คลกิ เมาสท์ ช่ี อื่ Sheet2 ให้Active 2) คลกิ ท่เี ซลล์ A1 ของ Sheet2 เพือ่ ป้อนสูตร โดยพมิ พ์สตู ร =Sheet1!D6 3) กดป่มุ enter เพ่ือจบการปอ้ นสูตร ก็จะไดผ้ ลลพั ธ์แสดงทช่ี อ่ ง A1 ของ Sheet1 หรือคลิกที่เซลล์ A1 ของ Sheet2 พมิ พ์ = ลงในชอ่ งเซลล์ A1 ของ Sheet2 จากน้ันให้นาเมาส์ไปคลิก Sheet 1 และนาไปคลิก เซลล์ D6 เสรจ็ แลว้ กดปุ่ม Enter จะปรากฏขอ้ มลู ตวั เดียวกนั ระหวา่ ง D6 Sheet1 กับ A1 Sheet2 ถ้ามีการ เปลย่ี นขอ้ มูลใน D6 Sheet1 ขอ้ มลู A1 Sheet2 กจ็ ะเปลี่ยนตาม ครคู รรชิต แซโ่ ฮ่ โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จังหวดั ยะลา

~ 14 ~ ครูครรชิต แซโ่ ฮ่ โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา

~ 15 ~ ใบงาน การใช้ฟงั ก์ชันการคานวณในโปรแกรม Excel จดุ ประสงค์ 1. สร้างเอกสารใหม่ได้ 2. ใชฟ้ งั ก์ชันการคานวณในโปรแกรม Excel ได้ 3. จัดรปู แบบข้อมูลได้ คาสงั่ การปฏิบัตงิ าน 1. ใหส้ รา้ งเอกสารใหม่ 2. พิมพ์ข้อมูลจากตัวอยา่ งลงในแผน่ งานและเซลล์ E7 ถึง E16 ให้พมิ พ์เคร่ืองหมาย ’ ก่อนพิมพ์ สตู ร เชน่ ในเซลล์ E7 ใหพ้ มิ พ์ ’=SUM(D3:D6) ฯลฯ 3. ในเซลล์ D7 ถงึ D16 ใหห้ าผลลพั ธจ์ ากฟงั ก์ชัน จากเซลล์ E7 ถึง E16 4. จดั รปู แบบเซลล์ตามตวั อย่าง 5. บันทกึ ไฟลเ์ อกสารช่อื HCEC64@[ชอ่ื -สกลุ นักเรียน]@[โรงเรยี น]@[วนั ที]่ เกณฑ์การให้คะแนน 5 คะแนน 1 คะแนน 1. สรา้ งแผ่นงานใหมไ่ ด้ถูกต้อง 1 คะแนน 2. ใชฟ้ ังกช์ ันสรา้ งสตู รและคานวณคา่ ได้ถูกต้อง 1 คะแนน 3. จัดรูปแบบของขอ้ มูลและรูปแบบตารางไดถ้ ูกตอ้ ง 1 คะแนน 4. กาหนดขนาดของงานและพิมพ์งานทางเคร่ืองพิมพ์ได้ถูกต้อง 1 คะแนน 5. กาหนดชอื่ แฟ้มงานและบันทึกแฟ้มงาน (File) ได้ถูกต้อง ครูครรชิต แซโ่ ฮ่ โรงเรยี นคณะราษฎรบารุง จังหวัดยะลา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook