แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 7 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าฟสิ กิ ส์เพิม่ เติม 6 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 รหัสวิชา ว33202 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 ฟสิ ิกสอ์ ะตอม เวลาเรยี น 32 คาบ เร่อื ง ปรากฏการณ์โฟโตอเิ ลก็ ทริก เวลาเรยี น 4 คาบ ครผู สู้ อน นางอานซี า แวอูมา โรงเรียนคณะราษฎรบำรงุ จังหวัดยะลา สพม.15 1. สาระวิทยาศาสตรเ์ พมิ่ เติม สาระฟสิ กิ ส์ข้อท่ี 4 เข้าใจความสมั พนั ธ์ของความร้อนกับการเปลย่ี นอณุ หภูมิและสถานะของสสาร สภาพยดื หยนุ่ ของวสั ดแุ ละมอดุลัสของยงั ความดนั ในของไหล แรงพยงุ และหลักของอาร์คมิ ดี ิส ความตึงผวิ และ แรงหนดื ของของเหลว ของไหลอุดมคติ และสมการแบร์นูลลี กฎของแก๊ส ทฤษฎีจลน์ของแกส๊ อดุ มคติและ พลงั งานในระบบทฤษฎอี ะตอมของโบร์ ปรากฏการณโ์ ฟโตอิเล็กทริก ทวิภาวะของคล่นื และอนภุ าค กมั มันตภาพรงั สี แรงนิวเคลยี ร์ ปฏิกิรยิ านวิ เคลยี ร์ พลงั งานนิวเคลียร์ ฟสิ ิกส์อนภุ าค รวมท้ังนาํ ความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2. ผลการเรยี นรู้ อธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริกและคำนวณพลงั งานโฟตอน พลงั งานจลน์ของโฟโตอิเล็กตรอน และ ฟงั ก์ชนั งานของโลหะ 3. สาระสำคญั เมือ่ แสงทม่ี ีความถีเ่ หมาะสมตกกระทบผิวโลหะ จะทำให้อิเลก็ ตรอนหลดุ จากผวิ โลหะนน้ั ได้ เรียก ปรากฏการณ์น้ีว่า ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก (photoelectric effect) โดยเรียกอิเล็กตรอนท่หี ลุด จากผิว โลหะวา่ โฟโตอเิ ลก็ ตรอน (photoelectron) ซ่งึ จะมจี ำนวนเพมิ่ ข้นึ ตามความเข้มแสงท่ตี กกระทบ ไอน์สไตน์ได้ เสนอแนวความคิดเพ่ืออธิบายปรากฏการณ์โฟโตอเิ ล็กทริกโดยอาศัยสมมติฐานของพลงั ค์ว่า แสงมลี กั ษณะเปน็ ก้อนพลงั งานหรือควอนตัมของพลงั งาน ซ่งึ เรียกว่า โฟตอน (photon) มีพลังงาน hf และ ปรากฏการณโ์ ฟโตอิ เล็กทริกจะเกิดขน้ึ ไดจ้ ะต้องใช้แสงทม่ี ีความถ่ีมากกวา่ หรือเท่ากบั ความถค่ี ่าหนึ่งท่ีเรยี กว่า ความถข่ี ีดเริ่ม (threshold frequency) ซ่ึงเปน็ ความถ่ีของโฟตอนทม่ี พี ลังงานเทา่ กับพลังงานที่โลหะยดึ อิเลก็ ตรอนไวเ้ รยี กว่า ฟังกช์ ันงาน (work function) ตามสมการ W = hf0 จากกฎการอนรุ ักษ์พลังงาน จะได้พลังงานจลนส์ ูงสุดของโฟ โตอิเลก็ ตรอนตามสมการ Ek max= hf - W พลงั งานจลนส์ งู สุดของโฟโตอเิ ล็กตรอนหาได้จากการทดลองด้วยการ ตอ่ ความต่างศักย์ไฟฟ้าต้านโฟโตอเิ ล็กตรอน จนกระแส โฟโตอิเล็กตรอนเปน็ ศูนย์พอดีเรยี ก ความตา่ งศักย์ หยดุ ยัง้ Vs สัมพนั ธก์ ับพลังงงานจลน์สงู สดุ ของโฟโตอิเลก็ ตรอน ตามสมการ Ek max = eVs – W 60
4. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ - อธิบายปรากฏการณโ์ ฟโตอิเล็กทริก (K2) - อธบิ ายพลังงานโฟตอน พลงั งานจลน์สูงสุดของโฟโตอิเล็กตรอน และฟังก์ชนั งานของโลหะ (K2) - สบื ค้น และนำเสนอขอ้ มลู ปรากฏการณ์โฟโตอิเลก็ ทริก (P2) - มคี วามกระตือรอื ร้นในการเรยี นรู้ และมคี วามมุง่ ม่นั ในการทำงาน มคี วามซ่ือสตั ย์ มีวินยั ตอ่ ตนเอง และผอู้ นื่ (A1A2) 5. สาระการเรยี นรู้ - ปรากฏการณโ์ ฟโตอเิ ล็กทริก 6. สมรรถนะสำคญั 4.1 ความสามารถในการส่ือสาร 4.4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต 4.2 ความสามารถในการคิด 4.5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 4.3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 7. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 5.1 รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 5.5 อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง 5.2 ซอ่ื สัตยส์ ตุ จริต 5.6 มงุ่ ม่ันในการทำงาน 5.3 มวี ินัย 5.7 รักความเป็นไทย 5.4 ใฝเ่ รียนรู้ 5.8 มีจิตสาธารณะ 8. หลักฐานการจดั การเรยี นรู้ (ชิ้นงาน/ภาระงาน) - แบบทดสอบ 9. กจิ กรรมการจดั การเรียนการสอน(วธิ ีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5E ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมอื ) คาบที่ 1 และ 2 1 ขั้นสรา้ งความสนใจ 1.1 นำเขา้ สู่บทเรียนโดยตง้ั ประเด็นคำถามว่า - เมือ่ ฉายแสงทม่ี ีความถีเ่ หมาะสมลงบน ผวิ โลหะ จะเป็นอยา่ งไร - จากสมมติฐานของพลงั คส์ ามารถอธบิ ายการแผ่ของวตั ถดุ ำ การแผ่ของแก๊สร้อน และโครงสร้าง ของอะตอมได้อย่างถูกต้อง ในขณะท่ีฟสิ ิกส์แบบฉบับไม่สามารถอธบิ ายได้นน้ั สมมตฐิ านของพลงั คส์ ามารถนำมา อธบิ ายการเกดิ โฟโตอเิ ล็กทริกไดห้ รอื ไม่อย่างไร 1.2 เปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งอสิ ระ ไมค่ าดหวงั คำตอบท่ีถูกตอ้ ง 2 ขั้นสำรวจและคน้ หา 2.1 นักเรียนร่วมกนั อภิปรายประเดน็ ปญั หาขา้ งต้น 2.2 นักเรียนสบื ค้นประเด็นต่อไปน้ี 2.2.1 ปรากฏการณ์โฟโตอเิ ลก็ ทรกิ 61
2.2.2 จำนวนโฟโต้อเิ ล็กตรอน พลังงานจลนส์ ูงสดุ ของอิเล็กตรอน 2.2.3 ความสมั พนั ธร์ ะหว่างความเข้มของแสงกบั กระแสโฟโต้อเิ ลก็ ตรอน 2.2.4 ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งความถ่ขี องแสงกับความต่างศักย์หยดุ ยง้ั ของโต้อิเลก็ ตรอน 3 ขัน้ อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 3.1 นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ นำเสนอผลการสบื คน้ และร่วมกนั อภริ าย 3.2 ครอู ธบิ ายเพ่ิมเติม ผา่ น Powerpoint คาบที่ 3-4 4 ข้ันขยายความรู้ 4.1 นกั เรียนและครรู ว่ มกันอภิปราย และสรุปสาระสำคัญ ไดด้ ังนี้ 4.1.1. ปรากฏการณท์ ี่แสงทำให้อเิ ล็กตรอนหลุดจากโลหะ ซง่ึ เรียกว่า ปรากฏการณ์โฟโตอิ เลก็ ทรกิ และอิเล็กตรอนที่หลดุ ออกมา เรยี กวา่ โฟโตอเิ ลก็ ตรอน โดยจะเกิด โฟโตอเิ ลก็ ตรอนทนั ทีเม่ือแสงมี ความถเี่ หมาะสม แม้แสงจะมีความเขม้ ต่ำมาก 4.1.2. ไอน์สไตน์ใช้สมมตฐิ านควอนตมั พลังงานแสงของพลังค์ อธบิ ายว่า แสงแสดงสมบัติ เป็น อนภุ าค เรยี กวา่ ควอนตมั ของแสง ซึง่ ต่อมาเรียกวา่ โฟตอน โดยแตล่ ะโฟตอนมพี ลงั งานเทา่ กบั hf เมอ่ื โฟตอน 1 โฟตอน ตกกระทบบนผิวโลหะ จะถา่ ยโอนพลงั งานทัง้ หมดให้กบั อิเล็กตรอน 1 อเิ ลก็ ตรอน ถา้ ความถี่ของแสงที่ ใชม้ ีค่าเทา่ กบั ความถ่ขี ดี เริ่ม f0 กจ็ ะเกิดโฟโตอิเลก็ ตรอนหลุดออกจากผิวโลหะพอดี และพลงั งานของโฟตอนจะ เท่ากบั ฟังกช์ นั งานของโลหะ หากความถ่ีของแสงท่ีใช้มีค่ามากกว่าความถี่ขีดเร่ิมอเิ ล็กตรอนทีห่ ลุดจากผวิ โลหะจะ มพี ลงั งานจลน์ 4.1.3. กราฟความสัมพันธร์ ะหวา่ งพลงั งานจลน์สูงสดุ ของโฟโตอิเล็กตรอนกับความถ่ีเปน็ กราฟ เส้นตรงท่ีมคี วามชนั เท่ากบั คา่ คงตวั ของพลงั ค์ เม่อื เขยี นกราฟของโลหะตา่ งชนดิ ความชนั ของกราฟจะมีคา่ เท่ากัน แตจ่ ะได้จุดตัดกราฟต่างกนั เปน็ ความถี่ขีดเริ่มและฟังก์ชันงานของโลหะแต่ละชนิด และหาฟงั กช์ ันงานได้ 4.1.4. มีการวัดพลังงานจลน์ของโฟโตอิเล็กตรอน ทำได้โดยการต่อ แหลง่ กำเนดิ ไฟฟา้ P ที่ปรับ ความต่างศักย์ได้ ทำใหศ้ ักยไ์ ฟฟ้าของขัว้ แอโนด เปน็ ลบเมื่อเทียบกบั ข้วั แคโทด 4.1.5 พลังงานศักย์ไฟฟ้าที่ศักย์หยดุ ย้ังมคี ่าเท่ากบั พลังงานจลนส์ ูงสุดของโฟโตอเิ ล็กตรอน และ ศกั ยไ์ ฟฟา้ ท่ีต่อเข้ากับวงจรในขณะนั้น คือ ศักย์หยดุ ยั้ง 4.1.6 ถา้ ทำการทดลองโดยใช้แสงความถี่เทา่ เดิม แต่เพิ่มความเขม้ แสงท่ีตกกระทบ จะพบว่า กระแสไฟฟ้าในวงจรเพิม่ ขึน้ แต่ศกั ย์หยดุ ยง้ั มคี า่ เท่ากัน 5 ข้นั ประเมิน 5.1 นกั เรยี นทำแบบทดสอบ ใน Quizizz 5.2 นักเรยี นแต่ละคนพิจารณาเรอื่ งท่เี รยี นในคาบว่ามีเรอื่ งใดท่ยี ังไม่เข้าใจหรอื ยังมขี ้อสงสยั และให้ นกั เรียนศึกษาเพมิ่ เตมิ ย้อนหลังไดจ้ าก Facebook group ของแตล่ ะห้อง 62
10. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้ - เอกสารประกอบการเรยี น เรื่อง ฟสิ ิกส์อะตอม - Powerpoint เรอ่ื ง ปรากฏการณ์โฟโตอเิ ล็กทรกิ - หนังสือเรยี นรายวชิ าเพ่ิมเติม ฟิสิกส์ เล่ม 6 ของ สสวท. - Facebook group ของแตล่ ะห้อง 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ • ด้านความรคู้ วามสามารถ เคร่ืองมือ วธิ ีการวดั เกณฑก์ ารประเมิน คำถามในแผนการเรยี นรู้ การตอบคำถาม เกณฑ์ผ่าน 50 % • ดา้ นทักษะกระบวนการ เครอ่ื งมือ วิธกี ารวดั เกณฑ์การประเมนิ แบบทดสอบ การตอบแบบทดสอบ เกณฑผ์ ่าน 50 % • ด้านคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ เคร่อื งมอื วธิ กี ารวัด เกณฑก์ ารประเมิน แบบสงั เกตพฤติกรรม สงั เกตพฤติกรรม ตอ้ งไดร้ ะดับคุณภาพ ดี ข้นึ ไป 63
บันทึกหลังสอน รายวชิ า ฟสิ ิกส์ 6 (ว 33202) ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 6/1 หนว่ ยท่ี 1 เรอื่ ง ฟสิ ิกส์อะตอม จำนวน 32 ชัว่ โมง แผนท่ี ...7...เรื่อง ....ปรากฏการณ์โฟโตอเิ ลก็ ทรกิ .... จำนวน …4...ชวั่ โมง 1. ผลการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1.1 ด้านพทุ ธิพสิ ัย (K) ...นักเรียนสามารถอธิบายปรากฏการณ์โฟโตอเิ ลก็ ทริก พลงั งานโฟตอน พลงั งานจลน์ สูงสุดของโฟโตอิเลก็ ตรอน และฟังกช์ นั งานของโลหะ และตอบคำถามได.้ ... 1.2 ดา้ นทักษะพิสัย (P) ...นกั เรยี นสามารถสืบค้นและนำเสนอข้อมูลปรากฏการณโ์ ฟโตอิเลก็ ทริก พลงั งาน โฟตอน พลงั งานจลนส์ ูงสดุ ของโฟโตอิเลก็ ตรอน และฟงั กช์ นั งานของโลหะได.้ ... 1.3 ดา้ นจิตพิสยั (A) ....นกั เรยี นมคี วามกระตือรอื ร้นในการเรยี นรู้ และมีความม่งุ ม่ันในการเรยี นร.ู้ .... 2. ผลการเรยี นของนักเรียน 2.1 จำนวนท้ังหมด ...23.... คน เข้าเรียน ....21...... คน ขาดเรยี น....2..... คน 2.2 ผลการประเมนิ จุดประสงค์ ผ่านเกณฑ์ จำนวนนกั เรียน (คน) 20 ไมผ่ ่านเกณฑ์ ไมเ่ ข้ารับการประเมิน ด้านพทุ ธิพิสยั 21 -2 ดา้ นทักษะพิสัย 21 -2 ดา้ นจิตพสิ ยั -2 3. ปญั หาและอปุ สรรค .... นกั เรยี นที่ไมเ่ ข้าเรยี นในคาบจะไม่ไดร้ ับการประเมิน.... 4. ขอ้ เสนอแนะแนวทางการแก้ปัญหา ....เปดิ โอกาสให้นกั เรียนส่งงานเพ่ิมเติม และตรวจสอบคะแนนไดใ้ น Data Studio ................... ลงช่ือ (นางอานีซา แวอูมา) ครูผสู้ อน 64
บันทึกหลังสอน รายวิชา ฟสิ ิกส์ 6 (ว 33202) ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 6/4 หนว่ ยท่ี 1 เรือ่ ง ฟสิ ิกส์อะตอม จำนวน 32 ชว่ั โมง แผนท่ี ...7...เรือ่ ง ....ปรากฏการณ์โฟโตอเิ ลก็ ทรกิ .... จำนวน …4...ชว่ั โมง 1. ผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 1.1 ด้านพทุ ธพิ ิสัย (K) ...นักเรียนสามารถอธิบายปรากฏการณโ์ ฟโตอิเลก็ ทริก พลงั งานโฟตอน พลงั งานจลน์ สูงสุดของโฟโตอิเลก็ ตรอน และฟงั กช์ นั งานของโลหะ และตอบคำถามได้.... 1.2 ดา้ นทักษะพสิ ัย (P) ...นกั เรยี นสามารถสืบค้นและนำเสนอขอ้ มูลปรากฏการณโ์ ฟโตอิเล็กทริก พลงั งาน โฟตอน พลงั งานจลน์สูงสดุ ของโฟโตอิเลก็ ตรอน และฟงั กช์ ันงานของโลหะได.้ ... 1.3 ดา้ นจิตพสิ ยั (A) ....นกั เรยี นมคี วามกระตือรือร้นในการเรยี นรู้ และมีความม่งุ มนั่ ในการเรยี นรู้..... 2. ผลการเรยี นของนกั เรียน 2.1 จำนวนทง้ั หมด ...37.... คน เข้าเรียน ....35...... คน ขาดเรยี น....2..... คน 2.2 ผลการประเมนิ จุดประสงค์ ผ่านเกณฑ์ จำนวนนกั เรียน (คน) 35 ไม่ผ่านเกณฑ์ ไมเ่ ขา้ รับการประเมิน ด้านพุทธิพสิ ัย 35 -2 ดา้ นทกั ษะพิสยั 35 -2 ดา้ นจิตพสิ ยั -2 3. ปญั หาและอปุ สรรค .... นกั เรยี นทีไ่ มเ่ ขา้ เรยี นในคาบจะไม่ไดร้ ับการประเมนิ .... 4. ขอ้ เสนอแนะแนวทางการแก้ปัญหา ....เปดิ โอกาสใหน้ กั เรียนส่งงานเพ่ิมเติม และตรวจสอบคะแนนได้ใน Data Studio ................... ลงชอ่ื (นางอานซี า แวอมู า) ครผู ูส้ อน 65
บนั ทกึ หลังสอน รายวชิ า ฟสิ กิ ส์ 6 (ว 33202) ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 6/6 หน่วยท่ี 1 เร่ือง ฟิสกิ ส์อะตอม จำนวน 32 ชว่ั โมง แผนที่ ...7...เร่อื ง ....ปรากฏการณ์โฟโตอเิ ล็กทรกิ .... จำนวน …4...ช่วั โมง 1. ผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1.1 ดา้ นพุทธพิ ิสัย (K) ...นักเรยี นสามารถอธิบายปรากฏการณโ์ ฟโตอิเลก็ ทรกิ พลังงานโฟตอน พลังงานจลน์ สูงสุดของโฟโตอิเลก็ ตรอน และฟังกช์ นั งานของโลหะ และตอบคำถามได้.... 1.2 ด้านทกั ษะพสิ ยั (P) ...นกั เรียนสามารถสืบค้นและนำเสนอข้อมูลปรากฏการณโ์ ฟโตอเิ ลก็ ทริก พลงั งาน โฟตอน พลังงานจลนส์ ูงสุดของโฟโตอเิ ล็กตรอน และฟังกช์ นั งานของโลหะได้.... 1.3 ดา้ นจิตพิสัย (A) ....นกั เรยี นมคี วามกระตือรือร้นในการเรยี นรู้ และมคี วามมุง่ มัน่ ในการเรยี นร้.ู .... 2. ผลการเรยี นของนกั เรยี น 2.1 จำนวนทัง้ หมด ...36.... คน เข้าเรียน ....35..... คน ขาดเรยี น....1.... คน 2.2 ผลการประเมิน จดุ ประสงค์ ผ่านเกณฑ์ จำนวนนกั เรยี น (คน) 35 ไม่ผ่านเกณฑ์ ไม่เขา้ รบั การประเมนิ ด้านพุทธพิ ิสัย 32 -1 ดา้ นทกั ษะพสิ ยั 36 31 ด้านจติ พิสัย -1 3. ปัญหาและอปุ สรรค ....นักเรยี นท่ีไมผ่ ่านเกณฑ์ เนื่องจากสอบไมผ่ ่าน นกั เรยี นท่ีไมเ่ ขา้ เรียนในคาบจะไม่ไดร้ ับการประเมิน.... 4. ข้อเสนอแนะแนวทางการแกป้ ัญหา ....เปิดโอกาสให้นักเรยี นส่งงานเพม่ิ เติม สอบแก้ และตรวจสอบคะแนนได้ใน Data Studio ................... ลงชือ่ (นางอานซี า แวอูมา) ครผู สู้ อน 66
ความคดิ เห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้ ไดท้ ำการตรวจแผนการจัดการเรยี นรู้ของ นางอานีซา แวอูมา แลว้ มีความคิดเห็นดงั นี้ (ใสเ่ ครอ่ื งหมาย ในช่อง ที่ตรงตามขอ้ ความท่ีกำหนด) การกำหนดจดุ ประสงค์การเรียนรู้สอดคลอ้ งกับตัวชีว้ ดั / ผลการเรยี นรู้ การเขยี นองค์ประกอบของแผนการจดั การเรยี นรู้ถูกต้องครบถว้ นทกุ หวั ข้อ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้เน้นผ้เู รียนเปน็ สำคัญ และบรรลุจดุ ประสงค์การเรียนรู้ การวัดผลและประเมนิ ผลสอดคล้องกบั จดุ ประสงค์การเรียนรแู้ ละกจิ กรรมการเรยี นรู้ ขอ้ เสนอแนะเพ่ิมเติม ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. ........ ลงชื่อ............................................... (นางภูรชิ ญา ชมู ณ)ี ตำแหนง่ ครู หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ ความคิดเห็นของรองผูอ้ ำนวยการกลุ่มบริหารงานวชิ าการ ............................................................................................................................. .................................................... ..................................................................................................................................... ลงช่ือ............................................... (นางสาวเพรศิ พิศ คูหามุข) ตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝา่ ยบรหิ ารกล่มุ งานวิชาการ ความคิดเหน็ ของผ้อู ำนวยการโรงเรยี น อนมุ ตั ิ ไมอ่ นุมัติ เน่ืองจาก................................................................................ ........................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................. ลงชือ่ ............................................... (นายนพปฎล มุณีรตั น์) ตำแหนง่ ผู้อำนวยการโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา 67
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 8 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาฟสิ กิ สเ์ พ่ิมเตมิ 6 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 รหัสวิชา ว33202 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 ฟสิ ิกสอ์ ะตอม เวลาเรยี น 32 คาบ เร่อื ง ปรากฏการณ์โฟโตอเิ ลก็ ทริก เวลาเรยี น 4 คาบ ครผู สู้ อน นางอานซี า แวอูมา โรงเรียนคณะราษฎรบำรงุ จงั หวัดยะลา สพม.15 1. สาระวิทยาศาสตรเ์ พมิ่ เติม สาระฟสิ กิ ส์ข้อท่ี 4 เข้าใจความสมั พนั ธ์ของความร้อนกับการเปลยี่ นอณุ หภมู ิและสถานะของสสาร สภาพยดื หยนุ่ ของวสั ดแุ ละมอดุลัสของยงั ความดนั ในของไหล แรงพยงุ และหลักของอารค์ ิมีดิส ความตึงผิวและ แรงหนดื ของของเหลว ของไหลอุดมคติ และสมการแบร์นูลลี กฎของแก๊ส ทฤษฎจี ลนข์ องแก๊สอดุ มคติและ พลงั งานในระบบทฤษฎอี ะตอมของโบร์ ปรากฏการณโ์ ฟโตอิเล็กทริก ทวิภาวะของคลนื่ และอนุภาค กมั มันตภาพรงั สี แรงนิวเคลยี ร์ ปฏิกิรยิ านวิ เคลยี ร์ พลงั งานนิวเคลียร์ ฟสิ ิกสอ์ นุภาค รวมทงั้ นําความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2. ผลการเรยี นรู้ อธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริกและคำนวณพลงั งานโฟตอน พลงั งานจลน์ของโฟโตอิเล็กตรอน และ ฟงั ก์ชนั งานของโลหะ 3. สาระสำคญั เมือ่ แสงทม่ี ีความถีเ่ หมาะสมตกกระทบผิวโลหะ จะทำให้อิเลก็ ตรอนหลุดจากผวิ โลหะนัน้ ได้ เรียก ปรากฏการณ์น้ีว่า ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก (photoelectric effect) โดยเรียกอเิ ล็กตรอนที่หลุด จากผวิ โลหะวา่ โฟโตอเิ ลก็ ตรอน (photoelectron) ซ่งึ จะมจี ำนวนเพ่ิมข้นึ ตามความเข้มแสงท่ตี กกระทบ ไอนส์ ไตน์ได้ เสนอแนวความคิดเพ่ืออธิบายปรากฏการณ์โฟโตอเิ ล็กทริกโดยอาศัยสมมตฐิ านของพลังค์ว่า แสงมลี ักษณะเป็น ก้อนพลงั งานหรือควอนตัมของพลงั งาน ซ่งึ เรียกวา่ โฟตอน (photon) มีพลังงาน hf และ ปรากฏการณ์โฟโตอิ เล็กทริกจะเกิดขน้ึ ไดจ้ ะต้องใช้แสงทม่ี ีความถ่ีมากกวา่ หรือเท่ากบั ความถค่ี า่ หนึ่งทเ่ี รียกวา่ ความถขี่ ีดเรมิ่ (threshold frequency) ซ่ึงเปน็ ความถ่ีของโฟตอนทม่ี พี ลังงานเทา่ กับพลังงานทโี่ ลหะยดึ อเิ ล็กตรอนไว้เรียกวา่ ฟังกช์ ันงาน (work function) ตามสมการ W = hf0 จากกฎการอนรุ ักษ์พลังงาน จะได้พลังงานจลนส์ ูงสุดของโฟ โตอิเลก็ ตรอนตามสมการ Ek max= hf - W พลงั งานจลนส์ งู สุดของโฟโตอิเล็กตรอนหาได้จากการทดลองดว้ ยการ ตอ่ ความต่างศักย์ไฟฟ้าต้านโฟโตอเิ ล็กตรอน จนกระแส โฟโตอิเล็กตรอนเปน็ ศูนย์พอดีเรยี ก ความตา่ งศักย์ หยดุ ยัง้ Vs สัมพนั ธก์ ับพลังงงานจลน์สงู สดุ ของโฟโตอิเลก็ ตรอน ตามสมการ Ek max = eVs – W 68
4. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ - อธบิ ายและคำนวณพลังงานโฟตอน พลังงานจลน์สูงสดุ ของโฟโตอเิ ล็กตรอน และฟงั ก์ชนั งานของโลหะ (K2 P2) - อธิบายปรากฎการณ์คอมปต์ นั (K2) - มีความกระตอื รอื ร้นในการเรยี นรู้ และมคี วามมุง่ ม่นั ในการทำงาน มคี วามซื่อสัตย์ มีวินยั ต่อตนเอง และผอู้ ืน่ (A1A2) 5. สาระการเรียนรู้ - ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก 6. สมรรถนะสำคญั 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ 4.2 ความสามารถในการคิด 4.5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 4.3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 7. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 5.1 รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ 5.5 อยู่อยา่ งพอเพยี ง 5.2 ซอ่ื สัตย์สตุ จรติ 5.6 ม่งุ มั่นในการทำงาน 5.3 มีวนิ ยั 5.7 รกั ความเปน็ ไทย 5.4 ใฝ่เรียนรู้ 5.8 มจี ิตสาธารณะ 8. หลักฐานการจดั การเรียนรู้ (ชนิ้ งาน/ภาระงาน) - แบบฝึกหัด 9. กิจกรรมการจดั การเรยี นการสอน(วธิ ีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5E โดยใช้ SAR MODEL รว่ มกบั การ เรียนรู้แบบรว่ มมอื ) คาบท่ี 1 และ 2 1 ข้ันสร้างความสนใจ 1.1 นำเข้าสู่บทเรยี นโดยการทบทวนปรากฎการณ์โฟโต้อเิ ล็กทรกิ ว่าเป็นปรากฎการณ์ที่ยืนยันวา่ แสงเป็นอนุภาค 2 ขั้นสำรวจและคน้ หา 2.1 นักเรยี นร่วมกันอภปิ รายสมการที่เก่ียวข้องกับการคำนวณในปรากฎการณโ์ ฟโตอิเล็กทรกิ 2.2 นักเรยี นศกึ ษาเอกสารประกอบการเรียน และรว่ มกนั อภิปรายเก่ียวกบั ปรากฎการ์คอมปต์ ัน 3 ข้ันอธิบายและลงขอ้ สรุป 3.1 นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มนำเสนอผลการอภริ าย 3.2 ครูอธิบายเพ่ิมเติม ผ่าน Powerpoint 3.3 นักเรยี นและครูรว่ มกันอภปิ ราย และสรุปสาระสำคัญ ได้ดงั นี้ 69
3.1.1. ปรากฏการณโ์ ฟโตอิเล็กทรกิ สามารถอธบิ ายโดยใช้สมมตฐิ านของพลังค์ โดยควอนตมั พลงั งานของแสง หรือโฟตอน มพี ลังงานเท่ากบั hf ดังน้นั คลืน่ แสงจึงสามารถแสดงพฤตกิ รรม ของอนภุ าคได้ 3.1.2. หาฟังก์ชันงาน (work function) ตามสมการ W = hf0 3.1.3. จากกฎการอนรุ ักษ์พลังงาน จะไดพ้ ลังงานจลนส์ ูงสดุ ของโฟโตอเิ ล็กตรอนตามสมการ Ek max= hf - W 3.1.4. ความตา่ งศกั ยห์ ยุดย้ัง Vs สมั พันธ์กบั พลังงงานจลนส์ ูงสดุ ของโฟโตอเิ ล็กตรอน ตาม สมการ Ek max = eVs 3.1.5. กราฟความสัมพันธร์ ะหว่างพลงั งานจลน์สงู สดุ ของโฟโตอิเล็กตรอนกับความถี่เปน็ กราฟ เส้นตรงทม่ี คี วามชันเท่ากบั ค่าคงตัวของพลังค์ จะได้จดุ ตัดกราฟในแกน x เป็นความถ่ขี ดี เรมิ่ และจดุ ตัดกราฟใน แกน y เป็นฟังกช์ นั งานของโลหะแต่ละชนดิ 3.1.6. ปรากฏการณค์ อมปต์ ัน สามารถอธิบายได้ดว้ ยการชนแบบยดื หยุน่ ระหวา่ งอนภุ าคของ แสงหรือโฟตอนกบั อเิ ลก็ ตรอนในอะตอมของแกรไฟต์ ซึ่งเป็นการยืนยันว่า คล่นื แสงสามารถแสดงพฤตกิ รรมของ อนภุ าคได้ 3.4 ครอู ธบิ ายการคำนวณหาค่าปรมิ าณตา่ งๆ (SAR MODEL) ตัวอย่างท่ี1 ฉายแสงความถ่คี ่าหน่ึงตกกระทบผวิ โลหะทองแดงซึ่งมีฟังกช์ นั งาน 4.8 อเิ ล็กตรอนโวลต์ พบว่า ความถนี่ ้เี ปน็ ความถ่ีขีดเริ่มของโลหะทองแดง ถ้าฉายแสงนไี้ ปบนโลหะโซเดียม พบวา่ ความตา่ งศักย์ หยดุ ยั้งมีค่า 2.4 โวลต์ โลหะโซเดยี มมีฟังกช์ ันงานเท่าใด วธิ ีทำ S: Wทองแดง=4.8 eV, Vsโซเดยี ม = 2.4 V, Wโซเดยี ม=? E = hf = Wทองแดง , Ek = eVsโซเดียม , Ek max= hf - W A: Ek max= hf – W eVsโซเดยี ม= Wทองแดง – Wโซเดยี ม Wโซเดียม= Wทองแดง – eVsโซเดยี ม Wโซเดียม= 4.8 – 2.4 =2.4 eV R: นกั เรียนตรวจสอบความถูกต้องของวธิ ีการและคำตอบ หากมีความผิดพลาดให้แสดงความคิดเหน็ และหา ขอ้ สรุป ตัวอยา่ งท่ี2 ฉายแสงทม่ี ีความยาวคลนื่ 3.0 × 10-7 เมตร ตกบนผวิ โพแทสเซยี มท่ีมีฟงั กช์ ันงาน 2.3 อเิ ลก็ ตรอนโวลต์ โฟโตอิเลก็ ตรอนทหี่ ลดุ ออกมามีพลงั งานจลนส์ ูงสดุ เท่าใด วธิ ที ำ S: =3.0 × 10-7 m, W=2.3 eV ,Ek = ? , Ek max= hf - W , f=c/ A: Ek max= hf – W Ek max= hc/ – W Ek max= (6.625× 10-34× 3× 108 )/ 3.0 × 10-7 – 2.3 × 1.6× 10-19 70
= 2.95 × 10-19 J R: นกั เรยี นตรวจสอบความถูกต้องของวธิ ีการและคำตอบ หากมีความผิดพลาดให้แสดงความคดิ เห็นและหา ข้อสรุป คาบท่ี 3-4 4 ขั้นขยายความรู้ 4.1 นกั เรยี นออกมาแก้โจทย์ปัญหาท่คี รกู ำหนด โดยใช้ SAR MODEL รว่ มกบั เทคนคิ Think-Pair- Share 4.2 นกั เรยี นศึกษาคน้ คว้าหาความร้เู พมิ่ เติม จากหนังสอื เรียนสาระการเรยี นรู้พ้ืนฐานและเพิ่มเติม ฟิสกิ ส์ เล่ม 6 หนงั สือคมู่ ือในหอ้ งสมุดโรงเรียน สืบค้นจากอินเทอรเ์ นต็ เพือ่ ความเขา้ ใจยงิ่ ขึน้ 5 ขน้ั ประเมนิ 5.1 นกั เรียนทุกคนทำแบบฝึกหดั ในเอกสารประกอบการเรียน แบบฝึกหดั ที่ 19.2 5.2 ครูเฉลยคำตอบในแบบฝึกหดั พร้อมใหน้ กั เรยี นแก้ไขใหถ้ กู ต้อง 10. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้ - เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ฟิสกิ ส์อะตอม - Powerpoint เรอ่ื ง ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทรกิ - หนงั สอื เรียนรายวชิ าเพมิ่ เติม ฟิสิกส์ เลม่ 6 ของ สสวท. - Facebook group ของแตล่ ะห้อง 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ • ด้านความรูค้ วามสามารถ เคร่อื งมือ วิธกี ารวดั เกณฑ์การประเมนิ คำถามในแผนการเรียนรู้ การตอบคำถาม เกณฑ์ผ่าน 50 % • ดา้ นทกั ษะกระบวนการ เครือ่ งมอื วิธกี ารวดั เกณฑ์การประเมนิ แบบฝกึ หดั การแก้โจทยป์ ัญหา เกณฑ์ผา่ น 50 % • ดา้ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เครือ่ งมอื วธิ กี ารวัด เกณฑก์ ารประเมนิ แบบสังเกตพฤติกรรม สังเกตพฤตกิ รรม ตอ้ งไดร้ ะดับคุณภาพ ดี ขึน้ ไป 71
บันทึกหลังสอน รายวชิ า ฟิสกิ ส์ 6 (ว 33202) ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6/1 หนว่ ยท่ี 1 เรอื่ ง ฟิสกิ ส์อะตอม จำนวน 32 ชัว่ โมง แผนท่ี ...8...เรื่อง ....ปรากฏการณ์โฟโตอิเลก็ ทรกิ .... จำนวน …4...ช่วั โมง 1. ผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 1.1 ดา้ นพทุ ธิพิสยั (K) ...นกั เรยี นสามารถอธบิ ายสมการท่ีเก่ียวขอ้ งในปรากฏการณโ์ ฟโตอิเล็กทริก ปรากฎการณ์คอมป์ตัน และตอบคำถามได้.... 1.2 ด้านทักษะพิสัย (P) ...นักเรียนสามารถคำนวณพลังงานโฟตอน พลังงานจลน์สูงสุดของโฟโตอิเล็กตรอน และฟังกช์ นั งานของโลหะได้.... 1.3 ดา้ นจิตพสิ ัย (A) ....นกั เรยี นมคี วามกระตือรือรน้ ในการเรยี นรู้ และมคี วามมงุ่ มัน่ ในการเรยี นร.ู้ .... 2. ผลการเรียนของนกั เรียน 2.1 จำนวนทัง้ หมด ...23.... คน เข้าเรยี น ....19...... คน ขาดเรยี น....4..... คน 2.2 ผลการประเมนิ จดุ ประสงค์ ผา่ นเกณฑ์ จำนวนนักเรียน (คน) 19 ไมผ่ า่ นเกณฑ์ ไมเ่ ข้ารับการประเมิน ดา้ นพุทธพิ ิสัย 21 -4 ดา้ นทกั ษะพสิ ยั 21 -2 ด้านจติ พสิ ยั -2 3. ปญั หาและอปุ สรรค .... นักเรียนที่ไมเ่ ขา้ เรยี นในคาบจะไม่ไดร้ บั การประเมิน.... 4. ข้อเสนอแนะแนวทางการแกป้ ญั หา ....เปิดโอกาสใหน้ ักเรียนสง่ งานเพมิ่ เติม และตรวจสอบคะแนนไดใ้ น Data Studio ................... ลงชอ่ื (นางอานีซา แวอูมา) ครผู ู้สอน 72
บันทึกหลังสอน รายวิชา ฟิสกิ ส์ 6 (ว 33202) ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 6/4 หนว่ ยท่ี 1 เรอื่ ง ฟิสกิ ส์อะตอม จำนวน 32 ชั่วโมง แผนท่ี ...8...เรื่อง ....ปรากฏการณ์โฟโตอิเลก็ ทรกิ .... จำนวน …4...ชว่ั โมง 1. ผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 1.1 ดา้ นพทุ ธิพิสยั (K) ...นกั เรยี นสามารถอธบิ ายสมการท่ีเก่ียวข้องในปรากฏการณ์โฟโตอิเลก็ ทริก ปรากฎการณ์คอมปต์ ัน และตอบคำถามได้.... 1.2 ด้านทักษะพิสัย (P) ...นักเรียนสามารถคำนวณพลังงานโฟตอน พลังงานจลน์สูงสุดของโฟโตอิเล็กตรอน และฟงั กช์ นั งานของโลหะได้.... 1.3 ดา้ นจิตพสิ ัย (A) ....นกั เรยี นมคี วามกระตือรือรน้ ในการเรยี นรู้ และมีความมงุ่ มน่ั ในการเรยี นร.ู้ .... 2. ผลการเรียนของนักเรียน 2.1 จำนวนทัง้ หมด ...37.... คน เข้าเรยี น ....30...... คน ขาดเรยี น....7..... คน 2.2 ผลการประเมิน จดุ ประสงค์ ผา่ นเกณฑ์ จำนวนนักเรียน (คน) 30 ไมผ่ า่ นเกณฑ์ ไมเ่ ขา้ รับการประเมิน ดา้ นพุทธพิ ิสยั 30 -7 ดา้ นทกั ษะพสิ ยั 30 -7 ด้านจติ พสิ ยั -7 3. ปญั หาและอปุ สรรค .... นกั เรียนที่ไม่เขา้ เรียนในคาบจะไม่ไดร้ บั การประเมิน.... 4. ขอ้ เสนอแนะแนวทางการแกป้ ญั หา ....เปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนสง่ งานเพมิ่ เติม และตรวจสอบคะแนนไดใ้ น Data Studio ................... ลงช่อื (นางอานีซา แวอูมา) ครผู ู้สอน 73
บันทกึ หลังสอน รายวชิ า ฟิสิกส์ 6 (ว 33202) ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 6/6 หนว่ ยท่ี 1 เรือ่ ง ฟสิ กิ ส์อะตอม จำนวน 32 ช่ัวโมง แผนท่ี ...8...เรื่อง ....ปรากฏการณโ์ ฟโตอเิ ล็กทรกิ .... จำนวน …4...ชวั่ โมง 1. ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 1.1 ดา้ นพุทธิพสิ ยั (K) ...นักเรียนสามารถอธิบายสมการทเี่ ก่ียวข้องในปรากฏการณโ์ ฟโตอิเล็กทรกิ ปรากฎการณ์คอมป์ตัน และตอบคำถามได้.... 1.2 ด้านทักษะพิสัย (P) ...นักเรียนสามารถคำนวณพลังงานโฟตอน พลังงานจลน์สูงสุดของโฟโตอิเล็กตรอน และฟงั กช์ นั งานของโลหะได้.... 1.3 ด้านจิตพสิ ัย (A) ....นกั เรยี นมีความกระตือรือรน้ ในการเรยี นรู้ และมคี วามม่งุ มัน่ ในการเรียนรู้..... 2. ผลการเรยี นของนักเรยี น 2.1 จำนวนทง้ั หมด ...36.... คน เขา้ เรียน ....29..... คน ขาดเรยี น....7.... คน 2.2 ผลการประเมนิ จดุ ประสงค์ ผ่านเกณฑ์ จำนวนนักเรยี น (คน) 29 ไม่ผ่านเกณฑ์ ไม่เข้ารับการประเมนิ ด้านพุทธิพิสัย 29 -7 ดา้ นทกั ษะพิสัย 29 -7 ดา้ นจติ พิสยั -7 3. ปัญหาและอุปสรรค .... นกั เรียนทไ่ี ม่เข้าเรยี นในคาบจะไม่ได้รบั การประเมิน.... 4. ขอ้ เสนอแนะแนวทางการแก้ปญั หา ....เปิดโอกาสให้นกั เรยี นส่งงานเพ่ิมเติม และตรวจสอบคะแนนได้ใน Data Studio ................... ลงชือ่ (นางอานีซา แวอูมา) ครผู ูส้ อน 74
ความคดิ เห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้ ไดท้ ำการตรวจแผนการจัดการเรยี นรู้ของ นางอานีซา แวอูมา แลว้ มีความคิดเห็นดงั นี้ (ใสเ่ ครอ่ื งหมาย ในช่อง ที่ตรงตามขอ้ ความท่ีกำหนด) การกำหนดจดุ ประสงค์การเรียนรู้สอดคลอ้ งกับตัวชีว้ ดั / ผลการเรยี นรู้ การเขยี นองค์ประกอบของแผนการจดั การเรยี นรู้ถูกต้องครบถว้ นทกุ หวั ข้อ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้เน้นผ้เู รียนเปน็ สำคัญ และบรรลุจดุ ประสงค์การเรียนรู้ การวัดผลและประเมนิ ผลสอดคล้องกบั จดุ ประสงค์การเรียนรแู้ ละกจิ กรรมการเรยี นรู้ ขอ้ เสนอแนะเพ่ิมเติม ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. ........ ลงชื่อ............................................... (นางภูรชิ ญา ชมู ณ)ี ตำแหนง่ ครู หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ ความคิดเห็นของรองผูอ้ ำนวยการกลุ่มบริหารงานวชิ าการ ............................................................................................................................. .................................................... ..................................................................................................................................... ลงช่ือ............................................... (นางสาวเพรศิ พิศ คูหามุข) ตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝา่ ยบรหิ ารกล่มุ งานวิชาการ ความคิดเหน็ ของผ้อู ำนวยการโรงเรยี น อนมุ ตั ิ ไมอ่ นุมัติ เน่ืองจาก................................................................................ ........................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................. ลงชือ่ ............................................... (นายนพปฎล มุณีรตั น์) ตำแหนง่ ผู้อำนวยการโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา 75
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 9 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาฟสิ กิ สเ์ พิ่มเตมิ 6 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 6 รหสั วิชา ว33202 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 ฟิสิกสอ์ ะตอม เวลาเรียน 32 คาบ เร่ือง ทวิภาวะของคลน่ื และอนุภาค เวลาเรียน 4 คาบ ครผู ู้สอน นางอานซี า แวอูมา โรงเรียนคณะราษฎรบำรงุ จงั หวดั ยะลา สพม.15 1. สาระวิทยาศาสตร์เพ่ิมเตมิ สาระฟสิ ิกสข์ ้อท่ี 4 เข้าใจความสัมพนั ธ์ของความร้อนกบั การเปลยี่ นอณุ หภมู ิและสถานะของสสาร สภาพยดื หยุ่นของวัสดแุ ละมอดลุ ัสของยัง ความดนั ในของไหล แรงพยงุ และหลักของอาร์คมิ ดี สิ ความตึงผิวและ แรงหนืดของของเหลว ของไหลอดุ มคติ และสมการแบร์นูลลี กฎของแก๊ส ทฤษฎจี ลน์ของแกส๊ อดุ มคติและ พลงั งานในระบบทฤษฎีอะตอมของโบร์ ปรากฏการณ์โฟโตอิเลก็ ทริก ทวิภาวะของคลนื่ และอนภุ าค กมั มนั ตภาพรงั สี แรงนิวเคลยี ร์ ปฏิกิริยานิวเคลยี ร์ พลังงานนวิ เคลียร์ ฟิสิกสอ์ นภุ าค รวมทงั้ นาํ ความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2. ผลการเรียนรู้ อธบิ ายทวภิ าวะของคลน่ื และอนุภาค รวมทั้งอธบิ าย และคํานวณความยาวคลื่นเดอบรอยล์ 3. สาระสำคญั เมอ่ื เดอ เบรย ได้เสนอสมมติฐานว่า อนุภาคสามารถแสดงสมบัติของคลืน่ ไดโ้ ดยมคี วามยาวคลื่น ซึ่ง เรยี กวา่ ความยาวคลนื่ เดอบรอยล์ และสมมตฐิ านน้เี รยี กวา่ สมมตฐิ านของเดอบรอยล์ 4. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ - อธิบายสมมตฐิ านของเดอบรอยล์ (K2) - คํานวณความยาวคล่ืนเดอบรอยล์(P2) - มคี วามกระตอื รอื รน้ ในการเรียนรู้ และมคี วามม่งุ มั่นในการทำงาน มคี วามซอื่ สตั ย์ มีวินยั ตอ่ ตนเอง และผูอ้ ืน่ (A1A2) 5. สาระการเรียนรู้ - สมมติฐานของเดอบรอยล์ 6. สมรรถนะสำคญั 4.1 ความสามารถในการส่อื สาร 4.4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ 4.2 ความสามารถในการคดิ 4.5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 76
4.3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 7. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 5.1 รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 5.5 อย่อู ย่างพอเพยี ง 5.2 ซื่อสตั ย์สุตจริต 5.6 มุง่ มน่ั ในการทำงาน 5.3 มีวินยั 5.7 รักความเปน็ ไทย 5.4 ใฝเ่ รียนรู้ 5.8 มีจิตสาธารณะ 8. หลักฐานการจดั การเรียนรู้ (ชนิ้ งาน/ภาระงาน) - แบบฝึกหดั 9. กจิ กรรมการจัดการเรียนการสอน(วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E โดยใช้ SAR MODEL ร่วมกับการ เรียนรแู้ บบรว่ มมอื ) คาบที่ 1 และ 2 1 ขั้นสร้างความสนใจ 1.1 นำเขา้ สบู่ ทเรยี นโดยนำอภิปรายเกี่ยวกับปรากฏการณโ์ ฟโตอิเล็กทริก ซึง่ แสดงว่า คล่ืนแสงแสดง พฤติกรรมของอนภุ าคได้ จากนน้ั ตัง้ คำถามวา่ อนภุ าคสามารถแสดงพฤตกิ รรมของคลื่นไดห้ รอื ไม่ 1.2 เปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นแสดงความคิดเหน็ อยา่ งอสิ ระ ไมค่ าดหวงั คำตอบทีถ่ กู ตอ้ ง 2 ขน้ั สำรวจและค้นหา 2.1 นักเรยี นรว่ มกนั อภิปราย ในประเดน็ ต่อไปน้ี 2.1.1. สมมติฐานของเดอบรอยล์ และสมการที่เก่ียวข้อง 2.1.2. การเลย้ี วเบนของคล่นื ผา่ นช่องแคบ 2.1.3. การทดลองของเดวสิ สันและเจอเมอร์ 3 ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรุป 3.1 นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มนำเสนอผลการอภริ าย 3.2 ครูอธบิ ายเพิ่มเติม ผ่าน Powerpoint 3.3 นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั อภปิ ราย และสรปุ สาระสำคญั ได้ดงั นี้ 3.1.1. เดอ เบรย นักฟิสกิ ส์ชาวฝร่งั เศสไดเ้ สนอสมมตฐิ านวา่ อนภุ าค เชน่ อิเลก็ ตรอน สามารถ แสดงสมบตั ขิ องคล่ืนได้ โดยความสมั พันธ์ระหวา่ งความยาวคลนื่ ของอนภุ าคกับโมเมนตัม เป็นไปตามสมการ =h/P 3.1.2. การเล้ยี วเบนของคลืน่ ผา่ นช่องแคบที่แสดงวา่ พฤติกรรมการเลีย้ วเบนของ คลน่ื ผ่านชอ่ ง แคบสังเกตไดง้ ่าย เม่ือความยาวคลืน่ มีค่ามากกว่าหรือใกลเ้ คียงกับขนาดความกวา้ งของช่อง แคบ 3.1.3. การทดลองของเดวสิ สันและเจอเมอร์จนสรุปวา่ อิเล็กตรอนแสดงสมบัตขิ อง คลน่ื โดย การเลย้ี วเบนผา่ นช่องวา่ งระหว่างอะตอมในผลกึ นิกเกลิ ปรากฏเปน็ ปรากฏลวดลายการแทรกสอด ในลักษณะ คลา้ ยกับลวดลายการแทรกสอดของคล่นื แสง 77
3.4 ครูอธบิ ายการคำนวณหาค่าปรมิ าณต่างๆ (SAR MODEL) ตัวอย่างท่ี1 แสงทมี่ ีความยาวคลืน่ 600 นาโนเมตร เม่อื แสงนีแ้ สดงสมบัตขิ องอนุภาค จะมีโมเมนตัม เท่าใด วธิ ที ำ S: =600 nm, P = ?, P= h/ A: P= h/ P= 6.626× 10-34/600× 10-9 = 1.1× 10-27 kgm/s R: นักเรยี นตรวจสอบความถูกต้องของวิธกี ารและคำตอบ หากมีความผดิ พลาดให้แสดงความคดิ เห็นและหา ข้อสรุป ตัวอย่างท่ี2 ลูกปืนมวล 20 กรมั ถกู ยงิ ออกไปด้วยความเร็ว 400 เมตร/วนิ าที ถา้ คิดว่าลูกปืนเป็น คลืน่ จะมคี วามยาวคลืน่ เดอบรอยลเ์ ท่าใด วิธที ำ S: m=20 g, v=400 m/s , = ? , = h/P A: = h/P = h/mv = 6.626× 10-34/20× 10-3× 400 = 8 × 10-35 m R: นกั เรยี นตรวจสอบความถูกต้องของวธิ ีการและคำตอบ หากมีความผดิ พลาดให้แสดงความคิดเหน็ และหา ขอ้ สรปุ คาบที่ 3-4 4 ขั้นขยายความรู้ 4.1 นักเรยี นออกมาแก้โจทย์ปญั หาท่คี รูกำหนด โดยใช้ SAR MODEL ร่วมกับเทคนคิ Think-Pair- Share 4.2 นกั เรียนศึกษาคน้ ควา้ หาความรู้เพ่มิ เตมิ จากหนังสือเรียนสาระการเรยี นรู้พนื้ ฐานและเพิ่มเติม ฟิสกิ ส์ เลม่ 6 หนงั สือคมู่ ือในหอ้ งสมดุ โรงเรยี น สืบคน้ จากอินเทอรเ์ น็ต เพื่อความเข้าใจย่ิงขึ้น 5 ข้ันประเมนิ 5.1 นักเรยี นทกุ คนทำแบบฝึกหดั ในเอกสารประกอบการเรียน แบบฝึกหัดที่ 19.3 5.2 ครเู ฉลยคำตอบในแบบฝึกหดั พรอ้ มให้นักเรยี นแก้ไขใหถ้ กู ต้อง 78
10. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้ - เอกสารประกอบการเรยี น เร่ือง ฟิสิกส์อะตอม - Powerpoint เรอ่ื ง ทวภิ าวะของคลื่นและอนภุ าค - หนังสือเรยี นรายวชิ าเพ่ิมเติม ฟสิ กิ ส์ เล่ม 6 ของ สสวท. - Facebook group ของแตล่ ะห้อง 11. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ • ด้านความรู้ความสามารถ เครอื่ งมือ วธิ ีการวดั เกณฑ์การประเมนิ คำถามในแผนการเรยี นรู้ การตอบคำถาม เกณฑผ์ า่ น 50 % • ด้านทักษะกระบวนการ เคร่อื งมอื วธิ ีการวัด เกณฑก์ ารประเมนิ แบบฝึกหัด การแกโ้ จทยป์ ญั หา เกณฑ์ผา่ น 50 % • ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เคร่ืองมอื วธิ ีการวดั เกณฑ์การประเมิน แบบสังเกตพฤติกรรม สังเกตพฤติกรรม ต้องไดร้ ะดบั คุณภาพ ดี ข้นึ ไป 79
บนั ทกึ หลังสอน รายวิชา ฟิสิกส์ 6 (ว 33202) ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6/1 หน่วยท่ี 1 เร่ือง ฟสิ กิ ส์อะตอม จำนวน 32 ชั่วโมง แผนที่ ...9...เรื่อง ....ทวภิ าวะของคลื่นและอนภุ าค.... จำนวน …4...ชว่ั โมง 1. ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 1.1 ด้านพทุ ธิพสิ ัย (K) ...นกั เรียนสามารถอธิบายสมมติฐานของเดอบรอยล์และตอบคำถามได้.... 1.2 ดา้ นทักษะพิสัย (P) ...นักเรียนสามารถคำนวณความยาวคลื่นเดอบรอยล์ได้.... 1.3 ด้านจติ พิสยั (A) ....นักเรยี นมคี วามกระตือรือร้นในการเรยี นรู้ และมีความม่งุ ม่นั ในการเรยี นร.ู้ .... 2. ผลการเรียนของนักเรยี น 2.1 จำนวนทั้งหมด ...23.... คน เขา้ เรยี น ....20...... คน ขาดเรียน....3..... คน 2.2 ผลการประเมิน จุดประสงค์ ผ่านเกณฑ์ จำนวนนักเรยี น (คน) 20 ไมผ่ ่านเกณฑ์ ไมเ่ ข้ารบั การประเมิน ดา้ นพุทธิพสิ ัย 21 -3 ดา้ นทกั ษะพสิ ัย 21 -2 ดา้ นจิตพิสัย -2 3. ปัญหาและอุปสรรค .... นกั เรียนทไี่ มเ่ ขา้ เรียนในคาบจะไม่ได้รับการประเมิน.... 4. ขอ้ เสนอแนะแนวทางการแกป้ ัญหา ....เปิดโอกาสให้นักเรียนส่งงานเพ่มิ เติม และตรวจสอบคะแนนได้ใน Data Studio ................... ลงชอื่ (นางอานซี า แวอมู า) ครูผ้สู อน 80
บนั ทึกหลังสอน รายวิชา ฟิสิกส์ 6 (ว 33202) ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6/4 หน่วยท่ี 1 เร่ือง ฟสิ ิกส์อะตอม จำนวน 32 ชั่วโมง แผนที่ ...9...เรื่อง ....ทวภิ าวะของคลื่นและอนุภาค.... จำนวน …4...ชว่ั โมง 1. ผลการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 1.1 ด้านพทุ ธิพสิ ัย (K) ...นกั เรียนสามารถอธิบายสมมติฐานของเดอบรอยล์และตอบคำถามได้.... 1.2 ดา้ นทักษะพิสัย (P) ...นักเรียนสามารถคำนวณความยาวคลน่ื เดอบรอยล์ได้.... 1.3 ด้านจติ พิสยั (A) ....นักเรยี นมคี วามกระตือรือร้นในการเรยี นรู้ และมีความม่งุ ม่นั ในการเรยี นร.ู้ .... 2. ผลการเรียนของนักเรยี น 2.1 จำนวนทั้งหมด ...37.... คน เขา้ เรยี น ....32...... คน ขาดเรียน....5..... คน 2.2 ผลการประเมนิ จุดประสงค์ ผ่านเกณฑ์ จำนวนนกั เรยี น (คน) 32 ไมผ่ า่ นเกณฑ์ ไมเ่ ข้ารบั การประเมิน ดา้ นพุทธิพสิ ยั 32 -5 ดา้ นทกั ษะพิสัย 32 -5 ดา้ นจิตพิสัย -5 3. ปัญหาและอุปสรรค .... นกั เรียนทไี่ มเ่ ขา้ เรยี นในคาบจะไม่ได้รับการประเมิน.... 4. ขอ้ เสนอแนะแนวทางการแกป้ ัญหา ....เปิดโอกาสให้นักเรยี นส่งงานเพม่ิ เติม และตรวจสอบคะแนนได้ใน Data Studio ................... ลงช่อื (นางอานซี า แวอมู า) ครูผ้สู อน 81
บันทกึ หลังสอน รายวชิ า ฟิสิกส์ 6 (ว 33202) ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 6/6 หนว่ ยที่ 1 เร่อื ง ฟิสกิ ส์อะตอม จำนวน 32 ชั่วโมง แผนที่ ...9...เรื่อง ....ทวิภาวะของคลน่ื และอนุภาค.... จำนวน …4...ชวั่ โมง 1. ผลการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 1.1 ด้านพทุ ธิพสิ ยั (K) ...นักเรียนสามารถอธิบายสมมตฐิ านของเดอบรอยล์และตอบคำถามได้.... 1.2 ดา้ นทกั ษะพิสัย (P) ...นักเรียนสามารถคำนวณความยาวคล่ืนเดอบรอยล์ได้.... 1.3 ด้านจติ พิสัย (A) ....นักเรยี นมีความกระตือรือรน้ ในการเรียนรู้ และมคี วามมงุ่ ม่นั ในการเรยี นร.ู้ .... 2. ผลการเรียนของนักเรียน 2.1 จำนวนท้งั หมด ...36.... คน เข้าเรยี น ....30..... คน ขาดเรยี น....6.... คน 2.2 ผลการประเมนิ จดุ ประสงค์ ผา่ นเกณฑ์ จำนวนนกั เรียน (คน) 30 ไมผ่ ่านเกณฑ์ ไมเ่ ขา้ รบั การประเมิน ดา้ นพทุ ธิพิสยั 30 -6 ด้านทักษะพสิ ัย 30 -6 ดา้ นจิตพิสยั -6 3. ปญั หาและอปุ สรรค .... นกั เรยี นท่ไี มเ่ ข้าเรียนในคาบจะไม่ได้รับการประเมิน.... 4. ขอ้ เสนอแนะแนวทางการแก้ปญั หา ....เปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นสง่ งานเพิ่มเติม และตรวจสอบคะแนนได้ใน Data Studio ................... ลงชอื่ (นางอานีซา แวอมู า) ครูผ้สู อน 82
ความคดิ เห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้ ไดท้ ำการตรวจแผนการจัดการเรยี นรู้ของ นางอานีซา แวอูมา แลว้ มีความคิดเห็นดงั นี้ (ใสเ่ ครอ่ื งหมาย ในช่อง ที่ตรงตามขอ้ ความท่ีกำหนด) การกำหนดจดุ ประสงค์การเรียนรู้สอดคลอ้ งกับตัวชีว้ ดั / ผลการเรยี นรู้ การเขยี นองค์ประกอบของแผนการจดั การเรยี นรู้ถูกต้องครบถว้ นทกุ หวั ข้อ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้เน้นผ้เู รียนเปน็ สำคัญ และบรรลุจดุ ประสงค์การเรียนรู้ การวัดผลและประเมนิ ผลสอดคล้องกบั จดุ ประสงค์การเรียนรแู้ ละกจิ กรรมการเรยี นรู้ ขอ้ เสนอแนะเพ่ิมเติม ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. ........ ลงชื่อ............................................... (นางภูรชิ ญา ชมู ณ)ี ตำแหนง่ ครู หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ ความคิดเห็นของรองผูอ้ ำนวยการกลุ่มบริหารงานวชิ าการ ............................................................................................................................. .................................................... ..................................................................................................................................... ลงช่ือ............................................... (นางสาวเพรศิ พิศ คูหามุข) ตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝา่ ยบรหิ ารกล่มุ งานวิชาการ ความคิดเหน็ ของผ้อู ำนวยการโรงเรยี น อนมุ ตั ิ ไมอ่ นุมัติ เน่ืองจาก................................................................................ ........................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................. ลงชือ่ ............................................... (นายนพปฎล มุณีรตั น์) ตำแหนง่ ผู้อำนวยการโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา 83
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 10 กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าฟิสกิ ส์เพ่มิ เตมิ 6 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 รหัสวชิ า ว33202 หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 1 ฟสิ ิกสอ์ ะตอม เวลาเรยี น 32 คาบ เรือ่ ง ทวิภาวะของคลน่ื และอนุภาค เวลาเรียน 2 คาบ ครูผู้สอน นางอานีซา แวอูมา โรงเรยี นคณะราษฎรบำรงุ จังหวดั ยะลา สพม.15 1. สาระวิทยาศาสตร์เพิม่ เติม สาระฟสิ กิ สข์ ้อท่ี 4 เข้าใจความสมั พนั ธข์ องความร้อนกบั การเปลยี่ นอุณหภมู ิและสถานะของสสาร สภาพยดื หยุ่นของวัสดแุ ละมอดุลัสของยัง ความดนั ในของไหล แรงพยุง และหลกั ของอาร์คมิ ดี ิส ความตงึ ผวิ และ แรงหนืดของของเหลว ของไหลอดุ มคติ และสมการแบรน์ ูลลี กฎของแกส๊ ทฤษฎีจลน์ของแก๊สอดุ มคติและ พลงั งานในระบบทฤษฎีอะตอมของโบร์ ปรากฏการณโ์ ฟโตอิเล็กทริก ทวิภาวะของคลนื่ และอนุภาค กัมมนั ตภาพรังสี แรงนิวเคลยี ร์ ปฏกิ ริ ยิ านิวเคลยี ร์ พลงั งานนวิ เคลยี ร์ ฟสิ ิกสอ์ นุภาค รวมทง้ั นําความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2. ผลการเรียนรู้ อธบิ ายทวิภาวะของคล่นื และอนภุ าค รวมทงั้ อธบิ าย และคํานวณความยาวคลืน่ เดอบรอยล์ 3. สาระสำคัญ จากแนวคิดของไอนส์ ไตน์และเดอบรอย ทําให้สรุปได้ว่า คลื่นแสดงสมบัตขิ องอนุภาคได้และอนุภาค แสดงสมบตั ิของคลื่นได้สมบตั ิดงั กลา่ ว เรยี กว่า ทวภิ าวะของคลื่นและอนุภาค (wave-particle duality) ซ่ึงเปน็ รากฐานในการพฒั นา กลศาสตร์ควอนตัม (quantum mechanics) ที่เป็นสาขาหนงึ่ ของวชิ าฟิสิกส์ ท่ีศกึ ษาเก่ียวกบั ธรรมชาติในระดบั อะตอมและเลก็ กว่าได้อย่างกวา้ งขวาง นําประยุกต์ใชป้ ระโยชน์ในหลากหลาย ดา้ น 4. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ - อธิบายทวิภาวะของคลืน่ และอนุภาค (K2) - สบื คน้ และนำเสนอข้อมลู กลศาสตรค์ วอนตมั และการนำไปประยุกต์ใช้(P2) - มคี วามกระตือรอื รน้ ในการเรียนรู้ และมคี วามมุง่ มน่ั ในการทำงาน มีความซือ่ สตั ย์ มีวินัยต่อตนเอง และผูอ้ ่ืน (A1A2) 84
5. สาระการเรียนรู้ - ทวภิ าวะของคลืน่ และอนุภาค - กลศาสตร์ควอนตมั และการนำไปประยุกตใ์ ช้ 6. สมรรถนะสำคัญ 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ 4.2 ความสามารถในการคิด 4.5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 4.3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 7. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 5.1 รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 5.5 อย่อู ย่างพอเพียง 5.2 ซ่ือสัตยส์ ุตจรติ 5.6 มุ่งม่ันในการทำงาน 5.3 มีวินยั 5.7 รักความเปน็ ไทย 5.4 ใฝเ่ รียนรู้ 5.8 มีจติ สาธารณะ 8. หลักฐานการจัดการเรยี นรู้ (ชน้ิ งาน/ภาระงาน) - แบบทดสอบ 9. กจิ กรรมการจัดการเรยี นการสอน(วิธสี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E ร่วมกบั การเรียนรู้แบบรว่ มมอื ) คาบที่ 1 1 ข้นั สร้างความสนใจ 1.3 นำเข้าสบู่ ทเรยี นโดยการทบทวนความรู้ เร่อื งสมมตฐิ านของเดอบรอยล์ 2 ขน้ั สำรวจและค้นหา 2.1 นกั เรียนสบื คน้ และรว่ มกันอภปิ ราย ในประเด็นต่อไปน้ี 2.1.1. ทวภิ าวะของคลื่นและอนภุ าค 2.1.2. ประวัตกิ ารคน้ พบการทดลองและแนวคิดใหม่ในการพฒั นากลศาสตร์ควอนตัม 3 ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรปุ 3.1 นักเรยี นนำเสนอผลการสบื คน้ และการอภปิ ราย 3.2 ครอู ธบิ ายเพิ่มเติม ผา่ น Powerpoint 3.3 นักเรียนและครรู ่วมกนั อภปิ ราย และสรปุ สาระสำคัญ ได้ดงั นี้ 3.1.1. อนุภาคสามารถแสดงสมบัตขิ องคล่ืน ในทางกลับกนั คลน่ื ก็สามารถแสดงสมบตั ิของ อนภุ าคได้ สมบัตดิ ังกลา่ วเรียกวา่ ทวิภาวะของคลนื่ และอนุภาค 3.1.2. กลศาสตร์ควอนตมั สามารถอธบิ ายอะตอมได้กว้างขวางกวา่ และดีกว่าทฤษฎีอะตอมของ โบร์มาก จงึ เป็นทยี่ อมรบั กนั มาจนถึงปจั จบุ ัน 3.1.3. กลศาสตร์ควอนตัม (quantum mechanics) ทเี่ ป็นสาขาหน่ึงของวชิ าฟสิ กิ ส์ 85
ทศี่ ึกษาเกย่ี วกบั ธรรมชาติในระดบั อะตอมและเลก็ กว่าได้อย่างกว้างขวาง นาํ ประยกุ ต์ใช้ประโยชนใ์ นหลากหลาย ดา้ น เชน่ กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน เลเซอร์ อปุ กรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์ เป็นตน้ คาบที่ 2 4 ข้ันขยายความรู้ 4.1 นกั เรียนนำเสนอการประยุกต์กลศาสตร์ควอนตัมมาใชป้ ระโยชน์ ในรปู แบบอินโฟกราฟิก 5 ขั้นประเมนิ 5.1 นักเรียนทกุ คนทำแบบทดสอบ 5.2 นักเรียนแตล่ ะคนพจิ ารณาเร่ืองทเ่ี รยี นในคาบวา่ มเี ร่ืองใดทย่ี งั ไมเ่ ข้าใจหรอื ยังมขี ้อสงสัย และให้ นกั เรยี นศึกษาเพ่มิ เติมย้อนหลงั ไดจ้ าก Facebook group ของแตล่ ะห้อง 10. สือ่ /แหล่งการเรียนรู้ - เอกสารประกอบการเรียน เร่ือง ฟิสิกส์อะตอม - Powerpoint เรอ่ื ง ทวภิ าวะของคลน่ื และอนภุ าค - หนงั สือเรยี นรายวิชาเพ่ิมเติม ฟิสกิ ส์ เล่ม 6 ของ สสวท. - Facebook group ของแตล่ ะห้อง 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ • ดา้ นความร้คู วามสามารถ เคร่อื งมือ วิธกี ารวดั เกณฑก์ ารประเมนิ คำถามในแผนการเรียนรู้ การตอบคำถาม เกณฑ์ผ่าน 50 % • ด้านทกั ษะกระบวนการ เครอ่ื งมือ วิธีการวัด เกณฑก์ ารประเมนิ แบบทดสอบ การตอบแบบทดสอบ เกณฑผ์ า่ น 50 % • ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ เครื่องมือ วิธกี ารวัด เกณฑก์ ารประเมิน แบบสังเกตพฤติกรรม สงั เกตพฤตกิ รรม ต้องไดร้ ะดบั คุณภาพ ดี ข้นึ ไป 86
บันทึกหลังสอน รายวชิ า ฟิสิกส์ 6 (ว 33202) ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6/1 หนว่ ยที่ 1 เรือ่ ง ฟิสกิ ส์อะตอม จำนวน 32 ช่ัวโมง แผนท่ี ...10...เรอื่ ง ....ทวภิ าวะของคลนื่ และอนภุ าค.... จำนวน …2...ช่ัวโมง 1. ผลการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1.1 ดา้ นพทุ ธิพิสัย (K) ...นกั เรียนสามารถอธบิ ายทวิภาวะของคลนื่ และอนภุ าค และตอบคำถามได้.... 1.2 ด้านทักษะพิสัย (P) ...นักเรียนสามารถสืบค้น และนำเสนอข้อมูลกลศาสตร์ควอนตัม และการนำไป ประยุกตใ์ ช้ได.้ ... 1.3 ด้านจติ พิสยั (A) ....นักเรยี นมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ และมีความมุ่งมั่นในการเรยี นร้.ู .... 2. ผลการเรียนของนกั เรยี น 2.1 จำนวนทง้ั หมด ...23.... คน เขา้ เรยี น ....21...... คน ขาดเรยี น....2..... คน 2.2 ผลการประเมนิ จดุ ประสงค์ ผา่ นเกณฑ์ จำนวนนักเรยี น (คน) 21 ไมผ่ ่านเกณฑ์ ไม่เขา้ รับการประเมนิ ด้านพุทธิพิสยั 21 -2 ดา้ นทักษะพสิ ัย 21 -2 ด้านจติ พสิ ัย -2 3. ปญั หาและอุปสรรค .... นกั เรยี นทีไ่ ม่เขา้ เรยี นในคาบจะไม่ไดร้ บั การประเมิน.... 4. ขอ้ เสนอแนะแนวทางการแก้ปญั หา ....เปดิ โอกาสให้นักเรยี นสง่ งานเพิ่มเติม และตรวจสอบคะแนนไดใ้ น Data Studio ................... ลงชือ่ (นางอานีซา แวอมู า) ครูผูส้ อน 87
บนั ทึกหลังสอน รายวชิ า ฟิสิกส์ 6 (ว 33202) ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6/4 หนว่ ยที่ 1 เรือ่ ง ฟิสกิ ส์อะตอม จำนวน 32 ช่ัวโมง แผนท่ี ...10...เรอื่ ง ....ทวภิ าวะของคล่นื และอนภุ าค.... จำนวน …2...ช่ัวโมง 1. ผลการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1.1 ดา้ นพทุ ธิพิสัย (K) ...นกั เรียนสามารถอธบิ ายทวิภาวะของคลนื่ และอนภุ าค และตอบคำถามได้.... 1.2 ด้านทักษะพิสัย (P) ...นักเรียนสามารถสืบค้น และนำเสนอข้อมูลกลศาสตร์ควอนตัม และการนำไป ประยุกตใ์ ช้ได.้ ... 1.3 ด้านจติ พิสยั (A) ....นักเรยี นมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ และมีความมุ่งมั่นในการเรยี นร้.ู .... 2. ผลการเรียนของนักเรยี น 2.1 จำนวนทง้ั หมด ...37.... คน เขา้ เรยี น ....33...... คน ขาดเรยี น....4..... คน 2.2 ผลการประเมนิ จดุ ประสงค์ ผา่ นเกณฑ์ จำนวนนักเรียน (คน) 33 ไมผ่ า่ นเกณฑ์ ไม่เขา้ รับการประเมนิ ด้านพุทธิพสิ ยั 37 -4 ดา้ นทักษะพิสยั 37 -- ด้านจติ พสิ ยั -- 3. ปญั หาและอุปสรรค .... นกั เรยี นทีไ่ ม่เขา้ เรยี นในคาบจะไม่ไดร้ บั การประเมิน.... 4. ขอ้ เสนอแนะแนวทางการแกป้ ัญหา ....เปดิ โอกาสให้นักเรียนสง่ งานเพิ่มเติม และตรวจสอบคะแนนไดใ้ น Data Studio ................... ลงชื่อ (นางอานซี า แวอมู า) ครผู ้สู อน 88
บนั ทึกหลังสอน รายวชิ า ฟิสกิ ส์ 6 (ว 33202) ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 6/6 หนว่ ยท่ี 1 เร่ือง ฟิสกิ ส์อะตอม จำนวน 32 ช่ัวโมง แผนที่ ...10...เรือ่ ง ....ทวภิ าวะของคล่ืนและอนุภาค.... จำนวน …2...ชัว่ โมง 1. ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 1.1 ดา้ นพทุ ธพิ ิสยั (K) ...นกั เรยี นสามารถอธบิ ายทวิภาวะของคลืน่ และอนุภาค และตอบคำถามได้.... 1.2 ด้านทักษะพิสัย (P) ...นักเรียนสามารถสืบค้น และนำเสนอข้อมูลกลศาสตร์ควอนตัม และการนำไป ประยกุ ตใ์ ช้ได้.... 1.3 ด้านจติ พิสยั (A) ....นกั เรยี นมคี วามกระตือรอื รน้ ในการเรียนรู้ และมีความม่งุ มัน่ ในการเรยี นร.ู้ .... 2. ผลการเรียนของนักเรยี น 2.1 จำนวนท้งั หมด ...36.... คน เข้าเรียน ....32..... คน ขาดเรียน....4.... คน 2.2 ผลการประเมิน จดุ ประสงค์ ผา่ นเกณฑ์ จำนวนนักเรียน (คน) 33 ไมผ่ ่านเกณฑ์ ไมเ่ ขา้ รับการประเมิน ด้านพุทธพิ สิ ัย 36 -4 ดา้ นทกั ษะพสิ ยั 36 -- ด้านจิตพสิ ัย -- 3. ปญั หาและอุปสรรค .... นกั เรียนท่ีไมเ่ ข้าเรียนในคาบจะไม่ได้รับการประเมนิ .... 4. ขอ้ เสนอแนะแนวทางการแกป้ ญั หา ....เปิดโอกาสใหน้ ักเรียนสง่ งานเพ่มิ เติม และตรวจสอบคะแนนได้ใน Data Studio ................... ลงชือ่ (นางอานซี า แวอูมา) ครูผูส้ อน 89
ความคดิ เห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้ ไดท้ ำการตรวจแผนการจัดการเรยี นรู้ของ นางอานีซา แวอูมา แลว้ มีความคิดเห็นดงั นี้ (ใสเ่ ครอ่ื งหมาย ในช่อง ที่ตรงตามขอ้ ความท่ีกำหนด) การกำหนดจดุ ประสงค์การเรียนรู้สอดคลอ้ งกับตัวชีว้ ดั / ผลการเรยี นรู้ การเขยี นองค์ประกอบของแผนการจดั การเรยี นรู้ถูกต้องครบถว้ นทกุ หวั ข้อ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้เน้นผ้เู รียนเปน็ สำคัญ และบรรลุจดุ ประสงค์การเรียนรู้ การวัดผลและประเมนิ ผลสอดคล้องกบั จดุ ประสงค์การเรียนรแู้ ละกจิ กรรมการเรยี นรู้ ขอ้ เสนอแนะเพ่ิมเติม ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. ........ ลงชื่อ............................................... (นางภูรชิ ญา ชมู ณ)ี ตำแหนง่ ครู หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ ความคิดเห็นของรองผูอ้ ำนวยการกลุ่มบริหารงานวชิ าการ ............................................................................................................................. .................................................... ..................................................................................................................................... ลงช่ือ............................................... (นางสาวเพรศิ พิศ คูหามุข) ตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝา่ ยบรหิ ารกล่มุ งานวิชาการ ความคิดเหน็ ของผ้อู ำนวยการโรงเรยี น อนมุ ตั ิ ไมอ่ นุมัติ เน่ืองจาก................................................................................ ........................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................. ลงชือ่ ............................................... (นายนพปฎล มุณีรตั น์) ตำแหนง่ ผู้อำนวยการโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา 90
ภาคผนวก ตวั อยา่ งแบบประเมนิ ในแตล่ ะแผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยการเรยี นรู้ เรอ่ื งฟสิ กิ สอ์ ะตอม 91
แบบประเมินทักษะกระบวนการกลมุ่ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ……………โรงเรยี นคณะราษฎรบำรงุ จังหวดั ยะลา กลมุ่ ที่ 1 2 3 4 5 รายการประเมนิ 1. มสี ว่ นร่วมในการแสดงความคดิ เห็น(3 คะแนน) 2. มีความกระตอื รอื รน้ ในการทำงาน(3 คะแนน) 3. รบั ผดิ ชอบในงานทไี่ ดร้ บั มอบหมาย(3 คะแนน) 4. ขน้ั ตอนในการทำงานอย่างเป็นระบบ(3 คะแนน) 5. ใช้เวลาในการทำงานอย่างเหมาะสม(3 คะแนน) รวมคะแนน ระดับคุณภาพ ลงชอื่ .....................................................ผปู้ ระเมนิ (นางอานีซา แวอมู า) เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน พฤติกรรมท่ีทำเป็นประจำ ให้ 3 คะแนน พฤตกิ รรมที่ทำเปน็ บางคร้งั ให้ 2 คะแนน พฤติกรรมที่ทำน้อยครัง้ ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 13-15 ดี 8-12 ปานกลาง 5-7 ปรบั ปรุง 92
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมนักเรยี นเปน็ รายบุคคล ชั้น ……… โรงเรียนคณะราษฎรบำรงุ จงั หวัดยะลา คุณลักษณะ : วนิ ยั เลขท่ี 1 2 3 4 5 6 7 ปฏิ ับ ิตตนตามกฎก ิตกา ของสังคม (2 คะแนน) ควบคุมตนเองได้ (2 คะแนน) ตรง ่ตอเวลา (3 คะแนน) ปฏิ ับ ิตตนตามสิทธิ หน้า ี่ทของตน (3 คะแนน) รวมคะแนน (10 คะแนน) ระ ัดบคุณภาพ ลงชอ่ื .............................................................ผสู้ ังเกต (นางอานซี า แวอูมา) เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ความหมาย ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ มีคุณลกั ษณะ วนิ ยั อยูใ่ นระดบั ดี 8 – 10 2 มคี ุณลักษณะ วนิ ยั อยใู่ นระดับปานกลาง 4–7 1 มคี ณุ ลกั ษณะ วินัย อยู่ในระดบั น้อย 0-3 0 93
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมนักเรยี นเปน็ รายบุคคล ชน้ั …….. โรงเรยี นคณะราษฎรบำรงุ จงั หวดั ยะลา คุณลกั ษณะ : ใฝเ่ รยี นรู้ เลขที่ กล้าซักถาม (2 คะแนน) ชอบศึกษา ้คนค ้วา (2 คะแนน) กระ ืตอรือร้นในการปฏิบั ิตงาน (2 คะแนน) กล้าแสดงออกในทาง ี่ท ูถกต้อง (2 คะแนน) ชอบเ ้ขาร่วมกิจกรรมเ ่ืพอส่งเสริม ประสบการณ์ (2 คะแนน) รวมคะแนน (10 คะแนน) ระ ัดบคุณภาพ 1 2 3 4 5 6 ลงชอื่ .............................................................ผสู้ งั เกต (นางอานซี า แวอมู า) เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ความหมาย ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ มคี ุณลักษณะ ใฝ่เรียนรู้ อยู่ในระดบั ดี 8 – 10 2 มีคุณลกั ษณะ ใฝ่เรียนรู้ อยใู่ นระดบั ปานกลาง 4–7 1 มีคณุ ลกั ษณะ ใฝ่เรยี นรู้ อยใู่ นระดับน้อย 0-3 0 94
แบบประเมนิ รายงานการสบื คน้ ขอ้ มลู เรอื่ ง................................ ภาคเรยี นท.ี่ ............ชน้ั ................................ เลขท่ี รายการประเมนิ รวม สรุป หรอื กลุม่ จำนวน ผา่ น ไมผ่ า่ น เนื้อหาครบถ้วนตรงตาม รายการท่ี 1 ประเด็น ผา่ นเกณฑ์ 2 ความถูก ้ตองของเน้ือหาสาระ ขนั้ ตำ่ 3 ภาษาถูกต้องเหมาะสม 4 ้คนค ้วาจากแห ่ลงการเรียนรู้ที่ 5 หลากหลาย 6 รูปแบบการนำเสนอน่าสนใจ ลงช่ือ..........................................................ผปู้ ระเมนิ (นางอานีซา แวอมู า) 95
เกณฑ์การประเมนิ แยกตามองคป์ ระกอบยอ่ ย 6 ดา้ น 1. เนอื้ หาสาระครบถว้ นตรงตามประเดน็ 4 หมายถึง มเี นื้อหาสาระครบถ้วนตามประเดน็ ท่กี ำหนดท้ังหมด 3 หมายถึง มีเนื้อหาสาระค่อนข้างครบถ้วนตามประเด็นท่ีกำหนดทง้ั หมด 2 หมายถงึ มเี น้ือหาสาระไม่ครบถ้วนตามประเด็น แตภ่ าพรวมของสาระทง้ั หมดอย่ใู นเกณฑ์พอใช้ 1 หมายถึง มเี น้ือหาสาระไม่ครบถ้วน ภาพรวมของสาระท้ังหมดอย่ใู นเกณฑ์ต้องปรับปรุง 2. ความถกู ตอ้ งของเนอื้ หาสาระ 4 หมายถงึ เนื้อหาสาระทัง้ หมดถกู ต้องตามข้อเท็จจริงและหลักวิชา 3 หมายถงึ เนอ้ื หาสาระเกือบท้งั หมดถูกต้องตามข้อเท็จจรงิ และหลักวชิ า 2 หมายถึง เนอ้ื หาสาระบางสว่ นถกู ต้องตามข้อเท็จจริงและหลกั วิชาตอ้ งแก้ไขบางส่วน 1 หมายถงึ เน้ือหาสาระสว่ นใหญไ่ ม่ถกู ต้องตามข้อเท็จจรงิ หลักวชิ าต้องแก้ไขเป็นสว่ นใหญ่ 3. ภาษาถูกตอ้ งเหมาะสม 4 หมายถงึ สะกด การนั ต์ถูกตอ้ ง ถ้อยคำสำนวนเหมาะสมดมี าก ลำดบั ความไดช้ ัดเจน เขา้ ใจงา่ ย 3 หมายถงึ สะกด การันต์ถูกตอ้ งเปน็ สว่ นใหญ่ ถ้อยคำสำนวนเหมาะสมดี ลำดับความได้ดพี อใช้ 2 หมายถงึ สะกด การันต์มผี ิดอยบู่ า้ ง ถ้อยคำสำนวนเหมาะสมพอใช้ ลำดับความพอเขา้ ใจ 1 หมายถงึ สะกด การนั ต์ผิดมาก ถ้อยคำสำนวนไมเ่ หมาะสม สำดบั ความได้ไม่ชดั เจน 4. คน้ ควา้ จากแหลง่ การเรยี นรทู้ ห่ี ลากหลาย 4 หมายถึง คน้ ควา้ จากแหลง่ การเรยี นร้ทู ี่หลากหลายต้ังแต่ 4 แหล่งขึน้ ไป 3 หมายถงึ คน้ ควา้ จากแหล่งการเรยี นรู้ 3 แหลง่ 2 หมายถงึ ค้นควา้ จากแหล่งการเรยี นรู้ 2 แหลง่ 1 หมายถึง ใช้ความรู้เพยี งแหล่งการเรียนรู้เดยี ว 5. รปู แบบการนำเสนอนา่ สนใจ 4 หมายถึง รูปแบบการนำเสนองานแปลกใหม่ น่าสนใจดี ลำดับเร่อื งราวได้ดีมาก 3 หมายถึง รปู แบบการนำเสนองานน่าสนใจ ลำดับเรื่องราวได้ดี 2 หมายถึง รูปแบบการนำเสนองานน่าสนใจพอใช้ ลำดบั เร่อื งราวได้พอใช้ 1 หมายถึง รูปแบบการนำเสนอผลงานไมน่ ่าสนใจ ลำดับเร่ืองราวได้ไม่ดี เกณฑก์ ารประเมนิ ผลการเรยี น นักเรียนต้องมีพฤติกรรมในแต่ละรายการอย่างน้อยระดับ 2 ข้ึนไป จำนวน 4 ใน 5 รายการ 96
Search