Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สรุปเนื้อหาเทคโนโลยีสารสนเทศ

สรุปเนื้อหาเทคโนโลยีสารสนเทศ

Published by hi9tan, 2017-05-18 22:54:28

Description: สรุปเนื้อหาเทคโนโลยีสารสนเทศ

Keywords: สรุปเนื้อหาเทคโนโลยีสารสนเทศ

Search

Read the Text Version

สรปุ เนอ้ื หาวชิ า เทคโนโลยีสารสนเทศ สาหรบั การสอบโอเนต จัดทาโดย ครวู ชิ ัย พริ้งมาดี กลมุ่ สาระการงานฯ บทที่ 1 เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สารเทคโนโลยี คือ การนาความรู้ทางด้านวทิ ยาศาสตรม์ าประยุกตใ์ นการพัฒนาเคร่อื งมอืสารสนเทศ คอื ผลลัพธ์ที่เกดิ จากการนาขอ้ มลู มาผ่านกระบวนการต่างๆอยา่ งมรี ะบบและรวดเรว็ โดยอาศยั เทคโนโลยีดา้ นคอมพวิ เตอร์องคป์ ระกอบของเทคโนโลยี มี 5 องคป์ ระกอบไปดว้ ย 1. Hardware : ตัวเครอื่ งคอมพิวเตอร์และอุปกรณต์ อ่ พ่วงต่างๆ รวมถึงอปุ กรณท์ ี่ใชส้ าหรบั เช่ือมโยง 2. Software : โปรแกรมหรอื ชดุ คาส่งั ทใี่ ชค้ วบคุมการทางานของคอมพวิ เตอร์และฮาร์ดแวร์ตา่ งๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ แบง่ ได้ 2 ประเภทใหญๆ่ คือ ระบบปฏบิ ตั กิ าร (operating system : OS) เป็นซอฟต์แวร์ที่ทาหนา้ ท่ีควบคุมการทางานของอปุ กรณข์ องคอมพวิ เตอร์ โปรแกรมอรรถประโยชน์ : เปน็ โปรแกรมที่ชว่ ยเสรมิ การทางานของคอมพิวเตอร์ หรือช่วยโปรแกรมใชง้ านอืน่ ๆให้มีความสามารถใช้งานได้สะดวกและรวดเรว็ ยิ่งข้นึ 3. ข้อมูล : มกั จะถูกรวบรวมและป้อนเขา้ คอม โดยผ่านหนว่ ยรบั เข้า กอ่ นจะถูกยา้ ยไปที่หน่วยเก็บข้อมูล 4. ข้นั ตอนการปฏิบตั งิ าน : ระบบสารสนเทศต้องมีขน้ั ตอนการปฏบิ ัตงิ านทีเ่ ปน็ ลาดับอย่างชัดเจน เพ่ือใหผ้ ้ใู ชเ้ ขา้ ใจงา่ ย และการดาเนินงานอย่างมีประสทิ ธภิ าพ 5. บคุ ลากร : เปน็ องค์ประกอบสาคญั ที่สุด เพราะเปน็ ผ้พู ัฒนาระบบสารสนเทศ โดยต้องมีความรูค้ วามสามรถเพื่อทาใหร้ ะบบสารสนเทศนน้ั มีประสิทธิภาพ ตวั อย่างอาชีพทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารProgrammer : ทาหนา้ ท่ใี นการเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอรเ์ พ่ือใช้ในงานตา่ งๆSystem analysis : ทาหน้าท่ีวิเคราะห์และพฒั นาระบบสารสนเทศ โดยจะการจะทาการวเิ คราะห์ระบบงานและออกแบบระบบสารสนเทศใหต้ รงกับความต้องการของผใู้ ช้งานแต่ละกลุ่มDatabase administrator : ผบู้ ริหารจัดการฐานขอ้ มลู และออกแบบ บารุงรกั ษาข้อมูล รวมถึงการดแู ลระบบรกั ษาความปลอดภยั ของฐานข้อมลู เชน่ การกาหนดบัญชผี ู้ใช้System administrator : ผู้บรหิ ารและจดั การกับระบบคอมพวิ เตอรใ์ นองค์กร โดยดแู ลการติดตง้ั และบารุงรักษาโปรเซสเซอร์ รวมทั้งการติดตั้ง ปรับปรงุ ซอฟตแ์ วร์ และการออกแบบและรักษาความปลอดภยั ของบญั ชผี ู้ใช้Network administrator : ทาหนา้ ที่บริหารและออกแบบระบบเครือขา่ ยคอม และดแู ลความปลอดภยั ของระบบเครือข่ายองคก์ รWebmaster คือ ผูค้ วบคมุ ระบบเว็บไซต์ บรหิ ารจัดการทุกส่วนของเว็บไซต์นั้นๆ สรา้ ง ออกแบบ เว็บไซต์ ดแู ลระบบ และรับผิดชอบทุกสว่ นของเวบ็ ไซต์ อีกทั้งยังวางแผน ตลอดจนถึงการปรับปรงุ พัฒนาเว็บTechnician คือ ผูซ้ ่อมแซมบารุงรกั ษาเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ ตดิ จ้งั โปรแกรม ฮารด์ แวร์ รวมถงึ การแกป้ ัญหาที่เกิดจากการใช้งานอปุ กรณ์คอมพวิ เตอร์ในองค์กรGame maker คอื ผู้เขียนหรือพฒั นาโปรแกรมเกมคอมพวิ เตอร์

บทท่ี 2 ขอ้ มลู สารสนเทศ และความรู้ขอ้ มูล คอื สิ่งที่ใชอ้ ธิบายคุณลักษณะของวัตถุ เหตุการณ์ กิจกรรม โดยบันทึกจากการสงั เกต การทดลอง สารวจสารสนเทศ คือ ผลลพั ธ์ที่ได้จากการนาข้อมลู มาประมวลผล เพ่ือให้ไดส้ ิ่งทีเ่ ปน็ ประโยชนใ์ นการนาไปใช้งานมากข้นึลกั ษณะข้อมูลทด่ี ี ควรมลี กั ษณะดังนี้1.ความถูกต้องของข้อมลู 2.ความสมบรู ณ์ครบถ้วนในการนาไปใช้งาน3.ความถูกต้องตามเวลา 4. ความสอดคล้องกนั ของข้อมูลลาดับข้นั ของข้อมลู ในฐานข้อมลูลาดบั ชนั้ ล่างสดุ ของการแทนขอ้ มลู คือ การแทนข้อมลู ดว้ ยเลขฐานสอง ซ่งึ ประกอบดว้ ยตัวเลข2ตัว คือ 1และ 0ในทางคอมพวิ เตอร์จะเรียกตัวเลขฐานสองหนง่ึ หลกั น้วี ่า 1บิต ซ่งึ ถือว่าเปน็ หน่วยท่ีเล็กท่ีสดุ ของข้อมูล และหากนา 1 บิตมาตอ่ กนั 8 บติ จะเรียกว่า 1 ไบต์-เขตขอ้ มลู คอื หน่วยย่อยท่สี ุดทมี่ ีความหมายในฐานข้อมูล-ระเบียน คือ กลมุ่ ของเขตข้อมลู ทม่ี คี วามสัมพนั ธ์กัน ระเบียนแตล่ ะระเบียนจะประกอบดว้ ยขอ้ มูลท่เี หมอื นกนั-ตาราง คอื กลุ่มของระเบยี นซึง่ เขตข้อมูลในแตล่ ะระเบยี นจะเก็บข้อมลู ทมี่ คี วามสมั พนั ธ์กนั ในตารางจะเก็บข้อมูลหลายๆระเบียน แตล่ ะระเบียนจะมีโครงสร้างเหมือนกนั ในตาราง-ฐานขอ้ มูล เปน็ ที่รวมของหลายๆตารางเขา้ ไวด้ ้วยกนั โดยตารางแต่ละตารางจะมีความสมั พันธ์กันจรยิ ธรรมในโลกของข้อมูล1. ความเป็นส่วนตัว 2. สิทธใ์ิ นการเข้าถงึ ข้อมลู-มาตรา 5 ผใู้ ดเข้าถึงโดยมิชอบซง่ึ ระบบคอมพวิ เตอรท์ ม่ี ีมาตรการการป้องกันการเข้าถงึ โดยเฉพาะและมาตรการนน้ั มิได้มีไว้สาหรบั ตน ตอ้ งระวางโทษจาคุกไมเ่ กนิ หกเดือน หรือ ปรับไมเ่ กินหนึ่งหมื่นบาท หรือท้ังจาทง้ั ปรบั-มาตรา 7 ผู้ใดเขา้ ถึงโดยมชิ อบซ่งึ ข้อมูลคอมพวิ เตอร์ทีม่ ีมาตรการปอ้ งกนั การเข้าถงึ โดยเฉพาะและมาตรการนนั้ มไิ ด้มีไว้สาหรบั ตน ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสองปี หรอื ปรบั ไม่เกนิ สีห่ มน่ื บาท หรอื ทัง้ จาทั้งปรบั-มาตรา 8 ผ้ใู ดกระทาดว้ ยประการใดโดยมชิ อบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพ่ือดักรับไวซ้ ่งึ ข้อมูลคอมพิวเตอรข์ องผู้อื่นท่อี ยใู่ นระหว่างการส่งทางคอมพิวเตอร์และข้อมูลนน้ั ไม่ไดม้ ีไว้เพ่ือประโยชนส์ าธารณะหรือเพ่ือบุคคลทวั่ ไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ตอ้ งระวางโทษจาคุกไมเ่ กินสามปี หรอื ปรบั ไม่เกนิ หกหมน่ื บาท หรอื ท้งั จาทั้งปรบัจัดทาโดย ครวู ชิ ยั พร้งิ มาดี กลุ่มสาระการงานฯ

บทท่ี 3 คอมพิวเตอร์สว่ นบุคคล คอมพวิ เตอร์ คอื เปน็ อุปกรณ์ทป่ี ระกอบด้วยวงจรอเิ ล็กโทรนกิ สแ์ ละIC (Intergrated circuit) ซ่งึ สามารถจดจา ประมวลผลขอ้ มลู เปรียบเทยี บ ตดั สินใจทางตรรกศาสตร์ คานวณทางคณิตศาสตร์ ออกแบบงานกราฟกิ ได้ มัก ประกอบไปด้วย 5 หน่วยหลักๆ ดงั น้ี1. หน่วยรับเข้า : รับขอ้ มูลหรอื คาส่งั ต่างๆ จากผ้ใู ชผ้ ่านอุปกรณ์รับขอ้ มลู2. หนว่ ยประมวลผลกลาง : เป็นเหมอื นสมองของคอมพิวเตอร์ ทาหนา้ ทีป่ ระมวลผลข้อมูลหรือคาสง่ั ต่างๆ3. หนว่ ยความจา : เกบ็ โปรแกรมที่คอมพิวเตอรก์ าลงั ประมวลผล และเป็นทพี่ ักขงข้อมลู ระหวา่ งการประมวลผล4. หนว่ ยเก็บข้อมูล : เป็นท่เี ก็บข้อมูลแบบถาวรบนคอมพวิ เตอร์5. หน่วยส่งออก : แสดงหรือส่งข้อมลู ที่ไดจ้ ากการประมวลผลจาก CPU มาให้ผู้ใชง้ านทราบ อุปกรณใ์ นของคอมพิวเตอร์1. CPU : ลกั ษณะเปน็ ชิปขนาดเล็กภายในคอมพิวเตอร์ สรา้ งจากสารกง่ึ ตวั นา บรรจวุ งจรอิเลก็ โทรนกิ สม์ ากมาย หากเรยี กชิ ปอยา่ งเดียวมักนยิ มเรยี ก “ไมโครโพรเซสเซอร์”2. หน่วยความจา มักแบ่ง 2 กลมุ่ 1. รอม เปน็ หนว่ ยความจาแบบอา่ นได้อย่างเดียว ลบหรือเขียนขอ้ มูลใหม่ไมไ่ ด้ 2. แรม เปน็ หนว่ ยความจาแบบช่วั คราว แบ่งได้ 2 ประเภท คือ 1.SRAM พบในซีพยี ู ทาหน้าทเี่ ป็นหนว่ ยความจาในเครื่อง 2.DRAM ใชใ้ นหารจดจาข้อมลู ต่างๆที่อยู่ระหว่างการประมวลผล3. ระบบบสั : การสง่ ข้อมลู ในคอมพวิ เตอร์ จะอยู่ในรูปของสัญญาณไฟฟ้าทถ่ี ูกส่งผ่านระบบถา่ ยข้อมูลที่ เรียกว่า บสั ขนาดของบัส จะขึ้นอยู่กบั บิตที่สามารถถ่ายโอนข้อมลู ไดใ้ น1ครง้ั4. เมนบอร์ด : เปน็ แผงวงจรหลกั ของคอมพวิ เตอร์ โดยท่วั ไปชอ่ งสาหรบั ตดิ ตัง้ CPU และขั้วตอ่ อปุ กรณเ์ สริมภายใน5. ฮาร์ดดสิ ก์ : เป็นอปุ กรณ์ในการเก็บข้อมูล มีในอปุ กรณ์คอมพวิ เตอรห์ ลายๆแบบ เช่น คอมพวิ เตอร์ โน๊ตบ๊คุ ฯลฯ6. การ์ดแสดงผล : ทาหนา้ ทแี่ ปลงขอ้ มูลดิจิทัลหรอื คาส่ังท่ีส่งมาเป็นสญั ญาณส่งไปท่ีอุปกรณ์แสดงผลชนิดต่างๆ อาจอยู่ใน รปู แบบการด์ หรือติดมาแล้วกับแผงวงจรกไ็ ด้7. เคส : โดยทวั่ ไปแลว้ จะมลี ักษณะเปน็ กลอ่ งสเี่ หลย่ี ม ทาหน้าทเ่ี ป็นโครงร่างยึดให้กับอุปกรณภ์ ายในตา่ งๆ ท่ีประกอบกัน เปน็ เครื่องคอมพิวเตอร์ รวมถึงการป้องกนั ความเสียหายตา่ งๆที่อาจเกดิ กับตัวเครื่องได้ มีหลักการเลือกซ้ือโดย มักจะมรชอ่ งระบายความร้อน มพี น้ื ที่ทเ่ี พิ่มอปุ กรณ์เข้าไปได้8. หนา้ จอ ทน่ี ิยมในปัจจบุ นั น้ีมี 2 ประเภท -LCD : จอทีน่ ิยมใช้กันมาก จอบาง คุณภาพดี ราคาตา่ สมรรถนะสูง จอภาพผลึกเหลว (Liquid Crystal Display) อาศยั วัสดุประเภทผลึกเหลว (Liquid Crystal) ซ่ึงมีคุณสมบตั พิ ิเศษในการจัดเรยี งตัวกันเป็นช้นั ๆ และสามารถบิดหรือ เปลีย่ นทิศทางการเรียงตวั ได้เมือ่ อยใู่ นสนามไฟฟา้ มาบรรจุระหว่างผวิ กระจก โดยผิวกระจกด้านหน่งึ เคลือบวสั ดุผลึกเหลว ในแนวหนึง่ และฝ่งั ตรงขา้ มจะฝังดว้ ยผลกึ เหลวให้โมเลกลุ จดั เรียงตัวอีกแนวหนง่ึ คอื อย่ใู นแนวตั้งฉากกับฝัง่ ตรงข้าม เจ้า ผลกึ เหลวทบี่ รรจุอยรู่ ะหว่างผิวกระจกทั้งสองจะพยายามจดั เรียงตวั ใหส้ อดคล้องกับผวิ กระจกท้ังสองดา้ น โดยมันจัดเรียง ตัวเปน็ ชัน้ ๆ ให้แต่ละชน้ั ค่อยๆ บิดไปจนชนั้ สดุ ท้ายสามารถจดั ตวั ใหเ้ ข้ากบั ผิวกระจกได้พอดี -LED ยอ่ มาจาก Light-emitting-diod เปน็ จอภาพท่ีเป็นเทคโนโลยีใหม่ เป็นยคุ ถัดไปที่จะมาแทนที่แอลซดี ี เรยี กว่า จอภาพแบบโอแอลอดี ี(OLED) จะใช้หลอดแอลอีดมี าเรยี งรายกันบนพาแนลแลว้ ทาให้เกิดภาพดว้ ยการติด – ดับของ หลอดแอลซดี ีซงึ่ ก็ไดภ้ าพที่ตาเรามองเห็นออกมา

บทท่ี 4 ระบบเครอื ขา่ ยและการส่ือสาร บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ การติดต่อสอื่ สารเป็นสง่ิ สาคัญสาหรับมนษุ ย์ ระบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอรท์ าให้สามารถสอ่ื สารได้ไกลและรวดเรว็ ยิง่ ขึ้น ระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์มีการพฒั นาขน้ึ เปน็ ลาดับ จากแต่ก่อนมีเพยี งการเช่ือมต่อระหว่างเมนเฟรมกบั เทอรม์ ินัล หลายๆ เครือ่ ง ซึ่งคลา้ ยลักษณะ Server to Clients ในปจั จุบันไดม้ ีการพฒั นาระบบแบบ Peer to Peer คอื ระหวา่ ง คอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่อง โดยไมแ่ บ่งแยกผ้ใู ห้ รับบริการ ทาให้สะดวกในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ติดต่อส่ือสาร โดยมี มาตรฐานสาหรับเช่ือมต่อคอมพิวเตอรจ์ ากผผู้ ลิตตา่ งๆ ให้เขา้ กันได้ ประโยชนข์ องระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์มีดงั น้ี -สร้างบรกิ ารรปู แบบใหม่ๆ -ความสะดวกในการแบ่งปนั ข้อมลู -ความถูกต้องของข้อมลู -ความเร็วในการรบั สง่ ข้อมูล -ความสะดวกในการแบ่งทรพั ยากร เช่น เคร่อื งพมิ พ์ อุปกรณเ์ สรมิ ตา่ งๆ ใชร้ ว่ มกนั ได้ -ความสะดวกในการประสานงาน -ขยายบริการขององค์กร -ประหยดั ค่าใชจ้ ่ายในการส่งขอ้ มลู ระบบการส่ือสารข้อมลู มอี งคป์ ระกอบดังนี้ 1 ข้อมูล ข่าวสาร 2. ผ้สู ่ง 3. ผรู้ ับ 4. ส่อื กลางในการส่ง 5. โพรโทคอล คือกฏเกณฑ์ ระเบียบต่างๆ ในการสง่ ข้อมูลให้ เปน็ มาตรฐานเดยี วกันระหว่างผรู้ ับและผสู้ ่ง การสง่ ข้อมูลในระบบการสื่อสารใช้สัญญาณอยู่สองแบบ คอื 1.อะนาลอก คอื สัญญาณที่มี แอมพลจิ ูด เปน็ คา่ เปลยี่ นแปลงต่อเนื่อง 2.ดจิ ติ อล คอื สญั ญาณทีค่ ่าแอมพลจิ ดู ไมต่ ่อเนื่อง ในปจั จุบันมีระดับแคส่ องระดบั คือ 0 กบั 1 ระบบการส่ือสารต้องมีการแปลงสัญญาณจากแบบหนึง่ เปน็ อีกแบบ เพื่อใหเ้ หมาะสมกับการใช้งาน ด้วยอุปกรณ์แปลง สัญญาณ เช่น โมเด็ม การถา่ ยโอนขอ้ มูล แบง่ ไดเ้ ป็นสองแบบคือ1. แบบขนาน สง่ ข้อมูลทีละหลายบิต (หลายหนว่ ย) โดยต้องใช้สื่อที่มีหลายชอ่ งทาง มคี วามรวดเร็วกว่า แต่สิ้นเปลืองกวา่ เพราะต้องใชส้ อื่ ขนาดใหญ่ มักใช้กบั การสือ่ สารระยะสั้นๆ เชน่ ในเครอื่ งคอมพวิ เตอรเ์ ครื่องเดยี ว2. แบบอนกุ รม สง่ ข้อมลู ทีละบิต ซึ่งจะต้องเปล่ียนข้อมลู ใหเ้ ป็นอนกุ รม เปน็ ลาดบั และมีกลไกแปลงกลบั เปน็ ชุดข้อมูล เพอื่ ให้รับและแปลความหมายได้ ช้ากว่าการส่งแบบขนาน แตส่ ่งได้ไกลกวา่ ประหยดั กว่า ลักษณะการรบั ส่งข้อมูล1. สอ่ื สารทางเดียว สง่ ได้ทางเดยี ว สลบั ไม่ได้2. สอื่ สารสองทางครง่ึ อัตรา คือสลบั กนั สง่ ข้อมลู3. สอ่ื สารสองทางเตม็ อตั รา คือส่งข้อมูลไปกลับไดต้ ลอด ส่ือกลางในการสง่ ข้อมลู 1.สายสง่ สัญญาณ เชน่ สายค่บู ดิ เกลยี ว สายโคแอกซ์ ไฟเบอรอ์ อปติก ซ่ึงไฟเบอรอ์ อปตกิ ใช้แสงแทนไฟฟา้ 2.ส่ือแบบไร้สาย เช่น อินฟราเรด ใช้เช่อื มตอ่ ระยะใกล้ ไมโครเวฟ ใช้สือ่ สารระยะไกล คลน่ื วิทยุ ซึง่ กระจายสญั ญาณไปได้ ทว่ั ถงึ ใช้ได้ท้ังใกล้ไกล และเชื่อมต่อเครือข่ายไดม้ ากกว่า ดาวเทยี มส่อื สาร ใช้กับระบบสัญญาณไมโครเวฟ เพ่ือเพิม่ ระยะ ในการส่ือสาร รวมถงึ ใช้กับระบบ GPS เครอ่ื ข่ายคอมพวิ เตอร์ PAN เครือขา่ ยสว่ นบคุ คล เชื่อมต่อคอมพวิ เตอรแ์ ละอุปกรณ์ต่างๆ ของผ้ใู ช้ LAN เครือข่ายเฉพาะที่ เชือ่ มตอ่ คอมพวิ เตอร์หรือเครือข่ายย่อยในบ้าน MAN เช่ือมต่อเครือขา่ ยในเมือง หรอื ระหวา่ งอาคาร ใช้สื่อไรส้ าย WAN เช่ือมต่อข้ามจงั หวัด ข้ามประเทศ ลักษณะเครอื ข่าย Client-Sever มีผู้รับ ผู้ให้บรกิ ารแบง่ แยกกัน Peer-to-Peer เป็นได้ทัง้ ผใู้ ห้และรับบรกิ าร แลกเปลย่ี นข้อมลู อยา่ งเท่าเทียม

รปู รา่ งเครือขา่ ยBus มีสายสง่ สญั ญาณกลางสายเดยี ว อุปกรณ์ทงั้ หมดต่อเรียงกันไปRing เช่ือมอุปกรณเ์ ปน็ วงแหวน สง่ ข้อมลู ได้ทางเดยี วStar มศี นู ย์กลางการเช่อื มต่ออันเดียว เชอื่ มกับอุปกรณ์ต่างๆ โดยใช้ switching hub ตัวกระจายสญั ญาณMesh เช่อื มตอ่ อปุ กรณ์ทกุ ตัวเข้าดว้ ยกัน โดยมี Router คอยจัดเสน้ ทางโพรโทคอลกฎกตกิ าที่ใช้เปน็ มาตรฐานในการส่ือสารข้อมูลระหว่างผูร้ ับสารและผ้สู ง่ สาร เรียกวา่ โพรโทคอลโปรโตคอล มาตรฐานแบบใช้สายและไรส้ าย เชน่ ทซี ีพี/ไอพี ไวไฟ ไออาร์ดเี อ บลูททูอุปกรณ์การสอ่ื สาร หน้าที่รบั และสง่ ข้อมลู จากอุปกรณ์ส่งและรับขอ้ มูล โดยมกี ารผา่ นสื่อกลางสัญญานทีส่ ่งออกไปอาจอญใู่ นรูปแบบ digital หรือ analogอปุ กรณ์การสอื่ สารประเภทต่างๆที่มีใชใ้ นปัจจบุ นั เช่น1.โมเดม็ อปุ กรณแ์ ลงสัญญาณดจิ ิตลั เป็นสัญญาณอนาลอ็ ก - โมเดม็ แบบหมุนโทรศัพท์ เป็นโมเดม็ ที่ต่อเข้ากบั ผใู้ หบ้ ริการอนิ เทอรเ์ นต็ ผ่าน สายโทรศัพท์ - ดิจติ ัลโมเดม็ เปน็ โมเด็มท่ใี ช้รับและส่งข้อมลู ผา่ นสายเช่อื มสญั ญาณแบบดจิ ติ ลั2.การ์ดแลน เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมระหว่างคอมพวิ เตอรก์ ับสายตัวนาสัญญาณทาให้คอมพวิ เตอร์สามารถรบั ส่งข้อมลู กบัระบบเครือข่ายได้3.HUB เป็นอปุ กรณ์ทร่ี วมสญั ญาณมาจากอปุ กรณร์ ับสง่ หลายๆเคร่อื งเข้าดว้ ยกนั4.สวิตช์ เปน็ อุปกรณร์ วมสญั ญาณที่มาจากอุปกรณร์ ับสง่ หรือคอมพวิ เตอร์เชน่ เดยี วกบั HUB แต่ข้อแตกตา่ ง คือไม่กระจายไปยงั ทุกจดุ เหมือน HUB5.อปุ กรณจ์ ัดเส้นทาง เปน็ อุปกรณท์ ใี่ ช้งานในการเชื่อมโยงเครือข่ายหลายเครือข่ายเข้าดว้ ยกันดังนั้นจึงมีเส้นทางการเข้าออกของข้อมลู ไดห้ ลายเสน้ ทาง6.จุดเชอ่ื มตอ่ แบบไรส้ าย ทาหนา้ ที่คลา้ ยกบั HUB ของเครือขา่ ยแบบใช้สายเพ่ือใช้สาหรบั ติดต่อสอ่ื สารระหว่างอุปกรณ์ไร้สาย ขอ้ มูลจะถูกส่งผา่ นคลน่ื วทิ ยุความถ่ีสูง

บทท่ี 5 อนิ เทอรเ์ นต็5.1 อินเทอรเ์ น็ต 5.1.1 อินเทอร์เน็ต หมายถึง เครือข่ายขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในระดับต่างๆไว้ด้วยกันทาให้ข้อมลู สารสนเทศ สินคา้ บรกิ ารสามารถเข้าถงึ ได้จากคอมพิวเตอร์อ่ืนๆ 5.1.2 โครงสรา้ งพนื้ ฐานของอินเทอร์เน็ต ประกอบด้วยเครือข่ายระดับท้องถ่ิน ระดับภูมิภาคและระดับชาติ โดยจะมีการเช่ือมต่อกับเครือข่ายอื่นด้วยความเร็วและคุณภาพที่แตกต่างกัน ข้ึนอยู่กับรูปแบบการสื่อสาร และส่ือที่ใช้เช่อื มโยง 5.1.3 การเข้าถึงอินเทอร์เนต็ โดยการใชโ้ มเดม็ ผ่านสายโทรศัพท์ บรอดแบนด์อนิ เทอรเ์ น็ต เช่น ASDL เคเบิลโมเด็ม อินเทอรเ์ นต็ แบบไร้สาย เช่น ไวไฟ อนิ เทอร์เนต็ ผ่านดาวเทยี ม -ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ISP ให้บริการโดยคิดค่าบริการเป็นรายเดือน ผู้ให้บริการในประเทศไทย เช่น TOT CSลอ็ กอินโฟ กสท โทรคมนาคม ทีทีแอนด์ทแี ละสามารถเทลคอม อีกทง้ั ยงั มบี ริการเสรมิ อกี ดว้ ย 5.1.4การตดิ ต่อสื่อสารบนอินเทอร์เน็ต สามารถเช่ือมต่อคอมพิวเตอร์ท่แี ตกตา่ งกันได้โดยใช้ TCP/IPเลขทอ่ี ยไู่ อพีคือหมายเลขอา้ งอิงประกอบด้วยเลข 4 ชุด แยกกันดว้ ยเคร่อื งหมายจุดแตล่ ะเลขไอพจี ะไม่ซ้ากนั เลย ระบบชื่อโดเมน คอื แปลงเลขเลขที่อยู่ไอพีให้เปน็ ชอื่ โดเมนในรูปแบบชอื่ ย่อภาษาอังกฤษหลายส่วนค่นั ดว้ ยจุด5.2 เวิลดไ์ วล์เวบ็ เป็นการให้บริการข้อมูลแบบไฮเปอร์เท็กซ์ประกอบด้วยเอกสรจานวนมาเช่ือมต่อกัน เข้าถึงได้ผ่านโพรโทคอลท่ีเรยี กว่า HTTP -เว็บเพจ หนา้ เอกสารท่ีเขียนในรูปแบบHTML เชอ่ื มโยงไปยังเอกสารหนา้ อนื่ ได้ -เว็บไซด์ กลุ่มของเว็บเพจที่เกี่ยวขอ้ งกัน อยู่ในระบบโดเมนเดยี วกนั -เวบ็ เซิร์ฟเวอร์ เปน็ คอมพวิ เตอร์ทใี่ ห้บริการเว็บเพจ โดยใช้ URL ระบุตาแหน่งเวบ็ เพจ 5.2.1 การเรยี กดูเว็บ เวบ็ บราวเซอร์ เป็นโปรแกรมใช้สาหรับแสดงเว็บเพจ และเชื่อมโยงเว็บเพจเข้าด้วยกัน เช่นMozilla firefox Microsoft Internet Explorer Apple Safari Google chrome และ opera 5.2.2 ที่อย่เู วบ็ โพรโทคอล –ใชร้ ะบมุ าตรฐานทีใ่ ช้ในการแลกเปลีย่ นข้อมลู ผ่านเว็บ ช่อื โดเมน -ใช้ระบุช่ือโดเมนของเวบ็ เซิร์ฟเวอรข์ องผใู้ หบ้ รกิ ารข้อมูล เสน้ ทางการเข้าถึงไฟล์ -ใช้ระบตุ าแหนง่ ของไฟล์จากเว็บเซิร์ฟเวอร์ ชอื่ ขอ้ มลู -ชอื่ ไฟล์ที่รอ้ งขอ 5.2.3 การค้นหาผา่ นเว็บ โปรแกรมค้นหา ใช้สาหรบั เว็บเพจท่ตี ้องการโดยนะบุคาหลักหรอื คาสาคัญ เพ่ือนาไปค้นในฐานข้อมลู สามรถให้บริการตามประเภทหรือแหล่งข้อมูล ตัวดาเนินการในการค้นหา ช่วยใหผ้ ลลพั ธใ์ นการค้นหาดียิ่งข้ึน 5.2.4 เวบ็ 1.0 2.0 และ 3.0 เว็บ 1.0 เป็นเว็บในยุคเร่ิมต้นและยังคงมีให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน มักมีรูปแบบของไฟล์เป็นนามสกุลเป็น .htm และ.html ทาหน้าที่ให้ขอ้ มูลข่าวสารในแบบส่อื สารทางเดียว (One Way Communication) เจ้าของเว็บไซต์หรือผู้ส่งสารจะเป็นผู้กาหนดเนื้อหาเองท้ังหมด และต้องมีความรู้พื้นฐานการทาเว็บและยากที่จะแบ่งปันส่งต่อเน้ือหาออกไป ผู้ใช้หรือผรู้ บั สารมีหนา้ ทีร่ ับร้ขู า่ วสารเพยี งอย่างเดยี วไม่สามารถโตต้ อบได้ เว็บ 2.0 เป็นเว็บในปัจจุบันท่ีมีการใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อเขียนบล็อก (Blog), แชร์รูปภาพ, ร่วมเขียนวีกี (Wiki),แสดงความคดิ เหน็ (Post Comment), พูดคุย ถกเถียง นินทา ประจาน ใส่ร้าย ท้ังจากเจ้าของเว็บไซต์ หรือจากคนที่เข้ามาใช้งานเวบ็ ไซต์ ใหค้ วามสาคัญกบั ผเู้ ขา้ ชมเวบ็ ไซต์ โดยที่ผู้เข้าชมเว็บไซต์จะมีส่วนร่วมต่อเว็บไซต์มากขึ้น ไม่ใช่แค่เข้ามาชมเว็บไซต์ท่ีเจ้าของเว็บจัดทาขึ้นเท่าน้ัน สามารถออกความคิดเห็น ทาให้ข้อมูลในเว็บไซต์น้ันมีการ update และพัฒนาปรับปรุง อย่างรวดเร็ว กลายเป็นเว็บไซต์ ทีม่ รี ปู แบบของการสื่อสารเปน็ แบบสองทาง

เว็บ 3.0 เป็นเว็บในยุคอนาคตอันใกล้ คือ เว็บที่มีการพัฒนาการต่อจากเว็บ 2.0 ความแตกต่างคือสร้างความฉลาดเทยี มให้กับส่งิ ไมม่ ชี วี ิตใชเ้ ป็นเครอ่ื งมอื ชว่ ยคาดเดาพฤติกรรม วิเคราะห์ความต้องการของมนุษย์ เมื่อได้ข้อมูลน้ันมาระบบจะประมวลผลอย่างมีเหตุผลพร้อมทั้งแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า สร้างสิ่งที่ต้องการให้ผู้ใช้เว็บไซต์มีการเช่ือมโยงเน้อื หาสมั พนั ธท์ ีม่ คี วามสมั พันธ์กนั กบั แหล่งข้อมลู อ่นื ๆ เป็นเครือข่ายเดียวท่ัวโลก5.3 บริการบนอินเทอร์เน็ต1.ไปรษณีย์อเิ ลก็ ทรอนิกส์ หรอื อีเมล์ (e-mail)2.การส่ือสารในเวลาจริง (real time communication) ไดแ้ ก่ แชท (chat) ห้องคยุ (Voice over IP: VoIP)3 เว็บไซตเ์ ครือขา่ ยทางสังคม บล็อก (blog) 4.ไมโครบล็อก 5. วกิ ิ (wiki)6. อารเ์ อสเอส (Really Simple Syndication:RSS) 7. พาณชิ ย์อิเล็กทรอนกิ ส์ (electronic commerceโปรแกรมที่ไมพ่ ึงประสงคแ์ ฝงมากับข้อมูลที่อยบู่ นเครือขา่ ยคอมฯ เรียกว่า มลั แวร์ สรา้ งข้ึนเพอ่ื รบกวนระบบคอม ไวรัส โปรแกรมท่ีเขียนขึ้นเพื่อสร้างความราคาญและอาจทาลายระบบคอมพิวเตอร์ทั้งระบบ โดยจะแนบโปรแกรมแปลกปลอมเขา้ ไปกบั โปรแกรมอ่นื แพรจ่ ากคอมพวิ เตอรเ์ ครอ่ื งหนง่ึ ไปอีกเคร่ืองหนงึ่ เวิร์ม สามารถคัดลอกตัวเองไปคอมพิวเตอร์เคร่ืองอ่ืนได้ทันที โดยอาศัยการเจาะผ่านช่องโหว่ของเครือข่ายคอมฯ กีดขวางการทางานของระบบปฏบิ ตั ิการใหช้ า้ ลงหรือหยุดทางาน ม้าโทรจัน เขา้ สู่คอมพวิ เตอร์เครื่องอืน่ โดยแอบแฝงตัวเป็นโปรแกรมอื่น สปายแวร์ โปรแกรมคอยติดตาม รายงานข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนบนอินเทอร์เน็ต หรือทาการเปล่ียนการต้ังค่าของเบราเซอรใ์ หม่ ทาใหป้ ระสทิ ธภิ าพการทางานช้าลง เช่น คียล์ อ็ กเกอร์ แอดแวร์ โปรแกรมแอบแฝง เม่อื โปรแกรมได้รบั การดาวน์โหลดแลว้ จะแสดงหน้าต่างป๊อปอพั ออกมาเป็นระยะๆ สแปม เช้ระบบสง่ อีเมลส่งขอ้ ความไมพ่ งึ ประสงค์ให้กับผู้ใช้จานวนมาก เช่นการสง่ ขอ้ ความโฆษณาขายสินคา้5.5 ผลกระทบจากการใชง้ านอินเทอรเ์ นต็1. ปัญหาสุขภาพและความสัมพันธ์ทางสงั คม 2. ปัญหาการลอ่ ลวงทางสังคม3.ปัญหาอาชญากรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ มีผู้ใช้อินเทอร์เนต็ เปน็ ช่องทางในการก่ออาชญากรรมหลายรูปแบบ เช่นเจาะระบบรกั ษาความปลอดภัย ขโมยขอ้ มูลสว่ นตัว หรือการเผยแพร่ภาพอนาจาร บทที่ 6 หลกั การแกป้ ัญหาด้วยคอมพิวเตอร์ วิธกี ารแก้ปัญหาประกอบดว้ ย 4 ขนั้ ตอน ดังนี้1) การวเิ คราะห์และกาหนดรายละเอยี ดของปัญหา2) การเลอื กเครือ่ งมือ และออกแบบขนั้ ตอนวธิ ีในการแก้ปญั หา3) การดาเนนิ การแก้ปญั หา4) การตรวจสอบ และปรับปรงุ วิธีการ (1) การวิเคราะห์ และกาหนดรายละเอียดของปญั หา การวิเคราะห์ และกาหนดรายละเอยี ดของปัญหา มีองคป์ ระกอบ ดังนี้ 1.1) การระบุขอ้ มลู ออก ข้อมูลออกหรือคาตอบ คอื สิ่งท่โี จทย์ต้องการในการแกป้ ัญหาด้วยคอมพิวเตอร์ จาเปน็ ต้องระบุใหช้ ัดเจนว่า ต้องการผลลพั ธอ์ ย่างไร และต้องแสดงออกมาในรูปแบบใด 1.2) การระบุข้อมูลเขา้ ข้อมูลเข้า คือ ข้อมลู เรมิ่ ตน้ หรือเงื่อนไขที่โจทย์กาหนดให้ ผแู้ ก้ปัญหาต้องใช้ข้อมลู เหล่านีใ้ นการประมวลผล เพ่ือให้ไดผ้ ลลัพธต์ ามตอ้ งการ 1.3) รายละเอยี ดของปัญหา รายละเอียดของปัญหา คือ การพจิ ารณาความต้องการของปัญหา

(2) การเลือกเครอ่ื งมือ และการออกแบบข้นั ตอนวิธใี นการแก้ปญั หา ในการแกป้ ญั หาดว้ ยคอมพิวเตอร์นัน้ การออกแบบวธิ แี กป้ ัญหาอย่างเป็นขั้นตอน และเข้าใจงา่ ยเป็นสิง่ สาคัญมาก เพราะ จะทาใหส้ ามารถเขียนโปรแกรมไดง้ า่ ยขน้ึ เคร่อื งมอื ที่ใชใ้ นการออกแบบขนั้ ตอนแก้ปัญหา เชน่ รหัสลาลอง(pseudocode) คือ การอธิบายด้วยคาพดู ส้นั ๆเปน็ ขนั้ ตอน หรอื ผังงาน(flowchart) คอื การใชส้ ัญลักษณ์ในการแสดงขั้นตอนการแก้ปญั หา ซึ่งวธิ ีเหล่านี้มขี ้อดี คือ สามารถตรวจสอบความถูกต้อง หาจุดผดิ และแก้ไขขัน้ ตอนการแกป้ ญั หาท่ีซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว(3) การดาเนนิ การแกป้ ัญหา เปน็ ขน้ั ตอนการใชโ้ ปรแกรมประยุกต์ หรือเขยี นโปรแกรมข้ึนเองโดยใชภ้ าษาคอมพวิ เตอร์ ซึง่ ตอ้ งอาศยั ความเชีย่ วชาญในการใช้โปรแกรมหรือภาษาคอมพิวเตอร์นัน้ ๆ(4) การตรวจสอบ และปรับปรุงวธิ กี าร เปน็ การตรวจสอบให้แน่ใจว่า วธิ กี ารแก้ปัญหา และโปรแกรมทพี่ ัฒนาขนึ้ มผี ลลัพธ์ถูกต้อง ซึ่งหากมีความถูกต้องแลว้ อาจต้องปรบั ปรุงวิธีแก้ปัญหาใหม้ ีประสิทธภิ าพมากที่สดุ6.2 เครือ่ งมือทใ่ี ชใ้ นการออกแบบ และขน้ั ตอนวิธใี นการแก้ปัญหา เคร่อื งมือท่ีใชใ้ นการออกแบบวิธแี ก้ปัญหามี 2 ลกั ษณะ คอื 1) รหัสลาลองเป็นการใช้คาบรรยายเพ่ืออธิบายข้นั ตอนการแก้ปัญหา มีข้อดี คือ เขียนงา่ ย คานึงถงึ เพยี งวิธีแก้ปัญหาไม่มรี ูปแบบที่แน่นอน 2) ผังงาน เป็นการอธิบายข้นั ตอนการแก้ปัญหาโดยใชส้ ญั ลักษณ์มาเรยี งต่อกนั โดยจะมคี าอธบายสนั้ ๆเพิ่มเติมในรูปซึง่ มีรายละเอียด และความหมายของแตล่ ะสัญลักษณ์ ดังน้ี6.3 โครงสร้างการเขียนโปรแกรม กอ่ นการเขียนโปรแกรมผู้เขยี นจะตอ้ งเลือกภาษาคอมพิวเตอร์ที่จะนามาใช้ในการเขยี นโปรแกรม โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆในการทางาน ซงึ่ แต่ละภาษาจะมีรปู แบบการทางานต่างกัน แตท่ ุกภาษาตอ้ งมีโครงสร้างควบคมุ หลักทงั้ 3 แบบ ไดแ้ ก่ โครงสรา้ งแบบลาดับ โครงสร้างแบบทางเลือก และโครงสรา้ งแบบวนซ้า1) โครงสร้างแบบลาดับ (sequential structure)โครงสรา้ งแบบเรียงลาดับ เม่ือเขียนเป็นผงั งาน จะมีกระบวนการทางานพน้ื ฐานอยู่ 3 ชนดิ ดงั นี้ 1. การคานวณ เปน็ กระบวนการทค่ี อมพิวเตอร์ประมวลผล รวมถึงการกาหนดค่าตัวแปร 2. การรบั ขอ้ มูลเข้า เป็นการรบั ข้อมูลจากอุปกรณ์ของหนว่ ยรับเข้า 3. การส่งขอ้ มูลออก เป็นการนาคา่ ข้อมูลไปแสดงผลยงั อปุ กรณข์ องหน่วยสง่ ออก2) โครงสร้างแบบทางเลือก (selection structure) เปน็ การแก้ปัญหาซ่งึ ต้องมีการตดั สินใจ เพ่ือเลือกวา่ จะต้องใชว้ ธิ กี ารใด โดยต้องมีการตรวจสอบเง่ือนไขว่าเป็นจรง หรือเท็จ ถ้าเป็นจรงิ จะเลือกทาคาสงั่ ชดุ หน่งึ ถา้ เปน็ เท็จจะเลือกทาคาสงั่ อีกชุดหนง่ึ ซึ่งชดุ คาสั่งเหล่าน้ีจะประกอบดว้ ยโครงสรา้ งแบบลาดับนนั่ เอง3) โครงสรา้ งแบบวนซา้ (repetition structure) เป็นการแกป้ ัญหาท่ีต้องมีการทางานในบางคาสัง่ ซ้ากนั มากกวา่ หนงึ่ รอบขึน้ ไป ซ่งึ โครงสร้างน้จี ะต้องมีการตัดสินใจรวมอยูด่ ้วยเสมอ เพ่ือเปน็ เง่ือนไขวา่ เมือ่ ใดจะทาการวนซ้า หรอื เมือ่ ใดจะหยุดการวนซ้า สรปุ เนือ้ หาวชิ า เทคโนโลยีสารสนเทศ ง 31101 จัดทาโดย ครวู ิชัย พริ้งมาดี กล่มุ สาระการงานฯ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook