คำถำม จำนวน 5 ขอ้ ม 1. ให้นกั เรียนยกตัวอย่างความสมั พนั ธ์แบบภาวะลา่ เหยื่อ มา 2 ตวั อยา่ ง 2. ใหน้ กั เรยี นยกตวั อยา่ งความสัมพนั ธ์แบบภาวะอิงอาศัย มา 2 ตัวอยา่ ง 3. ให้นกั เรยี นยกตัวอยา่ งความสัมพันธแ์ บบภาวะพึง่ พา มา 2 ตวั อย่าง 4. ให้นักเรียนยกตวั อยา่ งความสมั พนั ธ์แบบภาวะปรสติ มา 2 ตัวอย่าง 5. ให้นักเรียนยกตัวอย่างความสมั พันธแ์ บบไดป้ ระโยชน์ รว่ มกัน มา 2 ตวั อยา่ ง
ความสมั พันธร์ ะหวา่ งส่งิ มชี วี ิตต่างชนิดในระบบนิเวศเดียวกนั แบง่ เป็น 7 แบบ ดังนี้ 1. ความสัมพนั ธ์แบบพง่ึ พา 2. ความสมั พันธแ์ บบไดป้ ระโยชนร์ ว่ มกัน 3. ความสมั พนั ธแ์ บบองิ อาศัย หรอื ความสมั พันธแ์ บบเกอ้ื กูล 4. ความสัมพันธ์แบบปรสิต 5. ความสมั พนั ธแ์ บบล่าเหยอ่ื 6. ความสัมพนั ธแ์ บบแข่งขนั 7. ความสมั พนั ธแ์ บบเป็นกลางต่อกัน
1. ความสมั พันธแ์ บบพง่ึ พา ความสัมพันธแ์ บบพง่ึ พา (+,+) หมายถึง การอยู่รว่ มกันของส่ิงมีชวี ิต 2 ชนิด โดยต่างกไ็ ด้รับประโยชน์ซึง่ กนั และกนั หากแยกกนั อยูจ่ ะไม่ สามารถดารงชีวติ ต่อไปได้ เช่น - ไลเคนส์ : สาหร่ายอย่รู ่วมกบั รา สาหรา่ ยได้รับความช้นื และแร่ ธาตจุ ากรา ราจะได้รบั อาหาร และออกซเิ จนจากสาหร่าย - โพรโทซัวในลาไส้ปลวก - แบคทเี รียในลาไส้ใหญ่ของมนุษย์ - แบคทีเรียในปมรากพืชตระกลู ถ่วั - ราในรากพืชตระกูลสน
ความสมั พนั ธ์แบบไดป้ ระโยชน์รว่ มกนั (+ ,+ ) หมายถงึ การอยรู่ ว่ มกันของสงิ่ มชี วี ิต 2 ชนดิ โดยก็ไดร้ ับ ประโยชน์ซ่งึ กนั และกนั แมแ้ ยกกนั อยู่กส็ ามารถดารงชวี ติ ได้ ตามปกติ เชน่ - ผึ้งและดอกไม้ : ผ้ึงกินน้าหวานจากดอกไมเ้ ปน็ อาหาร ขณะที่ ดอกไมไ้ ด้ผง้ึ เหล่าน้ี ชว่ ยผสมเกสรและแพร่ขยายพนั ธุ์ - ปูเสฉวนและดอกไมท้ ะเล : ดอกไมท้ ะเลเกาะอยบู่ นเปลือก ปเู สฉวนเพือ่ ช่วยพรางตวั และป้องกันภยั อนั ตราย ขณะเดยี วกนั ปูเสฉวนก็ชว่ ยนาพาดอกไมท้ ะเลเคล่อื นท่ีไปดว้ ย เพอ่ื หาแหลง่ อาหารใหม่
ความสมั พันธ์แบบองิ อาศยั หรือความสมั พนั ธ์แบบเก้ือกูล (+ , 0) หมายถงึ การอยรู่ ว่ มกันของสิง่ มชี วี ิต 2 ชนดิ โดยฝ่ายหนึ่งได้ประโยชน์ อีกฝ่ายหน่งึ ไมไ่ ด้และไมเ่ สียประโยชน์ เชน่ - ฉลามและเหาฉลาม (Remora) : เหาฉลามเกาะตดิ กบั ฉลาม เพื่อกิน เศษอาหารพรอ้ มกบั การไดร้ บั การปกป้องคุ้มครองจากฉลาม โดยฉลาม ไมไ่ ด้รบั และไมเ่ สียประโยชนใ์ ด ๆ จากการอยู่ร่วมกัน - พชื องิ อาศยั : กระเชา้ สีดา หรอื เฟริ น์ เปน็ พชื ท่มี กั เกาะอย่ตู ามต้นไม้ ใหญ่เพือ่ ใชเ้ ปน็ แหล่งพกั พิงอาศัย ขอแบ่งปันรม่ เงาและความช้นื โดยท่ี ต้นไม้ใหญไ่ ม่ได้ประโยชนแ์ ละก็ไม่เสียประโยชน์ใด ๆ จากการอยรู่ ว่ มกัน
ความสัมพันธแ์ บบปรสติ (+ , -) หมายถึง การอยู่ ร่วมกันของสิ่งมชี วี ิต 2 ชนดิ โดยฝ่ายหน่งึ ได้ประโยชน์ เรียกว่า ปรสิต อีกฝา่ ยหนึ่งเสียประโยชนเ์ รียกว่าผถู้ ูก อาศัย เชน่ - เห็บ เหา ไร หมดั บนร่างกายสตั ว์ - พยาธิ ในรา่ งกายสตั ว์
ความสมั พันธ์แบบลา่ เหยือ่ (+ , -) หมายถงึ การอยรู่ ่วมกนั ของสง่ิ มชี วี ติ โดยฝ่ายหน่งึ จบั อกี ฝา่ ยหนง่ึ เปน็ อาหาร เรยี กวา่ ผ้ลู ่า ส่วนฝา่ ยทถี่ ูกจับ เป็นอาหารหรอื ถูกลา่ เรียกวา่ เหย่อื เช่น นกกินแมลง : นกเป็นผู้ลา่ ส่วนแมลงเปน็ เหย่ือ เสือกนิ กวาง : เสือเปน็ ผลู้ า่ ส่วนกวางเปน็ เหยอ่ื
ความสัมพันธแ์ บบแขง่ ขนั (- ,-) หมายถงึ การอยู่ ร่วมกนั ของสง่ิ มชี ีวติ ทีม่ กี ารแยง่ ปจั จยั ในการดารง ชีพเหมอื นกันจึงทาให้เสยี ประโยชน์ท้ังสองฝา่ ย เช่น เสือ , สิงโต , สนุ ขั ป่าแยง่ ชิงกันครอบครองท่ี อยอู่ าศัย หรืออาหารพืชหลายชนดิ ทเ่ี จริญอยใู่ น บรเิ วณเดยี วกนั
ความสัมพันธแ์ บบเป็นกลางตอ่ กัน (0 , 0) หมายถึง เป็นการอยู่ร่วมกันของสงิ่ มชี ีวิตที่เปน็ อิสระต่อกนั จงึ ไม่มฝี า่ ยหน่ึงฝ่ายใดได้หรือเสยี ประโยชน์ เชน่ นกกับกระตา่ ยในทงุ่ หญ้า ผเี สื้อ กบั ลงิ มดกบั ผ้ึง
ความสัมพนั ธ์ของส่ิงมีชวี ติ ไดป้ ระโยชน์ทั้งสองฝ่ายแตเ่ ม่ือแยกออกจากกันก็ยงั สามารถดารงชีวติ ได้ตามปกติ เรยี กว่า ภาวะได้ประโยชน์รว่ มกัน แต่ถา้ แยกออกจากกัน แลว้ ไมส่ ามารถดารงชวี ติ ตอ่ ได้ เรยี กวา่ ภาวะพง่ึ พา ฝา่ ยหนึง่ ได้ประโยชน์แตอ่ กี ฝา่ ยไม่ไดป้ ระโยชน์และไม่เสยี ประโยชน์ เรยี กว่า ภาวะองิ อาศยั ฝา่ ยหนงึ่ ไดป้ ระโยชนแ์ ละอีกฝา่ ยเสียประโยชน์ ฝ่ายทไ่ี ดป้ ระโยชนจ์ ะเปน็ ผลู้ ่า ส่วนฝ่ายเสยี ประโยชน์จะเปน็ ผถู้ ูกลา่ กินเป็นอาหาร เรยี กวา่ ภาวะล่าเหย่อื แต่ ถา้ ส่งิ มชี วี ติ หน่งึ ไปอาศัยอย่กู ับสิง่ มชี วี ิตหนึ่ง โดยผอู้ าศยั ได้ประโยชน์ และผถู้ ูก อาศัยเสียประโยชน์ เราเรียกวา่ ภาวะปรสิต
จบการนาเสนอ
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: