Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Ubon

Ubon

Published by dewha45682, 2017-03-29 03:38:15

Description: Ubon

Search

Read the Text Version

อบุ ลราชธานีUBON RATCHATHANI

ประวตั ิณ รมิ ฝ่งั บรเิ วณของแมน่ ้ำมูลอนั เป็ นสำยน้ำทไี่ หลลงมำหลอ่ เล้ยี งบรรดำผูอ้ ำศยั อยูต่ ำมป่ ำดงในแถบนน้ั เมื่อรำว พ.ศ.2310 เจ้ำพระวอและเจำ้ พระตำสองพีน่ ้องเสนำบดีเมืองเวียงจนั ทน์ไดเ้ กดิเหตุขดั แย้งกบั เจ้ำศิริบุญสำรซึ่งเป็ นเจ้ำผูค้ รองนครเวีนงจนั ทน์จึงได้ชกั ชวนไพร่พลอพยพข้ำมฝ่ ังโขงหนีมำต้งั รกรำกอยู่ที่หนองบวั ลำภู และไดส้ รำ้ งป้ อมกอ่ กำแพงเมืองเสรมิ สรำ้ งควำมม่นั คงเพื่อเป็ นกำรป้ องกนั ตนเอง และได้ขนำนนำมเมืองน้ีว่ำ\"นครเขอื่ นขนั ฑ์กำบแกว้ บวั บำน\" (บำงทำ่ นเรยี กวำ่ หนองบวั ลำภูซึ่งอยู่ในเขตจงั หวดั อุดรธำนี แต่ปัจ จุ บัน ไ ด้ต้ัง ข้ึน เ ป็ น จัง ห วัดห น อ ง บั ว ล ำ ภู แ ล้ ว ) เมอื่ ควำมทรำบถงึ พระเจำ้ ศิรบิ ุญสำร ก็กลำ่ วหำว่ำเจ้ำพระวอกบั เจ้ำพระตำคดิ กำรกบฏ จึงได้จดั สง่ กองทพั ขำ้ มำปรำบ แตก่ ็ถูกไพร่พลของเจ้ำพระวอและเจ้ำพระตำตีแตกกลบั ไปทุกครง้ั และทำกำรสู้รบกนั อยถู่ งึ 3 ปี ฝ่ ำยเจำ้พระวอกบั เจำ้ พระตำเห็นวำ่ กำลงัของตนมีน้อย จึงได้ไปขอกำลงั ของกองทพั พม่ำให้มำช่วย แต่พมำ่ กลบั สง่ กำลงั ไปช่วยพระเจ้ำศริ บิ ุญสำรตีเมืองหนองบวั ลำภูหรือนครเขื่อนขนั ฑ์กำบแก้วบวั บำนแตก ทำให้เจ้ำพระตำเสยี ชีวติ ในทรี่ บ สว่ นเจำ้ พระวอกบั ไพรพ่ ลทเี่ หลอื ก็แตกหนีลงไปข อ ง พ่ึ ง เ จ้ ำ น ค ร จ ำ ป ำ ศั ก ดิ์ ตอ่ มำ เจำ้ พระวิเกดิ หมำงใจกบั พระเจ้ำองค์หลวงเจำ้ นคร

จำปำศกั ดิ์ จงึ ไดอ้ พยพยำ้ ยหนีกลบั ไปตง้ั ม่นั อยูท่ ดี่ อนมดแดง รมิฝ่ ังแม่น้ำมูล และมีหนังสือมำขอพึ่งพระบรมโพธิสมภำรพระบำทสมเดจ็ พระเจำ้ ตำกสนิ มหำรำช พระเจำ้ กรงุ ธนบุรี เมอื่ ปีพ.ศ.2319 เมือ่ พระเจำ้ ศริ บิ ุญสำรทรำบเรือ่ ง จงึ แตง่ ใหพ้ ระยำสุโพรีบคุมกองทพั มำตีเจ้ำพระวอทีด่ อนมดแดง แล้วล้อมจบั เจ้ำพ ร ะ ว อ ไ ด้ จึ ง ใ ห้ ป ร ะ ห ำ ร ชี วิ ต ทำ้ วก่ำ บุตรเจ้ำพระวอ ทำ้ วคำผง ทำ้ วทดิ พรหม บุตรเจ้ำพระตำหลบหนีไปได้ และแจ้งเรื่องมำยงั เมืองนครรำชสีมำให้นำควสำมกรำบบงั คมทูลพระเจ้ำกรุงธนบุรีเพือ่ ขอกำลงั ไปช่วยซ่ึงพระเจ้ำกรุงธนบุรีได้ทรงพระกรุณำโปรดเกล้ำฯ ให้สมเด็จเจ้ำพระยำมหำกษตั ริย์ศึกยกกองทพั ไปตีเมืองจำปำศกั ดิแ์ ละเวียงจนั ทน์ ในปี พ.ศ.2321 แล้วยึดเมืองท้งั สองไว้และได้อญั เชิญพระแก้วมรกตกบั พระบำงลงมำยงั กรุงธนบุรี พรอ้ มกบัคุมตวั เจ้ำนครจำปำศกั ดลิ์ งมำด้วย สมเด็จพระเจ้ำกรุงธนบุรีจึงโปรดฯ ใหเ้ จำ้ นครจำปำศกั ดกิ์ ลบั ไปครองจำปำศกั ดดิ์ งั เดมิ โดยเป็ นเ มือง ประเ ทศร ำชขึ้นตรง ต่อก รุงธนยุรีนับแต่น้ันม ำ สว่ นทำ้ วคำผง สมเด็จพระเจำ้ กรุงธนบุรีโปรดฯ ใหต้ ้งั เป็ นพระประทุมสุรรำชภกั ดี ขนึ้ กบั เมืองจำปำศกั ดิ์ ในปี พ.ศ.2323เมืองเขมรเกิดจลำจล พระประทุมฯ ท้ำวทิดพรหม และท้ำวคำสิงห์ ได้ร่วมยกทพั ไปปรำบพร้อมกบั สมเด็จเจ้ำพระยำมหำกษตั ริย์ศกึ แต่ก็เกิดเหตุกำรณ์ทำงกรุงธนบุรีเสียก่อน พระประทุ ม ฯ จึ ง ไ ด้ ติ ด ต ำ ม ก อ ง ทั พ ไ ป ยั ง ก รุ ง ธ น บุ รี ด้ ว ย คร้นั เมื่อสมเด็จพระยำมหำกษัตริย์ศึกได้ขึ้นครองรำชสมบตั แิ ลว้ พระประทุมฯจงึ ขอพระรำชทำนยำ้ ยครอบครวั ไปตง้ัภูมิลำเนำที่บ้ำนห้วยแจระแม (ใกล้กบั เมืองอุบลฯในปัจจุบนั )และทำ้ วคำสงิ หย์ ำ้ ยไปอยบู่ ำ้ นสงิ หโ์ คก สงิ ห์ทำ่

ต่อมำได้เกิดกบถอ้ำยเชียงแก้วชำวเมืองโขง ซึ่งแสดงตนเป็ นผวู้ เิ ศษ ยกกำลงั ไปลอ้ มเมืองจำปำศกั ดิ์ ขณะทเี่ จำ้ นครจำปำศกั ดิ์กำลงั ประชวรหนกั พระประทุมสุรรำชภกั ดแี ละทำ้ วฝ่ ำยหน้ำพำกนั ยกกำลงั ไปปรำบปะทะกบั อ้ำยเชียงแก้วทีแ่ ก่งตะนะ จบั อ้ำยเชียงแก้วได้จึงให้ประหำรชีวิต เพือ่ เป็ นบำเหน็จควำมชอบในกำรทำประโยชน์ตอ่ บำ้ นเมือง พระบำทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ ำจุฬำโลกจึงทรงพระกรุณำโปรดเกล้ำฯแต่งตง้ั ให้ท้ำวฝ่ ำยหน้ำบุตรเจำ้ พระตำเป็ นเจำ้ พระวไิ ชยรำชขตั ตวิ งศำ ครองนครจำปำศกั ดสิ์ ืบแทนพระเจำ้ องคห์ ลวง และใหพ้ ระประทมุ รำชภกั ดีเป็ นพระประทุมวรรำชสุริยวงศ์ยกฐำนะบ้ำนแจระแมขึ้นเป็ นเมืองอุบลรำชธำนีศรีวนำลยั เมื่อวนั จนั ทร์เดือน 8แรม 13 ค่ำ ปี ชวด พ.ศ.2335 ตอ่ มำพระประทุมฯเห็นวำ่ บำ้ นหว้ ยแจระแมไม่เหมำะทีจ่ ะตง้ัเป็ นเมืองใหญ่ จงึ ไดย้ ำ้ ยมำตง้ั บำ้ นเมอื งทตี่ ำบลบำ้ นรำ้ ง เรียกวำ่ ดงอูผ่ งึ้ รมิ ฝ่งั แมน่ ้ำมลู อนั เป็ นทตี่ ง้ั ของจงั หวดั อุบลรำชธำนีในปจั จุบนั พรอ้ มกบั ไดส้ รำ้ งพระอำรำมหลวงขน้ึ เป็ นวดั แรกอุบลรำชธำนี จึงเป็ นเมืองที่มีเขตกำรปกครองอย่ำงกวำ้ งขวำงทสี่ ุด ทำงดำ้ นตะวนั ออกของภำคอีสำนตอนลำ่ งครอบคลุมทีร่ ำบและแม่น้ำสำยสำคญั ของภำคอีสำนถงึ 3สำยดว้ ยกนั คอื แมน่ ้ำชี แมน่ ้ำมลู และแมน่ ้ำโขง อกี ทง้ั ยงัมีแม่น้ำสำยเล็กๆทีม่ ีกำเนิดจำกเทือกเขำในพื้นที่ เช่น ลำเ ซ บ ก ล ำ เ ซ บ ำ ย ล ำ โ ด ม ใ ห ญ่ เ ป็ น ต้ น แม่น้ำทง้ั หลำยเหล่ำนี้ไหลผ่ำนทีร่ ำบทำงด้ำนเหนือและทำงดำ้ นใตท้ อดเป็ นแนวยำวสปู่ ำกแมน่ ่ำมลู และแมน่ ้ำโขง ยงั ควำมอุดมสมบูรณ์ให้แก่พ้ืนที่ในบริเวณแถบนี้ท้งั หมด ทำให้เกิดสภำวะแวดล้อมที่เหมำะสมแก่กำรดำรงชีวติ ของมนุษย์และสตั ว์มำแตโ่ บรำณกำล

ภำยหลงั กำรกอ่ ตง้ั เมืองอุบลฯ แลว้ กไ็ ดม้ กี ำรตง้ั เมอื งสำคญั ในเขตปกครองของจงั หวดั อบุ ลรำชธำนีขนึ้ อกี หลำยเมอื ง เชน่ ในพ.ศ.2357 โปรดฯใหต้ ง้ั บำ้ นเจยี ง (โขงเจยี ม) โดยขน้ึ กบั นครจำปำศกั ดโิ์ คกพเนียง เป็ นเมอื งเขมรำฐธำนี ปี พ.ศ.2366 ยกบำ้ นนำกอ่ ขน้ึ เป็ นเมอื งโขง ปี พ.ศ. 2388 ในรชั กำลที่ 3 ทรงพระกรณุ ำโปรดเกลำ้ ฯยกบำ้ นชอ่ งนำงใหเ้ ป็ นเมอื งเสนำงคนคิ มยกบำ้ นน้ำโดมใหญข่ น้ึ เป็ นเมอื งเดชอุดม ใหห้ ลวงอภยั เป็ นหลวงยกบตั รหลวงมหำดไทยเป็ นหลวงปลดั ตง้ั หลวงธเิ บศร์เป็ นพระศรสี ุระ เป็ นเจำ้ เมอื ง รกั ษำรำชกำรแขวงเมอื งเดชอุดม ปี พ.ศ. 2390 ตง้ั บำ้ นดงกระชหุ รือบำ้ นไร่ ขนึ้ เป็ นเมอื งบวั กนั ตอ่ มำไดเ้ ปลยี่ นมำเป็ นเมืองบวั บุณฑรกิ หรอื อำเภอบุณฑรกิ ในปจั จุบนั ปี พ.ศ. 2401 ตง้ั บำ้ นคอ้ ใหญ่ ใหเ้ ป็ นเมอื ง ขอตง้ั ทำ้ วจนัทบรม เป็ นพระอมรอำนำจ เป็ นเจำ้ เมอื ง ตง้ั ทำ้ วบตุ ตะเป็ นอปุ ฮำด ใหท้ ำ้ วสงิ หรำชเป็ นรำชวงศ์ ทำ้ วสุรโิ ยเป็ นรำชบตุ รรกั ษำรำชกำรเมอื งอำนำจเจรญิ ขนึ้ กบั เมอื งเขมรำฐ ปี พ.ศ. 2406 ในรชั กำลที่ 4 ทรงพระกรุณำโปรดเกลำ้ ฯใหต้ ง้ั บำ้ นกวำ้ งลำชะโด ตำบลปำกมูล เป็ นเมอื งพบิ ลู มงั สำหำร และใหต้ ง้ั บำ้ นสะพอื เป็ นเมอื งตระกำรพืชผล ตง้ั ทำ้ วสุริยวงษ์ เป็ นพระอมรดลใจ เป็ นเจำ้ เมอื ง ปี พ.ศ. 2422 ในรชั กำลที่ 5 โปรดเกลำ้ ฯ ใหต้ ง้ั บำ้ นทำ่ยกั ขเุ ป็ นเมอื งชำนุมำนมณฑล และใหต้ ง้ั บำ้ นเผลำ (บำ้ นพระเหลำ) เป็ นเมอื งพนำนิคม ปี พ.ศ.2423 โปรดเกลำ้ ฯ ใหต้ ง้ั บำ้ นนำกอนจอ เป็ นเมอื งวำรนิ ชำรำบ ปี พ.ศ. 2424 โปรดเกลำ้ ฯ ใหต้ ง้ั บำ้ นจนั ลำนำโดม เป็ นเมอื งโดมประดษิ ฐ์ (ปจั จบุ นั เป็ นหมูบ่ ำ้ นทอี่ ำเภอน้ำยนื ) ปี พ.ศ.2425 โปรดเกลำ้ ฯ ใหต้ ง้ั บำ้ นทเี ป็ นเมอื งเกษมสีมำซง่ึ ตอ่ มำเปลยี่ นเป็ นอำเภอมว่ งสำมสบิ น่นั เอง

สญั ลกั ษณ์ และคำขวญั จงั หวดั อุบลรำชธำนีรูปดอกบวั ตมู และดอกบวับำน ชูชอ่ กำ้ นใบเหนือหนองน้ำเป็ นสญั ลกั ษณ์ ระลกึ ถงึชำวเมอื งหนองบวั ลำภู ในเขตจงั หวดั อดุ รธำนี..และเป็ นจงั หวดั หนองบวั ลำภูในปจั จบุ นั ภำยใตก้ ำรนำของพระวอ และบตุ รหลำนพระตำ ทอี่ พยพหนีภยั สงครำมกบั เมอื ง เวยี งจนั ทน์ ลงมำตง้ั รกรำกในเขตจงั หวดั อบุ ลรำชธำนี เมอื่ ประมำณ พ.ศ.2312 ตอ่ มำชมุ ชนไดร้ บั กำรยกฐำนะขน้ึ เป็ น \"เมอื งอบุ ลรำชธำนี ศรวี นำลยั \"เมอื่ วนั จนั ทร์..เดอื น 8 แรม 1 คำ่ ปี ชวด พ.ศ.2335 ในรชั กำลของพระบำทสมเด็จ

ธงประจำจงั หวดัดำ้ นบนของธง จะมีรูปดอกบวั สชี มพบู ำน ปกั อยบู่ นพน้ื สชี มพูดำ้ นลำ่ ง จะมอี กั ษรสขี ำว คำวำ่ \"อบุ ลรำชธำนี\" ปกั อยู่บนพื้นสเี ขยี วพระพุทธยอดฟ้ ำจุฬำโลกมหำรำชองคป์ ฐมบรมรำชจกั รีวงศ์คำขวญั ของ จงั หวดัอุบลรำชธำนี\"เมืองดอกบวั งำม แม่น้ำสองสีมีปลำแซบหลำย หำดทรำยแก่งหินถ่ินไทยนกั ปรำชญ์ ทวยรำษฎร์ใฝ่ ธรรมงำมล้ำเทียนพรรษำ ผำแตม้ ก่อนประวตั ิศำสตร์

เพลงประจำจงั หวดั อบุ ลรำชธำนีอุบลรำชธำนีน้ีไทยดีเมืองหน่ึง หำกอยถู่ ึงแดนแม่โขง ที่คดโคง้ ไหลไปเป็ นทำง ไหลไปหว่ำงกลำงไม่มีเหินไม่มีห่ำงพ่ีน้องไทยอย่ทู ำงพี่น้องลำวอยู่ทำง อุบลรำชธำนีน้ีเป็ นท่ีชุมนุม แห่งดอกโกสุมหรือเจำ้ ปทุมมำ น้ันคือดอกบวั บำนตระกำรกำ้ นใบมีดีอยำ่ งไรทว่ั แควน้ แดนไทยไม่นอ้ ยหนำ้ ใครไม่นอ้ ยหนำ้ ใคร ....รักษำคุณควำมดีเหมือนบวั มีสีร่ืนรมยก์ ลิ่นหอมช่ืนชม ภิรมยห์ ฤหรรกล่ินหอมบวั น้นั สุขสันตเ์ พิ่มพนู อยใู่ นแม่น้ำมูล น้นั เหมือนอุบลเป็ นสุข นิรำศทุกขป์ วงไทย อุบลน้นั ไซร้ถิ่นทองของไทย.

อำเภอในปัจจุบนั จงั หวดั อบุ ลรำชธำนีแบ่งเขตกำรปกครองออกเป็น 25 อำเภอ 219 ตำบล 2469 หมูบ่ ำ้ น ไดแ้ ก่1. อำเภอเมืองอุบลรำชธำนี 11 อำเภอกดุ ขำ้ วป้ ุน 21 อำเภอนำเยยี2. อำเภอรรีเมืองใหม่ 12 อำเภอม่วงสำมสิบ 22 อำเภอนำตำล3. อำเภอโขงเจียม 13 อำเภอวำรินชำรำบ 23 อำเภอเหล่ำเสือโกก้4. อำเภอเข่ืองใน 14 อำเภอพบิ ูลมงั สำหำร 24 อำเภอสวำ่ งวรี ะวงร์5. อำเภอเขมรำฐ 15 อำเภอตำลสุม 25 อำเภอน้ำข่นุ6 อำเภอเดชอุดม 16 อำเภอโพธ์ิไทร7 อำเภอนำจะหลวย 17 อำเภอสำโรง8 อำเภอน้ำยนื 18 อำเภอดอนมดแดง9 อำเภอบุณฑริก 19 อำเภอสิรินธร10 อำเภอตระกำรพืชผล 20 อำเภอทุ่งรรีอุดม

สถำนที่ท่องเท่ียว1).“หินชมนภำ” ดำว อ.นำหำดชมตำล จ.อุบลรำชธำนี เขำเล่ำวำ่ ...ณ หำดหินรูปทรงประหลำดอนั กวำ้ งใหญ่ ในฤดูน้ำโขงลด จะมีหินกลำงน้ ำจะผุดข้ึนมำให้เรำได้เห็น ชำวบ้ำนเช่ือกันว่ำให้หำหินน้ีให้เจอเพรำะจะเป็ นจุดชมทอ้ งฟ้ ำท่ีส่องแสงและสีสันได้สวยท่ีสุด ท้งัแสงแรกแห่ งรุ่ งอรุ ณและทะเลดวงดำว สวยระยบิ ระยบั เตม็ ทอ้ งฟ้ ำในยำมคืนขำ้ งแรม

2).วดั สิรินธรวรำรำมภูพร้ำว จ.อุบลรำชธำนี เม่ือควำมสวำ่ งจำกทอ้ งฟ้ ำเริ่มลำลบั สู่พลบค่ำ บริเวณดำ้ นหลงั อุโบสถของวดั เลก็ ๆ แห่งหน่ึงในจงั หวดั อุบลรำชธำนีกลบั ปรำกฏแสงเรืองรองข้ึนมำอยำ่ งน่ำอรั จรรยเ์ กิดจำกริลปกรรมตน้ ไมเ้ รืองแสงของวดั สิรินธรวรำรำมภพู ร้ำวท่ีคอ่ ยๆ เผยควำมพิเรษข้ึนมำทีละนอ้ ย จนกลำยเป็นUnseenThailandอีกแห่งที่ชวนคน้ หำนอกจำกน้ีวนั ธรวรำรำมภูพร้ำวยงั เป็นสถำนที่เหมำะสำหรับชมพระอำทิตยต์ ก และเฝ้ ำมองดูดวงดำวอยำ่ งงดงำม ซ่ึงหำกโชคดีจะพบฝงู ชำ้ งเผอื กเชือกใหญ่เปล่งประกำยบนทอ้ งฟ้ ำท่ำมกลำงบรรยำกำรเงียบสงบร่มรื่นท่ีอยู่ : ตำบลช่องแมก็ อำเภอสิรินธร อุบลรำชธำนี34350วนั เวลำเปิ ด-ปิ ด : เปิ ดทุกวนั ต้งั แต่เวลำ 08.00-17.00 น.

3). หำดชมดำว อย่ใู นบริเวณหมู่บำ้ นโนนตำล ตำบลนำตำลอำเภอนำตำล อำเภอที่ต้งั อยทู่ ำงทิรเหนือของจงั หวดั สำหรับจุดเด่นสำคญัของหำดชมดำวน้นัอ ยู่ท่ี ทิ ว ทัร น์ ท่ี มีควำมสวยงำมของแม่น้ำโขง บริเวณหำ ดมี แก่ งหิ นท่ี อ ยู่ใต้ลำน้ ำโข ง ซ่ึ งในช่วงฤดูน้ ำหลำกแ ก่ ง หิ น เ ห ล่ ำ น้ี จ ะจมอยใู่ ตแ้ ม่น้ำโขง และดว้ ยแรงน้ำวนกดั เซำะ ทำใหแ้ ก่งหินกลำยเป็นแอ่งเล็กใหญ่จำนวนมำก นกั ท่องเท่ียวหลำยคนที่มีโอกำสเดินทำงมำท่องเที่ยวหำดชม ดำวก็ต่ำงช่ืนชมว่ำหำดแห่งน้ีสวยงำมเทียบเท่ำสำมพนั โบกเลยทีเดียว ท่ีต้งั อ.นำตำล จ.อุบลรำชธำนี

4). ม หั ร จ ร ร ย์ เ มื อ ง หิ น แ ห่ ง ส ำ ม พั น โ บ กหน่ึงในสุดยอดแหล่งท่องเท่ียวของอุบลรำชธำนีท่ีวนั น้ีทุกคนตอ้ งมำเยอื นโดยเฉพำะในช่วงเดือนพฤรจิกำยน-เดือนมิถุนำยนของทุกปี หลงั สำยน้ำในแม่น้ำโขงลดลงจนเผยให้เห็ นเกำะแก่ งหิ นที่ ถูกกระแสน้ำขดั เกลำจนเกิดเ ป็ น ป ร ะ ติ ม ำ ก ร ร มธรรมชำติกินอำณำบริเวณกวำ้ งไกลสุดตำยตำ รำวกับเมืองแห่งควำมลับใต้บำดำลดูสวยงำมยำมตอ้ งแสงสีทองของดวงตะวนัไม่ว่ำจะเป็ นยำมเช้ำหรือเยน็ ย่ำ ลว้ นตรึงทุกสำยตำใหจ้ ดจ่อและด่ืมด่ำกบั ภำพน้นั ยำวนำนท่ีสุด คงไม่ผดิ นกั หำกเปรียบท่ีนี่ดงั \"แกรนดแ์ คนยอนเมืองไทย\" ดว้ ย \"โบก\"อนั เกิดจำกกระแสน้ำโขงไดก้ ดั เซำะหินทรำยจนกลำยเป็ นหลุมเป็ นแอ่งมำกมำยหลำยขนำด กลำยเป็นผลงำนสร้ำงสรรคจ์ ำกธรรมชำติอนั ไพรำลช่ือว่ำ\"สำมพนั โบก\" ซ่ึงจะพำทุกจินตนำกำรหลุดลอยไปกบั สำยน้ำ

5). ลกึ ลำ้ ดุจ \"ผำชัน\"จะมองเห็นผำชนั น้ีสูงใหญ่น่ำเกรงขำมผำชนั ยงั คงเป็ น \"อนั ซีน\" ของอุบลฯ ท่ียิ่งใหญ่ไม่แพส้ ำมพนัโบก เพียงแต่ยงัไ ม่ เ ป็ น ท่ี รู้ จักเท่ำน้ัน ลกั ษณะข อ ง ผ ำ ชั น เ กิ ดจำกกำรกดั เซำะของแม่น้ ำโขงมำนำนนบั ร้อยนบั พนั ปี เกิดร่องลึกลงไป คร้ันฤดูแลง้ น้ำโขงลดระดบั จึงมองเห็นเป็ นหุบเหวลึกน่ำห ว ำ ด เ สี ย ว ห ำ ก น่ั ง เ รื อ ล่ อ ง แ ม่ น้ ำ

6). ตะวนั ขนึ้ เหนอื ผำชนะไดผำชนะได ต้ังอยู่ในเขตป่ ำดงนำทำม คือจุดชมพระอำทิตยข์ ้ึนจุดแรกสุดในเมืองไทย เป็นชะง่อนผำที่ยื่นตระหง่ำนไปในฝั่งโขงในช่วงฤดูหนำวนอกจำกจะได้ทั ก ท ำ ย ด ว งต ะ วัน ส ำ ดแ ส ง เ ห นื อสำยน้ำโขงแลว้ ยงั เป็ นฤดูกำลบำนสะพร่ังของเหล่ำดอกไม้ป่ ำที่เบ่งบำนอวดสีสันรับสำยลมหนำว

7). นำ้ ตกแสงจันทร์ควำมพิเรษของน้ำตกแสงจนั ทร์คือธำรน้ำท่ีโปรยล ะ อ อ ง ผ่ำ น ช่ อ ง หิ น เ ป็ นสำยน้ ำสีขำวนวล ยิ่งในคืนว ัน เ พ็ญ ย ำ ม แ ส ง จัน ท ร์ ส ำ ดกระทบสำยน้ ำตกจะดูเป็ นประกำยสีนวลสวยงำมจบั ตำและเม่ือสำยน้ ำกระทบสู่ พ้ืนล่ำงด้วยแลว้ น้ำยงั กระจำยตวั เป็ นรูปหัวใจดูน่ำอรั จรรยย์ ง่ิ นกั

8). อทุ ยำนแห่งชำตผิ ำแต้มดินทำงต่อมำยงั ภูผำรกั ด์ิสิทธ์ิ ซ่ึงคร้ังหน่ึงชำวบำ้ นละแวกน้นั ไม่กล้ำกรำยกล้ำ จนปัจจุบันกลำยเป็ นอุทยำนแห่งชำติทำงซีกตะวนั ออกสุดของไทยในนำม \"ผำแตม้ \" ครอบคลุมพ้ืนที่อำเภอรรีเมืองใหม่ อำเภอโ ข ง เ จี ย ม แ ล ะอำเภอโพธ์ิไทร ท่ีน่ีเ ปิ ด ต้ อ น รั บผู้ม ำ เ ยื อ น เ ข้ ำ ไ ปสั ม ผั ส ค ว ำ มมหัรจรรยจ์ ำกธรรมชำติหลำกหลำยแง่มุม ต้งั แต่เสำเฉลียง ลำนหินกวำ้ ง ไปจนถึงภำพเขียนสีก่อนประวตั ิรำสตร์ตำมหน้ำผำตำ่ งๆ อยำ่ งน่ำรึกษำ

9). เขื่อนสิรินธร (พทั ยำนอ้ ย) จ.อุบลรำชธำนีเข่ือนสิรินธร เขื่อนสวยน่ำท่องเที่ยวที่มีควำมสวยงำม ควำมเงียบสงบร่มรื่นของภำยในบริเวณเข่ือนและอ่ำงเก็บน้ำ เป็ นส่ิงดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยว เดินทำงมำเท่ียวชมและพกั ผอ่ นหยอ่ นใจเป็นจำนวนมำก ท่ีนิยมกนั มำกคือกำรล่องเรือชมธรรมชำติและนอนแพริ ม น้ ำ น อ ก จ ำ ก น้ีเ ข่ื อ น สิ ริ น ธ ร ยัง มีสถำนที่เท่ียวยอดฮิตคือ พัทยำน้อย หรื อทะเลอีสำนใต้ จำกตวัเมือง 60 กิโลเมตรเป็ นบริ เวณริ มอ่ำงเก็บน้ำเป็ นพ้ืนทรำยกวำ้ งและยำวเข้ำไปกลำงน้ ำ ใ น ฤ ดู น้ ำ น้ อ ยระดบั น้ำเหนือเขื่อนสิรินธรต่ำลงมำกๆ จะเห็นเป็นหำดทรำยขำว สำมำรถลงเล่นน้ำไดก้ ำรเดนิ ทำง จำกตวั เมืองประมำณ 60 กิโลเมตร ตำมทำงหลวงหมำยเลข 217 แยกขวำท่ีกิโลเมตร 71 ไปอีก 500 เมตร ถึงเขื่อน-สิรินธร

10). หำดหงส์ (ทะเลทรำยเมืองไทย) จ.อุบลรำชธำนีหำดหงส์ เนินทรำยแม่น้ำโขงขนำดมหึมำเกิดจำกกำรพดั พำของน้ำและนำตะกอนทรำยมำทับถมกันจนลกั ษณะพ้ืนที่เป็ นพ้ืนทรำยกวำ้ งใหญ่ช่วงเวลำที่นิยมม ำ เ ที่ ย ว ห ำ ดห ง ส์ จ ะ เ ป็ นช่ ว ง เ ว ล ำ ใ นย ำ ม บ่ ำ ย แ ก่ ๆช่ ว ง ที่ พ ร ะอำทิตยใ์ กลล้ บั ขอบฟ้ ำ ซ่ึงจะเป็ นช่วงเวลำท่ีสวยงำมช่วงเวลำท่ีนิยมมำเที่ยวหำดหงส์จะเป็นช่วงเวลำในยำมบ่ำยแก่ๆ ช่วงท่ีพระอำทิตยใ์ กลล้ บั ขอบฟ้ ำ ซ่ึงจะเป็นช่วงเวลำที่สวยงำมมำก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook