การละเลน่ วัวเทียมเกวียน อาเภอบา้ นลาด จังหวดั เพชรบรุ ี จัดทำโดย... หอ้ งสมดุ ประชำชนอำเภอบำ้ นลำด ศูนยก์ ำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอธั ยำศัยอำเภอบำ้ นลำด สำนักงำนกศน. จงั หวดั เพชรบุรี
\"ววั เทียมเกวียน” เป็ นท้งั เคร่ืองมือการเกษตร เป็ นภูมิปัญญา ดา้ นกีฬาพ้ืนบา้ น และเป็ นงานช่างฝี มือด้งั เดิมของคนเมืองเพชรบุรี แม้ปัจจุบันชาวเมืองเพชรบุรีจะไม่ได้ใช้ววั เทียมเกวียนในภาค การเกษตร และการบรรทุกขนส่งแลว้ แต่ยงั คงมีการอนุรักษว์ วั และ เกวียนเพื่อใชใ้ นกิจกรรมดา้ นศาสนา ศิลปวฒั นธรรม และกิจกรรม ทางสงั คม เช่นการแข่งขนั ววั เทียมเกวียน การนาววั เทียมเกวียน เขา้ ขบวนแห่แหนทางศาสนาและการท่องเที่ยว อยา่ งสม่าเสมอ ในอดีต \"ววั ” และ \"เกวียน” เป็ นสมบตั ิสาคญั ของชาวนาไทย โดยใชเ้ ป็ นเครื่องทุ่นแรงงานดา้ นการเกษตร ต้งั แต่ตน้ ฤดูการทานา ไปจนถึงการเก็บเก่ียว หนา้ ที่หลกั ของ \"ววั ” ไดแ้ ก่ การไถนา คราด นา เทียมเกวียนบรรทุกสิ่งของ การเข็นขา้ วเขา้ ลาน การนวดขา้ ว สุดทา้ ยววั ยงั เป็นอาหารใชบ้ ริโภค อีกท้งั หนงั กระดูก และเขาววั ยงั สามารถนาไปทาเคร่ืองประดบั ต่างๆ ได้ กระทง่ั ถึงยคุ ท่ีมีการใชเ้ คร่ืองจกั ร รถไถนา รวมถึงมีเทคโนโลยี ใหม่ๆ ทดแทนแรงงานคนและสัตว์ จึงทาให้ววั และเกวียนตอ้ งลด ความสาคญั ลง จากท่ีเคยทางานกลบั ถูกทิ้งร้าง เกวียนแปรสภาพไป เป็ นเคร่ืองประดับตกแต่งบ้านเรือน เป็ นเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ เก้าอ้ี ขณะที่ ววั ซ่ึงเป็ นววั ไทยพนั ธุ์พ้ืนเมือง ก็ลดหนา้ ท่ีลงเหลือเพียงใช้ ในการแข่งขนั กีฬาววั ลาน ววั เทียมไถ ววั สวยงาม และเป็ นเน้ือววั เพอ่ื การบริโภค แต่สาหรับ \"ววั ลาน” ถา้ เป็ นววั ฝี เทา้ ดี ก็จะยงั คงมีความสาคญั มีมูลค่าสูง ซ้ือขายกนั ตวั ละหลกั หมื่น หลกั แสน ไปจนถึงหลกั ลา้ น ไปเลยก็ยงั มี
ววั และเกวียน ค่อยๆ ถูกทิ้งร้างจากสังคมชาวเพชรบุรีเร่ือยมา กระทั่งในช่วงระยะเวลา ๓๐ ปี น้ี กลุ่มผูเ้ ล้ียงววั ในนาม \"ชมรม อนุรักษ์ววั เทียมเกวียน–เทียมไถ จังหวัดเพชรบุรี ราชบุรี และ กาญจนบุรี” ได้ร้ือฟ้ื นการใช้ววั เทียมเกวียนเพ่ือการอนุรักษ์ ผ่าน กิจกรรมรูปแบบต่างๆ เช่น กิจกรรมดา้ นสังคมและวฒั นธรรม งาน พิธีต่างๆ ขบวนแห่บวชนาค แห่ขนั หมาก แห่เทียนเขา้ พรรษา แห่ องค์กฐินผา้ ป่ า และกิจกรรมดา้ นการกีฬา นามาสู่การแข่งขนั \"ววั เทียมเกวียนชิงถว้ ยพระราชทานสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกมุ ารี” อนั เป็นสุดยอด ที่ทาง \"ชมรมกานนั ผใู้ หญ่บา้ นอาเภอ บา้ นลาด” จ.เพชรบุรี ร่วมกบั องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น หน่วยงาน ต่างๆ ในทอ้ งที่ และชาวอาเภอบา้ นลาดร่วมกนั จดั ข้ึนเป็ นประจาทุก ปี เป็นการสืบสานอนุรักษก์ ีฬาววั เทียมเกวียนของเมืองเพชรบุรีใหย้ งั ดารงคงอยถู่ ึงปัจจุบนั
เกวียน เป็ นพาหนะล้อเลื่อนประจาชาติไทยชนิดหน่ึง ที่ มี ลกั ษณะเด่นคือ ทาดว้ ยไมท้ ้งั คนั มีลอ้ ไม้ ๒ ลอ้ ใชค้ วายหรือววั เทียม ลกั ษณะนามว่า เล่ม ส่วนคาว่า \"เทียม” เป็ นคากิริยาหมายถึงการนา สัตวอ์ ยา่ งววั หรือควายมาเทียมคือการเชื่อมต่อเขา้ กบั ยานพาหนะ ทา หน้าที่ฉุดลากลอ้ ให้หมุนไปทางานต่างๆ เช่น ไถ คราด และบรรทุก เป็ นตน้ เกวียนแบ่งเป็ น ๒ ประเภท ตามแรงงานสัตวท์ ่ีใชเ้ ทียม ไดแ้ ก่ เกวียนววั และเกวียนควาย เกวียนววั มีขนาดเล็กและเต้ียกว่าเกวียน ควาย ภาพจาท่ีคนกรุงเทพฯ หรือใครๆ นึกถึงเสมอมกั เป็นเกวียนควาย ของชาวนาท่ีอื่นๆ เล่มสูงใหญ่ แต่เกวียนววั จะมีขนาดเล็กกว่าให้ เหมาะสมกบั กาลงั ววั ที่นอ้ ยกวา่ ควาย ไม้ท่ีนิยมใช้ทาเกวียนเป็ นไม้เน้ือแข็งคือ ไม้ประดู่ มีคุณสมบตั ิ ทนทาน ไสแต่งเน้ือไมไ้ ดง้ ่าย มีลวดลายที่สวยงาม พบตามป่ าเขาและ หวั ไร่ปลายนาทว่ั ไป รองลงมาคือ ไมแ้ ดง ไมส้ ักขี ช่างทาเกวียนตอ้ งมี ความรู้ในการเลือกไมว้ ่า ตน้ ไหน ท่อนใดเหมาะท่ีจะใชเ้ ป็ นชิ้นส่วน ประกอบเกวียนชิ้นใด เน่ืองจากส่วนประกอบของเกวียนแต่ละชิ้นมี ลกั ษณะท่ีแตกต่างกนั ออกไป ส้ันยาวไม่เท่ากนั คด โคง้ แอ่น งอ ไม่ เท่ากนั ดงั คากล่าวท่ีว่า \"หงิกๆ งอๆ ทาหางยาม กิ่งๆ ง่ามๆ ทาหวั หมู” ปัจจุบนั ช่างทาเกวียนในจงั หวดั เพชรบุรีเหลืออยู่ ประมาณ ๑๐ คน ใน จานวนน้ีมีช่างทาลอ้ เกวียนได้ ๓ คนเท่าน้นั เนื่องจากการทาลอ้ เกวียน น้นั ทายากกวา่ ชิ้นส่วนอ่ืนๆ
ลกั ษณะเด่นของเกวียนเพชรบุรี คือ มีความงดงามในดา้ นงาน ช่างฝี มือ \"งอนเกวียน” จะเลือกไมท้ ี่มีความอ่อนโคง้ เป็ นวงสวยงาม เรียกว่า \"งอนยอดผกั บุง้ ” หรือ \"งอนกะโหลก” อีกชิ้นส่วนหน่ึงที่มี ความแตกต่างจากเกวียนที่อื่น ไดแ้ ก่ \"ไมเ้ ทา้ แขน” เกวียนหน่ึงเล่มจะ ใชไ้ มเ้ ทา้ แขนจานวน ๔ ชิ้น ส่วนหัวของไมเ้ ทา้ แขนจะแกะสลกั เป็ น หวั งอน เรียกวา่ หวั นกเอ้ียง เป็นเอกลกั ษณ์ของเกวียนเพชรบุรี
ววั เทียมเกวยี นกบั หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ การละเล่นววั เทียมเกวยี น เป็นการแข่งขนั ประลองความเร็ว วา่ ววั คู่ใดจะมีฝีเทา้ ที่เร็วกวา่ คู่อื่นๆ โดยนาววั งานที่มีขนาดเท่ากนั จานวน ๒ ตวั มาเทียมเกวยี นในลกั ษณะเดียวกนั กบั การใชว้ วั ลากเกวยี นบรรทุก ของ แต่เกวียนเป็นเกวียนเปล่า และมีขนาดเลก็ กว่าเกวียนท่ีใชบ้ รรทุก ของทว่ั ไป ในการแข่งขนั จะแข่งกนั เป็นคู่ โดยเกวยี นที่เทียมววั คู่ท้งั สองเลม่ จะมาอยทู่ ่ีจุดเริ่มวง่ิ เรียกวา่ \"ต้งั ผงั ” จากน้นั คอยฟังสญั ญาณ โกรก (เคร่ืองใหเ้ สียงสญั ญาณหรืออาจเรียกวา่ เกราะ) แลว้ จึงเร่ิมวง่ิ ออกตวั ววั ก็จะวิ่งไปตามลู่ว่ิงโดยมีคนแทงปฏกั อยู่ดา้ นบนเป็ นคนคอย ควบคุมทิศทางการวิ่งและความเร็ว ววั ฝ่ ายใดถึงเส้นชยั ก่อนเป็ น ผู้ ชนะ โดยจะตอ้ งชนะกนั แบบขาดลาถา้ เกวียนสะกนั เรียกว่า \"เฉียบ” คือ เกวียนฝ่ ายหน่ึงลากเกวียนอีกฝ่ ายหน่ึงเขา้ เส้นชยั จะถือว่าผิดกติกา ท้งั สองฝ่ าย ตอ้ งทาการแข่งรอบใหม่
ในอดีตจงั หวดั เพชรบุรีมีสนามแข่งววั เทียมเกวียน กระจาย อยู่ทว่ั ไป เช่น วดั ต้นสนาม (วดั ร้าง) หัวสนาม ท้ายสนาม เป็ นต้น สนามววั เทียมเกวียน แบ่งออกเป็ น ๒ ลกั ษณะ กล่าวคือ สนามที่มีอยู่ โดยทว่ั ไป เช่น สนามบา้ นดอนจุฬา, สนามไร่ดอน ตาบลไร่ส้ม สนาม บา้ นใหม่, สนามโพธ์ิเรียง ตาบลโรงเข้ เป็นตน้ ประเภทที่ ๒ คือ สนาม กลาง สาหรับจดั การแข่งขนั เฉพาะกิจ เช่น สนามหนา้ เขาวงั สนามใน วงั บา้ นปื น สนามวดั ถ้าแกว้ เพ่ือการสมโภชในวาระเฉลิมฉลองต่างๆ นอกจากน้ีอาจจะพิจารณาปรับปรุ งสนามแต่ละหมู่บ้านข้ึนเป็ น สนามแข่งขนั เนื่องในโอกาสงานต่างๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ ง และเป็ นกิจกรรม ของตาบลน้ันๆ กระทง่ั ในยุคฟ้ื นฟูการแข่งขนั ววั เทียมเกวียนที่ทาง ชมรมกานนั ผูใ้ หญ่บา้ นอาเภอบา้ นลาดจดั ข้ึน ไดใ้ ชท้ ุ่งนาหลงั ฤดูการ เก็บเก่ียวเป็ นสนามการแข่งขนั ววั เทียมเกวียนลกั ษณะชว่ั คราว อาทิ สนามแข่งขนั ตาบลท่าเสน ตาบลถ้ารงค์ และสนามทุ่งทอง ตาบลท่า ชา้ ง อาเภอบา้ นลาด ในปัจจุบนั เป็นตน้
ตามประวตั ิศาสตร์ที่มีการบนั ทึกไวใ้ นจดหมายเหตุพระราชกิจ รายวนั รัชสมยั พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลที่ ๕ เม่ือคราวเสด็จประพาสเมืองเพชรบุรี ในปี จอ จุลศกั ราช ๑๒๔๘ (พ.ศ. ๒๔๒๙) พระยาเพชรบุรี ไดจ้ ดั แข่งววั เทียมเกวียนถวายทอดพระเนตร ณ ที่ประทบั ศาลานกั ขตั ฤกษ์ ซ่ึงต้งั อยบู่ ริเวณพระนครคีรี (เขาวงั ) ดา้ น ทิศตะวนั ออก ความวา่ \"...เวลาบ่าย ๕ โมง เสด็จพระราชดาเนินลงเชิงเขา ทรงมา้ พระที่ น่งั เสดจ็ พระราชดาเนินประพาสตลาด มีกระบวนรถเหมือนวนั ก่อน คร้ันเวลาย่าค่าเสด็จพระราชดาเนินกลบั ประทบั พลบั พลาไหล่เขา ช้นั ล่างดา้ นตะวนั ออก พระยาเพชรบุรีกรมการจดั รันแทะโคราษฎร ซ่ึงจะขบั แข่งกนั ถวายตวั ทอดพระเนตร รันแทะน้ันเตรียมไวม้ าก เลือกคดั เทียบกนั ในทอ้ งสนามแลว้ ปล่อยให้ขบั แข่งกนั เป็นคู่ๆ ๓ คู่ พระเจา้ อยหู่ วั ทอดพระเนตรอยจู่ นค่า รันแทะหน่ึงลม้ ทบั คนเจา้ ของ ป่ วยมากพระราชทานเงิน ๕ ตาลึง รางวลั คนเป็ นเจา้ ของที่ชนะคน ละ ๓ ตาลึง แพค้ นละ ๖ บาท เวลายา่ ค่าคร่ึงเสดจ็ ข้ึน”
\"ววั เทียมเกวียน” ในกฎหมายตราสามดวง และจดหมายเหตุ ราชกิจรายวนั รัชกาลที่ ๕ เรียกวา่ \"ววั รันแทะ” นอกจากน้ียงั พบหลกั ฐานว่าววั เทียมเกวียนของจงั หวดั เพชรบุรี ได้ เคยเขา้ ไปจดั แสดงท่ีทอ้ งสนามหลวง กรุงเทพมหานคร ในช่วงปี ใหม่ ไทยเทศกาลตรุ ษสงกรานต์ ปี พ .ศ. ๒๔๗๙–๒๔๘๐ ทาง กระทรวงมหาดไทยไดข้ อร้องมายงั จงั หวดั เพชรบุรี ให้ส่งการแสดง กีฬาพ้ืนบา้ นของเพชรบุรี ซ่ึงไม่มีในที่อื่น ไดแ้ ก่ ววั เกวียน และววั ระ ดอก (ววั ลาน) ไปแสดงให้ประชาชนชมที่ทอ้ งสนามหลวง (ทุ่งพระ เมรุ) ทางจงั หวดั ไดม้ อบหมายให้ นายเทพ โซ๊ะเหม เป็ นหวั หน้านาววั จากตาบลต่างๆ รวมกนั ประมาณ ๖๕ ตวั ไปแสดงในสนามจงั หวดั และจดั สรรค่าใชจ้ ่ายใหท้ ้งั หมด โดยเหมาตูร้ ถไฟบรรทุกววั ไปหลายตู้ พกั อยทู่ ่ีทุ่งพญาไท ช่างเมืองเพชรบุรีไดฝ้ ากฝี มือไวบ้ นภาพเขียนสีฝ่ นุ ววั เทียมเกวียนท่ี สวยงามไวห้ ลายแห่ง อาทิ จิตรกรรมฝาผนงั พระอุโบสถวดั มหาสมณา ราม (วดั เขาวงั ) ภาพคอสอง ศาลาการเปรียญวดั เกาะ ภาพคอสอง ศาลา การเปรียญวดั จนั ทราวาส อาเภอเมืองเพชรบุรี ภาพคอสอง วดั ปาก คลอง อาเภอบา้ นแหลม เป็นตน้
ววั เทียมเกวยี นชิงถว้ ยพระราชทานสมเดจ็ พระกนิษฐาธิราชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี และสุดยอดของ ววั เทียมเกวียน ในวนั น้ีคือ การแข่งขนั ววั เทียม เกวียน ชิงถว้ ยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจา้ กรมสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ถือเป็ นงานประจาปี ของ อาเภอบา้ นลาด จงั หวดั เพชรบุรี นาโดยนายอาเภอบา้ นลาด องค์กร ปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน เทศบาล อบต. กานัน และผูใ้ หญ่บา้ นในเขต พ้ืนท่ีอาเภอบา้ นลาด ซ่ึงจะจดั ให้มีการแข่งขนั ววั เทียมเกวียนในช่วง งาน พระนครคีรี - เมืองเพชร ราวเดือนกมุ ภาพนั ธ์ - มีนาคมของทุกปี
จุดเริ่มตน้ ของการร้ือฟ้ื นการแข่งขนั กีฬาววั เทียมเกวียน เร่ิมจาก \"ชมรมกานนั ผใู้ หญ่บา้ นอาเภอบา้ นลาด” องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น และประชาชนชาวอาเภอบา้ นลาดไดร้ ่วมกนั จดั งานววั เทียมเกวียนเป็น คร้ังแรก เม่ือปี พ.ศ. ๒๕๔๑ ณ ทุ่งนาสนามแข่งขนั ชว่ั คราว ริมถนน เพชรเกษม (ฝั่งขาล่องใต)้ บริเวณหลกั กิโลเมตรที่ ๑๗๓ ต.ท่าเสน อ. บา้ นลาด ในช่วง \"งานพระนครคีรีเมืองเพชร” คร้ังที่ ๑๗ ไดร้ ับความ นิยมจึงมีการจดั ต่อเนื่องทุกปี แต่ในคร้ังล่าสุดในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ สมยั น.ส. สุนีย์รัตน์ ภู่ขา นายอาเภอบ้านลาด คณะกรรมการจัดงานมี ความเห็นใหย้ า้ ยสถานท่ีจดั งานมาจดั เป็ นการเฉพาะที่ \"ทุ่งทอง” ต.ท่า ชา้ ง ร่วมกบั งาน \"บา้ นลาด ๑๐๑ ปี ” เป็ นงานประจาปี ใหม่ของอาเภอ บา้ นลาด เป็ นการนาภูมิปัญญาศิลปวฒั นธรรม วิถีชีวิตของชาวอาเภอ บา้ นลาดมาจดั แสดงร่วมกนั เป็นคร้ังแรก
จึงเป็นอนั วางใจไดร้ ะดบั หน่ึงว่า ววั เทียมเกวียน ภูมิปัญญาอนั ว่า ด้วยเร่ื องการเกษตร กีฬาพ้ืนบ้าน และช่างฝี มือ ของชาวจังหวัด เพชรบุรี ในวนั น้ีน้นั น่าจะไดร้ ับการสืบทอดต่อไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน อย่างไม่มีวนั หยุดย้งั ตราบเท่าท่ียงั เป็ นของดีของชาวอาเภอบา้ นลาด และจงั หวดั เพชรบุรี ต่อไปเช่นดงั ทุกวนั น้ี และพร้อมกนั กระทรวง วฒั นธรรม โดยกรมส่งเสริมวฒั นธรรม ได้ข้ึนบัญชีให้ \"ววั เทียม เกวียน” เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวฒั นธรรมของชาติ สนบั สนุนใหเ้ ป็น เกียรติเป็นศรีต่อไปในอีกดา้ นหน่ึงดว้ ย
เครื่องประดบั ววั นอกจากการแขง่ ขนั กีฬา ววั เทียมเกวยี นประเภทความเร็ว ที่เรียกกนั วา่ \"ววั เกวยี นเร็ว” แลว้ ยงั มีการจดั แสดงโชวแ์ ละประกวด ววั เทียมเกวยี น ประเภทสวยงาม หรือท่ีเรียกว่า \"ววั เกวียนงาม” โดยววั ที่นามาเทียม เกวียนจะมีความน่ิงและการประดบั ตกแต่งววั และเกวียนอยา่ งสวยงาม โดยมีชิ้นส่วนเคร่ืองประดบั ท่ีสาคญั ไดแ้ ก่ ๑. เขารอง ทาดว้ ยไหมพรมหลากสีถกั เป็ นลวดลายต่างๆ ใช้สาหรับ สวมเขาววั ท้งั ๒ ขา้ ง ทางปลายแหลมนิยมทาเป็นพไู่ หมพรม ๒. ผา้ สีต่างๆ แลว้ แต่จะหามาตกแต่ง ส่วนใหญ่นิยมผกู ผา้ น้นั เป็ นช่อ เลก็ ๆ ใชผ้ กู บริเวณโคนเขาบา้ ง คลอ้ งคอ และผกู ท่ีขอ้ เทา้ ของววั เป็นตน้ ๓. ออ้ ม หรือออ้ มเพชร หรือกะออ้ มเพชร ใชส้ าหรับคลอ้ งคอวัว ทา ดว้ ยผา้ ตดั ใหม้ ีความกวา้ งประมาณ ๒ นิ้ว มีความยาวรอบคอววั เยบ็ ซอ้ น กนั หลายๆ ช้นั จนแขง็ นาเพชรมาประดบั ตกแต่งลงบนผา้ ท่ีเยบ็ น้นั ปลาย ในตาแหน่งที่ผา้ มาบรรจบกนั นิยมทาเป็ นพู่กลมดว้ ยดา้ ยหลากสี ขนาด เท่าๆ กนั หลายลูก จดั เป็นช่อหอ้ ย ใหส้ วยงาม ๔. คาดเพชร ใชส้ าหรับคาดบริเวณหน้าผากววั ทาดว้ ยผา้ ตดั เยบ็ ใน ลกั ษณะเดียวกบั ออ้ มเพชร แต่บางกวา่ มีลกั ษณะเรียวตรงกลางเพื่อใหป้ ิ ด ทบั ในตาแหน่งของขวญั เดิม ๕. เชือกตะพาย เชือกตะพายน้ีจะถกั ดว้ ยไหมพรมหลากสีตลอดเส้น ใชส้ าหรับร้อยจมูกววั เพื่อใหจ้ บั หรือจูง ไดส้ ะดวก ๖. เครื่องประดับอื่นๆ เช่น ลูกกระพวน กระด่ิง ทาจากทองเหลือง เกราะทาจากไม้ ใชส้ าหรับหอ้ ยคอววั ทาใหเ้ กิดเสียงดงั
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: