เร่ืองของ...ตาล จัดทำโดย... ห้องสมดุ ประชำชนอำเภอบำ้ นลำด ศนู ย์กำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอัธยำศัยอำเภอบ้ำนลำด สำนักงำนกศน. จังหวัดเพชรบรุ ี
คำนำ แหล่งเรียนรู้อำเภอบำ้ นลำด “เรื่องของ...ตำล” เล่มน้ี หอ้ งสมุด ประชำชนอำเภอบำ้ นลำดไดจ้ ดั ทำข้ึนเพื่อรวบรวมขอ้ มลู เก่ียวกบั ประวตั ิ ควำมเป็นมำเกี่ยวกบั ตำลโตนด ลกั ษณะทำงพฤกษศำสตร์ และประโยชน์ ของตำลโตนด รวมถึงภำพประกอบเน้ือเรื่อง เพื่อเป็นกำรเผยแพร่ควำมรู้ และเป็นกำรประชำสมั พนั ธแ์ หล่งกำรเรียนรู้อนั ทรงคุณคำ่ ของอำเภอบำ้ น ลำด ใหเ้ ป็นท่ีรู้จกั โดยทวั่ กนั หอ้ งสมดุ ประชำชนอำเภอบำ้ นลำด หวงั เป็นอยำ่ งยงิ่ วำ่ หนงั สือเล่มน้ี จะเป็นประโยชนต์ ่อเดก็ นกั เรียน นกั ศึกษำ นกั ศึกษำ กศน. และประชำชน ทว่ั ไปท่ีสนใจ
บทกลอนกลอ่ มเดก็ ฉบบั สอบ “วดั เอยวดั โบสถ์ มีตน้ ตำลอยเู่ จด็ ตน้ เจำ้ ขนุ ทองไปปลน้ ป่ ำนฉะน้ีไม่เห็นมำ คดขำ้ วออกใส่ห่อ จะถ่อเรือออกไปหำ เขำกเ็ ล่ำลือมำ วำ่ เจำ้ ขนุ ทองตำยแลว้ เหลือแต่กระดูกแกว้ เมียรักจะไปปลง ขนุ ศรีจะถือฉตั ร ยกกระบตั รถือธง ปลงศพเจำ้ พอ่ นำ” ถือทำ้ ยเรือหงส์
ตำล ตำล ชื่อสำมญั Asian palmyra palm, Palmyra palm, Brab palm, Doub palm, Fan palm, Lontar palm, Toddy palm, Tala palm, Wine palm ตำล ช่ือวิทยำศำสตร์ Borassus flabellifer L. จดั อยใู่ นวงศ์ ปำลม์ (ARECACEAE) ซ่ึงแต่เดิมใชช้ ื่อวงศว์ ำ่ PALMAE หรือ PALMACEAE ตน้ ตำล มีชื่อทอ้ งถ่ินอื่น ๆ วำ่ ตำลนำ ปลีตำล (เชียงใหม่), ตำล ตำล ใหญ่ ตำลโตนด (ภำคกลำง), โหนด ลกู โนด(ภำคใต)้ , ถำล (เง้ียว-แม่ฮ่องสอน), ถำน (ชำน-แม่ฮ่องสอน), ทอถู (กะเหร่ียง-แม่ฮ่องสอน), ทำ้ ง (กะเหร่ียง- เชียงใหม่), ตะนอด (เขมร), ทะเนำด์ (เขมร-พระตะบอง) เป็นตน้ [1],[2],[3],[8] ตน้ ตำล จดั เป็นพืชด้งั เดิมของทวปี แอฟริกำ และภำยหลงั ไดข้ ยำยแพร่ พนั ธุ์ไปเร่ือย ๆ จนมีอยทู่ ว่ั ไปในเอเชียเขตร้อนรวมท้งั ประเทศไทยดว้ ย ซ่ึงพบ ทวั่ ไปในทุกภำคของประเทศ และสำมำรถพบไดม้ ำกในภำคตะวนั ตก ใน จงั หวดั เพชรบุรี สุพรรณบุรี อยธุ ยำ และนครปฐม[8],[10] ประโยชน์ของตน้ ตำล หลกั ๆ แลว้ จะนิยมนำมำใชป้ ระกอบอำหำร และใชใ้ นงำนหตั ถกรรมต่ำง ๆ และอำจมีกำรนำไปใชท้ ำงยำสมุนไพรบำ้ ง โดย ตน้ ตำลน้นั สำมำรถแบ่งออกไดเ้ ป็น 2 สำยพนั ธุห์ ลกั ๆ ไดแ้ ก่ ๑. ตำลบำ้ น เป็นตำลที่มีจำนวนของเตำ้ จำวในแต่ละผลประมำณ 1-4 เตำ้ และยงั มีสำยพนั ธุ์ยอ่ ยอีก 3 สำยพนั ธุ์ ไดแ้ ก่ ตำลหมอ้ (ผลใหญ่ ผวิ ดำคล้ำ), ตำลไข่ (ผล เลก็ กวำ่ ผลมีสีขำวเหลือง), และตำลจำก (มีผลในทะลำยแน่นคลำ้ ยกบั ทะลำย จำก) ๒. ตำลป่ ำ หรือ ตำลกำ้ นยำว ชนิดน้ีจะมีผลเลก็ มีสีเขียวคล้ำ มีเตำ้ อยู่ 1-2 เตำ้ ลำตน้ เขียวสดและกำ้ นใบยำว และไม่คอ่ ยเป็นท่ีรู้จกั มำกนกั
ลกั ษณะของตน้ ตำล ตน้ ตำล หรือ ตน้ ตำลโตนด เป็นปำลม์ ตน้ เดี่ยวที่มีควำมสูงชะลูด มีลำตน้ ใหญ่และเน้ือแข็งแรงมำก และเป็ นปำลม์ ท่ีแยกเพศกนั อยู่ คนละตน้ ลำตน้ ขนำดประมำณ 30-60 เซนติเมตร มีควำมสูงของ ตน้ ไดถ้ ึง 25-40 เมตร ลำตน้ เป็นเส้ียนสีดำและแขง็ มำก แต่ไส้กลำง ของลำต้นจะอ่อน ส่วนบริ เวณโคนต้นจะมีรำกเป็ นกลุ่มใหญ่ ในขณะท่ีตน้ ยงั เต้ียจะมีทำงใบแหง้ และติดแน่น เจริญเติบโตไดด้ ีใน ดินร่วนและระบำยน้ำไดด้ ี มีควำมช้ืนปำนกลำง ไม่ชอบอำกำศเยน็ ชอบแสงแดดจดั ทนต่อดินเคม็ ขยำยพนั ธุ์ดว้ ยวิธีกำรใชเ้ มล็ด กำร ยำ้ ยไปปลูกตน้ จะไม่รอด เพรำะรำกแรกท่ีแทงลงดินอยลู่ ึกมำก หำก รำกแรกขำดกจ็ ะตำยทนั ที
ใบตำล ใบเป็ นใบเดี่ยว เรียงสลบั กนั ลกั ษณะค่อนขำ้ ง กลมคลำ้ ยพดั มีควำมกวำ้ งประมำณ 1-1.5 เมตร แผน่ ใบ หนำมีสีเขียว ปลำยใบเป็ นจกั ลึกถึงคร่ึงแผ่นใบ ส่วน กำ้ นใบหนำมีสีเหลืองเป็ นทำงยำวประมำณ 1-2 เมตร และขอบของทำงกำ้ นท้งั สองขำ้ ง จะมีหนำมแข็งคลำ้ ย ฟันเลื่อยแข็ง ๆ สีดำและคมมำกอยู่ตำมขอบก้ำนใบ ส่วนโคนกำ้ นจะแยกออกจำกกนั คลำ้ ยกบั คีมเหลก็ โอบ หุม้ ลำตน้ เอำไว้
ดอกตำล ดอกมีสีขำวอมเหลือง ออกดอกเป็ นช่อแบบช่อแยกแขนง ระหวำ่ งกำบใบ ดอกเป็นแบบแยกเพศอยตู่ ่ำงตน้ กนั ช่อดอกมีดอกอยชู่ ่อ ละ 8-16 ดอก เม่ือดอกบำนเตม็ ที่จะมีควำมกวำ้ งประมำณ 5 เซนติเมตร [1] ช่อดอกเพศผูใ้ หญ่จะรวมกนั เป็ นกลุ่ม ๆ คลำ้ ยนิ้วมือ หรือเรียกว่ำ \"นิ้วตำล\" โดยแต่ละนิ้วจะมีควำมยำวประมำณ 40 เซนติเมตร และมี ขนำดเส้นผ่ำนศูนยก์ ลำงประมำณ 1.5-2 เซนติเมตร ที่โคนกลุ่มช่อจะมี กำ้ นช่อรวมและมีกำบแข็ง ๆ อยู่หลำยกำบหุ้มโคนก้ำนช่ออีกทีหน่ึง ส่วนช่อดอกเพศเมียก็คลำ้ ยกบั เพศผู้ แต่ลกั ษณะของนิ้วจะเป็ นป่ ุมปม โดยป่ ุมปมคือดอกที่ติดนิ้วตำล ในดอกหน่ึง ๆ จะมีเส้นผ่ำนศูนยก์ ลำง ประมำณ 2 เซนติเมตร และมีกำบแขง็ ๆ หุม้ อยใู่ นแต่ละดอก โดยกำบน้ี จะเจริญเติบโตไปเป็นหวั จุกลกู ตำลอีกทีหน่ึง
ผลตำล หรือ ลูกตำล ผลสดแบบมีเน้ือเมล็ดเดียว ผล ติดกนั เป็ นกลุ่มแน่น ลกั ษณะของผลเป็ นทรงกลมหรือ เป็ นรูปทรงกระบอกส้ัน ผลเป็นเส้นใยแขง็ เป็ นมนั มกั มี สีน้ำตำลถึงสีม่วงเขม้ ปลำยผลมีสีเหลือง หรือมีสีเหลือง แกมดำคล้ำเป็ นมนั หุ้มห่อเน้ือเยื่อสีเหลืองไวภ้ ำยใน ผิว ผลเป็ นมนั และผลมีขนำดประมำณ 15-20 เซนติเมตร เม่ือผลสุกแลว้ จะมีสีดำซ่ึงในผลหน่ึง ๆ จะมีเมล็ดใหญ่ และแข็งอยู่ประมำณ 1-3 เมล็ด (จำวตำล) ซ่ึงจะถูกหุ้ม ดว้ ยใยและเน้ือผลสีเหลืองสด
สำหรับตน้ ตำลตวั ผูแ้ ละตน้ ตำลตวั เมีย ในปัจจุบนั ตน้ ตวั เมียจะให้ผลผลิตท่ีมีมูลค่ำมำกกว่ำตน้ ตวั ผู้ โดยเฉพำะผลผลิต ของจำวตำลท่ีสำมำรถนำไปแปรรูปเป็ นจำวตำลเชื่อมได้ เรำสำมำรถแยกแยะควำมแตกต่ำงระหว่ำงตำลไข่กบั ตำล หมอ้ ไดอ้ ยำ่ งชดั เจนเม่ือเป็นผล โดยตำลไข่จะมีลูกเลก็ สีเหลือง ตลอดท้ังผล ผิวมีประเป็ นจุด ๆ สีดำทั่วไป ส่วนเน้ือเย่ือมี ควำมช้ืนมำกและใหแ้ ป้ งนอ้ ย ส่วนตำลหมอ้ น้นั ลูกจะใหญ่ บำง ทีอำจยำวไดถ้ ึง 30 เซนติเมตร และวดั เส้นผำ่ นศูนยก์ ลำงไดถ้ ึง 23 เซนติเมตร โดยผิวผลจะดำสนิทและมีสีเหลืองเล็กน้อย บริเวณกน้ ผลเท่ำน้ัน ส่วนเย่ือจะมีควำมช้ืนน้อยและให้แป้ ง มำก
สรรพคุณของตำล 1.สำหรับบำงคนใชเ้ ป็นยำชูกำลงั (รำกตม้ กบั น้ำดื่ม) 2.ช่วยทำใหส้ ดชื่น จิตใจแจ่มใสเบิกบำน ดว้ ยกำรใชร้ ำกนำมำตม้ กบั น้ำด่ืม หรือ จะใชง้ วงตำลหรือช่อตำลกไ็ ด้ 3.จำวตำลมีฟอสฟอรัสสูง จึงช่วยเสริมสร้ำงกระดูกและฟันใหแ้ ขง็ แรงได้ 4.ช่วยแกไ้ ข้ ดว้ ยกำรใชร้ ำกนำมำตม้ กบั น้ำดื่ม ส่วนรำกที่งอกอยเู่ หนือดิน มีรส หวำนเยน็ ปนฝำดเลก็ นอ้ ย ใชเ้ ป็นยำแกไ้ ขท้ ี่มีพิษร้อน 5.รำกนำมำตม้ กบั น้ำดื่ม แกอ้ ำกำรร้อนใน กระหำยน้ำ 6.กำบหรือกำ้ นใบสดนำมำองั ไฟบีบเอำแต่น้ำใชอ้ มรักษำอำกำรปำกเปื่ อยได้ 7.ช่วยแกต้ ่อมทอนซิลอกั เสบ 8.ใบนำมำควั่ ใหเ้ หลืองแลว้ นำมำบดจนเป็นผง ใชส้ ูบหรือเป่ ำช่วยลดควำมดนั โลหิต 9.ช่วยขบั เลือด 10.ช่วยแกต้ ำนขโมยในเดก็ 11.กำบหรือกำ้ นใบสดนำมำองั ไฟแลว้ บีบเอำน้ำมำกินแกอ้ ำกำรทอ้ งเสีย ทอ้ งร่วง ได้ 12.รำกตำลหรืองวงตำลนำมำตม้ กบั น้ำด่ืม ช่วยขบั พยำธิได้ 13.ใชร้ ำกหรืองวงตำลนำมำตม้ กบั น้ำดื่มแกพ้ ิษตำนซำงได้ หรือจะใชร้ ำกท่ีงอก อยเู่ หนือดินที่เรียกวำ่ \"ตำลแขวน\" กแ็ กพ้ ิษซำงตำนไดด้ ีเช่นกนั 14.ใบตำลช่วยแกอ้ ำกำรกระสบั กระส่ำยของสตรีหลงั คลอดบุตร 15.เปลือกตำลหรือส่วนที่เป็นกะลำมีกำรนำไปใชเ้ ป็นส่วนประกอบของยำแก้ อำกำรทอ้ งอืด ทอ้ งเฟ้ อ และช่วยลดกรดในกระเพำะอำหำร ส่วนช่อดอกตวั ผยู้ งั มีกำรนำมำใชเ้ ป็นส่วนผสมเพื่อตม้ เป็นยำบำรุงกำลงั อีกดว้ ย
ประโยชน์ของตำล 1.ประโยชน์ของตน้ ตำล เน่ืองจำกตน้ ตำลมีทรงพุ่มท่ีสวยงำม จึงนิยมใชป้ ลูกไวก้ ลำงแจง้ เป็ น กลุ่มหรือเป็ นแถว หรือปลูกไวเ้ ด่ียว ๆ ตำมชำยทะเลหรือริมถนนหนทำง 2.ลำตน้ ของตน้ ตำลสำมำรถนำมำใชท้ ำไมก้ ระดำนหรือใชท้ ำเสำ สร้ำงบำ้ น ซ่ึงมีคุณสมบตั ิทน แดดทนฝนและกำรเสียดสีไดด้ ี นอกจำกน้ียงั สำมำรถนำมำใชท้ ำเป็ นเครื่องมือเคร่ืองใชแ้ ละ เฟอร์นิเจอร์สำหรับเคร่ืองตกแต่งบำ้ น เช่น โต๊ะ เกำ้ อ้ี ไมเ้ ทำ้ ดำ้ มร่ม สำก กรอบรูป เชิงเทียน แกว้ น้ำ ฯลฯ หรือใชใ้ นงำนฝีมือที่มีรำคำสูง ใชท้ ำเรือขดุ (เรืออีโปง) หรือจะนำลำตน้ มำตดั ขดุ ไสก้ ลำงออกทำเป็ นท่อระบำยน้ำสำหรับพ้ืนท่ีทำงกำรเกษตร สะพำน กลอง เสำ เป็ นตน้ 3.ประโยชน์ของเปลือกตำล หรือส่วนท่ีเป็ น \"กะลำ\" นิยมนำไปใชท้ ำเป็ นเช้ือเพลิง เมื่อนำไป เขำ้ เตำเผำแลว้ จะไดถ้ ่ำนสีดำท่ีมีคำร์บอนสูงเป็ นพิเศษ และกำลงั เป็ นท่ีนิยมมำกในปัจจุบนั หรือจะนำมำใช้เป็ นกล่องหรือตลบั สำหรับเก็บส่ิงของเล็ก ๆ น้อย ๆ อยำ่ งเช่น เข็ม กระดุม เสน้ ยำสูบ ฯ 4.ประโยชน์ของใบตำล ใบอ่อนนำมำใชใ้ นกำรจกั สำน งำนฝี มือ หรือทำเป็ นของใชแ้ ละของ เล่นสำหรับเด็ก โดยสำนเป็ นรูปสัตวช์ นิดต่ำง ๆ ส่วนใบแก่นำไปใชท้ ำหลงั คำกนั แดดกนั ฝน มงุ หลงั คำ ทำเส่ือ สำนตะกร้อ ตะกร้ำ สำนกระเป๋ ำ ทำหมวก ทำลิ้นปี่ ทำแวน่ สำหรับทำน้ำตำล แวน่ ทำเช้ือเพลิง ฯลฯ หำกตดั ใบตำลเป็ นท่อนส้ัน ๆ ก็สำมำรถนำมำใชแ้ ทนชอ้ นเพื่อตกั ขนม หรืออำหำรไดช้ ว่ั ครำว และในประเทศอินเดียสมยั โบรำณมีกำรนำมำใชเ้ พื่อจำรึกตวั อกั ษรลง บนใบแทนกำรใชก้ ระดำษ หรือใชท้ ำตำลปัตร (พดั ยศ) ของพระสงฆใ์ นอดีต 5.ประโยชนข์ องทำงตำล หรือส่วนของกำ้ นใบตำล สำมำรถลอกผวิ ภำยนอกส่วนที่อยดู่ ำ้ นบน ที่เรียกวำ่ \"หนำ้ ตำล\" มำฟ่ันทำเป็ นเชือกสำหรับผกู หรือล่ำมววั และมีควำมเหนียวที่ดีมำกแม้ จะไม่ทนทำนเท่ำเชือกที่ทำจำกตน้ ปอหรือตน้ เส็งก็ตำม จึงเหมำะสำหรับกำรใชง้ ำนท่ีตอ้ งมี กำรตำกแดดตำกฝน ส่วนทำงตำลตอนโคน ที่อยตู่ ิดกบั ตน้ ตำลน้นั จะมีอยู่ 2 แฉก มีลกั ษณะ บำงและแบน หรือที่เรียกวำ่ \"ขำตำล\" สำมำรถนำมำตดั ใชเ้ ป็ นครำดหรือไมก้ วำด เพื่อใชก้ อบ สิ่งของท่ีเป็ นกอง อยำ่ งเช่น มูลววั ข้ีเถำ้ เมล็ดขำ้ ว เป็ นตน้ แต่หำกต่อดำ้ มหรือทำเป็ นกำบจะ เรียกว่ำ นอกจำกน้ีทำงตำลยงั สำมำรถนำมำใช้ทำเป็ นคอกสัตว์ ร้ัวบำ้ น ใช้ทำเป็ นเช้ือเพลิง หรือใชใ้ นงำนหตั ถกรรมจกั สำนหรืองำนฝีมือ เช่น กำรทำเป็ นกระเป๋ ำ หมวก ฯ
ประโยชน์ของตำล (ต่อ) 6.ประโยชน์ของลูกตำลโตนด ผลสำมำรถนำมำรับประทำนหรือใชท้ ำเป็ นขนมได้ (ผลเมื่อสุกแลว้ จะมีกลิ่นหอม) สำมำรถทำเป็ น \"ลูกตำลลอยแกว้ \" หัวลูกตำลอ่อน นำมำตม้ ใหส้ ุกใชร้ ับประทำนกบั น้ำพริกได้ หรือนำมำตม้ กบั น้ำปลำร้ำท่ีเรียกว่ำ \"ตม้ ปลำร้ำหวั ตำล\" ส่วนผลลกู ตำลสุกจะใชเ้ น้ือเยอื่ สีเหลืองที่หุม้ เมลด็ นำมำทำเป็ นขนมที่ เรียกวำ \"ขนมตำล\" ส่วนเมล็ดทิ้งไวจ้ นรำกงอก หำกทิ้งไวพ้ อสมควรจะมีเน้ือเยอ่ื ขำ้ ง ใน สำมำรถนำมำเชื่อมทำเป็ นขนมหรือท่ีเรียกวำ่ \"ลกู ตำลเชื่อม\" นอกจำกน้ียงั ใชผ้ สม กบั แป้ งทำเป็ นขนมหวำน จำวตำลเช่ือม ลูกตำลลอยแกว้ เป็ นตน้ ผลอ่อน หน่ออ่อน สำมำรถนำมำใชป้ ระกอบอำหำร ประเภทผดั ตม้ แกง ได้ 7.ประโยชนข์ องตำลโตนด เปลือกหุม้ ผลอ่อนนำมำใชป้ รุงอำหำรไดท้ ้งั คำวและหวำน เช่น อำหำรจำพวกยำ แกงเลียง ฯลฯ ส่วนเปลือกหุม้ ผลตำลจำกแหง้ ใชท้ ำเป็ นเช้ือเพลิง ได้ หรือจะค้นั เอำแต่น้ำของผลแก่ใชป้ รุงเพ่ือแต่งกลิ่นขนม นอกจำกน้ีผลตำลแก่ยงั สำมำรถนำมำใชเ้ ป็นอำหำรเล้ียงสตั ว์ เช่น หมู ววั ไดอ้ ีกดว้ ย 8.หำกเอำส่วนของหวั ตำลมำปอกผิวนอกออก แลว้ นำมำหน่ั ออกเป็ นชิ้นบำง ๆ จะได้ หวั ตำลออ่ น ท่ีนำไปใชป้ รุงเป็น \"แกงคว่ั หวั ตำล\" 9.ประโยชน์ของหัวตำลอ่อน นิยมนำไปลอยน้ำตำลใส ดว้ ยกำรตดั เฉพำะส่วนหัวลูก ตำลที่ค่อนขำ้ งอ่อนนำมำร้อยกบั เส้นตอกให้เป็ นพวง ประมำณพวงละ 7-10 หัว แลว้ นำไปลอยน้ำตำลใสท่ีกำลงั เคี่ยวเดือดในกระทะ เมื่อสุกแลว้ จึงนำข้ึนมำรับประทำนได้ 10.ประโยชนข์ องลอนตำล ตน้ ตำลตวั เมียจะมี \"ลกู ตำล\" ท่ีติดกนั เป็นทะลำย หำกยงั ไม่ แก่จดั จะนิยมตดั ลงมำท้งั ทะลำย แลว้ นำมำเฉำะเพื่อเอำ \"เตำ้ ตำล\" หรือ \"ลอนตำล\" นำมำใชร้ ับประทำนเป็ นผลไมไ้ ด้ โดยให้รสหอมหวำนและนุ่มเน้ือน่ำรับประทำน หรือจะแช่เยน็ ก่อนนำมำรับประทำนก็ใชไ้ ด้ หรือจะนำไปทำเป็ นขนมดว้ ยกำรตม้ กบั น้ำตำลทรำยทำเป็น \"ลอนตำลลอยแกว้ \" กไ็ ด้
ประโยชน์ของตำล (ต่อ) 11.ประโยชน์ของจำวตำล นิยมนำไปเชื่อมรับประทำนเป็ นของหวำน ดว้ ยกำร นำมำทำเป็น \"จำวตำลเชื่อม\" หรือท่ีนิยมเรียกวำ่ \"ลูกตำลเช่ือม\"มีท้งั กำรเช่ือมเปี ยก (จำวตำลจะฉ่ำน้ำตำล) และกำรเชื่อมแห้ง (จำวตำลจะมีเกล็ดน้ำตำลจับแข็ง สำมำรถเกบ็ ไวไ้ ดน้ ำน) หรือจะนำจำวตำลเชื่อมน้ำตำลโตนดชุบแป้ งทอด เป็นของ กินเล่นที่เรียกวำ่ \"โตนดทอด\" 12.ประโยชน์ของเมล็ดตำล สำมำรถนำมำใชร้ ับประทำนสด หรือใชท้ ำเป็ นขนม เป็นของหวำน หรือนำไปใส่ในแกงส้มหรือแกงเหลือง ส่วนเมลด็ ตำลสุกเม่ือนำไป ลำ้ งทำควำมสะอำดแลว้ นำไปตำกใหแ้ หง้ จะมีลกั ษณะเป็นฟฝู อยสวยงำมคลำ้ ยกบั ขนสัตว์ จึงนิยมนำไปใช้ทำเป็ นของเล่นสำหรับเด็กผหู้ ญิง ดว้ ยกำรใชห้ วีเพื่อจดั รูปทรงไดห้ ลำยแบบ คลำ้ ยกบั เป็ นช่ำงทำผม นอกจำกน้ียงั นำมำใชเ้ ผำถ่ำนไดอ้ ีก ดว้ ย 13.สำหรับลูกตำลอ่อน เรำจะนำส่วนที่ติดข้วั จุกและใจกลำงของลูกมำใชท้ ำเป็ น อำหำร หรือใชร้ ับประทำนแทนผกั 14.ประโยชน์ของงวงตำล (ช่อดอก) ใช้น้ำหวำนที่ได้จำกกำรปำดและนวด นำมำใชท้ ำเป็นเคร่ืองดื่มและน้ำตำล หรือทำเป็นน้ำตำลสด น้ำตำลเมำ น้ำตำลแวน่ น้ำตำลโตนด นอกจำกน้ียงั มีกำรใชช้ ่อดอกตวั ผนู้ ำมำตำกแหง้ ทำเป็นเช้ือเพลิง และ นำมำใชก้ ินต่ำงหมำกตน้ ตำลท้งั เพศผแู้ ละเพศเมียท่ียงั ไม่แก่เต็มท่ีจะให้น้ำตำลที่ สำมำรถนำมำทำเป็นน้ำตำลกอ้ นหรือน้ำตำลป๊ี บ 15.ปัจจุบนั มีกำรนำงวงตำลมำใชท้ ำเป็ นผลิตภณั ฑเ์ สริมอำหำรร่วมกบั สมุนไพร ชนิดอื่น ๆ ท่ีอยใู่ นรูปแบบแคปซูลเพือ่ ควำมสะดวกในกำรบริโภค โดยมีสรรพคุณ เป็นยำขบั พยำธิ แกพ้ ิษตำนซำง ทำใหจ้ ิตใจช่ืนบำน ฯลฯ
คุณค่ำทำงโภชนำกำรของลูกตำลอ่อน ต่อ 100 กรัม - พลงั งาน 47 กิโลแคลอรี - คาร์โบไฮเดรต 9.0 กรัมตาล - โปรตนี 0.5 กรัม - เส้นใย 0.5 กรัม - ไขมนั 1.0 กรัม - นา้ 88.5 กรัม - วิตามินบี 1 0.03 มิลลิกรัม - วติ ามินบี 2 0.01 มิลลิกรัม - วติ ามินบี 3 0.5 มิลลิกรัม - วติ ามินซี 2 มิลลกิ รัม - ธาตแุ คลเซยี ม 6 มิลลกิ รัม - ธาตเุ หลก็ 1.7 มิลลิกรัม - ธาตฟุ อสฟอรัส 20 มิลลิกรัม
คุณค่ำทำงโภชนำกำรของหน่อตำลออ่ น ต่อ 100 กรัม - พลงั งำน 103 กิโลแคลอรี - คำร์โบไฮเดรต 26.6 กรัมลูกตำลโตนด - โปรตีน 2.7 กรัม - เสน้ ใย 2.2 กรัม - ไขมนั 0.2 กรัม - น้ำ 69.5 กรัม - วิตำมินบี 1 0.05 มิลลิกรัม - วิตำมินบี 2 0.18 มิลลิกรัม - วิตำมินบี 3 0.9 มิลลิกรัม - วิตำมินซี 8 มิลลิกรัม - ธำตุแคลเซียม 18 มิลลิกรัม - ธำตุฟอสฟอรัส 140 มิลลิกรัม ขอ้ มลู จำก : กองโภชนำกำร กรมอนำมยั . ตำรำงแสดงคุณค่ำอำหำรไทยในส่วนที่กินได้ 100 กรัม
นิทำนเกี่ยวกบั ตน้ ตำล “กำลคร้ังหน่ึงนำนมำแลว้ ชำวเมืองเพชรเกิดปัญหำกบั ชำวสุพรรณ ท้งั สองฝ่ ำยต่ำงถกเถียงกัน ด้วยเร่ืองต้น ตำลโตนดวำ่ ใครมีมำกกวำ่ กนั ขอ้ พิพำทมีอยจู่ นในสุดก็ มำยตุ ิลงดว้ ยกำรนบั เงื่อนไขค้ ือ เมือท่ีมีต้นตำลมำกกว่ำ จะเป็ นผูช้ นะ เม่ือถึงวนั ตดั สินแต่ละเมืองก็ข้ึนไปบนท่ี สูงเพ่ือนับยอดตำล ชำวเพชรข้ึนไปบนยอดเขำวัง (สำหรับสุ พรรณไม่ทรำบว่ำข้ึนเขำอะไร เพรำะ แหล่งข่ำวไม่ไดบ้ อกว่ำ)เมื่อเอำจำนวนมำเปรียบเทียบ กนั ปรำกฏว่ำเมืองสุพรรณ มียอดตำล 99,999 ตน้ แต่ เมืองเพชรบุรี มียอดตำล 100,000 ตน้ ชนะเพียงตน้ เดียว ชำวสุพรรณไม่ยอมแพง้ ่ำยๆทำ้ พิสูจน์กนั ใหม่ ในท่ีสุด เป็ นอนั ว่ำตน้ ตำลของท้งั สองเมืองมีจำนวนเท่ำกนั แต่ ตน้ ตำลเมืองสุพรรณมียอดน้อยกว่ำเมืองเพชรหน่ึงยอด นิทำนเรื่องต้นตำลเมืองเพชรก็เป็ นอนั จบลงด้วยกำร ฉะน้ี”
อำ้ งอิง https://medthai.com ตำล สรรพคุณและประโยชนข์ องตน้ ตำล
จัดทำโดย... หอ้ งสมดุ ประชำชนอำเภอบำ้ นลำด ศนู ยก์ ำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอธั ยำศัยอำเภอบ้ำนลำด สำนกั งำนกศน. จังหวดั เพชรบุรี
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: